ผิดหรือ? ที่ผมไม่รวยแล้วเปิดร้านอาหาร

กระทู้สนทนา


กราบสวัสดีเพื่อนๆห้องก้นครัวทุกๆท่าน

มาวันนี้ไม่ได้มารีวิวสูตรน้ำจิ้มให้ทุกท่านได้ชมนะครับ แต่มาวันนี้ผมมีเรื่องเคืองขุ่นปนเจ็บปวดในหัวใจลึกๆจากคนที่ร่ำรวยกว่า มีกิจการมั่นคงใหญ่โต ต่อว่าและพูดจาดูถูกดูแคลน จนผมรู้สึกว่าทำไม? เขาพูดแบบนี้ เขาทำแบบนี้....

เดิมทีนั้นผมเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ(ปี2539) จนกระทั่งเรียนจบแล้วยังใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพตลอด จนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่แล้ว(2555) ผมตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด (อยู่ติดกันกับบ้านเกิดของผม) โดยมีจุดหมายที่จะเรียนต่อปริญญาโท(สอบได้เรียบร้อยแล้วกำลังจะเปิดเรียนเดือนนี้) เมื่อตัดสินใจว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ผมเลยคิดที่จะหาธุรกิจเล็กๆทำเพื่อเป็นทุนรอนในการเรียนหนังสือบวกกับผมรู้จักมักคุ้นกับรุ่นน้องที่นี่เพราะเราทำงานด้วยกันมาตลอด จึงได้ชักชวนกันลงหุ้นทำธุรกิจเล็กๆ (เล็กตอนนี้อาจจะใหญ่ในวันหน้า ทุกคนคิดแบบนี้) เพื่อเป็นทุนรอนสำหรับเรียน จะได้ไม่รบกวนที่บ้าน

ร้านอาหาร คือสิ่งที่เราคิดไว้ แต่จะทำร้านอาหารแบบไหนล่ะ พวกเราทุกคนชอบทานหมูกระทะกินกันได้ทุกวัน จนเกิดไอเดียขึ้นมาว่าเราจะทำร้านขายหมูกระทะกัน เปิดขายแบบบุฟเฟต์ เมื่อสรุปว่าจะทำร้านหมูกระทะ เราก็เลยหาทำเล จนได้แถวหน้าตลาดเกษตรเป็นตึกแถวกว้างพอประมาณสามารถทำร้านเล็กๆได้ ที่เลือกทำร้านเล็กๆเพราะผมกับน้องๆไม่มีเงินมากพอที่จะทำร้านใหญ่ๆ บวกกับได้รับคำแนะนำมาว่า อย่าทำตามร้านใหญ่ๆอย่าไปแข่งกับเขา ให้เราทำเท่าที่เราจะทำได้ ค่อยๆทำไปเดี่ยวก็ลงตัวเอง

ผมมีเงินอยู่แสนกว่าบาทแล้วก็เงินจากน้องๆที่ช่วยกันลงหุ่นรวมแล้วก็ประมาณเกือบสองแสนบาท(น้องๆนี่ยังเรียนกันทุกคนครับ) เราก็จัดแจงซื้อข้าวของอุปกรณ์ของร้านหมูกระทะ ด้วยงบจำกัดเราเลยไปซื้อของตลาดอินโดจีน มันช่วยได้มากได้ของครบแต่เสียเงินไม่มาก ซื้อโต๊ะแค่ 15 ชุด ตู้เย็นวางของสดราคา 30000-40000 บาทเหมือนร้านหมูกระทะใหญ่ๆที่เขาใช้กันเราไม่มีเงินซื้อ ผมเลยสั่งทำเค๊าท์เตอร์ไม้ไผ่แทน ใช้น้ำแข็งเป็นตัวช่วยทำให้เย็น จัดร้านแบบง่ายๆ เน้นสะอาด อร่อย เป็นพอ

เรื่องน้ำจิ้ม ตอนแรกผมกับน้องๆจะไปซื้อสูตรน้ำจิ้มแต่เขาขายราคาแพง(20000-30000 บาท) ผมเห็นว่ามันแพงเงินทุนเราน้อยเลยเอาสูตรน้ำจิ้มที่เราทำกินกันเองทุกวันมาลองทำให้ลูกค้าชิม ประมาณว่าเรากินแล้วอร่อย น้องๆก็ว่าอร่อย งั้นลุกค้าก็ต้องชอบแน่ๆ สุดท้ายไม่ต้องเสียเงินซื้อสูตรน้ำจิ้ม ใช้สูตรของตัวเอง จนเดี่ยวนี้ลูกค้าติดน้ำจิ้มที่ร้าน

