กลับมาอีกครั้ง จากที่เมื่อวานประเดิมเป็นแรกนะครับ สำหรับกระทู้ปรุงอาหาร พร้อมคำรวณ แคลอรี่ ขอโทษที่เมื่อวานโพสตอนดึก ทำเอาหลายท่านเข้ามาแล้วหิว รู้สึกผิดและเป็นบาปมากครับ 555 วันนี้เลยมาเร็วหน่อย เผื่อมื้อเย็นยังพอได้ทาน ไม่ดึกเกิน
วันนี้ขอเสนอเมนู ต้มยำปลาทู ครับ

ใช้กล้องมือถือ ภาพอาจไม่น่ากิน หรือไม่ถูกใจหลายๆ คน สามารถเอาไปปรับกรรมวิธีในการทำได้ครับ
เครื่องปรุงมีดังนี้ครับ
(หากมีตาชั่งเล็กๆ อย่างตาชั่งที่ชั่งปริมาณแป้งทำเค๊ก เล็กๆ ที่บ้านจะเหมาะมากครับ)
1. ปลาทูสด (ควักใส้และไข่ปลาออก) 100 กรัม ประมาณ 2 ตัวเล็ก = 140 Kcal
* ตรงนี้ผมอยากให้เอาไข่ปลาออกเพราะ ในไข่ปลาหากทานเข้าไป เราจะได้รับแคลอรี่เพิ่มคือ ปริมาณ 100 กรัม = 7300 Kcal หรือไข่เล็ก ในปลาทู 1 ตัว สมมติว่า ไข่ปลาหนัก 1 กรัม ท่านจะได้รับเพิ่ม 73 Kcal ซึ่งสูงมากครับ
2. ตะไคร้ (กะเอาก็ได้ครับ) 2 ต้นเล็ก ประมาณ 1-2 กรัม = 1.50 Kcal
3. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ = 5 Kcal
4. น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 2 ช้อนชา ไม่พูน = 32 Kcal
5. น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ = 5 Kcal
6. อื่นๆ (กระเทียม 3-4 กลีบเล็ก, ใบมะกรูด 5-6 ใบฉีกครึ่ง, พริกขี้หนู 5-6 เม็ด, น้ำมะนาว 1 ลูก, กะเพรา 1 หยิบมือ, มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นๆ, หอมแดง 1 หัวเล็กหั่นครึ่ง) โดยประมาณ = 25 Kcal
7. ข้าวกล้อง 50 กรัม (ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ) = 80 Kcal
อาหารมื้อนี้ให้ แคลอรี่ 288.5 Kcal โดยประมาณ
วิธีการทำ
ตั้งน้ำให้เปล่า ใส่ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะลงไป น้ำตาล 1 ช้อนชาลงไป หลังจากนั้นใส่ กระเทียมทุบพอแหลก ใบมะกรูดฉีกครึ่ง ตะไคร้ทุบหั่นเป็นท่อนๆ หอมแดงหั่นครึ่ง ลงไป
คนให้เข้ากัน และรอจนน้ำเดือด แล้วใส่ปลาทูสดลงไป หลักจากนั้นห้ามคนโดยเด็ดขาด เพราะปลาทูจะคาว
ตรงนี้เราสามารถไปปรุงเครื่องต้มยำได้ ผมมักจะปรุกเครื่องต้มยำแยก เพราะผมคิดว่าการบีบมะนาวลงไปปรุงในหม้อเลย จะทำให้เกิดรสกร่อย และต้องใช้ปริมาณมะนาวมากกว่าเดิม ผมจึงปรุงแยกดังนี้
หั่นพริกสดเป็นเสี้ยวๆ ประมาณ 4 เม็ด แล้วใส่ลงไปในถ้วย น้ำปลาครึ่งช้อนโต๊ะ มะนาวลูกพอประมาณ 1 ลูก น้ำตาลทรายไม่ขัดสีอีก 1 ช้อนชาตรงนี้ และใส่ใบกะเพราส่วนแรกลงไป ใต้ก้อนถ้วยกับน้ำปรุง
กลับไปที่หม้อต้มยำครับ ตอนนี้ตั้งปลามาได้สักพักแล้ว ปลาค่อนข้างจะสุกเร็วนะครับ ตอนนี้ให้ใส่มะเชือเทศลงไปครับ รอจนมะเขือเทศสุก ก็ยกลงแล้วตักใส่ถ้วยน้ำยำที่เตรียมไว้ได้เลยครับ ตรงนี้อาจจะจัดหน้าด้วย กะเพราสด และพริกขี้หนูสดหั่นแบบที่ผมทำได้ เพื่อความสวยงามครับ
จัดใส่จาน แล้วทานได้เลยครับ
ทริคของวันนี้นะครับ
สำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน ไม่ควรทานน้ำตาลมาก แนะนำให้กะน้ำตาลที่ทานเข้าไปในแต่ละวันนะครับ สำหรับผู้หญิงไม่ควรทานน้ำตาลเกินวันละ 25 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชา, ผู้ชายไม่ควรทานน้ำตาลเกินวันละ 37.5 กรัม หรือประมาณ 9 ช้อนชา (1 กรัม ให้ปริมาณเท่ากับ 4 กิโลแคลอรี่ เราสามาถใช้ตรงนี้ไปวัดอาหารสำเร็จรูป นม ขนมได้ด้วย เวลาดูน้ำตาลหลังบรรจุภัณ) โดยอาจเกินได้นิดหน่อยหากมีการออกกำลัง
