ความคิดเห็นที่ 1 พอขายแล้วก็ต้องนำเงินออก ถ้าโชคดีอาจได้กำไรค่าเงินอีกรอบ โชคดีเข้าข้างถึงสองชั้นเลยหรอเนี่ย ทำไมดวงถึงดีอย่างนั้น ถึงรู้ว่าค่าเงินจะอ่อน แต่ออกเลยมันจะทำให้งูตื่นเสียก่อน สังเกตช่วง มีนา ของทุกประเทศให้ดี เริ่มที่จะทยอยปฏิบัติการแล้ว จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 19:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ญี่ปุ่นประเทศที่มีหุ้นของบริษัทที่เข้มแข็งมากมาย รวมทั้งนักการเมืองแสนจะมีสปิริต ดุจดังซามูไร  เลยโดนน้อยหน่อย รับ index -16% ก็พอ :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เกาหลีใต้ จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สิงค์โปร สุดยอดเมืองแห่งการ Trading ย่านเรา จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาเลเซีย จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทำไม่ไหวแล้วครับ ข้ามมาสุดท้ายเลยแล้วกัน กราฟเงินท้ายนี้ก็ต้องบ้านเราสิเนอะ เค้าอ้างกับเราว่าการเมือง แต่อ้างกับอีกประเทศว่าอย่างอื่น เอ....สับสนนะเนี่ย :) ** สุดท้ายนี้ขอบคุณ Metastock ในการช่วยสร้างกราฟเพื่อสื่อสารกับเพื่อนๆครับ ** จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Sector ทวีปเอเชีย ก็โดนถอนการลงทุน Sector ทวีปยุโรป ก็ได้ยินข่าวว่าไม่ดี Sector สหรัฐ เศรษฐกิจก็แย่ ตลาด commodities ก็เหมือนกับกำลังหมดรอบระยะสั้น แล้วพวกนักลงทุนพวกนี้เอาเงินไปไหน? จากคุณ : อนาคต - [ 4 ก.ย. 51 20:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ท้ายนี้เงินไปไหน ไม่ได้ไปซื้อหุ้นที่อเมริกาแน่ เพราะ index แค่ประคองตัวแถวๆนี้ก็เหนื่อยแล้ว หรือไปคอมโมดิตี้ แต่ไหงราคาไม่กระเตื้องไปไหน แน่นอนมีบาง Sector ที่ดีที่ต้องไปพักเงินบ้าง แต่ส่วนมากนั้น ยังคงถือ Cash ไว้นั้นเอง ถ้าใครมีข้อมูลพวกเฮดจ์ฟันลองสังเกตุดุนะครับว่าลดการใช้ leverage ลง แถมถือเงินสดมากขึ้น  ทำไมถือเงินสดมากขึ้น ก็เพื่อรอจังหวะต่อไปนั่นเอง รอให้ระบบมันทำลายตัวเองจนถึงจุดอิ่มตัวก่อน ตาม Game Theory นั่นเอง  วิธีการที่ให้ตลาดทำลายตัวเองนั้นไม่ยาก หากสามารถทำเม็ดเงินกำไรได้ในปริมาณที่มากพอ สุดท้ายชักเงินกำ +ต้นทุนตัวเอง ออกจากวง  แล้วแค่รอ  ระบบก็จะเกิดกฏลูกโซ่ของทฤษฎีเกมส์ตามขึ้นมาเอง เพื่อนๆพอเห็นภาพบ้างมั้ยครับ **มุมมองเหล่านี้เป็นเพียงมุมมองของคนตัวเล็กๆที่ทำหน้าวางกลยุทธ์อยู่ในเกมส์การเงิน พยามแชร์มุมมองของตัวเองเท่านั้นครับ ซึ่งแน่นอนไม่สมบูรณ์ครบถ้วนแน่นอน หวังว่าเพื่อนๆทุกท่านคงจะไม่ถือสา** จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 20:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับ แวะเข้ามาอ่านครับ จากคุณ : zylinz - [ 4 ก.ย. 51 20:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ... จากคุณ : helga - [ 4 ก.ย. 51 20:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รอบปีก่อนหลายประเทศที่กล่าวถึงพุ่งเป็นจรวดเลยครับแต่เราแป๊ก  ปีนี้ดันตกเหมือนค่าเฉลี่ยมันไม่ปกติหรอกครับ จากคุณ : winsg - [ 4 ก.ย. 51 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถามพี่ MudleyGroup ว่าเราพอจะมีวิธีใดที่จะตามน้ำพวกกองทุนนี้ ให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดครับ? คือควรจะเข้า Sector ไหน และมีวิธีไหนที่พอจะบอกได้ว่าระบบทำลายตัวเองถึงจุดอิ่มตัวแล้ว หรือว่าใช้หลัก Money Management อย่างเดียวก็พอแล้ว จากคุณ : อนาคต - [ 4 ก.ย. 51 20:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กระทู้ที่เยียมมาก การขายหุ้นของ foreign โดยอ้างการเมืองเป็นการหาเหตุมาอ้างเท่านั้น ตลาดหุ้นทั่วเอเชียตอนนี้คลอเคลียอยู่แถว new low ทั้งนั้น เขาเรียกยุทธการดึงฟืนออกจากไฟ สมัยปี 40 ฝรั่งปล่อยเงินให้ไทยกู้จนเพลิน แล้วอยู่ๆก็ดึงเงินกลับ สุดท้ายธุรกิจที่ใช้เงินกู้เมืองนอกพังเป็นแถบ จากคุณ : คนเคยกินต้มยำกุ้ง (june_lee) - [ 4 ก.ย. 51 20:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ จากคุณ : เฉลียง - [ 4 ก.ย. 51 20:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากคุณ : hehew - [ 4 ก.ย. 51 20:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : *John* - [ 4 ก.ย. 51 20:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แฉกันแบบนี้ นักวิเคราะห์ก็ไม่ต้องทำอารายกินกันพอดี จับแพะชนแกะ ดำน้ำชนตอทุกวัน จากคุณ : ฝันไป (ฝันไป) - [ 4 ก.ย. 51 21:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง หลายกระทู้เอามาโจมตีการชุมนุมพันธมิตร ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่การชุมนุมเป็นต้นเหตุ ยกเว้นกรณีประกาศภาวะฉุกเฉินเขาตกใจ เขาไม่รู้ไม่ได้อยู่เมืองไทย การขายกลับมาเพิ่มอีกหลังการขายชะลอตัวไปนานแล้ว จากคุณ : c (ไป่ฉี) - [ 4 ก.ย. 51 21:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : izogzag - [ 4 ก.ย. 51 21:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วที่ปิดสนามบินกับท่าเรือล่ะ ไม่ส่งผลรึไง แค่ท่าเรือก็เสียหายวันละ 4,000 ล้านแล้วนะครับ จากคุณ : Jenova7th - [ 4 ก.ย. 51 21:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 7   Sector ทวีปเอเชีย ก็โดนถอนการลงทุน Sector ทวีปยุโรป ก็ได้ยินข่าวว่าไม่ดี Sector สหรัฐ เศรษฐกิจก็แย่ ตลาด commodities ก็เหมือนกับกำลังหมดรอบระยะสั้น แล้วพวกนักลงทุนพวกนี้เอาเงินไปไหน? นี่คือคำถามที่ผมเองก็กำลังรอคำตอบอยู่เหมือนกัน จากคุณ : mr.we - [ 4 ก.