การลงทุนโครงสร้าง 2 ล้านล้าน นั้นสำคัญอย่างไร??? คำแถลงจากนายกรัฐมนตรี

กระทู้สนทนา



การลงทุนโครงสร้าง 2 ล้านล้าน นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและ ASEAN โดยแนวคิดที่รัฐบาลใช้ในการพัฒนาโครงสร้างของประเทศ คือ

1) เป็นการพัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งขาดการลงทุนโครงการใหญ่ ที่ต่อเนื่องมานานทำให้ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปกว่าเรามาก

2) เป็นการเชื่อมโยงแนวคิดภายใต้กรอบ Connectivity ที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่ออาเซียน และเกิดฐานการเชื่อมประชากร 600 ล้านคน นั้นคือโอกาสในการสร้างรายได้ของคนไทย และการใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนสู่อาเซียน

3) ประเทศไทยขาดการเชื่อมเส้นทาง บก น้ำ อย่างเชื่อมต่อเพื่อให้ต้นน้ำซึ่งจากแหล่งวัตถุดิบ ผ่านแหล่งอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลางน้ำ ไปยังปลายน้ำ ก็คือการส่งออก เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงร่นระยะเวลาการเดินทางนั้นหมายถึง อาหารที่สดขึ้น ลดต้นทุนในการสูญเสีย

4) การเชื่อมสถานที่ท่องเที่ยวจากเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น เชียงราย-เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร-สุโขทัย-ตาก-อุตรดิตถ์ เพื่อดึงความเจริญ เพื่อเชื่อมเมืองท่องเที่ยว ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เพียงแต่เราจะมีรายได้เพิ่มแล้ว เราจะดึงให้นักท่องเที่ยวอยู่นานขึ้นอีกด้วย

5) การเชื่อมเส้นทางโดยสาร เพื่อให้คนมีทางเลือก เดินทางโดยรถไฟความเร็วสูง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ปลอดภัยจากการใช้รถบนท้องถนน หลักการนี้ ยังกระจายความเจริญจากหัวเมืองไปยังชานเมือง ลดความแออัดให้คนกรุง เติมเต็มความเจริญให้กับนอกเมืองตามยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นั่นคือ เราจะทำให้เมืองชนบทนั้นเจริญขึ้น ก็คือรายได้ของประเทศที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับคุณภาพชีวิตที่สะดวก เร็ว ลดค่าใช้จ่าย และความแออัดด้วย

6) ตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรมที่จะได้ค่าขนส่งที่ลดลง 2% ในช่วงของการลงทุนมูลค่า GDP เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 1% ต่อปี และการจ้างงานประมาณ 500,000 อัตรา ซึ่งจะส่งผลทั้งความแข็งแรง การหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต


"รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเสนอให้มีการลงทุนขนาด ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นไปตามที่ดิฉันได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแห่งนี้ ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองภายหลังการรัฐประหาร ปี 2549 ที่มีความขัดแย้ง ไม่เป็น ประชาธิปไตย ส่งผลให้ประเทศไม่ได้รับความเชื่อถือ และทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการลงทุนใน โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องว่างเว้นมาร่วมหนึ่งทศวรรษ

การคมนาคมขนส่งและ ระบบ Logistics ไม่ได้รับการลงทุนและพัฒนาเท่าที่ควร ต้นทุนทางด้านการขนส่งของประเทศไทยนั้นสูงถึง 15% ต่อ GDP จากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาการขนส่งทางถนนเป็นหลัก จึงต้องรับผลของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น

ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยก็ย่อมตกต่ำ WEF ในปี 2555 - 2556 ขีดความสามารถของประเทศไทยในด้านโครงสร้างพื้นฐานลดจากอันดับที่ 42 เป็นอันดับที่ 49 ล้า หลังกว่าทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซีย"

การลงทุนในครั้งนี้จึงถือเป็นการวางรากฐานการ พัฒนา สร้างอนาคต และเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจะมีการเชื่อมโยงการคมนาคม ทั้งทาง บก น้ำ ทาง อากาศ อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะเกิดประโยชน์ต่อ ประชาชนและประเทศไทย โดยมีแนวคิดในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังนี้

1) Connectivity

เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนสู่อาเซียน ที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการเชื่อมฐานเศรษฐกิจเดิมต่อยอดแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากฐานประชากร 600 ล้านคน

