|
ในฐานะที่มีเพื่อนอยู่ในวงการนี้หลายคนทั้งมีชื่อเสียงและไม่มี คุณคิดว่าอาชีพคนเขียนบทเนี่ยมาเฟียกันเหรอคะ ไม่เลย คนเขียนบทที่มันขาดแคลน เพราะมันยากกกกก แต่ไม่คุ้ม ไม่มีใครเข้ามา เพราะไปทำอย่างอื่นดีกว่า เรามีคนสนิทหลายคนที่อยู่ในวงการนี้ถ้าใจไม่รักจริงๆ เปลี่ยนอาชีพไปหลายคนแล้ว ละครเรื่องหนึ่ง ใช้งบกว่า 20 ล้านบาท บทละครเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้จัดไม่กล้าไปเสี่ยงกับนักเขียนหน้าใหม่ เลยใช้บริการนักเขียนชั้นครู ซึ่งมีไม่เกิน 10 คน แต่ละคนมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 30กว่าปี อย่างคุณศัลยา ภาวิต 30กว่าปีเลย รุ่นกลางอย่างคุณ ยิ่งยศ ปัญญา ปราณประมูล วิสุทธิชัย ละลิตา วรวีร์ ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 20 ปี บุคคลเหล่านี้อาจผันตัวเองมาเป็นผู้ควบคุมบท เพื่อผลิตงานให้ทัน รุ่นใหม่ พวกคุณ เอกลิขิต ฐา-นวดี คฆาหัสถ์ ณัฐยา พิง ลำพระเพลิง พัญสร และคุณบ๊วย ประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป ถ้าประสบการณ์ต่ำกว่า 10 ปี ถือเป็นรุ่นฝึกหัด ลูกผีลูกคน โอกาสเปรี้ยงและแป๊ก พอๆกัน มีโอกาสที่จะถูกเปลี่ยนตัวกลางอากาศสูง หรือการแก้บทก็แก้ทั้งเรื่องหรือครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว แต่สามกลุ่มแรก ไม่ใช่จะไม่ถูกแก้นะคะ ก็แก้กันระนาวเหมือนกันมากน้อยตามความสามารถและประสบการณ์ รายได้ การเขียนบทต่อตอน เทียบกับดารานำพระเอกนางเอกของเรื่องละกัน ชั้นครู ได้ไม่ถึงครึ่งของดาราค่ะ แล้วก็ลดหลั่นกันมาตามชื่อเสียง ส่วนกลุ่มท้ายๆ ได้ 5,000-15,000 ต่อตอน ละครเรื่องนึง ใช้เวลาเขียน 4 ถึง 12 เดือน ถ้าอายุงานน้อยกว่า 5 ปี ถือเป็นช่วงนักศึกษา การเรียนรู้ ฝึกหัด รายได้ที่ไม่มีเอาเลย หรือมีก็เท่าๆกับ ค่าแรงขั้นต่ำของประเทศ ทำได้ต้องใจรักจริงๆ กินเงินเก่าของครอบครัว ส่วนเรื่องการแก้ไข ทำใจเถอะว่า เขียน 10 หน้า ทิ้ง 9 หน้า ถ้าทนไปได้ การแก้ไขก็น้อยลงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะมีเพชรในตมหรือไม่ เขียนเรื่องแรกก็ดังเลย อาจจะมีนะคะ แต่เรานึกไม่ออกจริงๆ แต่ดังเรื่องเดียว ใช่จะดังไปทุกเรื่องใช่มั้ยคะ ความจริงเป็นอย่างนี้แล้ว ยังคิดอยู่อีกเหรอ ว่าวงการนี้มีมาเฟีย มาเฟียไม่มีหรอกมีแต่แกลบค่ะ เอารูปที่เค้าสัมมนานักเขียนบทมาให้ดูค่ะ รับรองว่า คุณทุกคนต้องเคยผ่านผลงานของคนในรูปแน่นอนค่ะ
จากคุณ |
:
หวานตาลเฉาะ
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 55 11:24:59
|
|
|
|
|