ความคิดเห็นที่ 1   เข้ามาเห็นใจค่ะ ดิฉันก็อาชีพลูกจ้างเช่นกัน เงินเดือนไม่ขึ้นมา 2 ปี แล้วค่ะ เริ่มทำงานที่นี่ 2ปี จะ 3 ปี แล้ว ก็ยังไม่ขึ้น และไม่มีวี่แววจะขึ้นเลยค่ะ จากคุณ : มาสคาร่าฟ้าใส เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:26:01

ความคิดเห็นที่ 2   เค้ามิใช่ให้เงินเดือนตาม "ความสามารถ" หรือคะ ???? จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:26:27

ความคิดเห็นที่ 3   เค้าทำธุรกิจ ไม่ใช่เป็นองค์กรการกุศลนี่นา ก็ต้องหวังผลประโยชน์เป็นหลัก เรทเงินเดือนก็ตามคุณสมบัติของคุณนั่นแหละ  ถ้าคิดว่าคุณสามารถทำประโยชน์ได้คุ้มค่ากว่าอัตราที่บ.จ่ายให้ก็ไปต่อรองกับบริษัทเอาค่ะ  ถ้าเจ๋งจริงเราว่าเค้าสู้ราคาแน่ ถ้าให้ตามค่าครองชีพ งั้นทุกๆคนก็ควรได้เงินเดือนเท่ากันสิคะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:44:15

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าตามความจริง ไม่แค่กดหรอกพี่ ล่มจมหมดเนื้อหมดตัวเอาโซ่คล้องประตูโรงงานหนีพนักงานก็มีให้เห็น ลองพิจารณาดูนะครับถ้าต้นทุน กับรายได้มันไม่สมดุลกัน ไม่ลุกจ้างก็นายจ้างหละครับ อยากจะให้คิดใหม่ด้วยว่าทำงานแบบหุ้นส่วนธุรกิจ นายจ้างอยู่ไม่ได้ลูกจ้างก็โดนลอยแพ คิดแบบตรงๆผมว่าต้นทุนเมืองไทยมันคงเป็นแบบนี้จริงๆ จากคุณ : 555 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:47:35 A:202.139.223.18 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 5   นี่แหละครับความจริงที่แสนโหดร้าย ผมมองว่าคนมันมีให้เลือกเยอะครับ ปี ๆหนึ่งคนจบมาไม่รู้เท่าไร แต่ บ.ที่มีอยู่ก็เท่าเดิม ดีมานน้อยแต่ซัพพลายเยอะ ตามกลไกตลาดเงินเดือนไม่จำเป็นต้องขึ้นสูงครับ ยกเว้นงานในตำแหน่งที่สูง หรือ Expert ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ส่วนนี้ก็ไม่ได้มีมาก จากคุณ : คนหางาน เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 17:57:34 A:125.25.91.44 X: TicketID:116340

ความคิดเห็นที่ 6   ก็จริงส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าแม่บ้านทำงานไปยี่สิบปีเงินเดือนยังไงก็ไม่เกินหมื่นห้า แต่คนจบปริญญาตรี ยังไม่มีประสบการณ์ เริ่มทำงานแปดพัน แต่อีกไม่กี่ปีกับประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ เงินเดือนมันก็จะสูงขึ้นได้เร็วกว่าแม่บ้านะคะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 18:29:59

ความคิดเห็นที่ 7   เป็นธรรมดา โลกแห่งความเป็นจริงก็งี้แหละ พี่ผมทำงานการกรุง เงินเดือน 25 เค ค่าหอ + ค่าไฟ 5 พัน , ค่ากินอยู่ 3 มื้อตี้ซะ 6 พัน, ให้ที่บ้าน 1 หมื่น เหลือเงินจริงๆ แค่ 4 พันเอาไว้ใช้ซื้อของใช้ส่วนตัว + หาความสุขให้ตัวเองนิดๆหน่อยๆ ไอ้จะดาว์บ้าน ดาว์รถอะ ฝัน เพื่อนผมอีกคน ทำแบงค์ ดูดี ทำงานห้องแอร์ จบโท เงินเดือน 22 เค บ้าน ข้าว ฟรีกินที่บ้าน แต่ค่าน้ำมันขับรถไปกลับ เดือน ก็ 5-6 พันแล้ว เหลือ หมื่นกว่าบาท ผ่อนรถอีก 9 พัน เหลืออยู่อีกไม่กี่พัน เอาไว้หาความสุข + ซื้อของใช้ส่วนตัว นี้ยังดีที่ ที่บ้านดาว์นรถให้ไม่งัน อย่าได้หวัง ส่วนบ้านนะเหรอ ลืมไปได้เลย แล้วยิ่งต้องเช่าหอ ด้วยแล้วไปกันใหญ่ สรุป ทำธุรกิจ ตัวเองดีที่สุด ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย แต่มันไม่เท่ ไม่มีเกียจ ในสายตาคนอื่น ก็เท่านั้น มันอยู่ที่คุณเลือก จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 19:07:58

