|
การกล่าวตู่ปฏิจจสมุปบาทธรรม ของท่านพุทธทาส http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chalermsakm&month=11-2010&date=21&group=1&gblog=3
เหตุที่ทำให้อธิบายผิด
ทีนี้เหตุที่ทำให้อธิบายผิด อย่างที่เรียกว่าไม่ใช่ในทางร้าย ไม่ใช่มีใครแกล้งเป็นหนอนบ่อนไส้ แต่เป็นไปในทางที่มันผิดเองเพราะโง่ไม่รู้ มันก็มีอย่างที่ว่ามาแล้วว่าเพราะไม่เข้าใจในภาษาธรรม ; เข้าใจแต่ภาษาคน ; ภาวะที่เคยเข้าใจในภาษาธรรมมันก็เลือนหายไปหมด จนเหลือแต่ภาษาคน. ทีนี้ก็อธิบายกันไปตามภาษาคน มันก็เป็นสัสสตทิฏฐิขึ้นมา. เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำความเข้าใจในภาษาคนและภาษาธรรมกันในส่วนที่สำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่ง คือคำว่า คน กับคำว่า นามรูป . ถ้าเราเรียกกันตามภาษาชาวบ้านหรือภาษาคนก็เรียกตัวเรานี่ว่า คน ; ถ้าเรียกในภาษาธรรมเราไม่เรียกว่า คน แต่เราเรียกว่า นามรูป คือกายกับใจ. ทีนี้จะเรียกว่าคนหรือจะเรียกว่านามรูปก็ตามใจเถิด มันยังมีปัญหาอยู่ที่ว่ามันมีการเกิดดับเท่าไหร ? อย่างไร ? คนหรือนามรูปนี่แหละมันมีการเกิดดับอยู่อย่างไร ? ถ้าถามอย่างนี้คำตอบมีถึง ๓ ชั้น ลึกซึ้งกันอยู่ถึง ๓ ชั้น คือ : -- (๑). นามรูปเกิดดับ เกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ทุกขณะจิตนี้ จัดเป็นชั้นที่ไม่มีใครรู้ หรือไม่มีใครอยากรู้ และไม่จำเป็นจะต้องรู้ ว่านามรูปกายใจของเราเกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ทุกขณะจิต . นี้เป็นภาษาอภิธรรมเกินความต้องการ ; เพราะจิตนั้นมันมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามระยะของสิ่งที่เรียกว่า ภวังคจิต : แล้วก็ยังเร็วยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก ; ฉะนั้น ตามความหมายนี้เขาถือว่า นาม -- รูป หรือว่าคน ๆ หนึ่งนี้เกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ทุกขณะจิต นับไม่ทัน : เราไม่มีปากที่จะนับมันทันเพราะว่าขณะจิตมันเร็วกว่าปากจะนับทัน. นามรูปหรือคนนี้เกิดดับอยู่ทุกขณะจิต นี้ความหมายหนึ่ง. มันเทียบกับ frequency ของ ไดนาโม ไฟฟ้านั้น ; รอบหนึ่งก็คือไฟฟ้าออกมาทีหนึ่ง รอบหนึ่งไฟฟ้าก็ออกมาทีหนึ่ง ทีนี้มันนาทีหนึ่งละพันกว่ารอบมันก็เลยดูไม่ทัน แต่มันก็อาจติดกันเป็นดวงแดงโร่ที่หลอดไฟไม่มีกระพริบที่หลอดอย่างนี้ . ทีนี้จิตก็เหมือนกัน : มันถี่ยิบขนาดนั้นจนเราไม่รู้สึกว่าเราเกิดดับ ๆ ๆ เราต้องอาศัยการศึกษาเรื่องทางจิตชนิดนั้น จึงจะรู้ว่านามรูปหรือคนนี้มันเกิดดับ ๆ อย่างถี่ยิบอยู่ทุกขณะจิต หรือเร็วยิ่งกว่า frequency ของกระแสไฟฟ้าที่เราใช้อยู่ทุก ๆ วันนี้เสียอีก. นี้มันเป็น เรื่องเกิดดับ ๆ อีกชนิดหนึ่งไม่เกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท. ปฏิจจสมุปบาทไม่ได้หมายถึงการเกิดดับชนิดนี้. การเกิดดับทุกขณะจิตนี้มันเป็นกลไกทางจิตล้วน ๆ เป็นความรู้ส่วนเกิน ประเภทอภิธรรมเฟ้อโดยไม่ต้องเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท. และคำว่า เกิด ในกรณีอย่างนี้ เขาไม่ใช้คำว่า ชาติ แต่เขาไปใช้คำอื่นว่า อุปาทะ มี อุปาทะ : อุปาทะ ฐิติ ภังคะ, อุปาทะ ฐิติ ภังคะ , อุปาทะ ฐิติ ภังคะ ฯลฯ อย่างนี้เรื่อยไป. อุปาทะ = เกิด, ฐิติ = ตั้งอยู่ , ภังคะ = ดับไป. ใช้คำว่า อุปาทะ, มิได้ใช้คำว่าชาติ ; แต่ก็แปลว่า เกิด เหมือนกัน. เกิดขึ้น ตั้งอยู่ -- ดับไป ๆ ถี่ยิบนับไม่ทัน นั่นแหละนามรูปหรือคนเราเกิดดับอยู่อย่างนั้นชนิดหนึ่ง (๒) อีกชนิดหนึ่ง. นามรูปเกิดดับเหมือนคนธรรมดาสามัญรู้ คือว่า พอเกิดจากท้องแม่ก็เรียกว่าเกิดออกมา; พอตายเข้าโลงก็เรียกว่าดับ. ตั้งอยู่ ๘๐ ปีบ้าง ถึง ๑๐๐ ปี ก็มี. ตามธรรมดานี้ชั่ว ๘๐ ปี ๑๐๐ ปี นี้มีเกิดหนเดียวมีดับหนเดียว . นี้เกิดดับแค่คำพูด ๒ คำนี้เท่านั้นเอง. พูดว่า เกิด ขึ้นมาคำหนึ่งแล้วทิ้งระยะไว้นานถึง ๘๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี จึงพูดว่า ดับ นามรูปหรือคนเกิดหรือดับทำนองนี้ กินเวลาตั้ง ๘๐ ปีหรือ ๑๐๐ ปี นี้อย่างหนึ่ง เป็นคำพูดในภาษาคน. ส่วนภาษาอภิธรรมเฟ้อนั้นเกินถี่ยิบจนนับไม่ทัน . คนเกิดดับ ๆ ถี่ยิบจนนับไม่ทัน. ทีนี้เกิด -- ดับอย่างภาษาโลกนี้มันเกินเวลาตั้ง ๘๐ ปี ๑๐๐ ปี ทนนับไม่ค่อยไหว . นับว่า เกิด ครั้งหนึ่ง แล้วรอไปอีก ๑๐๐ ปี จึงจะนับว่า ดับ . ภาษาอภิธรรมเฟ้อฝ่ายโน้นมันก็เกินไป ภาษาคนฝ่ายนี้มันก็เกินไป. (๓) ทีนี้มันยังมีตรงกลาง คือที่เป็นภาษาปฏิจจสมุปบาทที่กำลังกล่าวถึงนี้. ความเกิดดับของภาษาปฏิจจสมุปบาทก็คือเกิดขึ้นแห่งเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็เกิดตัณหา แล้วก็อุปาทาน แล้วก็มี ภพ แล้วก็ชาติ . ในหัวใจของคนเราเกิดความรู้สึกเป็น ตัวกู ครั้งหนึ่งก็เรียกว่าชาติหนึ่ง ภพหนึ่ง . และมันก็อาจนับได้. ถ้าขยันสังเกตก็จดไว้ วันหนึ่ง ๆ เราอาจจะพบและจดได้เลย ว่าวันนี้เราเกิด ตัวกู กี่ครั้ง พรุ่งนี้เกิดกี่ครั้ง มะรืนเกิดกี่ครั้ง ก็คอยจดไว้ได้. นี้ไม่ได้ถี่ยิบจนนับไม่ทันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเกิดจากท้องแม่ แล้วก็ดับคืนเข้าโลง. มันเป็นการเกิดดับ, เกิดดับของคนเราหรือนามรูปในลักษณะที่เป็น ตัวกู -- ของกู ที่ถูกปรุงแต่งด้วยอวิชชาครั้งหนึ่ง ๆ .
==============================================
สรุป ทั้งแบบพระสูตร และ แบบพระอภิธรรม ท่านพุทธทาส ไม่เห็นด้วย ต้องแบบตัวตู-ของตู จึงจะถูกต้องที่สุด
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 55 08:00:10
|
|
|
|
|