######### คำสารภาพจากหัวใจผู้ชายเลวๆ #########

กระทู้สนทนา
สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ขอบอกไว้ก่อนว่ามันเลวร้ายและเห็นแก่ตัวที่สุด แต่ผมอยากพูด
อยากระบายความกดดันในใจ มันเป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายคนนึง คือ "การนอกใจคนรัก"

เมื่อก่อนผมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาใครๆ ก็ทำกัน ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานก็น่าจะมีสิทธิ์
มีอะไรกับใครก็ได้ แน่นอนรู้อยู่ว่าผิด แต่คนเห็นแก่ตัวก็มักหาข้ออ้างมาให้สิทธิ์ตัวเองเสมอ

ผมขอเล่าตั้งแต่เริ่มแรกเลยนะ ความจริงไม่จำเป็น แต่ผมมีความสุขที่จะพูดถึงช่วงเวลานั้น
ผมกับคนรักเจอกันเมื่อตอนสมัยวัยรุ่นตอนนั้นอายุสักสิบสี่สิบห้าได้มั้งครับ เธอเป็นคนไม่สวยอะไร แต่
หน้าตาก็น่ารักดี มีหนุ่มมาชอบเธอเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เธอยังดูเป็นเด็กคงยังไม่สนใจ
เรื่องมีแฟน ใครมาจีบเธอก็จะไม่คุยด้วย เดินหนี ออกจะดูหยิ่งนิดๆ จนหนุ่มๆ ในโรงเรียนก็ได้แต่มองๆ
เธอมักขลุกอยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนๆ เธอนั่นแหล่ะ ไม่สนใจผมด้วย อ้อลืมบอกเราเรียนที่เดียวกัน ห้องเดียวกัน
แต่เราอยู่กันคนละมุมห้องเลย ส่วนผมเองก็ตามประสาวัยรุ่นชายทั่วไป ติดเพื่อน จีบหญิง สนุกสนานกันไป
มีแฟนด้วยนะ แต่คบแป๊บๆ ก็เลิก

ความเป็นเพื่อนร่วมห้องของเราดำเนินไปเรื่อยจนจบ ม.4 เปิดเทอมมา ต่อมาอีกเทอมนึง
ผมชักเริ่มรู้สึกแปลกๆ ชอบมอง ดูจะสนใจเธอเป็นพิเศษ อยากอยู่ใกล้ เริ่มทำตัวแทรกซึมไปในกลุ่มเธอ
ความรู้สึกนี้มันเกิดมาเมื่อไหร่ผมไม่รู้ตัวเลย รู้อีกทีก็รักไปแล้วละครับ ผมมั่นใจมันคือความรัก ไม่ใช่แค่ชอบ
ผมเก็บความรู้สึกนี้ไว้ ไม่แสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น เธอเองก็ไม่รู้ตัวสักนิดเดียว แอบรักมาปีนึง ก็ไม่ไหวแล้วละครับ
มันทรมานอยากบอก แต่ก็กลัวความสัมพันธ์จะแย่ลงไป แต่ระหว่างที่แอบรักผมก็ไปจีบคนโน้นคนนี่เรื่อยเปื่อย
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับใครเลย เหมือนผมทำแค่ว่าก็อยากลืมเธอ ผมไม่กล้าจีบเธอได้แต่เก็บไว้ในใจ

สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าบอกไปครับ เธออึ้ง งง ยืนจ้องหน้าผม ผมกลัวไม่รู้จะทำไงต่อ
ก็วิ่งหนีขึ้นรถกลับบ้านเลยครับ ไม่รอคำตอบอะไรทั้งนั้น เช้ามาเจอกันก็ไม่มองหน้า ผมหลบหน้าเธอตลอด
จนตอนเที่ยงเธอเดินมาสะกิดแล้วถามว่าเมื่อวานเป็นอะไร ผมก็ได้แต่บอกว่าเปล่าไม่กล้ามองหน้าเธอ
สักพักเธอยิ้มครับ ยิ้มแล้วยื่นนิ้วก้อยส่งให้ผมพูดว่า ดีกันนะ โอ้วว เชื่อมั้ยครับผมดีใจที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมาเลย
แล้วเราก็เป็นแฟนกัน งงนะครับ ผมก็งง ว่าทำไมเธอยอมตกลงคบกับผม ผมถามเธอให้เหตุผลแค่ว่า
ไม่รู้เหมือนรู้แต่ว่าไม่อยากปฏฺิเสธ เราสนิทกันมากขึ้น โลกเป็นสีชมพูแหล่ะครับตอนนั้น ไปไหนตัวติดกัน
ตลอดผมอยู่ในแก๊งสี่สาว 5555
จนเรียนจบ เราเข้ามหาลัยเดียวกันอีกแล้ว ห้องเดียวกันซะด้วย ชีวิตก็เหมือนวัยรุ่นหลายๆคู่
เด็กต่างจังหวัด เข้ามาเรียนกรุงเทพ เช่าหออยุ่ด้วยกัน มีไรกัน แต่สำหรับผมมันเป็นความประทับใจนะครับ
เพราะผมคิดว่ายังไงผมก็จะอยุ่กับคนนี้ไปตลอดชีวิต ฝันอยากสร้างครอบครัวกับเธอ ก็เป็นคนแรกของกันและกัน
ชีวิตนักศึกษาดำเนินไปจนใกล้จบ ความรุ้สึกหวานชื่นในใจผมก็เริ่มลดลง แต่ความรักเหมือนเดิมนะครับ
เธอน่ารักเสมอ อ่อนหวาน นุ่มนวล

ผมเริ่มรู้สึกอยากลอง อยากสัมผัสคนอื่น เริ่มว่อกแว่กจินตนาการณ์มองคนโน้นคนนี้
แต่มันก็หยุดอยู่แค่นั้น หยุดอยู่แค่ความคิด เพราะไม่มีโอกาสได้ลงมือทำ จนกระทั่งเรียนจบ
หางานทำต่างคนต่างทำงานของตัวเอง แต่ผมก็ยังมีความคิดนี้อยุ่ ความคิดอยากนอกกาย ความต้องการ
ของผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สิ้นสุด ถึงมีของดีอยู่แล้วแต่ก็ไม่วายอยากลองของใหม่ไปเรื่อยๆ

จนโอกาสก็มาถึงนัดสังสรรค์กับเพื่อนที่มหาลัยแล้วได้เจอกับรุ่นน้องผู้หญิงคนนึง
ตอนนั้นเธอเพิ่งเรียนจบเป็นรุ่นน้องผมปีนึง ได้คุยทำความรู้จักแล้วก็คุยติดต่อกันเรื่อยมา ผมก็ลองจีบๆ ดู
ปรากฏว่าน้องเค้ามีทีท่าว่าจะเล่นด้วย ก็เข้าทางละครับ ติดต่อคุยกันเรื่อยมา จนนัดเจอกันบ้าง สองสามอาทิตย์
ได้เจอสักครั้งนึง ใช้เวลาหลังเลิกงานตอนเย็นแป๊บๆ ไม่เกินชั่วโมง ส่วนวันหยุดผมยกให้แฟนผมครับ
และไม่รับโทรศัพท์ใครทั้งนั้น เป็นอันรู้กันว่าน้องเค้าห้ามติดต่อผมในวันหยุด ถ้าว่างผมจะโทรไปเอง
ส่วนน้องคนนั้นผมเจอเท่าที่มีโอกาส ที่เหลือก็ใช้วิธีคุยโทรศัพท์เอาครับ เป็นมาประมาณเกือบสามปี
คนรักผมเธอไม่ระแคะระคายใดๆ เลย เพราะเธอไว้ใจผมมาก และเชื่อมั่นว่าผมเป็นคนดีของเธอ
เธอภูมิใจในตัวผม คุยโม้ให้เพื่อนๆ เธอฟังว่าผมดีอย่างโน้นอย่างนี้เสมอ

ความสัมพันธ์ของผมกับน้องคนนั้นเริ่มเลยเถิดมีอะไรกัน จริงๆ ก็เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะทำ

อย่างนี้พอมีอะไรกันผมก็คิดว่าควรเจอกันให้น้อยลงจะได้ไม่ผิดสังเกตุ ผมลดมาเหลือแค่เดือนละครั้ง หรือบางครั้ง
ก็ทิ้งระยะนานกว่านั้น ผมใช้เวลาหลังเลิกงานหรือวันทำงานปกตินี่แหล่ะ แต่งชุดทำงานออกจากบ้าน
แต่ไม่ไปทำงานนัดเจอน้องเค้า แล้วแต่ว่าจะสะดวกที่ไหน ไปกินข้าวแล้วต่อด้วยไปโรงแรม หรือบางครั้ง
ก็ห้องญาติ คือผมก็โกหกน้องเค้าว่าผมอยู่กับน้องสาวสองคนที่คอนโด น้องเค้าไม่ได้สงสัยอะไร เชื่อใน
สิ่งที่ผมพูด ดูจะเข้าอกเข้าใจ ซึ่งผมก็รู้สึกดีคือจะได้ไม่มีปัญหา
พอนานเข้าผมชักไม่สนุกแล้ว รู้สึกอยากหยุด แต่ก็ไม่รู้จะสลัดน้องเค้าออกไปยังไง
มันรุ้สึกอึดอัด สุขแค่บนเตียงแหล่ะครับ เดินด้วยกันข้างนอกก็ต้องคอยระแวดระวังกลัวใครมาเจอ
เสร็จกิจก็อยากกลับบ้านไปหาคนรัก ทุกครั้งที่ได้กลับมาหาคนรักได้พาเธอไปไหนมาไหน
มันรู้สึกโล่งใจยังไงบอกไม่ถูก ใจข้างในลึกๆมันรุ้สึกผิดแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ผมสำนึกใดๆ ได้
รู้สึกผิดแป๊บๆสักพักก็เลวต่อ เพราะทำมาได้ตั้งนานไม่มีใครรู้ ก็ทำต่อไป ห้าปีกว่านับแต่วันที่ผมเจอน้องเค้า
ผมปิดความลับนี้ไว้
จนกระทั่งผมคิดว่าหยุดได้แล้วจริงๆ ผมอยากมีลูก อยากแต่งงาน ผมก็ไปเลิกกับน้องเค้า
ซึ่งก็ผิดคาดเลิกกันด้วยดี เป็นอันเข้าใจว่าผมมีแฟนแล้ว ก็แยกย้ายกันไป น้องเค้ามีติดต่อมาบ้างแต่ผม
ไม่อยากจะอะไรด้วยแล้ว ก็จบกันไป
ผมก็กลับมาแต่งงานมาเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอย่างสบายใจกับคนรักของผม ความจริงเราอยุ่ด้วยกัน
มานานแล้วตั้งแต่เรียนมหาลัยที่ผ่านมาก็รักมาตลอด แต่พอผมเลิกกับน้องคนนั้น แปลกนะครับ ผมรู้สึก
รักคนรักผมจัง รักแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน อยากกอดแน่นๆ และผมก็อยากร้องไห้ด้วยไม่รู้ทำไม
วันแต่งงานเธอสวยมาก ผิวพรรณผุดผ่อง แววตาเปล่งประกาย เราวางแผนมีลูกกันเลย
กะให้เธอออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว เพราะเงินเดือนผมคิดว่ามากพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้
ผมไม่อยากให้เธอลำบาก ผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียว ความลับไม่มีในโลก ความเลวปิดยังไงก็ไม่มิดครับ
ตอนทำไม่มีใครรู้ พอเลิกทำก็ใช่ว่าความเลวจะหายไป
