ความคิดเห็นที่ 1 ศุภชัย แทรกแซงค่ายละคร        บอกแล้วว่า ช่อง 3 น่ะ ...ให้ความสำคัญกับ “ค่ายละคร” มากกว่า ช่อง 7 ฉะนั้น สิ่งที่ช่อง 3 โกรธมากที่สุด ก็คือ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร เข้าไปแทรกแซงการทำงานของค่ายละคร และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก !!                ใครกันแน่ ระหว่าง ศุภชัย ศรีวิจิตร กับแม่ของเด็กที่อ้างว่า “มิ้นท์” ติดเรียน เล่นกับใครไม่เล่นดันมาเล่นกับ “เจ๊ปิ่น” ทีวีซีน ให้มันรู้ซะบ้างว่า ไผเป็นไผ!                “เจ๊ปิ่น” ทีวีซีน เห็นแววตาและการแสดงของ “มิ้นท์” ณัฐวรา วงศ์วาสนา ในบทร้ายของตัวละครชื่อ “ชมพูแพร” ใน “เกมร้ายเกมรัก” สะดุดสายตามาก จึงได้วางตัวให้เล่นบทร้ายต่อในละคร “หงส์สะบัดลาย” ซึ่งละครเรื่องดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากช่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว                พระ - นางที่วางไว้แต่แรก คือ “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สะกิดใจ กับ “พลอย” เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ภายหลังมีการเปลี่ยนตัวนางเอก เป็น “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ถ้าเป็น “พลอย” ทำไม มิ้นท์ ถึงเล่น!! แต่พอเปลี่ยนตัวเป็น “เจนี่” ก็ทำอิดออดเล่นตัวขึ้นมาทันที                เพียงเพราะ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร อยากจะให้ “เด็กในค่าย” รับแต่บท “บทพระเอก - นางเอก” เท่านั้น หรือถ้าจะเป็น “ตัวรอง - ตัวร้าย” ก็ต้องประกบนางเอกตัวแม่ที่มีแรงส่งดี แน่นอน แรงส่งของ “พลอย” ย่อมดีกว่า “เจนี่” แน่ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ “มิ้นท์” ณัฐวรา จะลุกขึ้นมารักการเรียนมุ่งการศึกษาแบบฉับพลัน!!   การถอนตัวหลังจากผ่านการอนุมัติเช่นนี้ใครจะกล้าทำ ถ้าไม่ใช่ ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้ทรงอิทธิพล!        ขณะที่ไม่ให้ “มิ้นท์” เล่นร้ายซ้ำสองด้วยการปฏิเสธ “หงส์สะบัดลาย” แต่กลับให้ “มิ้นท์” ไปเล่น “แรงปรารถนา” ของค่ายละครไท ของ หทัยรัตน์ อมตวาณิชย์ ที่มี ณเดชน์ คูกิมิยะ เล่นคู่กับ คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส เทียมศิริ                ต้องยอมรับว่า “เอ” ศุภชัย ไม่ได้ประสบความสำเร็จ “นางเอก” ให้กับช่อง 3 ขณะที่ช่อง 7 สี “เอ” ศุภชัย ไม่ประสบความสำเร็จกับการปั้น “พระเอก” หมายจะให้เป็น “นางเอก” แต่กลายเป็น “นางร้าย” อาจจะส่งผลกับงานโฆษณา                นอกจาก “มิ้นท์” ที่ทำท่าจะเป็นนางร้ายแล้ว ยังมี “เนย” โชติกา วงศ์วิลาศ เด็กในสังกัดของ “เอ” ศุภชัย อีกคนหนึ่ง ก็สร้างชื่อจากบทร้ายทั้งละครเย็น และละครหลังข่าว ร้ายติดต่อกันถึง 7 เรื่อง ย่อมไม่ธรรมดาต้องเรียกว่า “ร้ายกาจ” ถึงบทบาทเลยทีเดียว                เรื่อง “มิ้นท์” นี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ “เอ” ศุภชัย แทรกแซงการทำงานของผู้จัด ส่วนครั้งแรกเหตุเกิดในละครเรื่อง “เพลิงทระนง” ของค่ายเมกเกอร์วายของ “จ๋า” ยศสินี ณ นคร มิ้นท์จากเรื่อง"เกมร้าย เกมรัก" ละครที่ทำให้คุณปิ่นเห็นฝีมือของ'มิ้นท์ ณัฐวรา' แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:48:20 แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:47:15 จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:46:55

ความคิดเห็นที่ 2 พระเอกคือ มาริโอ้ เมาเร่อ ส่วนนางเอกที่ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ระบุไว้ คือ “แต้ว” ณัฐพร เตมีรักษ์ ซึ่งแต่เดิมนั้นเคยเป็นผู้ประกาศข่าวและพิธีกรรายการเด็กของช่อง 7 สีมาก่อน แต้ว เป็นนักแสดงคนแรกที่ “เอ” ศุภชัย พามาที่ช่อง 3 ซึ่งต่อมา... เกิดปัญหาระหว่าง “ศุภชัย - แต้ว” เนื่องจากแต้วไม่ยอมจ่าย 30% ที่เล่นละครเรื่อง “น่ารัก” และ “ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรัก” ให้แก่ผู้จัดการส่วนตัวผู้เป็นร่างทรงของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ความบาดหมางนี้ ทำให้ แต้ว กลายเป็นเด็กเนรคุณในสายตาของ “เอ” ทันที และเมื่อทราบว่า เด็กเนรคุณต้องมาเล่นคู่กับพระเอกในสังกัด ก็พยายามสกัดจุดทุกวิถีทาง จน มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ต้องออกโรงให้แยกเรื่อง “ส่วนตัว” กับ “งาน” เพราะแต้วได้รับการอนุมัติตามขั้นตอนจากฝ่ายรายการเรียบร้อยแล้ว   แต้ว ณฐพร เด็กเนรคุณในสายตา"เอ ศุภชัย" แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:56:24 จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:51:44

