คุณอภิสิทธิ์ครับ หลังจากได้อ่านจดหมายเปิดผนึกจากใจของคุณอภิสิทธิ์แล้ว ทำให้ผมอดที่จะเขียนจดหมายถึงท่าน เพื่อให้ท่านได้รับรู้กับความในใจของประชาชนบ้าง อยากให้ท่านได้รับรู้ถึงความต้องการของคนส่วนใหญ่บ้าง เพื่อไม่ให้ท่านหลงละเมอเพ้อพกกับกำลังใจที่กลุ่มคนที่มีความนิยมท่านเป็นการส่วนตัว แล้วทำให้ท่านกระทำหลงกระทำในสิ่งผิดๆดังที่ท่านได้กระทำมาตลอด แล้วคิดว่านั่นเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่
คุณอภิสิทธิ์ครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประชาชนที่ห่วงใย หรือเป็นเพราะความพยายามที่จะแก้ต่างเพื่อเอาตัวรอดจากคดีของคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพ จึงทำให้ท่านมองเรื่องของการกระทำตามหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ท่านพูดเสมอมาว่า “ให้ความเชื่อมั่น” เป็นการใช้อำนาจบิดเบือนข้อกล่าวหาว่าเป็น “ฆาตกร”
ท่านครับ ถ้าท่านใช้คำว่า “บิดเบือน”แล้วล่ะก้อ จะทำให้กระบวนการต่างๆต้องมัวหมองไปนะครับ อย่าลืมสิครับท่าน ดีเอสไอหน่วยงานนี้ก็เป็นหน่วยงานเดียวกับที่ทำคดีของคนเสื้อแดง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายที่เป็นคู่กรณีกับท่าน ล้วนแต่ถูกจองจำ ถูกดำเนินคดี มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ความร้ายแรงแห่งคดี และเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกิดตอนที่ท่านมีอำนาจอยู่ทั้งสิ้น
ดังนั้นถ้าท่านบอกว่า มีการบิดเบือน มีการยัดเยียดข้อกล่าวหา นั่นหมายความว่า หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่ถูกแทรกแซงได้อย่างนั้นหรือครับ แล้วท่านจะตอบกับพี่น้องคนไทยที่เป็นคู่กรณีเหล่านั้นว่าอย่างไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ คดีของท่านนั้น แตกต่างจากคดีของผังล้มเจ้าอย่างแน่นอนนะครับ เพราะผังล้มเจ้านั้น พิสูจน์แล้วว่า มันเป็นเพียงผังกำมะลอ แต่พวกท่านก็ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำตามผังนี้ ซึ่งทำให้มีคนได้รับผลกระทบมากมายจากผังนี้ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สร้างความขัดแย้งฝังลึกเข้าไปอีก
ดังนั้นพวกท่านจะนำกรณีอย่างนี้ แล้วมาเหมารวมว่าการกระทำของดีเอสไอเป็นการบิดเบือนหรือยัดเยียดข้อกล่าวหาคงไม่ได้นะครับท่าน กรุณาอย่านำมาตรฐานของตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานของคนอื่นเลยนะครับ เพราะยิ่งเปรียบเทียบ ประชาชนยิ่งเห็นธาตุแท้ของพวกท่านมากขึ้นเท่านั้น
มาดูคดีของพวกท่านสิครับ 2 ปีกว่า เรื่องไม่ได้ดำเนินไปถึงไหน ชายชุดดำที่ท่านยกอ้างมาตลอด 2 ปี ก็ไม่เคยจับมาดำเนินคดี ไม่ว่าในที่เกิดเหตุหรือหลังจากนั้น ที่จับได้แล้วบอกว่า เป็นชายชุดดำ ก็ล้วนแต่กันไว้เป็นพยานกันหมด ก็เลยกลายเป็นว่า ที่ตายเพราะชายชุดดำล้วนแต่ผู้บริสุทธิ์ ส่วนชายชุดดำที่ทำให้ต้องเกิดการฆ่าขึ้น ล้วนแต่กันไว้เป็นพยาน อย่างนี้แล้วมันเป็นความยุติธรรมแบบไหนกันครับคุณอภิสิทธิ์
