เรื่องนี้ มันแค่เรื่องความเหมาะสม
เป็นพระเป็นเจ้า อย่าทำอะไรให้เกิดโลกวัชชะ เมื่อทำให้เกิดก็ต้องแก้ไข
ไม่ใช่หัวหมอ อ้างพระวินัยมาบัง
ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ
ไม่ว่าที่อยู่ ไม่ว่าอาหาร ไม่ว่าปัจจัยใด ๆ มาจากการขอทั้งนั้น
เป็นเนื้อนาบุญ เป็นผู้รู้ในธรรม และนำธรรมนั้นมากล่อมเกลาจิตใจญาติโยม
ญาติโยมก็เกื้อหนุนจุนเจือวัด เป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างทางจิตใจกับทางวัตถุ
เพื่อการดำรงชีวิต ดำรงธรรม เป็นครรลองโลกในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ก็แค่นี้ ควรทำตัวแค่นี้
ไอ้อร่อยจนลืมกลับวัดนี่ มันไม่ควรด้วยประการทั้งปวง
ไอ้หน้าไหนว่าควรน่ะ แปลว่า เถียงเอาชนะ
พระทำไม่เหมาะ ชาวบ้านก็ด่า จะด่าเกินควร จะด่าเกินเหมาะ
มันก็คนละเรื่องกับเรื่องที่พระก่อโลกวัชชะ
ยิ่งการอ้างพระวินัยมาบังนี่ น่าเกลียดสุด ๆ ครับ
แรกสุด ในสมัยพุทธกาลนั้น พระวินัยยังไม่มี พอพระทำอะไรไม่ดีไม่งาม ก็บัญญัติพระวินัยตามมาเรื่อย
ถึงวันนี้ ยังมีพระบางองค์บอกว่า พระขับรถไม่ผิด เพราะพระวินัยไม่ได้บอกไว้
ก็สมัยพุทธกาลน่ะ รถยนต์มันมีซะที่ไหน เลยตีขลุมตะแบงเลี่ยงพระวินัยซะเลย
พระที่เที่ยวสอนคนไปทั้งประเทศ มีชื่อเสียง ยิ่งต้องสำรวม ยิ่งต้องระมัดระวัง
ต้องสำนึกรู้่เสมอว่า สิ่งที่สอนคนไปทั่วนั้น ไม่ใช่ "ตัวตน" เป็นคนสอน
แต่คือ "ธรรม" ต่างหาก มีธรรมเป็นเครื่องมือเป็นหลักในการสอนต่างหาก
ไม่ใช่เผลอให้กิเลสเข้าครอบจนหลงตัว เกิดโมหะสะสมจนคิดว่าฉันเลิศฉันเก่งฉันไม่ผิด
และ "ฉันอร่อย" จนลืมกลับวัด

พระดี จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องอ้างพระวินัย
หากพระวินัยไม่ได้กำหนดไว้ จะทำอย่างไรก็ไม่ผิดยังงั้นเหรอ
คิด และไตร่ตรองอย่างมีโยนิโสมนสิการเถิด ญาติโยมทั้งหลายเอย
เรื่อง ว.วชิรเมธี อย่าอ้างเรื่องพระวินัยเลยครับ มันเป็นการเอาพระวินัยมารับรองความไม่เหมาะสม อะไรหัวหมอถึงในวัด เกินไป
เป็นพระเป็นเจ้า อย่าทำอะไรให้เกิดโลกวัชชะ เมื่อทำให้เกิดก็ต้องแก้ไข
ไม่ใช่หัวหมอ อ้างพระวินัยมาบัง
ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ
ไม่ว่าที่อยู่ ไม่ว่าอาหาร ไม่ว่าปัจจัยใด ๆ มาจากการขอทั้งนั้น
เป็นเนื้อนาบุญ เป็นผู้รู้ในธรรม และนำธรรมนั้นมากล่อมเกลาจิตใจญาติโยม
ญาติโยมก็เกื้อหนุนจุนเจือวัด เป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างทางจิตใจกับทางวัตถุ
เพื่อการดำรงชีวิต ดำรงธรรม เป็นครรลองโลกในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ก็แค่นี้ ควรทำตัวแค่นี้
ไอ้อร่อยจนลืมกลับวัดนี่ มันไม่ควรด้วยประการทั้งปวง
ไอ้หน้าไหนว่าควรน่ะ แปลว่า เถียงเอาชนะ
พระทำไม่เหมาะ ชาวบ้านก็ด่า จะด่าเกินควร จะด่าเกินเหมาะ
มันก็คนละเรื่องกับเรื่องที่พระก่อโลกวัชชะ
ยิ่งการอ้างพระวินัยมาบังนี่ น่าเกลียดสุด ๆ ครับ
แรกสุด ในสมัยพุทธกาลนั้น พระวินัยยังไม่มี พอพระทำอะไรไม่ดีไม่งาม ก็บัญญัติพระวินัยตามมาเรื่อย
ถึงวันนี้ ยังมีพระบางองค์บอกว่า พระขับรถไม่ผิด เพราะพระวินัยไม่ได้บอกไว้
ก็สมัยพุทธกาลน่ะ รถยนต์มันมีซะที่ไหน เลยตีขลุมตะแบงเลี่ยงพระวินัยซะเลย
พระที่เที่ยวสอนคนไปทั้งประเทศ มีชื่อเสียง ยิ่งต้องสำรวม ยิ่งต้องระมัดระวัง
ต้องสำนึกรู้่เสมอว่า สิ่งที่สอนคนไปทั่วนั้น ไม่ใช่ "ตัวตน" เป็นคนสอน
แต่คือ "ธรรม" ต่างหาก มีธรรมเป็นเครื่องมือเป็นหลักในการสอนต่างหาก
ไม่ใช่เผลอให้กิเลสเข้าครอบจนหลงตัว เกิดโมหะสะสมจนคิดว่าฉันเลิศฉันเก่งฉันไม่ผิด
และ "ฉันอร่อย" จนลืมกลับวัด
พระดี จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องอ้างพระวินัย
หากพระวินัยไม่ได้กำหนดไว้ จะทำอย่างไรก็ไม่ผิดยังงั้นเหรอ
คิด และไตร่ตรองอย่างมีโยนิโสมนสิการเถิด ญาติโยมทั้งหลายเอย