ความคิดเห็นที่ 8   ผมว่ามันไม่ได้ไปตามความสามารถหรอก ไม่ใช่ว่าคุณจะทำประโยชน์ให้กับองค์กรเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ดีมานด์ ซัพพลาย เหมือนความเห็นที่5ว่าแหละ เค้ามีให้เลือกเยอะ ผลิต ป.ตรีกันมาโดยไม่ได้ดูว่ามันเกินความต้องการ มันก็เป็นแบบนี้แหละ หวานหมูนายจ้าง จากคุณ : apotheker เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 19:09:58

ความคิดเห็นที่ 9   ถ้านายจ้างให้เงินเดือนน้อย ๆ ทำไมคุณไม่ทำตัวเป็นนายจ้างซะเองล่ะครับ แล้วค่อยมาดูว่าคุณจะให้เงินเดือนลูกจ้างคุณยังไง จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 20:13:56

ความคิดเห็นที่ 10   ไม่ได้เป็นไปตามความสามารถครับ ถ้าเป็นไปตามความสามารถ พนักงานไม่ต้องออกจากที่ทำงานเพื่อไปสมัครที่ใหม่ๆหรอกครับ บริษัทเขาก็กดเท่าที่ทำได้ เพราะเด็กจบใหม่มันเยอะ ถ้าให้ตามความสามารถ บริษัทล่มจมพอดี จากคุณ : fete เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 20:14:56

ความคิดเห็นที่ 11   คุณลองคำนวนกันดูก่อนสินายจ้างทั้งหลาย  ว่าถ้าคุณมีเงิน 7-8พัน จะอยู่ในกรุงเทพได้อย่างไร  ถ้าคุณเป็นคนต่างจังหวัด อยู่แบบห้องเช่ารูหนู  อยู่กินไปวันๆงั้นหรือ  คุณอยากให้ช่วงชีวิตนึงซึ่งเป็นช่วงวัยรุ่นของคุณ เป็นแบบนั้นหรือ  แล้วสังคมรอบด้านเค้าจะมองคุณเป็นยังไง  คุณเป็นตัวอะไรในสังคม  จบ.ปตรีมาทำตัวลีบๆด้วยเงินที่ไม่พอใช้ ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงว่าจะหน้าใหญ่  แต่ดูเดี๋ยวนี้สิ สตาร์ท8พัน  ทำไมมันลดลงจากเมื่อก่อนหล่ะ  ทั้งที่ค่าครองชีพสูงขึ้น อยากให้เข้าใจตรงนี้ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 20:29:42 จากคุณ : ตายไปก็เอาไปไม่ได้หรอกเงินอ่ะ (tunkybunny) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 20:26:44

ความคิดเห็นที่ 12   ผมอยากบอกคุณว่า  สิบปีก่อน ประเทศเรายังไม่โดนการแข่งขันด้านราคาจากจีนหนักแบบนี้นะครับ เมื่อเอาราคามาแข่ง  ผู้ประกอบการก็มีรายได้ลดลง  เขาก็มีปัญญาจ่ายน้อยลงด้วยเช่นกัน (ผู้ประกอบการรวยๆที่กดเงินลูกจ้างทั้งๆที่รายได้เพิ่มก็มีนะ แต่ก็เป็นแค่ส่วนนึง) ถ้าคุณเป็นคนทำธุรกิจ คุณจะเข้าใจได้เองครับ  การแข่งขันมันรุนแรงขึ้น ประเทศเราไม่ค่อยมีจุดแข็งไปแข่งกับเขา  ส่วนที่เป็นจุดแข็ง การเมืองก็ทำซะพังเละเทะไปหมดแล้วครับ รุ่นพี่ผมไปเที่ยวเกาะ  บอกว่าไม่มีฝรั่งเลย (ก็เล่นปิดสนามบิน  ฝรั่งไหนจะกล้ามา)  นักท่องเที่ยวหายไป เงินหายไปเยอะนะครับ  เงินจากนักท่องเที่ยวเนี่ย ประเทศเราได้เนื้อๆ   พวกรายได้จากการส่งออก  เรายังได้แค่ 5% อะไรอย่างเงี๊ยะ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:33:08