ย. 51 21:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณ คุณ MudleyGroup มากครับ ที่ช่วยให้ข้อมูลในภาพกว้างจากตัวเลขจริง เป็นประโยชน์อย่างมากครับ จากคุณ : kitty63 - [ 4 ก.ย. 51 21:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Fund Flow http://www.rockontheset.com/sep/thuday04_09.html จากคุณ : C_yada - [ 4 ก.ย. 51 21:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากครับ... จากคุณ : Samanta Sam - [ 4 ก.ย. 51 21:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จะบอกว่าไม่เกี่ยวเลย คงไม่ใช่ ครับ มันมีผลแน่ แต่ว่าจะระดับไหนเท่านั้นเอง ขอลองอธิบายในแบบตัวเองเข้าใจบ้างนะครับ ช่วงที่ผ่านมา นับจากหลังรัฐประหาร ตาสี(ต่างชาติ) เริ่มปรับจุดยืนการลงทุนในบ้านเราใหม่  เพราะว่าหลายๆกองทุน ประเทศต้นสังกัดมักมีกฎหมายห้ามลงทุนใน ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย  ยิ่งเจอ อุ๋ยเดย์ ความเชื่อมั่นในเครดิตที่จะเล่นตามกติกาสากล  เริ่มไม่แน่ใจ  หลายฝ่ายกล่าวหา นักลงทุนไทย(บางส่วน) เล่นอินไซด์  ทำให้คนดูแลกองทุนทั้งหลาย ปรับจุดการลงทุนในไทยกันระนาว เมื่อหุ้นมันร่วงไปในวันอุ๋ยเดย์  แน่นอนว่าเกิดการปรับพอร์ต และทบทวนกันไปทั่ว  กองไหน โอเวอร์เซลไป ก็ต้องซื้อคืน  กองไหนโอเวอร์บาย ก็ต้องเซล  เล่นกันจนมึนกว่าจะตั้งหลักกันได้  พอตั้งหลักได้ หุ้นก็เริ่มขยับ พอมาช่วงต้นปี ที่ได้รัฐบาลใหม่ ความเชื่อมั่น ดูเหมือนจะกระเตืองขึ้น(ไม่เท่าก่อนปฎิวัติหรอกนะ)  และรัฐก็โดนถามถึง 30%  เพราะต่างชาติไม่ชอบ(แน่ดิ มันเพิ่มต้นทุนนิ)  แต่คนไทยก็เล่นเป็นประเด็นการเมืองจนได้(อันนี้การเมืองก็เกี่ยวการลงทุนหละ เต็มๆ)  ข่าวที่เห็นได้ชัดมากคือ โฟลค ที่ประกาศว่าจะกลับมาแผนเดิม ที่จะลงทุนสร้างฐานในไทย แต่ขอให้ หมัก1 ทบทวน30%  หลังจากที่ กำลังพิจารณาว่าจะเป็น เวียดนาม หรือ อินโดฯ ช่วงที่เราส่งทหารออกมาเล่นหมากเก็บบนถนน  อันนี้ก็บอกได้ว่า การเมืองกับการลงทุน เป็นเรื่องที่ต้องไปด้วยกัน ทำท่าว่าจะดี  แต่แล้วหนี้เน่าซับไพรม์ ก็ปิดไม่ไหว(เริ่มมาตั้งแต่ปลาย บิ๊กอ๊อด จนต้นป๋าหมัก และยาวมาจนตอนนี้) จนต้องออกมายอมรับกันแบบสะท้านโลกา(มันไปทั้งโลกจริงๆ)  แน่นอน ผู้ดูแลกองทุนต่างๆ รีบปรับกลยุทธกันใหม่  ผลิกตำรา ปรับกลยุทธกันทั้งโลก  ไม่ใช่เฉพาะไทย งานนี้โซลอสยังกุมขมับ  จนต้องออกมาสร้างข่าวซะเองจะได้เล่นง่ายหน่อย 2-3วันที่ผ่านมา ยิ่งหนักหนา เพราะว่าเล่นปิด ท่าเรือ ท่าอากาศยาน แถมขู่ปิดน้ำปิดไฟ  จนต่างชาติออกมาถามว่า ตกลงเมืองไทยยังสมควรได้รับเครดิต B+ อยู่อีกไหม คือหลายๆ ประเทศเขามีกฎหมายควบคุมการลงทุนของกองทุนที่ระดมทุนจากประเทศนั้นๆ  เช่นก่อนหน้านี้เราได้ B+ A- ถ้าเราโดนลดเครดิต พันธบัตรจะขายใครหละครับ  พันธบัตรขายไม่ได้ ก็บ่จี๊  อย่าว่าแต่เมกาโปรฯ เลยครับ  เงินกู้รัฐวิสาหกิจที่รัฐค้ำประกัน ก็ต้องโดนลดเครดิตตาม แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายหนี้เน่าๆ อุ้มหนี้ รฟท หละครับ   อันนี้จะหนักยิ่งกว่าสมัยกู้ IMF อีกนะครับ  เพราะเจ้าหนี้จะถามว่า คุณจะใช้อะไรค้ำประกัน  ถ้าไปบอกว่า ใช้ทรัพย์สิน รฟท ค้ำประกัน คนให้กู้ก็บอกว่าไม่เอาเดี่ยว ปชช ประเทศนี้ออกมาทวงคืนอีก  จะเอาโรงไฟฟ้า ค้ำประกัน ก็เจอประท้วงอีก เลยไม่มีอะไรค้ำประกัน  นอกจาก สิทธิหลายๆอย่างที่ต้องเสียไป  แถมถ้าเขาไม่มันใจว่า สิทธิ(ลองนึกถึง 11ฉบับ) นั้นๆจะคุ้มค่าหนี้เขา  เขาก็จะลดความเสี่ยงด้วยการเรียกร้องให้มากกว่าที่ควรจะได้ตามปกติ  เช่นถ้าประเทศ A+ ไปกู้ IMF อาจโดน 11ฉบับ  พอC+ ไปกู้จะโดน 81ฉบับ คราวนี้ได้เน่าแบบ อาร์เจนอย่างที่ นักวิชามารอยากได้แน่ จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ 4 ก.ย. 51 21:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากครับ หายไปนานเลยนะครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ - [ 4 ก.ย. 51 21:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห.25 คุณแมวน้ำขี้เซา อธิบายทำให้เห็นภาพได้ดีจริงๆ จากคุณ : pong_b15 - [ 4 ก.ย. 51 21:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับคำอธิบายของเพื่อนๆทุกท่านที่ช่วยเติมเต็มครับ ท้ายนี้เป็นของแถมขอบคุณที่ช่วยเพิ่มมุมมองให้กับเพื่อนๆแล้วกันครับก่อนผมไปทำงานต่อ  มาดูกันว่า Port ของพวกเฮดจ์ฟันพวกนี้ถ่วงน้ำหนัก Index กันอย่างไรบ้าง เค้าทำอย่างที่พูดกันบนจอ bloomberg ให้เราฟังหรือไม่   ตอบคุณ อนาคต ครับ  money management เป็นสิ่งสำคัญครับเพราะเราไม่รุ้จะถึงจุดอิ่มตัวเมื่อไรนั่นเอง จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 22:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยกับพี่ครับ ตามที่พี่บอกมาว่า สังเกตช่วง มีนา ของทุกประเทศให้ดี เริ่มที่จะทยอยปฏิบัติการแล้ว แต่ Set มันไม่ได้พุ่งลงเป็นเส้นตรงจากตรงนั้น กลับไปทำ High ใหม่ซะอีก ผมจึงคิดว่าปัจจัย Local ก็สำคัญบ้างครับ มันอาจทำให้เรารู้ว่า Set มันจะทำตัวยังไงก่อน ดังที่คุณแมวน้ำขี้เซาบอก โอะ..โอวว แย่เลยครับ ขอโทษที่ทำให้รูปไม่ต่อเนื่องนะพี่ /\ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 22:33:49 จากคุณ : lunch - [ 4 ก.