ความคิดเห็นที่ 1 |
|
สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 17 ] The Promise Love...
ได้โปรด...อย่า...
มินตรารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังหลงทางอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในสถานที่ซึ่งรายล้อมรอบทิศไปด้วยผืนป่ารกครึ้มเขียวขจีเต็มไปหมด ยิ่งเมื่อเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งพบกับความน่าสะพรึงกลัวของความมืด ความครึ้มของต้นไม้ใหญ่ที่อุดมไปด้วยเถาวัลย์และไม้เลื้อยรายล้อมเต็มไปหมดราวกับกับดักที่ไม่มีวันหาทางออกได้ ความกลัวแล่นเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว จู่โจมเข้าสู่หัวใจของหล่อนทันทีที่เห็นอธิปยืนอยู่ท่ามกลางเถาวัลย์ไม้เลื้อยที่เกาะกุมตัวเขาพันกันอย่างแน่นหนา ใบหน้าของอธิปซีดขาวราวกับกระดาษ ปราศจากเลือดฝาดโดยสิ้นเชิง...
โอม!! โอม!! อย่าไป!!... มินตรากรีดร้องออกมาจนสุดเสียง หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยน้ำตาที่หยาดริน ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตที่ผุดลงมาไม่ขาดสาย เมื่อเหลียวมองไปรอบกายก็พบว่าตนเองยังอยู่ภายในห้องพักของโรงพยาบาลที่หล่อนรักษาตัวอยู่ เสียงกรีดร้องของมินตราเมื่อสักครู่ปลุกให้มารดาของหล่อนตื่นแทบจะในทันที
มิน!! เป็นอะไรลูก อินทิรา..ตรงเข้ามายังลูกสาวที่บัดนี้นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง ดวงหน้ากร้านแดดเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กด้วยความเป็นห่วงพลางลูบหลังลูบไหล่คล้ายจะปลอบให้หายจากอาการตกใจ
แม่!! มิน ฮือออ มิน มินตราสะอึกสะอื้นส่งเสียงร้องเรียกมารดาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ฝันร้ายเหรอลูก น้ำเสียงอ่อนโยนของมารดาค่อยๆทำให้มินตรารู้สึกดีขึ้น
มินฝันร้าย..ฝันเห็น เห็น ..เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ นอนเถอะ ดีที่มินตรายั้งคำพูดเอาไว้ได้ทันยามเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้กันของมารดาจึงแสร้งล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหลังให้มารดาทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงอยู่ นอนเถอะ..ลูกเอ๊ย อย่าฝันร้าย อย่าเจ็บ อย่าป่วยเลยนะ อินทิราลูบศรีษะลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดูแกมสงสารแล้วล้มตัวลงนอนยังเตียงเฝ้าไข้ริมผนังไม่ไกลกัน
จนเวลาเกือบตีสองมินตราที่นอนเท่าไหร่ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะฝันร้ายที่ทำให้หล่อนใจคอไม่ค่อยดี พาลนึกเป็นห่วงคนที่ยังนอนอยู่ไอซียูไม่ฟื้นสักทีทั้งที่ผ่านมานานกว่าสามวันแล้ว หญิงสาวค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะย่องออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบเมื่อแอบมองมารดาแล้วพบว่ามารดาหลับไปแล้ว
มินตราเดินย่องอย่างแผ่วเบาที่สุดผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลมาได้อย่างโล่งอกและกำลังจะก้าวเลี้ยวขวาพ้นขอบมุมผนังห้องใกล้กันนั้น จู่ๆหล่อนก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้
คุณมินตรา..จะไปดูคุณอธิปอีกแล้วเหรอคะ นางพยาบาลประจำห้องไอซียูเอ่ยทักทายมินตราด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร
ค่ะ พอดีนอนไม่หลับ..ว่าจะไปแอบดูเขาสักหน่อย มินตราได้แต่ยิ้มแหยหน้าซีดเผือดเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ จึงได้แต่ตอบออกไปอย่างหวั่นใจ
คุณไปก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ดี ขาก็ยังเจ็บอยู่แล้วจะไปทำไมให้ตัวเองต้องเหนื่อยกันคะ แววตาที่มองมาแกมสงสารเห็นใจของพยาบาลสาวทำให้มินตรารู้สึกสลดวูบ
ก็..เอ่อ..มิน...มิน มินตราอึกอัก เพราะจนด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถยกมาอธิบายได้
