ความคิดเห็นที่ 1 เวลา 10:00 น. นัดลงทะเบียน รับประทานอาหารว่าง 10.30 น. สนทนาหัวข้อ "ยิ้มสู้มะเร็ง" โดย คุณอารีย์ วชิรมโน นำสนทนาโดย คุณพัชรศรี เบญจมาศ คุณอารีย์ได้กล่าวถึงที่มาของโรคมะเร็งเล็กน้อย รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันโรคมะเร็ง การสร้างภูมิค้มกันโรคมะเร็ง ควรมีสุขภาพจิตที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยการทำจิตบวก มีช่วงนึงก่อนที่คุณอารีย์จะฟื้นจากมะเร็งได้ ตอนนั้นหมดกำลังใจมาก แต่พอคิดถึงคุณแม่ ก็คิดสู้กับมะเร็ง โดยการที่ตื่นเช้ามาพยายามออกกำลังกาย เมื่อเป็นมะเร็งควรมีจิตใจที่เข้มแข็งต่อสู้ แต่บางคนจิตบำบัดไม่ได้ เมื่อจิตไม่ต่อสู้ ใจไม่เข้มแข็งจริงจะรอดยาก ตัวลมหายใจเป็นตัวเชื่อมจิตกับกาย ลมหายใจมีพลังมหาศาล ปอดคนเราอ่อนแอมาก ถ้าไม่ฝึกหายใจออกกำลังกาย เพื่อให้ปอดมีพลัง ก็จะทำให้ลมหายใจไม่มีประสิทธิภาพ การหายใจที่มีพลังมากที่สุด คือการที่ทำให้ปอดได้รับอากาศมากที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยการกำจัดของเสียออกจากปอดดังนี้ ควรสูดหายใจเข้าทางจมูกอย่างเดียว สูดเข้าไปมากๆให้เต็มแรง กลั้นไว้สักพักแล้วปล่อยออกไปเต็มแรงให้หมดปอด ทำเช่นนี้หลายๆครั้งคือการกรองของเสียออกจากปอด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นมะเร็ง ควรทำบ่อยๆ จากคุณ : NUI_meishan - [ 31 ต.ค. 47 19:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การทำอาหารผัดมากๆเป็นสิ่งที่ไม่ดี เนื่องจากมีน้ำมัน เพราะน้ำมันมีโอเมกาซิกที่เป็นตัวไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดโรค คนเรามีโอเมกาซิก และ โอเมกาทรี โอเมกาซิกเป็นตัวทำให้เลือดแข็ง โอเมกาทรี ทำให้เลือดเหลว ทั้งสองอย่างนี้มีความสมดุลทางร่างกาย แต่เมื่อทานน้ำมันเข้าไปมากๆ จะทำให้ทำลายสมดุลของร่างกายได้ น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่ไม่มีโทษ แต่เมื่อนำไปผัดกับผักควรนำผักไปผัดกับน้ำก่อน แล้วจึงนำมาผัดกับน้ำมันมะกอก จะช่วยให้คุณค่าทางอาหารไม่สูญไป ลำไส้ใหญ่เป็นถังขยะที่สกปรกที่สุด ควรขับถ่ายให้ถูกสุขลักษณะ โดยการทานผักมากๆ ทานไฟเบอร์มากๆ อย่าปล่อยให้ลำไส้หมักหมมของเน่า อย่างเช่นตอนผายลม ตอนนั้นคือมีสารพิษหมักหมมอยู่ บางคนขับถ่ายหมด ก็ยังหลงเหลือพิษอยู่ การทำดีท็อคก็ช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ดีการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งและโรคอื่นๆสูง จากคุณ : NUI_meishan - [ 31 ต.ค. 47 19:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผักและผลไม้เกือบทุกชนิดมีประโยชน์ แต่ผลไม้ที่ควรทานควรเป็นผลไม้ที่มีรสหวานน้อยๆ เพราะถ้าทานผลไม้หวานมากๆ จะไปเพิ่มอินซูลินในร่างกาย วิตามินซีเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมาก ส้มที่เด็ดอกจากต้นใหม่ๆ มีวิตามินซี 100 มิลลิกรัม แต่เมื่อเก็บผลส้มนั้นไว้นานๆจะเหลือเพียง 1 มิลลิกรัม ทำให้คุณค่าของวิตามินซีเหลือน้อย จึงควรทานส้มมากๆ เพราะส้มเพียงผลเดียวก็ไม่มีวิตามินซีที่เพียงพอต่อร่างกาย ถ้าเราสามารถสร้างเม็ดเลือดขาวให้เพียงพอ จะช่วยต้านมะเร็งได้ แต่เม็ดเลือดขาวก็สามารถก่อมะเร็งได้เหมือนกัน การจะช่วยให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง ควรทำตามหลัก 7 อ. ดังนี้ 1. อิทธิบาท 2. อารมณ์ 3. อากาศ 4. ออกกำลังกาย 5. อาหาร 6. เอนกาย 7. เอาพิษออกจากร่างกาย คุณอารีย์ได้กล่าวว่า การจะทำอะไรก็แล้วแต่อย่าเครียด สังคมสมัยนี้ทำให้คนเราฆ่าตัวตายโดยไม่รู้ตัว เกิดการเอารัดเอาเปรียบกันมาก ความเสมอภาคไม่มี สุขภาพจิตก็เสียไปด้วย ควบคุมสุขภาพจิตให้ดี กินอาหารให้สมดุล ควบคุมอาหาร เป็นพื้นฐานของการป้องกันโรคต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้มีรายละเอียดอื่นๆอีกมากมายค่ะ ให้ความรู้กับผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง และผู้ที่ไม่ได้เป็นได้อย่างดี ลองไปหาอ่านดูได้นะคะ ตามร้านหนังสือทั่วไป กับหนังสือ “ยิ้มสู้มะเร็ง” โดยคุณอารีย์ วชิรมโน จากคุณ : NUI_meishan - [ 31 ต.