ย. 51 22:21:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนอันนี้เป็น Exposures วางไพ่ตอนต้นปีมกราคม :) เล่นชิงวางกันมาแบบนี้ตั้งแต่เปิดเกมส์ต้นปี -*- จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 22:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใช่เลยครับปัจจัย Local มีส่วนประกอบสำคัญเช่นกันครับ ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆนำมุมมองแบบ Macro และ ปัจจัยภายในของประเทศเรามา ประกอบด้วยแล้ว (อ่อ อย่าลืม Money Management นะครับ) ฝรั่งที่ไหนก็สู้ไม่ได้ครับ ผมมีกระทุ้แลกเปลี่ยนความเห็นแชร์กันแบบนี้ใน Pantip นี่ดีมากๆเลยครับ อีกหน่อยนักลงทุนใน pantip อาจจะน่ากลัวมากๆก็เป็นได้ :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 4 ก.ย. 51 22:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถือเป็นกระทู้ที่ดี อีกหนึ่งกระทู้ ผมโหวตให้แล้วครับ จากคุณ : IAMGUY MANIA - [ 4 ก.ย. 51 22:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เยี่ยมครับ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : dangerous - [ 4 ก.ย. 51 23:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 34 บล.ทิสโก้ คาดต่างประเทศขายหุ้นไทยอีกราว 2 หมื่นล้านบาทใน 1-2 เดือน, กลับมาซื้อใน Q4 บล.ทิสโก้ คาดภาวะการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/51 ยังคงเผชิญข่าวร้ายจากประเด็นการเมืองภายในประเทศและปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งจะกดดันให้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายในตลาดหุ้นไทยได้อีกราว 2 หมื่นล้านบาทช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาซื้อในช่วงไตรมาส 4/51 ที่คาดว่าสถานการณ์ภายในประเทศน่าจะชัดเจนและหุ้นไทยมีราคาถูก "ในช่วงไตรมาส 3 จะมีแต่ข่าวร้ายเข้ามา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ...ส่วนต่างชาติ ผมเชื่อว่า ยังเทขายอยู่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ น่าจะเทขายอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท" นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายลูกค้าส่วนบุคคลและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค(รักษาการ)บล.ทิสโก้ กล่าวในการสัมมนา "กลยุทธ์การลงทุนหุ้นในไตรมาส 3" ตั้งแต่ต้นปี ดัชนีปรับลงมาแล้วเกือบ 24% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 1.05 แสนล้านบาท โดยเฉพาะช่วง 2 วันที่ผ่านมามียอดขายรวมกันกว่า 6 พันล้านบาท หลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร หลังจากเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยต่อไปท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มากขึ้นเพื่อให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือเลือกแนวทางยุบสภา เขาเห็นว่านักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์และความชัดเจนทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้อยู่ โดยเชื่อว่าตลาดมีโอกาสปรับลงมาทดสอบแนวรับที่บริเวณ 630-640 แต่หากสถานการณ์การเมืองมีความยืดเยื้อ ดัชนีก็มีโอกาสจะหลุดลงไปถึงระดับ 600-580 อย่างไรก็ตาม หากมีความชัดเจนในเรื่องการยุบสภา เชื่อว่าแนวรับที่บริเวณ 630-640 จุดจะยังรองรับได้ และหากมีการประกาศยุบสภาเชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 2 วัน นายวิวัฒน์กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวและปัญหาซับไพร์ม ซึ่งอาจทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐและยุโรปอาจจะต้องเพิ่มทุนเป็นจำนวนมาก และธนาคารขนาดเล็กอาจจะต้องทยอยปิดตัวลง ขณะที่มองว่าอาจมีแรงกดดันจากการขายหุ้นของกองทุนต่างๆที่มีอยู่ทั่วเอเชียด้วย อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าไปแล้ว ก็อาจจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/51 หลังมองว่าหุ้นไทยมีราคาถูกและสถานการณ์ภายในประเทศมีความชัดเจนแล้ว โดยทิสโก้แนะนำให้ซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีในช่วงนี้ เช่น KBANK, SCB, BANPU ,IRP,HANA,MINT, LPN และ CK เป็นต้น http://www.rockontheset.com/sep/friday05_09.html จากคุณ : C_yada - [ 4 ก.ย. 51 23:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 reply 21 krup ...............เขาไปเล่นอัตราแลกเปลี่ยนกัน   New trend next year จากคุณ : กรรมกรใส่สูท (studsie) - [ 4 ก.ย. 51 23:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ คะ ทุกวันนี้ยากที่จะเขื่อข่าวไหนจริงข่าวไหนไม่จริง ทุกอย่างล้วนมี controller ถ้าไม่มีต่างชาติมาลงทุน ตลาดก็จะเงียบเป็นป่าาช้าเลย หุ้นพื้นฐานดีๆ งบงามๆ ก็จะ เงียบ แม้กำไรจะออกมาสวย ......แล้วก็จเหลือหุ้นปั่น ที่จะเข้ามาหลอกล้อแมงเม้า เป็นของเล่นฆ่าเวลา รอฝรั่ง เฮ่ออ นึกแล้วก็อยาก shot ตาม แต่เป็นคนมองโลกในแง่ดี คิดว่ามันคงไม่แย่ไปตลอดหรอก ก็เลยอยากเปิด long โอย สับสนตัวเอง จากคุณ : ปวดหัวคิดเยอะท้อแท้ (elpaso) - [ 4 ก.