ด้วยร้านเราเป็นร้านเล็กๆ (เปิดขายวันแรก 15 ธันวาคม 2555) ทำกันเองไม่มีลูกจ้าง ลูกค้าก็เป็นกลุ่มนักศึกษาและคนทำงาน เราลงทุนต่อวันประมาณ 3-5 พันบาท ช่วงแรกๆขายได้วันละ 2000-3000 บาท บางวันขาดทุนแต่เราก็อดทนเพราะเราเปิดร้านใหม่ คนยังไม่รู้จัก ต้องผ่านไปให้ได้อย่างต่ำ 2-3 เดือน แล้วเงินสำรองล่ะ นี่คือปัญหาใหญ่แต่เราก็พยายามหาเงินมาลงทุน แม้แต่การกู้เงินก็ยอมทำ เพราะทุกคนคิดว่าอนาคตมันจะรุ่ง เพราะลูกค้าเริ่มติด มีลูกค้าประจำแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะมีร้านใหญ่มาเปิดเป็นคู่แข่งก็ตาม(ร้านอยู่ห่างกันไม่เกิน 500เมตร อยู่กันคนละฝั่ง ถนนเส้นเดียวกัน ขับรถมาดูที่ร้านทุกวัน)

ผมกับน้องๆพยายามหาวิธีเพื่อเพิ่มยอดขาย คนชอบอะไรก็สรรหามาลง ไอศกรีมนี่ผมก็ลงของดีเลย(เนสท์เล่) ให้กินฟรีไม่มีอั้น นอกนั้นเราก็คิดว่าเบียร์นี่ละที่คนชอบดื่มกัน เพราะถามหาอยู่ตลอด ผมเลยคิดที่จะลงเบียร์สดเพื่อเรียกลูกค้าที่ชอบดื่ม ที่นี่ลูกค้าชอบดื่มลีโอ ผมก็ติดต่อไปยังเบียร์สิงห์ (เขาเจ้าของเดียวกัน) ที่กรุงเทพเพื่อสอบถามข้อมูล จนเขาแนะนำให้ผมติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายของจังหวัด ซึ่งผมก็ติดต่อเรื่องขอลงเบียร์สดตั้งแต่เดือนธันวาคมที่เปิดร้านแต่ก็ได้รับคำตอบว่าต้องรอหลังปีใหม่ก่อน หลังปีใหม่เราก็รอ ช่วงรอขายเบียร์ขวดไปก่อน

พอพ้นปีใหม่ผมก็ติดต่อไปยังตัวแทนจำหน่ายอีกครั้ง เพราะลุกค้าเริ่มถามหาเบียร์สด ระหว่างติดต่อกันนั้นก็มีตัวแทนจำหน่ายของเบียร์สดอีกยี่ห้อหนึ่งติดต่อเรามา ยื่นข้อเสนอให้เราหลายอย่างแต่ผมไม่เอาเพราะลูกค้าผมดื่มแต่ลีโอ เอาลงก็ไม่มีลูกค้าผมก็เลยปฏิเสธเขาไป (ลีโอผมเป็นฝ่ายติดต่อ ส่วนอีกเบียร์เขามาติดต่อผมถึงร้าน) สุดท้ายผมเลยได้รับคำตอบจากตัวแทนจำหน่ายว่าเดี่ยวจะไปลงให้(ลงช่วงประมาณอาทิตย์ที่สองของเดือนมกราคม ผมจำวันไม่ได้เอกสารผมคืนเขาหมดแล้ว) ซึ่งวันที่ลงเบียร์สดนั้นทางตัวแทนจำหน่ายก็เอาเบียร์สดแบบชุดปาร์ตี้เซทมาให้ (ชุดที่เขาใช้ตามงานต่างๆ) ซึ่งไม่ตรงกับที่เราต้องการและพุดคุยไว้คือหัวเบียร์สดแบบตั้งโต๊ะ ผมได้ถามน้องที่เขามาติดตั้ง น้องเขาบอกว่าหัวเบียร์แบบโต๊ะยังไม่มี ผู้จัดการบอกให้ใช้แบบนี้ไปก่อน  ผมก็เออๆไป