ความคิดเห็นที่ 3  “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร เริ่มเอะใจในตัว สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ที่เอาแต่รับฟัง แต่ไม่รับทราบ ไม่ช่วยเคลียร์ !        นักแสดงคนที่ 2 ในสายของ “เอ” ศุภชัย ที่มาช่อง 3 คือ “จุ๊น” กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ส่งผ่านไปถ่ายแฟชั่นให้แก่นิตยสาร IMAGE และ “แอร์” คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา (ผู้ก่อตั้ง, กรรมการผู้จัดการ, บรรณาธิการบริหารและผู้พิมพ์โฆษณา นิตยสาร Image) ฝากกับ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย อีกทอดหนึ่ง คำรณ กับ สมรักษ์ มีความคุ้นเคยเนื่องจากเล่นฟิตเนสในสถานที่แห่งเดียวกัน! แทนที่ “จุ๊น” กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข จะได้เซ็นสัญญากับช่อง กลับถูกนำไปเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของค่าย “ชลลัมพี” !!                จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ “ฟิล์ม - แอนนี่” สมรักษ์ อ้างว่า “จุ๊น” กิตติคุณ เคยมาปรึกษาเรื่องนี้กับตน “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร มองว่า สมรักษ์ ไม่ได้ปกป้องนักแสดงในสังกัด กลับลากเอานักแสดงออกมาเอี่ยวกับเรื่องนี้ สุดท้าย จุ๊น ประกาศลาออกจากการเป็นนักแสดงของช่อง 3 ตามหมายสั่งของ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ทันที                นี่คือ เรื่องระดับ “งามไส้” ระหว่าง “สมรักษ์-ศุภชัย” ปมเบื้องลึกที่ทั้งคู่ศรศิลป์ไม่กินกัน แม้จะ “ไม่ยอมรับ” ก็ตาม!! “เอ” ศุภชัย ว่า ข่าวข้ามหน้าข้ามตาสมรักษ์นั้นเป็นเพียงข่าวลือ !!   “เอ” ศุภชัย ควง “จุ๊น” กิตติคุณ แถลงข่าวพร้อมลาออกจากการเป็นดาราช่อง 3 ทันที แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 21:56:38 จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:54:28

ความคิดเห็นที่ 4 คิวเยอะ เรื่องแยะ แต่พร้อม “พยุง”        ต้องยอมรับว่า เด็กของ “เอ” ศุภชัยมาแรงที่สุดในวงการเวลานี้ และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานหลายปี ต่อให้มีการประกวดประชันขันแข่งกี่สิบรายการ เขาก็ไม่กลัว! พูดอย่างนางเอก “ดาวพระศุกร์” ตามมารยาทโดยใช้กล้องหนึ่งรับเข้าที่ใบหน้าแล้วกล่าวว่า                “ด้วยน้องๆ ของเราก็ไม่ได้มีเวลาเยอะในการให้คิวกับจำนวนละครมหาศาล ที่เปิดในแต่ละปี ฉะนั้น การทำงานของช่องก็ต้องมีเด็กบางส่วนที่มาจากเอเยนซีอื่นบ้าง เพราะต้องกระจายกันไป แต่คงอยู่ที่ความเหมาะสม แล้วเราก็ทำงานกับที่ช่อง 3 มานานแล้ว น้องๆ ของเราก็ไม่ได้มีคิวพอที่จะให้แก่ละครทุกเรื่อง มันเยอะมหาศาลมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องแบ่งปันกันไป”                อย่างที่รู้กันอยู่ว่า เด็กของ “เอ” ศุภชัย นั้น มีปัญหาในเรื่องคิวที่ต้องเฉลี่ยกันไป แต่ช่อง 3 กลับปล่อยให้เด็กกองกันอยู่ที่ชั้น 9 ด้วยเหตุผลที่ฟังจากผู้จัด ว่า เด็กเล่นไม่ได้ ไม่มีพัฒนาการ!! ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากการเหวี่ยงแหแล้วไม่ยอมชี้ตัวระบุชัดว่า “จะปั้น” ไม่เหมือนคุณแดง และ ศุภชัย ที่มุ่งมั่นเอาจริงกับเด็กในสังกัด เมื่อช่องไม่จัดส่ง “หิน” ไปให้ค่ายละครเจียระไน เมื่อไหร่จะได้ “เพชร”                การปล่อยให้ผู้จัดเลือกกันเอง ยังไง! ผู้จัดก็ต้องเลือกเด็กที่ผ่านงานมาแล้ว เพราะทำงานง่าย และมีหลักประกันว่า ละครเรื่องนั้นๆ จะมีผู้ชมมากพอ ดังนั้น ต่อให้คิวเยอะ เรื่องแยะ ก็ยังต้องศิโรราบต่อเด็กในสายของ “เอ” ศุภชัย ซึ่งพอมีประสบการณ์และขายได้ ถ้าไม่คิด ไม่ทำ ไม่เริ่มต้นสร้างก็ไม่มีทางรู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่                ในวงการ ใครบ้างที่ไม่รู้จัก สมรักษ์ ณรงค์วิชัย ทำไม...ถึงไม่จัดการและวางแผนกับเด็กกลุ่มนี้ หรือกลัวว่าจะไปย้ำซ้ำรอยเดิมที่ศุภชัยกรุยทางไว้ แม้แต่เด็กที่จะมาใหม่ในปีนี้ก็ยังไม่มีหลักประกันว่า จะเล่นได้เหมือนกัน ถ้าช่องไม่สนับสนุน แม้แต่ข่าวการประกวด M Thailand ที่ว่ากันว่า จะปั้นพระเอกใหม่ก็ยังไปซุกออกข่าวก่อนฟ้าสาง แทนที่จะตีฆ้องร้องป่าวให้เป็นที่เอิกเกริก เรื่องความสามารถของเด็กเวลานี้จึงเป็นรองจาก “โอกาส”   สมรักษ์ ณรงค์วิชัย “คนกลาง – หนังหน้าไฟ – สายล่อฟ้า” !? จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 21:58:37

ความคิดเห็นที่ 5        ยกตัวอย่าง 2 กรณีที่เกิดกับเด็กที่เคยผ่านช่อง 3        “โตโน่ - เดอะสตาร์” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เคยลงประกวดเวที The Idol Project 1 เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย “หน้าหล่อ ตัวเล็ก” ช่อง 3 ไม่เอา แต่ไปประสบความสำเร็จจากเวทีเดอะสตาร์ และค่ายแอ็กแซ็กท์ อย่างนี้ก็มี                “บอม” ธนิน มนูญศิลป์ นายแบบโฆษณาที่อยู่ช่อง 3 นานพอควร จนมีโอกาสได้รับ “บทตำรวจ” ตอนสุดท้ายใน “ลิขิตเสน่หา” เพียง 2 นาที แต่หล่อเหลา มาดเซอร์ถูกพูดถึงมากใน “พันทิป” เสียงสวรรค์จากผู้ชมเหมือนฟ้าประทานให้ช่อง 3 เกิดพุทธิปัญญา หูตาสว่างแบบฉับพลันจนต้องสั่งการให้เป็น 1 ใน 5 พระเอกของซีรีส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ทันที                ถ้าจะฟังแต่เสียงจาก “ผู้จัด” ที่ว่า เด็กเล่นไม่ได้ ดูอย่างละครเรื่องแรก “เงารักลวงใจ” ที่ “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ และ “มิ้นท์” ณัฐวรา เล่น จะบอกว่า เล่นได้เต็มร้อยก็คงไม่ใช่ ออกจะน่ารำคาญด้วยซ้ำไป แต่ค่ายก็รู้จักและช่วยกันพยุง จนทำให้เด็กผ่านละครเรื่องนั้นๆ ไปได้ ทุกคนต้องมีก้าวแรกที่ไม่แข็งแรงด้วยกันทั้งนั้น                ขณะที่ เด็ก “เอ” ศุภชัย ทุกคนแห่แหนกันไปพยุง แต่เด็กที่ค่ายสร้างมากับมือกลับทิ้งขว้างอย่างน่าเสียดาย บางทีอาจเป็นไปได้ว่า ช่อง 3 ชอบอาหารที่ถูกปรุงเสร็จสรรพมาแล้ว ขี้เกียจไปตลาดหาซื้อผักปลามานั่งทำให้เสียเวลา ดังนั้น จึงไม่แปลก เมื่อช่อง 3 คิดจะขยายฐานผู้ชมไปต่างจังหวัด ก็เลยต้องกวาดเอาคนของช่อง 7 ที่เข้าถึง “ชาวบ้าน” มากกว่ามาไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นคนข่าว, ดารา, นักเขียนบท, ผู้กำกับ ฯลฯ   จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:01:41