ความคิดเห็นที่ 13   ผมว่า เรื่องมาก ก็ฝ่ายบุคคลนั่นแหละ ครับ อะไรนิดอะไรหน่อยก็กด อย่าไปยอมครับ ถ้าเราคิดว่า profile ได้ ที่นี่ให้ไม่ได้ก็ไปหาที่อื่น จากคุณ : KY06 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:44:50

ความคิดเห็นที่ 14   ชอบกระทู้แบบนี้น่ะครับ สะท้อนอะไรได้เยอะครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 22:03:43

ความคิดเห็นที่ 15   เคยเจอประเภทจะเอายอดมนุษย์ทำได้ทุกอย่าง แต่จะจ้าง 8 k มั้ยครับ บอก JD ซะยาวเป็นหางว่าวแต่จะเอาถูกๆ ผมเลยบอกไปว่างั้นก็จงหาต่อไป ตรูไม่เอาด้วย ถ้ามีสมอง มีปัญญา มีความสามารถ เงินต้องมาซักวันล่ะครับ เชื่อสิ จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:23:03

ความคิดเห็นที่ 16   หลายๆตำแหน่งงานต้องการคนมีความสามารถสูงและฝ่ายบริหารที่เก่งๆขาดแคลนมาก ถึงขนาดหาในไทยไม่ได้ต้องไปจ้างจากต่างประเทศมาก็มี ทั้งๆที่ปัจจุบันคนจบใหม่แต่ละปีนับไม่ถ้วน บัณฑิตแต่ละปีมีแต่จะมากขึ้นมากขึ้น เครื่องไม้เครื่องมือในปัจจุบันทำให้ช่องว่างทางโอกาสของคนแคบขึ้น ทำไมคนเก่งๆถึงมีไม่พอกับความต้องการ? คนยุคเบบี้บูมกำลังจะเกษียณอายุจำนวนมหาศาล ทำไมเจน X & Y ถึงบ่นว่าไม่มีโอกาสเติบโต? สะท้อนให้เห็นอะไร เรามีคนที่มีโอกาสดีมากกว่าเมื่อก่อน แต่ไม่สามารถดันตัวเองไปถึงจุดที่ตลาดต้องการได้ใช่หรือไม่? ปัจจุบันด้วยโลกาภิวัฒน์นั้นคนเก่งกลายเป็นคนเลือกนะครับ ไม่ใช่คนถูกเลือก คนที่บ่นว่าทำไมได้น้อยนั้นผมว่าเสียเวลา คุณเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก เอาเวลามาดันตัวเองไปให้ถึงจุดที่เราเป็นผู้เลือกดีกว่าครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 23:43:31

ความคิดเห็นที่ 17   ........เงินเดือนก็ให้ตามความสามารถนั่นแหล่ะน้องเอ้ย ทำอะไรเป็นมั่งล่ะ อันดับแรก รู้จักประหยัดให้เป็นก่อน แล้วเงินจะเหลือเก็บเอง จากคุณ : ซาอิคุง เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 01:05:46

ความคิดเห็นที่ 18   แม่บ้านได้เงินเดือนเยอะจัง เดี๋ยวนี้เขาได้กันเดือนละ 7 พันแล้วเหรอ เมื่อก่อนได้ยินว่าประมาณ 3-4 พันเอง แต่ก็หลายปีแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าจะขึ้นมากขนาดนี้เลย แถมกินอยู่กะเจ้านายด้วย จากคุณ : luvreise เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 04:45:47

ความคิดเห็นที่ 19   คิดว่าข้อความที่ตัวเองโพสต์...ดูอวดอ้างเกินไป ขอลบนะคะ... แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 52 08:24:29 จากคุณ : ดอกโศก (ดอกดาวเรือง) เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 08:10:27