เชิญคุณเถอะนะคะ ดิฉันไม่ชวนคุยแล้วป่านนี้พวกนั้นคงหลับกันหมดแล้วมั้งคะพยาบาลสาวผายมือให้มินตราที่ยิ้มให้อย่างดีใจทันทีก่อนจะค่อยๆเดินผ่านไป หล่อนได้แต่แอบมองดูอยู่อย่างลุ้นแทนคุณหนูน่ารักคนนี้เช่นกัน
มินตราเดินเรื่อยมาตามทางเดินจนถึงทางแยกฝั่งซ้ายเป็นทางเดินไปห้องไอซียู หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างฮึดสู้ก่อนจะแอบชะโงกหน้าออกไปดู จึงพบว่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของอธิปกำลังนั่งหลับสัปหงกอยู่บนเก้าอี้พิงหน้าประตูห้อง แล้วจึงเหลียวซ้ายแลขวาเผื่อจะมีใครคนอื่นอยู่แถวนั้นอีก แต่เมื่อไม่พบใครจึงค่อยๆย่องอย่างเบาที่สุดผ่านหน้าชายร่างอ้วนที่กำลังสัปหงกนั้นไปมองกระจกใสหน้าประตูห้องไอซียูที่อธิปนอนอยู่
อธิปยังคงนอนอยู่บนเตียง บนใบหน้ามีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่ สายน้ำเกลือระโยงรยางค์เต็มไปหมด มินตราแทบอยากจะร้องไห้กับสภาพของเขาที่หล่อนเห็น สามวันมาแล้วมินตราไม่เคยแม้แต่จะได้เยื้องกรายเข้ามาเฉียดห้องของเขาเพียงเพราะคำสั่งของอดิษว์ ทั้งที่เป็นห่วงเขาใจจะขาด แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้ หล่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆผลักประตูเข้าไปแล้วหันกลับไปปิดประตูให้เงียบกริบแผ่วเบาที่สุด
คุณมินตรา!! เสียงเรียกชื่อตนเอง ทำให้มินตราถึงกับสะดุ้งหันขวับมาตามเสียงเรียกนั้น
คุณภัทร มินตราหน้าซีดเผือดแทบจะร้องไห้เมื่อพบว่าคนที่เรียกชื่อหล่อนคือ ภัทร..คนสนิทของอดิษว์ เขาคือคนที่เคยส่งหล่อนขึ้นรถตู้ไปเมื่อหลายปีก่อนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
คุณอีกแล้วนะครับ ผมถามจริงๆไม่เข็ดเลยหรือไง ภัทรขมวดคิ้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชายหนุ่มรู้สึกทึ่งในความพยายามของหญิงสาวตรงหน้าไม่เบา
คือ..ฉัน..คือ มินตราระล่ำระลักบอกด้วยสีหน้าซีดเผือดอย่างรู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้า ภัทรหันมามองอธิปที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินผ่านมินตราไป
ฝากคุณโอมสักครู่นะครับ ผมจะไปขอน้ำร้อนจากพยาบาล ภัทรพูดออกมาลอยๆโดยไม่มองหน้า มินตราแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินหล่อนดีใจจนถึงกับฉีกยิ้มกว้าง
ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณนะคะคุณภัทร มินตราเอ่ยขอบคุณภัทรจากใจจริงด้วยน้ำเสียงดีใจเป็นที่สุด ถึงแม้จะรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่หญิงสาวก็อดจะดีใจไม่ได้ ภัทรหยุดชะงักไปครู่หนึ่งไม่ได้หันกลับมามองแต่กลับเปิดประตูห้องออกไปทันที
ใช้เวลาให้มีค่าก่อนที่คุณกับเขาจะไม่ได้เจอกันก็แล้วกันนะ ภัทรอมยิ้มออกมาน้อยๆสีหน้ายามยิ้มของเขามีร่องรอยความกังวลฉายชัด ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเศร้าๆก่อนจะเดินจากไป
ภายในห้องไอซียูมินตราโผเข้าไปกอดร่างของอธิปที่ยังไม่ได้สติทันทีที่เห็นว่าภัทรออกจากห้องไปแล้ว
โอม!! ฉันมาแล้วนะ เมื่อไหร่จะฟื้นซะที มินตราน้ำเสียงสั่นเครืออย่างควบคุมไม่อยู่ยามมองใบหน้าแสนรักของชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว
ฉันเป็นห่วงนะ...รีบตื่นมาเจอฉันสิ
โอมรักฉันไม่ใช่เหรอ อย่าทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวนะ
ฉันรักโอม นี่ใช่มั๊ยที่อยากได้ยิน มินตราพร่ำบอกคนที่นอนไม่ได้สติอธิปไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
โอม ฉันอยากจะขอบคุณ..ขอบคุณที่เอาชีวิตนายมาแลกชีวิตฉัน
