ความคิดเห็นที่ 1 24 ธ.ค. 2552 ตีห้าตรง ในขบวนรถไฟ ฉันกับน้องตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ล่วงหน้าก่อนเวลา 20 นาทีี่จะถึงสถานี Munich Hbf ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะมิวนิกคือเมืองในฝันอีกเมืองหนึ่ง ได้ยินชื่อและบอกกับตัวเองว่า “ต้องมาให้ได้ซักครั้ง” โดยเฉพาะเทศกาลเบียร์ แต่ก็ยังไม่สบโอกาส ทว่าพอสบโอกาส เงินก็ขาดมือ และพอกระเจือกกระจน หาเงินมาถึงนี่ได้ก็ดัน... “แบตหมด” เอาซะตรงหน้าประตูเมือง (เปรียบเปรย) พวกเราตื่นมาเก็บของและลากกระเป๋าไปยืนรอที่ประตุเพื่อนเตรียมตัวลง อย่างที่บอกรถไอซ์ (ICE) ไม่รอใครและไม่ให้ใครรอ เรามีเวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้นที่จะต้องกระโดดออกจากรถไฟให้ทัน ในยุโรปไม่ว่ารถไฟขบวนนั้นจะทันสมัยแค่ไหน ระบบเปิดประตูจะยังคงให้คนที่ต้องการลงเป็นคนเปิดเอง และคนที่ต้องการจะขึ้นก็กดเพื่อให้ประตูเปิดด้วยตัวเอง ประตูไหนไม่มีคนลงก็ไม่เปิดและไม่มีคนขึ้นก็จะไม่เปิดเช่นกัน เมื่อ รถไฟใกล้ถึงถึงป้าย ฉันก็เดินไปหยิบกระเป๋าจากชั้นวาง เดินลากตุปัดตุเป๋ ผ่านทางเดินแคบๆ บนขบวนรถไฟ เพื่อไปยืนในท่าเตรียมพร้อมลง และเมือรถไฟจอดสนิทประตูจะเปิดออกตามสัญญาณไฟสีเขียวที่ติดขึ้นหลังจากทีฉัน เอื้อมมือไปแตะเพื่อบอกว่า “ฉันจะลงป้ายนี้นะ อย่าลืมเปิดให้ฉันด้วย เจ้าประตูอัตโนมัติ” แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 22:54:10 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:34:12 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:43:31

ความคิดเห็นที่ 2 รถไฟตรงเวลาดีมาก ตีห้า ยี่สิบสี่นาที เราทั้งคู่ก็ยืนอยู่บนชานชาลาขาเข้า ผู้คนยังไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ ฉันหยิบกระดาษใบจองโรงแรมที่ปริ๊นมาจากอินเตอร์เน็ตออกมาคลี่ เพื่อมองหาคำบอกทางไปโฮสเทล DIRECTIONS From the Hauptbahnhof (Munich´s main train station): Get out of the train, go down to the end of the platform and leave the station by the northern exit 'Arnulfstrasse' on the left-hand side. Then go down the street, Pfefferstraße, until you come to the Hirtenstraße. Turn left there. Our address is Hirtenstraße 18. You will see our hostel on the right-hand side of the street. It is a 1 till 3 minutes walk to us depending on the bigness of your luggage(s) and/or your walking tempo! จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:44:50

ความคิดเห็นที่ 3  อืมมมม คำอธิบายบอกเอาไว้ว่า ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ... ฉันพับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อโค๊ทแล้วลากกระเป๋าเดินไปตามทางที่บอกเอาไว้ สถานีรถไฟที่มิวนิก ดูไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ ไม่ถึงนาทีฉันก็มาถึงถนนด้านหน้า และเดินข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปโฮสเทล คำบอกทางบอกไว้ค่อนข้างละเอียด จากสถานีรถไฟเดินไปตามทางจึงไม่ยาก แต่หลังจากโค้งสุดท้ายที่จะเป็นทางไปสู่ประตูโฮสเทลนั้น ค่อนข้างไกลกว่าคำที่บอกเอาไว้ ทำให้พวกฉันลังเลเล็กน้อยเมื่อมาถึงแยกที่สอง ซึ่งความรู้สึกเหมือนเดินมาไกลพอสมควรแต่ทำไมยังหาโรงแรมไม่เจอ เราสองคนยืน เก้ ๆ กังๆ ท่ามกลางอากาศหนาว มืด และเงียบ (เปลี่ยว) หันซ้าย หันขวา อยู่กลางถนน ไม่รู้จะเอาไง ทันใดนั้น! ก็มีชายสองคนเดินเข้ามาหา (ชวนระทึกมาก ณ ตอนนั้น) “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” คำถามเป็นภาษาอังกฤษที่ถูกแปลโดยฉัน .. . หลังสร่างเมาขี้ตาเพราะระทึกเมื่อซักครู่ สำนึกรู้จากเครื่องแต่งกายและการยืนประจันหน้าในระยะใกล้ “อ้อ ตำรวจนี่เอง” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก น้องฉันรีบส่งภาษาเยอรมัน และยื่นกระดาษที่มีชื่อโรงแรมและที่อยู่ให้พวกเขาดู จึงได้คำตอบว่า “เดินตรงไปอีก ซัก 20 เมตร จะเห็นป้ายโฮสเทล อยู่ขวามือครับ” เราสองคนกล่าวขอบคุณสองตำรวจ (รูปหล่อ)  ก่อนแยกมา และเดินไปตามที่เขาบอก ฉันเหลียวกลับไปมองเพื่อส่งยิ้ม (หวาน) ให้ก็พบว่า เขายังยืนมองพวกเราอยู่ จนพวกฉันเดินเลยแยกเจ้าปัญหานั่นมา เขาสองคนจึงเดินต่อไปอีกทางที่ตั้งใจจะเดินไปแต่แรก ฉันรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดของเพื่อนที่บอกไว้ก่อนมาเที่ยวเยอรมันลอยขึ้นมาในหัว “เยอรมันเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยสูงมาก” ฉันชักเห็นด้วยกับเธอแล้วล่ะ... หยุดความคิดเรื่องความรู้สึกปลอดภัยไว้เท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันเจอโฮสเทลที่ตามหาแล้ว ปล. ภาพจากเน็ต จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:46:51

ความคิดเห็นที่ 4 The 4 You Munchen (ถนน) Hirtenstraße (บ้านเลขที่) 18  (รหัสไปรษณีย์) 80335 เรามาถึงตอนเกือบหกโมงเช้า มี จนท. ชายนั่งรอให้บริการอยู่แล้ว ทำการเช๊คอิน จากเอกสารใบจองและจ่ายเงินมัดจำผ่านเว็บ www.hostels.com ที่นี่รับบัตรเครดิตด้วย ให้บริการเหมือนโรงแรมเลย รับเช๊คอินโดยไม่ต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือและไม่ต้องมัดจำบัตรเครดิตก็ได้ ไว้จ่ายทีเดียวตอนเช็คเอาท์ ง่ายดีจัง แต่ฉันตัดสินใจจ่ายเงินค่าเตียงสำหรับกลุ่มของพวกเราไปเลย เกรงว่าจะมีปัญหา เกิดศึกแย่งเตียงทีหลัง แม้จะมาถึงตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นขึ้นมาโห่ก็จริง แต่กว่าจะขนของเข้าห้องได้ต้องรอหลังบ่ายสามแน่ะ หลังจากจ่ายเงินสำหรับ 3 เตียงเรียบร้อย ฉันกับน้องก็ย้ายของไปเก็บที่ห้องเก็บกระเป๋า ซึ่งเป็นแบบรวมหมู่ เห็นสภาพแล้ว ขอขนของที่คิดว่ามีค่าออกมาติดไว้กับตัวจะดีกว่า เสร็จแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ล้างตา ตอนเดินผ่านเคาน์เตอร์ reception จนท. ชายท่านนั้นบอกกับเราว่า ห้องอาหารเปิด 7 โมง ครึ่ง ทานได้นะ ฉันกับน้องไม่รู้มาก่อนว่า ราคาคนละ 11 ยูโร ที่จองมานั้น รวมอาหารเช้าด้วย ดีจัง งั้นวันนี้ โจ๊กซองและมาม่าที่เตรียมมาก็ไม่ต้องใช้แล้วสินะ อิอิ คิดอย่างดีใจแล้วส่งยิ้มให้ จนท. เป็นการขอบคุณ ก่อนเดินไปล้างหน้า ปล. ภาพจากตอนเย็นกลางวันเปลี่ยน จนท. เป็นผู้หญิง แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:40:19 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:50:06