ภรรยาผมเปิดดู FB ผมคืออยากลงรูปแต่งงาน ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่เคยสนใจมันเลย ก็มาเจอข้อความ
ที่ผมคุยกับน้องเค้า เธอนั่งน้ำตาไหลพราก ผมเห็นแล้วก็รู้ทันทีว่าคืออะไร หมดทางแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ทุกอย่างชัดเจนว่าผมไม่ซื่อสัตย์ เธอฝืนพูดกับผมว่ามันเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมีอะไรกันมั้ย
ผมได้แต่พยักหน้ายอมรับ เธอช็อคไปกับคำตอบผม สีหน้าแววตาเจ็บปวดทรมานจนผมกลัว กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
เธอนิ่งเหม่อลอยไปสองวันเต็มๆ ไม่พูด ไม่กิน ไม่นอน ได้แต่นั่งน้ำตาไหล สภาพเธอเจ็บปวดทรมานมากมาย
ผมอยากให้เธอลุกขึ้นมาตบมาตีผมมากกว่าที่จะเป็นแบบนี้ มันรุ้สึกได้ว่าเหมือนผมกำลังจะเสียเธอไป
ผมพยายามเรียก ทั้งกอดทั้งปลอบ ใจผมจะขาดให้ได้ ผมกลัวเธอเป็นบ้าหรือบางทีอาจจะตาย
สองวันผ่านไปเธอเริ่มตั้งสติได้ เริ่มพูดเริ่มซัก ถามทุกอย่างที่อยากรู้ คำถามทุกอย่างพรั่งพรูออกมาว่าตลอดห้าหกปี
ที่ผ่านมาผมทำอะไรไปบ้าง ผมได้แต่ตอบเลี่ยงๆ จริงบ้างไม่จริงบ้างแล้วแต่จะนึกออก หรือบางทีก็คิดเอาเองว่า
ถ้าตอบแบบนี้แล้วทุกอย่างจะดี แต่ไม่เลยทุกคำตอบมันแย่ไปหมด ไม่ว่าจะจริงหรือโกหกเพื่อให้เธอสบายใจ
ความจริงบอกไปก็เหมือนเอามีดไปกรีดหัวใจเธอ โกหกเธอก็จับได้ ผมไม่รู้จะทำยังไงให้ดีไปกว่านี้
เราทะเลาะกันแทบทุกวัน ครอบครัวเหมือนตกอยู่ในขุมนรก เธอกลายเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย
บ้างก็เหม่อลอย บางทีก็ร้องไห้ได้ข้ามวันข้ามคืน วนเวียนถามผมซ้ำๆ เดิมๆ เกี่ยวกับน้องคนนั้น
จบด้วยการทะเลาะ และแย่สุดผมก็ทำร้ายเธอ คือตบหน้า ทำไปแล้วก็แทบจะตัดมือตัวเองทิ้ง ผมไม่คิด
ว่ามันจะมีวันนี้ เธอร้องไห้แทบขาดใจตาย ผมทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกผิด เธอยิ่งเสียใจผมยิ่งรุ้สึกแย่
บางครั้งเธอก้มลงกราบเท้าผม อ้อนวอนให้ผมพูดให้ผมเล่าว่าผมเคยโกหกอะไรเธอไว้บ้าง
แววตาเธอมันเจ็บปวดอ้อนวอน ตอนนี้ผมรุ้แล้วละครับคนที่เหมือนจะขาดใจตายหัวใจสลายมันเป็นยังไง
เธอทำให้ผมเห็น ซึ่งผมก็บอกและเล่าได้เท่าที่ผมนึกออกและบางอย่างมันก็ลำบากใจที่จะพูดจริงๆ
เธอคงถามผมจนเหนื่อย อยากรู้จนอ่อนใจแล้วมั้งครับเพราะผมบอกไปเธอก็ไม่เชื่อ ซึ่งก็จริงเพราะผม
เล่าแบบขอไปทีไม่อยากทำร้ายเธอไปมากกว่านี้