แล้วคดีของท่าน ต้องรอจนเปลี่ยนรัฐบาล ต้องรอจนศาลวินิจฉัยแล้วว่า อย่างน้อยมี 2 รายที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำตาม ศอฉ. อย่างนี้หรือครับเป็นความบิดเบือน อย่างนี้หรือครับเป็นการยัดเยียด แต่ที่ท่านกลับไปสัมภาษณ์กับบีบีซีเรื่องการตายของทั้งสองเป็นความโชคร้าย และยังพูดในทำนองว่ามีอาวุธมากมายถูกปล้นไปจากผู้ชุมนุม นี่ต่างหากครับคือการบิดเบือน เป็นการบิดเบือนคำวินิจฉัยของศาลอย่างไม่ละอายใจที่สุดเลยนะครับคุณอภิสิทธิ์
และการกระทำของดีเอสไอ ก็เป็นแค่การสั่งฟ้องเท่านั้น ความบริสุทธิ์ของท่านจึงต้องรอจนกว่าศาลจะพิพากษา ดังนั้นขอเพียงท่านมีหลักฐาน แล้วท่านยังกลัวอะไรล่ะครับ ทำไมต้องออกมาดีสเครดิสพนักงานที่ต้องทำตามหน้าที่ล่ะครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ อย่างน้อยดีเอสไอก็ไม่มีอะไรคุ้มครองได้ ถ้ากระทำการผิดพลาด ผิดกับ คตส.ที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำใดๆ อย่างนี้แล้วท่านยังไม่วางไว้ใจอีกหรือครับ
ท่านยอมรับกับ คตส.ที่ตั้งโดยคณะรัฐประหาร
ท่านยอมรับได้กับดีเอสไอที่กระทำกับอีกฝ่าย
แต่ท่านกลับไม่ยอมรับกับดีเอสไอที่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างนี้หรือครับที่ท่านไปร้องแรกแหกกระเชอกับบีบีซีว่า มันไม่แฟร์ หรือ ความแฟร์จะเกิดขึ้นได้ในความคิดท่าน ต้องเป็นกระบวนการยุติธรรมจากฝ่ายท่านเท่านั้น ผมว่าเป็นความคิดที่ทุเรศมากนะครับคุณอภิสิทธิ์
ท่านครับ คงไม่มีใครหรอกครับที่กล้าสั่งให้ฆ่าประชาชนด้วยวาจาหรือลงเป็นลายลักษณ์อักษรหรอกครับ แต่การกระทำต่างหากครับที่ส่อให้เห็นอย่างนั้น
ไม่ว่าจากการขนอาวุธสงครามมากมายมาล้อมผู้ชุมนุม
ไม่ว่าจากการอนุญาตให้มีการนำสไนเปอร์มาใช้กับผู้ชุมนุม
ไม่ว่าจากการใช้แก๊สน้ำตาหย่อนลงมาจากบน ฮ.
ไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมในยามวิกาล
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นถึงนายกฯหรอกครับ ขอให้เป็นประชาชนที่รักความเป็นธรรมก็จะมองได้อย่างทะลุปุโปร่ง แล้วพวกท่านจะคิดไม่ถึงอย่างนั้นหรือครับ
คุณอภิสิทธิ์ อย่าคิดนะครับว่า ประชาชนส่วนใหญ่เขาโง่ เขาพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่ท่านพูดเหมือนกันหมดนะครับ อย่างน้อยทุกคนก็รับรู้เท่ากันว่า กว่าที่ท่านจะสลายการชุมนุม ไม่ใช่เพราะท่านใช้ความอดทนหรอกนะครับ และก็ไม่ใช่เพราะท่านพยายามที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียหรอกนะครับ
แต่เป็นเพราะท่านพยายามใช้สื่อฯของรัฐและสื่อทุกแขนงที่มีอยู่ พยายามปลุกเร้าให้ประชาชนเกลียดชังต่อกัน พยายามสร้างภาพถึงความไม่ชอบธรรมของผู้ชุมนุม พยายามยัดเยียดความเลวร้ายให้กับผู้ชุมนุม และยังพยายามสร้างภาพถึงผู้ก่อการร้ายที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนเหตุการณ์สุกงอมพอ จากนั้นท่านก็กระทำตามเจตนารมณ์ นี่ต่างหากครับที่คนส่วนใหญ่เขามองเห็น
คุณอภิสิทธิ์ครับ สิ่งที่ท่านมองข้ามไปก็คือความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ไงครับ ท่านจึงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาชำระคดีประวัติศาสตร์นี้ต่างหากครับ
ดังนั้นป่วยการที่ท่านจะมาบอกว่า ใช้ความอดทนยึดกลั้นโดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ป่วยการที่ท่านจะมาบอกว่าพยายามสุดความสามารถที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย
ถ้าท่านเพียงแค่คิดว่าคนที่คิดเห็นต่างจากท่าน ก็เป็นประชาชนของท่าน ท่านจะไม่ใช้คำว่า อดกลั้นและอดทนหรอกครับ เพราะสิ่งที่ท่านต้องคำนึงถึงก่อนอันดับแรก นั่นคือ ชีวิตของประชาชนของท่าน ดังนั้นความอดทนความอดกลั้นจะไม่มีทางถึงสิ้นสุดหรอกครับ ไม่รู้ว่าท่านจะฟังเข้าใจหรือเปล่า
ท่านจะใช้ความพยายามสุดความสามารถแคไหนก็ตาม แต่เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ใช่จะเป็นข้ออ้างที่ล้มล้างการสูญเสียที่เกิดขึ้นได้หรอกครับคุณอภิสิทธิ์ แล้วจะมาอ้างเรื่องนายกฯไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนั่น ยิ่งส่อให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบของท่าน
ท่านไม่รู้หรือครับ จิตสำนึกทางการเมืองต้องสูงกว่าคนธรรมดา
ท่านไม่รู้หรือครับ ประธานาธิบดีเกาหลีแค่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าเนื้อวัว ยังลาออก
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดรถไฟตกรางทำให้คนเสียชีวิต รัฐมนตรีประเทศอื่นเขายังลาออก
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดใช้แก๊สน้ำตากับผู้ที่ต้องการล้มการปกครอง ยังมีคนเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดมีคนตายเมื่อหลายปีก่อนจากแก๊สน้ำตา 2 คน ยังมีคนไปถามนายกฯตอนนั้นว่าเป็นคนหรือเปล่า
แล้วในยุคท่าน ทั้งจากอาวุธสงคราม ทั้งจากสไนเปอร์ สิ่งเหล่านี้หรือครับ เป็นการใส่ร้าย เป็นการบิดเบือนและเป็นความพยายามยัดข้อหา เฮ่อ ความชอบธรรมในประเทศนี้ คงมีแต่ท่านคนเดียวแล้วกระมังครับคุณอภิสิทธิ์
แล้วกรุณาอย่าพูดถึงการยอมตายเพื่อรักษาระบบเลยนะครับ คนคิดไม่เป็น มองไม่เห็น ก็จะดูท่านเป็นพวกลูกผู้ชาย แต่สำหรับคนคิดเป็น เขาจะอาเจียนเอานะครับ
แค่ดูจากคำพูดตอนเป็นฝ่ายค้านกับตอนเป็นรัฐบาล มักกระทำตรงกันข้ามมาตลอด แม้กระทั่งการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสธ.อ้าย ท่านยังกล้าออกมาแสดงความคิดเห็นอีก แล้วเรื่องสัมภาษณ์กับบีบีซี เรื่องยอมรับการใช้กระสุนจริง ซึ่งเหตุการณ์พึ่งผ่านไปหยกๆร้อนๆ ท่านยังกล้าปฏิเสธ อย่างนี้แล้วผมคงต้องขออนุญาตเข้าห้องน้ำไปเอาของเก่าออกก่อนนะครับท่าน
สุดท้ายท่านก็ยังคงหยอดคำพูดให้เหล่าพ่อยกเคลิบเคลิ้มอีก ประชาชนเป็นเพียงสิ่งเดียวทีจะช่วยให้ประเทศของเราก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวางทางบ้านเมืองมานานหลายปี เฮ้อ ผมอยากด่าท่านออกอากาศจริงๆเลยนะครับท่าน ถ้าท่านไม่ใช่อดีตผู้นำของประเทศ
ป๊าดโธ่ ถ้าคนอย่างท่านเห็นแก่ประชาชนจริงดังว่า ประเทศนี้มันจะเป็นอย่างนี้หรือครับท่าน
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่แอบขนคนมาช่วยพันธมิตรฯ
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่บอยคอตการเลือกตั้ง
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่ไปฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่ใช้กำลังจัดการกับประชาชน
และไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่กำลังจะปลุกระดมไม่ให้รัฐบาลจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแทนรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ข้ามหัวคนส่วนใหญ่ทั้งสิ้น จนคนส่วนใหญ่ทนไม่ไหว ก็เลยมีฉันทามติให้ท่านเป็นฝ่ายค้านไงล่ะครับ แต่ท่านก็ไม่เคยนำพา แล้วตอนนี้ดันมาบอกว่า ประชาชนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ประเทศก้าวข้ามอุปสรรค อยากหัวเราะเป็นภาษาแมลงสาปจริงๆเลย ให้ฟ้าฝ่าตายสิ..เอ้า