ทำไมผมไม่แนะนำให้ทานน้ำตาลมาก เพราะน้ำตาลคือ Empty Calories เป็นพลังงานว่าง ไม่ให้ประโยขน์ใดๆ ทั้งสิ้น เข้าไปแล้วแปลงเป็นไขมันทันทีครับ และจะสะสมไว้ตามพุง
รวมถึงน้ำตาลเทียม เช่นสารให้ความหวานด้วย มักใส่ในน้ำอัดลมต่างๆ ตรงนี้อาจไม่ได้รับไขมัน แต่ความหวานจำทำให้ท่านหิวเพิ่มมากขึ้น และโหย ทำให้อยากทานอาหารครับ รสหวานจะกระตุ้นสารตัวนึงในสมอง (เดี๋ยวผมจะหามาให้ในกระทู้ถัดไปครับ) ทำให้เกิดการเจริญอาหารและอยากทานมากขึ้นกว่าเดิมครับ ชะนั้นแนะนำให้ลดหวาน หรือทานแค่พอประมาณครับ
ตามที่บอกไว้กระทู้ที่แล้ว จะเอาการคิด BMI มาหาว่าคุนน้ำหนักเกินอยู่หรือเปล่า ดังนี้ครับ
เอาน้ำหนักตัว / ส่วนสูง แล้ว ยกกำลัง 2 ครับ
แล้วเทียบค่าดังนี้
40 หรือมากกว่านี้ : โรคอ้วนขั้นสูงสุด
35.0 - 39.9 : โรคอ้วนขั้นที่ 2
28.5 - 34.9 : โรคอ้วนขั้นที่ 1
23.5 - 28.4 : น้ำหนักเกินมาตรฐาน
18.5 - 23-4 : น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
น้อยกว่า 18.5 : น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
อร่อยกับอาหารโดยไม่เครียดเรื่องน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที อาทิคย์ละ 5 วัน
ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงครับ
กระทู้เก่า
[Diet Today] อาหารลดน้ำหนัก ปลากระป๋องผัดคะน้า :
http://www.pantip.com/topic/30002195
[Diet Today] อาหารลดน้ำหนัก ต้มยำปลาทู
วันนี้ขอเสนอเมนู ต้มยำปลาทู ครับ
ใช้กล้องมือถือ ภาพอาจไม่น่ากิน หรือไม่ถูกใจหลายๆ คน สามารถเอาไปปรับกรรมวิธีในการทำได้ครับ
เครื่องปรุงมีดังนี้ครับ
(หากมีตาชั่งเล็กๆ อย่างตาชั่งที่ชั่งปริมาณแป้งทำเค๊ก เล็กๆ ที่บ้านจะเหมาะมากครับ)
1. ปลาทูสด (ควักใส้และไข่ปลาออก) 100 กรัม ประมาณ 2 ตัวเล็ก = 140 Kcal
* ตรงนี้ผมอยากให้เอาไข่ปลาออกเพราะ ในไข่ปลาหากทานเข้าไป เราจะได้รับแคลอรี่เพิ่มคือ ปริมาณ 100 กรัม = 7300 Kcal หรือไข่เล็ก ในปลาทู 1 ตัว สมมติว่า ไข่ปลาหนัก 1 กรัม ท่านจะได้รับเพิ่ม 73 Kcal ซึ่งสูงมากครับ
2. ตะไคร้ (กะเอาก็ได้ครับ) 2 ต้นเล็ก ประมาณ 1-2 กรัม = 1.50 Kcal
3. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ = 5 Kcal
4. น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 2 ช้อนชา ไม่พูน = 32 Kcal
5. น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ = 5 Kcal
6. อื่นๆ (กระเทียม 3-4 กลีบเล็ก, ใบมะกรูด 5-6 ใบฉีกครึ่ง, พริกขี้หนู 5-6 เม็ด, น้ำมะนาว 1 ลูก, กะเพรา 1 หยิบมือ, มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นๆ, หอมแดง 1 หัวเล็กหั่นครึ่ง) โดยประมาณ = 25 Kcal
7. ข้าวกล้อง 50 กรัม (ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ) = 80 Kcal
อาหารมื้อนี้ให้ แคลอรี่ 288.5 Kcal โดยประมาณ
