หากจะย้อนไปดูที่มาของความล้มเหลวในปัจจุบัน ผมต้องขอย้อนไปตั้งแต่ในยุคที่ผมเพิ่งเข้ามาเชียร์ ไม่ไกลมากครับ ผมขอเรียกยุคนั้นว่า "ยุค ดั๊ก เอลลิส ตอนปลาย"
ดั๊ก เอลลิส เข้ามาบริหารทีมหลังจากทีมได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ เรียกได้ว่าพอทีมได้แชมป์ปุ๊บ ตานี่มาปั๊บ (ก่อนหน้านี้แกเคยบริหารทีมในช่วง1968-1975)
แฟนบอลในช่วงยุค80s ต่างโทษว่าอีตาดั๊กนี่แหละเป็นคนที่พาความตกต่ำมาสู่ทีม
และแล้วยุคที่ตกต่ำทีมสุดของดั๊ก แอลลิสก็อยู่ในช่วงปลายนี่เอง ในฤดูกาล2005-2006 ความสัมพันธ์ของเอลลิสกับ เดวิด โอเลียรี่มาถึงที่สุด งบทำทีมที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนอีตาดั๊กได้ฉายาจากสื่อมวลชนว่า "Deadly Doug"
ผลงานจบฤดูกาล อันดับ16 นี่เรียกได้ว่าเหลือทนแล้วสำหรับแฟนบอล ดั๊ก เอลลิส จึงได้ขอลา ปล่อยทีมให้วีรบุรุษจากอเมริกา แรนดี้ เลอร์เนอร์ ในปี2006นี้เอง
ผ่าทีมวิลล่า 1ใน7 ทีมที่ไม่เคยตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก
ดั๊ก เอลลิส เข้ามาบริหารทีมหลังจากทีมได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ เรียกได้ว่าพอทีมได้แชมป์ปุ๊บ ตานี่มาปั๊บ (ก่อนหน้านี้แกเคยบริหารทีมในช่วง1968-1975)
แฟนบอลในช่วงยุค80s ต่างโทษว่าอีตาดั๊กนี่แหละเป็นคนที่พาความตกต่ำมาสู่ทีม
และแล้วยุคที่ตกต่ำทีมสุดของดั๊ก แอลลิสก็อยู่ในช่วงปลายนี่เอง ในฤดูกาล2005-2006 ความสัมพันธ์ของเอลลิสกับ เดวิด โอเลียรี่มาถึงที่สุด งบทำทีมที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนอีตาดั๊กได้ฉายาจากสื่อมวลชนว่า "Deadly Doug"
ผลงานจบฤดูกาล อันดับ16 นี่เรียกได้ว่าเหลือทนแล้วสำหรับแฟนบอล ดั๊ก เอลลิส จึงได้ขอลา ปล่อยทีมให้วีรบุรุษจากอเมริกา แรนดี้ เลอร์เนอร์ ในปี2006นี้เอง