ความคิดเห็นที่ 1 ในตอนแรกเราจะมาดูการรีวิวฟิล์มติดรถก่อนละกัน คันนี้ใช้ 3M ทั้งคัน ติดจากศูนย์ บานหน้า FXR40 มีปรอท กลางวันกลางคืนพอใจมากครับ ไม่มีไฟถนนก็ขับสบายๆครับ 2 บานข้างหน้า FX30  2 บานข้างหลัง FX5 บานหลัง FX20  โดยรวม รหัสฟิล์มชุดนี้ค่อนข้างพอใจมากครับ แต่ บานสุดท้ายน่าจะเอา FX5 เพราะ ช่วยลดแสงไฟจากรถข้างหลังในตอนกลางคืนได้พอสมควรเลยทีเดียว แต่มีวิธีแก้ครับ เพราะพี่ซูเค้าให้ตัวเลื่อนเปลี่ยนองศาของกระจกมองหลัง พอเลื่อนแล้วคล้ายๆเป็นกระจกตัดแสงละครับ แต่เจอซีนอนไปก็เอาไม่อยู่เหมือนกันคับเพราะผมเจอมาแล้ว *0* แต่ถ้าแนะนำอยากติดรหัสเหมือนผม แนะนำบานหลังสุด FX5 ครับ ส่วนเรื่องการถอยหลังไม่มีปัญหาครับ กระจกมองข้าง มองชัดมากเพราะฟิล์มรหัส FX30 ส่วนบานหน้า FXR40 โดนแดดแล้วสีจะแอบเขียวนิดๆครับ ส่วนตัวหลังจากติดสเปคนี้แล้ว ผมแนะนำ 3 บานหน้า FXR40 3บานหลัง FX5 ละกันครับ น่าจะลงตัวกว่าสเปคที่ผมติดนิดนึง ส่วนบางคนบอก FXR40 มันปรอทนิด ไม่สะท้อนหรอ ติด ไว้ 3 บานหน้า จากเสคมันจะท้อน 10% เองครับ ซึ่งพวก FX ธรรมดาไม่มีปรอทจะสะท้อน 8 % และค่ากันความร้อนรวมต่ำกว่า FX30 อยู่ 3%เอง แต่ผมว่าถ้าติด 3บานหน้า FXR40 กับ 3บานหลัง FX5 จะดูสวยกว่านี้และการใช้งานยังเหมือนเดิม แถมตอนกลางคืน ช่วยลดแสงจากไฟรถข้างหลังด้วยครับ   ส่วนนี่จะเป็นรายละเอียดของฟิล์มนะครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:16:15

ความคิดเห็นที่ 2 นี่ครับ ตัวเปลี่ยนองศาของกระจก จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:21:43

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนเราจะพูดถึงการขับขี่พูดถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจและจุดที่น่าติคราวที่แล้วก่อนดีกว่าครับ ปุ่มเจ้าปัญหา สรุปตัวนี้มาให้เฉพาะรุ่นทอปนะครับ มันคือ แต่น แตน แต๊น เซนเซอร์วัดอุณหภูมิซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กับแอร์ออโต้ครับเอาตามความจริงผมว่าแอร์ออโต้ทำงาน ค่อนข้างโง่ๆครับ ไม่ได้ดั่งใจเลย แนะนำปรับมือดีกว่าครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:22:54

ความคิดเห็นที่ 4 มาที่บังแดดกระจกคนขับกันบ้างครับ จะเห็นว่าไม่มีที่เปิดปิดกระจกให้ พอบังแดดทีนึง ผมรำคาญกับกระจกตัวนี้มาก สะท้อนมือผมอยู่นั่นแหระ พี่ซูทำที่เปิด-ปิดมาให้หน่อยก็ไม่ได้ อ้างว่าเรื่องต้นทุน ผมให้ตัวละ 100 เลย แล้วรถคันนี้เพิ่มราคาอีก 100 ก็จะซื้อคับ *0* จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:23:19