จดหมายเปิดผนึกจากใจประชาชนคนหนึ่งถึงคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประชาชนที่ห่วงใย หรือเป็นเพราะความพยายามที่จะแก้ต่างเพื่อเอาตัวรอดจากคดีของคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพ จึงทำให้ท่านมองเรื่องของการกระทำตามหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ท่านพูดเสมอมาว่า “ให้ความเชื่อมั่น” เป็นการใช้อำนาจบิดเบือนข้อกล่าวหาว่าเป็น “ฆาตกร”
ท่านครับ ถ้าท่านใช้คำว่า “บิดเบือน”แล้วล่ะก้อ จะทำให้กระบวนการต่างๆต้องมัวหมองไปนะครับ อย่าลืมสิครับท่าน ดีเอสไอหน่วยงานนี้ก็เป็นหน่วยงานเดียวกับที่ทำคดีของคนเสื้อแดง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายที่เป็นคู่กรณีกับท่าน ล้วนแต่ถูกจองจำ ถูกดำเนินคดี มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ความร้ายแรงแห่งคดี และเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกิดตอนที่ท่านมีอำนาจอยู่ทั้งสิ้น
ดังนั้นถ้าท่านบอกว่า มีการบิดเบือน มีการยัดเยียดข้อกล่าวหา นั่นหมายความว่า หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่ถูกแทรกแซงได้อย่างนั้นหรือครับ แล้วท่านจะตอบกับพี่น้องคนไทยที่เป็นคู่กรณีเหล่านั้นว่าอย่างไรครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ คดีของท่านนั้น แตกต่างจากคดีของผังล้มเจ้าอย่างแน่นอนนะครับ เพราะผังล้มเจ้านั้น พิสูจน์แล้วว่า มันเป็นเพียงผังกำมะลอ แต่พวกท่านก็ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำตามผังนี้ ซึ่งทำให้มีคนได้รับผลกระทบมากมายจากผังนี้ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สร้างความขัดแย้งฝังลึกเข้าไปอีก
ดังนั้นพวกท่านจะนำกรณีอย่างนี้ แล้วมาเหมารวมว่าการกระทำของดีเอสไอเป็นการบิดเบือนหรือยัดเยียดข้อกล่าวหาคงไม่ได้นะครับท่าน กรุณาอย่านำมาตรฐานของตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานของคนอื่นเลยนะครับ เพราะยิ่งเปรียบเทียบ ประชาชนยิ่งเห็นธาตุแท้ของพวกท่านมากขึ้นเท่านั้น
มาดูคดีของพวกท่านสิครับ 2 ปีกว่า เรื่องไม่ได้ดำเนินไปถึงไหน ชายชุดดำที่ท่านยกอ้างมาตลอด 2 ปี ก็ไม่เคยจับมาดำเนินคดี ไม่ว่าในที่เกิดเหตุหรือหลังจากนั้น ที่จับได้แล้วบอกว่า เป็นชายชุดดำ ก็ล้วนแต่กันไว้เป็นพยานกันหมด ก็เลยกลายเป็นว่า ที่ตายเพราะชายชุดดำล้วนแต่ผู้บริสุทธิ์ ส่วนชายชุดดำที่ทำให้ต้องเกิดการฆ่าขึ้น ล้วนแต่กันไว้เป็นพยาน อย่างนี้แล้วมันเป็นความยุติธรรมแบบไหนกันครับคุณอภิสิทธิ์
แล้วคดีของท่าน ต้องรอจนเปลี่ยนรัฐบาล ต้องรอจนศาลวินิจฉัยแล้วว่า อย่างน้อยมี 2 รายที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำตาม ศอฉ. อย่างนี้หรือครับเป็นความบิดเบือน อย่างนี้หรือครับเป็นการยัดเยียด แต่ที่ท่านกลับไปสัมภาษณ์กับบีบีซีเรื่องการตายของทั้งสองเป็นความโชคร้าย และยังพูดในทำนองว่ามีอาวุธมากมายถูกปล้นไปจากผู้ชุมนุม นี่ต่างหากครับคือการบิดเบือน เป็นการบิดเบือนคำวินิจฉัยของศาลอย่างไม่ละอายใจที่สุดเลยนะครับคุณอภิสิทธิ์