ความคิดเห็นที่ 6 ขนบและวิธีทำงานของศุภชัย        หลังจากที่ “เอ” ศุภชัย พูดตามประสานางเอก อย่าง “ดาวพระศุกร์” ไปแล้ว แต่ทันทีที่หันขวับกลับหลังหันให้สื่อ “ไมค์รวม” สีหน้าของ “ดาวพระศุกร์” ก็แปรเปลี่ยนเป็น “เรยา” อย่างเนียนๆ และกล้องสองเริ่มทำงานทันที                “คิดว่า สู้เด็กของฉันได้ก็เอาซิ...!!!”                ปรากฏการณ์ของ “เอ” ศุภชัย เกิดขึ้น ส่งผลให้บรรดา “นักปั้น - แมวมอง - โมเดลลิ่ง” ที่ว่าแน่ๆ ตกร่วงลงท่อ ลงน้ำครำกันระนาว !! ซึ่งการทำงานของกลุ่มนักปั้นยังยึดอยู่กับขนบและประเพณีนิยมแบบเดิมๆ นั่นก็คือ “การส่งเด็กประกวด” ผลก็คือ เด็กที่ได้จากเวทีเหล่านี้ไม่มีความสดใหม่ และรู้จักกันเฉพาะในหมู่ผู้เข้าร่วมการประกวดเท่านั้น แต่เด็กของศุภชัยไม่ต้องผ่านการประกวดให้หน้าช้ำ เด็กบางคนที่เขาเห็นว่ารูปร่าง หน้าอยู่ในเกณฑ์ และ “อินเทรนด์” ทว่า สังกัดอยู่กับโมเดลลิ่งอื่น ก็จะส่งคนไปเจรจาขอซื้อสัญญา หรือให้เด็กนั่นแหละบากหน้าหอบเงินไปขอสัญญาคืนโดยตัวเองไม่ต้องออกหน้า        ราคามาตรฐานที่จ่ายอยู่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท!! และสูงสุด 1 แสนบาท หากคนนั้นแสงออร่าเปล่งมากระแทกตา “เอ” ศุภชัย                แต่บอกไว้ก่อนว่า เป็นการ “ซื้อขาด” ขายแล้วอย่ามาทำอ้อยสร้อย เมาท์มอยลับหลังว่า ได้น้อย เหมือนกรณีบาดหมางระหว่าง “เอ” ศุภชัย กับ กะเทยนายหน้า...หน้าสยอง นางหนึ่งที่มานึกเสียดาย “นางเอก 7 สี” ที่ตัวเองขายสัญญาให้ แต่ต่อมาเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ได้มาเป็นกอบเป็นกำจากงานโฆษณา “เอ” ศุภชัย จึงแจก “แต๊ะเอีย” ปิดปากกะเทยนางนั้นอีกจิ๊บๆ ด้วยเงินตัวเลขแค่หกหลัก!        หลังจากได้ตัวเด็กใหม่ หรือเด็กเก่าจากที่อื่น เด็กเหล่านี้จะถูกนำมาผลักดัน พัฒนา และสร้างใหม่ ในบ้านสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าตา และทักษะฝีมือในการแสดง เพราะภาพลักษณ์ใหม่นี้จะไปเพิ่มมูลค่าให้แก่เด็กและตัวเอง                โครงหน้าดี แต่ยังไม่ลงตัวต้องส่งไปทุบ ตบ แต่ง ที่เกาหลี ผลงานที่มีตามมาก็ใช้การถ่ายแฟชั่นเป็นใบเบิกทาง และต้องยอมรับว่า เด็กของเขาดีจริงในด้านหน้าตา ที่มาพร้อมกับแนวนิยม ดังกรณีของ “เคน” ภูภูมิ ที่ส่งไปศัลยกรรมใหม่ที่เกาหลี เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เปลี่ยนชื่อดั้งเดิมจาก “เบลล์ เบลล์” เป็น “เคน” ให้เหมือนกับพระเอกคนดัง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ แถมเรียก ภูภูมิ ในวงการว่า “เคนเล็ก” เปลี่ยนชื่อจริงจากเดิม คือ “อดิพงษ์ พันละแหง, อดิพงศ์ พงศ์ภานุ, ธนะภูมิ พงศ์ภานุ” มาเป็น “ภูภูมิ พงศ์ภาณุ” ตามคำแนะนำของหมอดูประจำตัว “โขมพัสตร์ อรรถยา” จากนั้นส่งไปเปิดตัวถ่ายแบบครั้งแรกในนิตยสาร IMAGE ก่อนเข้าวงการ                ขนบใหม่ของ ศุภชัย ที่สร้างขึ้นนี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ยากที่จะลอกเลียนแบบ ผิดกับบรรดาแมวมองปลาซิว ปลาสร้อย กว่าจะได้ส่วนแบ่งจากเงินรางวัลชนะเลิศ ก็ต้องนั่งรถห้อตะบึงไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแบบไม่มีหลักประกัน                จุดอ่อนของบรรดาโมเดลลิ่งทั่วไป ก็คือ ไม่รู้จักสื่อ!! หรือรู้จักแค่ผู้สื่อข่าวบันเทิงบางคนที่วนเวียนหากินอยู่กับเวทีประกวด สิ่งที่นักปั้นเหล่านั้นจะได้ก็แค่ข่าวสั้นๆ แต่ “เอ” ศุภชัย ใช้จุดแข็ง และคอนเนกชันของตัวเองพาเด็กไปปูพื้นด้วยการถ่ายแฟชั่นกับนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ ภายใต้เงื่อนไขว่า “ต้องขึ้นปก” หรือไม่ต้องเป็นบทสัมภาษณ์ที่มีความสำคัญโดดเด่นภายในเล่ม ไม่ใช่ประเภท “กะโหลก - กะลา” เอาไปหลบอยู่ตามซอกมุม ซอกหลืบ ซึ่งกระบวนการทำงานในขั้นตอนนี้ ไม่ใช่แค่เล่มเดียว แต่ “เอ” ศุภชัย วางต่อเนื่องแบบปูพรม ปักษ์นี้ ปักษ์หน้า ปักษ์โน้น ไล่เรียงหัวหนังสือกันไปอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อให้ภาพ หน้าตา และชื่อ เป็นที่จดจำ                แหล่งข่าวในวงการแฟชั่น บอกว่า “เอ” ศุภชัย พร้อมกรุยทางหยอดน้ำมันให้ฟันเฟืองแล่นได้โดยสะดวก ลงหลายเล่มให้คุ้นหน้า คุ้นตากันไปเลย ถ้าเป็นเด็กในสังกัดและเริ่มมีชื่อเสียงก็จะเริ่มการขายพ่วง!! เช่น มาริโอ้ ขึ้นปก ข้างในก็ต้องมีเด็กคนอื่นในสังกัดเข้ามาพ่วงความดัง เพราะ “เอ” ถนัดในการสร้างข่าวเพื่อให้เด็กเป็นที่จดจำในการใช้งานครั้งต่อไป เช่น วันที่ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ ถ่ายโฆษณาให้แก่มิสทิน ก็พ่วงเอา “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ ไปถือและใส่รองเท้าให้ พัชราภา เอาเด็กใหม่ประกบดาราดัง คนจะไม่จดจำชื่อเด็กคนนั้นได้อย่างไร เมื่อเด็กเริ่มออกสื่อระยะหนึ่ง ก็ใช้เป็นจุดขายนำเสนอส่งตัวเข้าช่อง                การขายพ่วงไม่ใช่เฉพาะงานถ่ายแบบ แต่รวมถึงงานโฆษณาและภาพยนตร์ด้วย เช่น ภาพยนตร์ “30 กำลังแจ๋ว” ซึ่งกำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ ของค่าย M 39 ถ้าอยากจะได้ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นนางเอก พระเอกก็ต้องเป็น “เคน” ภูภูมิ ซึ่งถูกกำหนดมาแต่แรก แต่ก็ต้องสร้างข่าวเกลื่อนกลบความลับนี้ในระยะแรกด้วยการควานหาตัวพระเอกกันจ้าละหวั่น                จากนั้นก็เอาผลงานเหล่านี้ไปขายโฆษณาต่อ “เคน” ภูภูมิ เพิ่งจะเข้าวงการ แต่มีโฆษณามากถึง 7 ตัว ในขณะที่ “โฬม” พัชฏะ นามปาน เป็นพระเอกของช่อง 3 แท้ๆ ทำงานมานานถึง 3 ปีเพิ่งจะมีโฆษณา “โตโยต้า”                นอกจากนี้ “เอ” ศุภชัย ยังมีการขายพ่วงในวงการโฆษณา เช่น มันฝรั่งเลย์ อยากได้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ ศุภชัย ก็สามารถกล่อมจนสามารถขายพ่วง “ญาญ่า” อุรัสยา เสปอร์บันด์ ดาราอีกคนหนึ่งของช่อง 3 เข้าไปประกบคู่ทั้งที่ ญาญ่า ไม่ใช่เด็กในสังกัดของ “เอ” ศุภชัย                เมื่อหลายปีก่อน วงการถ่ายแบบแฟชั่นต้องปรับค่าตัวนายแบบ - นางแบบ จาก 5-8 พันบาทขึ้นมาเป็นหลักหมื่น ยิ่งแฟชั่นเซตพิเศษ ที่เรียกว่า “แฟชั่นแอด” (กรณีที่ขายพ่วงแฟชั่นไปกับสินค้าบางตัว) ราคาค่าตัวเป็นแสน ก็มาจากจุดเริ่มต้นของขนบใหม่ของศุภชัย อีกนั่นแหละ เพราะศุภชัยประกาศค่าตัวขั้นต่ำของเด็กใหม่ในสังกัดอยู่ที่ 20,000 บาทถ้วน แถมยังนับชุดถ่ายอีกต่างหาก ปกติแฟชั่น 1 เซต จะถูกไว้วางที่ 8 หน้า 8 ชุด เท่ากับ 1 ยกหนังสือ แต่เด็กที่มาตามสายของ “เอ” ศุภชัย ถ่ายแค่ 6 ชุด ชุดที่ 7 ลองเอามาสิ “อั้ม” พัชราภา ก็จะไม่ยอมชายตามองแม้แต่น้อย การดัน “ดารา” เข้ามาสู่งานถ่ายแบบและเดินแฟชั่น ทำให้นายแบบ - นางแบบมืออาชีพแทบจะต้องม้วนเสื่อกลับไปขายกล้วยปิ้ง                เมื่อปูพื้นในเรื่องการถ่ายแบบแล้ว ก็จะให้ส่งเด็กไปเรียนการแสดง “ติวเข้ม” กับ “คุณน้อย” หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล แบบรายตัวอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของการ “สกรีนเทสต์” ส่งเด็กไปขายให้ช่องช้อป! (ขวา) โขมพัสต์ อรรถยา อดีตดาราผู้เป็นแม่หมอประจำตัว เอ ศุภชัย จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:06:21