วิธีการทำ
ตั้งน้ำให้เปล่า ใส่ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะลงไป น้ำตาล 1 ช้อนชาลงไป หลังจากนั้นใส่ กระเทียมทุบพอแหลก ใบมะกรูดฉีกครึ่ง ตะไคร้ทุบหั่นเป็นท่อนๆ หอมแดงหั่นครึ่ง ลงไป
คนให้เข้ากัน และรอจนน้ำเดือด แล้วใส่ปลาทูสดลงไป หลักจากนั้นห้ามคนโดยเด็ดขาด เพราะปลาทูจะคาว
ตรงนี้เราสามารถไปปรุงเครื่องต้มยำได้ ผมมักจะปรุกเครื่องต้มยำแยก เพราะผมคิดว่าการบีบมะนาวลงไปปรุงในหม้อเลย จะทำให้เกิดรสกร่อย และต้องใช้ปริมาณมะนาวมากกว่าเดิม ผมจึงปรุงแยกดังนี้
หั่นพริกสดเป็นเสี้ยวๆ ประมาณ 4 เม็ด แล้วใส่ลงไปในถ้วย น้ำปลาครึ่งช้อนโต๊ะ มะนาวลูกพอประมาณ 1 ลูก น้ำตาลทรายไม่ขัดสีอีก 1 ช้อนชาตรงนี้ และใส่ใบกะเพราส่วนแรกลงไป ใต้ก้อนถ้วยกับน้ำปรุง
กลับไปที่หม้อต้มยำครับ ตอนนี้ตั้งปลามาได้สักพักแล้ว ปลาค่อนข้างจะสุกเร็วนะครับ ตอนนี้ให้ใส่มะเชือเทศลงไปครับ รอจนมะเขือเทศสุก ก็ยกลงแล้วตักใส่ถ้วยน้ำยำที่เตรียมไว้ได้เลยครับ ตรงนี้อาจจะจัดหน้าด้วย กะเพราสด และพริกขี้หนูสดหั่นแบบที่ผมทำได้ เพื่อความสวยงามครับ
จัดใส่จาน แล้วทานได้เลยครับ
ทริคของวันนี้นะครับ
สำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน ไม่ควรทานน้ำตาลมาก แนะนำให้กะน้ำตาลที่ทานเข้าไปในแต่ละวันนะครับ สำหรับผู้หญิงไม่ควรทานน้ำตาลเกินวันละ 25 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชา, ผู้ชายไม่ควรทานน้ำตาลเกินวันละ 37.5 กรัม หรือประมาณ 9 ช้อนชา (1 กรัม ให้ปริมาณเท่ากับ 4 กิโลแคลอรี่ เราสามาถใช้ตรงนี้ไปวัดอาหารสำเร็จรูป นม ขนมได้ด้วย เวลาดูน้ำตาลหลังบรรจุภัณ) โดยอาจเกินได้นิดหน่อยหากมีการออกกำลัง
ทำไมผมไม่แนะนำให้ทานน้ำตาลมาก เพราะน้ำตาลคือ Empty Calories เป็นพลังงานว่าง ไม่ให้ประโยขน์ใดๆ ทั้งสิ้น เข้าไปแล้วแปลงเป็นไขมันทันทีครับ และจะสะสมไว้ตามพุง
รวมถึงน้ำตาลเทียม เช่นสารให้ความหวานด้วย มักใส่ในน้ำอัดลมต่างๆ ตรงนี้อาจไม่ได้รับไขมัน แต่ความหวานจำทำให้ท่านหิวเพิ่มมากขึ้น และโหย ทำให้อยากทานอาหารครับ รสหวานจะกระตุ้นสารตัวนึงในสมอง (เดี๋ยวผมจะหามาให้ในกระทู้ถัดไปครับ) ทำให้เกิดการเจริญอาหารและอยากทานมากขึ้นกว่าเดิมครับ ชะนั้นแนะนำให้ลดหวาน หรือทานแค่พอประมาณครับ
ตามที่บอกไว้กระทู้ที่แล้ว จะเอาการคิด BMI มาหาว่าคุนน้ำหนักเกินอยู่หรือเปล่า ดังนี้ครับ
เอาน้ำหนักตัว / ส่วนสูง แล้ว ยกกำลัง 2 ครับ
แล้วเทียบค่าดังนี้
40 หรือมากกว่านี้ : โรคอ้วนขั้นสูงสุด
35.0 - 39.9 : โรคอ้วนขั้นที่ 2
28.5 - 34.9 : โรคอ้วนขั้นที่ 1
23.5 - 28.4 : น้ำหนักเกินมาตรฐาน
18.5 - 23-4 : น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
น้อยกว่า 18.5 : น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
อร่อยกับอาหารโดยไม่เครียดเรื่องน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที อาทิคย์ละ 5 วัน
ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงครับ
กระทู้เก่า
[Diet Today] อาหารลดน้ำหนัก ปลากระป๋องผัดคะน้า : http://www.pantip.com/topic/30002195