ความคิดเห็นที่ 5 อาบน้ำ ชำระร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ฉันกับน้องก็มานั่งที่ล็อบบี้เพื่อรอเวลาอาหารเช้า เพราะยังเช้าอยู่มาก ไม่รู้จะทำไรดี เราจึงนั่งวางแผนคร่าวๆ จากโบร์ชัวร์ที่น้องหยิบมาจากเคาน์เตอร์ตอนมาถึง สรุปได้ว่าแผนของเราในวันนี้คือ หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เราจะไปเดินเที่ยวในเมือง (มั่วๆ ตามเคย) และพอ 10 โมง เราจะไป join กับ free tour ที่ลาน มาเรียนปลัตซ์  (Marienplatz)  หลังจากที่เจอกับไกด์แล้ว เราก็ฝากชีวิตไว้ที่เขาเลย อย่าได้คิดเที่ยวเองให้เมื่อย เพราะมันปวด ขะ-หมอง  หลังจากนั้นตอนบ่ายสามก็กลับมารอเพื่อนของน้องที่กำลังจะออกเดินทางจากสเปนเช้าวันนี้เพื่อสมทบ ขบวน "ทัวร์หลง" กับพวกเราไปจนจบทริป และได้เวลา เราก็เดินลงไปที่ห้องอาหารซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน มีลักษณะอาหารเช้าเหมือนกับโรงแรมแบบ สองดาว สามดาวทั่วไป แต่ต้องบริการตัวเองและเก็บจานไปวางไว้ที่จุดรวมจานด้วยตัวเอง เช้านี้อาการไข้ยังไม่ดีขึ้น ยังแสบคอและหนาวๆ ในหน้าอก ลมหายใจร้อนเช่นเมื่อวาน ทิฟฟี่ที่พกมาจากเมืองไทยเหลือแค่เม็ดเดียว และเช้านี้ฉันจะเริ่มกินยาที่ซื้อมาจากบอนน์้ เห็นยาที่ต้องกินแล้วฉันตัดสินใจกินโจ๊กที่เตรียมมาจากเมืองไทย เพราะรู้สึกว่าอยากกินอะไรร้อนๆ และไม่ต้องเคี้ยว หยิบยาเข้าปากทีละเม็ดไปพลางพูดกับน้องไปพลางว่า  “ฉันเป็นไข้แล้วล่ะไม่รู้วันนี้จะไหวแค่ไหน” พูดเสร็จฉันก็อัดยาที่เหลืออีกสาม สี่เม็ด...ตามเข้าไปจนหมด สิ่งที่จต้องทำคือการนอนพักใต้ผ้าห่มอุ่นๆ แต่ว่าฉันไม่อยากทำเพราะเราจะอยู่ที่มิวนิกแค่วันนี้ ส่วนพรุ่งนี้เราจะออกนอกเมืองไปเล่นสกีกัน  ดังนั้นหลังจากกินยาเข้าไป...ฉันนั่งผ่อนลมหายใจร้อนๆ ออกมาเบาๆ นั่งพักเหนื่อย เตรียมความพร้อมร่างกายสำหรับการออกไปโต้ลมหนาวเพื่อตะลุยเมืองเบียร์... แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:45:44 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:52:36

ความคิดเห็นที่ 6 คริสต์มาสอีฟที่มิวนิก น้องมีแผนที่ในมือที่ได้มากจาโฮสเทล ทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยว่าวันนี้ ทัวร์หลงของเราดูราบรื่น ผังเมืองมิวนิกจากแผนที่ดูง่าย และมี Land mark สำคัญๆ โดยรอบทำให้ไม่ชวนให้รู้สึกว่า “ต้องหลง” ภาพแรกสำหรับเช้านี้ สถานีรถไฟมิวนิก  ตอนมาถึงยังมืด พอเดินพ้นซอยโฮสเทลออกมาถึงได้รู้ว่า ไม่ไกลเลย จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:54:14

ความคิดเห็นที่ 7 ร้านค้า ถ้าบ้านเราคงเป็นโชว์ห่วย  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:55:42

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้เดาว่าร้านขายเครื่องประดับป่าวอ่ะ... เพราะเคยเห็นนิตยสารชื่อของเยอรมันชื่อ Schumuck เป็นนิตยสารเกี่ยวกับเครื่องประดับ อ่่ะ แหะๆ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:58:11

ความคิดเห็นที่ 9 บรรยากาศยามเช้าเมืองมิวนิกในวันก่อนวันคริสต์มาส ฟ้ามืดครึ้ม เงียบและหนาว แต่ไร้ซึ่งหิมะ..... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:59:09

ความคิดเห็นที่ 10 รถรางแต่สมัยโบราณซึ่งยังคงมีใช้กันทั่วไปในยุโรป  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:00:17

ความคิดเห็นที่ 11 เจอคนบ้างแล้ว..  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:01:14

ความคิดเห็นที่ 12 มีรถรางและยังมีจักรยาน เยอะอยู่เช่นกัน จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:02:03

ความคิดเห็นที่ 13 ฟ้าครึ้ม หนาว ยามเช้า บวกกับความเงียบ...รู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้ ... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:02:56

ความคิดเห็นที่ 14 เดินไปเรื่อยๆ เจอป้ายแบบนี้  ไปถามพี่แจนมาแล้วได้คำตอบว่า “มันคือ ป้ายบอกจำนวนที่ว่างของที่จอดรถใต้ดินแต่ละที่น่ะ คนจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะคุ้มที่จะขับไปจอดมั้ย” จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:03:48

ความคิดเห็นที่ 15 รถแท็กซี่ บริการท่านด้วย Mercedes Benz เมืองเยอรมันเป็นเมืองที่มีฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง เป็นแหล่งผลิตรถยนต์คุณภาพหลายยี่ห้อ อย่างที่เราๆ รู้จักกันดัง อาทิ BMW, VW (Volkswagen) และ Mercedes Benz ทริปนี้ผ่านมา 3 เมืองแล้ว Taxi ที่เห็นมากที่สุด เรียกได้ว่า ดาษดื่นทั่วเมืองเลยเห็นจะเป็น Benz และสงสัยว่า... ทำไมต้อง Mercedes Benz  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:05:15