ย. 51 23:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 *** หมายเหตุอีกครั้ง ครับ เพื่อนๆหลังไมค์มาหลายคน จุดยืนของผมยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่สมัยที่ผมยังเด็กอยุ่ในห้องนี้ คือแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกับเพื่อนครับเท่านั้นครับ การที่จะวาง Positions ใดๆหรือหุ้นตัวไหนจะดีนี้ผมไม่สามารถชี้นำได้ครับ เพราะถ้าใครที่สามารถบอกเพื่อนๆได้ว่าควรจะวาง Positions แบบไหนหรือหุ้นตัวไหนตอนนี้ ให้เพื่อนๆระวังไว้ก่อนเลยครับ แสดงว่าเค้าไม่เข้าใจธรรมชาติของตลาดดีพอ การจะวาง Positions ใดๆขอให้เป็นจุดที่เราได้เปรียบคนอื่นจริงๆครับ และที่สำคัญคือ Money Management ต้องดีมากๆเผื่อเราพลาดพลั้งเอาไว้ครับ *** ท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆทุกท่านมีความสุขและประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ครับ Theory of Reflexivity    (Revise ) ในปรัชญาของโซรอสนั้นเราต้องเข้าใจความหมายที่โซรอสต้องการจะสื่อก่อน   กระจกสะท้อน = ตลาด    ปฏิกิริยาสะท้อนกลับของโซรอสจะเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีตัวกลางคือกระจกก่อนเป็นอันดับแรกนั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เราได้เห็นก็คือตลาด Participant = ผู้ที่อยู่ในตลาดที่ตัวเองมีผลประโยชน์ด้วยนั่นเอง ไม่ว่าผู้นั้น จะทำการซื้อขายหรือไม่ก็ตาม หากมีผลประโยชน์กับตลาดแล้ว แนวความคิดของเค้าจะ Bias อย่างแน่นอน จึงจัดอยู่ในประเภทของ Participant Observer = ผู้ซึ่งสังเกตุการณ์อยู่ภายนอกตลาด หรือคิดวิเคราะห์มายังตลาดภายใต้พื้นฐานของความรู้เท่าที่ตัวเองมีอยู่ โดยที่ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับตลาดนั้นๆ ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ = Reflexivity = จะเกิดมาจากผลกระทบของกลุ่ม Participant ได้เข้าไปกระทำ Actions ในตลาดนั่นเอง ซึ่งตลาดจะเป็นกระจกสะท้อนผลลัพธ์ ดังนั้นหัวใจของ Soros ขั้นแรก ก็คือ Boom Bust Model ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากและโซรอสใช้ในการมองแบบ Macro View มาโดยตลอด ขั้นแรกของการก่อตัวของ ฟองสบู่ก็คือ (Boom)  ความเชื่อของ Participant บางกลุ่มในตลาดได้กระทำ Actions ต่อตลาด และเมื่อตลาดตอบสนองในทิศทางที่พวกเค้าเหล่านั้นคิด ก็จะทำให้พวกเค้าเหล่านั้นเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองว่าถูกต้อง กล่าวคือ Participant จะยึดติดความถูกต้องของตัวเองกับสิ่งที่ตลาดสะท้อนกลับออกมาให้เห็น  แล้วเมื่อทิศทางตลาดตอบรับความเชื่อของเค้าเหล่านั้นเค้าก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นและความมั่นใจของเค้ารวมทั้งการตอบสนองของตลาด เหล่านี้เองจะสร้าง ความเชื่อใหม่ๆให้แก่กลุ่มบุคคลที่อยู่ภายนอกตลาดกล่าวคือ Observer นั่นเอง ซึ่งฟองสบู่จะค่อยๆขยายตัวออกตามอัตราที่ Observer เหล่านี้ค่อยๆเข้ามากลายเป็น Participant ซึ่งจะเป็นไปดัง Functions ดังต่อไปนี้ Observer ------>   Participant -------->  Market Feed Back (สอดคล้องความเชื่อ ได้รับผลตอบแทนที่ดี) จาก Functions ของโซรอส เราจะเห็นได้ว่า ยิ่งตลาดตอบสนองสอดคล้องไปในทิศทางที่เราต้องการให้เป็นมากเท่าไร อัตราการเร่งก็จะยิ่งเร่งให้ Observer เข้ามาเป็น Participant มากขึ้น กว่า Rate อัตราปกติที่ตลาดจะรับได้ ต.ย. เช่น ราคาทองคำ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ต่อเนื่อง ตามความเชื่อของกลุ่มคนในตลาด Commodity บางกลุ่ม และราคาได้ตอบสนองต่อความเชื่อเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นอัตราเร่งความมั่นใจ และสร้างความเชื่อว่าความคิดเหล่านี้ถูกต้อง จนส่งผ่านมาถึงผู้คนภายนอกตลาด แต่แน่นอน การซื้อทองคำเพื่อลดผลกระทบจากการด้อยค่าของเงินสกุลหลักๆเป็นสิ่งที่ทำมานานแล้ว แต่การอัตราการเข้ามาที่เร็วเกินไปตามความเชื่อของ Observer ที่คล้อยตามนั้นทำให้ตลาด สะท้อนกลับออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามนั่นเอง  และหากตลาดสะท้อนในทิศทางความเชื่อที่ตรงกันข้ามเหล่านี้ต่อไป คนอีกกลุ่มซึ่งคิดสอดคล้องกับตลาดในทิศทางก็จะเริ่มมั่นใจในเหตุผลบางอย่าง ว่าถูกต้อง และส่งผ่านความเชื่อนี้ออกไปให้กับ Participant คนอื่นๆเริ่มรับรู้ และคล้อยตาม เช่น ธนาคารกลางซึ่งเริ่มลดการถือครองทองคำลงด้วยเหตุผลบางอย่าง อะไรเหล่านี้เป็นต้น สุดแท้แต่ความเชื่อ และยิ่งหากตลาดแสดงผลลัพธ์สอดคล้องไปในทิศทางความเชื่อของคนกลุ่มนี้ ความเชื่อก็จะเริ่มมีน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆๆ จนหลายคนเริ่มคล้อยตามและคิดว่าถูกต้อง  ซึ่งหากผลกระทบเหล่านั้นรุนแรงและเจ็บปวดมาก Participant บางพวกก็จะค่อยๆทยอยออกจากตลาดไป  เป็น Loop แบบนี้วนไปเรื่อยๆ โดยที่ Observer และ Participant อาจจะเป็นคนกลุ่มใหม่ๆผลัดเวียนเปลี่ยนไปอยู่เสมอหรือคนเก่าก็ได้  ซึ่งปฏิกิริยา Bust นั่นจะเป็นไปดัง functions ง่ายๆดังรูปข้างล่างนี้ Observer <----- -- Participant <-------- Market Feed Back (ไม่สอดคล้องกับความเชื่อ เริ่มเจ็บปวดเสียหาย) ดังนั้น เราจะเห็นว่าโซรอส สนใจกับสิ่งเหล่านี้มากกว่า ความเชื่อทางด้าน Economic ขณะๆนั้น ซึ่งดูยังไงก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องในเวลาช่วงนั้นๆ เพราะ ถ้าเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับขึ้นมาเราก็จะเห็นข้อมูลที่ถูกต้องทาง Economic ที่ตอบรับกับ Feed Back ของตลาดอยู่ดี จากคุณ : MudleyGroup - [ 5 ก.ย. 51 00:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ...คุณMudeyGroup...มาก ทั้งทฤษฎีและความรู้การเงินฯลฯ... เรื่องการปั่นฟองสบู่....ทางการเงิน มองๆไป คน...ไทยดูเหมือนจะเก่งไม่แพ้ใคร... คิดว่า...ออกเจะก่งกว่า...นะขอรับ นั่งมองดูๆการเมือง เกมแห่งอำนาจ...และความเชื่อ... ดูเหมือนศิลปะทางปาก...ปากเปนเอก...จะช่วยได้มากทีเดียว ...ตำร่ำตำราตกทอดมาหลาย...จากโบราณทั้งจีนไทย...ตำนานการเมืองสามก็ก เลียดก็ก..และฉบับการเมือง-นักกฏหมาย-เศรษฐศาสตร์ไทย ....อีกหน่อย บัก..สิเด่อ...คงต้องมาเรียนมหาวิทยาลัย ...