ความคิดเห็นที่ 20   ไม่ต้องเด็กจบใหม่หรอกค่ะ คนที่ทำงานมีประสบการณ์ไปสมัครงานใหม่ ก็ยังโดนกดเงินเดือนเลย เรียกไป 10,000 ยังบอกว่ามากไปเลย จากคุณ : Ultramild Hero เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 09:46:39

ความคิดเห็นที่ 21   หึ โดนทั้งกดเงิน โดนทั้งยัดงานแบบ multifunction ระบบงานที่ทำให้ยากต่อการทำงาน ก็ทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ ไม่สามารถสร้างผลงานได้ ไปหางานที่อื่นไม่มีผลาน ไม่มี achievment เด่นๆ ไปอวดเค้าอีก นอกจากจะได้เงินน้อยแล้ว ยังเหมือนถูกพรากความสามารถที่เคยมี(เพราะไม่ได้พัฒนามันหดลงๆๆเรื่อยๆ) รวมทั้งความมั่นใจไปจากตัวเอง จริงๆ แล้ว บางที่เค้าให้เงินแบบไม่ดูค่าครองชีพจริงๆ แหละ รู้สึกอย่างนั้นเลย เคยไปสัมภาษณ์งาน เราเรียก 16K แล้ว HR บอกว่า คนที่มีประสบการณ์มากกว่าเรา ยังเรียกน้อยกว่าเรา (max = 15K) และเค้าได้เต็มที่ 16k นั่นแหละ เราคิดเลย ---- เฮ้ย คนที่เก่งกว่าเรา ยังตีค่าตัวตัวเองเท่านี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้ลืมตาอ้าปาก ค่ารถ ค่ากิน ไหนจะค่าเสื้อผ้าอีก (งานนี้ ต้องดูดี) ตลกเหอะ สรุปแล้ว เค้าจะเอาคนที่ทำโน่นนี่ได้ มีประสบการณ์ ใช้งานแบบเวลาไม่แน่นอน ออก field อีกตะหาก แล้วให้แค่นี้เนี่ยนะ!! สงสารคนที่เค้าจะเข้าทำงานบ้างเหอะ จากคุณ : Lighting Plankton เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 10:06:21

ความคิดเห็นที่ 22   อย่าทำงานให้เกินค่าจ้าง จ่ายเท่าไหร่ก็ทำแค่นั้น อยากได้งานเยอะๆแต่จ่ายน้อยๆมันเอาเปรียบกันเกินไป จากคุณ : เขมรดำดิน เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 10:10:20

ความคิดเห็นที่ 23   ถ้าประหยัดแล้วจะเหลือเก็บเองครับ  เดือนตุลานี้ผมยังใช้เงินไม่ถึง 5000 เลยด้วยซ้ำครับ จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 13:15:57

ความคิดเห็นที่ 24   เราเห็นด้วยนะว่า มันไม่สมดุลในเรื่องของรายได้กับค่าครองชีพที่สูงขึ้น สมัยเราทำงานใหม่ๆ สิบกว่าปีที่แล้ว สตาร์ทหมื่นสอง มีเงินเหลือเก็บ ไม่มีหนี้ ตอนนี้ เงินเดือนเยอะขึ้น เก็บเงินได้น้อยลง ยังนึกเครียดอยู่ว่าเกษียณแล้วจะมีเงินพอใช้จนถึงตายหรือเปล่า จากคุณ : pohja เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 25   แต่บริษัทเอง  ก็ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพสูงโดยตรงเช่นกัน อย่างเช่น ไม่มีงานขาย  มีแต่งานซ่อม  ไม่ทำไม่ได้  เสียลูกค้า  ค่าน้ำมัน  ค่ารถ  ไม่คุ้ม  ขาดทุน ค่าสึกหรออาคาร  ท่อแตก  ไฟเสีย  ซ่อม  ค่าซ่อม  ค่าของแพงขึ้น คอมพิวเตอร์ต้องเปลี่ยนใหม่  ถ้าไม่มีเงินสำรองคลัง  เครื่องเสียที  งานเสียหายแยะ พนักงานกดน้ำกันระห่ำแดด   เปิดไฟกันกระหน่ำ   ในขณะที่ค่าน้ำค่าไฟแพงขึ้น  แถมกินกาแฟเปลืองโคตร  อะไรทำนองนี้ จากคุณ : นางสเตนเลส เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 52 15:40:22

