ตั้งตัว

อู๋ - ธนากร โปษยานนท์ เปิด “CHARM ENTERTAINMENT” ธุรกิจขายความคิดอนาคตไกล

 

“ ตัวผมเองยึดหลักการพึ่งพาตัวเองและการอยู่แบบพอเพียง ซึ่งผมว่าเป็นพระราชดำรัสที่เหมาะสำหรับคนไทยอย่างมาก ใช้ในสิ่งที่ควรใช้ เก็บในสิ่งที่ควรเก็บ ”

อู๋ - ธนากร โปษยานนท์ ชายหนุ่มมากความสามารถอีกคนหนึ่งของวงการบันเทิง เขาผ่านงานมาหลากหลายทั้งการเป็นนักพากย์หนัง ดี.เจ. นายแบบ พิธีกร และนักแสดง นอกเหนือจากบทบาทที่กล่าวมาแล้ว เขายังสวมบทบาทเป็นนักธุรกิจ นักบริหารของ 2 บริษัท คือ Spy Soft by BECI บริษัทผู้ผลิตคอนเทนท์ - แอพพลิเคชั่นบนมือถือ และ Charm Entertainment บริษัทครีเอทีพ โปรดักชั่นเฮ้าส์ ที่มีผลงานการผลิตรายการโทรทัศน์ การผลิตหนังโฆษณา การทำวีดีโอพรีเซนต์เทชั่น การจัดงานอีเว้นท์ ฯลฯ ที่ผ่านสายตาผู้ชมอย่างต่อเนื่องมากว่า 4 ปีแล้ว บนเส้นทางนักธุรกิจของเขานั้นเรียกได้ว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุลาบนัก เขาต้องอดทนและต่อสู้มาจนถึงวันนี้ วันที่เขาวางแผนว่าจะพยายามผลักดันให้บริษัทของเขาเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้จงได้

“ เกือบ 4 ปีที่เปิดบริษัทมานี่ ผมถือว่ายังไม่มีกำไรนะครับ แต่ว่าเราก็มีส่วนที่มันรีเทริ์นกลับมาเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ค่อนข้างคุ้มนะ ต่อไปเราจะทำอะไรก็อาจจะไม่ได้ยืนอยู่บนความสงสาร เพราะอย่างที่ผ่านมามันมีหลายๆ อย่างที่ผมใจดีไปหน่อย คือจริงๆ ถ้าคนทั่วไปเปิดบริษัทมา 2 ปีแล้วยังขาดทุน ผมว่าเขาน่าจะปิดตัวเองลงไปแล้ว แต่เราปิดไม่ลง เพราะว่าน้องๆ ตาดำๆ เขาก็ยังอยู่กัน เราก็ต้องสู้ต่อ ผมเชื่อว่า คนที่สู้...ไม่มีวันตาย พอเราได้สู้จนถึงที่สุดผลมันออกมาก็เป็นน่าพอใจครับ แล้วตอนนี้เราก็กำลังพยายามทำให้บริษัทเข้าสู่หลักทรัพย์ให้ได้ แต่อาจจะเป็นแค่ MRI เล็กๆ ไม่ได้ไปถึงตลาดขนาดใหญ่ แต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็เข้าตลาดแถวนี้แหล่ะครับ(ยิ้ม) ”

แล้วจุดเริ่มต้นของบริษัทนี้ เกิดขึ้นมาอย่างไร

เริ่มแรกเราก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อทำรายการโทรทัศน์ชื่อสิงห์นักสืบ เป็นรายการที่เราคิดเองขึ้นมาใหม่หมด แล้วก็เป็นเกมส์โชว์รูปแบบใหม่ที่ยังไม่มีใครทำ แต่ด้วยระยะเวลาการเตรียมงานที่สั้นมากเพียง 2 สัปดาห์ แล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง ที่ต้องใช้คำว่ายังขาดประสบการณ์ และก็อาจจะเป็นเรื่องของนายทุนที่มีงบประมาณจำกัดในระดับหนึ่ง ทำให้เราต้องปรับทุกอย่างกลับมาเพื่อให้สามารถถ่ายทำอยู่ในสตูดิโอเพียงอย่างเดียว อีกอย่างเนื้อหารายการมันคงจะเครียดเกินไป คนดูจะลุกไปเข้าห้องน้ำไม่ได้เลย พอลุกไปปุ๊บ กลับมาจะตามไม่ทันแล้ว อันนี้ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราขาดประสบการณ์ในการทำรายการ แต่ก็มีเจ้าของรายการหลายๆ คนชมว่าเป็นรายการที่ดี แต่เหมือนกับยังคิดไม่เสร็จ เราก็ต้องกลับมาทำการบ้านว่า คิดไม่เสร็จของเรามันคืออะไร