ข้างถนน...ไทย ...ทฤษฏีฟองสบู่...แห่งอำนาจ...ความเชื่อและความดี ขออภัย...มาล่วงหน้า...หากทำให้กระทู้ ดีมากๆของคุณล่ม..มลายหาย จากคุณ : แพะโง่ (แพะโง่) - [ 5 ก.ย. 51 05:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 [url]http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6966061/P6966061.html[/url] จากคุณ : แพะโง่ (แพะโง่) - [ 5 ก.ย. 51 06:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จากกราฟค่าเงินตลาดเอเชีย....ฐานฮ่องกง...ดูเหมือนดีที่สุดแม้สองสามเดือนล่าสุด...ส่วนที่พี่ไทยคงไม่ต้อง...มอง สามเดือนไหลออกแสนล้านจากกราฟพี่ร็อกที่คุณ Yada เอื้อเฟื้อมา...ขอบคุณมาณ ที่นี้ จากคุณ : แพะโง่ (แพะโง่) - [ 5 ก.ย. 51 07:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณคุณ MudleyGroup ครับ จากคุณ : sc2007 - [ 5 ก.ย. 51 08:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตให้เลยครับ นานๆทีถึงจะเห็นกระทู้แบบนี้ โหวตครับ จากคุณ : โต้คลื่น - [ 5 ก.ย. 51 08:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สุดท้ายผมเชื่อในหลักทฤษฎีนี้ครับ ในตลาดเก็งกำไร ดัชนีราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ mass ขาดทุนเสมอ ถ้านำมาใช้กับข้อมูลที่คุณ MudleyGroup และข้อมูลอื่นๆในกระทู้นี้ ผมว่ามันสอดคล้องต้องกันจริงๆ แสดงว่าในตลาดเก็งกำไร จะมีการสร้างกระแสให้ Observers และ Participants เกิดความรู้สึกในผลกำไรที่จะได้รับเมื่อเหยื่อมาติดกับดักเยอะๆ ผู้สร้างกระแสก็จะลงมือเชือด ด้วยการเก็บเกี่ยวกำไรออกจากตลาดไปก่อน ตอนที่จะออกตลาด ก็อาจจะมีเทคนิคที่ไม่ทำให้ไก่ตื่น กว่า mass(Observers และ Participants) จะรู้ตัวว่าผลกำไรมันไม่ได้อย่างที่คิดเลย มันก็สายไปเสียแล้ว mass ก็เลยต้องขาดทุนเสมอ การเข้าร่วมรบในตลาดเก็งกำไร จึงต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอิทธิพลในการชี้นำตลาดคือใคร?นักลงทุนฝ่ายไหน? ถ้าในตลาดหุ้นของไทย ก็คือนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ รองลงมาคือนักลงทุนสถาบันในไทย ผมว่าถ้าจับจุดตรงนี้แล้วเล่นตามนักลงทุนสถาบันต่างประเทศได้ จะเป็นทางรอดที่ดีที่สุดครับ สำหรับข่าวสารต่างๆ หรือบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ เป็นเพียงส่วนที่จะใช้อธิบายให้เข้ากับการลงทุนเท่านั้น จะมีผลในระยะสั้น แต่ภาพรวมใหญ่ๆคือ massจะต้องขาดทุนเสมอ เราไม่อยากขาดทุน เราก็ต้องอย่าเล่นด้วยการแห่ตาม massซึ่งมันเป็นการยากที่จะฝืนธรรมชาติมนุษย์ที่มักชอบแห่ไปตามกระแส แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 08:46:27 จากคุณ : kaisin - [ 5 ก.ย. 51 08:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณ   คุณ MudleyGroup  เห็นภาพใหญ่และการเชี่ยมโยงของเกมการเงินมากยิ่งขึ้นครับ   ความรู้คู่ปัญญา   สำหรับกระทู้นี้ครับ จากคุณ : ไทไท - [ 5 ก.ย. 51 09:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 -ขอบคุณข้อมูลและความรู้ของทุกๆท่านที่ช่วยแชร์มาให้ครับ........;วันนี้ได้ฟังข่าวจากรายการจันเงินชนทองแล้วได้ความว่ายอดเงินลงทุนของต่างชาติยังคงค้างในตลท.อยู่อีก~7หมื่นกว่าล้านบาทที่ยังสามารถขายหุ้นออกได้ครับ...........คำนวณได้ก็~-60จุดดัชนีต่ำสุดแล้ว>>>>...ก็แค่คห.เล็กๆครับ จากคุณ : poodprad - [ 5 ก.ย. 51 11:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณ คุณMudleyGroupครับ  เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มาก ขอออกความเห็นบ้างนะครับ  ผมคิดว่าที่คุณMudleyGroup commentเน้นเรื่องของการhedgingเป็นหลัก  สำหรับเพื่อนๆที่เล่นแบบเก็งกำไรน่าจะมีประโยชน์มากนะครับ  สำหรับเพื่อนๆที่ลงทุนแบบvalue investorก็ต้องดูพื้นฐานธุรกิจกันต่อไป  ต้องพิจารณาหุ้นเป็นรายตัว(ไม่ได้แนะนำให้เก็บหุ้นนะครับ)หลายๆฝ่ายเริ่มมองว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอยจะทำให้พื้นฐานแย่ลง แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 51 11:14:00 จากคุณ : blitzen - [ 5 ก.ย. 51 11:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เยี่ยมเลยครับ เคยคิดอยู่เหมือนกัน เพราะทุกวันก็เห็นทุกตลาดแดงกันทั่วหน้า แต่ไม่รู้ทำไม คนในสินธร กับ รดน. เชื่อกันเหลือเกินว่าเป็นเพราะ พธม. หรือ พธม. คุมตลาดเอเชียอยู่? จากคุณ : sace22 - [ 5 ก.ย. 51 11:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดีใจที่เพื่อนๆมาแสดงความคิดเห็นกันเยอะๆครับ เพราะแนวทางการลงทุนหรือเล่นเกมส์การเงินนั้นหลากหลายมาก ไม่มีมีแนวคิดใดๆที่จะการันตีความสำเร็จได้อย่างเสมอไป หากแต่อยู่ที่เรายืดหยุ่นปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตัวเอง มีของมาฝากเพื่อนๆอีกเช่นเคยครับ หลายคนอาจคิดว่าผมชอบ SOROS มากที่สุด แต่จริงๆแล้วผมชอบนักลงทุนระดับโลกๆอีกหลายๆคน โดยเฉพาะ Buffet ทำไมผมถึงชื่นชมนักลงทุนระดับโลกเหล่านี้ ลองมาดูตัวอย่าง Buffet แล้วกันครับ นี่คือมืออาชีพครับ เค้ามีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นมาก ผมคิดว่าพอจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบางท่านที่ชอบค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมนะครับ   จาก Wallstreet Journal Buffett Scores With Derivatives By Karen Richardson Word Count: 347  |  Companies Featured in This Article: Berkshire Hathaway, PetroChina Billionaire insurance salesman Warren Buffett has been selling more derivatives recently. This year, Berkshire Hathaway Inc., the Omaha, Neb., holding company headed by Mr. Buffett, has collected premiums of about $2.5 billion from selling insurance on stock indexes and bonds in the form of derivative contracts, which guarantee payment to the buyer in the event of a specific loss in an underlying entity of the contracts. Sellers of stock- and ...   