วันแรกที่ติดตั้งเบียร์สดแบบชุดปาร์ตี้เซท ตัวถังก็เก่าแถมรั่วอีกต่างหาก ใส่น้ำแข็งไว้ น้ำก็ไหลออกมาตลอดจนต้องใช้ถังรองน้ำไว้ สุดท้ายผมเลยไม่ขายเพราะเครื่องไม่สมบูรณ์ ผมโทรไปยังตัวแทนจำหน่ายเพื่อแจ้งให้มาตรวจเช็คให้ที เขาก็รับปากบอกเดี่ยวจะไปดูให้ วันรุ่งขึ้นก้แล้ว อีกวันก็แล้ว ผมโทรตามอยู่ 2 ครั้งก็ไม่มา ผมเลยเงียบไม่โทรตามอีก

ผมได้ตัดสินใจโทรเข้าไปยังศูนย์ใหญ่กรุงเทพ เพื่อสอบถามว่าทางบริษัทใหญ่ที่กรุงเทพได้ส่งหัวกดเบียร์สดมายังตัวแทนจำหน่ายตามต่างจังหวัดหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าตัวแทนจำหน่ายตามจังหวัดต่างๆมีหัวกดเบียร์สดทุกที่ ผมเลยแจ้งไปว่าผมเปิดร้านหมุกระทะ อยากได้หัวกดแบบตั้งโต๊ะ เพราะผมจะโชว์หัวกดเบียร์สด แต่ตัวแทนจำหน่ายเอาหัวกดแบบปาร์ตี้เซทมาให้ผม แล้วเครื่องก็มีปัญหา แจ้งไปแล้วก็ไม่มาตรวจสอบผมจะทำอย่างไรดี สุดท้ายทางศูนย์ใหญ่ก็เลยให้ผมติดต่อคุณเมธี จันทร์ฤทัย(ขออภัยถ้านามสกุลผิด) ซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าภาคอีสาน ผมก้เลยติดต่อไปยังคุณเมธีเรื่องเบียร์สด เขาก็ถามรายละเอียดต่างๆส่วนผมก็เล่ารายละเอียดให้ฟังต่างๆ สุดท้ายคุณเมธีเลยบอกว่าเดี่ยวผมจะประสานให้ร้านอาหารแบบนี้เอาชุดปาร์ตี้เซทไปให้ได้อย่างไร มันไม่เหมาะ เดี่ยวผมจะสอบถามรายละเอียดไปยังตัวแทยจำหน่ายให้

ไม่น่าเชื่ออีกไม่กี่วันถัดมาตัวแทนจำหน่ายก็นำเอาชุดหัวกดเบียร์สดแบบตั้งโต๊ะมาให้ พร้อมกับติดตั้ง (ตอนติดตั้งนี่เกิดพลาดนิกดหน่อยเบียร์สดพุ่งออกมาเลอะร้านไปหมดแบบว่าผมกับน้องคนติดตั้งได้เล่นเบียร์สดกันเลยทีเดียว จนต้องไปอาบน้ำใหม่ ไม่มีเปลี่ยนถังใหม่นะครับ) แต่วันที่มาติดตั้งนี่สีหน้าท่าทางของพนักงานแต่ละคนไม่มียิ้มแย้ม แบบหน้าเคร่งกันมาก ประมาณว่าจำใจมา