ความคิดเห็นที่ 5 มาที่บังแดดกระจกคนขับกันบ้างครับ จะเห็นว่าไม่มีที่เปิดปิดกระจกให้ พอบังแดดทีนึง ผมรำคาญกับกระจกตัวนี้มาก สะท้อนมือผมอยู่นั่นแหระ พี่ซูทำที่เปิด-ปิดมาให้หน่อยก็ไม่ได้ อ้างว่าเรื่องต้นทุน ผมให้ตัวละ 100 เลย แล้วรถคันนี้เพิ่มราคาอีก 100 ก็จะซื้อคับ *0* ลำดับต่อไป รวมจุดน่าขัดใจคือ ไม่มีไฟห้องสัมภาระด้านหลังครับ ไม่รู้ซูซูกิลืมหรือว่ายังไง ตอนกลางคืนจะหยิบของต้องคลำหรือหาไฟจากมือถือมาส่องกันเลยทีเดียว จุดนี้ควรจะมีมาให้ หวังว่าไมเนอร์คงจะมีมาให้ครับ  แต่สำหรับใครที่กังวลเรื่องนี้ไม่ต้องกลัวครับ ตอนนี้ร้านแต่งมีอุปกรณ์ตรงนี้มาให้แต่งกันแล้ว ลำดับต่อไป เบาะนั่งไม่สบายๆเอาซะเลย ผมจะแยกเป็น 2 ส่วนนะครับ คู่หน้ากับคู่หลัง  (ขอบอกว่าส่วนนี้ แล้วแต่ความรู้สึกของแต่ละคนนะครับ ผมแชร์ความรู้สึกของผมให้ฟัง) เบาะคู่หน้า – รู้สึกว่านั่งไม่สบายมันชันเกินไปหรือเบาะมันแข็งเกินไป ส่วนตัวผมนั่งแล้วรู้สึกค่อนข้างอึดอัดครับ พร้อมกับพนักพิงวางแขนที่เป็นผ้า พอจะวางแขนก็ไม่สบายเท่าไร ยิ่งบางคนเคยขับเบาะหนัง(แท้)มาก่อน จะรู้สึกถึงความต่างมากๆครับ แต่ปัญหานี้ก็น่าจะแก้โดยการดเปลี่ยนไปเป็นหนังแท้ครับ และเบาะหน้าไอ้ปุ่มโยกปรับความเอียง  ผมว่าแต่ละองศาห่างกันเกินไป น่าจะทำองศาของการเอียงของเบาะให้ถี่กว่านี้หน่อย เบาะคู่หลัง – นั่งไม่สบายเอามากๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด เพราะเบาะมันชันมาก วิธีแก้คือยกหัวหมอนข้างหลังขึ้นครับ แต่ๆๆพอยกแล้ว ทัศนวิสัยตรงกระจกมองหลังจะถูกบดบังจากหัวหมอน 2 ก้อนนี้ หมดบังไปยังไงดูรูปคงได้คำตอบมากกว่าครับ ต่อไปมาถึงพวงมาลัยครับ อย่างที่ได้เคยได้กล่าวไปพวงมาลัยตัวนี้ปรับได้ 4 ทิศทาง แต่ปรับทีนึงน้ำหนักของพวงมาลัยจะเปลี่ยนทันที การบังคับพวงมาลัยเลี้ยวจะเปลี่ยนไปอย่างค่อนข้างมาก ไม่ทราบว่าเป็นปกติของการปรับพวงมาลัยรึเปล่า โดยผมปรับให้สูงขึ้นรู้สึกได้เลยพวงมาลัยจะค่อนข้างหนัก พอปรับให้ต่ำลงคราวนี้เบาหวิวเลย -  -“ คือ อยากได้สูงหน่อยแล้วน้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างไปทางเบา ทำไมทำไม่ได้ T_T   ยังไม่จบเรื่องพวงมาลัยครับ พวงมาลัยหุ้มหนัง(เทียม) ขอบอกว่า จับไม่สบายเอามากๆเมื่อจับเวลานาน ผมว่าเป็นยูรีเทนจับสบายกว่า ต่อไปครับเรื่องเบรก กับคันแร่ง ผมว่า คันเร่งค่อนข้างแข็งไปหน่อยแล้วเบรกก็อยู่สูงเกินไป ทำให้เมื่อยเท้ามากตอนเบรก มากันที่กระจกมองข้างกันบ้างครับ บอกตามตรง ผมไม่พอใจกระจกมองข้างเอาสักเลย จุดบอดเยอะเหลือเกิน เกือบชนไปหลายทีแล้วครับ เดี๋ยวจะเปลี่ยนไปเป็นแบบ โค้ง หรือ 2 โค้งแล้วตัดแสงแทนแล้วละครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:23:44