เธอไม่เคยเชื่อว่าน้องคนนั้นไม่รุ้เรื่องของเรา ไม่เชื่อว่าผมไม่เคยรักน้องเค้า เธอคิดฝังหัวว่าน้องเค้า
แกล้งโง่เพื่อจะแย่งผมไปจากเธอ และต้องการจะปอกลอกผม ผมก็จนปัญญาจะอธิบาย เธอจะโกรธมากที่ผมพูดว่า

น้องเค้าไม่รุ้เรื่องด้วย

เธอบอกว่าที่เฝ้าถามเพราะอยากเห็นความจริงใจของผม อยากเห็นความกล้า ความเป็นลูกผุ้ชาย
กล้าทำกล้ารับ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ได้เห็นความจริงใจจากผมความจริงเธอรู้หลายๆ อย่างจากน้องคนนั้นแล้ว
น้องเค้าติดต่อมาที่เธอ มาเล่าทุกอย่างให้ฟังบอกแม้กระทั่งว่าผมเคยพาน้องเค้ามาใช้เตียงของเรา

เธอบอกว่าเธอจะไม่เลิกกับผมจะอยู่ทำหน้าที่ภรรยาที่เธอเลือกแล้วให้ถึงที่สุด เธอบอกว่าทุกคน
เกิดมามีหน้าที่ เธอเกิดมาเพื่อรักผมเป้นภรรยาของผม ก็จะขอทำหน้าที่นี้ต่อไปให้ดีที่สุด จนถึงวันที่ต้องจากกันจริงๆ

ผ่านมาแล้วหนึ่งปีเต็ม ที่ผมต้องอยู่อย่างคนไร้ความหวัง หัวใจมันแห้งแล้งโดดเดี่ยว เหมือนอยู่ให้พ้นๆ
ไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น ความอบอุ่นที่เคยมีเป็นแค่อดีต ภาพที่เธอคอยเปิดประตูรับผมตอนเลิกงาน หอมแก้มผม
ถามผมทุกครั้งว่าวันนี้เหนื่อยมั้ย หิวหรือเปล่าอยากกินอะไร จะถามผมบ่อยๆ ว่ารักเธอหรือเปล่า ซึ่งผมก็ยินดีตอบ
ทุกครั้งด้วยความเต็มใจ ภรรยาคนที่คอยเล่าโน่นเล่านี้ช่างพูดช่างคุย วันนี้ไม่มีแล้ว เธอยังคอยเปิดประตูรับผม
เหมือนทุกวัน ทำกับข้าวให้กินทุกมือ ทำงานบ้านทุกอย่างที่เคยทำ ยิ้มให้ผม แต่แววตาเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว
มันไม่มีชีวิตชีวา แล้วก็ไม่เคยถามผมอีกเลยว่าผมรักเธอหรือเปล่า และเธอก็ไม่บอกรักผมอีกแล้ว

ผมเสียอีกที่ต้องคอยบอกรักเธอโดยที่ไม่ต้องถามแต่ก็เหมือนเธอจะไม่ดีใจแล้วละครับ แค่ทำหน้ารับรู้เท่า

นั้น ทุกคืนเธอยังนอนกอดผมนะ หอมแก้มผมบ้างเวลาที่เธอสบายใจ บางครั้งก็คุยสนุกเหมือนเดิม
แต่ก็เป็นพักๆ พอความเศร้ากลับมาเธอก็เหมือนเดิม แอบไปนั่งเหม่อได้อยู่บ่อยๆ แววตาดูไร้จุดหมาย
หลายครั้งที่เธอนอนละเมอร้องไห้ออกมา ผมก็ไม่รุ้ว่าเราจะตกอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่ผมจะได้ภรรยาคน
เดิมของผมคืนมา ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมรักเธอสุดหัวใจ แต่ผมก็จนปัญญาแล้วจริงๆ

ที่เล่ามาทั้งหมดผมไม่ได้หวังอะไรมาก แค่อยากให้ใครที่คิดหรือกำลังจะทำผิดแบบผมเมื่อได้อ่านแล้ว
ได้ฉุกคิดสักนิดว่าอย่าเอาหัวใจของคนที่เรารักไปแลกกับความสุขบนเตียงชั่วครั้งชั่วคราวเลยครับ ไม่คุ้มเลยจริงๆ
ผมต้องอยู่อย่างคนไร้ค่า ไร้ศรัทธาในตัวเอง เพียงเพราะความหลงในตัณหา ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
คุณค่าของลูกผู้ชายไม่ได้วัดที่จำนวนผู้หญิงที่เราไปนอนด้วยหรอกครับ แต่ความซื่อสัตย์ต่างหากคือคุณค่าที่แท้จริง
ของการได้เกิดมาเป็นชาย ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะภูมิใจที่ในชีวิต จะมีสัมพันธ์กับผู้หญิงแค่คนเดียวคือคนที่ผมรัก

จากคุณ ขอโทษ ( Ticket ID : 185857)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่