ค. 47 19:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อะแฮ่มม...นับว่าเป็นกระทู้ที่ดีมีสาระมากอีกกระทู้นึง จากคุณ : อินทรีปีศาจ (เชฟห่าน) - [ 31 ต.ค. 47 19:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ได้ไปซื้อมาแล้ค่ะ พอดีมีน้าเป็นมะเร็งถึง 2 คนค่ะ จากคุณ : แคท - [ 1 พ.ย. 47 07:43:05 A:210.246.77.215 X: TicketID:007421 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณสำหรับกาทู้ค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 1 พ.ย. 47 23:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณด้วยค่า ^^ จากคุณ : InDePendent gr. - [ 3 พ.ย. 47 22:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ อยากให้มีกระทู้ดีดี แบบนี้เยอะๆค่ะ ตอนนี้แม่เพื่อนก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน เราได้ไปเฝ้าไข้มาค่ะ ที่สถาบันมะเร็ง ได้ไปรู้จักกับคนที่เป็นโรคนี้ และก็ได้รู้ว่าคนที่เป็นโรคนี้ไม่ได้มีแต่คนที่มีอายุแล้วเท่านั้น ได้ไปรู้จักอยู่คนหนึ่งเค้าเพิ่งจะอายุ 20 กว่าๆเท่านั้นเองค่ะ น่าสงสารมาก จากคุณ : Monster_G - [ 8 พ.ย. 47 14:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากเช่นกันค่ะ น่าสนใจมากๆเลย จากคุณ : พระจันทร์แสนกล - [ 12 พ.ย. 47 11:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หมอปลอม มาหลอกลวงประชาชน จากรายการ " ถอดรหัส " เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2547 แฉพฤติกรรม อารีย์ วชิรมโน แอบอ้างว่าตนเองเป็นแพทย์ หลอกลวงประชาชน ใช้องค์ความรู้ทางธรรมชาติบำบัดมาหากิน โดยตนเองไม่มีความรู้ ในรายการชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมหลอกลวงให้เห็น โดยทางรายการเตรียม ผู้ป่วยปลอม ซึ่งสุขภาพแข็งแรง ไปพบหลังจากดูแค่ผลเลือด ก็ระบุว่า ผู้ป่วยปลอมคนนั้นเป็นมะเร็งลำไส้ และแนะนำให้เข้ารับการบำบัดรักษา และการจ่ายยาหลายขนานที่ไม่ใช่วิตามินและอาหารเสริม แต่จัดเป็นยาที่ต้องจ่ายให้โดยแพทย์ หลอกลวงประชาชนว่าตนเองอายุ 77ปี แต่จริงแล้วอายุเพียง 68ปี เพื่อให้ดูว่า ตนเองดูหนุ่มขึ้น มีผู้ที่ค้นข้อมูลจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจริง และพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อประชาชนอีกมาก จากคุณ : คนรู้ทัน (StromRay) - [ 13 ธ.ค. 47 15:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ง่ะ ! ไหงเป็นงั้นไปได้ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 13 ธ.ค. 47 15:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ง่า เอ๊ย อึ้ง แหงบ ไงล่ะคะเนี่ย จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 13 ธ.ค. 47 15:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดูเหมือนกันค่ะ เสียความรู้สึกมากๆเลย แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าออก public ขนาดนั้น แล้วอย่างงี้ข้อมูลในหนังสือเชื่อถือได้ไหมเนี่ย จากคุณ : Icing - [ 13 ธ.ค. 47 16:46:37 A:203.148.240.43 X: TicketID:006689 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พ่อเราตอนนี้ก็เป็นมะเร็ง แม่เราก็เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ในเมื่อหวังพึ่งใครไม่ได้ ก็จะขอพึ่งตัวเองล่ะฟะ ต้องลองดู ไม่ลองไม่รู้ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากำลังใจและการปฏิบัติตนนะคะ ขอให้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติผู้ป่วยทุกท่าน โชคดี ถ้าเราปฏิบัติตนเรื่องการรับประทานอาหาร การปรับอารมณ์และการทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส จะช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ค่ะ สุ้ๆๆๆ จากคุณ : jisi - [ 13 ธ.