ประสบการณ์เครื่องดีเลย์กับการบินไทยที่สนามบินฮาเนดะเกือบ 24 ชม. และประโยชน์ของประกันการเดินทางเมื่อสายการบินไม่เหลียวแล

จริง ๆ อยากเขียนเรื่องนี้หลังจากที่ได้รับจดหมายตอบกลับจากการบินไทยแล้วค่อยมาแชร์ประสบการณ์พร้อมทั้งพูดเรื่องประกันการเดินทางไปด้วย และสิ่งที่คุณควรทำในเวลาหน้าซิ่วหน้าขวาน พร้อมทั้งสิทธิที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ควรได้รับเมื่อเลือกใช้บริการกับสายการบิน Full service  แต่ส่งเรื่องไปเป็นอาทิตย์แล้วการบินไทยหายเงียบไม่ตอบกลับ และเดี๋ยวเราก็ต้องเดินทางอีกคงไม่มีเวลาเขียน ก็เลยมาเขียนแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน เพราะจากที่อยู่ในเหตุการณ์กับผู้โดยสารกว่า 300 คน ทำให้เห็นว่า หลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และอนึ่งกระทู้นี้ถ้าไปถึงมือผู้บริหารหรือรัฐบาล อยากให้เข้าไปดูแลแก้ไขในจุดที่บกพร่องคะ เพราะมันสำคัญมาก มากกว่าการเปลี่ยนเมนูอาหารที่ทำเพื่ออ้างว่าเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง แถมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์กับเราไม่นาน เมื่อวันที่ 20 มีนาคมก็มีอีกเคสนึงที่ฮ่องกง เหมือนกันเด๊ะ คือทอดทิ้งผู้โดยสาร
http://www.posttoday.com/ธุรกิจ-ตลาด/ข่าวธุรกิจ-ตลาด/354719/บินไทยแจงถูกโวยทิ้งผู้โดยสารที่ฮ่องกง


เราอยากแชร์ข้อมูลเพราะเรารู้สึกว่าเราได้รับการให้บริการอย่างไม่เป็นธรรม การล่าช้าเกิดขึ้นได้ แต่ถ้ามันเกิน 12 ชั่วโมง สายการบินควรให้ที่พักและอาหารแก่เราตามสมควรเพราะถือว่าเราอยู่ภายใต้การดูแลของสายการบิน ถ้าเราบินกับ Low fare airline นะ เราจะไม่คาดหวังขนาดนี้ และที่เรารู้สึกแย่ก็คือ การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีมนุษยธรรม เลือกปฏิบัติที่ง่ายกับตัวเอง โดยไม่ดูความจำเป็นของผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งถ้าเป็นเมืองนอกความคิดแบบนี้แย่มาก และควรได้รับการปรับปรุง เที่ยวบินที่เราต้องกลับคือ เที่ยวบินในคืนวันที่ 9 ต่อเช้าวันที่ 10 (TG661) แต่เนื่องด้วยเครื่องบินขัดข้อง ผู้โดยสารกว่า 300 คนตกค้างอยู่ที่สนามบินฮาเนดะ และกว่าเจ้าหน้าที่จะหาไฟล์ทให้ใหม่ก็ล่วงเลยไปกว่า 12 ชั่วโมง  จากประสบการณ์การเดินทาง เราไม่ได้ว่าสายการบินจะล่าช้าไม่ได้แต่สายการบินควรดูแลรับผิดชอบตามสมควร ถ้าคุณรู้ว่าเครื่องยนต์ไปไม่ได้จริง ๆ ก็แค่เปิดใจ ยอมรับแล้วยอมจ่ายเพื่อดูแลผู้โดยสาร ไม่ใช่ว่าไม่ยอมเสียอะไรเลย แต่ไปโกงกินกันภายใน มันไม่ถูกต้อง เราเคยเจอไฟล์ทดีเลย์กับ Air France, UA, LH, Egypt Air, ANA บอกได้เลยว่า การจัดการของการบินไทยแย่พอ ๆ กับ Egypt Air ตอนที่ประท้วงทั้งเมืองอีก (ตอนนั้นเราติดอยู่สนามบิน 2-3 วัน ไปหาใน Youtube ได้นะคะ สำหรับคนที่สนใจรายละเอียด) เราไม่คิดเลยว่าสายการบินที่อ้างว่าได้รางวัล และพยายามปรับเปลี่ยนองค์กร จะทำงานได้แย่มาก

สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่ามันแย่มาก คือ การที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้ครอบครัวที่มีลูกเล็ก คนสูงวัย และคนที่ต้องใช้รถเข็นได้รับความลำบาก ตกค้างอยู่ที่สนามบินโดยไม่รู้ว่าจะได้เดินทางเมื่อไหร่ เราเองเป็นแม่ที่เดินทางกับลูกเล็กบ่อยมาก (ตั้งแต่ลูกอายุห้าเดือน) เราเข้าใจดี แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำงานมักง่าย และไม่คิดจะรับผิดชอบอะไร หากมันเป็นนโยบายของการบินไทย เราขอร้องให้คุณปรับปรุงโดยด่วน หากมันเป็นการทำงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ขอให้แก้ไข เพราะมันคือส่วนหนึ่งของการบริการของคุณที่คุณเอามาอ้างกับผู้บริโภคและตั้งราคาตั๋วที่สูงกว่าใคร

ในกระทู้นี้จะมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1.    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ (ช่วงวันที่ 9, 10, 11 มีนาคม) : ดูเนื้อหาในหัวกระทู้ ความเห็นที่ 14, ความเห็นที่ 28 และความเห็นที่ 30
2.    อะไรคือสิทธิ์ที่เราพึงมี พึงได้ ตามหลักสากล : ความเห็นที่ 31
3.    ประกันการเดินทางจะจ่ายอะไรให้เราบ้างในกรณีแบบนี้ : ความเห็นที่ 34
4.    ความคืบหน้าในการส่ง complaint letter หรือติชมการให้บริการของการบินไทย :ความคิดเห็นที่ 35 และความคิดเห็นที่ 126

พร้อมแล้วก็ไปตามอ่านรายละเอียดกันได้เลยคะ เพื่อน ๆ  อาจเลือกอ่านตามความเห็นที่ระบุไว้ในหัวข้อที่ต้องการเพื่อง่ายต่อการติดตามและหาข้อมูล อนึ่งรายละเอียดเยอะมาก และเจ้าของกระทู้ก็ไม่อยากเขียนแยกหลายกระทู้ อยากให้คนมาอ่านเข้าใจ และหวังว่าอย่างน้อยกระทู้นี้คงให้ความรู้แก่เพื่อน ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเดินทางท่องเที่ยวต่อไป

ลำดับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ
วันที่ 9 มีนาคม 2558
20.00 น. : หลังจากลั้นลาไปกินซาชิมิปู ชาบูปู ข้าวอบปู และก้ามปูย่าง อย่างสบายอารมณ์ที่ร้านโปรดในโยโกฮาม่า เราก็เดินทางไปสนามบินฮาเนดะ เพื่อจะกลับเมืองไทย หลังจากเที่ยวและช้อปมาเหนื่อยมาก (กระทู้เที่ยวเดี๋ยวมาเขียนนะ)
21.00 น. : เคาน์เตอร์เช็คอินเปิด เราก็ไปเช็คอิน (ถ้าดีควรทำการเช็คอินออนไลน์ไปก่อนเลยคะ แถวมันจะสั้นกว่า ไม่ต้องยืนรอนาน) ฝากไว้เรื่องนึงถึงผู้โดยสารบางท่าน หากท่านไม่ได้ทำการเช็คอินออนไลน์มา อย่ามาเนียนเข้าแถวนี้คะ ถ้าไม่ได้เช็คอินมาก่อนรบกวนเข้าแถวปรกติ
21.30 น. : เช็คอินเสร็จ ไม่มีไร ลั้นลาไปดื่มน้ำ ดูวิวเครื่องบินชิลด์ ชิลด์ สบายอารมณ์ที่ชั้น 4 (คือเที่ยวสนุกดี แต่ก็ดีใจได้กลับบ้าน) เม้ากับพี่ ๆ ที่มาส่ง แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายไปเข้าเกท (เพราะต้องซื้อของอีกเพียบ โตเกียวบานาน่าที่สามีชอบรออยู่) หารู้ไม่ว่า อีก 12 ชั่วโมงก็ได้กลับไปนั่งดูวิวเครื่องบินกินข้าวมื้อแรกตอนเกือบเที่ยงของอีกวัน
23.30 น. : ซื้อของช้อปเสร็จ ไม่มีที่ไป ไปรอที่เกทดีกว่าเหนื่อยแล้ว ง่วงมากกกกกก อยากให้เค้า boarding เรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องไว ๆ