เห็นบัพเฟตโดดลงมาเล่น ตราสาร derivatives แล้วได้เฮเลยครับ แกเก่งมากครับ อย่าคิดว่าแกไม่เข้าใจนะครับ เพียงแต่แกรุ้จักว่าเมื่อไรโลกใบนี้ควรจะใช้วิธีการไหนที่เหมาะสม และแกพยามเรียนรู้อยู่ตลอดสม่ำเสมอ นี่คือวิถีทางลักษณะของระดับ Master จริงๆครับ จากคุณ : MudleyGroup - [ 5 ก.ย. 51 11:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณครับ จากคุณ : d.hunt - [ 5 ก.ย. 51 12:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กระทู้ดี จริงๆ ครับ  นับถือ ขอบคุณที่เข้ามาแชร์ ความรู้กันนะครับ จากคุณ : ac_boykung - [ 5 ก.ย. 51 12:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จากที่เคยเข้าใจคร่าวๆ  มาดูกราฟแล้ว  เห็นภาพเลยค่ะ จากคุณ : ตาลเฉาะ - [ 5 ก.ย. 51 13:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คิดเหมือนกันแต่มองได้แค่บางจุด ไม่กว้างเท่าพี่ ๆ ถามเหมือนพี่ หลายคนคือ เขาจะไปที่ไหนต่อ (น้ำมันเพิ่งออก, ทอง โลหะ ลด, พืชผลเกษตรก็ไม่วิกฤต, หุ้นตกทั่วโลก) หรือเขาแค่แปลงกลับไปเป็นดอลล่าห์ คับ จากคุณ : น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ - [ 5 ก.ย. 51 13:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เค้าแค่ก็แค่รอเรา Panic ครับ ดังนั้น ผมจึงอยากเน้นเรื่อง Money Management มากจริงๆสำหรับเพื่อนๆที่เข้ามาใหม่ๆ และกลยุทธ์เวลาซื้อขาย ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ Panic และโดนเค้าบีบครับ  เค้ามีเงินและเงินมันจริงๆแล้วก็เสื่อมลงทุกๆปี ทางเดียวที่จะเอาชนะการเสื่อมค่าของเงินที่ตัวเองถือได้ คือพยามกดดันซื้อสินทรัยพ์ให้ได้ราคาถูกมากๆ และ ขายให้ได้กำไรในอัตราออกไปมากกว่าปริมาณเงินเฟ้อ + กำไรที่ต้องการ ต่อปีนั้นๆให้ได้  ดังนั้นตอนนี้แต้มต่อเค้าเลยสูงกว่าเพราะมีทั้งกำไรและถือเงินไว้ก็ไม่เสียหายจากเงินเฟ้อ ถ้าเราไม่ Panic เค้าก็ไม่เข้า และ  ถ้าเรา Panic ก็เสร็จเค้า :) จากคุณ : MudleyGroup - [ 5 ก.ย. 51 13:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เสนอว่า ลองดูกราฟแบบกราฟแรก แต่ย้อนหลังสัก 4-5 ปี ตั้งแต่เริ่มมีการประท้วง มีความวุ่นวายทางการเมือง และความไม่ลงตัวต่างๆ ประกอบด้วยนะครับ จะได้เห็นอะไรเยอะขึ้น ... จากคุณ : c-sar-salad - [ 5 ก.ย. 51 13:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ยังอ่านไม่หมดครับพี่ แต่ขอบคุณมาก ๆครับ ไว้อ่านแล้วมาเมนต์ด้วย เห็นดาวเมื่อคืนก็รู้แล้วครับว่าเกี่ยวไม่เกี่ยว หัวข้อกระทู้โดนใจครับ จากคุณ : ไอ้แคท.ราชาแมงเม่า (Catrule) - [ 5 ก.ย. 51 13:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สุดยอดครับ จากคุณ : kinma - [ 5 ก.ย. 51 15:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สุเกียง - [ 5 ก.ย. 51 15:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณคุณ MudleyGroup ครับ จากคุณ : yai-cho - [ 5 ก.ย. 51 17:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เยี่ยม เห็นด้วยครับ จากคุณ : pungee1 - [ 5 ก.ย. 51 20:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เงินที่หายไป น่าจะเอาไปโปะ subprime ครับ มันจึงไม่ได้ไปโผล่ที่ตลาดเงิน ไม่ได้ไปโผล่ที่ตลาดหุ้นอื่น และก็ไม่ได้ไปโผล่ที่ตลาด Commudity ด้วย น่าจะเป็นว่าพวกกองทุนมันขายแหลกทุกตลาด เพื่อเอาเงินไปให้ผู้ที่ต้องการไถ่ถอน ภาพจึงออกมาเช่นนี้ จากคุณ : GimMick - [ 5 ก.ย. 51 23:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ช่วงนี้มีเหตุการณ์จริงๆเป็นตัวอย่างให้เราได้เรียนรู้เยอะจริงๆครับ มาดูฝรั่งโดนหลอกกันบ้างดีกว่า  เราคงเห็นยุโรปแดง 2%กว่า ถ้าเราเป็นอยู่ในอเมริกาเปิดมาก็ตกใจขายเช่นกัน สุดท้ายพวกที่รอจังหวะ Panic สบโอกาส นี่หล่ะครับ สมัยนี้มันกลายเป็นเกมส์รูปแบบนี้กันหมด เพราะเครื่องมีออนุพันธ์ทางการเงินที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ตลาดเข้าสุ่รุปแบบที่ Volatility สูง สงสัยจะเข้าสุ่ยุคแบบที่ กรีน สเปนเขียนไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของเค้ากระมังครับ :)   ท้ายนี้ตลาดจะปิดแบบไหนอยุ่ที่รายย่อย อเมริกาแล้วครับจะเลือกทางไหน ผมขอหนีไปนอนแล้วดีกว่า เฮ้อ ลำบาก จะตามก็โดนยัดคืน จะกลัวไม่ตามเค้าก็ดึง  - -" จากคุณ : MudleyGroup - [ 6 ก.