ความคิดเห็นที่ 7 คอนเนกชันสายงานโฆษณาปึ้กชี้นกเป็นไม้!        “เอ” ศุภชัย มักพูดกับสื่อในยามที่ถูกถามเรื่องค่าตัวเด็กสังกัดในการเล่นละครแต่ละเรื่องว่า “(พี่) เอไม่รู้เรื่องจริงๆ” หรือ “เท่าไหร่ก็แล้วแต่ช่องจะให้ (พี่) เอไม่เคยเรียกร้อง”                ใช่สิ ค่าตัวละคร “เอ” ศุภชัย จะไปสนใจใคร่รู้ทำไม เพราะเป็นแค่เงินกรุบกริบ จิ๊บๆ เม็ดเงินที่ “เอ” ศุภชัย กอบโกยจากเด็กในสังกัด คือ เงินจากโฆษณา และงานอีเวนต์ต่างๆ                ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร กวาดเอาสินค้าทุกประเภทนอกจาก “ผิว” และ “ผม” ที่กินมาตลอด ยังแตกไลน์ไปที่สินค้าเด่นๆ แทบทุกประเภท อย่าง มิสทิน, แอลจี, ซัมซุง, ฟีโน่, อีซูซุ ทุกรุ่นทุกแบบต้องใช้เด็กของ “เอ” ศุภชัย                ที่สำคัญ “เอ” ศุภชัย คนนี้แหละ ยังสามารถแหกกฎโฆษณา ที่แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าของสินค้าจะไม่ยอมใช้ “พรีเซ็นเตอร์” คนเดียวกัน ในสินค้าประเภทเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นแบรนด์คู่แข่ง “เอ” ศุภชัย เก่งกาจสามารถในการโน้มน้าวน้อมนำ จนเจ้าของสินค้า ยอมใส่ส่วนผสมอื่นในสินค้านั้น เพื่อให้แตกต่างออกไป ตามคำแนะนำขอ “เอ” ศุภชัย หากอยากได้เด็กสังกัดของเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์...นอกจากนี้ สินค้าสำหรับผู้หญิง ยังเอาผู้ชายไปถ่ายได้ เอากับ “เอ” ศุภชัย สิ                เขาไม่ได้นั่งรอ “งานโฆษณา” ตามใบสั่งอย่างที่โมเดลลิ่งนิยมทำกัน แต่ “เอ” จะรุกขายโปรเจกต์เอง เช่น ดาราคนนี้จะมีละครออนแอร์จะถ่ายโฆษณาไหม สินค้าเดิมจะใช้พรีเซ็นเตอร์ใหม่หรือเปล่า หรือถ่ายใหม่มั้ยจะได้ไม่ตกเทรนด์ สารพัดสารพันจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง นอกจากเด็กในสังกัดตัวเองแล้ว “เอ” ศุภชัย ยังอาสาเป็นนายหน้า เจรจาค่าตัวดาราระดับ พระเอก นางเอก แถวหน้า ทุกค่าย ทุกช่อง ยกเว้น “เอ็กแซ็กท์”!!!                ที่ ศุภชัย ศรีวิจิตร มีวันนี้ เพราะรู้จักการเริ่มต้น ไปตลาด ซื้ออาหารสดมาทำกับข้าวด้วยสูตรของตัวเอง รู้จักการจัดแต่งให้จานอาหารน่ารับประทานแล้วพร้อมเสิร์ฟ ช่อง 3 รับอาหารจานนั้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งๆ ที่มีแม่ครัวฝีมือเลิศ และพืช ผัก อาหารกองเต็มอยู่ในบ้าน แต่ไม่รู้จะบริหารจัดการอย่างไร                เหล่านี้คือเบื้องลึก เบื้องหลัง ของ “มหกรรมตามล่าพระเอก - นางเอก” ของช่อง 3 ที่ดำเนินการอยู่อย่างขะมักเขม้น ภายใต้แรงกดดันที่ “เอ” ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้ทรงอิทธิพลในวงการตัวจริงพยายามโหมใส่เป็นระยะๆ ที่มา :: http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000050663 จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:07:52

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านแล้วมันส์ดีจัง!!! จากคุณ : m_stay22 เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:16:20

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่สังเกตดูระยะหลังๆ ผู้จัดเองก็พยายามจะหา พระเอก นางเอก ของตัวเอง แก้ลำการจัดหาพระเอกอีเว้นท์ของเจ๊แก อยู่เหมือนกันนะคะ จากคุณ : newaugust เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:22:56

ความคิดเห็นที่ 10 แม้จะเป็นบทความวิเคราะห์เจาะลึกเหมือนว่าเอ แต่เห็นการทำงานเป็นระบบของเอแบบนี้คงบอกคำเดียวว่าใครก็โค่นยาก มองการณ์ไกลดีแท้ จากคุณ : jedi2543 เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:27:37

ความคิดเห็นที่ 11 ใครเป็นเด็กในสังกัดเจ๊เอ  ก็โชคดี  เพราะเค้าดูและดี  ถึงแม้จะหักหัวคิวเยอะแต่ก็  เรียกร้องอะไรๆได้มากกว่าปกติ     ถึงแม้ว่าการไม่มีสังกัดจะดี  แต่สิ่งที่ขาดไปคือพวกพ้อง การต่อรอง   การปั่นราคา  ปั่นกระแส  ซึ่งตัวเองเพียงลำพังคงคิดไม่ได้และตามไม่ทัน เรื่องแบบนี้ต้องมีค่าใช้จ่าย ถ้าเค้าจะหักก็ไม่แปลก คนบางคนก่อนจะเข้าวงการ ยอมรับในทุกเงื่อนไข  แต่พอดังกลับเล่นตัว นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่เอา คิดว่าตัวเองเสียเปรีย คิดว่าตัวเอง อึดอัดโดนบังคับ  แล้วทำไมไม่คิดว่ากว่าจะยืนอยู่จุดๆนี้ได้ เจ๊ๆทั้งหลายต้องใช้เล่ห์กล  มากมาย แค่ไหนกว่าจะทั้งถีบทั้งดันให้ดังได้ขนาดนั้น แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 22:30:56 แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 22:30:11 จากคุณ : รุ้งโปรย เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:29:32

ความคิดเห็นที่ 12 สนุกดี วงการมายา หักเหลี่ยมเฉือนคม คุณเอ เขาก็เก่งจริงๆที่จะก้าวเข้ามาเป็นอันดับ 1 ในตอนนี้ จากคุณ : ผู้กอง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:32:39

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าช่อง3ปล่อยให้เจ๊คนนี้ครอบงำก็เตรียมล่มสลายได้เลย จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:40:50

ความคิดเห็นที่ 14 ผมรู้สึกทุเรศคุณเอ ตรงที่แกชอบขายเหล้าพ่วงเบียร์นี่แหละ ชอบยัดเยียดคนที่ฝีมือไม่ถึงให้มาเป็นพระเอก-นางเอก จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:43:47

ความคิดเห็นที่ 15 น่าเบื่อ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:48:51

ความคิดเห็นที่ 16 การดำเนินงานของพี่เออ่ะไม่ไหว แต่เด็กพี่เอแต่ละคนก็ตัวเป้งทั้งนั้น พิสูจน์ตัวเองได้ทุกคน เลยมีทั้งกระแสและงานเข้าตลอด จากคุณ : sweetbox เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:51:03