ความคิดเห็นที่ 26   ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นนะคะ ^__^ 10 ปีที่แล้ว เงินเดือนเด็บจบใหม่ เยอะขนาดนั้่นเลยหรอคะ (อันนี้ ไม่รู้จริง ๆ น่ะ) และถ้าเยอะอย่างนั้น ลองคิดดูว่า สายอาชีพอะไร ปกติ เวลาเปลี่ยนไปเป็น 10 ปีค่ะ คิดเทียบตามหลัก อุปสงค์ อุปทาน จะรู้ว่า วันนึง เมื่อตลาดต้องการแรงงาน ก็ต้องเพิ่มกลไก อาจเป็นเรื่องของเงินเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจ 10 ปีต่อ มาแรงงานล้นตลาด เพราะเมื่อแรงจูงใจสูง คนก็พัฒนาเพื่อให้อยู่ในจุดนั้น (สายงานที่เงินเดือนสูง ๆ) ก็เกิดปัญหาแรงงานล้นตลาด ก็ต้องปรับลดลงเป็นธรรมดา วันนี้ เงินเดือนของวิชาชีพเฉพาะ (หมอ วิศวะ สถาปนิก ผู้สอบบัญชี เป็นต้น) อาจจะสูง ถึงสูงมาก เพราะว่า กว่าจะเรียนจบ ประกอบกับความเสี่ยงในวิชาชีพ เป็นข้อกำหนด วันหน้า เงินเดือนครูพี่เลี้ยง ธุรการ อาจจะเยอะขึ้นมาก ๆ ก็ได้ ถ้าทุกคนเทไปที่สายวิชาชีพเฉพาะมาก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะสายวิชาชีพเฉพาะนั้น บ้านเรายังขาดอยู่มาก ๆ เลย และเชื่อว่าทำยังไง ก็คงยังขาด ทีนี้ คำตอบคือ ไม่ได้เกี่ยวกับค่าครองชีพหรอกค่ะ ลองแยกแยะดู แล้วจะรู้ว่า ค่าผกผันของอัตราจ้างนั้น รัฐบาล จะเป็นคนกำหนดนโยบาย ว่าค่าแรงขั้นต่ำนั้น เท่าไหร่ ส่วนกลไกการจ้างคน เป็นไปตามระเบียบ และตลาดแรงงาน ที่สำคัญ อย่าเปรียบเทียบนะคะ แข่งกับตัวเอง ใช้หลักพอเพียง แล้วชีวิตคุณจะมีความสุข แบ่งประสบการณ์ให้ฟังนะคะ คนจบปริญญาตรี ตอนเราจบใหม่ ๆ ทำงานเป็น อาสาฯ ฝึกหัด เงินเดือน 5,000 สวัสดิการ ไม่มี และบ้านไม่รวย มีภาระ ด้วยซ้ำ แต่ก็รับอยู่ 3 เดือน ท้ายสุดก็ได้บรรจุ และก็ก้าวหน้าขึ้นในสายอาชีพ จนถึงปัจจุบัน มีความสุขดี เงินเดือนไม่กระฉูด แต่พอกิน พอใช้หนี้ อาจยังไม่พอเก็บ แต่ก็คิดว่าจะหารายได้เพิ่มบ้าง เพื่อนเรา ทำงานอยู่ที่นึง รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 7,000 บาท ทำไปได้ 6 เดือน พ้นโปร อีก 6 เดือน ครบ contact แล้วบรรจุ เงินเดือน up เป็น 2 เท่ากว่า ๆ ค่ะ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ ร่วมเป็นกำลังใจให้นะคะ มองข้างหน้า อยู่กับเป้าหมาย และเต็มที่กับมัน อนาคตที่ดี ไม่ไกลเกินเอื้อมค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 52 13:51:50 จากคุณ : ธตะวัน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 13:50:31

ความคิดเห็นที่ 27   เห็นด้วยกับ คห.12 ครับ ที่เราโดนการแข่งขันที่รุนแรงจากจีน  ด้านราคา และผมเชื่อว่า  ไม่ใช่แค่ไทย แต่เป็นกันทั้งโลก โดยเฉพาะ อเมริกา ถ้าด้านราคาแล้ว แทบไม่เหลืออะไรจะแข่งเลย อีกไม่นาน  คงแย่  หนัก ตอนนี้ที่ทำได้ ก็เป็นเทคโนโลยี , สินค้าลิขสิทธิ์ , โปรแกรม การค้าค่าเงิน , เล่นหุ้น ขายอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ซึ่งทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล  (สบายกว่าการขายสินค้าเยอะ) ทำให้คนอเมริกา  อยู่ดีกินดี เหลือเฟือ จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:28:00

