เทคนิคการระเบิดซูมเป็นสุดยอดวิธีในการแต่งแต้มความตื่นเต้น
และความเคลื่อนไหวให้แก่ภาพถ่ายของคุณ
เทคนิคนี้ยังช่วยให้คุณสร้างสรรค์ภาพแนวนามธรรมที่แพรวพราวได้อีกด้วย Andrea
Thompson จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีการใช้เทคนิคนี้
เมื่อเดือนที่แล้วเราได้เรียนรู้วิธีการแพนกล้อง
เพื่อเพิ่มความรู้สึกของการเคลื่อนไหวในการถ่ายกีฬาและสัตว์ป่า
และอีกวิธีที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายภาพด้วยความไวชัตเตอร์ต่ำ
ที่จะช่วยแต่งเติมความตื่นเต้นและความเคลื่อนไหว
ให้แก่ภาพถ่ายของคุณก็คือเทคนิคการระเบิดซูม
เทคนิคนี้เกิดขึ้นจากการซูมเลนส์แบบแมนวลจากสุดความยาวโฟกัสหนึ่ง
ไปสู่อีกสุดความยาวโฟกัสหนึ่งในขณะที่กล้องกำลังเปิดรับแสงอยู่
ภาพผลลัพธ์ที่ได้คือลักษณะของเส้นแสงที่ระเบิดออกมาจากตัวแบบกลางภาพที่มีความคมชัด
ซึ่งให้ความรู้สึกของการเคลื่อนไหวพุ่งเข้ามาสู่กล้องถ่ายภาพ
ที่ต่างจากเทคนิคการแพนกล้องก็คือ
การระเบิดซูมจะให้ผลดีกับวัตถุที่เคลื่อนที่ค่อนข้างช้า และมุ่งตรงเข้ามายังกล้องถ่ายภาพ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือตัวแบบเช่นนักว่ายน้ำ นักปั่นจักรยาน นักขี่ม้า
นักเล่นสเกตบอร์ดและนักวิ่ง เทคนิคนี้ยังช่วยสร้างภาพวัตถุ
ที่อยู่นิ่งให้ดูราวกับว่ากำลังเคลื่อนไหว
เช่น ภาพของรถที่จอดอยู่ รูปปั้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน) หรือแม้แต่กระจกหน้าต่าง
ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเลือกใช้เทคนิคนี้ให้เหมาะกับตัวแบบ
คุณก็สามารถสร้างสรรค์ภาพที่น่าประทับใจและไม่ซ้ำใครได้
ดอกไม้ ต้นไม้ ไฟนีออน และแสงจากเมืองนั้นก็เป็นหัวข้อที่ดี
ในการสร้างผลลัพธ์แนวนามธรรมโดยเทคนิคการระเบิดซูม
คุณสามารถลองใช้เทคนิคนี้ได้กับตัวแบบทุกๆ อย่าง
แต่วิธีที่ได้ผลดีที่สุดก็คือการเลือกวัตถุที่มีสีสันจัดจ้านสดใส
ตัดกับฉากหลังที่มีสีเข้มจะช่วยเน้นรูปทรงและลวดลาย
ซึ่งก็จะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามหากวัตถุของคุณมีสีทึบเป็นหลัก ตัดกับฉากหลัง
เช่น ท้องฟ้าจ้าๆ หรือพื้นน้ำใหญ่ๆ ทุ่งหญ้า หรือพื้นดิน
เมื่อคุณเลือกตัวแบบของคุณแล้ว สิ่งต่อไปก็คือการคิดถึงประเภทของเลนส์ที่คุณจะใช้
เลนส์ทางยาวโฟกัสสูงบางตัวออกแบบสำหรับใช้กับกล้อง SLR
นั้นจะมีวงแหวนบนกระบอกเลนส์
ซึ่งคุณสามารถเลื่อนเข้าออกสำหรับเปลี่ยนช่วงทางยาวโฟกัสได้
ลักษณะการทำงานแบบนี้จะทำให้การซูมมีความนุ่มนวลและง่ายดาย
แต่ข้อเสียของมันก็คือจุดโฟกัสอาจเปลี่ยนแปลงได้
ในระหว่างการเปิดรับแสงหากวงแหวนโดนหมุน
วิธีที่ปลอดภัยกว่าก็คือการใช้เลนส์ที่มีวงแหวนซูมและโฟกัสที่แยกออกจากกัน