ค. 47 19:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จริงหรือเนี่ย เสียดายจริง ไม่ได้ดูรายการถอดรหัส เราอุตส่าห์เป็นปลื้ม ซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อนคนหนึ่ง แล้วเราก็ซื้ออีกเล่ม แถมยังปลื้มเป็นนานเพราะได้ลายเซ็นด้วย เสียความรู้สึกเอามากๆๆๆ จากคุณ : ต้นไม้และทะเล (ต้นไม้และทะเล) - [ 13 ธ.ค. 47 22:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ้าวไหงเป็นงั้นไปซะล่ะ.............. งง ............. อุตส่าห์เชื่อถือสุดๆ จากคุณ : Hana Yori - [ 14 ธ.ค. 47 10:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูเหมือนกันครับ ศาลจะเป็นผู้ตัดสินคนๆนี้ หนังสือก็ไปลอกตำราของเขามา เมื่อวานไปดูที่ SE-ED หนังสือยังติดอันดับขายดีอยู่เลย บางคนเสียเงินเป็นแสน เป็นอุธาหรณ์ที่จะต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบแต่ก็เข้าใจความรู้สึกของญาติและคนที่เป็นนะครับ อากัปกริยาของดร.กำมะลอคนนี้กร่างไม่เบาเลยทั้งๆที่หลักฐานมัดแน่น. จากคุณ : ถอดรหัส - [ 14 ธ.ค. 47 10:58:33 A:61.90.84.195 X: TicketID:082091 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น่าจะมีการชี้แจงนะครับ แบบนี้ รอฟังบทสรุปสุดท้ายดีกว่าครับ จากคุณ : หมีหุหุ - [ 16 ธ.ค. 47 19:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.pantip.com/cafe/torakhong/topic/C3174009/C3174009.html จากคุณ : อยากโพส - [ 19 ธ.ค. 47 05:33:05 A:80.43.79.249 X: TicketID:082690 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แวะมาทำลิงก์ให้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/torakhong/topic/C3174009/C3174009.html จากคุณ : โปรดปราน ( พีพี ) - [ 19 ธ.ค. 47 15:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดิฉันมีคนที่รู้จัก 2 คน ที่รักษากับหมออารีย์ คนหนึ่งพ่อของเพื่อน ท่านไปรักษาระยะ หนึ่ง แล้วหยุดไปรักษาหมอ ที่โรงพยาบาลต่อ ตอนนี้ ก็กำลังแย่ แต่อายุ 86 ปี แล้ว อีกคน อายุ 23 ปี ด้านการแพทย์ปัจจุบันบอกว่าไม่ไหว แล้ว คล้ายๆให้ไปรอความตาย ที่บ้านและตัวเขา ไปหา หมออารีย์ และกำลังอยู่ขั้นตอนรักษา คืนที่ถอดระหัส เขาได้ดูรายการ รู้สึกว่าเขาซึมๆไป ทั้งสองคนที่รู้จักบอกว่าค่ายา คือค่ารักษาพยาบาลค่อน ข้างแพงไป ดิฉันมองอย่างนี้ค่ะ บางทีเวลาเราป่วยหนัก แม้มีความหวัง น้อยนิด ก็ รีบหยิบฉวย เพราะหวังว่า โอกาสนั้นคงจะเป็นของเรา ดิฉันได้บทเรียนจากกลุ่มคนป่วยเหล่านี้ว่าชีวิต ของเรามีค่ามากจริงๆ จึงต้องหันมาดูแลสุขภาพบ้างล่ะ ขอให้กำลังใจเพื่อนๆที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยเหล่านี้ เราต้องเข้มแข็ง และต้องให้กำลังใจพวกเขามากๆต่อไป น้ำใจ ความห่วงใย อันน้อยนิด ย่อมมีค่ามามายมหาศาลค่ะ ลองดูลิงก์นี้ค่ะ หมอท่านเคยสัมภาษณ์ http://se-ed.net/twc/article/cancer/ จากคุณ : โปรดปราน ( พีพี ) - [ 19 ธ.ค. 47 15:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จนบัดนี้ก็ยังมีหนังสือขาย จนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบาย.... แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 49 19:38:36 จากคุณ : ตัวกินพริก - [ 20 พ.ค. 49 19:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถอดรหัส ได้ดูเหมือนกัน เขาตรวจมะเร็งด้วยการตรวจเลือด ซึ่งไม่ใช่วิธีปกติที่แพทย์ใช้ จากคุณ : ศนิ xxx - [ 7 ก.ค. 49 11:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จะลงโลงอยู่แล้ว จะเก็บตังไปทำอะไรนักหนา นรกไม่ต้องใช้เงินนะครับ จากคุณ : Victorian24 - [ 11 ก.