ผมเริ่มขายเบียร์สดได้แต่เมื่อปลายเดือนมกราคมเบียร์สดหมด ผมเลยเอาแบบขวดมาขายก่อนยังไม่ได้สั่ง แล้วช่วงสิ้นเดือนมกราคมมีน้องจากตัวแทนจำหน่ายมาตรวจอุปกรณืที่ร้านแล้วถามว่าเบียร์หมดหรือยัง ผมเลยตอบไปว่าหมดแล้ว เดี่ยวน้องอีกคนจะโทรไปสั่ง อีกวันถัดมาเขาก็มาอีกพร้อมกับเบียร์สด เขาบอกว่าจะลงเบียร์มั๊ย ผมบอกยังครับพรุ่งนี้ได้มั๊ยเพราะเงินไม่อยู่กับผม ถ้าลงก่อนได้แล้วพรุ่งนี้มาเก็บก็ลงได้เลย น้องเขาบอกว่าไม่ได้ครับลงปุ๊บเสียเงินปั๊บ งั้นเดี่ยวค่อยลงก็ได้ครับ อีกวันน้องเขาก็มาอีกแล้วให้น้องผู้หญิงเข้ามาถามว่าพี่ๆจะลงเบียร์มั๊ย ถ้าไม่ลงหนูจะเก็บอุปกรณืกลับนะ ร้านพี่ไม่ทำยอดเลย มันต้องทำยอด ผมเลยบอกว่างั้นพรุ่งนี้เอามาลง 2 ถังก็ได้ น้องผู้หญิงเลยพูดว่า 2 ถังเองเหรอ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ลงหนูก็จะขนของกลับนะ แล้วก็เดินขึ้นรถไปเลย(ส่วนตัวผมคิดเลยว่าจะให้กรูทำยอดได้อย่างไร เพิ่งเปิดร้านได้ไม่ถึงสองเดือน ลุกค้าก็ยังไม่เยอะ แล้วแถมยังพุดจาแบบนี้กับลูกค้าอีก)

กลางคืนผมก็เลยปรึกษากับน้องว่าจะเอายังไงดี จะลงหรือไม่ลง ส่วนผมนั้นไม่อยากลงแล้วเพราะเขาพูดจาไม่ดี ผมเปิดร้านใหม่แทนที่จะถามว่า เป็นอย่างไรบ้างค่ะ ขายดีมั๊ย จะลงเพิ่มอีกมั๊ยค่ะ ลงไม่เยอะก็ได้ค่ะ อะไรแบบนี้ แต่นี่มาปุ๊บไม่ลงก็จะเก็บของ คุณไม่ทำยอด ก็ผมร้านเล็กๆมีแค่ 15 โต๊ะเอง แถมเพิ่งเปิดใหม่จะให้ทำยอดให้สูงก็ไม่ได้

สุดท้ายผมกับน้องๆเลยตกลงกันว่างั้นคืนของเขาไปก็แล้วกัน เราขายแบบขวดก็ได้หรือไปลงเบียร์สดอีกเจ้าก็แล้วกัน เมื่อตกลงกันได้ตอนเช้าผมกับน้องๆเลยเตรียมข้าวของของเขาทั้งหมดเพื่อคืน ซึ่งหากคืนเราก็จะได้เงินประกันคืน 2000 บาท ช่วงเย็นๆของวันเสาร์ที่ 2 น้องเขาก็เข้ามาแล้วพูดว่าจะลงเบียร์สดมั๊ย ผมเลยตอบว่าไม่ครับ ผมขอคืนของ เขาก็ไม่พุดอะไรแล้วก็พากันมาคนของขึ้นรถแล้วก็กลับไปโดยไม่พุดถึงการคืนเงินประกันเลยสักนิดเดียว ผมเลยโทรไปยังสำนักงานของเขาว่า เมื่อเราคืนของแล้วเงินประกันจะได้มั๊ย เขาก็ตอบว่าได้คืน งั้นเมื่อผมคืนของแล้วผมก็ต้องได้เงินประกันคืน แต่เมื่อสักครู่นี้น้องเขามาเก็บของกลับแต่ไม่เห็นพุดเรื่องคืนเงินประกันเลย พนักงานเลยถามชื่อร้านแล้วบอกว่าวันจันทร์ให้เข้ามารับเงินคืนได้เลย

ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ หลังจากน้องกลับจากเรียนที่มหาวิทยาลัยเลยให้น้องไปรับเงินแทน ส่วนตัวผมติดธุระที่ร้าน เรื่องมาเกิดขึ้นตอนไปรับเงินนี่ละครับ น้องผมกลับมาจากรับเงินผมก็เลยถามว่า ไปรับเงินเขาพุดอย่างไรบ้าง  ตอนแรกน้องผมก็ไม่พุดอะไร แต่บอกว่าโดนจัดหนักมา เขาพุดเยอะด่ามาทั้งนั้น  เจ้าของร้านซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์ลีโอ ถามน้องผมว่า ใช่เจ้าของร้านหรือป่าว น้องผมบอกว่าไม่ใช่ครับ ทำงานที่นั่น ผมเลยพูดว่าทำไมไม่บอกว่าผมก็เป็นเจ้าของร้าน น้องผมบอกว่าถ้าบอกว่าเป็นเจ้าของร้านมันก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดแบบไหน(น้องที่ไปรับเงินก็เป็นหนึ่งใน 7 คนที่เป็นเจ้าของร้าน) ผมเลยถามว่าเขาพูดแบบไหน  น้องเลยเล่าให้ฟังว่า เขาอยากเจอหน้าเจ้าของร้านจริงๆ ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ไม่มีเงินแล้วยังอยากเปิดร้านอีก ไม่มีเงินแล้วยังอยากจะขายเบียร์ อยากจะสั่งเบียร์ เห็นอยากขายเหลือเกินโทรมาเร่ง พอเอาไปแล้วกลับไม่อยากขาย แล้วก็อีกคำด่าสารพัด จนน้องผมบอกว่า พวกผมนี่หน้าซีดเลย แต่เรื่องที่เขาโกรธทมากก็คือเรื่องที่ผมโทรเข้าไปยังสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ เพื่อถามเรื่องหัวเบียร์ ซึ่งผมก็คิดว่าเรื่องนี้น่าจะทำให้เขาไม่ชอบผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

วันนั้นหากผมไปเองผมก็คิดว่าเขาคงไม่กล้าพูดแบบนี้หรอก แต่นี่เป็นน้องผมไปเขาเลยด่าไม่ยั้ง วันนั้นผมโกรธมากๆ ผมคิดว่า ทำไมผมไม่รวยแล้วผมจะเปิดร้านไม่ได้เลยหรือ ผมก็อยากจะมีธุรกิจเหมือนกับคนอื่น  ผมคิดว่าเขาดูถูกผมมากๆ ใช่พวกผมทุกคนไม่ได้รวย พ่อแม่ทำนา แต่พวกเราอยากทำมาค้าขาย อยากลองทำดู เผื่ออนาคตมันไปได้ดีมันก็คือสิ่งที่จะรองรับเรา มันอาจเป็นอาชีพของพวกเราก็ได้ ใครจะไปรู้

วันนั้นหลังจากที่ผมได้ฟังน้องเล่าให้ฟัง ผมเลยโทรกลับไปยังตัวแทนจำหน่ายเบียร์ลีโอว่า ผมเป็นเจ้าของร้านหมูกระทะ ไม่ทราบว่าใครอยากจะพูดกับผม พนักงานตอบแบบอ้ำๆอึ้งๆว่า ไม่มีค่ะ ผมก้เลยพูดว่าที่ฝากคำด่ามาถึงผมนั้นล่ะ ผมอยากจะบอกให้รู้ว่า ที่จริงนั้นผมไม่อยากคืนเบียร์สดหรอกครับ แต่เป็นเพราะพนักงานของคุณพุดไม่เพราะ พูดกับลุกค้าไม่ดี ผมเลยต้องคืนของทั้งหมด  ผมพูดเสร็จพนักงานเลยบอกว่า รอสักครู่นะค่ะ  เจ๊อยู่ชั้น 2 ค่ะยังไม่สะดวกที่จะลงมาคุย  ผมเลยพุดว่าเรื่องนี้ไม่จบหรอกนะเดี่ยวผมจะทำเรื่องร้องเรียน เรื่องคุณด่าลูกค้าไปยังเบียร์สิงห์ สำนักงานใหญ่(เบียร์สิงหื เบียร์ลีโอ เจ้าของเดียวกัน) พนักงานเลยพุดว่า ขอโทษนะค่ะ

เรื่องนี้มันทำให้ผมเสียความรู้สึกจริงๆ ครับ ถึงผมไม่รวยผมก็อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ผมพูดกับน้องๆเสมอว่า เราต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ก้าวไปทีละก้าว อย่างต่ำการทำร้านอาหารมันก็สอนอะไรให้เราหลายอย่าง มันสอนให้เราอดทน สอนให้เรารู้จักกันมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายมันอาจเป็นอาชีพหลักของเราก็ได้

ทำไม?ครับคนไม่รวย คนไม่มีเงินไม่สามารถที่จะทำกิจการของตัวเองได้เหรอครับ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่มาดูถูกคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่