วันที่ 10 มีนาคม 2558
00.30 น. : เครื่องเริ่มออกจากเกท (เค้าเรียก taxi มะภาษานักบิน) และเครื่องบินก็วิ่ง ๆ กัปตันเตรียมนำเครื่องขึ้น อืม ได้เวลานอนแล้วซินะ บ๊าย บาย เจอกันใหม่ Japan เดี๋ยวพรุ่งนี้ถึง กทม. ต้องไปทำงานเลย (มนุษย์เงินเดือนก็เงี่ยแหละ)
2.00 น. : ตอนนั้นยังไม่ได้ดูนาฬิกานะ เออ เครื่องมันลงแล้วเหรอ ทำไมตรูยังไม่ได้กินไรเลย เครื่องถึงเมืองไทยแล้ว สงสัยเหนื่อยจัด แอร์ปลุกก็ไม่รู้สึก เออก็ดีนะ แต่ทำไมมันมืดจัง ตีห้าที่สุวรรณภูมิมืดขนาดนี้เลยเหรอ ดูนาฬิกา เอ๊ะ ตีสอง แล้วที่นี่ที่ไหน เครื่องมันขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ (พระเจ้าช่วยกล้วยทอด .. หรือเราฝันไปฟระ) เดินไปถามคุณแอร์ นางตอบมาว่า อ๋อเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับล้อคะ กัปตันประกาศขอนำเครื่องลงจอดอีกครั้งเพื่อตรวจสอบ อืม .. ปีนี้ฉันปีชงกับ TG หรืออย่างไร ตั้งแต่ต้นปี ทุกไฟล์ทเครื่องบินต้องมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส (ช่วงปีใหม่) สิงคโปร์ (ต้นเดือน กพ.) และ เที่ยวบินนี้ จากฮาเนดะ (ไปซื้อหวยดีไหมเนี่ย) คุยกับผู้โดยสารอีกท่านที่นั่งใกล้ ๆ กัน เค้าบอกว่า เค้าดูที่จอเห็นว่ากัปตันรักษาเครื่องไว้ที่ระดับความสูง 2xxx เมตร จากพื้นดิน โอ้ว มันต่ำมาก แสดงว่าเครื่องไปไม่ได้จริง งานเข้าแหละ งานตรึมเลย ตรูดูแววว่า ไม่ได้กลับไปทำงานแน่เลย เผลอ ๆ พรุ่งนี้อาจจะยังอยู่ที่ฮาเนดะ (นายคะ หนูขอโทษ นานาเสียใจ)

ในที่สุดก็ต้องร้องเพลง "กลับมายืนที่เดิม.." เพราะกัปตันจอดที่เกทเดิมเป๊ะ แต่เค้ายังไม่ให้เราออกนะ ยังให้เรานั่งอยู่บนเครื่องด้วยความหวังว่ามันจะได้ไปต่อ .. ในฐานะคนทำงานสายเรือขนส่งสินค้าก็เข้าใจนะ เหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิด (เพราะเกิดแล้วมันเพิ่มต้นทุน) แต่ในฐานะลูกค้าก็เซ็งนิดนึง อะช่างมัน เรามีเพื่อนร่วมเซ็งตั้ง 300 กว่าคน เพราะเครื่องค่อนข้างแน่น ตอนที่กัปตันนำเครื่องจอดเทียบน่าจะประมาณ 2.40 น.