ความคิดเห็นที่ 28   ผมว่ามันก็อัพตามอยู่นะ จากคุณ : Legendary Pon เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:28:12

ความคิดเห็นที่ 29   ผมว่า  ประเทศไทย จะไปแข่งด้านราคา  กับ ประเทศอื่นไม่ได้แล้ว เราเลยจุดนั้นมาแล้ว สำหรับประเทศที่  เริ่มที่จะพัฒนาใหม่ๆ ต้องใช้  กลยุทธ์ด้านราคาต่ำมาใช้ ขายได้มากๆ เพื่อเอาเงินมาพัฒนาประเทศ เคยได้ยินมาว่า ประเทศญี่ปุ่นช่วงแพ้สงคราม แรกๆก็ ผลิตของถูก คุณภาพต่ำมาขาย เพื่อเอาเงินเข้าประเทศ จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:35:12

ความคิดเห็นที่ 30   จริงๆแล้ว  ประเทศไทย ต้องเลิกใช้ 2 ต่ำได้แล้ว 2 ต่ำ คือ  สินค้าราคาต่ำ ,  เงินเดือนต่ำ  ทำให้คุณภาพชีวิตต่ำ (อ่านจาก หนังสือของ ธานินทร์  เจียรวนนท์ ) ประเทศไทย  น่าจะใช้ 2 สูง ( สินค้าราคาสูง , เงินเดือนสูง   คุณภาพชีวิตก็สูงตาม  ถึงแม้อะไรหลายๆอย่างจะ ราคาสูงแต่ก็พอกับค่าครองชีพ) ถ้าจะเทียบกันในประเทศ  คงเป็น กรุงเทพ ซึ่งความจริงแล้ว บางโซนใช้ 2 ต่ำ บางโซนใช้ 2 สูง  เช่น แถวๆ บางแค 2 ต่ำ , สุขุมวิท สีลม 2 สูง   เทียบกับ  พัทยา หรือ ภูเก็ต  ซึ่งใช้ 2 สูงทั้งเมือง ของแพงมากๆ   ยาคูลย์ขวดละ 10 บาท , เป้บซี่ขวดละ 30 น้ำดื่ม 10 บาท แต่เงินเดือนก็สูง  เพื่อนผม ทำงานหมักเบียร์ อยู่กทม. เงินเดือน 2 หมื่นกว่า ก็พออยู่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไปอยู่ ภูเก็ต หมักเบียร์  เงินเดือน 3 หมื่นกว่า  พออยู่ได้เหมือนกัน มันบอกว่า ของที่นั่นแพงทุกอย่าง  ผักในตลาดยังแพงเลย ค่ารถ ค่าบ้านแพงกว่ากรุงเทพอีก  ทีนี้ ถ้าผลิตอาหารกินเองได้ แล้วเหลือไปขายในตลาด  เงินจะมีเหลือและมีรายได้เพิ่ม มันกะว่า จะเพาะเห็ดฟางขาย เพาะในทาวน์เฮาส์ก็ได้ เคยทำมาก่อน สรุป 2 ต่ำ ประหยัดยังไงก็เหลือน้อย 2 สูง  ถ้าประหยัดได้ก็เหลือมากหน่อย จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 14:58:44

ความคิดเห็นที่ 31   จุดแข็งของประเทศไทย ก็คงเป็นการท่องเที่ยว ที่เราแข่งเขาได้แน่นอน  เงินที่ได้มาจะอยู่ในประเทศนานที่สุด หมุนได้หลายรอบเลย ได้มาเต็มๆ อีกอย่างที่ น่าสนใจคือ  การรักษาพยาบาล  อันนี้เป็นจุดแข็งของเรา ซึ่งไปเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวอีก   แต่ที่น่าสนใจอีกก็เป็นการศึกษา  แต่ของเรามันไม่เป็นจุดแข็ง แต่ถ้าทำได้  ก็รายได้มหาศาล ซึ่งมันก็ไปเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวอีกนั่นแหละ และอีกอย่าง  คือเรื่องสมุนไพรไทย  ถ้าสนับสนุนดีๆ  คนไทยนิยมใช้ จดลิขสิทธ์ สร้างแบรนด์ขึ้นมาก็รายได้มหาศาล  การรักษาแบบโบราณของไทย   การนวด   ด้านการเกษตร  ถ้าทำเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษกันทั้งประเทศ ก็ทำให้ขายได้ราคาสูง  ขึ้นอีก  ตลาดต้องการมาก แถมได้บริโภคอาหาร สะอาดปลอดสารพิษ ปุ๋ย  ยา ก็ไม่ต้องนำเข้ามาก  อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่คุ้ม จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 15:12:06