ความคิดเห็นที่ 17 บางคนดันให้ตายก็เป็นนางเอกไม่ได้จริงๆนะ-.- จากคุณ : nanyne เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 22:57:08

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงเราจะเฉยๆกับคุณเอแต่ต้องยอมรับนะว่าตั้งแต่คุณเอหันมาป้อนดาราให้กับช่อง3แบบจริงจังดาราช่อง3ดังขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก จากคุณ : takeyourtime เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:03:11

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านแล้วทำให้คิดถึงจอห์นนี่ คิตากาว่า ของญี่ปุ่น จากคุณ : ฝน (fon_mania) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:08:08

ความคิดเห็นที่ 20 เอ่ออออ โตโน่ไม่เคยประกวดที่ไหนมาก่อนค่ะ มั่วมาก จากคุณ : ดอกไม้ริมทางน่ารัก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:08:23

ความคิดเห็นที่ 21 เค้าเก่งจริงๆนะเรื่องคอนเนกชั่นเนี่ย จากคุณ : tarodanex เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:23:53

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วเหมือนช่อง3โง่ยังไงไม่รู้ จากคุณ : จำนำ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:25:06

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่า เอ เค้าทำงานในหน้าที่ของเค้าได้ดีมากเลย เพราะหน้าที่นายหน้า มันก็ต้องจัดงานมาป้อนเด็กในการดูแล ถ้าจะว่าต้องว่าคนอื่นแล้วล่ะว่าทำไมไม่ทำ ดีกว่ามาสกัดกันแบบนี้นะ จากคุณ : อินทรีเหล็ก เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:25:16

ความคิดเห็นที่ 24 ถึงเจ๊ถุงปุ๋ยจะเก่งนะ แต่เราก็ไม่ชอบที่เจ๊เป็นแบบนี้อะ ต่อไปคงจะมีแต่เด็กเจ๊ทั่ววงการล่ะมั้งเนี่ย และคงจะมีแต่ซุปเปอร์สตาร์เดินให้เกลื่อน ไม่ทันมีละครเรื่องแรกก็เป็นซุป'ตาร์ละ รู้งี้นะเกิดช้าอีกสักหน่อยแล้วจะไปกู้อิออนมาทำหน้า ทำนม ทำคางให้หมดเลย แล้วจะไปสังกัดเจ๊ถุงปุ๋ย ไม่ทันได้เล่นละครก็เป็นซุป'ตาร์ละ....แหล่มโว้ยยยยยยยย 555 จากคุณ : ภรรยาของโซจีซบและ (เมีย T.O.P BIGBANG) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:43:14

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่รู้นะว่าเอไม่ดียังไง แต่เท่าที่เห็นคือเค้าเก่งนะ รักเด็กๆเค้าดี หางานให้สุดๆ ดันจนอยู่ระดับแนวหน้าได้เยอะด้วย ใครได้เป็นเด็กเค้าไม่อดแน่ๆ จากคุณ : Blueberry Cake เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 23:47:08

ความคิดเห็นที่ 26 พี่เอเก่งจริงๆนับถือ ทำงานมีระบบ วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เฉียบขาดมาก จากคุณ : =Le 29 juin= เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:04:43

ความคิดเห็นที่ 27 ดอกร้อยเลห์ จากคุณ : hydrophobia เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:18:09

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านเรื่อยๆมันดี จากคุณ : benjy_bio เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:21:24

ความคิดเห็นที่ 29 เรานับถือเอ ศุภชัยเลยแหละ ตรงที่ถ้าใครเป็นเด็กในสังกัดนาง นางดันเต็มที่ จัดเต็ม ทำหน้า ทำฟัน โมกันเลย การแสดงนางทุ่มให้เด็กเรียนก่อน ไม่ใช่มารอประสบการณ์แบบเล่น 10 เรื่องหน้าเดียว อารมณ์เดียว เด็กนางรุ่นหมาก ณเดชน์ มิ้นท์ เรื่องแรกเล่นแย่มากน้อยตามแต่กำลัง แต่เดี๋ยวนี้ เด็กรุ่นนี้ขึ้นหิ้งหมดแล้ว และที่น่าสังเกตที่สุด จากที่อ่านมา เท่ากับว่านางมีเรื่องกับแต้ว คนเดียว แต่กับคนอื่นไม่เคยมีปัญหาแตกหักกันเรื่องเงินทอง มีแต่จะไหลมาเทมาอยู่กับนาง ขนาดป๋อ อั้ม นางยังหางานให้ได้อยู่เลย นับว่าบริหารความสัมพันธ์ได้ดีเลิศเลยแหละ ดังนั้น นางต้องมีดีอะไรอยู่ในตัว ที่เราคนนอกไม่ได้สัมผัสตัวตนนางจริง ๆ ไม่สามารถรู้ได้ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 00:31:36 จากคุณ : เป๋าตุง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 00:30:35

ความคิดเห็นที่ 30 เคยดูคุณเอจากรายการแมงโก้   ให้สัมภาษณ์ 2 คลิป รู้ได้เลยว่าคนนี้เก่งมาก  ตาแหลม  มีวิธีการคิด และการพูดที่แยบยลมาก ทำให้ดูน่าเชื่อถือ    แนวทางการทำงานอาจจะคำนึงถึงผลประโยชน์ ของตัวเองมากไปหน่อย แต่ก็คงไปว่าไม่ได้เพราะมันเป็นธุรกิจที่มีการ ลงทุนและต้องได้กำไรคืนมา   ถึงแม้ว่าคุณเอจะมีแนวทางการทำงานที่หลายคนอาจไม่ชื่นชมนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการพยายามทำให้เด็กของตนยืนอยู่ แถวหน้าให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดัน การปั่นกระแส หรือการใช้วิธีการ ต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด  ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเด็กที่อยู่ในสังกัด โดยส่วนตัวที่ได้ฟังจากการสัมภาษณ์คุณเอ รู้สึกชื่นชมแนวคิดดี ๆ ที่อบรม สั่งสอนเด็กในสังกัด และมุมมองต่อนักแสดงที่ด้อยโอกาส เช่นตัวประกอบ ซึ่งก็แสดงให้เห็นตัวตนของคุณเอว่าเป้นคนที่มีจิตใจดี คนหนึ่ง จากคุณ : lookkang (lookkang) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 01:22:59

ความคิดเห็นที่ 31 เก่งมากนะ เอ ศุภชัย แนวคิดทางด้านธุรกิจของเค้าไม่ธรรมดาเลย จากคุณ : masa_kazu เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:02:20

ความคิดเห็นที่ 32 เกลียดขายแพ็คคู่นางเหมือนกัน จากคุณ : บ้านนาเบี้ย เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 02:38:13