ย. 51 00:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณ พี่ Mudleygroup มากครับ ------------------------------------------ ขออนุญาตแชร์ความเห็นเล็กน้อยเผื่อพี่ๆท่านอื่นๆนะครับ ถึงเราจะหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะตลาดบ้านเราเจอ เช่นเราพบความสัมพันธ์ชัดเจน ระหว่างปัจจัยการเมือง กับสภาวะตลาด แต่สิ่งที่สำคัญกว่า ก็คือ แล้วเราจะปรับตัวเองอย่างไร ให้สอดคล้องกับสภาวะที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่ว่าเราจะคาดการณ์ได้ว่า global จะไปในทางไหนต่อ เราก็ต้องปรับตัวเองให้พร้อมที่จะอยู่ในเกมส์ให้ได้ เพราะถึงเราจะคาดการณ์ได้ถูก แต่เราก็ยังมีข้อจำกัดของรายย่อยเอง ที่ยังไม่ยืดหยุ่นพอที่จะวิ่งไปในทุกๆมุมของโลกได้อย่าง global fund เราจะสนุกกับเกมส์นี้อย่างไร ภายใต้ข้อจำกัดที่เรามีอยู่ นอกจากสนุกแล้ว ยังต้องเกิดประโยชน์ด้วย ขอให้มีความสุขกับการลงทุนทุกคนนะครับ ----------------------------------------------------------------------------- พี่ mudleygroup ครับ ผมกำลังพัฒนา money management ตามแนวที่พี่วางไว้ในห้อง dsm น่ะครับ คิดว่าพี่อาจจะไม่ได้เข้าไปตอบกระทู้นั้นต่ออีก ขออนุญาตถามแทรกในนี้เลยนะครับ ถ้าเราวางกรอบไว้เช่น ระดับ set 600-800 แล้วดัชนี หลุดจากกรอบลงมา เช่นทะลุลงมาต่ำกว่า 600 (ขึ้นสูงกว่า 800 คงไม่ใช่ปัญหา เอ หรือว่าใช่) แผนของเราควรจะเป็นอย่างไรครับ ถอนกำลังออกมาจากกระดานหมากก่อน หรือปรับแผนใหม่ โดยกำหนดกระดานการเล่นใหม่ โดยผู้เล่นชุดเดิมที่ยังอยู่ในกรอบใหม่ ก็คงเอาไว้ก่อน หรือ มีวิธีอย่างอื่นไปเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ฉินจัง - [ 6 ก.ย. 51 01:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็น ผมอยู่ต่างประเทศแต่ก็ยังซื้อขายหุ้นไทยทาง internet ก็เลย ได้ความรู้และเหตุผลต่างๆของตลาดบ้านเราขอขอบคุณทุกๆความเห็นที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันน๊ะครับ จากคุณ : สมชาย@berkeley.CA (somchaia) - [ 6 ก.ย. 51 08:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตอบ คุณ ฉินจัง ครับ จากโมเดลพื้นฐานขั้นแรกที่ผมวางไว้ให้ในห้อง DSM นั้น หากตลาดหลุดจากกรอบออกมาจริงๆ ผมเชื่อว่า เรายังมีทุนอยุ่ราว 20-30 % จากกอง C และ D ซึ่งยังทำให้เราเล่นได้อีก  และในการวางกรอบ เราวาง จาก ยอดของคราวที่แล้ว ลดลงมาถึง 40 % ซึ่งถ้า Index สามารถลงมาเกิน 40 % ได้ เราจะวางหมากด้วยทุนใหม่กรอบก็จะปลอดภัยแถมใช้เงินที่น้อยลงอย่างมหาศาลครับ ดังนั้น ทุนตัวเก่าเราไม่ควรจะเอามันออกไปจากระบบครับ เนื่องจากเราได้ แบ่งหน้าที่ให้มันแล้ว นั่นที่คือ zone ที่เค้าจะต้องรับผิดชอบและหากิน ดังนั้น ผมถึงเน้นเรื่องนี้มากๆครับ ว่าให้เราเน้นที่ การจัดเงินลงทุนเป็นส่วนย่อย มันจะปลอดภัยมากกว่า คนที่เน้น Return เป็นหลักครับ สุดท้ายใน Long Run เราจะแซงเค้าเองครับ เพราะกลไกของตลาดจะทำให้คนที่ไม่จัดการการเงินทุนค่อยๆลดลง และเค้าก็จะพยามหาทุนมาเพิ่มอยุ่เสมอ ซึ่งจะเป็นวัฏจักรจนเค้าไม่สามารถหาทุนมาเติมได้จนต้องออกจากตลาดไป      ดังนั้นหากหลุดจากกรอบของเราซึ่งเป็นไปได้ยาก เราก็แค่หาเงินซึ่งไม่ได้เยอะเท่าไร มาตั้งกรอบใหม่ เพราะวิธีการของเรานั้น ผมว่าอย่างมากก็เพิ่มทุนครั้งเดียว เพราะมันต้องเลวร้ายมากจริงๆถึงหลุดไปขนาดนั้นได้ และถ้ามันลงขนาดนั้นผมเชื่อว่าคนอื่นๆในตลาดน่าจะทุนจนเกลี้ยง แต่เรายังสามารถตั้งเกมส์ของเราเล่นไปได้เรื่อยๆอย่างสบายครับ ท้ายนี้ ผมเห็นกระทุ้ดีๆซึ่งเป็นตัวอย่างให้พวกเราได้เห็นครับ ซึ่งผมพยามย้ำใน บล็อคอยุ่เสมอ  ว่าคนที่ได้ถึงโนเบล แต่หากขาดความเข้าใจเรื่องการบริหารความเสี่ยง และ Money management ก็จะเจอจุดจบได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6969692/I6969692.html จากคุณ : MudleyGroup - [ 6 ก.ย. 51 08:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 thanks naka จากคุณ : member28 - [ 6 ก.ย. 51 12:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 6 ก.ย. 51 23:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ก็เป็นไปตามหลักจิตวิทยามวลชน พวกที่ออกมาโวยวายๆๆโทษพันธมิตร ก็คือพวกขาดทุนแล้ว projection โทษนู่นโทษนี่ ซึ่งเป็นการ protect ตัวเองตามหลักจิตวิทยา ทั้งๆที่มีทั้ง TFEX Option ให้เล่นขาลงก็เล่นได้ ไม่ต้องมี port ที่เงินมากมายก็เล่นได้แล้ว 100000 เดียวก็เล่นได้ หรือถ้าไม่ถึง 50000 ก็เล่น option ก็ยังได้ เห็นได้ชัดๆที่นี่เป็นแหล่งรวมแมลงเม่า อย่างแท้จริงถึงได้ออกมาโวยวายเรื่องนู้นเรื่องนี้ แทนที่จะหาโอกาส หรือ หาทางแก้ไข จากคุณ : น้องส้มเด็กดี - [ 7 ก.ย. 51 12:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดิฉันก็ไม่คิดว่า ปัญหาการเมือง จะมาเกี่ยวอะไรมากมาย อาจจะมีส่วนอยู่บ้าง ก็ในบางเซคเตอร์ที่กระทบในระยะนี้ไปบ้าง เช่น ท่องเที่ยว ซึ่งต้องดูต่อไปอีกหน่อยด้วย ถ้าจบเร็วก่อนการตัดสินใจของพวกกำหนดแพ็คเกจทัวร์ก่อนไตรมาสสุดท้ายซักหน่อย ท่องเที่ยวปลายปีก็ไม่น่ากระทบมากมายอะไร เป็นต้น สาเหตุจากการเมือง ดิฉันให้ค่าวัดเป็นแค่ประเภทในหมวดนู่นนิดนี่หน่อย อย่างมากให้เกี่ยวด้วย ก็ไม่รู้สึกว่าจะเกิน 5-15% ของสาเหตุมั้ง สาเหตุจริงๆ ดิฉันคิดว่า มันเป็นการเข้าสู่วงจรขาลงระดับรอบใหญ่ของโลกมากกว่า นักลงทุน ไม่ควรนั่งรอกล่าวโทษอะไรใคร แค่มองดูอย่างมีสติ ทำใจให้สบายๆ อะไรที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่จริง แค่มองออกไม่เพียงพอ ต้องไม่เฝ้ารอที่จะหาทางกล่าวโทษอะไรซักอย่าง เพราะนั่นไม่ใช่ทางแก้ไข ไม่ใช่หนทางจัดการการลงทุนที่ดีเลย ขอบคุณ จขกท.ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ ^^ จากคุณ : 007-s - [ 7 ก.ย. 51 14:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : iPok - [ 8 ก.ย. 51 08:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : Just_A_Gal - [ 9 ก.ย. 51 14:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 Thank You จากคุณ : chamchompoo - [ 9 ก.ย. 51 18:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นบทความที่ดีมากค่ะ จากคุณ : GozziGal - [ 9 ก.