มูฮัมหมัด ซัมบารี เอ. มาเล็ก เขียนไว้ในหนังสือภาษามลายูเรื่อง Umat Islam Patani : Sejarah dan Politik (ประชาชาติอิสลามปะตานี : ประวัติศาสตร์และการเมือง) (๑๙๙๓) ระบุว่า การปะทะกันเกิดขึ้นในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๙๑ ทำให้ชาวมลายูล้มตายประมาณ ๔๐๐-๖๐๐ คน ฝ่ายตำรวจเสียชีวิต ๓๐ คน ในขณะที่ทางราชการไทยกล่าวว่ามีเพียง ๓๐-๑๐๐ คนเท่านั้นที่บาดเจ็บและเสียชีวิต (pp.210-211)
Syed Serajul Islam ในบทความภาษาอังกฤษเรื่อง The Islamic Independence Movements in Patani of Thailand and Mindanao of The Philippines ตีพิมพ์ในวารสาร Asian Survey (1998) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชิวตที่เป็นชาวมลายูมุสลิมในกรณีนี้คือ ๑,๑๐๐ คน (p.446, fn.9)
คำถามนี้ คล้ายกับที่ศาสตราจารย์ Benedict Anderson ที่ชี้ให้เห็นว่า เมื่อคนเป็นมองอนุสาวรีย์ของคนที่ตายไปจริง ๆ ซึ่งขณะเวลานั้นก็ถูกหลงลืม ถูกทดแทน แยกย้าย ตัดตอน และกลายเป็นสิ่งไร้ชื่อเสียงเรียงนามที่ไม่มีใครรู้จัก ก็เป็นเวลาที่กลับไปสู่คำถามว่าด้วยกำเนิดของสิ่งที่เรียกได้แต่เพียงว่า ความไร้สิ้นกระทั่งจุดกำเนิด (originlessness) (Benedict, R. OG. Anderson, The Spectre of Comparisons. P. 56.)
ภาพศาสตราจารย์เบเนดิก แอนเดอร์สัน (Benedict R. O'G. Anderson) (คัดจากหนังสือเล่มเดียวกัน)
บี.เอ็น.พี.พี. (BNPP = Barisan Nasional Pembebasan Patani/ = National Pront Liberation of Patani) เรียกเป็นภาษาไทยว่า ขบวนการปลดแอกแห่งชาติปัตตานี หรือ แนวกู้เอกราชแห่งปัตตานี
ดังนั้น เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งนำโดยตึงku ฌาลัล นาเซ็ร (นายอดุลย์ ณ สายบุรี) ทายาทเจ้าเมืองสายบุรี โดยความเห็นชอบและความร่วมมือของอีกสามขบวนการแนวหน้า ได้แก่ ฆึมปัร (GEMPAR = Gabungan Melayu Patani Raya หรือ แนวร่วมมลายูปัตตานียิ่งใหญ่) บี.อาร์.เอ็น. (BRN = Barisan Revolusi Nasional หรือ ขบวนการปฏิวัติแห่งประชาชาติ) และพูโล (PULO = Patani United Liberation Organization/Pertubuhan Persatuan Pembebasan Patani หรือ องค์การร่วมเพื่อกอบกู้อิสรภาพปัตตานี) การปฏิบัติการช่วงแรกมักเป็นไปในรูปกองโจร ซึ่งนำโดย เปาะเย็ฮ หรือ นายดือเร็ฮ มะดีย็อฮ หรือ เปาะเยะ โดยยึดมั่นและศรัทธาว่า การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งดินแดนปัตตานีกลับคืนมาจากไทยนั้น ย่อมมิอาจสำเร็จได้ด้วยการโปรยนานาดอกไม้ แต่จะต้องด้วยการโบยบินของบรรดากระสุนปืน หลังจากเปาะเยะเสียชีวิตเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ขบวนการนี้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น แนวร่วมอิสลามปลดแอกปัตตานี หรือ Barisan Islam Pembebasan Patani (BIPP = บี.ไอ.พี.พี.)
หนังสือเล่มนี้เขียนเป็น ภาษามะลายู ใช้ อักษรยาวี ในยุคเผด็จการเคยเป็น หนังสือต้องห้าม แต่เป็นที่ยอมรับกันในวงวิชาการอย่างสูง Coner Bailey และ John N. Miksic สองนักวิชาการชาวอเมริกันแห่ง Ohio University, Center for International Studies ได้ร่วมกันแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษชื่อ History of the Malay Kingdom of Patani ล่าสุดเมื่อ ปี 2541 มีสำนวนภาษาไทยแปลโดย หะสัน หมัดหมาน, มะหามะซากี เจ๊ะหะ เรียบเรียงโดย ผศ.ดลมนรรจน์ บากา จัดพิมพ์โดย โครงการจัดตั้งสถาบันสมัทรรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ออกมาแล้ว
อาจารย์ David Wyatt เน้นเรื่องนี้ในปาฐกถาเมื่อต้นปี ค.ศ. ๒๐๐๒ ในการประชุมไทยศึกษาที่นครพนม (ปาฐกถานำของ David Wyatt, History is more than a Nationเสนอต่อการประชุมนานาชาติ ว่าด้วย ไทยศึกษาครั้งที่ ๘ จัดโดยมหาวิทยาลัยรามคำแหง, มกราคม ๒๕๔๕ ณ จังหวัดนครพนม ตีพิมพ์ใน The Nation, January 10, 2002.)
(คัดจากหนังสือ รัฐปัตตานี ใน ศรีวิชัย บทนำเกียรติยศ โดยอ้างจากเอกสารวิชาการ เรื่องราวจากชายแดน สิ่งแปลกปลอมต่อตรรกะทางภูมิศาสตร์ของประวัติศาสตร์แห่งชาติไทย (Stories from the Borders : The Anomalies in the Geographical Logic of Thai National History) โดย ธงชัย วินิจจะกูล (Department of History University of Wisconsin-Madison) เสนอต่อการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับภาคใต้เรื่อง ประสบการณ์ถิ่นไทยทักษิณ : การปริวรรตทางสังคมในทัศนะประชาชน ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ๑๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๕ แล้วพิมพ์ซ้ำใน ศิลปวัฒนธรรม (ฉบับที่ ๑๒ ปีที่ ๒๓) เดือนตุลาคม ๒๕๔๕)