ความคิดเห็นที่ 16 ทำไมต้อง...แท็กซี่คันละ 15 ล้าน (ไปค้นจากเน็ตมาให้ เจอจากเว็บนี้ค่ะ http://blog.siamsport.co.th/JeabMotor/ )                   “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมบินไปมิวนิกมา เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ Efficient Dynamics ของบริษัท BMW เดิมทีมีลุ้นที่จะได้ทดลองขับรถโมเดลใหม่ๆหลายรุ่นโดยเฉพาะ Z4 รุ่นล่าสุดที่เห็นแล้วอยากจะเข้าไปสวมกอดสักครั้งแต่โอกาสไม่อำนวยครับ จึงได้แต่นั่งเรียนเรื่องใหม่ๆของ BMW มีทั้งเรื่อง เกียร์ 8 Speed เรื่องยนต์ Diesel รูปแบบใหม่ที่ลงตัวมากขึ้น รวมถึงเครื่องยนต์ เบนซินแบบ V ซึ่งใครเป็นแฟนรถหรูจาก Munich คงทราบดีว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ BMW เนื่องจาก ถือได้ว่าเป็นการยอมเสียความเป็นตัวของตัวเองอย่างสูงทีเดียว ในเมื่อ BMW เขาชูจุดขายเรื่องเครื่องยนต์แถวเรียงมาโดยตลอด และงานนี้ผมได้ตื่นตาตื่นใจกับ อุโมงค์ลมขนาดมหึมาที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ มูลค่าการก่อสร้าง 8,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งจะค่อยๆนำมาให้คุณผู้อ่านได้ทราบถึงเทคโนโลยีของโลกว่าเขาก้าวกันไปไกล แล้วครับ                 เรื่องแรกที่บ้านเราคงพอได้ยินอยู่บ้าง คือการใช้รถยนต์ของคนเยอรมัน โดยเฉพาะรถแท็กซี่นั้นเขาไม่ใช้มากเหมือนบ้านเรา ชาวเบียร์ส่วนใหญ่เขาใช้เฉพาะจำเป็น เช่นยามกลับบ้านดึกหรือต้องขนสัมภาระไปด้วย มิเช่นนั้นแล้วส่วนใหญ่เขาไปรถไฟฟ้าใต้ดินกันครับ                       เยอรมันเขาห่วงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก คนมีความสำคัญอันดับ 1 ครับวัตถุเป็นเรื่องรองลงมา อย่างเช่นหากกรณีรถชนคน ถ้าคนล้มลงไปบนฝากระโปรงหน้ารถ จะต้องไม่เจอกับเหล็กแข็งๆ ทำให้ศีรษะกระทบกระเทือน แต่วัสดุใหม่ๆที่ใช้ทำรถ จะต้องมีส่วนผสมหรือเคลือบด้วย โพลีเมอร์ ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่สามารถหยุ่นตัวได้ด้วย เมื่อคนล้มลงมาบนฝากระโปรงจะได้ไม่เจอกับเหล็กแต่เจอกับโพลีเมอร์แทน             ด้วยเหตุนี้ รถแท็กซี่จะต้องให้ความปลอดภัยได้เหมือนรถทั่วไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมืองเบียร์ใช้ BME Series 7 เป็นรถแท็กซี่ครับ รวมถึง รถหรูอย่าง Benz  S 500 รุ่นใหม่ล่าสุดราคาเกือบ 15 ล้านด้วย โดนจับทำแท็กซี่หมดเลยครับ...”   จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:06:30

ความคิดเห็นที่ 17 หากคิดจะไปเที่ยวเยอรมนีเป็นครั้งแรกต้องไปที่ มิวนิกก่อน เพราะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองและมีสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยศิลปะหลากหลาย รูปแบบ ข้อความต่อไปนี้ ลอกมาจากเน็ตบ้าง อ่านจากหนังสือบ้าง และจำได้มาจากที่ไกด์เล่าให้ฟังบ้าง นะคะ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:07:50

ความคิดเห็นที่ 18 มิวนิกเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ในที่ราบสูงสเวเบียน-บาวาเรีย ล้อมรอบด้วยหุบเขาอัมเมอร์เซ และทะเลสาบชตาร์แบร์ก มีแม่น้ำอีซาร์ไหลผ่าน มีประชากรมากกว่า 1.3 ล้านคน จากประชากรในแคว้นทั้งหมด 9.5 ล้านคน มิวนิกเป็นเมืองเก่าแก่ของเยอรมนีที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10-11 โดยพระจาก Tegernsee Abbey ได้มาตั้งรกรากที่ริมฝั่งแม่น้ำอีซาร์ และเรียกเมืองนี้ว่า Munichen ซึ่งมีรากศัพท์จากคำว่า Monche ในภาษาเยอรมันที่แปลว่า “พระ” จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:10:48

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อมาในปี ค.ศ. 1158 มิวนิกได้รับการสถาปนาให้มีฐานะเป็นเมือง โดยพระเจ้าเฮนรี่ เดอะ ไลออนส์ แห่งราชวงศ์ Guelph มีการสร้างจัตุรัสเมือง โรงกษาปณ์ และป้อมปราการ แต่หลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรี่ถูกขับไล่ในปี 1180 แคว้นบาวาเรียถูกครอบครองโดยพวกวิทเทลบาคส์ (Wittelsbach) และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ในปี 1255 หลังจากสงคราม 30 ปี มิวนิกตกอยู่ในความคุ้มครองของกษัตริย์กุสตาวุสแห่งสวีเดน (Gustavus Adolphus) ในปี 1632 ปี 1806 มิวนิกถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงของ Kingdom of Bavaria โดยมีพระเจ้าแมกซิเลียน โจเซฟ ที่ 1 แห่งราชวงศ์วิทเทลบาคส์ ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรบาวาเรีย จนกระทั่งปี 1871 แคว้นบาวาเรียถูกรวมเป็นแคว้นหนึ่งในการปกครองของเยอรมนี และมีกษัตริย์ปกครองจนถึงปี 1918 มิวนิกเจริญรุ่งเรืองที่สุดในปี 1825 สมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 1 พระองค์เนรมิตมิวนิกให้รุ่งเรืองด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นคลาสสิก อาคารที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันอย่างพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และสถาปัตยกรรมอื่นๆยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 13:17:19 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:12:27

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อมาคือพระเจ้าแมกซิมิ เลียนที่ 2 ครองราชย์ระหว่างปี 1848-1864 ทรงรวบรวมนักวิทยาศาสตร์และศิลปินที่มีชื่อเสียงมาสร้างศิลปะแบบใหม่ จนถึงปี 1864 พระราชโอรสคือพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ได้ครองราชย์ขณะที่มีอายุเพียง 18 ปี และทรงโปรดที่จะใช้ชีวิตตามลำพัง พระ เจ้าลุดวิกที่ 2 โปรดให้สร้างปราสาทนอยชวานชไตน์ (Schloss Neuschwanstein) เมื่อปี 1868 ตั้งอยู่กลางป่าในเมือง Fussen ทางภาคใต้ของแคว้น ความงดงามของปราสาทนี้ทำให้วอลท์ ดิสนีย์ นำไปเป็นต้นแบบในการสร้างปราสาทในดิสนีย์แลนด์ และชื่อเสียงของปราสาทแห่งนี้ทำให้พระเจ้าลุดวิกที่ 2 โด่งดังไปทั่วโลก ปล.ภาพจากเน็ต และข้อมูลปราสาทเพิ่มที่ http://www.neuschwanstein.de/ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:18:50

ความคิดเห็นที่ 21 และนั่นคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของเมืองมิวนิก ชื่อกษัตริย์หลายพระองค์ที่กล่าวมาล้วนแต่มีส่วนในการสร้างมิวนิกให้มี สถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย ทั้งนี้การเดินเที่ยวในเมืองควรเริ่มต้นจากตัวเมืองชั้นในใจกลางเมืองเก่าคือ มาเรียนพลาตซ์  (Marienplatz) ที่ที่เคยเป็นตลาดในสมัยยุคกลางของยุโรป แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญด้านวัฒนธรรม และเป็นที่ชุมนุมของชาวเมืองเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:20:18