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องติคงมีแค่นี้ละครับ  ต่อไปขอเข้าการขับขี่ จากจุดหยุดนิ่งแล้วรถเคลื่อนที่ 0-40 ผมว่าอืดมาก  ยิ่งเวลาขึ้นสะพานเหมือนรถไม่มีแรงยังไงยังงั้น ส่วน ข้าม 40 มาได้ ดีขึ้นมาหน่อยครับ ถ้าใช้วิธีกระทืบคันเร่งช่วย อยากจะบอกว่าไม่ค่อยเห็นผลครับเนื่องจากคันเร่งที่แข็ง(รึเปล่า) ส่วนผมก็แก้ปัญหากดโหมดsport ครับ ลากรอบ รู้สึกได้เลยว่ารถพุ่งขึ้นเยอะ แต่ปุ่มนี้ ถึงกด ตอน 0-40 ก็อืดอยู่ดีครับ แต่ดีกว่าเก่า และกดบ่อยๆผมว่าเกียร์ได้คงมีปัญหาสักวันแน่นอน เพราะฉะนั้นปุ่มนี้กดเมื่อยามจำเป็นดีกว่าอย่ากดพร่ำเพรื่อเลย ต่อไปช่วงความเร็ว 60-100 ก็ขึ้นเรื่อยๆครับ  กดคันเร่งธรรมดามันก็ไม่ได้วิ่งปู๊ดป๊าดอะไร อยากให้ความเร็วขึ้นไวๆ ก็ต้องพึ่งปุ่มวิเศษ(ปุ่มsport นั่นแหระ)ตลอด สรุปนะครับ ผมว่าใช้ได้ครับ เพราะไม่ได้ไปแข่งกับใคร ถ้ารีบก็กดปุ่มวิเศษแล้วก็ถึงความเร็วที่ได้ก็กดปิดครับ ขอสรุปปิดท้ายอีกทีเป็นประโยคว่า “อืดทุกประสาทสัมผัสแต่มีปุ่มวิเศษไว้แก้ขัดนะ” ส่วนการเก็บเสียงในรถทำได้ค่อนข้างดีครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:24:16

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อไปช่วงล่างครับ ของผมเป็น GLX นะครับอย่างที่เคยเรียนไปในกระทู้คราวที่แล้ว ขอบอกได้เลยว่า ช่วงล่างเทพมากครับเก็บรายละเอียดของถนนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ 55+ อันนี้ก็เวอร์ไป เอาจริงๆผมว่าค่อนข้างแข็งครับ แล้วปัญหาเรื่องที่เกียร์กระตุก(ค่อนข้างมาก) ยิ่งขับสัก60แล้วปล่อยไหลให้รถความเร็วลงมา มันจะมีจุดๆนึงครับที่จะกระตุก ถ้ารถค่อนข้างติดบอกได้เลย เวียนหัวครับ แนะนำขับในเมืองให้เตรียมยาดมเซียงเพียงอิ๊วไว้คู่กายได้เลย แต่รถอะไรจะมีแต่ข้อเสีย ช่วงความเร็ว 110-140 ของบอกว่าช่วงล่างนิ่งมากๆๆครับ นิ่งจนต๊กกะใจ ว่าขับEco Car หรอเนี่ย ช่วงล่างทำได้ดีมากๆๆ แต่ๆๆๆๆๆ โช๊คยังต้องปรับปรุงแนะนำถ้าชอบขับรถไว ผมว่าอย่างน้อยๆ ต้องโช๊คคู่หน้าต้องเปลี่ยนให้ดีกว่านี้หน่อย ส่วนตอนเข้าโค้งทำได้ดีครับ สรุปครับ ถ้าขับช้า ชอบนุ่มๆอาจจะไม่ชอบครับ แต่ถ้าคนขับเร็ว รถไม่ติดน่าจะถูกใจกัน แต่ก็ยังต้องปรับปรุงเรื่องรถกระตุก ในความเร็วต่ำ ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเกียร์CVTรึเปล่านะครับ บางทีอัพFWก็อาการกระตุกก็อาจจะหายก็ได้ ทั้งหมดนี่ก็เป็นอาการของรถที่ขับมา 1,000 กว่ากิโลครับ ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่า ยังไม่ได้ไปเช็ค 1 พันกิโลแรกนะครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:24:29