ย. 51 22:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ส่วนตัว คิดว่าเงินที่ขายหุ้นออกไป ส่วนหนึ่งคงต้องกลับไปประเทศเจ้าของ เมื่อตลาดทุนทรุดตัวลงมาก เหตุผลที่นำมาอ้างคงคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยง กับ home bias  ยิ่งเราต้องการความเสี่ยงให้น้อยลงเท่าไหร่ ความน่าจะเป็นที่จะหันกลับมาลงทุนในประเทศตัวเองก็ยิ่งมากขึ้น ซึ่งจริงๆ จะขัดกับ หลักการการกระจายความเสี่ยง แต่ประเด็นนี้สามารถหักล้างได้ด้วยพฤติกรรมทางด้านการเงินของมนุษย์นั้นคือ ความกลัวในการขาดทุน loss aversion และเรื่องข้อมูลที่ไม่เท่ากัน ครับ มั่วๆเอาครับ จากคุณ : phobenius - [ 9 ก.ย. 51 22:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณครับ จากคุณ : กระดาษเช็ดหน้าสีขาว - [ 10 ก.ย. 51 14:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่ว่าฝรั่งหรือไทย ก็กลัวกฏหมู่อารยะขัดขืน จราจลปราบกบฏ สงครามกลางเมือง หลั่งเลือดชะโลมดิน เลือดสาดกระเด็นเต็มท้องถนน.....แต่ที่กลัวมากที่สุดคือ  รวยหุ้นแบบพอเพียง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 51 11:27:14 จากคุณ : goldengarden - [ 10 ก.ย. 51 14:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มุมมองที่ดีมากครับ จากคุณ : thrill - [ 10 ก.ย. 51 19:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 77 thank you very much but i don't read it coz too long....lazy and watse of time จากคุณ : St.Paul - [ 11 ก.ย. 51 18:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 78 rep 21 ครับ ผมมองว่าเงินน่าจะหมุนเข้าตลาดพันธบัตรนะครับ .. แต่เด๊วสักระยะนึง เมื่อเห็นว่าตลาดหุ้นน่าสนใจ ก็คงจะ (คงจะนะครับ) switch เงินเข้าตลาดหุ้นเหมือนเดิมอะครับ ป.ล. ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่ก็ลองคิดเล่น ๆ อะครับ จากคุณ : ตบหมดช่อง (tothza_one) - [ 15 ก.ย. 51 12:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เฉียบขาดมากครับ ปล่อยให้ระบบทำลายตัวเอง ตอนนี้ทำลายไปเยอะแล้วครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 16 ก.ย. 51 09:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ตามคุณ HaHaHa...เสริมต่อกระทู้ อย่าพึงปล่อยให้กระทู้หล่น... ...ระบบคงระบมอ่วมและคงต้องช่วยมะกันต่อไปเพราะมันผูกมัดกันไปหมด หันมาต่อฟองสบู่อเมริกันที่แตกจากการปั่นที่ดินและน้ำมัน จนเปนปัญหาซับไพม์เวลานี้ และจะทำให้โลกเกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาอีกหลายปีหรือไม่...คิดว่าคงต้องให้เทคโนโลยี่เปนพระเอก ...อย่างเช่น fuel cellที่ให้แกสไฮดรอเยนเปนเชื้อเพลิงเครื่องยนต์,โซล่าเซลจากพลังแสงแดด,ไฟฟ้จากพลังปรมณูฯพัฒนาเปนพลังที่ถูกกว่าในอนาคตต่อเนื่องจากพัฒนาการระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศที่เปนประโยชน์มหาศาลต่อมนุษย์...อันนี้ทำให้เกิดความคิด ...น่านำมาใช้แก้ปัญหาการเมืองที่เปนมาจากอดีต การออกเสียงประชามติ,การออกกฏหมาย,การประชุมและตัดสินใจโดยคนหมู่มากฯลฯระบบคอมพิวเตอร์น่าลองนำมาใด้อย่างแม่นยำไวกว่าถูกต้องและถูกกว่าดีกว่า..ในอดีต ระบบเศรษฐกิจระบบการเงินการค้าในยุคใหม่ได้พัฒนาตัวอย่างรวดเร็ว...ในขณะที่สังคมการเมืองการปกครองการยุติธรรมก็ต้องตามให้ทัน... หันมาดู...สองสามวันนี้ทำให้เรามองเห็นภาพปรากฏการณ์...อำนาจ(ชั่วร้าย)..ความกลัวความไม่มั่นคงเกิดกับมูลค่าลดลงทรัพย์สิน ซึ่งคิดว่าตรงข้ามกับ อำนาจ(ดีงาม..ในสายตาคนเรา)..ความเชื่อมั่นที่ทำให้มูลค่าเพิ่มพูนทวียิ่งขึ้น....ทำให้เห็นทั้งสองด้าน...ขาขึ้นขาลง...ในระบบฟองสบู่ปั่น-ทุบตลาดฯ....คงต้องเจอไปตลอดชีวิตหากยังคงอยู่.... สิ่งเดียวกัน...นั้น   ยามต้องการเปนยา มีค่ากว่าเงินทอง.... แต่กลับกลายเปนหญ้า-ขยะที่ต้องการทิ้ง...ยามไม่ต้องการ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 51 23:16:37 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 51 23:54:56 จากคุณ : แพะโง่ (แพะโง่) - [ 17 ก.ย. 51 23:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 81 นักการเงินเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก...ต้องกุมขมับ ในภาวะวิกฤตที่แบงก์ชาติทั่วโลกต้องช่วยพยุงวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ   ในขณะเปนโอกาสที่เปนประโยชน์ได้เปรียบใหญ่หลวงกับสหรัฐฯ... คือด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่ค่าเงินลดในอนาคต....และเปนหนี้มหาศาลที่ใครต่างไม่สามารถปฏิเสธกลับต้องช่วยเหลือ ....ตอนที่เปนต้มยำกุ้งไทยแลนด์ เห็นโดนบี้บีบจนหน้าเซียวทั้งประเทศ จากคุณ : แพะโง่ - [ 25 ก.ย. 51 02:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เข้ามาอ่านอีกรอบ จากคุณ : วษณ - [ 1 ต.ค. 51 04:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เข้ามาบอกว่าเหตุการณ์ในปีนี้ก็เป็นเหมือนเช่นกระทู้นี้กล่าวไว้ไม่มีผิด จากคุณ : GLUCOSE - [ 9 มิ.ย. 54 17:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตามมาอ่านจากปี 54 ขอบคุณมากครับ หูตาสว่างขึ้นเยอะ จากคุณ : อะไรหว่า - [ 9 มิ.ย. 54 18:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ย้อนเวลา กลับชาติมาเกิดในร่างใหม่แห่งโลกไซเบอร์ แล้วอ่านอีกครั้ง ทุกอย่างยังวนเวียนอยู่ในวังวนซ้ำซากของวัฏสงสาร จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย - [ 10 มิ.ย. 54 20:25:45 ]