ความคิดเห็นที่ 22 ป้อมปราการและประตูเมือง  Karlstor ( city gate ) สร้างขึ้นค.ศ.1285 ใช้เวลาสร้าง 62 ปี แต่เดิมมี 3 หอคอยแต่หอคอยตรงกลางที่สูงที่สุดถูกทำลายลงในปี 1857 จึงมีการบูรณะ 2 หอคอยที่เหลือในปี 1861 ซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี Domenico Zanetti ศิลปะสไตล์นีโอโกธิค (neo-gothic) หงุดหงิดตัวเองที่ถ่ายรูปสถานที่แล้วทำไมต้องซูมแคบๆ อยู่เรื่อย ของจริงเขาดูใหญ่โตอลังการ แต่ง่อยสิ้นดี เฮ้อ ไว้แก้ตัวใหม่ถ้ามีโอกาสกลับไปใหม่แล้วกัน จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:21:48

ความคิดเห็นที่ 23 ผ่านพ้นประตูเมือง Karlstor เข้ามา จะเป็นย่านช๊อปปิ้งด้วย จำได้ว่าขวามือจะมีร้าน 1 Euro เห็นแล้วนึกถึงร้าน Everything 2 yuan (หยวน) ที่เซี่ยงไฮ้ขึ้นมาทันที มันส์มากเวลาเดินเข้าร้านแบบนี้  เพราะของส่วนมากเริ่มต้นที่ 1 Euro มีทั้งหมวก ผ้าพันคอ ถึุงเท้า เครื่องกันหนาวอื่นๆ ก็ลองเลือกๆ ดู ถึงจะไม่ 1 ยูโร ก็ราคาไม่แพงมาก จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:23:59

ความคิดเห็นที่ 24 เจ้าหมูสัมฤทธิ์ เลื่องชื่อ ี้นั่งโดดเด่นอยู่ตัวเดียว สังเกตตรงจมูก จะเห็นว่า มันแผล่บ... เพราะเชื่อกันว่า หากใครได้ลูบจมูกของมัน จะทำให้ได้คู่ครองที่ดี หรือ ปั๋วรักปั๋วหลง ว่างั้นเถอะ ฮี่ๆๆ ฉันอยากลูบเหมือนกันนะ  แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา ฮี่ๆ   จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:25:15

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อมาที่มาเรียนพลาตซ์จะพบกับ Mariensaule รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเสาสูง สร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะที่สวีเดนหมดอำนาจในการปกครองแคว้นบาวาเรียเมื่อปี 1638  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:32:50

ความคิดเห็นที่ 26 ที่ยอดเสาสูงรูปปั้นพระแม่มารีทองคำ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:33:57

ความคิดเห็นที่ 27 จุดเด่นของศาลาว่าการเมืองใหม่ New Town Hall  (Neues Rathaus). สร้างระหว่างปี 1867-1908 มีหอคอยที่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดสูงสุดเพื่อชมวิว เมืองมิวนิก จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:36:32

ความคิดเห็นที่ 28 บนหอคอยที่ว่าการใหม่จะมีหอระฆัง Rathaus-Glockenspiel  ่จะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำทุกวัน เวลา 11.00 น. ในฤดูหนาว และเพิ่มรอบ  17.00 น. ในฤดูร้อน (ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ) จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:38:13

ความคิดเห็นที่ 29 มีรูปเคลื่อนไหวมาให้ดูด้วย จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:40:06

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนศาลาว่าการหลังเก่าที่ใช้งานตั้งแต่ปี 1310-1874 ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้และใช้จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของเล่น แต่รูปทรงของตึก เหมือนจะใหม่กว่า ศาลาว่าการหลังใหม่ เข้าใจว่า อาจถูกทำลายจากสงครามโลก แล้วบูรณะขึ้นมาใหม่ หรือเปล่านะ.. จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:43:46

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพรวมของจตุรัสนี้ ดูที่นี่ http://www.aviewoncities.com/munich/marienplatz.htm 10 โมงตรง ฉันกับน้องก็เดินไปยังจุดนัดหมายสำหรับ Free Tour ที่ยุโรปตอนนี้จะมีเครือข่ายที่ทำกิจกรรมลักษณะนี้ คือ พาชมเมืองโดยไกด์ ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่มอบเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกว่า ทิป หลังจบการทัวร์ ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บนี้ http://www.neweuropetours.eu/ ทัวร์ฟรีแบบนี้มีหลายเมือง ตามเมืองใหญ่ๆ อาทิ London, Madrid, Prague, Paris ... สำหรับคิดว่า หากพอมีเวลาซักวัน สองวัน การไปร่วมทัวร์แบบนี้ ดูจะดีกว่าการเดินคนเดียว เพราะอย่างน้อย ไกด์ก็มีเรื่องเล่าสนุกๆ เกร็ดเล็กน้อย มากกว่าการอ่านจากหนังสือแล้วเดินตามหาเอง ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้พบกับไกด์หนุ่ม ภาษาอังกฤษ สำเนียงดี ฟังเข้าใจง่าย อัธยาศัยดี และทำงานไม่มีวันหยุด จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:45:18

ความคิดเห็นที่ 32 และใกล้ๆ กับจุดนัดพบก็มี ตลาดคริสต์มาส ระหว่างรอให้คนมาครบ ฉันก็เดินดูตลาดคริสต์มาสรอบๆ ไปพลางๆ ที่นี่เป็นเมืองหนึ่งที่ตลาดยังคงเปิดอยู่จนถึงวันคริสต์มาส ดังนั้นวันนี้ฉันจึงยังได้เห็นร้านค้า ดังที่เคยเห็นในเมืองเคิล์นและบอนน์ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:46:22

ความคิดเห็นที่ 33 บรรยากาศและร้านค้าไม่ต่างกัน   แต่เครปที่นี่ ราคาต่างจากที่บอนน์มาก... ที่บอนน์ 1.5 ยูโร แต่ที่นี่ 3.5 ยังไม่รวมกล้วย!! จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:47:17

ความคิดเห็นที่ 34 กลุ่ม Free Tour ของเรามีทั้งหมดเท่านี้ แต่ละคนก็ต่างที่มา แต่พูดภาษานักท่องเที่ยวเหมือนกัน...ก่อนออกเดินทาง ไกด์ขอให้พวกเราถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก ไกด์บอกว่า โดยปกติไปอเมริกาจะให้พูดคำว่า “ชีส” แต่มาที่นี่ เมืองเบียร์ ดังนั้น ทุกคนต้องพูดคำว่า “เบียรรรรรร์”  (ทำปาก ควบกล้ำตัว ร. เรือ ตอนท้ายเยอะๆ) พวกเราต้องพูดคำว่า “เบียรรรรร์” กันหลายรอบ กว่าจะบันทึกลงให้ครบทุกกล้องของแต่ละคน  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:48:14

ความคิดเห็นที่ 35 หลังจากได้จำนวนคนครบแล้ว ไกด์ก็เริ่มทำหน้าที่... การนำทัวร์เป็นแบบ “ชะโงกทัวร์”  เพราะฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ไหนต้องจ่าย ก็ไม่เข้า แต่วันที่เราไปเป็นวันหยุด จึงทำให้ได้ดูแค่ด้านนอก...เป็นส่วนมาก   ที่เขตมาเรียพลาตซ์มีโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Peterskirche) เป็นโบสถ์หลังแรกและเก่าแก่ที่สุดในมิวนิก สร้างในยุคโรแมนติก มีลักษณะเป็นศิลปะกอธิค  จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:49:05

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพอีกมุม โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Peterskirche) จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:49:48