พ. 50 19:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ศรัทธา อย่ายึดในตัวบุคคล -------------------------------------------------- กรณี การจับนาย "อารีย์ วชิรมโน" หลังจากดูรายการ ถอดรหัส เมื่องคืน ที่เกี่ยวกับ การจับนาย "อารีย์ วชิรมโน" ในข้อหาเปิดให้การรักษาพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีการจ่ายยาแผนปัจจุบันในการรักษา ทั้งยาฉีด น้ำเกลือ ยาเบาหวาน ลดความดัน ลดไขมันในเลือด วิตามินต่างๆ คุณหมอบรรจบตอบดังนี้ครับ " คุณเคยได้ข่าวตำรวจช็อตไข่ผู้ต้องหาไหม แล้วคุณสงสัยไหมว่า ระบบพิทักษ์สันติราษฎร์ล้วนแต่ใช้ไม่ได้ หรือเปล่า หมอบรรจบก็ดูรายการถอดรหัสเมื่อคืนวันที่ 12 ธค. 2547 นี้เหมือนกัน ดูแล้วก็ได้รายละเอียดเพิ่มเติมอีก เยอะ ทำให้ชัดในการกระทำของเขาจากถอดรหัสเมื่อคืนนี้นี่เอง ในการพิจารณากรณีของนายคนนี้ เราควรแยกแยะประเด็นให้ชัดเจน ระหว่างคำถามที่เกิดขึ้นในใจ 2 ข้อ คือ: 1.การรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดแนวทางที่ถูกต้องหรือเปล่า? 2.การกระทำของนาย อ. ถูกต้องแล้วหรือ? ถ้าจะตอบคำถามข้อแรก เรื่องนี้ต้องว่ากันยาวเกี่ยวกับหลักการรักษามะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัดเลยทีเดียว แหละ ธรรมชาติบำบัดเป็นการรักษากระบวนหนึ่งของการแพทย์แบบองค์รวม หรือการแพทย์ทางเลือกซึ่ง เป็นแนวโน้มใหญ่ของการแพทย์ยุคศตวรรษที่ 21 ใน 2 ศตวรรษที่ผ่านมาเมื่อหลุย ปาสเตอร์ค้นพบจุลินทรีย์และเฟลมมิ่งค้นพบเพนิซิลลิน นั่นเป็นก้าวแรกแห่ง พัฒนาการของยาปฏิชีวนะ และเมื่อศัลยกรรมของคริสเตียน เบอร์นาร์ดประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน หัวใจได้ มนุษยชาติก็หลงคิดไปว่า วิวัฒนาการทางการแพทย์ขึ้นถึงจุดสุดยอดและจะสามารถแก้ปัญหาสุขภาพ ได้หมด เมื่อเวลาผ่านไป ประสบการณ์ก็สอนว่า มีโรคอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดจากการอยู่การกินที่ไม่ถูกต้อง และลำพังการ ผ่าตัดกับการกินยาไม่อาจรักษาได้ เช่นโรคอ้วน ความดันเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ภูมิแพ้ และโรคมะเร็ง ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมาศึกษาเพราะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า คนรุ่นก่อนดูแล สุขภาพของตนเองได้ดี มนุษย์จึงสืบทอดเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันการปรับชีวิต เปลี่ยนอาหาร ใช้ วิตามิน และยาสมุนไพรจึงเป็นที่สนใจกันในขอบเขตทั่วโลก แม้แต่ในสหรัฐอเมริกา ประเทศทันสมัยที่สุดของการแพทย์แบบแผน และผู้คนมีการศึกษาสูง มีความก้าวหน้า ทันโลกทันเหตุการณ์อย่างยิ่ง การแพทย์องค์รวมและสุขภาพทางเลือก (Complementary and Alternative Medicine-CAM) ก็กลับเป็นที่นิยมอย่างมาก การสำรวจระดับชาติในปี 1997 พบว่า42% ของคนอเมริกันล้วนเคยรับการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือกโดยส่วนใหญ่สมัครใจจ่ายเงินเอง แม้จะไม่ สามารถเบิกจากระบบประกันสุขภาพก็ตาม แถมอัตราการรักษามีความถี่จาก 427 ล้านครั้งในปี 1990 เพิ่ม เป็น 629 ล้านครั้งในปี 1997 มีตัวเลขค่าใช้จ่ายในการนี้ 21.2 พันล้านดอลล่าห์ต่อปี นอกจากสหรัฐฯแล้ว ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก รวมทั้งไทยก็ตื่นตัวในเรื่องนี้เหมือนกัน นี่คือวิวัฒนาการระลอกใหม่ การรับเอาวิธีการของคนรุ่นก่อนมาเลือกรับ ปรับใช้ เป็น "การแพทย์ทางเลือก แบบองค์รวม" ซึ่งไม่ใช่เป็นการหลับหูหลับตากลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ แต่เป็นการแพทย์แผนธรรมชาติที่ ได้ผ่านการทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เรื่องไหนได้รับการพิสูจน์แล้วและประยุกต์ใช้ได้ ก็รับเอามา เรื่อง ไหนยังไม่เข้าใจก็ค้นคว้าต่อไป เรื่องไหนพิสูจน์แล้วว่าใช้ไม่ได้ ก็ละทิ้งเสีย ด้วยวิธีนี้แหละสุขภาพของ มนุษยชาติจึงจะไปรอด เปรียบเสมือนเรากำลังอยู่บนบันไดเวียนขาขึ้น " " คนฉลาดที่รู้จักคิดต้องถือว่า การแพทย์แผนธรรมชาติเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในยุคเกษตรกรรม เท่าๆกับที่การผ่าตัดและใช้ยาเป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ในยุคอุตสาหกรรม เมื่อโลกก้าวยุคหลังอุตสาหกรรม ที่เป็นกาลเวลาที่จวบกันระหว่างไฮเทคและไฮทัช กระบวนการรักษาโรคจึงก้าวมาสู่การแพทย์แบบองค์รวม