ความคิดเห็นที่ 32   เดี๋ยวนี้บริษัทส่วนใหญ่ เริ่มต้นให้เด็กจบใหม่ 8-10k จริงค่ะ ไม่แปลกหรอกที่ทำไมเดี๋ยวนี้คนหันไปสมัครสอบราชการกันหมด ถึงเงินเดือนน้อย แต่ก็สบายกว่าเยอะ(เยอะมากด้วย) แต่โอกาสเข้าก็ยากตามไปด้วย เส้นบ้าง อะไรบ้าง จากคุณ : KINO เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 15:17:23

ความคิดเห็นที่ 33   ผมว่าที่ระยองนะครับ เงินเดือนสูงค่าครองชีพอยู่ในระดับกลางๆๆ ปวส. ตำแหน่งปฏิบัติการ ,เทคนิค นิคมมาบตาพุด ก็รับกัน 20k+ บ.รับเหมา ส่วนมากก็จ้างกันเป็นวัน 500-1000 ส่วนป.ตรี ไม่ค่อยรู้ครับ ส่วนค่าใช้จ่าย ค่าเช่าบ้านถ้าดีหน่อยก็ 3500-5000 มีแอร์+ยาม พร้อมกลางๆๆ ก็ 2000-3000 ถ้านอกๆๆก็ 1000-2000 ส่วนค่ารถนี้ส่วนมากทุก บ. มีรถ รับ-ส่ง ค่าข้าวก็ถ้าในโรงงาน ก็ 20-25 บาท ข้างนอกก็ พอๆๆกันแต่ในโรงงานให้เยอะกว่า ส่วนมากจะหมดไปกับค่าเที่ยวมากกว่า จากคุณ : คนงาน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 15:25:09 A:61.19.47.103 X:

ความคิดเห็นที่ 34   ผมคิดว่า มนุษย์เงินเดือนทั่วไป ก็ต้องปรับความสามารถของตัวเอง ให้มากขึ้นด้วยน่ะครับ คิดซะว่า เหมือนอัตราเงินเฟ้อน่ะ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 20:38:48

ความคิดเห็นที่ 35   คิดในแง่ดีนะครับ การที่เราลำบากสักหน่อย ทำให้เราเป็นคนมีความพยายามมากขึ้น จากคุณ : อาร์ต (อาร์ตี้) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 21:08:03

ความคิดเห็นที่ 36   ต้องถามว่า เมื่อก่อนคนจบปริญญาตรีมากแค่ไหน  เงินขนาดที่คุณว่าน่ะ เค้าสามารถผ่อนบ้านผ่อนรถกันได้ เพราะเค้ามีความสามารถจริง ถ้าเอาความสามารถของคนสมัยนี้ที่เงินเดือน 10000 ก็คงได้กับสมัยก่อนสัก 5000 ละมั้งครับ ผมคิดยังงี้นะ เพราะสมัยก่อน 10000 นี่มันต้องเยอะมาก เทียบสมัยนี้ คนสมัยนั้นคงเก่งพอๆกับคนสมัยนี้เงินเดือน  50000+ ฉะนั้น ถ้ารู้ว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหนอย่าบ่นครับ เพื่อนผมมันก็เงี้ย บ่น แต่วันๆมันนั่งเล่นเอม ปลูกผักในเฟคบุค โทรหาผมได้ในเวลางาน ก็ไม่รู้นะ...มันเป็นแบบนี้จริงๆ ทำยังงี้จะเอาเงินเดือน 30000???? จากคุณ : ผืนแผ่นดิน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 21:08:19