ความคิดเห็นที่ 37 จากนั้นต้องเข้าไปที่ Cathedral of Our Blessed Lady หรือ The Frauenkirche มหาวิหารใหญ่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของมิวนิก คือโบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche ออกเสียงว่า เฟรา เอน เคีย เชอะ) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก สร้างตามแบบโกธิกในปี ค.ศ. 1468 ด้วยอิฐสีแดง แทนที่จะสร้างด้วยหินเหมือนโบสถ์โกธิกทั่วไป แต่ถูกทำลายเสียหายเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่เมื่อปี 1953 ตัวมหาวิหารแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคืออาคารด้านล่าง สร้างด้วยอิฐสีแดง มีความยาว 109 เมตร กว้าง 40 เมตร และสูง 37 เมตร มีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง จุคนที่มาทำพิธีทางศาสนาได้ถึง 20,000 ที่นั่ง ขณะที่อีกส่วนเป็นจุดเด่นของมหาวิหารคือหอคอย 2 แห่งที่มีหลังคาเป็นรูปทรงหัวหอม สร้างด้วยความสูงเกือบเท่ากัน หอคอยเหนือสูง 98.57 เมตร และหอคอยใต้สูง 98.45 เมตร จริง ๆ หอคอยทั้งสองควรจะมียอดแหลมตามแบบฉบับของโกธิก แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง  ต่อมาภายหลังจึงได้ต่อเติมเป็นโดมหัวหอมขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันแทน ทำให้โบสถ์นี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิวนิก สิ่งที่มีชื่อเสียงคือแท่นบูชาด้านในที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา และรอยเท้าปิศาจบริเวณห้องโถงทางเข้าซึ่งเป็นที่มาของนิทานพื้นเมืองของมิวนิก ภายในโบสถ์มีความเรียบง่าย ดูสูงโปร่ง จากการทาด้วยสีขาวและได้รับแสงจากหน้าต่างทรงสูงจำนวนมากที่ทำจากกระเบื้อง โมเสก เมื่อย่างเท้าเข้าไปในโบสถ์ จะดูเหมือนว่าโบสถ์นี้ไม่มีหน้าต่าง หน้าต่างด้านข้างทั้งหลายถูกบดบังด้วยเสาขนาดมหึมาจำนวนมาก ตำนานเล่าว่าเมื่อปีศาจย่างเท้าเข้ามาในโบสถ์แห่งนี้แล้วไม่เห็นหน้าต่างซักบาน จึงกระทืบเท้าด้วยความดีใจจนเป็นรอยเท้าปรากฏอยู่   อีกตำนานกล่าวว่า ปีศาจได้ให้ผู้ที่ก่อสร้างโบสถ์แห่งนี้ยืมเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างโดยมี เงื่อนไขว่า โบสถ์นี้ต้องไม่มีหน้าต่าง เมื่อสร้างเสร็จเขาพาปีศาจให้ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งที่ไม่เห็นหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ปีศาจโกรธมากที่โดนหลอกจึงกระทืบเท้าออกไปด้วยความโกรธ รอยเท้าจึงปรากฏเป็นรอยทิ้งไว้อยู่ภายในโบสถ์ตรงหน้าทางเข้า ใครไปเที่ยวอย่าลืมมองหารอยเท้า (Devil’s footprint) นี้นะ แต่รายการนี้จำไม่ได้ว่าทำไมฉันจึงไม่มีภาพถ่ายอยู่ในกล้อง เข้าใจว่าไกด์ไม่ได้พาไปยืนอยู่ในจุดที่จะถ่ายรูปได้แน่ๆ หรือไม่งั้นก็เบลอเพราะพิษไข้ จนจำไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วเราได้ไปเห็นหรือเปล่า......แต่ฉันจำเรื่องเล่าในตำนานจากไกด์ได้...ภาพจากเน็ต จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:51:38

ความคิดเห็นที่ 38 ตลาดวิกชัวเลียน (Victualian Markt) จัดตั้งขึ้นโดยพระเจ้าแม็กซิมีเลียนที่ 1 ในปี ค.ศ. 1807 เป็นตลาดนัดกลางแจ้ง อยู่ใกล้ ๆ กับมาเรียนพลาตซ์  ทั้งชาวมิวนิกและนักท่องเที่ยวต่างนิยมมาเดินเที่ยวหาซื้อของที่ระลึก หรือหาอาหารรับประทาน มีทั้งผักสด ผลไม้นำเข้า ชีส ฮอตด็อกไส้กรอก จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:52:39

ความคิดเห็นที่ 39 มีดอกไม้ขายด้วย... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:53:12

ความคิดเห็นที่ 40 จากนั้นไกด์หนุ่มพาพวกเราไปดู พิพิธภัณฑ์ชาวยิว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บนี้นะคะ http://www.juedisches-museum-muenchen.de จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:53:49

ความคิดเห็นที่ 41 ที่จัตุรัสพลัชเซิ่ล (Platzl)   ว่ากันว่าโรงเบียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอยู่ที่มิวนิก  มีชื่อว่า Hofbräuhaus ที่จัตุรัสพลัชเซิ่ล (Platzl)  สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1896 ภายในมีขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้เป็นหลายพันคน มีวงดนตรีที่เล่นเพลงพื้นเมืองบาวาเรียนตลอดเวลา เขาบอกว่ามาถึงโรงเบียร์เยอรมันแล้วต้องสั่งขาหมูเยอรมันกินแกล้มเบียร์ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:55:04

ความคิดเห็นที่ 42 ไก์ด์พาเรายืนอยู่ด้านหน้า เพราะกลุ่มของเราเป็นทัวร์ฟรี ไม่ใช่ทัวร์กินเบียร์ ฟังไกด์เล่าประวัติแล้วขำ แต่จำมาเล่าต่อได้ไม่หมด จำได้แค่เรื่องเล่าของ ”ร่องน้ำฉี่” คือด้านหน้าร้านจะมีร่องเล็กๆ เป็นเหมือนทางน้ำไหล ไกด์บอกว่า ในสมัยก่อนเอาไว้ให้คนมายืนฉี่ เพราะข้างในโรงเบียร์ไม่มีห้องน้ำ เวลากินเบียร์เยอะๆ หลายคนมักจะปวดฉี่ ก็เดินออกมาหน้าร้านกันเลย... :) ภาพตัวตึกของโรงเบียร์ ถ่ายจากลานด้านหน้า จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:56:28

ความคิดเห็นที่ 43 ติดกับโรงเบียร์ชื่อดัง จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:57:00

ความคิดเห็นที่ 44 คาเฟ่...ถ้ามาหน้าร้อน คงได้บรรยากาศกว่านี้ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:57:42

ความคิดเห็นที่ 45 ฝั่งตรงข้ามโรงเบียร์ชื่อดัง ..เป็นร้านกาแฟของอเมริกัน.. จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:58:22

ความคิดเห็นที่ 46 ฉัน...หนาว... ดูแม่สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันสิ ใส่เสื้อแค่นั้นอ่ะ.. มหัศจรรย์มากกกก มาถึงตรงนี้ฉันรู้สึกปวดหัวแทบเดินต่อไปไม่ไหว...อากาศหนาวมาก หนาวจนตาแห้ง และรู้สึกเลยว่าอาการไข้เริ่มหนักมากขึ้น จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:59:00

ความคิดเห็นที่ 47 Max-Joseph-Platz จากจัตุรัส Platzl หน้าโรงเบียร์ชื่อดัง ไกด์พาพวกเราเดินขบวนต่อไปที่จตุรัส Max-Joseph-Platz บริเวณนี้จะเป็นลานกว้างรายรอบด้วยตึกสำคัญคือ อาคารไปรษณีย์กลาง โรงละครแห่งชาติ พระราชวังวิทเทลบาคส์ และ ตรงกลางคืออนุสาวรีย์ของพระเจ้ามักซีมิเลี่ยนที่ 1 โยเซฟ (Mazimillian I Joseph) พระองค์เป็นกษัตริย์องค์แรกแห่งบาร์เยินที่ปกครองระหว่างปี ค.ศ. ตตขค/ถ และเป็นผู้ก่อตั้งรัฐธรรมนูญของรัฐ วากันว่าแรกเริ่มเดิมทีพระองค์อยากให้เป็นอนุสาวรีย์ทรงม้า แต่ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน จึงต้องนำแบบร่างอันแรกที่ออกแบบไว้มาสร้างแทน ดังที่เห็นกันในปัจจุบัน คือในท่านั่งกล่าวคำอวยพร จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:59:59