ที่ต้องใช้การแพทย์แผนธรรมชาติร่วมกับการใช้ยาเคมีอย่างจำแนกแยกแยะ หลักการนี้เป็นกระแสที่ก้าวหน้าที่สุดของการแพทย์ทั่วโลก ไม่ต้องลังเลสงสัยใดๆ รักษาโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นเช่นนี้ รักษามะเร็งก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน ที่บัลวี เรารักษามะเร็งบนหลักการที่ว่า ผู้ป่วยคนไหนผ่าตัดได้ ใช้ยาเคมีหรือรังสีบำบัดได้ ก็ควรจะทำ ขณะ เดียวกันก็ใช้ธรรมชาติบำบัดให้ปรับอาหารการกิน ใช้วิตามินหรือสมุนไพรอย่างสมเหตุผล เพื่อสร้างเสริม ภูมิต้านทาน ลดผลข้างเคียงของยาเคมี และสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีที่สุดที่จะทำได้ นี่คือความเห็น ของผม และเป็นหลักการของศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี แต่อดีตถึงปัจจุบัน คิดว่าน่าจะได้คำตอบสำหรับคำถามข้อที่ 2 ที่ว่าการกระทำของนาย อ. ถูกต้องหรือไม่? จากคุณ : แนน (นักลงทุนหญิง) - [ 17 เม.ย. 50 23:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ต่อมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมทราบข่าวว่าสำนักปฏิบัติธรรมสำนักหนึ่งได้เชิญเขาบรรยายให้ชาวสำนักบ่อยครั้ง มาก ทำให้เขาได้รับคะแนนนิยมจากผู้รักสุขภาพเป็นอย่างสูง ซึ่งเนื้อหาที่เขาบรรยายคล้ายกับแนวทาง ธรรมชาติบำบัด สอนให้คนคุมอาหารเข้มงวด ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องดี น่าจะอนูโมทนาด้วย อย่างไรก็ตาม เขาได้สอนให้คนสวนกาแฟด้วยกาแฟชนิดที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ครั้งละถึง 2 ช้อนโต๊ะ และให้สวนทุกวัน กระทั่ง สวนวันละ 2-3 ครั้ง ประเด็นนี้ผมเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะใช้กาแฟ overdose แถมสวนบ่อยมาก ทำให้ ติดกาแฟกันงอมแงม และอาจต้องพิษกาแฟ หรือติดเชื้อราจากถุงสวนได้ ผมจึงได้พยายามเขียนบทความ บ้าง ออกรายการโทรทัศน์บ้าง เพื่อแก้ไขความเบี่ยงเบนที่ผิด ที่คนๆนี้สร้างกระแสไว้ ต่อมา 1 ปีก่อน ผมทราบมาว่าเขาจัดคอร์สรักษามะเร็ง ให้ผู้ป่วยเลิกใช้ยาเคมีหรือรังสีบำบัดหมดสอนให้กิน อาหารแบบจืดสนิท ให้กินกระดูกอ่อนฉลามใส่แคปซูลมื้อละ 40-50 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง ผมชักจะเป็นห่วง เขา เพราะถ้าสอนกันแบบนี้ผู้ป่วยเป็นมะเร็งจำนวนไม่น้อย ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากเคมีบำบัดด้วยจะเสีย โอกาสการรักษาซึ่งควรจะเป็นแบบองค์รวม คือใช้สองทางประกอบกัน แถมกินแบบจืดสนิทผู้ป่วยจะขาด เกลือแร่จะยิ่งอ่อนเปลี้ยไม่มีแรง ทั้งยังถูกสวนกาแฟวันละ 3 ครั้ง ต้องเพลียตายแน่ แถมยัดแคปซูลฉลาม อีกวันละ 150 เม็ดจะเป็นไปได้อย่างไร ผมชักลำบากใจแทนเขา ทำไมจึงรักษากันแบบสุดโต่งเช่นนี้ แม้ กระดูกอ่อนฉลามจะมีการกล่าวอ้างว่ามีสารยับยั้งการสร้างเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงมะเร็ง แต่ต้องใช้โด๊สสูงมาก ซึ่งในทางปฏิบัติทำไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งผมก็เชื่อว่า ด้วยพื้นฐานของคนที่เรียนแพทย์มา ย่อมจะมีวิจารณญาณ ในการสรุปบทเรียนเพื่อพัฒนากระบวนการรักษาของเขาเหมาะสมยิ่งขึ้น 9 เดือนก่อน มีจดหมายไม่ปรากฏชื่อผู้ส่งฉบับหนึ่งมาถึงผม สอดหลักฐานมา 2 อย่าง หนึ่งคือใบสำคัญสิทธิ เลือกตั้งของเขาปรากฏปีเกิดไม่ตรงกับปากคำของเขา ที่เที่ยวพูดว่าเขามีอายุตั้ง 77 ปีแล้ว แสดงว่าเขากำลัง โกหกเรื่องอายุของตน หลักฐานอีกชิ้นถ่ายเอกสารที่เขาแจกกับผู้ป่วยที่เข้าคอร์ส ซึ่งคัดลอกมาจากหนังสือ ของพญ.