โดยเน้นการพัฒนาระบบราง มี 2 ส่วนคือรถไฟรางคู่จะสามารถเชื่อมต่อประเทศ เพื่อนบ้านในระยะแรกและสามารถลดต้นทุนการส่งสินค้าประเภทหนัก สำหรับ ในส่วนของรถไฟความเร็วสูงจะเน้นการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง และ เน่าเสียง่าย และการเดินทางของประชาชนที่เน้นความรวดเร็ว

พัฒนาด่านเข้าออกประเทศ ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อการเติบโตของ เศรษฐกิจแนวชายแดน เพื่อให้ความร่วมมืออย่างไร้พรมแดนของประชาคม อาเซียนเป็นความจริง

2) กระจายความเจริญและเพิ่มคุณภาพชีวิต

ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมทั้งการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่ รวดเร็วขึ้น ลดค่าใช้จ่ายและระยะในการเดินทาง ส่งเสริมความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

กระจายความเจริญจากหัวเมืองไปยังชานเมือง ลดความแออัดให้คนกรุง สร้าง ศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ เติมเต็มความเจริญให้กับชนบท ตามยุทธศาสตร์ประเทศ ร่วมถึงการลดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านการพัฒนาและกระจายรายได้ของประชาชน

3) เชื่อมอุตสาหกรรม – ส่งออก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันใน ภาคอุตสาหกรรม -

ที่ผ่านมาประเทศไทยขาดการเชื่อมระหว่างต้นน้ำคือแหล่งวัตถุดิบ ผ่านแหล่ง อุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลางน้ำ ไปยังปลายน้ำ ก็คือการส่งออก การลดต้นทุนในการ ขนส่ง รวมถึงร่นระยะเวลาการเดินทางนั้นหมายถึง อาหารที่สดขึ้น ลดต้นทุนใน การสูญเสีย เกษตรกรจะสามารถขายผลผลิตได้ในราคาดี ในขณะที่คนไทยก็จะได้ รับประทานอาหารที่มีคุณภาพดี พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดต้นทุนการขนส่งให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม การเกษตร

4) การเชื่อมเมืองการท่องเที่ยว

เชื่อมสถานที่ท่องเที่ยวจากเมืองต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศ จากเหนือจรดใต้ เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ยืดระยะเวลาที่นักท่องเที่ยว อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้ทั่วถึง กว้างขวาง และยาวนานขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้จากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

และทั้ง 4 ประการนี้ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในช่วงการลงทุนในช่วง 7 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ในแต่ละปี คาดว่า มูลค่าของ GDP จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ร้อยละ 1 การจ้างงานประมาณ 500,000 อัตรา อันจะส่งผลทั้งความแข็งแรง การหมุนเวียนของเงินทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจ ในประเทศต่อไปในอนาคต

ทำไมต้องมีการกู้เงินผ่าน พ.ร.บ.

หลายคนมีข้อสงสัยว่าทำไมจึงต้องเป็นการกู้เงิน ผ่านการออกพระราชบัญญัติ แทนที่ จะดำเนินการผ่านกระบวนการงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ ดิฉันข้ออธิบายว่า

1) มีบทเรียนจากการที่ โครงการที่สำคัญขนาดใหญ่หลายโครงการถูกระงับ หรือชะงัก งันเมื่อมีปัญหาทางการเมือง

2) ระบบการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายที่ไม่เอื้อต่อการตั้งงบลงทุนที่ต่อเนื่อง ดังจะ เห็นได้จากตัวอย่างของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเมื่อสร้างเสร็จเปิดใช้แล้ว กลับไม่ได้มี การลงทุนต่อเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การขาดการมองไปข้างหน้าทำให้เกิดการ พัฒนาที่ไล่หลังความเจริญ

3) ดิฉันมองว่าโครงการเหล่านี้เป็นโครงการของประชาชนที่จะสร้างอนาคตของ ลูกหลานของเรา จึงไม่ควรที่จะต้องถูกแปรเปลี่ยนเมื่อการเมืองมีความผันผวน และ การที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นก็ต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึง แผนการพัฒนาที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงสถาณการณ์ การเมืองในขณะนี้

4) การลงทุนภายใต้วงเงิน 2 ล้านล้านนี้ยังจะมีการเสริมด้วยงบประมาณประจำปีและ งบลงทนุของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง เป็นการเปิดให้งบประมาณประจำปีมีมากพอใน การนำไปใช้ดูแลประชาชนในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสวัสดิการ หรือโครงการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในด้านอื่นๆ ตามนโยบายรัฐบาล