ความคิดเห็นที่ 48 อาคารไปรษณีย์กลาง ฝั่งตรงข้ามอนุเสารีย์ คืออาคารไปรษณีย์กลางของมิวนิก สะดุดตามด้วยสีเหลืองอ๋อยที่ด้านหน้าและสีแดงด้านใน และและมีลวดลายด้วยเสาขนาบโค้งประตูดูสะดุดตา ช่วงที่ไปเป็นช่วงคริสมาตร์ ทำให้ฉันไม่สามารถเข้าไปชมสถานที่ต่างๆ ได้ เพราะเป็นวันหยุด จึงได้แต่ยืนชมอยู่ด้านนอก ซึ่งด้านนอกก็ใช่จะเห็นของจริง เพราะอาคารสำคัญๆ ส่วนมากอยู่ระหว่างการบูรณะ ซ่อมแซม แต่ดีอยู่อย่างคือ แถบยุโรปจะทำภาพเสมือนเท่าของจริงของตัวตึกมาบังไว้ เพื่อยังคงให้มองเห็นรูปทรง มองไกลๆ ไม่รู้เลยว่าเป็นภาพ เนียนมากๆ  (เหมือนในภาพนี้) จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:01:00

ความคิดเห็นที่ 49 Residenz Munchen หันหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์ ทางด้านซ้ายมือของของท่านคือ พระราชวังวิทเทลบาคส์ (Residenz Munchen)  ที่ใช้เป็นที่ประทับและทรงงานบริหารบ้านเมืองของกษัตริย์และขุนนางแห่งแคว้นบาร์เยินกว่า 500 ปี หารูปประกอบแบบไม่มีคนไม่มี มีแค่ภาพนี้...(ภาพที่เห็นคือตัวตึกอยู่ระหว่างซ่อมแซม ที่เห็นนั้น เป็นภาพจำลองที่นำมาคลุมบังไว้ค่ะ) ที่นี่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งด้านการตกแต่งภายใน ที่มาจากการตกแต่งต่อเติมตามรสนิยมของผู้ปกครองแต่ละยุคแต่ละสมัย และเมื่อรวมกับสมบัติอันมีค่าที่สะสมมา เต็มไปด้วยงานศิลปะหลากหลายแบบเมื่อรวมกันแล้วกลับลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ อาทิศิลปะตั้งแต่ยุดเรอเนสซองส์ บาร๊อก ร๊อกโคโค ไปจนถึงนีโอคลาสสิก เลย จึงทำให้มีความน่าสนใจมาก.. จริงๆ แล้วพื้นที่เดิมมีประมาณ 23,500 ตารางเมตร (ราว 15 ไร่)  แต่ถูกระเบิดทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เกือบหมด มีแค่ 50 ตารางเมตร ที่ไม่ถูกทำลาย และในปี 1945 ทางการเยอรมนีได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งตัวอาคาร เฟอร์นิเจอร์ และงานศิลปะต่างๆ โดยให้มีลักษณะคงเดิม (เสียดายไม่ได้เข้าไปดู เลยไม่รู้ว่าเขาบูรณะได้ดีแค่ไหน แต่น้องบอกว่า พอมารู้เรื่องบูรณะแล้วเพิ่งรู้ เพราะข้างในนั้น เหมือนของเก่าจริงๆ มากๆ) จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:02:05

ความคิดเห็นที่ 50 National theater ด้านหลังของอนุเสาวรีย์ คือ โรงละครแห่งชาติ หรือโอเปราแห่งชาติ (Nationaltheater) เป็นที่ทำการสำนักการโอเปราและการบัลเลต์แห่งรัฐบาร์เยิน จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:03:11

ความคิดเห็นที่ 51 ระหว่างยืนเล่าประวัติของสถานที่แห่งนี้และอาคารโดยรอบ ไกด์ก็แสดงท่าทางประกอบ ฉันจำเรื่องที่เขาเล่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นเริ่มมึนมากแล้ว แต่จำได้ว่ามันเกี่ยวกับการขอแต่งงานอะไรซักอย่างนี่แหละ เล่าจบไกด์ก็ทำท่าทางขอแต่งงานกับแม่สาวคนนี้ (ลูกทัวร์) และคนเขาก็หัวเราะกันตรึม มีฉันคนเดียวที่ไม่ขำ เพราะหนาวจนหูอื้อ.. จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:04:19

ความคิดเห็นที่ 52 โฉมหน้าของอาสาสมัครออกไปเล่นละครร่วมกับไกด์ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:05:01

ความคิดเห็นที่ 53 อันนี้อะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้วว่าถ่ายมาจากที่ไหน... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:06:24

ความคิดเห็นที่ 54 ย่านนี้สวยนะคะ มีร้านค้าหรูๆ ให้ช๊อปปิ้งเยอะเลย แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะสมองเริ่มเบลอๆ อุณหภูมิในร่างเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:07:01

ความคิดเห็นที่ 55 รถ ....  ถ่ายไปเรื่อย อิอิ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:07:29

ความคิดเห็นที่ 56 Feldherrnhalle เฟลท์แฮร์นฮัลเล่อร์ เล่ากันว่าพระเจ้าลุดวิกที่ 1 ได้ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ทัพบาวาเรียนในการทำสงครามฝรั่งเศสขปรัสเซีย ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ อาทิ คอนเสิร์ต เรื่องเล่าที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ เฟลท์แฮร์นฮัลเล่อร์เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงขึ้น หลังจากตำรวจกับพวกนาซีได้ปะทะกันในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อครั้งนาซีได้เดินขบวนผ่านมาที่นี่ และตำรวจได้เข้าสลายการเดินขบวนครั้งนั้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน และเหตุการณ์ครั้งนี้เองคือที่มาที่ฮิตเลอร์ให้ทุกคนทำความเคารพพวกนาซีทุกครั้งที่เห็นหรือเดินสวนกัน ไกด์บอกลาพวกเราตรงนี้ พร้อมกับปิดท้ายด้วยการบอกว่า พอใจถูกใจก็ให้ทิปนะครับ ถ้าไม่มีไม่เป็นไร.. ฉันกับน้องก็หยิบแบงค์ 5 ยูโร มาใส่ลงไปในมือเขา...แหะๆ ก็ไม่รวยนี่นา.. มีสองสามคนไม่ได้ให้เงินแต่ให้เป็นคำขอบคุณ (สองสาวชาวอินโด) ส่วนสาวแคนนาเดียน รู้สึกให้เยอะเกือบยี่สิบยูโรแน่ะ .. แล้วพวกเราก็แยกย้ายกัน...แบตกล้องของฉันก็หมดพอดี... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:08:31

ความคิดเห็นที่ 57 Feldherrnhalle จริงๆ แล้วถ้ามาที่ Feldherrnhalle จะต้องถ่ายรูปของสิงโตคู่และนักบุญ แต่อย่างที่บอก เบลอสุด ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องแล้ว..รู้แต่ว่ามันเป็นลานกว้างที่สวย..ยืนอยู่จุดนี้วิวสวยมาก... เสียดายที่กล้องฉันแบตหมด เลยด้แค่ภาพนี้ที่มาจากกล้องน้อง ที่เห็นด้านหลังนั่นคือ Feldherrnhalle ภาพเต็ม จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:09:50