ความคิดเห็นที่ 8 หลังจากเช็ค 1 พันกิโลแรกมาแล้ว ความเร็วในช่วงต้น ขออนุญาตเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า “ตีนต้น” เลยละกันครับ ตีนต้น ทำได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร เพราะ น้ำมันเครื่อง Shell  0w-20ที่ศูนย์พึ่งเปลี่ยนให้ รึเปล่า ฟังไม่ผิดครับ 0w-20 พึ่งรู้ว่าshell มี 0w-20 ด้วย น้ำมันตัวนี้คาดว่าน่าจะลื่นหัวแตกแน่นอน *0*   แต่ถ้าอ้างอิงจากน้ำมันเครื่องก็คงไม่ได้มั้งครับ เพราะน้ำมันเครื่องผมว่าต้องดูกันยาวๆๆ  เพราะเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทีไร ตอนแรกๆก็รู้สึกเร่งดีกว่าของเก่าตลอดแหระครับ เรามาจบกันที่น้ำมันเครื่อง อันที่จริงผมหา 5w-30 แต่หาไม่ทันครับ เพราะว่าวันที่เข้าศูนย์ไปธุระโซนแถวนั้นด้วยเลยไม่อยากมาหลายรอบ โทรไปเช็คตอนแรกศูนย์บอกใช้ 0w-40 ของ shell  ผมก็ 0w-40 ก็ได้ พอเข้าจริงถามอีกครั้งเพื่อความชัวร์ เค้าบอก 0w-20 รู้งี้ขอถังมาด้วยดีกว่า เพราะใช้แค่ 3.4 ลิตรเหลือตั้ง 0.6 ลิตร แต่ตอนนั้นลืมครับ เพราะยุ่งกับงานที่ต้องทำมากๆ T_T ขอจบเรื่องน้ำมันเครื่องแต่เพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:24:44

