"รัฏฐาธิปัตย์" จาก sao..เหลือ..noi สื่อไม่เลิก เราก็แปะไม่เลิก ... เชิญสับ ดร.โกร่ง ...

กระทู้สนทนา
วีรพงษ์ รามางกูร : รัฏฐาธิปัตย์ จำอวดการเมือง  กระแสทรรศน์ มติชน 17 เมษายน 2557


ข่าวใหญ่ในช่วงสงกรานต์ขึ้นศักราชใหม่ จุลศักราช 1376 ปีมะเมีย ฉศก ร.ศ.233 ปี 2557 นี้
คงจะไม่มีข่าวใดเด่นกว่าข่าวการประกาศตนเป็น "รัฏฐาธิปัตย์" ของแกนนำมวลมหาประชาชน
ที่เริ่มจากการชุมนุมต่อต้านคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งถูกตีตกไปแล้วตั้งแต่วาระแรก
ของวุฒิสภา แต่การชุมนุมก็ยังดำเนินต่อไป เพราะกองทัพประกาศตนเป็นกลาง ไม่เป็นฝ่าย
รัฐบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ตำรวจประกาศไม่ติดอาวุธ

การชุมนุม ย้ายที่ชุมนุมจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาที่สี่แยกปทุมวัน เมื่อผู้มาร่วมชุมนุมน้อยลง
เริ่มมีความรุนแรง มีผู้บาดเจ็บล้มตาย และในที่สุดก็มาชุมนุมกันอยู่ในสวนลุมพินี ปักหลักอยู่ที่นั่น
แต่ออกกระทำการปิดสถานที่ราชการที่นั่นที่นี่เป็นครั้งคราวในเวลากลางวัน

เมื่อมีการคาดการณ์กันว่าคณะกรรมการปปช.จะประณามกล่าวโทษนายกรัฐมนตรี ในความผิดเรื่อง
โครงการจำนำข้าว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากตำแหน่ง ทั้งๆ
ที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปแล้วตั้งแต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา แต่ในยุคนี้การพิจารณา
ตัดสินของตุลาการภิวัฒน์ จะพิจารณาตัดสินอย่างไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด ก็เป็นที่คาดการณ์กันได้ว่า
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อาจจะให้
พ้นเฉพาะกิจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 182(7) หรือให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
ทั้งคณะก็ได้ไม่มีใครรู้ เพราะคำวินิจฉัยชี้ขาดสมัยนี้จะออกมาอย่างไรก็ได้ ไม่มีใครทราบ เพื่อจะได้
ทำให้เกิดช่องว่าง จะได้ใช้ความในมาตรา 7 แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี "คนกลาง" ที่เป็นคนดีมาทำการ
ปฏิรูปประเทศไทยเป็นเวลาปีครึ่งถึงสองปี

เข้าใจว่าเพื่อให้เป็นไปตามนี้จึงได้มีการประกาศตนเป็น"รัฏฐาธิปัตย์" หรือ "องค์อธิปัตย์" หรือภาษา
ฝรั่งเรียกว่า "sovereign" แปลตรงๆ ก็คือผู้ถือ "อำนาจอธิปไตย" หรือ "sovereignty" ซึ่งจะทำได้ก็
ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญให้หลักประกันไว้ในมาตรา 3 ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
ชาวไทย

"รัฏฐาธิปัตย์" หรือ "องค์อธิปัตย์" ในการปกครองของไทยที่ผ่านมา ถ้าก่อนวันที่ 24 มิถุนายน 2475
ก็คือองค์พระมหากษัตริย์ ถ้าหลังจากนั้นรัฏฐาธิปัตย์ หรือ องค์อธิปัตย์ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ถืออำนาจ
อธิปไตย ก็คือหัวหน้าคณะปฏิวัติ ที่ทำการยึดอำนาจสำเร็จ ถ้าพูดให้เต็มก็ต้องพูดว่าคณะปฏิวัติที่ยึด
อำนาจอธิปไตยจากปวงชนชาวไทยได้สำเร็จ

ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติรัฐประหารสำเร็จก่อนที่จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับสั้นและชั่วคราว
ซึ่งปกติจะมีอยู่เพียง 20-30 มาตรา ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าหัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมเป็นรัฏฐาธิปัตย์
หรือ องค์อธิปัตย์

รัฏฐาธิปัตย์ หรือ องค์อธิปัตย์ ย่อมเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของตัวเอง
ไม่ได้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนใครๆ ทั้งนั้น แม้แต่ปวงชนชาวไทย

เมื่ออำนาจอธิปไตยถูกยึดไปจากปวงชนชาวไทยแล้ว ผู้เป็นเจ้าของอธิปไตย หรือรัฏฐาธิปัตย์ หรือ
องค์อธิปัตย์ ย่อมถืออำนาจเด็ดขาดอย่างสมบูรณ์ เหนือสถาบันหรือองค์กรทางการเมืองทั้งหมด
คำสั่งของรัฏฐาธิปัตย์ย่อมเป็นกฎหมายที่อยู่เหนือบรรดากฎหมายทั้งปวง รวมถึงรัฐธรรมนูญอันเป็น
กฎหมายสูงที่สุดด้วย ในขณะที่รัฏฐาธิปัตย์ยังไม่ยอมจำกัดอำนาจของตนเอง ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
ฉบับชั่วคราว ในทางทฤษฎีรัฏฐาธิปัตย์อาจจะออกคำสั่งให้คงไว้หรือยกเลิกสถาบันหรือองค์กรการ
เมืองใดๆ ก็ได้ จะประกาศเปลี่ยนรูปแบบของรัฐหรือรูปแบบการปกครองของประเทศไปในรูปแบบใดๆ
ก็ได้ แม้แต่จะออกคำสั่งประหารชีวิตผู้ใดก็ได้

ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในทางทฤษฎีอีกเช่นกัน องค์อธิปัตย์ จะประกาศตัดความสัมพันธ์
ทางการทูตกับประเทศใดๆ ก็ได้ จะประกาศสงครามกับประเทศใดๆ ก็ได้ หรือจะประกาศลาออกจาก
การเป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศใดๆ เช่น สหประชาชาติ อาเซียน แล้วประกาศปิดประเทศเสีย
เฉยๆ ก็ได้ เช่นสมัยนายพลเนวิน สถาปนาคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประเทศพม่า

เรื่องใครจะประกาศตั้งตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครที่ยังมีสติสัมปชัญญะจะกล้าประกาศ
ตนเช่นนั้น แม้แต่หัวหน้าคณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหาร ซึ่งเมื่อประกาศยึดอำนาจอธิปไตย จาก
พระมหากษัตริย์หรือจากปวงชนได้เป็นผลสำเร็จ ก็ไม่กล้าประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์อย่างชัดแจ้ง
แม้ว่าผลของการทำปฏิวัติรัฐประหารสำเร็จ ตนเองจะกลายเป็นองค์อธิปัตย์หรือรัฏฐาธิปัตย์ ออกคำสั่ง
ออกประกาศคณะปฏิวัติ คณะรัฐประหารหรือคณะปฏิรูปอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ไม่กล้าประกาศว่าตนเป็น
"รัฏฐาธิปัตย์" คนทั่วไปจึงไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร เพราะเข้าใจว่าการกระทำเช่นนั้นย่อมเป็น
การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์โดยการชุมนุมเดินขบวนจะได้รับการต่อ
ต้านจากประชาชนสื่อมวลชน และประชาคมระหว่างประเทศ ความเป็นไปได้แทบไม่มี หรือถ้าจะมีก็ต้อง
ใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ายึดอำนาจอธิปไตย หรือ "อำนาจรัฐ" อย่างที่ เหมา เจ๋อ ตุง เคยกล่าวเอาไว้ว่า
"อำนาจรัฐย่อมมาได้จากปากกระบอกปืน" เท่านั้น

แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อมีการประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ผ่านทางการชุมนุม ผ่านทางสื่อต่างๆ
กลับปรากฏว่าผู้คนรู้สึก "เฉยๆ" หรือไม่ก็อาจจะเห็นด้วยเสียด้วยซ้ำ กองทัพที่ถืออาวุธก็ "เฉยๆ"
ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ยกเว้นแต่กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้นที่แสดงปฏิกิริยาในเชิงลบและต่อต้าน
การประกาศนั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็อาจจะด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น

ผู้คนในกรุงเทพฯหรือคนชั้นสูงที่สนับสนุนการชุมนุมในสวนลุมพินีก็ไม่เข้าใจแปลว่าอะไร มีความหมาย
อย่างไร ผลที่ตามมาจะมีอะไรบ้าง กระทบต่อระบบกฎหมาย กระทบต่อขบวนการการปกครองประเทศ
อย่างไร ต่างจากการปฏิวัติรัฐประหารซึ่งพวกเราเคยชินกันมา แล้วเข้าใจเอาเองว่าคณะปฏิวัติคงไม่
เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม รวมทั้งสถาบันการเมืองที่สำคัญๆ
ของประเทศ หรือผู้คนในกรุงเทพฯเข้าใจดี จึงไม่ต่อต้าน แต่การประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เมื่อมีช่องว่าง
จากการวินิจฉัยตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้เพราะยังไม่เคยมีเป็นตัวอย่าง

หรือไม่ที่ผู้คนหรือสื่อมวลชนรู้สึก "เฉยๆ" ก็เพราะเห็นว่าเป็นเพียง "จำอวด" หรือ "วาทกรรม" ทาง
การเมือง เป็นเรื่องตลกที่เป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากมีการปฏิวัติรัฐประหารก่อนที่แกนนำจะได้เป็น
องค์อธิปัตย์ หรือ รัฏฐาธิปัตย์ จริงๆ ก็ได้ ทางกองทัพก็คงจะคิดอย่างนั้นก็ได้ จึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เพราะถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ ก็อาจจะถูกสับเปลี่ยนโดยองค์อธิปัตย์ใหม่
เอาง่ายๆ ก็ได้

หรือเป็นไปได้ว่า "กลอนพาไป" ผู้พูดไม่ได้จริงจังอะไรกับสิ่งที่ตนพูด จะว่าผู้พูดไม่รู้สึกผลของการ
ได้มาซึ่ง "อำนาจรัฐ" กับสิ่งที่ตนพูด จะว่าผู้พูดไม่รู้ถึงผลของการได้มาซึ่ง "อำนาจรัฐ" จนตนเองเป็น
รัฏฐาธิปัตย์ สามารถทำอะไรก็ได้ จะแต่งตั้งใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ใครเป็นสมาชิกสถานิติบัญญัติ
ก็ได้ จะแต่งตั้งถอดถอนตุลาการหรือยกเลิกหรือเพิ่มศาลขึ้นมาอีกก็ได้ ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เพราะพื้นฐาน
การศึกษาก็ดี ประสบการณ์ทางการเมืองอันยาวนานก็ดี ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าหากเป็น
"กลอนพาไป" ผู้พูดไม่ได้จริงจังอะไร พวกผู้ฟังจึงไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องจริงจังมีสาระอะไรที่จะไปเอาใจ
ใส่ ผู้ที่ไม่จริงจังก็คำพูดเล่นๆ ว่าจะสถาปนาตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ต่างหากเป็นคนที่ไม่ปกติ

อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันที่ผู้ที่พูดว่า จะสถาปนาตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ต้องการจะพูดยั่วยุฝ่ายตรง
กันข้ามให้โกรธแค้น หัวเสียจะได้ออกมาเดินขบวนคัดค้าน เกิดความวุ่นวายทำให้มีการปะทะกัน
อย่างที่หลายคนหลายฝ่ายวิเคราะห์จนเป็นที่วิตกวิจารณ์กัน

ก็เป็นไปได้อีกนั่นแหละว่าต้องการเป็นข่าวพาดหัวเพื่อจะได้ยึดพื้นที่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เหมือนข่าว
"ปิดกรุงเทพฯ" หรือ Shut Down Bangkok หรือสร้างข่าวว่าประเทศไทยอุดมไปด้วยก๊าซธรรมชาติ
และน้ำมัน จะต้องยึดคืน ปตท. การสร้างข่าวต่างๆ เหล่านี้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่เป็นข่าวโจ๊ก
ก็เพราะผู้ชุมนุมมีแนวร่วมที่เป็นสื่อกระแสหลักโดยทั่วไป