ความคิดเห็นที่ 58 Theatinerkirche ด้านข้าง Feldherrnhalle จะเป็นโบสถ์สีเหลืองสด ชื่อ Theatinerkirche ธีอาทินาเคี้ยเชอะ เป็นโบสถ์บาสิลิกา ที่ซึ่งนักปกครองบาเยิร์นผู้รักในความสงบ คือเจ้าอีเล็กเดอร์แฟร์ดินานท์ มารีอา ได้สั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเฉลอมฉลองการประสูติของพระโอรส โดยใช้เวลาสร้างราว 30 ปี ชั้นใต้ดินของโบสถ์ยังเป็นที่ประทับพระศพของตระกูลผู้สร้างโบสถ์และราชวงศ์วิทเทลบาคส์พระองค์อื่นๆ อีกด้วย เอิ่ม แบบว่า พยายามหารูปเฉพาะตัวโบสถ์มาประกอบ แต่ปรากฏว่า สองนางนี้ ฉันกับน้อง ผู้ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือโบสถ์ ที่มีประวัติอันศักดิ์สิทธิ์ จึงตั้งหน้าตั้งตาพยายามถ่ายรูปกับตัวตึก เพียงอย่างเดียว เพราะว่าของจริงสวยมาก สีเหลืองสดตัดกับสีอิฐเก่าๆ ของอาคารอื่น โดยรอบ... เลยได้ภาพอย่างเห็น ทนดูกันหน่อยนะคะ เฮ้อ เป็นชัตเตอร์เสียนี่กะไร จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:10:41

ความคิดเห็นที่ 59 โชว์รูม เบนซ์ จากมุมนี้ ฉันกับน้องก็เริ่มเดินคลำทางกลับบ้าน เพราะหมดไกด์ก็เหมือนหมดเข็มทิศ...แต่อย่างที่บอก มิวนิกผังเมืองเดินไม่ยาก.. ตอนนั้นเพิ่งจะบ่ายสองเองแต่ดูเหมือนพระอาทิตย์คล้อยลงมากแล้ว..ระหว่างทางเดินกลับบ้านฉันกับน้องเดินผ่านโชว์รูม เบนซ์ ไม่มีคนเลย สาวไทยหัวดำสองคนไปเกาะกระจกยืนด้อมๆ มองๆ รถเบนซ์รุ่นเก่า คันนึงที่จอดแสดงอยู่นาน จนพนักงานหญิงหน้าตาดี เดินมาเปิดประตูเพื่อเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน ทำนองบอกว่า เข้ามาเถอะค่ะ ไม่มีเงินก็เข้าได้.. เราสองคนเหมือนเด็ก วิ่งขึ้นวิ่งลง กดโน่น เล่นนี่...ถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมากนัก แต่เพราะความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนที่ทำงานอย่างดี.... แถมมีมุมชาและขนมให้นั่งกินแก้หนาวอีกด้วย ทำให้หายหนาวและรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง รถคันที่พวกเรายืนดู...ขออนุญาตปิดหน้า ภาพนี้สวยเกิน แม่มดยังอาย คิดดูเหอะ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 14:13:00 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 14:12:01 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:11:35

ความคิดเห็นที่ 60 มุมนี้เป็นมุมให้ทดลองฟังเครื่องเสียง เขาก็จะมีเครื่องเสียงของเบนซ์มาให้เราเล่น เปิดฟัง ทั้งเพลง ทั้งหนัง จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:14:21

ความคิดเห็นที่ 61 ออกจากโชวรูม ก็มุ่งหน้ากลับที่พัก ระหว่างทางเดินกลับโฮสเทลก็เจองานชิ้นนี้อยู่ที่ลานโล่ง และแล้วก็บันดาลไอเดียบรรเจิดเกิดอยากทำอยากที่เห็นในรูป แต่..มันดูแปลกๆ ไงไม่รู้ ว่ามะ อิอิ FAKE มาก ค่ะ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:15:04

ความคิดเห็นที่ 62 เราสองคนเร่งเท้าเพราะได้เวลาน้องอีกคนที่ตามมาสมทบจากสเปนมาถึงแล้ว และรออยู่ที่โอสเทล อากาศหนาว คอฉันเริ่มแห้งและลมหายใจร้อนมาก... เมื่อถึงโฮสเทล เราเช๊คอินและเอาของขึ้นไปเก็บที่ห้อง ตอนที่เราเข้าห้องไปมีคนกลุ่มนึงนอนอยู่แล้ว เป็นห้องนอนแบบ 10 เตียง ฉันได้เตียงบน มองแล้วต้องผ่อนลมหายใจร้อนๆ ออกมา คืนนี้คือคืนแรกและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันต้องนอนในห้องเดียวกับคนแปลกหน้า ที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย...อืม ประสบการณื Backpacker มันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง.. เอาว่ะ ไหนๆ ตั้งใจมาแบบนี้อยู่แล้วนี่ ยังมีน้องอีกตั้งสองคน... หันมามองเตียงของตัวเองที่ได้เตียงบน แล้วต้องแอบผ่อนลมหายใจร้อนๆ ออกมาย่างหนักใจว่าอาการไข้แบบนี้จะปีนขึ้นปีนลงได้ไหมนะ แต่ก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะเดินลงไปขอเปลี่ยนห้อง อยากอาบน้ำมากเลยตอนนี้ หลังจากเก็บของแล้ว ก็เดินไปอาบน้ำ สระผม น้ำไหลไม่แรงเอาเสียเลย..ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร น้ำไม่ค่อยร้อนอีกต่างหาก..ไม่น่าสระผมเลยเรา...เฮ้อ หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉีนเดินกลับมาที่ห้องและบอกน้องว่า "พี่ไม่ไหวอ่ะ ไข้ขึ้น ขอนอนก่อนนะ” แล้วฉันก็ปีนขึ้นเตียง หยิบทิฟฟี่เม็ดสุดท้ายมากินก่อนห่มผ้าขึ้นคลุมหัวแล้วปิดตาลงอย่างเหนื่อยล้าเพราะพิษไข้ เปลือกตาฉันร้อนมาก ณ เวลานั้น ทำให้ฉันรู้สึกกลัวจับใจ นี่เราจะเป็นอะไรมากไหมนะ เราต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่า ไม่เคยต้องป่วยไข้ที่ต่างบ้านต่างเมืองขนาดนี้ อาการไข้หวัดใหญ่ตอนเป็นเด็กๆ ผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆ กับร่างกายที่แสดงอาการไข้แบบนั้น ทำให้ฉันเริ่มกังวล เพราะจำได้ว่าฉันนอนจับไข้อยู่เกือบอาทิตย์! ตายละทำไงดี...สับสน วุ่นวาย หวาดกลัว ไข้ขึ้นสูง ครั่นเนื้อครั่นตัว หลับๆ ตื่น ๆ ฝันร้ายที่เหมือนจริงมากเพราะพิษไข้ ทำให้ฉันเหนื่อยจริงๆ  น้องแวะเข้ามาดูและซื้อขนมมาให้ เพราะออกไปข้างนอกแล้วร้านปิดหมดเลย เหลือแค่ร้านแมคโดนัลที่เปิดอยู่ น้องได้มัฟฟินมาให้ 1 อัน ฉันพยุงตัวเองขึ้นมากินยา ดูนาฬิกาเพิ่งหกโมงเย็น แต่มองออกไปข้างนอกเหมือนเที่ยงคืน และฉันรู้สึกเหมือนกับว่าน่าจะตีสาม เพราะเหมือนนอนนานมาก แต่คงเพราะเพ้อไข้นั่นเอง... กินขนมและกินยาเสร็จฉันก็ล้มตัวลงนอนต่อ..ฉลองวันคริสตมาส ที่มิวนิกบนเตียงนอนในโฮสเทลพร้อมกับอุณหภูมิในร่างกายราว 39 องศา... ทิฟฟี่ช่วยชีวิต..ผ้าห่มที่ให้ความอุ่นและเสื้อคอเต่าแขนยาวสองชั้น ทำให้ไข้ลดลงและเหงื่อออกจนเสื้อชุ่ม.. เฮ้อ แบตกล้องที่หมด แบตในตัวฉันก็หมดตามไปติดๆ... หมดวันคืนที่ทรมานไปแค่นั้น และรู้สึกตัวอีกทีคือ ตอนแปดโมงเช้า... ของวันรุ่งขึ้น แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 14:21:19 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:18:05