ความคิดเห็นที่ 38   อยากจะบอกหลาย ๆ ท่านที่ยังสงสัยไม่เลิกว่าทำไมนายจ้างถึงให้เงินต่ำ ไม่ดูว่าลูกจ้างจะอยู่ได้หรือไม่ ... อยากจะบอกว่า ถ้าเก่งจริง ... เท่าไหร่ก็ให้ได้ (เว้ย) ถ้ายังบอกว่าที่ให้มาน้อยอยู่ ... ก็จะบอกว่า ก็มีปัญญาให้เท่านี้แหละ (เฟ้ย) ไม่พอใจก็หาที่ทำงานใหม่สิ (วะ) ถ้าลาออก แต่นายจ้างรู้สึกเสียดาย ไม่อยากให้ออก ก็จะเพิ่มเงินเดือนให้เองแหละ (รู้มั๊ย) ถ้ารู้สึกเงินเดือนน้อย ถ้ารู้สึกไม่ยุติธรรม ... ไม่มีใครเค้าห้ามคุณไม่ให้ลาออก (นะครับ) นายจ้างไม่ได้มีหน้าที่จ่ายเงินเดือนให้คุณอยู่ได้หรือไม่ได้ ไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมาดูว่าชีวิตคุณเงินเดือนเท่านี้ คุณจะอยู่อย่างไร เงินเดือน คิดจากหลักง่าย ๆ 2 แบบคือ 1. ให้เงินเดือนตามความสามารถ 2. ถ้าสามารถมาก ... ก็ให้เงินเดือนเท่าที่นายจ้างจะมีปัญญาให้ได้ เกินจาก 2 ข้อนี้ ก็ขอให้โชคดีกับที่อื่นละกัน ขอเพิ่มความเห็นนิดนึง ... ลูกจ้างเก่ง ๆ เค้าไม่บ่น เพราะความสามารถเลือกได้ ลูกจ้างพวกเลือกไม่ได้ กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวไม่มั่นคง กลัว ฯลฯ ก็เลยมาบ่น ... จริงมั๊ย คนเก่งจริง เค้าไม่กลัว เค้ากล้าเปลี่ยน เค้ากล้าเรียกร้อง เพราะเค้ารู้ว่าตนเองเป็นที่ต้องการ คุณอยู่จุดนั้นแล้วหรือยัง ??? แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 00:00:06 จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 23:55:02

ความคิดเห็นที่ 39   log in มาตอบเถอะครับ 37 แถมน่าจะมาผิดห้องด้วย จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 23:55:55

ความคิดเห็นที่ 40   อาศัยอำนาจตามความในมาตรา  79 (3)  และมาตรา  88  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  2551  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  (ฉบับที่  3)  พ.ศ. 2551  คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้   ดังต่อไปนี้ ข้อ  1  ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละสองร้อยสามบาท  ในท้องที่กรุงเทพมหานคร  จังหวัดนครปฐม  นนทบุรี  ปทุมธานี  สมุทรปราการ  และสมุทรสาคร ......................................... 203*30 = 6,090 <<< ดังนั้น ขอให้มั่นใจได้เลยว่า  คุณต้องได้ค่าแรงไม่น้อยกว่านี้แน่นอน เฉพาะค่ารถเมล์ไปทำงาน กับ ข้าวเที่ยง เกินครึ่งแล้ว   แล้วอีก 2 มื้อล่ะ  ค่าเช่าบ้าน ค่าฯลฯ  กินแกลบทุกมื้อ ยังไม่พอใช้  ( - -  ") ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ  คงต้องคลิ๊กเข้าไปร้องเรียนห้องข้างๆ แล้วล่ะ  ห้องอะไรดีน๊า? จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 23:58:10

ความคิดเห็นที่ 41   http://www.robertwalters.com/salarysurvey จากคุณ : โต้ บ้านกุดขนวน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 10:07:04

ความคิดเห็นที่ 42   ค่ารถ 2640 ค่าข้าวกินแบบโคตรประหยัด 2112 รวม 4752 คิดแบบไม่มีความบันเทิงในชีวิตเลย กรณีนี้ บอกตามตรง ไม่สามารถ ขนาดเครื่องจักรยังต้องมีการบำรุงรักษา แล้วนี่คนชัดๆ อย่างต่ำก็ต้อง 6000 ล่ะค่ะ จากคุณ : Lighting Plankton เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:47:10