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาใหม่ก็วิ่งไปทำงานครับ เสร็จงานก็ดึกๆละครับ ตรงนี้ขอบอกว่าดึกจนถนนค่อนข้างที่จะโล่ง(มาก)ครับ  วิ่งขึ้นทางด่วนความเร็วค่อยๆไต่ขึ้น มาแช่อยู่แถวๆ 110 แป๊ปนึง เหมือนมี Taxi คันนึงระยะห่างหลังไปประมาณ 100 เมตรตบไฟสูงใส่ เลยขอลองนิดนึงกดคันเร่งเพิ่มขึ้น  รอบขึ้นไป 6000 พันรอบ ความเร็ววิ่งไป 140 อารมณ์เหมือนกดปุ่มวิเศษแต่ผมไม่ได้กดนะ ซึ่งอารมณ์อย่างงี้ขอบอกได้เลยว่าตอนแรกไม่มีครับ ขอคั่นช่วงเวลาของความสนุก(รึเปล่า)ไว้แป๊ปนึงนะครับ ขอบอกว่าสวิฟตอนรับรถวันรกเนี่ย  โคตรอืดเลย สิ่งที่ได้มาจากการอ่านรีวิว หาไม่ได้เลยครับ ในใจคิดซูซูกิ(แมร่ง)เอาคันรีวิวไปขายนอกรึเปล่า แต่ก็คิดเฉยๆครับ เพราะยังไม่ชินกับรถก็ได้ ขับไปสักพักรู้สึกว่า เฮ้ย!!! ทำไมมันดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก รถคันนี้มีวิวัฒนาการ*0* หรือมันมีชีวิต(วะ)เนี่ย เพราะว่าช่วงล่างดีขึ้นแต่ยังดีไม่พอครับ ความหวังเริ่มมา สักพักขับจับอาการหาข้อติเต็มที่ จนพบกับพวงมาลัยไม่ตรงครับรถแถขวาประกอบกับเวลายูเทินจะได้ยินเสียงเอี๊ยดเบาๆ เหมือนยางบดกับถนน เลยเอารถเข้าศูนย์ถ่ายลมยางออกครับหน้า 36 หลัง 32 ตามคู่มือ ขอบอกว่าก่อนรับรถเช็คลมยางกันด้วยนะครับ เพราะโรงงานเติมมาให้เยอะมากๆๆ แล้วอัตราการใช้น้ำมันที่เคยรีวิวไว้คงต้องทำใหม่ครับ เดี๋ยวไว้หลังออกจากค่ายสมาธิจะหาเรื่องทำใหม่ครับ มาต่ออาการข้างต้นที่ผมบอกนะครับ เข้าศูนย์ตอนแรกช่างบอกว่าที่แถออกขวาเพราะผมขับคนเดียวมันเลยแถออกขวาเราะน้ำหนักเทมาฝั่งผม *0* ตอนแรกฟังเฉยๆครับ ขับไปเทสไป ชั่งขับ ผมนั่งซ้าย มันแถออกซ้ายครับ ทฤษฎีช่างใช้ได้เต็ม(รึเปล่า) ช่างบอกเดี๋ยวเอารถไปเช็คให้ ผลปรากฏว่าศูนย์ปกติ ผมบอกไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวมาเชคอีกทีตอน 1000 โลก็ได้ สุดท้ายเช็คเจอช่างบอกเกลียวตรงแร๊คพวงมาลัยไม่แน่น ไขให้มันแน่นแล้ว สรุปอาการแถออกดีขึ้นประมาณ 90% ครับ ตรงนี้คนที่รับรถก็ขอให้เช็คกันด้วยครับ สังเกตุจากเวลาคืนพวงมาลัยก็ได้ครับว่าพวงมาลัยมันคืนได้ศูนย์รึเปล่า หลังจากลมยางเปลี่ยนลมยางมา รู้สึกช่วงล่างดีขึ้นครับ ขับดีขึ้น เสียงเอี๊ยดๆหายไปแล้ว ขอย้ำอีกที ได้รถปุ๊ปเช็คลมยางเลยหรือบอกศูนย์ไปเลยครับว่าให้เปลี่ยนลมจะเอากี่ปอนด์ก็ว่ากันไป พูดถึงเรื่องปอนด์ประเทศไทยใช้ระบบเมตตริกแต่ใช้ระบบอังกฤษในหน่วยปอนด์ซะงั้น *0* จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:25:34