เมื่อคราวเปิดข่าว "ปิดกรุงเทพฯ" ก็เป็นข่าวพาดหัวยักษ์ของหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน คนกรุงเทพฯ
ก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไรแม้ว่าจะหวาดวิตก ถ้าปิดตรงนี้ก็เลี่ยงไปทางอื่น สื่อมวลชนก็ไม่ว่าอะไร แถมยัง
แอบสนับสนุนเอาใจช่วยเสียด้วยซ้ำไป จึงไม่มีใครที่ทำใจเป็นกลางๆ เข้าใจว่าคนในกรุงเทพฯคิดอะไร
และทำไมจึงคิดเช่นนั้น

เมื่อบรรยากาศเป็นอย่างนี้ก็คงจะเดาได้ว่าสถานการณ์การต่อสู้ขัดแย้ง ระหว่างคนกรุงเทพฯที่ไม่ชอบ
รัฐบาลกับผู้คนในต่างจังหวัด ก็คงจะดำรงคงอยู่กับเราอีกนาน เพราะผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯ
และสื่อมวลชนซึ่งส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯก็เฉยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า ส่วนคนต่างจังหวัดไม่เห็น
ด้วยจะชุมนุมคัดค้าน ก็คัดค้านอยู่ในต่างจังหวัด ไม่เข้ามาปะทะกัน อำนาจรัฐก็อ่อนแรงลง ทหารก็
ประกาศตนเป็นกลาง ตำรวจก็ถูกสั่งไม่ให้ติดอาวุธ เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรงเป็นเหตุให้ทหารเข้า
มาแทรกแซง

คงต้องรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยต่อจากศาลปกครองอย่างไรในคดีโยกย้ายเลขาธิการสภา
ความมั่นคงแห่งชาติ ถ้าวินิจฉัยถอดถอนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเพื่อให้เกิดช่องว่าง
แล้วมีรัฏฐาธิปัตย์ใหม่ โดยไม่ยึดอำนาจอธิปไตยจากปวงชนชาวไทย ด้วย "ปากกระบอกปืน" อย่าง
ที่อดีตประธาน เหมา เจ๋อ ตุง ว่าไว้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

น่าจะเป็นจำอวดมากกว่า
  
................

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1397718049&grpid=&catid=02&subcatid=0200

เมื่อวาน   เพิ่งถูก  คุณ First Touch และมิตรสหายอบรม  ว่าหมกมุ่น กับ  "รัฏฐาธิปัตย์"
วันนี้  อ.จ.ดร.โกร่ง  รุ่นพี่ที่เราเคารพ เขียนถึงเรื่องนี้  จะไม่เอามาแปะได้ยังไง  เขียนตรงใจ
อีกตะหาก   ใครอยากค้าน  อยาก ยำ เสียดสี ถากถาง  อ.จ.ดร.โกร่ง   ตามสบายเลยค่ะ
กลัวว่าจะ ไม่มาเท่านั้นเอง   เพราะวันนี้  ดูเหมือน  มันจะเป็นคำต้องห้าม  สำหรับกองเชียร์  
กำนัน  ไปซะแล้ว   พี่สาวตั้งกระทู้   เลยถูกล่าวหาว่า หมกมุ่น  .... แหม  ก็ไม่อยากให้เอ่ยถึง ง่ะ
ทำไมต้องมาตอกย้ำกัน  ด้วววววย   พลาดไปแล้ว  ขอไว้หน่อย  .......
คริ คริ   อาจารย์  บอก  น่าจะเป็น "จำอวด"  จะ "ขำกลิ้ง"  ใครดีคะ  
....ดร.โกร่ง   กำนันสุเทพ    หรือ สาวเหลือน้อย - นักแปะข่าว  ...  5555
ยิ้ม

สาวแว่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่