ลลิตา เป็นจำนวนหลายๆหน้า ผมเริ่มรู้สึกว่าคนๆนี้มีอะไรที่ฉ้อฉล ถ้าโกหกเรื่องอายุของตัวเองได้ คัดลอกงานเขียนของนักวิชาการคนอื่นไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวได้ ก็ไม่น่าจะเป็นคนดี ดังที่สังคมทั่วๆไป โดย อำนาจของสื่อที่ไปประโคมสัมภาษณ์เขาจนดูคล้ายจะเป็นแพทย์ผู้มีอุดมการณ์ อย่างไรก็ตามผมคงทำอะไร ไม่ได้ มิฉะนั้นสังคมอาจเข้าใจผิดว่า ผมไปรังแกเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกัน 6 เดือนก่อน ผมประชุมชมรมอยู่ร้อยปีฯ รองประธานผู้ก่อตั้งท่านหนึ่ง ซึ่งก็เคยส่งเสริมเขาโดยเชื้อเชิญเขา ไปบรรยายที่สำนักปฏิบัติธรรม และเคยส่งผู้ป่วยมะเร็งไปหาเขา ได้มาพูดในที่ประชุมว่า "เรื่องของหมอคนนี้ เป็นเรื่องโกหกกันทั้งหมด การอ้างว่าจบแพทย์รัสเซียแล้วไปเป็นอาจารย์แพทย์ที่ฮาร์วาร์ดนั้น ทางญาติธรรม ได้ตรวจสอบไปทางฮาร์วาร์ดแล้ว ไม่มีชื่อคนๆนี้อยู่เลย แถมที่บอกว่าตนกินมังสวิรัติ ญาติธรรมก็แอบไปเห็น ว่าในรถของเขามีอาหารพวกเนื้อสัตว์เต็มไปหมด" รองประธานผู้นี้กล่าว "ถ้าคนมันโกหกได้ตั้งแต่อายุ ประวัติการศึกษา การทำงานได้ขนาดนี้ ย่อมแสดงว่าคนๆนี้ไม่มีศีลธรรม อย่างนี้จะบอกว่ารักษาโรคให้ผู้ป่วย ด้วยใจบริสุทธิ์ได้อย่างไร ตอนนี้สำนักปฏิบัติธรรมเขาต่างไม่คบด้วยแล้ว" เมื่อรู้กันมาอย่างนี้ ความจริงเกี่ยวกับคนๆนี้ก็เริ่มคลี่คลายออก อย่างไรก็ตามคนที่รู้ลึกก็รู้กันไป แต่สื่อซิกลับ กำลังขายสารคดีชีวิตสู้มะเร็งของคนๆนี้อย่างเอิกเกริก เป็นเรื่องเหลือวิสัยที่เราจะทำอะไรกันได้ คงต้องรอ เวลาให้ความจริงพิสูจน์ตัวเอง และแล้ว 12 ธค.นี้เอง รหัสจึงได้ถูกถอด เปิดเผยความจริงของคนๆนี้ให้สาธารณชนได้ทราบ ข่าวนี้คงทำให้ หลายคนช็อกจากความคิดหวังในแพทย์ผู้มีอุดมการณ์ นั่นไม่น่าเศร้าเท่ากับผู้ป่วยมะเร็งจำนวนไม่น้อยที่หลง รักษาอยู่กับเขา ต้องพลอยเสียศรัทธาที่เขาสร้างภาพไว้ให้ด้วย อาจจะจิตตก ฟางเส้นสุดท้ายอาจจะหายวับไป ทันควัน และอาจมีผลพลอยทำให้ผู้รักสุขภาพจำนวนหนึ่ง ซึ่งจำแนกแยกแยะประเด็นไม่ออก พลอยนึกสงสัย ไกลไปถึงว่า แนวโน้มของโลกที่หันมาหาธรรมชาติ หันมาใช้สุขภาพแบบองค์รวมนั้น ถูกต้องแล้วหรือ? การนึก สงสัยไปไกลแบบนี้ เป็นเรื่องการหลงประเด็น เหมือนกับเห็นว่า ตำรวจช็อตไข่ผู้ต้องหา พลอยให้นึกสงสัย ว่าหลักการพิทักษ์สันติราษฎร์นั้น เป็นหลักการที่ไม่ดีไปเสียหมด จากคุณ : แนน (นักลงทุนหญิง) - [ 17 เม.ย. 50 23:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 1.การแพทย์ทางเลือกและธรรมชาติบำบัดเป็นหนทางของประชาชน มิได้กีดกันผู้คนให้เข้ามาร่วมส่วน แต่ควร ร่วมส่วนตามสถานะที่เหมาะสมของตนและตามกฎหมายบ้านเมืองจะอำนวยให้ บางท่านสอนคนให้ฝึกพลังจาก ธรรมชาติก็สอนให้ฝึกจิตกันไป บางท่านมีความรู้อาหารต้านมะเร็งจากประสบการณ์ ก็เปิดร้านอาหารแบบของ ท่าน บางท่านเป็นอาจารย์ด้านชีวจิตก็บรรยายสอนคน หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับแพทย์โดยแนะนำแนวทางการ รักษา โดยท่านก็ประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่า ท่านไม่ใช่แพทย์ ท่านเพียงแต่ให้คำแนะนำได้ ท่านจะไม่ทำ เวชกรรม บุคคลที่สูงส่งเหล่านี้ทำตามสถานะของตน และมีคุณูปการต่อสังคมไทยในการส่งเสริมหรือกระทั่ง รักษาผู้เจ็บป่วยได้ โดยไม่ต้องประกอบเวชกรรม เพราะเคารพในกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง 2.ประชาชนต้องฉลาดในการเลือกรับ ปรับใช้การแพทย์ทางเลือกอย่างสมเหตุผล ไม่ให้ถูกหลอก ถือหลัก กาลามสูตร อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามๆกันมา อย่าปลงใจเชื่อด้วยถือสืบๆกันมา อย่าปลงใจเชื่อด้วย การเล่าลือ อย่าปลงใจเชื่อโดยอ้างตำรา อย่าปลงใจเชื่อโดยอ้างทฤษฎี อย่าปลงใจเชื่อเพราะอนุมานเอาเอง อย่าปลงใจเชื่อเพราะคิดตามเหตุผลของตนเอง อย่าปลงใจเชื่อเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นไปได้ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรงกับความคิดของเรา อย่าปลงใจเชื่อเพราะเขาเป็นครูเรา จะเชื่อต่อเมื่อรู้ เข้าใจด้วยตนเองว่า มีโทษ หรือไม่มีโทษ จึงเลือกปฏิบัติได้ถูกต้อง 3.สำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย พึงต้องคัดกรองบุคคลที่ตนจะดำเนินแนวทางตามอย่าง เพราะบ่อยครั้งที่หลง ผิดกันทั้งสำนัก พลอยพาให้คนร่วมสังคมหลงทิศผิดทางตามไปด้วย เพราะต้องยอมรับว่าบางสำนักก็มี อิทธิพลสูง ต่อแนวโน้มด้านสุขภาพของคนยุคนี้ 4.