แนวทางการกู้และหนี้สาธารณะต่อ GDP

สำหรับการกู้นั้น ทางรัฐบาลมั่นใจว่าเรามีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย โดยจะเน้นการกู้ระยะยาวเพื่อลงทุนในโครงการระยะยาว นอกจากนี้ ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีสภาพคล่องสูงมาก ดังนั้น การกู้เงินของ รัฐบาลที่จะทยอยกู้ใน 7 ปีข้างหน้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน

ในส่วนของความยั่งยืนทางการคลัง ในช่วงแรกของการลงทุนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะปรับตัวสูงขึ้น แต่โครงการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นโครงการที่สร้างรายได้อย่างครบวงจร ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ปรับตัวลดลง โดยตลอดระยะเวลาโครงการนี้ หนี้ของประเทศก็จะอยู่ใน ระดับที่บริหารจัดการได้ นั่นคือต่ำกว่าร้อยละ 50 ของ GDP

ที่สำคัญเมื่อลงทุนพัฒนาแล้ว โครงการเหล่านี้จะทำให้เกิดวงจรเศรษฐกิจที่ เจริญเติบโตมากขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโต ภาวะหนี้ก็จะไม่เป็นปัญหาเหมือนเหตุการณ์วิกฤต เศรษฐกิจ คงไม่มีใครคิดว่าเราจะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและทำให้ประเทศคืนเงินกู้ IMF ได้ก่อน กำหนด ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว


ในเรื่องของความโปร่งใส
ดิฉันขอยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องโปร่งใส และเข้มงวดกว่าโครงการเงินกู้หรือโครงการตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี จะเห็นได้ว่าในร่าง พระราชบัญญัติมีบัญชีท้ายและเอกสารประกอบที่ชัดเจนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมา ก่อน และได้มีการ เผยแพร่แจกจ่ายเอกสารประกอบที่เป็นรายละเอียดโครงการให้กับสมาชิกทุกท่านแล้วด้วย

ในส่วนของการพจิารณาโครงการก็มีคณะกรรมการและหนว่ยงานที่เกี่ยวข้องไมว่่าจะ เป็นสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดตลอดจนทำหน้าที่ดูแลและตรวจสอบ

ในขณะที่สภา ผู้แทนราษฎรแห่งนี้ก็สามารถตรวจสอบได้ดั่งงบประมาณปกติ ผ่านกรรมาธิการ และการรายงาน ต่อรัฐสภาถึงผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นปีงบประมาณ ตามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลได้จัดให้มีกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นของสาธารณะแต่ แรกเริ่ม และมีการอธิบายถึงแนวคิดตลอดจนเสนอข้อมูลอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ รับฟังความคิดเห็นในพื้นที่และการจัดนิทรรศการเพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจ ให้กับสาธารณะ เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นต่อโครงการที่รัฐบาลจะดำเนินงานบน พื้นฐาน ของความเข้าใจมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ รัฐบาลพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่าง ต่อเนื่อง และยืนยันว่าจะนำความเห็นเหล่านั้นมาประกอบการดำเนินงานต่อไป

สำหรับโครงการต่างๆ นั้น ดิฉันยืนยันว่าจะต้องมีการติดตามและตรวจสอบ พร้อม กับรายงานให้รัฐสภาทราบทั้งนี้เพื่อ

1) ให้โครงการบรรลุผลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
2) ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างต้อง มีความโปร่งใส ไม่เกิดทุจริต คอร์รัปชัน

เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบของทางราชการแล้ว ดิฉันขอ เชิญชวนให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันตรวจสอบเพื่อประโยชน์ของประเทศโดยรวม

ดิฉันขอยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลเกิดจากเจตจำนงที่จะทำงานให้เป็นไป เพื่อประโยชน์ของประชาชน และขอให้ทุกท่านได้มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ประเทศชาติของ เรามีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นสูง ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งโดยรวมลดลง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่ม

ที่สำคัญที่สุด ดิฉันไม่อยากให้มีการถกเถียงกันว่าโครงการเหล่านี้ใครเป็นคนคิดริเริ่มก่อน ใครเป็นเจ้าของความคิด ดิฉันอยากให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแห่งนี้และประชาชนทั่วไปได้ ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์นี้และเป็นผลงานร่วมกันที่จะเป็นการวางรากฐานของ อนาคตประเทศ อย่างแท้จริงและเพื่ออนาคตของลูกหลานไทยทุกคน

-------------------------
ที่มา เพจเฟซบุคของท่านนายกฯ ค่ะ https://www.facebook.com/Y.Shinawatra?fref=ts
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่