ความคิดเห็นที่ 33 เอ ศุภชัย เป็นผู้จัดการดาราที่เก่งสุด ๆ จริง ๆ ในยุคนี้  ขอปรบมือให้เลย จากคุณ : Sirtraderlot เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 03:31:11

ความคิดเห็นที่ 34 ขอสงสัย  "โตโน่" เข้ารอบ The Idol 10 คนสุดท้่าย ...... เอามาจากไหน ? ข้อมูล 10 คนสุดท้าย The Idol  ไม่มีโตโน่นี่ http://women.kapook.com/view3073.html จากคุณ : เลดี้คริสตี้ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 05:42:13

ความคิดเห็นที่ 35 10 คนสุดท้าย The IDOL Project 1.... จากคุณ : เลดี้คริสตี้ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 05:49:02

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านแล้ว ช่องสามน่าจะเอาไปทำละครนะเนี้ย เพลินเลย จากคุณ : on_tour เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 08:56:56

ความคิดเห็นที่ 37 มองในแง่การผลักดันเด็กในสังกัดตัวเอง  คุณเอทำได้ดีนะ เด็กที่ตัวเองหามาก็อยากให้เป็นแนวหน้า ก็ไม่ผิดอะไร ถ้าคุณพาเด็กเข้าวงการกี่คนก็เป็นแต่พระรอง ต่อไปเด็กที่ไหนจะอยากมาอยู่กับคุณ คุณเอให้เด็กเดินแบบถ่ายแบบ+โฆษณาก่อนก็เป็นผลดีทั้งกับตัวเด็กและช่อง เด็กได้มีโอกาสออกสื่อ เพิ่มประสบการณ์และให้คนรู้จัก พอมาเล่นละคร ก็จะมีกระแสที่คนดูรู้จักมาก่อนแล้วบ้าง ไม่ผิดที่เขาพยายามผลักดันเด็กในสังกัดเพราะเป็นงานของเขา แล้วเด็กของเขาหลายๆคนก็ดีจริง ทำให้ช่องเห็นผลงาน แต่บางอย่าง อาจล้ำเส้นบ้าง ก็จะมี reaction กลับมาเอง นักปั้นคนอื่นต่างหากที่จะทำอย่างไร จะเสนอเด็กของตัวเองได้ จากคุณ : nomangmao เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 11:00:26

ความคิดเห็นที่ 38 เขาเก่งจริงนั่นแหละ แต่ควรระวังไม่ให้ล้ำเส้นกรอบทางจริยธรรม และระวังจะไปล้วงลูกคนอื่นๆเขาจนผิดมารยาท อย่างการสร้างข่าวโปรโมทเด็กเนี่ย ก็อยากให้ทำสิ่งดีๆ เสนอแง่มุมดีๆบ้าง ไอ้ข่าวเต้าข่าวกุสารพัดเพื่อให้ได้ความสนใจ มันได้ผลก็จริง แต่มันเสื่อม! แล้วไอ้ที่ไปล้วงลูก ไปใช้อิทธิพลขายพ่วง ไปเตะถ่วงบีบให้งานคนอื่นเดินไม่ได้ อันนี้ก็เลิกเถอะ เพราะมันจะทำให้เป็นที่เกลียดชัง คนเราลงเป็นที่เกลียดชังแล้ว มันจะเจริญไปได้ซักกี่น้ำ จากคุณ : tarantella เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 12:02:15

ความคิดเห็นที่ 39 ความสำเร็จของผจ.เอ คงเป็นเรื่องยุคสมัยด้วย ยุคนี้เป็นเอ ยุคต่อไปก็คงเป็นใครไม่รู้ เพราะรูปแบบการสื่อสารในสังคมมันเปลี่ยนไป ใครจับทิศทางได้ถูกก็ไปได้ไกล เรื่องช่องพื้นที่เดิมเป็นช่องเจ็ด แต่ช่องสามมาแบ่งสัดส่วนการตลาดได้ระดับนี้ถือว่าสำเร็จไปมากกว่าครึ่ง แม้ว่า การรู้จักดาราและมีเรตติ้งสูงถ้าไม่ส่งผลต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือการตลาด เช่น มีคนดูเยอะแต่ไม่มีกำลังซื้อเกิดขึ้น รู้จักไปก็เท่านั้น ในวงการนี้ไม่มีใครโง่หรอก มีแต่ว่าจังหวะและโอกาสมันจะมาเมื่อไหร่ ..แต่ที่แน่ๆ ทั้งสองฝ่ายต้องงัดตำราวิชามารกันอุตลุตแน่นอน จากคุณ : Tibetan เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 13:01:03

ความคิดเห็นที่ 40 ข่าวค่อนข้างมั่วเเละเหตุเเละผลขัดเเย้งกันเองนะ 1. โตโน่ไม่เคยประกวดเวที The Idol 2. นอกจากนี้ “เอ” ศุภชัย ยังมีการขายพ่วงในวงการโฆษณา เช่น มันฝรั่งเลย์ อยากได้ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดียวเหมือนทุกครั้ง แต่ ศุภชัย ก็สามารถกล่อมจนสามารถขายพ่วง “ญาญ่า” อุรัสยา เสปอร์บันด์ ดาราอีกคนหนึ่งของช่อง 3 เข้าไปประกบคู่ทั้งที่ ญาญ่า ไม่ใช่เด็กในสังกัดของ “เอ” ศุภชัย เหตุผลที่พยายามโน้มน้าวใจคนอ่านมาทั้งหมด คือ เอมีการตลาดที่ดี มีคอนเน็คชั่นดี โดยหลายครั้งเอเเทรกเเเซงการทำงานของผู้จัก เเทรกเเซงระบบการดันดาราของช่อง  เเต่ข้อความที่เราก๊อปมาข้างบนมันขัดเเย้งกันเองกับเรื่องที่พยายามโน้มน้าวใจผู่อ่าน เนื่องจาก ญาญ่าเป็นเด็กช่อง ทำไมเอต้องไปให้โน้มน้าวให้เลย์มาเลือกญาญ่าด้วย สู้โน้มน้าวเลย์ให้เลือกเด็กตัวเองมาประกบณเดชน์ไม่ดีกว่าหรอ เเล้วเเถมถ้ามาโฆษณาด้วยกันเเล้วดันดูเข้ากันอีก จะตบท้ายด้วยการสร้างกระเเสคู่จิ้นเป็นเด็กตัวเองเเทน ณเดชน์-ญาญ่าจะดีกว่ามั้ย ได้กับได้มากกว่านะ เพราะสนับสนุนญาญ่าไปก็หักหัวคิวเป็นงานๆไป ซึ่งเทียบในระยะยาวเเล้วน่าจะน้อยกว่าเด็กที่เซ็นสัญญากับตัวเอง เเล้วจริงๆถ้าสังเกตนิดนึง เเกยังมีเเนวโน้มจับอยากณเดชน์ไปเป็น "คู่จิ้น "กะเด็กในสังกัดเเกด้วยซ้ำ ปล.เรื่องงานในวงการของเจ๊เอ เราไม่รู้ ไม่ใช่คนวงใน เเล้วอีกอย่างธุรกิจมันก็เอาเปรียบกันทั้งนั้นเเหละ เเล้วช่องก็ต้องยอมรับด้วยว่าไอ้ที่ประกวดมาเเต่ละคนน่ะ ไปวัดไปวาได้ซักกี่คน อย่างรายการที่พึ่งจบไป ออร้า ออร่าน่ะ ถ้าคุณทำรายการประกวดหาเด็กเข้าช่องได้ดูสนุกเท่ากับ The Voice ถามจริงเถอะ ผู้จัดคนไหนจะเมิน อ้อ เราไม่ชอบเจ๊ เพราะเดี๋ยวนี้เเกเยอะ เวลาเเกถ่ายรูปเเอ๊บเเบ๊ว เเต่งตัวไม่ดูกาละเทศะ ชอบขายพ่วงตัวเองกับดาราในสังกัดตามงานอีเว้นท์ เห็นเเล้วรำคาญ จากที่เเต่ก่อนเคยชอบเพราะเเกสงบเสงี่ยมดีอ่ะนะ ตอนนี้ไม่ละ จากคุณ : จัน - กลม เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 14:22:50