หลังจากนั้นเราก็มาเป็นมือปืนรับจ้างผลิตรายการกรี๊ดสลบให้กับลูกค้าอีกรายหนึ่ง ส่วนงานอีเว้นท์นี่ต้องบอกก่อนเลยว่า มาด้วยความไม่ได้ตั้งใจ คือมีลูกค้าธนาคารรายหนึ่งที่เราทำวีดีโอพรีเซนต์เทชั่นมาให้ประมาณสัก 2 ปี ผู้ใหญ่ก็เลยถามว่า ผมพอจะจัดงานอีเว้นท์ได้ไหม เป็นเซอร์ไพส์ปาร์ตี้ให้กับเจ้าของธนาคาร ผมก็ลองดู พอทำไปลูกค้าก็ติดใจ หลังจากนั้นก็เริ่มเรียกใช้เราไปทำอีเว้นท์อื่นๆ อีก ก็เลยได้ประสบการณ์ทางด้านการจัดอีเว้นท์มา ทีนี้พองานอีเว้นท์เราเยอะขึ้น เราก็คงต้องหาคนที่มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพทางด้านนี้มาดูแล ตอนแรกไม่คิดว่าเราจะมาลงลึกทางด้านนี้เหมือนกัน แต่ได้ทำไปเรื่อยๆ มันก็สนุก แล้วทีมงานก็ชอบครับ

ทำธุรกิจนี้มา 4 ปีแล้ว มองภาพรวมธุรกิจนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ถ้ามองในส่วนของคำว่า ครีเอทีฟหรือการขายความคิดสร้างสรรค์นี่ผมว่าไม่มีวันตาย แต่ถ้ามองในส่วนของโฆษณาไม่แน่ เพราะว่าต่อไปจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่ค่อนข้างเยอะ ทำให้รูปแบบการโฆษณาในอนาคตก็จะเปลี่ยนไป คนในวงการโฆษณาก็ต้องศึกษาและก็ติดตามความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

ปัญหาที่ทำให้คุณอู๋หนักใจมากที่สุด

ปัญหาใหญ่ของผม คือ เรื่องคนครับ ผมมองว่าองค์กรมันจะเติบโตได้มันต้องมาจากบุคลากรที่ดี บุคลากรในที่นี้หมายถึงว่า ทุกคนเป็นฟันเฟืองซึ่งกันและกัน ถ้าฟันเฟืองตัวหนึ่งเสื่อมไป มันจะทำให้ระบบเสื่อมกันไปหมด ฉะนั้นผมถือว่า คนสำคัญเป็นอันดับแรก ดังนั้นผมจึงมีหลักในการบริหารคนในออฟฟิศนี้โดยผมจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทก่อน ผมจะบอกทุกคนว่าเราอยู่กันแบบเสมอภาค แล้วก็พยายามทำทุกอย่างให้ทุกคนรู้สึกว่ามันเป็นทีมเวิร์ค ไม่ใช่งานของคนใดคนหนึ่ง คือเราจะแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนว่าใครรับผิดชอบอะไร แต่พอมาลงมือปฏิบัติจริง มันจะไม่มีการว่าใครทำดีแล้วได้หน้า ดังนั้นเราจะพยายามทำให้ทุกคนรู้สึกว่านี่คือบริษัทของคุณ นี่คือบ้านของคุณ นี่ไม่ใช่เจ้านายนะ นี่คือพี่ แล้วที่นี่ ็ อาจจะเป็นที่เดียวที่อนุญาตให้น้องๆ วิจารณ์เจ้านายได้ วิจารณ์ของเรานี่คือนั่งคุยกันเลยนะ หลายคนก็บอกว่าคงไม่มีใครที่จะกล้าพูดกันตรงๆ หรอก แต่ที่นี่กล้า ผมเชื่อว่าในการทำงานมันก็ต้องมีการไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย มันอยู่ที่เราจะมีโอกาสได้คุยกันหรือเปล่า ในบริษัทเราจะเอาเหตุผลมานั่งคุยกัน แล้วตรงไหนที่ไม่เข้าใจขอให้มาถามก่อน ถ้าเราไม่รู้เราก็จะไปหาความรู้มาให้ แต่ถ้าเรารู้เราก็จะสอน

ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ คุณอู๋มีข้อแนะนำในการดำเนินชีวิตหรือดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง

ตัวผมเองยึดหลักการพึ่งพาตัวเองและการอยู่แบบพอเพียง ซึ่งผมว่าเป็นพระราชดำรัสที่เหมาะสำหรับคนไทยอย่างมาก ใช้ในสิ่งที่ควรใช้ เก็บในสิ่งที่ควรเก็บ ก่อนมาเปิดบริษัทนี้ผมก็มีเงินบางส่วนที่เจียดเก็บไว้ พอมาทำธุรกิจก็ได้เอาเงินตรงนั้นมาหมุน มาลงทุน แล้วบางอย่างที่เราได้หว่านเมล็ดพันธุ์ไป มันก็มีผลตอบแทนกลับมาให้เราบ้าง ก็จะเอามาหมุนอยู่อย่างนี้ เป็นวัฎจักรของมัน สำหรับใครที่คิดอยากจะทำธุรกิจส่วนตัว ผมขอบอกเลยว่าอันดับแรก คุณต้องศึกษามันให้ถ่องแท้ ไม่ใช่ว่าปากบอกว่าอยากแล้วทำโดยไม่รู้อะไรเลย อันดับสองอย่าไปลงทุนเยอะครับ เอาที่มันอยู่ใกล้ตัว แล้วก็อยากบอกว่าอย่ายอมแพ้ครับ อะไรที่ผ่านมาแล้วมันไม่ดี ก็อย่าไปเครียดจนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตาย เราลองมามองกลับไปอีกสักทีว่า มันคือประสบการณ์ ถ้าชีวิตเราสบาย เรียบ หรูไปตลอด มันก็ไม่ใช่ชีวิต หลายครั้งที่ผมถอดใจเหมือนกันว่า ทำไมเราจะต้องมารับผิดชอบชีวิตคนอีกตั้ง 10 กว่าคน สู้เป็นนักแสดงรับงานไปเรื่อยๆ อย่างเดิมไม่ดีกว่าหรือ วันๆ ก็แค่ไปกองถ่าย ไปนั่งกินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ถึงเวลาเขาก็เรียกเราเข้าฉาก ชีวิตสบายจะตาย มีเงินเก็บ มีเงินใช้ ไปเที่ยวต่างประเทศได้อย่างที่เราอยากไป แต่ทุกครั้งที่รู้สึกท้อ ผมก็ยังบอกตัวเองว่า อย่างน้อยเราก็ยังมีงานทำนะ เรายังได้ประสบการณ์นะ ซึ่งประสบการณ์พวกนี้เราจะไปหาจากการเรียนปริญญาโทคงไม่มีที่ไหนสอน ผมเห็นหลายคนเรียนจบปริญญาโทมาแล้ว ยังต้องมาอาศัยประสบการณ์จากการทำงานมาพัฒนาตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น ฉะนั้นผมถือได้ว่าผมก็ใกล้เคียงกับปริญญาโทแล้วเหมือนกัน ก็อยากจะให้ทุกคนอย่าไปรู้สึกท้อถอย แล้วก็อยากจะให้ทุกคนพยายามสู้ แล้วก็ทำทุกอย่าง อย่างมีจริยธรรม อย่าไปรู้สึกว่างานนี้เราต้องเอากำไรเยอะไว้ก่อน มันจะกินไม่ยาว อย่าไปคิดอย่างนั้น ทำอะไรที่เรารู้สึกว่าเราได้ใช้ยาวๆ ดีกว่าครับ

:: กลับไปหน้าหลัก ::