สื่อมวลชนพึงต้องตรวจสอบตนเอง บ่อยครั้งที่มีการประโคมข่าวสร้างวีรบุรษคนใดคนหนึ่งขึ้นมา โดยรู้ เท่าไม่ถึงการณ์ สื่อสมัยต้องตระหนักว่าสมัยนี้ตนเองมีอิทธิพลสูง การสื่อข่าวสารที่ผิดๆ และขาดการตรวจ สอบ เท่ากับทำร้ายคนทั้งสังคม 5.กองประกอบโรคศิลป์ควรทำงานไวกว่านี้ เพราะเรื่องนี้ยืดเยื้อมานานปี 6.กรมแพทย์ทางเลือกความมีบทบาทช่วยสอดส่อง เรื่องราวแบบนี้เพิ่มขึ้น การแพทย์แบบแผนมีหมอเถื่อนที่ ต้องทลายคลินิกเป็นพักๆ การแพทย์ทางเลือกก็เกิดมี "หมอเถื่อน ด้านการแพทย์ทางเลือก" ขึ้นแล้ว นอก จากรายนี้ยังมีรายอื่นๆอีกหลายราย 7.ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องก่อตั้งสมาคมแพทย์ทางเลือกขึ้นมาเป็นกิจลักษณะเพื่อเป็นองค์กรกลาง ดำเนินการ จดทะเบียนนักบำบัดศาสตร์ทางเลือกต่างๆ คอยให้ข้อมูลกับประชาชนหรือหน่วยราชการได้ เรื่องแบบนี้ในสหรัฐฯก็มีอยู่มาก แต่เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯได้เล็งเห็นการเติบโตอย่างสูงของการแพทย์ ทางเลือก เขาจึงได้เตรียมการแต่เนิ่นๆดังนี้คือ -เปิดระบบจดทะเบียนผู้ที่จะเป็นแพทย์ทางเลือกตั้งแต่ต้นปี 1970 -จดทะเบียนศูนย์บริการและสถาบันสอนการแพทย์ทางเลือกเมื่อปี 1980 -สถาบันสุขภาพหรือกระทรวงสาธารณสุขอเมริกัน (NIH) ประกาศก่อตั้งกรมแพทย์ทางเลือกปี 1992 -ก่อตั้งศูนย์การแพทย์องค์รวมและการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติในปี 1998 ประเทศไทยควรจะทำได้หรือยัง? ผมหวังว่ากรณีนี้ของนาย อ. จะช่วยให้สังคมไทยแข็งแรงขึ้น มีวุฒิภาวะมากกว่าเดิม " โดย : นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล 15/12/2547 จากคุณ : แนน (นักลงทุนหญิง) - [ 17 เม.ย. 50 23:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราเป็นอีกคนนึงที่ติดตามหนังสือของเค้ามาตลอดเลย แล้วก็จะอ่านหลายรอบมาก เสียความรู้สึกมากเลยอ่ะ แย่มากทำไมต้องมาหลอกคนที่เค้าไม่มีความหวังเหลืออยู่ด้วย ขอให้คุณไปรับผลกรรมเร็วนี้นะ จากคุณ : กัสจัง (hongte240gl) - [ 17 ก.ค. 50 10:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คนที่เค้าไปเองนะรุ้ดี ชั้นไปมาเอง ก้อกลับมาเค้าให้ดูแลตัวเองใส่ใจกานกินอยุ่หายจาย ตอนแรกก้อม่ายอยากไป พอไปเองเข้าจายว่าอ้อดีนี่ ระม่ายด้ายสอนสาสนาอารายเร้ย ลาวก่านะพวกคนไทเข้อิดชาเงินก้อบ้านรวยอ่ะ อย่าเสร่อวิจานโดยโง่ ระม่ายมีฟามรู้กรุึ้เรียนยู่เมกาเอง แคลสเตท ฟูเลิตัน ซานฟราน ปรินยาเอกด้วย กูรสึกสาปาวัติคนเค้ามาก่อนระก่อนจามานะ สันดาน อ้ะพวกชอบด่านี่ ท่าทางเสียผลปาโยดนะ อ้ะอาจานบันจง ห่ ารายนี่ ก้อบข้อฟามไปลงทั่วเรย สมเพชนะ เมื่อไหร่จาตายหาคนเวนๆแบบนี้ รกโลก ระคนที่เค้าไปกานนี่เค้าเอาผลเลือดที่เออเลือกรักสาทางนี้ระมาอ่านมาสึกสาช่วยกานดูเอาขึ้นชาท ระหมอทั้งนั้นที่ไปนะ ป่วยจาตายเองทั้งนั้นสมน่า ดักดาน คิดว่าตัวเองเก่งตายระ ไปไกตีงกานเรยไป ระกรุก้อรุ้สึกดีรักสาวิทีของเค้านะ สาระเลวกานนัก ขอให้พวกที่ด่านี่ชิวิตชิหายม่ายเจรินเรยว ะ เ :-) ย ะ จากคุณ : คนไข้ที่รับกานรักสาจากคุนหมอ - [ 6 มิ.ย. 51 00:25:48 A:125.25.137.82 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าหมอแกผิดจริง ก็ต้องถูกจับแล้วสิ มันไม่มีทางยืดเยื้อแบบนี้หรอก หรือว่ามันไปทับผลประโยชน์ของใครกันล่ะถึงได้มีเรื่องกันหนักขนาดนี้ ของอย่างนี้ต้องฟังแล้วคิดก่อนตัดสินกันดีกว่า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง จากคุณ : ชอบคิดก่อน - [ 30 ก.ค. 51 12:51:57 A:202.149.24.129 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งจะมาอ่าน คห.30 เฮ้อ 30 ก.