ความคิดเห็นที่ 10 มาต่อที่ความเร็ว 6000 รอบกันบ้างนะครับ(หลายๆคนต้องอุทานบอกว่า ลืมแล้วแน่ๆเลย *0*) 6000 รอบอย่างที่บอกเหมือนกดปุ่มวิเศษครับ มีกลิ่นไหม้นิดๆแต่จากการไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เป็นเรื่องปกติสำหรับรถใหม่ครับ พอได้ความเร็วที่ต้องการยกคันเร่งออกนิดนึงครับรอบตกมาอยู่ที 3000 ที่ความเร็ว 140  *0* (ความเร็ว 120 ต่ำกว่า 3000 รอบนะครับ น่าจะประมาณ 2600 รอบ) อัตราการประหยัดของหน้าจอ 14 โลลิตรครับ ผมว่าทดลองหัวจ่ายน้ำมันจริงไม่หนีจากนี้เท่าไรหรอก ฟีลตอนวิ่ง 140 ช่วงล่างดีกว่า City โฉมที่แล้วที่เคยขับแบบว่า คนละเรื่องเลยครับ ความเร็วไม่ได้ไปต่อกว่านี้ ครับเพราะเห็นว่าอันตรายและทางด่วนเส้นนี้ประหยัดไฟรถโลกร้อนครับ ไม่เปิดไฟถนน มืดได้โล่ คิดไม่ออกว่าทางด่วนไหนขอบอกได้เลย ทางด่วนสุขสวัสดิ์ครับ ลงจากทางด่วนขับธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไปขับ ช่วงความเร็ว 40-60 จะมีจังหวะนึงจะรู้สึกถึงจังหวะเปลี่ยนเกียร์ครับ จะกระตุกทีนึง พอเลยไปก็โอเคครับไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์ แต่ปล่อยไหลผ่านจังหวะตรงแถวๆนั้นก็ประตุกอีกทีนึง ขับในเมืองอย่างที่แนะนำข้างต้น พกยาดมไว้ข้างตัวครับ แก้อาการวิงเวียนศรีษะ มากันถึงการเปลี่ยนเลนกันบ้างดีกว่าครับ การเปลี่ยนเลนทำได้ดีครับ แต่ก้านไฟเลี้ยวค่อนข้างที่จะแข็งไปหน่อยแต่ๆๆ มันมีเหตุผลครับว่าทำไม เพราะว่าซูซูกิเข้าใส่ระบบ ยกก้านไฟเลี้ยวนิดนึงแล้วไฟเปลี่ยนเลนจะกระพริบ 3 ครั้ง *0* อยากจะบอกว่าผมชอบระบบนี้มากๆๆๆ  เปลี่ยนเลนสะดวกขึ้นเยอะ(มาก) จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:27:23

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปนะครับ ผมว่ายังจับอาการได้ไม่ค่อยดีเท่าไรตัวแปรมันเยอะเกินไปจนที่จะสรุปอะไรต่อมิอะไรได้ครับ อันนี้พูดเป็นประสบการณ์ที่ได้ขับมาประมาณ เกือบ 2 พันกิโล ส่วนใครที่อยากรู้ลึกกว่านี้ ต้องไปลองครับ!!!   แต่ๆๆถ้าสรุปตามความรู้สึกของผมนะครับ อารมณ์เหมือนขับรถสปอร์ตคูเป้ครับ *0* เบาะหลังไม่สบาย วางของได้น้อย นับว่าซูซูกิเลียนแบบจุดนี้ของรถสปอร์ต 2 ประตูได้ดีทีเดียว *0* ช่วงล่างทำได้ดีถึงดีมากกับรถระดับ Eco Car ครับ อ้อผมลืมเรื่องเครื่องเสียงไปได้ไง เอาเป็นว่า เอา Ipod ต่อลองฟังเพลงดู สู้ City 05 คันเก่าที่ใช้ Front 2350UB ไม่ได้ และสู้ Teana 09 ที่เสียงล่ำลือว่าเครื่องเสียงห่วยมากไม่ได้ ป.ล. City ใช้สายสัญญาณ Aux to Aux สายละ 35 บาทนะคับ ส่วน Teana ใช้สายสัญญาณ RCA To Aux เมตรละ 600 ครับ ส่วน Swift ใช้สาย USB ต่อ ครับ ผมว่า ถ้าใช้ AUX เสียงน่าจะดีขึ้นนะครับ เพราะสามารถปรับ EQ จาก Ipod ได้ด้วย แล้วลักษณะของเสียงผมว่าเสียงเพลงมันแห้งๆอะครับ และสุดที่(โคตร)น่าขัดใจเลยคือ เพลงมันกระตุก(แต่ไม่เยอะนะครับ แต่มันขัดอารมณ์ในการฟังเพลงมาก) ปัญหาอาจเป็นเพราะใช้สาย USB ครับ เพราะของ City เคยใช้กับ 2350UB เสียบ USB ฟังกับ BB กระตุกคล้ายๆกับของสวิฟเลย แต่ของ2350UB เสียบกับ Flashdrive ไม่เป็นนะครับ ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเอา Flashdriveเสียบก็ไม่น่าจะกระตุกเช่นกันครับ มาถึง ทิป เล็กๆน้อยๆสำหรับผมนะครับ  คันนี้เป็น CVT ซึ่งชื่อเสียง CVT ของ Honda City/Jazz 05 คงสร้างวีรกรรมไว้เยอะแล้ว แต่เกียร์ลูกนี้ผลิตจาก Jatco ซึ่งเหมือนจะเป็นบริษัทเครือเดียวกับ Nissan นะครับ เอาละมาว่ากันเรื่องทิปเล็กๆน้อยๆ ถ้าไม่อยากเกียร์พังไวและเปลืองน้ำมัน อย่าขับกระชากและกดปุ่มวิเศษบ่อยครับ และเทคนิคการประหยัดน้ำมันต้องรู้จักยกคันเร่งครับ เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการแล้วแนะนำให้ลองยกคันเร่งนิดนึงครับเพื่อให้รอบลงมานิดนึง สุดท้ายขอจบ รีวิว Swift เพียงเท่านี้ครับ ส่วนคันหน้าจะเป็นรถอะไร รอลุ้นกันเอาเองนะครับ หุหุ… จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:28:17

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ๆๆ เดี๋ยวก่อนยังไม่จบครับ อันที่จริงอยากรีวิวคันนี้มากเพราะมีแต่คนชอบบอกว่าคันนี้แก่ เอารถพ่อมาขับอ๊ะเปล่า เลยเอามาให้ดูนิดนึงว่าแก่จริงรึเปล่า จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:29:03

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนถ้ามีโอกาสก็จะรีวิวอีกนะครับ ส่วนตอนช่วงของหวาน มีพิเศษนิดนึง แต่ขอ อุบส์ ไว้ก่อน อิอิ ป.ล. รีวิวทั้งหมดที่เขียนนี้ จริงรึเปล่า โม้รึเปล่า อยากรู้ ต้องไปลอง!!! อิอิ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 22:09:54 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 21:40:03 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 21:39:14 จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:29:43

ความคิดเห็นที่ 14 สวยทั้งคู่ครับ แต่เทียน่าดูดีกว่าเยอะมากกกก อิอิ (แหงล่ะ เทียน่าคันเดียวถอยสวิฟได้สามคันเลย) จากคุณ : พี่พูห์ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:53:29 A:125.24.27.6 X: TicketID:303676

ความคิดเห็นที่ 15 รอดูรีวิวเทียน่าครับ จากคุณ : j.v.s.@naruk เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:05:23

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับสำหรับรีวิว หลากหลายแง่มุมดี จากคุณ : Melting Holiday เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:29:36

ความคิดเห็นที่ 17 จขกท.ถ้าได้ขับอีโก้คาร์จนครบทุกยี่ห้อแล้วนำมารีวิว ความรู้สึกคงเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เพราะอ่านแล้วแ้ย้งกับที่นักทดสอบมืออาชีพที่ทดสอบอีโก้คาร์มากพอควร จากคุณ : Maechai เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:46:14

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:48:24

ความคิดเห็นที่ 19 ผมติดใจตรง#8 เรื่องน้ำมันเครื่อง ที่บอกว่าเปลี่ยนแล้วตีนต้นดีขึ้นนั้น feeling หลังเปลี่ยนแล้วอัตราเร่งดีขึ้นนั้นจะเป็นกับรถที่มีอายุพอสมควรและต้องเปลี่ยนที่8พันหรือหมื่นกม. ไม่ไช่ที่พันกม.แรกนี้(เปลี่ยนเพื่อเอาเศษโลหะออก) เลยอยากทราบว่าspecน้ำมันเครื่องที่โรงงานใส่มา...ใครทราบบ้าง? และเบอร์0w-20w ผมยังไม่เคยเห็นเลย แต่ความรู้สึกส่วนตัวผมว่ามันอันตรายกับเครื่องเกินไป ควรจะเป็น5w-40w ด้วยช้ำ เพราะรถใหม่ถึงจะFitอย่างไรก็มีgapอยู่บ้างแหละ และจะร้อนมากที่ความเร็วสูงเพราะความfitของมัน...และในmanualระบุไว้เท่าไหร่ ครับ...เรื่องน้ำมันเครื่องนี่สำคัญมากนะครับ(มากๆกับรถใหม่) จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 02:45:21

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้ว แทบอยากถอนจองสวิฟเลย  เหอ ๆ โดยเฉพาะเรื่อง ชลอแล้วกระตุกหงึก ๆ ยิ่งเป็นคนขี้เวียนหัว แต่ จขกท เอาไปเปรียบเทียบแต่กับรุ่นใหญ่ คงไม่ยุติธรรมกับสวิฟนะ น่าจะเอาไปเทียบกับ มาร์ช มิราจ พวกนี้มากกว่า เพราะเวลาคนตัดสินใจที่จะเลือกรถ ก็ 3 รุ่นนี้ สวิฟ มิราจ มาร์ช แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 55 07:07:43 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 55 07:07:23 จากคุณ : Koraja เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 07:04:29

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 19 คู่้มือสวิฟท์หน้าที่ 7-7 ใช้น้ำมันเครื่อง 0W-20 แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิสสัน ฮอนด้า น้ำมันเครื่อง SAE 0W-20 เข้าประจำศูนย์กันแล้ว คุณสมบัติสูงกว่าน้ำมันเครื่องยุคก่อนมาก ลื่น ใสทนอุณหภูมิได้สูงเท่ากับเบอร์40(ดูได้จากชาร์ทน้ำมันเครื่อง) ปกป้องทันทีที่สตาร์ท จึงไม่เป็นอันตรายกับเครื่องแน่นอน จากคุณ : Maechai เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 09:35:03

ความคิดเห็นที่ 22 @ คุณ Koraja อย่าเพิ่งถอนจองครับ ไปลองก่อนเพราะถ้าถอนจองกลัวจะพลาดสิ่งดีดีนะครับ ^^ ป.ล. ที่ผมเขียน เขียนจากความรู้สึกส่วนตัว คนอื่นจะไม่รู้สึกเหมือนผมก็ได้ระครับ จากคุณ : harryoop เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:35:28

ความคิดเห็นที่ 23 รีวิว เยี่ยมมากครับ ตรงไปตรงมาและเป็นกลางดี ผมมองหารีวิวแบบนี้เสมอ . . . จากผู้ใช้งานจริง มีความรู้ มีประสบการณ์ขับรถมาพอสมควร และที่สำคัญ”ไม่เห่อ ไม่อวยรถตัวเองเกินเหตุ” ขอมูลที่ จขกท ริวิว จะหาอ่านจากสื่อรถยนต์ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะไม่เจาะลึก(เขาขับกันช่วงสั้นๆ)   และไม่กล้ารายงานข้อด้อย (โม้แต่ข้อเด่น) เพราะกลัวอดสปอนเซอร์ค่าโฆษณา ______________________ มีโอกาส ทำรีวิว อีกนะครับ (จะรออ่าน) จากคุณ : 9_pennie เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 17:44:31

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณค่ะ แต่เห็นด้วยกับ คห.20 ว่าอยากให้ จขกท. หาโอกาสขับรถระดับเดียวกันมาเปรียบเทียบกัน จะดีมากๆค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่ คงเลือกจากรถราคาเดียวกัน มากว่าเลือกข้ามรุ่น จากคุณ : คนสวยทำอะไรก็ไม่ผิด เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 19:23:45

ความคิดเห็นที่ 25 รถ 5 แสน คงไปเทียบกับรถราคาเป็นล้านไม่ได้ T^T จากคุณ : Grooverine เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 23:47:16

ความคิดเห็นที่ 26 ตามคู่มือเซนเซอร์บนคอนโซลเป็นเซนเซอร์วัดปริมาณแสงครับ ส่วนเซนเซอร์วัดอุณหภูมิห้องโดยสารอยู่บริเวณได้พวงมาลัยด้านซ้ายครับ ส่วนตัวผมว่า แอร์ ออโต้ ทำงานได้ดีไม่มีปัญหานี่ครับ จากคุณ : numtien เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 07:16:52

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าคอนโซลในส่วนของวิทยุในรถครึ่งล้าน ดูดีและสมราคากว่าที่อยู่ในคัมรี่คันละล้านครึ่งเป็นไหนๆ จากคุณ : bodyseries เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 10:38:58