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ชอบคุณเอที่สุด คือ เต้าข่าว กับขายพ่วงตัวเอง กับเด็กในสังกัด โลกเดี๋ยวนี้ โกหกไม่ได้หรอก การสื่อสารไปไว กล้องมีทุกหนแห่ง พูดอะไร มีคนเก็บคลิปไว้หมด เดี๋ยวเรื่องมันก็แดงเอง ขายพ่วงเด็กใหม่ กับ คนที่ดังแล้ว เราไม่คิดมากนะ ช่วยๆกัน แต่เอาตัวเองไปพ่วงนี่สิ เช่นงานโออิชิ  ถ้าคุณเอคิดว่า ตัวเองดังจริงก็เดินสายเดี่ยวเลย ไม่ต้องจ่ายค่าตัวเด็กด้วย ได้เนื้อๆ จากคุณ : nomangmao เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 14:32:27

ความคิดเห็นที่ 42 สงสัยเหมือนกันเรื่องเลย์ที่ในข่าวบอกว่า ต้องการ ณเดชน์คนเดียว เพราะที่เคยดูโฆษณาของเลย์จะเห็นเป็นพรีเซนเตอร์คู่ไม่ใช่เหรอ เช่น ณเดชน์กับพอลล่า  หรือ มาช่ากับใครสักคน จำไม่ได้แล้ว (เรื่องพรีเซนเตอร์เลย์คู่เราเข้าใจถูกหรือผิด?) ความน่าจะเป็น กรณีที่เอาญาญ่า น่าจะเกิดจากพอลล่าแต่งงานแล้วก็กำลังมีลูก เลยต้องเปลี่ยนตัว  พอดีณเดชน์คู่กับญาญ่ากำลังดัง เลย์เลยต้องการทั้งคู่ หรือว่า เป็นคุณเอ ที่สนับสนุนให้ญาญ่า โดยเป็นความต้องการของเลย์เองด้วยไม่ใช่เสนอขายพ่วง ตามข่าว   อยากฟังเหตุผลข้อนี้จริง ๆ เหมือนกัน เลย์ช่วยเข้ามาตอบหน่อยได้ไหม หรือใครที่รู้เรื่องนี้ดี  ช่วยตอบด้วย    ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ จากคุณ : lookkang (lookkang) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 16:04:54

ความคิดเห็นที่ 43 จะสร้างคอนเนคชั่น จะผลักดันไปแถวหน้า ทำงานเป็นระบบดี เป็นเรื่องที่ดีต่อองค์กร แต่วิธีการสร้างเรื่องสร้างราว(ปลอม ๆ) โกหก มั่วข้อมูล นี่ควรหลีกเลี่ยงและเว้นเด็ดขาด กรณีศึกษาหน้าแหกเพราะข้อมูลจริงมันปูดมีเยอะมาก มันมีให้เห็นอยู่ทั่วไปในฟ้าดาราไทย เดือนละปูดสองปูด แม้กระทั่งซุปชายดัง ๆ  ก็เกือบสะดุดล้มคว่ำมาแล้ว ก็เพราะ ความพยายามเมคโปรไฟล์ให้มันสะดุดเกิน ความลับไม่มีในโลกนะจ้ะ จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 16:20:20

ความคิดเห็นที่ 44 จะปั้นเด็ก โดยเอาไปโมไปศัลย์ยังไงก็เอาเถอะ แต่ขอให้เน้นที่ความสามารถด้วย ไม่ใช่เอาหล่อสวยเข้าว่า บางคนไม่ได้เหมาะกับบท ฝีมือก็ยังไม่ถึงก็ยัดเยียดเข้ามา ช่อง 3 ก็เหมือนกัน ถ้ายังพึ่งเค้าอยู่ยังงี้ ก็ยกหุ้นให้เค้าถือเลยซิ ดีใจที่เจ๊ปิ่นดึงไมค์มาเล่นรากบุญ ไม่ต้องพึ่งพระเอกจากเอ ศุภชัย ละครก็ดีได้ จากคุณ : chocolate raisin เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 11:08:41

ความคิดเห็นที่ 45 คนถ้ามันจะดัง มันขึ้นอยู่กับบุญธรรมกรรมแต่งค่ะ ไม่ใช่ยัดเยียดมาแบบเป็นแพ๊ค ต่อให้ดันให้ตายกันไปข้าง ก็ไม่ได้ผลหรอก มันอยู่ที่ดวงจริงๆ ของแบบนี้ แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนา ยาก! และเด็กในสังกัดของเจ๊ นอกจากจะพาไปโม พาไปทำหล่อ เสริมสวยแล้ว ก็ช่วยเอา ไปเข้าคอร์ดฝึกการแสดงให้คล่องด้วย ไม่ใช่ขายแต่หน้าตา คนนี้หล่อ คนนี้สวย แต่การแสดงออกมาแข็งทื่อเป็นตอไม้ สงสารน้องๆ จริงๆ ที่ต้องโดนคำวิจารณ์แรงๆ จากคุณ : ชื่นกลิ่น เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 18:48:26