4.00 น. : กัปตันคงเห็นว่า ตรูง่วงนอนแล้ว เอ๊ยไม่ใช่ ผู้โดยสารง่วงนอนและเจ้าจำปีคงไปต่อไม่ได้เพราะทีมช่างไม่ส่งสัญญาณใด ๆ กัปตันเลยเชิญทุกคนออกจากเครื่อง ไปรอที่เกทดีกว่านะเธอ  โดยกัปตันประกาศเสียงตามสายเป็นสองภาษา (ก็มันไฟล์ทอินเตอร์นี่เนอะ) ภาษาไทยบอกว่าให้มารอดูเหตุการณ์แล้วว่ากันต่อ ภาษาอังกฤษบอกว่า ให้ไปพักที่โรงแรมทางการบินไทยจะประสานงานเรื่องต่าง ๆ ให้ ซึ่งทำให้เรางงมาก เพราะประกาศไม่เหมือนกันเลยไม่รู้ว่าจะเชื่อภาษาไหนดี แต่พวกเราก็ทยอยกันออกมา
พอมาที่เกทมีเจ้าหน้าที่ 4-5 คนมายืนสวย ๆ เป็นเพื่อน แต่ถามอะไรพวกนางตอบไม่ได้คะ พวกนางร้องได้แต่เพลง "หนูไม่รู้.... หนูไม่รู้....." ถามว่าไปโรงแรมเมื่อไหร่ ก็ไม่มีคำตอบ มีแต่หน้าตาคนญี่ปุ่นที่เวลาเค้าไม่รู้จะตอบว่าไงมองกลับมา เฮ้ย ตรูงานเข้าของจริงแล้วไง ดูแววแล้วท่าทางราตรีนี้อีกยาว (สงสัยฉันคงจะไม่ได้นอนและคงไปไหนไม่ได้ ไปหาที่พัก ชาร์จแบตมือถือดีกว่า) ในช่วงแรก ๆ จะมีคุณเจ้าหน้าที่เพอร์เซอร์ (คุณกบ) และลูกเรือ น่ารักมาก มาช่วยแปล มาช่วยประกาศ มาช่วยประสานงาน ทำให้กลุ่มผู้โดยสารสงบลง คือประมาณว่า เออเครื่องขึ้นไม่ได้ แต่เดี๋ยวคงได้ไปพัก

5.00 - 5.30 น. : เผลอหลับไปบนเก้าอี้ ตื่นมา อ้าวเฮ้ย เค้าจราจลอะไรกันตรงเคาน์เตอร์ ดูนาฬิกา โรงแรมยังไม่ได้อีกเหรอเนี่ย แล้วคุณลูกเรือก็หายไปแล้ว (เดาเอาว่า เค้าก็คงไปพักแล้วนั่นเอง) พอเห็นภาพคนไปมุงที่เคาน์เตอร์ประสบการณ์ถูกกักที่อียิปต์ทำให้รู้ว่า สงสัยงานนี้คนไม่โวยวายก็คงโดนทิ้ง..... เราคงต้องไปรักษาสิทธิ์หน่อย
บรรยากาศในเกท 143



พอไปถึงเจ้าหน้าที่กำลังง่วนอยู่เลย พยายามแก้ปัญหา (แต่แก้ไม่ได้หรอก เพราะไม่มี procedure ในการรับมือกับแก้ปัญหาเฉพาะหน้า)  ดูแล้วท่าทางตรูจะไม่ได้กลับแต่ไม่ได้พูดอะไรนะ เพราะก็เห็นใจคนหน้างาน จนคนเริ่มเถียง เริ่มแย่ง เริ่มทะเลาะ คนไทยก็ไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยเลย เรากับผู้โดยสารบางท่านก็เลยไปสอบถามว่า ตกลงชะตาชีวิตพวกฉันจะเป็นยังไงเนี่ย เจ้าหน้าที่บอกว่า เค้ามีที่นั่งไม่พอ แต่เค้าอยากจัดให้กรุ๊ปใหญ่ไปก่อน เพื่อง่ายต่อการจัดการ พวกเราก็ถามว่า แล้วมันแฟร์ตรงไหน ทำไมยูไม่ดูก่อนว่าใครเป็นคนป่วย เด็ก คนชรา คนท้อง หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือด่วนก็ให้เค้าไปก่อน แล้วถ้าเราเอาพวกกรุ๊ปไปก่อนมันก็เหมือนคนหมู่มากมีอภิสิทธิ์เหนือคนที่มาเที่ยวเองและซื้อตั๋วแพงกว่าเหรอ (แหม อย่าบอกนะ ว่าไม่รู้ว่าตั๋วของพวกทัวร์ซื้ออะ ถูกกว่าตั๋ว indicidual) เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าไม่แฟร์ แต่เค้าไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง เค้าขอร้องให้พวกเราอยู่ในความสงบ เพราะเค้าก็ทำงานไม่ได้ และทุกอย่างต้องรอตอน 9.00 น. และถ้าใครอยากเปลี่ยนตั๋วสามารถโทรไปเปลี่ยน Call center หลังเวลา 9.00 น.

พอได้ฟังก็ เดี๋ยวนะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ เธอเป็นคน Disembarked ฉันออกมาจากเครื่อง แล้วจะให้ฉันไปติดต่อ Call Center เอง ไม่ใช่แล้วนะ เจ้าหน้าที่ต้องจัดการเปลี่ยนให้สิ ตอนนั้นผู้โดยสารหลายท่านเริ่มโวยวาย เราก็เลยขออนุญาติเค้าประกาศเป็นภาษาไทยว่า เจ้าหน้าที่กำลังประสานงานอยู่ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ (แหม ไม่ดูตัวเองเลยเรา ไปจุ้นเรื่องของเจ้าหน้าที่เค้าอีกแล้ว พนักงานก็ไม่ใช่) ไหน ไหน ก็ หลับไม่ลงแล้ว ก็เลยคิดว่าอยู่ช่วยเค้าดีกว่า

ภาพข้างล่างคือรายละเอียดของที่นั่งที่ว่างของการบินไทยในวันที่ 10 มีนาคม ทั้งจากฮาเนดะและนาริตะ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีที่นั่ง Eco ว่างประมาณ 100 ที่นั่งทั้งหมด แต่เราดูยังไงก็เกินนะ แถมที่เราเคืองมากคือ เจ้าหน้าที่บอกเราว่าไม่มีที่นั่ง แต่เพื่อนเราสามารถจองที่นั่งจ่ายเงินได้ มันหมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่าการบินไทยต้องการได้เงินโดยไม่สนว่ามีผู้โดยสารตกค้างและตัวเองควรต้องดูแลผู้โดยสารเหล่านี้ก่อนขายตั๋วเพิ่มไหม



บรรยากาศเจ้าหน้าที่หน้างาน กำลังรับมือกับผู้โดยสาร



Remark : ขออนุญาติ Tag ห้องชานเรือนเพราะในไฟล์ทมีคนท้อง พ่อแม่กับลูกแฝดอายุ 9 เดือน ที่ได้รับการทอดทิ้ง เลยอยากจะแชร์ด้วยคะ (จริง ๆ มีคนนั่งรถเข็น และคนสูงวัยด้วย) เรื่องยาวมาก เขียนไป ทำงานไป อาจจะช้าคะ
-----
แก้ไขเพิ่มวันที่ 10 มีนาคม 2558 และมีการปรับหน้ากระทู้เพื่อให้อ่านเข้าใจง่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่