แม้ว่าคุณจะอาจจะใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสสั้น เช่น 17-35 มม. ได้ แต่เลนส์ซูมระดับกลาง
เช่น 35-80 หรือ 70-200 ดูจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามาก
ทำเทคนิคนี้ให้สมบูรณ์
หากกล่าวในเรื่องของเทคนิค
มันก็มีประเด็นสำคัญหลายอย่างที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในความสำเร็จ
อันดับแรกคุณจำเป็นต้องฝึกถือกล้องของคุณให้นิ่ง
ขณะทำการซูมเข้าออกด้วยความเร็วที่คงที่และนุ่มนวล
หากคุณต้องการให้ตัวแบบของคุณมีความคมชัดและมีเส้นสายพุ่งออกเป็นรัศมี
คุณควรจะตั้งกล้องของคุณกับขาตั้งกล้อง
อันดับต่อมา คุณจำเป็นต้องปรับใช้โหมดการวัดแสงแบบปรับตั้งความไวชัตเตอร์เอง
(Shutter Priority) แล้วเลือกใช้ความไวชัตเตอร์ที่เหมาะสม
ซึ่งค่าความไวชัตเตอร์นี้จะต้องนานพอ
ที่คุณจะสามารถหมุนซูมตั้งแต่ระยะเทเลสุดไปจนถึงระยะกว้างสุด
เวลาในการเปิดฉายแสงที่แน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ความเบลอที่คุณต้องการ
แต่จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดนั้นน่าจะอยู่ระหว่าง 1/2 และ 1/30 วินาที
หากคุณถ่ายภาพภายใต้แสงแดดจัดคุณคงจะต้องปรับค่าต่างๆ
เองด้วยโดยการเลือกใช้ค่า ISO ที่ต่ำที่สุดและหลีกเลี่ยงค่าความไวชัตเตอร์ที่สูงกว่าครึ่งวินาที
ไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจจะต้องเลือกใช้ฟิลเตอร์ ND และ/หรือ
ปรับชดเชยค่าการเปิดฉายแสงร่วมด้วย
เมื่อยามสนธยามาถึงและแสงสว่างจากธรรมชาติลดน้อยลง
คุณก็จะมีโอกาสทดลองถ่ายภาพด้วยค่าการเปิดฉายแสงที่ยาวนานขึ้น
ต่อมาก็ทำการจัดองค์ประกอบภาพและโฟกัสตัวแบบของคุณ
โดยตั้งระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์ไว้ที่จุดเทเล่ที่สุด
จากนั้นก็กดชัตเตอร์พร้อมกับเริ่มทำการซูม เช่นเดียวกับการแพนกล้อง
คุณควรทำการซูมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ
ของเวลาการเปิดฉายแสงเพื่อผลลัพธ์ที่นุ่มนวล
และเมื่อคุณเริ่มเชี่ยวชาญกับเทคนิคการระเบิดซูมขั้นพื้นฐานแล้ว
คุณอาจจะลองหยุดการซูมในระยะครึ่งหนึ่งของเวลาการเปิดรับแสงทั้งหมด
แล้วค่อยซูมต่อจนสุดทางยาวโฟกัส
เทคนิคนี้จะช่วยในการบันทึกรูปทรงและรายละเอียดของตัวแบบมีความคมชัด
ภายใต้การระเบิดซูมซึ่งจะก่อให้เกิดจุดโฟกัสที่ชัดเจน
ในเวลาที่ถ่ายภาพระเบิดซูมแนวนามธรรม
คุณอาจจะลองปรับโฟกัสให้เบลอเล็กน้อยก่อนที่จะทำการเปิดฉายแสง
ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้รูปทรงของตัวแบบ
เกิดความเบลอและยังช่วยขับความเป็นนามธรรมให้โดดเด่นมากขึ้น
:: กลับไปหน้าหลัก ::
|