และการกระทำของดีเอสไอ ก็เป็นแค่การสั่งฟ้องเท่านั้น ความบริสุทธิ์ของท่านจึงต้องรอจนกว่าศาลจะพิพากษา ดังนั้นขอเพียงท่านมีหลักฐาน แล้วท่านยังกลัวอะไรล่ะครับ ทำไมต้องออกมาดีสเครดิสพนักงานที่ต้องทำตามหน้าที่ล่ะครับ
คุณอภิสิทธิ์ครับ อย่างน้อยดีเอสไอก็ไม่มีอะไรคุ้มครองได้ ถ้ากระทำการผิดพลาด ผิดกับ คตส.ที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำใดๆ อย่างนี้แล้วท่านยังไม่วางไว้ใจอีกหรือครับ
ท่านยอมรับกับ คตส.ที่ตั้งโดยคณะรัฐประหาร
ท่านยอมรับได้กับดีเอสไอที่กระทำกับอีกฝ่าย
แต่ท่านกลับไม่ยอมรับกับดีเอสไอที่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างนี้หรือครับที่ท่านไปร้องแรกแหกกระเชอกับบีบีซีว่า มันไม่แฟร์ หรือ ความแฟร์จะเกิดขึ้นได้ในความคิดท่าน ต้องเป็นกระบวนการยุติธรรมจากฝ่ายท่านเท่านั้น ผมว่าเป็นความคิดที่ทุเรศมากนะครับคุณอภิสิทธิ์
ท่านครับ คงไม่มีใครหรอกครับที่กล้าสั่งให้ฆ่าประชาชนด้วยวาจาหรือลงเป็นลายลักษณ์อักษรหรอกครับ แต่การกระทำต่างหากครับที่ส่อให้เห็นอย่างนั้น
ไม่ว่าจากการขนอาวุธสงครามมากมายมาล้อมผู้ชุมนุม
ไม่ว่าจากการอนุญาตให้มีการนำสไนเปอร์มาใช้กับผู้ชุมนุม
ไม่ว่าจากการใช้แก๊สน้ำตาหย่อนลงมาจากบน ฮ.
ไม่ว่าจะเป็นการสลายการชุมนุมในยามวิกาล
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงได้ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นถึงนายกฯหรอกครับ ขอให้เป็นประชาชนที่รักความเป็นธรรมก็จะมองได้อย่างทะลุปุโปร่ง แล้วพวกท่านจะคิดไม่ถึงอย่างนั้นหรือครับ
คุณอภิสิทธิ์ อย่าคิดนะครับว่า ประชาชนส่วนใหญ่เขาโง่ เขาพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่ท่านพูดเหมือนกันหมดนะครับ อย่างน้อยทุกคนก็รับรู้เท่ากันว่า กว่าที่ท่านจะสลายการชุมนุม ไม่ใช่เพราะท่านใช้ความอดทนหรอกนะครับ และก็ไม่ใช่เพราะท่านพยายามที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียหรอกนะครับ
แต่เป็นเพราะท่านพยายามใช้สื่อฯของรัฐและสื่อทุกแขนงที่มีอยู่ พยายามปลุกเร้าให้ประชาชนเกลียดชังต่อกัน พยายามสร้างภาพถึงความไม่ชอบธรรมของผู้ชุมนุม พยายามยัดเยียดความเลวร้ายให้กับผู้ชุมนุม และยังพยายามสร้างภาพถึงผู้ก่อการร้ายที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมจำนวนมาก จนเหตุการณ์สุกงอมพอ จากนั้นท่านก็กระทำตามเจตนารมณ์ นี่ต่างหากครับที่คนส่วนใหญ่เขามองเห็น
คุณอภิสิทธิ์ครับ สิ่งที่ท่านมองข้ามไปก็คือความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ไงครับ ท่านจึงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาชำระคดีประวัติศาสตร์นี้ต่างหากครับ
ดังนั้นป่วยการที่ท่านจะมาบอกว่า ใช้ความอดทนยึดกลั้นโดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ป่วยการที่ท่านจะมาบอกว่าพยายามสุดความสามารถที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย
ถ้าท่านเพียงแค่คิดว่าคนที่คิดเห็นต่างจากท่าน ก็เป็นประชาชนของท่าน ท่านจะไม่ใช้คำว่า อดกลั้นและอดทนหรอกครับ เพราะสิ่งที่ท่านต้องคำนึงถึงก่อนอันดับแรก นั่นคือ ชีวิตของประชาชนของท่าน ดังนั้นความอดทนความอดกลั้นจะไม่มีทางถึงสิ้นสุดหรอกครับ ไม่รู้ว่าท่านจะฟังเข้าใจหรือเปล่า