ความคิดเห็นที่ 63 อรุณสวัสดิ์ วันคริสมาตร์!!  Merry Christmas 25 Dec. 2009 ตื่นมาเช้านี้ ฉันหายไข้เป็นปลิิดทิ้ง ไม่รู้ว่าเพราะได้ยาดีของเยอรมัน หรือทิฟฟี่ที่เอาไปจากบ้านเรากันแน่ รู้แต่ว่านอนหลับไป ตั้งแต่สี่โมงเย็น จนถึง แปดโมงเช้า รวมแล้ว 16 ชั่วโมงเต็มๆ รู้สึกสดชื่นมาก มีภาพมาเปรียบเทียบให้ดู Before and After ภาพ Before คือเมื่อวานตอนเที่ยง   ภาพ After คือ วันนี้ ตอนเที่ยง ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ฉันได้ตื่นมาในเช้าวันคริสต์มาสอย่างสดใส จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:23:23

ความคิดเห็นที่ 64 เช้านี้เราวางแผนจะไป Zugspitze ยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี http://www.zugspitze.de/en/summer/index.htm ฉันคาดหวังมากว่า ทริปนี้จะมาเล่นสกีให้ได้ ฉันจะต้องสัมผัสหิมะ แบบที่นางเอกสาวผู้น่ารักปาหิมะเล่นในหนังให้ได้ ฮี่ๆๆ และได้ถ่ายรูปสวยๆ ฟ้าใสๆ บนยอดเขาหนาวๆ... นั่นคือภาพที่วาดหวังเอาไว้ เราเคลื่อนขบวนออกจากโฮสเทลเกือบสิบเอ็ดโมง นั่งรอรถไฟ รอบเที่ยง วันนี้เรามีกัน 4 คน และเราจะอยู่ด้วยกัน ตะลอนไปด้วยกัน อีก 7 วัน  4 เมือง... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:24:27

ความคิดเห็นที่ 65 พวกเราซื้อตั๋วรัฐบาร์เยิน ที่หารกันแล้วตกคนละ 7 ยูโร เป็นตั๋วแบบกลุ่มไม่เกินห้าคน ใช้ได้ทั้งวัน ไปทั่วทั้งรัฐ  ซื้อตั๋วที่นี่ http://www.bahn.de/regional/view/regionen/bayern/freizeit/bayernticket.shtml รถที่พวกเราจะขึ้นต้องเป็นรถหวานเย็นเท่านั้น ฮี่ๆ ฉันรู้เพราะฉันมีประสบการณ์มาแล้ว ภาพในสภานีรถไฟมิวนิก จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:25:40

ความคิดเห็นที่ 66 ร้านขายของ  ในสถานีรถไฟ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:26:10

ความคิดเห็นที่ 67 ได้เวลาพวกเราก็เดินไปขึ้นรถไฟ อืม...ราคาถูกก็งี้ เดินไกลหน่อย... รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานีได้ไม่เท่าไหร่ สภาพอากาศก็เปลี่ยนไป... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:26:43

ความคิดเห็นที่ 68 ฝนตกตลอดทาง... จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:27:09

ความคิดเห็นที่ 69 จาก Munich ไป Garmsich – Partenkrichen ใช้เวลา เวลาราว 45 นาที และเมื่อถึงจะต้องซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไต่เขาขึ้นไปยอดเขาอีกคนละ 35 ยูโร   ระหว่างทางบนรถไฟ ฉันทำได้แต่เก็บภาพไปเรื่อยๆ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:27:51

ความคิดเห็นที่ 70 ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฟ้าไม่มีทีท่าว่าจะสว่างอย่างที่วาดหวังไว้ก่อนมา จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:28:33

ความคิดเห็นที่ 71 ใกล้เข้าไป ก็เริ่ม เริ่มเห็นหิมะบ้างแล้ว จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:29:18

ความคิดเห็นที่ 72 ถ้าบ้านเราคงเป็นบรรยากาศแบบทุ่งนา หน้าหนาว แต่ที่นี่เป็นทุ่งหิมะ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:29:59

ความคิดเห็นที่ 73 เฮ้อฝานไป 20 นาที ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:31:24

ความคิดเห็นที่ 74 จนกระทั่งมาถึงสถานี ก็ยังตกอยู่ จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:32:25

ความคิดเห็นที่ 75 พอลงจากรถไฟ พวกเราก็เดินตากฝนไปที่สถานี Zugspitze เพื่อติดต่อกับสำนักงานทางขึ้นเขา แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือเมื่อเราไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่า วันนี้อากาศปิด ขึ้นไปก็ไม่เห็นอะไร และข้างบนมีพายุ! เขาไม่แนะนำให้ขึ้น ... พวกเราได้แต่ยืนมองไปที่รางรถไฟที่มีรถไฟจอดอยู่ ฉันเสียใจจัง ที่นี่คือที่ที่ฉันคาดหวังมากที่สุด เป็น High light ของทริปก็ว่าได้.. แต่แล้วเราก็ไม่ได้ขึ้นไปเพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:33:54

ความคิดเห็นที่ 76 พวกเราเดินคอตกกลับมาที่สถานีรถไฟ และเริ่มเถียงกันว่า เอาไงดี ไปไหนดี สุดท้ายก็ลงเอยที่ นั่งรถไฟกลับไปมิวนิก เพื่อเปลี่ยนรถไป Salzburg  โดยระหว่างรอรถไฟไปมิวนิก พวกเราก็ช๊อปปิ้งที่ร้านขายของที่ระลึกที่สถานีรถไฟเป็นการฆ่าเวลา จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:34:55

ความคิดเห็นที่ 77 ร้านนี้ก็โชคดีไปที่เจอสาวไทย ใจสั่งช็อปอย่างน้องๆ ของฉัน ได้ของติดไม้ติดมือคนละเล็กละน้อย ส่วนมากเป็นโพสการ์ด ที่ซื้อแล้วก็เขียนและติดแสตมป์ส่งกลับหาตัวเองจากที่นั่นเลย.. จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:35:36

ความคิดเห็นที่ 78 ระหว่างทางกลับมาที่มิวนิก สลบเหมือดเพื่อฆ่าเวลา จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:37:03

ความคิดเห็นที่ 79 กลับมาถึงมิวนิกก็บ่ายสองกว่า แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 00:21:09 จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:37:58

ความคิดเห็นที่ 80 ตั๋วรัฐบาร์เยิน รวมเมือง Salzburg ที่ อยู่ออสเตรีย ให้ด้วย พวกเราจึงถือว่าใช้ตั๋วค่อนข้างคุ้ม แม้ว่าจะนั่งรถไฟไปเสียเที่ยวก็ตามที อย่างน้อยก็ไม่ต้องซื้อตั๋วแพง เพราะวันนี้เราเหมาจ่ายทั้งวัน คนละ 7 ยูโร จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 14:38:33