ถ้านายฟื้นเมื่อไหร่ คราวนี้ฉันจะพานายหนีเองเราหนีไปให้ไกลๆเลยนะ..นะ มินตราร้องไห้น้ำตาไหลพรากพร่ำพูดออกมาไม่หยุดอย่างต้องการจะสื่อให้อธิปได้ยิน ไม่มีคำตอบใดๆจากร่างที่ยังคงหลับใหล มินตรารู้สึกเหมือนร่างกายจะหมดแรงเอาเสียดื้อๆ เข่าอ่อนจนทรุดลงนั่งข้างเตียงมือก็ยังคงเกาะกุมมืออธิปไว้แน่นไม่รู้นานเท่าไหร่ก่อนที่จะหลับใหลลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน นายครับ ชายร่างท้วมที่เฝ้าอยู่หน้าห้องสะดุ้งตื่นจากอาการสัปหงก จึงลุกขึ้นไปส่องกระจกประตูหน้าห้องเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยภายใน ก่อนจะพบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ภายในห้องนั้นด้วยอีกคน
นั่งลง เสียงทรงอำนาจของภัทรสั่งชายร่างท้วมให้มานั่งประจำที่เดิม
แต่..แต่ว่า นายครับ
จุ๊ จุ๊ ภัทรส่งสัญญาณให้ชายร่างท้วมเงียบเสียง ก่อนที่ตัวเขาเองจะนั่งลงยังเก้าอี้หน้าห้องอีกตัวที่ยังคงว่างอยู่ ชายหนุ่มหลับตาลงพิงผนังห้องแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ชายร่างท้วมได้แต่เกาหัวแกรกอย่างไม่เข้าใจนายของตน แล้วจึงมานั่งยังเก้าอี้อีกฝั่งประตูใกล้ๆกันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
ผมช่วยคุณได้เท่านี้ละนะ..คุณมินตรา... .............................................................................................................................
มินตราลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าของวันใหม่บนเตียงพยาบาลในห้องพักของตนเอง หญิงสาวเหลือบมองไปเห็นมารดากำลังกุลีกุจอเตรียมมื้อเช้าของโรงพยาบาลไว้ให้อย่างรีบร้อน
ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ วสุยื่นหน้าก้มลงมาแย้มยิ้มมองมินตราที่กำลังงัวเงียเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พี่ก้อง!! มินตราอุทานเรียกวสุอย่างตกใจ หล่อนไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่วสุกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะหันไปหามารดาของคนรัก
คุณแม่ครับ..มินตื่นแล้วครับ อินทิราหันกลับมาตามคำบอกของวสุพร้อมสีหน้าที่สดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตื่นแล้วเหรอลูก อินทิราลูบศรีษะลูกน้อยด้วยความเอ็นดูสงสาร พลางหันไปยิ้มอย่างยินดีให้กับคนรักของลูก
ว่าที่ลูกเขยของแม่น่ารักมากเลยนะลูก เอาใจใส่หนูมากเลย อินทิราหันไปยิ้มชื่นชมให้กับวสุชายหนุ่มที่แสนเพียบพร้อม คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของลูกสาวคนเล็กของหล่อน
โธ่ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณแม่ คุณแม่ก็ชมเกินไป น้ำเสียงวสุที่คุยอย่างสนิทสนมกับมารดาของตน ทำให้มินตรายิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จึงเฉไฉมองหารินลดา
แม่คะ..พี่ล่ะ มินตราอดจะถามถึงรินลดาไม่ได้ ปกติพี่สาวของหล่อนจะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนมารดาทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่
พี่เค้าโทรมาว่าใกล้จะถึงแล้วลูก อินทิราหันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะสาละวนจัดเตรียมขนมของฝากจากวสุที่เตรียมมา
วสุถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที เขาอึ้งไปเมื่อได้ยินว่ารินลดากำลังจะมาถึงที่ห้องนี้ ความกระวนกระวายสับสนคืบคลานเข้ามาทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นจิตใจอย่างที่สุด เขายังไม่อยากเผชิญหน้ากับรินลดาในเวลานี้เพราะความรู้สึกดีที่ได้สัมผัสเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในครานั้น ทำให้เขารู้สึกวาบหวามทุกครั้งที่ได้พบหน้า..รินลดา เพื่อนรักเพื่อนสนิทของตน...
มินตราจ้องมองท่าทางของวสุที่ดูกระวนกระวายด้วยความสงสัยใคร่รู้ เกิดอะไรขึ้นระหว่างรินลดา..พี่สาวสุดที่รัก กับวสุ...คู่หมั้นของหล่อนกันแน่...
จากคุณ |
:
lovereason
|
เขียนเมื่อ |
:
10 พ.ย. 55 21:31:00
|
|
|
|