ท่านจะใช้ความพยายามสุดความสามารถแคไหนก็ตาม แต่เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ใช่จะเป็นข้ออ้างที่ล้มล้างการสูญเสียที่เกิดขึ้นได้หรอกครับคุณอภิสิทธิ์ แล้วจะมาอ้างเรื่องนายกฯไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนั่น ยิ่งส่อให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบของท่าน
ท่านไม่รู้หรือครับ จิตสำนึกทางการเมืองต้องสูงกว่าคนธรรมดา
ท่านไม่รู้หรือครับ ประธานาธิบดีเกาหลีแค่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าเนื้อวัว ยังลาออก
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดรถไฟตกรางทำให้คนเสียชีวิต รัฐมนตรีประเทศอื่นเขายังลาออก
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดใช้แก๊สน้ำตากับผู้ที่ต้องการล้มการปกครอง ยังมีคนเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
ท่านไม่รู้หรือครับ ขนาดมีคนตายเมื่อหลายปีก่อนจากแก๊สน้ำตา 2 คน ยังมีคนไปถามนายกฯตอนนั้นว่าเป็นคนหรือเปล่า
แล้วในยุคท่าน ทั้งจากอาวุธสงคราม ทั้งจากสไนเปอร์ สิ่งเหล่านี้หรือครับ เป็นการใส่ร้าย เป็นการบิดเบือนและเป็นความพยายามยัดข้อหา เฮ่อ ความชอบธรรมในประเทศนี้ คงมีแต่ท่านคนเดียวแล้วกระมังครับคุณอภิสิทธิ์
แล้วกรุณาอย่าพูดถึงการยอมตายเพื่อรักษาระบบเลยนะครับ คนคิดไม่เป็น มองไม่เห็น ก็จะดูท่านเป็นพวกลูกผู้ชาย แต่สำหรับคนคิดเป็น เขาจะอาเจียนเอานะครับ
แค่ดูจากคำพูดตอนเป็นฝ่ายค้านกับตอนเป็นรัฐบาล มักกระทำตรงกันข้ามมาตลอด แม้กระทั่งการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสธ.อ้าย ท่านยังกล้าออกมาแสดงความคิดเห็นอีก แล้วเรื่องสัมภาษณ์กับบีบีซี เรื่องยอมรับการใช้กระสุนจริง ซึ่งเหตุการณ์พึ่งผ่านไปหยกๆร้อนๆ ท่านยังกล้าปฏิเสธ อย่างนี้แล้วผมคงต้องขออนุญาตเข้าห้องน้ำไปเอาของเก่าออกก่อนนะครับท่าน
สุดท้ายท่านก็ยังคงหยอดคำพูดให้เหล่าพ่อยกเคลิบเคลิ้มอีก ประชาชนเป็นเพียงสิ่งเดียวทีจะช่วยให้ประเทศของเราก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวางทางบ้านเมืองมานานหลายปี เฮ้อ ผมอยากด่าท่านออกอากาศจริงๆเลยนะครับท่าน ถ้าท่านไม่ใช่อดีตผู้นำของประเทศ
ป๊าดโธ่ ถ้าคนอย่างท่านเห็นแก่ประชาชนจริงดังว่า ประเทศนี้มันจะเป็นอย่างนี้หรือครับท่าน
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่แอบขนคนมาช่วยพันธมิตรฯ
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่บอยคอตการเลือกตั้ง
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่ไปฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร
ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่ใช้กำลังจัดการกับประชาชน
และไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือที่กำลังจะปลุกระดมไม่ให้รัฐบาลจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแทนรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ข้ามหัวคนส่วนใหญ่ทั้งสิ้น จนคนส่วนใหญ่ทนไม่ไหว ก็เลยมีฉันทามติให้ท่านเป็นฝ่ายค้านไงล่ะครับ แต่ท่านก็ไม่เคยนำพา แล้วตอนนี้ดันมาบอกว่า ประชาชนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ประเทศก้าวข้ามอุปสรรค อยากหัวเราะเป็นภาษาแมลงสาปจริงๆเลย ให้ฟ้าฝ่าตายสิ..เอ้า