ค. 51 นานไปๆ ถ้าเป็นตอนนี้คงโดนด่า ม่ายเหรือส่ากแร้ว อ่านแล้วน่าโมโหจริงๆ เกิดสัญชาติอะไรเนี๊ยะ กลับไปเรียนประถมใหม่ดีกว่าไม๊ เด็กประถมที่ใช้ภาษาไทยเก่งกว่าคุณมีเยอะแยะเลย เด็กพวกนี้ดูเป็นอนาคตของชาติมากกว่าคุณอีกนะ จากคุณ : god_junki - [ วันครูแห่งชาติ 04:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พ่อของดิฉันได้ไปเข้าการอบรมกับหมออารีย์ เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งตับ พ่ออยากหายมาก หรือไม่ก็อยากอยู่บนโลกนี้ได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ คุณพ่อจึงอ่านข้อมูลของหมออารีย์ในเว็ปไซค์ต่างๆ ดูแล้วน่าสนใจมาก เพราะมันเป็นธรรมชาติบำบัด ดิฉันดูแล้วเข้าท่าดีเลยไม่ได้ขัดท่าน เพราะดิฉันก็อยากให้พ่อหายจากมะเร็งตับเช่นกัน พ่อของดิฉันได้ไปอบรมที่รีสอร์ทใน จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา2คืน3วัน หมอได้อบรมอย่างหนักไม่ให้พักเลย แล้วก็ให้ดีท็อกซ์โดยการสวนกาแฟ ทุกวัน จากนั้น หมอก็ไม่ให้กินอาหารอะไรเลยห้ามเนื้อสัตว์ทุกชนิด ปลาก็ห้าม ผลไม้ ทุกชนิดเช่น กล้วยน้ำว้าก็ห้าม พ่อของดิฉันกลับจากการอบรมมา ท่านแลซีดเซียวมาก เหนื่อยกว่าเดิม ไม่มีแรงมากว่าเดิม เดินแทบไม่ไหว เพราะหมอห้ามไม่ให้กินอะไรเลย กินได้แต่ข้าวซ้อมมือและก็ผักจืดๆ ยิ่งทำให้พ่อเบื่ออาหารมากยิ่งกว่าเดิม อาหารก็ห้ามปรุงใส่เกลือก็ห้าม ใส่ซีอิ้วก็ห้าม น้ำแครอทก็ห้าม นมถัวเหลือก็ห้าม พ่อของดิฉันแย่มาก เนื่องจากเชื่อในคำแนะนำของหมออารีย์ หลังจากกลับจากการอบรมไม่กี่วันพ่อก็เดินแทบไม่ได้ไม่มีแรงเลย และปวดท้องมาก พ่อไม่ไหวดิฉันกับแม่รีบพาพ่อไปโรงพยาบาล ศิริราช โดยด่วน หมอที่ศิริราชได้ตรวจเลือดของพ่อ หมอบอกว่าพ่อเกล็ดเลือดสูงเกิน และเป็นโรตไตวายเฉียบพลัน หมอระบุว่าเกินจากการเสียน้ำในร่ายกายมากเกิน เพราะหมออารีย์ให้คุณพ่อสวนกาแฟ ทุกวันตั่งแต่ไปวันที่ไปอบรม พ่อเลยต้องถ่ายเยอะมาก เสียน้ำเยอะมาก จนกลายเป็นไตวายเฉียบพลัน พ่อได้เสียชีวิตหลังจากกลับมาจากการอบรม15วัน และหมออารีย์ได้ให้พ่อตรวจเลือดบ่อยมาก เพื่อดูว่าขาดวิตามิน แร่ธาตุตัวไหน หมออารีย์ก็จะขายแต่ยาวิตามินขิงลูกสาวแก เพราะลูกสาวแกเปิดร้านขายยาอยู่ เสียใจมากกับการกระทำของคนเห็นแก่ได้ ทำให้เราขาดเสาหลักของบ้านไปอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันเร็วเกินกว่าเราจะรับทัน และยากเกินกว่าจะรับได้ ดิฉันจึงนำเรื่องของดิฉันมาเล่า เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งทุกชนิด เพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตอยู่ยาวนานกับลูกหลานของคุณมากว่านี้ ฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้เพื่อทำลายใครทั้งนั้นแต่ ฉันไม่อยากให้ครอบครัวอื่นๆ โดนกระทำเหมือนอย่างพ่อของดิฉัน ซึ่งยังไม่อยากจากครอบครัวไป * มันคือเรื่องที่สูญเสียและเสียใจมากเกินที่จะรับได้ กับการกระทำของคนเห็นแก่ได้ ใครมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้แอดมาคุยกันได้ค่ะ ฉันยินดีเล่าเรื่องและพูดความจริงทุกประการ fatmonkey_bowling@hotmail.com จากคุณ : เสียใจมาก - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 20:50:29 A:124.121.232.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34   กลุ้มใจมากเลยค่ะ เนื่องจากเป็นคนแนะนำให้น้องที่เป็นมะเร็งที่เท้าให้รักษากับหมออารีย์เพราะอ่านเจอในเน็ตแล้วรู้สึกว่ามีหลักการณ์ดี แต่มาเจอว่าเค้าหลอกลวงไม่ใช่หมอ แต่ก็มีคนบอกอีกว่าการรักษาก็เหมือนที่บัลวีแต่ถูกกว่าเยอะ เลยสับสนค่ะ และก็กังวลด้วยว่าน้องจะอาการณ์หนักขึ้น เพราะรักษาวิธีของหมออารีย์มาได้สองเดือนแล้ว และไม่ได้ไปพบแพทย์ปัจุบันแล้ว อยากทราบคำแนะนำที่เป็นกลางของคุณหมอค่ะ ไม่ทราบว่ามีคุณหมอคนไหนช่วยได้บ้างคะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 52 20:55:20 จากคุณ : inn (ink_hoc) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 20:51:04

ความคิดเห็นที่ 35   เรื่องหลอกลวงครับ ฟังความเห็นได้ที่นี่ http://sites.g o o g l e.com/site/thaihoax/Home/reuxng-hlxk-lwng-nay-phaethy-xariy-wchir-mno (ต้องเอาเว้นวรรคออก) จากคุณ : Ekkarach เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 13:47:53 A:110.164.132.214 X: