ความคิดเห็นที่ 1   เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาแล้วแบบติดๆ กระทู้สารคดีของคุณหมอ... ช่วยกันกดเก็บเข้าคลังด้วยนะจ๊ะ จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:32:08

ความคิดเห็นที่ 2   ปราสาทองญี่ปุ่นแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆตามสถานที่ตั้งค่ะ กลุ่มที่ 1 ปราสาทที่อยู่บนยอดเขา (mountaintop castle)เรียกว่า  "yamashiro" ในช่วงแรกๆการก่อสร้างปราสาทมีวัตุประสงค์หลักเพื่อเป็นป้อมปราการต่อต้านข้าศึก จึงนิยมสร้างปราสาทไว้บนยอดเขาสูง ข้อดี  - ภูมิประเทศของภูเขา ช่วยให้มองเห็นข้าศึกได้จากระยะไกล และข้าศึกโจมตีได้ยาก ข้อเสีย - การขยายเขตเมืองรอบๆปราสาททำได้ยาก ทั้งยังลำบากต่อการสร้างเส้นทางการค้าด้วย กลุ่มที่ 2 ปราสาทบนเนินเขา (hill Castles)เรียกว่า "hirayamajiro" เมื่อถึงช่วง Sengoku Period เริ่มมีการสร้างปราสาทในพื้นที่ที่ต่ำลงมา เช่น เนินเขาเตี้ยๆใกล้แหล่งชุมชน เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการคมนาคมและลดข้อเสียต่างๆของปราสาทแบบ yamashiro ลง กลุ่มที่ 3 ปราสาทอยู่ใจกลางเมืองหรือพื้นราบ (plains castles)เรียกว่า  "hirajiro" นิยมสร้างกันช่วงปลายของสมัย Sengokuถึงช่วงเริ่มของ Edo เพื่อใช้ประโยชน์ในการปกครอง และการคมนาคมที่มีมากขึ้น   เนื่องจากไม่มีปราการป้องกันตามธรรมชาติ  ปราสาทแบบนี้จึงมีการสร้างคูน้ำกว้าง และกำแพงที่หนา แข็งแรงกว่าแบบอื่นๆ แต่ข้อเสียของปราสาทแบบนี้ก็คือ  มีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมได้ง่าย จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:32:16

ความคิดเห็นที่ 3   หมอเพิ่งรู้เมื่อตอนเตรียมรีวิวนี่เอง  ว่าทริปนี้ได้ไปเห็นปราสาทครบทั้ง 3 แบบเลย คือ ปราสาทอิวาคูนิ  ที่เป็นแบบ yamashiro ได้เห็นจากระยะไกลตอนไปเที่ยวสะพานอิวาคูนิค่ะ ปราสาทฮิเมจิ   ที่เป็นแบบ  hirayamajiro ปราสาทมัตสึโมโตะ  ที่เป็นแบบ hirajiro ซึ่งในรีวิวนี้  เราจะพาไปเที่ยวปราสาทฮิเมจิ และปราสาทมัตสึโมโตะ กันนะคะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:43:20

ความคิดเห็นที่ 4   มาปาดดดดดดดดค่ะ ^^ จากคุณ : ยัยเมย์ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:49:06

ความคิดเห็นที่ 5   เริ่มต้นที่ปราสาทฮิเมจิกันก่อน คืนก่อนนั้น เราไปใช้สิทธิสมาชิก Accor พักฟรีที่ Novotel Kochien กัน ตอนเช้า เราก็นั่งรถไฟมาฝากกระเป๋าไว้ที่โกเบ  เสร็จแล้วก็นั่ง JR มาลงที่สถานี Himeji ออกจากชานชาลา  ก็มองหา Central Gate นะคะ  ต้องออกทางนั้น เดินไปตามป้ายก็จะเห็นลูกศรชี้ทางไปปราสาทฮิเมจิ  ตามลูกศรไปเลยค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:49:26

ความคิดเห็นที่ 6   ฮัลโหลลล เจ๊  .... รีวิวเสร็จยังจ๊ะ คุณยัยเมย์  ....  ตามไปเที่ยวกันค่ะ  รีวิวหมอหนักไปในแนวสารคดีประวัติศาสตร์นะคะ ถ้าแบบฮาๆ ยกให้คุณมังเค้าไป ^^ ---------------------------------------------------------------------- เดินขึ้นเดินลงไปตามทางเหมือนจะเดินลอดใต้ถนนไป   แล้วก็จะไปเจอทางแยก  มีลูกศรชี้ ด้านขวา คือ "ทางไป Himeji"  ส่วนด้านซ้าย คือ ..... "ทางไป Himeji"  555555555++ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:52:01

ความคิดเห็นที่ 7   ตอนแรกก็ยืนงง  แล้วจะแยกทำไมล่ะเนี่ย     พอเดินขึ้นไปถึงร้อง อ๋อออออออ !!  ที่แท้ก็แยกขึ้นคนละฝั่งถนนนี่เอง หมอแอบรู้สึกว่าทางเดินฝั่งขวาสวยกว่าทางฝั่งซ้ายนะ    คิดไปเองป่าวหว่า  หุหุ ไปถึงกันตั้งแต่เช้า   ร้านรวงต่างๆยังไม่เปิดเลย ปล. ภาพมุมนี้มองแล้วให้ feel เดียวกับ Champs Elysees จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 14:59:52

ความคิดเห็นที่ 8   ข้างทางมีแผนที่  (จริงๆคงจะเป็นแผนที่บอก smoking area ล่ะมั๊ง) เราลงรถไฟที่สถานี JR แล้วก็มุดใต้ดินมาโผล่ตรงบริเวณป้ายรถเมล์   แล้วเราก็เดินตรงไปเรื่อยๆๆๆๆ  ระยะทางพอให้เกือบเหนื่อย  ก็จะไปเจอปราสาทฮิเมจิตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:05:35

ความคิดเห็นที่ 9   เดินไปเรื่อยๆ ชิวๆ   ..... มีประติมากรรมที่สวยงามประดับประดาให้ชมเป็นระยะๆ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:12:18

ความคิดเห็นที่ 10   เกาะล้อเครื่องบินตามไปด้วยค่ะ จากคุณ : Oases เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:12:34

ความคิดเห็นที่ 11   เอ๊ะ  .......... อะไรแว๊บๆ   เป็นนินจา แว๊บมา แว๊บไป   555555555++ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:13:10

ความคิดเห็นที่ 12   ชุดหมอที่ กระทู้มัง แดงได้ใจ.....หมวกก็น่ารัก....อิอิ.... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:16:39

ความคิดเห็นที่ 13   เย้ย ! ไปญี่ปุ่นไปฝึกวิชานินจามาด้วยหรือค่ะ จากคุณ : Tree Rose เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:22:43

ความคิดเห็นที่ 14   สวัสดีค่าา พี่อ้าม   ........ ไปเที่ยวกันๆ  อิอิ คุงถนนสายนี้เปรี้ยว .... ชุดนั้นคุณมังเป็นคนเลือกค่ะ   หมอจะเลือกชุดอื่นก็ไม่ให้   บอกว่า ชุดนี้แหละ เด่นดี  เค้าว่างั้น คุง Tree Rose ..... ไปฝึกมาหลายเคล็ดวิชานะคะ โดยเฉพาะวิชาเดินทน 555++ ------------------------------------------------------------------ อย่างที่บอกไปแล้ว   ว่าทริปนี้เป็นทริปที่ถึกสุดๆ โดยเฉพาะสภาพอากาศ   เพราะเดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็ร้อน  แถมยังมีฝนตกเกือบทุกวันอีกต่างหาก ร่ม  ที่เอาใส่กระเป๋าไปงั้นๆ  คิดว่าเผื่อเอาไว้บังแดด  ... กลับเป็นของที่ได้ใช้อย่างคุ้มค่าแก่การแบกไปที่สุด ส่วนของที่แทบจะไม่ได้ใช้เลย  คือ  แว่นกันแดด  (-_-") ได้ใช้จริงจังแค่ตอนกำแพงหิมะเองอ่ะ . . บ่นซะยาวยืดดดด  แค่จะเล่าว่า    เช้าวันนี้ก็ฝนตกพรำๆ ตามปกติของทริปเรา ตอนเดินผ่านรูปปั้นนี้   เงยขึ้นมองหน้าก็เห็นน้ำฝนไหลเป็นทางเหมือนน้ำตาเลย คุณมังบอกว่า  เค้าตั้งใจทำป่าว หมอก็บอกว่า น้ำฝนนะ  แต่ก็เหมาะเหม็งเหมือนตั้งใจทำ ยืนวิเคราะห์กันอยู่นานสองนาน  สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุป .. เลยตกลงว่า เดี๋ยวขากลับเราเดินมาดูอีกที ถ้ารอยน้ำเปลี่ยนไปก็แปลว่าน้ำฝน   แต่สุดท้าย ....... พอเวลากลับจริงก็ลืมค่ะ !!!  ไปเดินฝั่งตรงข้ามซะงั้น  อดดูเลยว่าน้ำตาแห้งรึยัง 555++ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:27:41

ความคิดเห็นที่ 15   สัญลักษณ์หนึ่งของปราสาทฮิเมจิ    "Shachihoko"  ปลาผู้พิทักษ์ปราสาท จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:29:07

ความคิดเห็นที่ 16   พอเดินใกล้ๆจะถึง  ก็จะเริ่มมีป้ายบอกเวลารอ  ตั้งให้ดูเป็นระยะๆ นี่ขนาดเราไปกันแต่เช้า  คิวยังนานถึง 20 นาทีแน่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:31:33

ความคิดเห็นที่ 17   เห็นบรรดานักท่องเที่ยวมากขึ้นแล้วว  บ้างก็มากับทัวร์  บ้างก็พาครอบครัวมา บ้างก็มากันเอง (เหมือนเรา) อาจจะเป็นเพราะ  วันที่ไปนี้ เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดให้เข้าชมภายในปราสาท  ก่อนจะทำการปิดปรับปรุงไปอีก 5 ปี คนก็เลยเยอะแยะมากมายแต่เช้าเลย   ... ประมาณว่ามาส่งท้าย ก่อนจากกันไป 5 ปี ณ วันที่รีวิวนี้   ก็กำลังสร้างนั่งร้านและคลุมผ้าปิดทับปราสาททั้งหลังอยู่ค่ะ จากข้อมูลการก่อสร้าง   มีการแจ้งไว้แบบนี้ Restoration of Himeji Castle Main Keep <2009-2015> This is a full-scale restoration work focused on replastering damaged plaster walls and replacing the roofing tiles on the main keep or dai-tenshu.The restration period will be a full five years.The roofed scaffold structure and other scaffolding will be removed by spring 2015. For about three years from spring 2011, visitors can get a look at the repair process from inside the roofed scaffold structure or suyane that covers the main keep. In addition, the visitors' elevator helps elderly people and wheelchair users enjoy the scenery as if they were in the main keep. ไม่รุ้เข้าใจถูกรึเปล่า  ว่าอีก 3 ปีหลังจากนี้จะเปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้าชมขั้นตอนการบูรณะปราสาท (ใต้ผ้าที่คลุมทับไว้)ได้  น่าสนใจเนอะ  อิอิ (รูปปั้นยืนเท้าเอว เหมือนจะนึกว่า  "เค้ามาทำอะไรกันเยอะแยะไปหมด" 55+) จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:34:15

ความคิดเห็นที่ 18   มาเดินตามแผนที่ไปต้อย ๆๆ..... จะได้ไปกะเค้ามั่งป่าวก็ไม่รู้... จากคุณ : ผักกะเฉดใส่ไข่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:36:15

ความคิดเห็นที่ 19   และแล้ววว ......... ก็เดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่มุ่งมั่นมา เห็นปราสาทฮิเมจิตั้งเด่นเป็นสง่า   กลมกลืนไปกับท้องฟ้าสีขาวขมุกขมัวเสียนี่กระไร ฮือออ สวรรค์กลั่นแกล้ง  บุญมีแต่กรรมบัง  อุตส่าห์ได้มาก่อนปิดซ่อมแซม  แต่ฟ้าไม่เป็นใจเอาซะเลย T__________T จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:36:31

ความคิดเห็นที่ 20   ตามมาจากกระทู้ คุณมังคุด ครับ คุณหมอ coccinelle ไม่ทำฟันหรือครับวันนี้ น่าอิจฉา ผมไป Himeji ตอน 31 มี.ค.นี้ อากาศไม่ดีเลย แถมซากุระยังไม่บานอีก TT และไม่ได้เห็นนินจาอย่าง คห.11 ด้วย ^^ จากคุณ : n O r T H - 2 - s O u T H เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:44:21

ความคิดเห็นที่ 21   เจ๊เฉด .... ตามมาดีๆนะ เดี๋ยวหลง คุง n O r T H - 2 - s O u T H .... ฝนตกหนักค่ะ  คนไข้ไม่ค่อยมี  ที่สำคัญ พิมพ์ไว้หมดแล้ว copy-paste อย่างเดียวง่ายมาก ------------------------------------------------------------------- ประวัติศาสตร์อันยาวนานของปราสาทฮิเมจิเริ่มขึ้นในปี 1333 Akamatsu Norimura ได้สร้างป้อมปราการเล็กๆขึ้นบนเนินเขา Himeyama ในเขตฮาริมะ เมืองฮิเมจิ ต่อมาในปี 1346 Sadamori ได้รื้อถอนป้อมเดิมออก แล้วสร้าง Himeyama Castle ขึ้นมาแทน ซึ่งภายหลังก็ได้รับการบูรณะกลายเป็น Himeji castle แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือ  ในปี 1581 โดย Hideyoshi Toyotomi ได้ต่อเติมปราสาทเพิ่มเป็น 3 ชั้น ช่วงปี 1600 Terumasa Ikedoทำการต่อเติมปราสาทเพิ่มเป็น 5 ชั้น และสร้างอาคาร 3 ชั้นเพิ่มอีกหนึ่งหลัง ใช้เวลาต่อเติมทั้งสิ้น 8 ปี ต่อมา ในปี 1618  Honda Tadamasa ได้สร้างทางเดินเชื่อมต่ออาคารทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 15:57:55 จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:56:33

ความคิดเห็นที่ 22   ผนึกกำลังกันโพสต์เลยนะคะ    มาเลยค่ะ  มาเลยยยยยย  รอดูอยู่ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:57:09

ความคิดเห็นที่ 23   โอ้ววว วันนี้ไฟแรงกันทั้งสองคนเลย สงสัยคืนนี้เราต้องกลับไปรีวิวบ้างซะแล้ว แต่ทู้นี้เราไม่อิจฉาแล้ว เพราะวันเราไปฟ้าใสมาก หุ หุ จากคุณ : ohhioh เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:59:45

ความคิดเห็นที่ 24   คุณ Red-Rose-14Feb ..... จริงๆคิวหมอต้องรีวิวเดือนที่แล้วค่ะ  แต่ไม่ทันเลยให้คุณแซงไปก่อน T_______T --------------------------------------------------------------- ตัวปราสาทประกอบด้วย   Main tower  (daitenshu)  สูง 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน รวมเป็น 6 ชั้น West Small Tower (nishi shotenshu) สูง 3 ชั้น + ชั้นใต้ดิน Northwest Small Tower (inui shotenshu) สูง 3 ชั้น + ชั้นใต้ดิน East Small Tower (higashi kotenshu) สูง 3 ชั้น + ชั้นใต้ดิน corridor (watariyagura) ระเบียง 2 ชั้น+ชั้นใต้ดิน - I-corridor เชื่อมระหว่าง Main tower กับ East tower - Ro-corridor เชื่อมระหว่าง East tower กับ Northwest tower - Ha-corridor เชื่อมระหว่าง Northwest tower กับ West tower - Ni-corridor เชื่อมระหว่าง West tower กับ Main tower จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:00:29

ความคิดเห็นที่ 25   แง่มๆๆๆๆ ปอ อ่ะ .... พูดให้อิจฉาอีกล่ะ  T_________T  คืนนี้รอดูรีวิวนะ -------------------------------------------------------------------- แม้ว่าปราสาทฮิเมจิจะมีอายุกว่า 400 ปีแล้ว  แต่ก็ยังสามารถคงสภาพเดิมได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองฮิเมจิโดนกระหน่ำทิ้งระเบิดอย่างหนักไปทั่งเมือง แต่ปราสาทฮิเมจิก็สามารถอยู่รอดมาได้ จึงถือได้ว่าปราสาทฮิเมจิเป็นสิ่งก่อนสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ยังเหลือรอดจากยุคสงคราม ในปี 1931 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ และได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก  ในเดือนธันวาคม ปี 1993   ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 17  ที่เมืองการ์ตาเฮนา ประเทศโคลอมเบีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้ - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์ - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:04:34

ความคิดเห็นที่ 26   ปราสาทฮิเมจิมีชื่อเรียกเล่นๆว่า Hakuro-Jo และ Shirasagi-Jo ซึ่งแปลว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" สาเหตุที่มีชื่อเรียกแบบนี้ ก็มีหลายข้อ เช่น ข้อที่ 1 ... ตัวปราสาทที่ฉาบปูนสีขาวไว้ทั้งภายในและภายนอก บวกกับรูปร่างปราสาทที่มีอาคารหลังใหญ่หลังเล็ก เชื่อมต่อต่อกันด้วยระเบียงยาวทำให้ดูเหมือนนกกระสาขาวกำลังกางปีกออก ข้อที่ 2 ... ปราสาทฮิเมจิตั้งอยู่บนเนินเขา  Himeyama ซึ่งแปลว่า  เนินเขานกกระสาขาว ข้อที่ 3 ... ในบริเวณนี้มีนก Night Heron อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มาตั้งแต่สมัยโบราณ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:12:38

ความคิดเห็นที่ 27   ทางเดินเข้าปราสาท  ปลูกซากุระไว้ตลอดสองข้างทาง จริงๆทริปนี้  คุณมังตั้งใจจะให้เป็น Sakura trip แต่ปรากฏว่า อากาศแปรปรวนสุดขีด แผนการดูซากุระที่วางไว้ก็เลยรวนไปด้วย  บางที่ไปก่อนจะบานเห็นแต่ดอกตูม  บางที่ก็บานจนจะดรย จะเริ่มแตกใบแล้ว ที่เห็นเต็มๆจริงๆ ก็น่าจะมีที่ Himeji กับที่ Matsumoto นี่แหละค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:15:28

ความคิดเห็นที่ 28   เดินมาถึงจุดขายตั๋ว   ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาท์เตอร์ ส่วนขวามือจะเป็นเครื่องขายตั๋วอัตโนมัตินะคะ ค่าเข้าชม   ผู้ใหญ่คนละ 600 Yen  ส่วนเด็กคนละ 200 Yen ค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:20:24

ความคิดเห็นที่ 29   แผนที่ปราสาท และเส้นทางการเดินชม จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:21:12

ความคิดเห็นที่ 30   เมื่อซื้อตั๋วแล้ว  ก็เดินผ่านประตูแรกนี้  ที่มีชื่อว่า  Hishi Gate (Diamond Gate) เพื่อเข้าไปสู่ลานกว้างหน้าปราสาท เหนือ  Hishi Gate จะมีหน้าต่างรูปทรงคล้ายระฆังอยู่สองบาน  มีชื่อเรียกว่า Katomado (Lantern Windows) จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:21:52

ความคิดเห็นที่ 31   เข้ามาด้านในแล้ว  ซ้ายมือจะมีภาพวาดแผนผังปราสาทให้ชมก่อนเข้าไปเจอของจริงค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:23:17

ความคิดเห็นที่ 32   จากที่เห็นคนบางตาตรงด้านนอกให้แอบดีใจเล่น   พอเดินต่อมาเรื่อยๆ  ก็พบกับความจริง ในรูปนี้ คือ แถวเดียวกัน แต่ยาวจนต้องวกกลับไปอีกรอบ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:24:58

ความคิดเห็นที่ 33   แถวที่ต่อ จะเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ  สลับหยุดนิ่งนะคะ  รายงานเป็นสภาพการจราจรเชียว 5555++ พูดจริงๆก็นับว่า ไม่ได้รอนานเท่าไหร่  แถมข้างทางก็จะมีนู่นนี่ให้ดูเพลินๆจนลืมว่ากำลังรออยู่ บางจุด ถ่ายรูปยังไม่ทันเสร็จเลย  เดินต่อกันละ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:27:35

ความคิดเห็นที่ 34   คุง n O r T H - 2 - s O u T H  ถามหาคนไข้   คนไข้ก็มาทันทีเลย T_______T รีบๆโพสไว้   เดี๋ยวไปทำคนไข้ก่อนค่อยกลับมาโพสต่อ ^^ -------------------------------------------------------------------- "Stone Wall"   สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของปราสาทฮิเมจิ กำแพงโดยรอบปราสาทฮิเมจิ  ... ส่วนใหญ่จะเป็นกำแพงโค้งรูปพัด (fan shape curve)ซึ่งนอกจากจะดูสวยงามอ่อนช้อยแล้ว   ส่วนครึ่งบนของกำแพงที่ตั้งชันขึ้นก็มีประโยชน์ในทางทหาร คือ ทำให้ข้าศึกปีนขึ้นมาโจมตีได้ลำบาก ส่วนครึ่งบนการก่อกำแพงเป็นทรงโค้ง ช่วยรับแรงได้ดี ทำให้สามารถก่อกำแพงได้สูงขึ้นกว่ากำแพงปกติ และยังมีความแข็งแรง สามารถต้านทานแรงดัน หรือแผ่นดินไหวได้ดีด้วย ในปี 1995 ที่เกิดแผ่นดินไหว Great Hanshin (Kobe earthquake)ซึ่งเมืองฮิเมจิได้รับผลกระทบด้วยนั้น แต่ปราสาทฮิเมจิ กลับมีเพียงผนังปูนบางส่วนหลุดร่อน  และกระเบื้องหลังคาของระเบียงทางเดินบางส่วนร่วงหล่นลงมาเท่านั้น ส่วนตัวอาคารหลักกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย  แม้แต่ขวดสาเกที่อยู่บนแท่นบูชาของศาลที่ชั้นสูงสุดก็ยังตั้งอยู่ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงถึง ความแข็งแรงของโครงสร้างปราสาท ที่สามารถต้านแผ่นดินไหวได้อย่างน่าทึ่ง จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:29:45

ความคิดเห็นที่ 35   เดินตามแถวต่อไป ทางเดินภายในปราสาทถูกออกแบบให้มีความสลับซับซ้อนวกวน  ตามมุมกำแพงหรือมุมป้อมปราการสามารถใช้ประโยชน์ในการรบได้ทั้งสิ้น ทางเดินแคบๆเพื่อใช้สำหรับต้านหากข้าศึกบุกเข้ามาจำนวนมากๆ  ถนนบางเส้นพาไปเจอทางตัน  ทำให้ข้าสึกสับสน ได้ผลในด้านจิตวิทยา ที่กำแพงจะมีช่องสำหรับหนีเข้ากำแพงชั้นในหรือให้เพื่อทหารจากในปราสาทสามารถออกมาโจมตีข้าศึกได้ โดยข้าศึกไม่สามารถเห็นว่าออกมาจากทางไหน แต่จากประวัติศาสตร์พบว่า  ตั้งแต่สร้างปราสาทขึ้นมา ฮิเมจิไม่เคยถูกข้าศึกโจมตีแบบหนักๆเลยซักครั้ง จะมีก็แต่การรบเล็กๆน้อยๆรอบๆปราสาท จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:32:00

ความคิดเห็นที่ 36   ตามกำแพงจะมีช่องเจาะไว้สำหรับสอดส่องและโจมตีข้าศึก   ช่องขนาดเล็กเรียกว่า "Sama" มีหลายรูปร่างแตกต่างกัน รูปสี่เหลี่ยมไว้สำหรับยิงธนู  ส่วนรูปสามเหลี่ยมและวงกลมไว้สำหรับยิงปืน ส่วนช่องขนาดใหญ่เอาไว้ยิงปืนใหญ่  เทหินร้อน หรือขว้างหอกใส่ข้าศึก  เรียกว่า "Ishi-otoshi/Musha-otoshi" จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 16:32:58

ความคิดเห็นที่ 37   กลับมาต่อนะคะ ^^ --------------------------------------------------------------------- เดินเข้ามาถึงภายในปราสาทแล้ว ก่อนจะเข้ามา ต้องเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าแตะ  ซึ่งขอบอกว่า เดินยากมาก ขึ้นบันไดแต่ละที  ต้องจิกปลายเท้าสุดๆ กลัวรองเท้าจะหลุดไปโดนหน้าคนด้านล่าง  5555++ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:17:32

ความคิดเห็นที่ 38   ภายในปราสาทแต่ละชั้น  ก็จะมีข้าวของเครื่องใช้ ภาพวาด รูปปั้นรูปหล่อ ในสมัยโบราณจัดแสดงไว้ให้ชม จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:18:19

ความคิดเห็นที่ 39   ตามผนังภายในตัวปราสาทตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 จะสร้างที่วางอาวุธไว้เพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก กรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หรือข้าศึกบุกกระทันหัน แท่นยื่นออกมาจากผนังเรียกว่า "Bugu-kake" ใช้สำหรับวางอาวุธต่างๆ เช่น ดาบ ปืน หรือหอก ส่วนบนคานก็เป็นตะขอเหล็ก หรือไม่ไผ่ เรียกว่า "Yogu-kake" ใช้แขวนอุปกรณ์ เช่น  ถุงใส่ดินปืน หรือสายชนวนปืน จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:19:31

ความคิดเห็นที่ 40   เออ เราก็ทำรองเท้าตกใส่คนอื่นตอนเดินขึ้นบันได -*- จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:19:40

ความคิดเห็นที่ 41   เครื่องประดับตกแต่งลิ่มไม้ที่ใช้ยึดส่วนเสาและคานต่างๆ เรียกว่า "Kugikakushi" ที่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 จะทำจากโลหะลงรักสีดำ  มีรูปร่าง 2 แบบ คือเป็นแฉกคล้ายใบไม้  กับเป็นรูปกลม   ส่วนที่ชั้น 6 จะทำจากแผ่นทองคำ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:21:37

ความคิดเห็นที่ 42   ญี่ปุ่นตอนฝนตกก็บรรยากาศดีไปอีกแบบนะคะ ^_______^ จากคุณ : แมวน้อยใส่ทูพีช เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:27:20

ความคิดเห็นที่ 43   สวัสดีค่ะ คุณ แมวน้อยใส่ทูพีช ....... อากาศดีค่ะ แต่ฟ้าไม่ใส ถ่ายรูปปราสาทออกมาไม่สวยเลย T_______T ---------------------------------------------------------------- กระเบื้องที่ใช้ประดับชายคาในปราสาทฮิเมจิ จะมีลวดลายเป็นตราประจำตระกูลต่างๆที่ซ่อมแซมปราสาทในแต่ละช่วงเวลา กระเบื้องชายคารูปร่างกลม เรียกว่า "noki marugawara" รูปโค้งเว้าธรรมดา เรียกว่า "noki hiragawara" ส่วนที่โค้งเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยมคว่ำลง  เรียกว่า  "Korean roof tile" เพราะได้อิทธิพลมาจากสถาปติยกรรมจีน/เกาหลี จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:31:17

ความคิดเห็นที่ 44   ลวดลายบนกระเบื้อง ที่เป็นตราประจำตระกูลต่างๆ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:34:10

ความคิดเห็นที่ 45   แผนผังและสมุดบันทึกแสดงการครอบครองที่ดินของเหล่าขุนนางทั้งหมด   มีรายละเอียดของชื่อ ตำแหน่งหน้าที่  ขนาดที่ดิน และตำแหน่งที่ตั้ง จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:34:56

ความคิดเห็นที่ 46   "Uchi Muro" ห้องลับ ไว้สำหรับซ่อนตัวเมื่อข้าศึกบุกเข้าภายใน และ "Ishiuchidana" แท่นสำหรับสอดส่องศัตรู และขว้างหิน หรืออาวุธลงไปใส่ศัตรู   ตั้งอยู่บริเวณที่หน้าต่างด้านเหนือและใต้  ที่ชั้น 3 และ 4 ของปราสาท จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:35:50

ความคิดเห็นที่ 47   พักสายตา ... มองวิวสวยๆนอกหน้าต่างกันหน่อย จากหน้าต่างชั้นล่าง จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:45:16

ความคิดเห็นที่ 48   มาถึงหน้าต่างชั้นบน จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:46:12

ความคิดเห็นที่ 49   ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดแล้ว  .... เห็นเครื่องประดับหลังคา  และวิวเมืองฮิเมจิกว้างไกลสุดสายตา ในสมัยก่อนที่หน้าต่างยังเปิดโล่ง จะสามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบ 360 องศาเลยค่ะ ตัว Main tower มีความสูงตั้งแต่ฐานถึงยอดปราสาทประมาณ 46 เมตร ส่วนเนินเขา  Himeyama มีความสูงประมาณ 46 เมตร รวมแล้วความสูงของปราสาทฮิเมจิ  ก็จะอยู่ที่ประมาณ  92 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:46:57

ความคิดเห็นที่ 50   ที่ชั้น 6 ของปราสาท  มีศาลเจ้าชินโต โอซาคาเบะ (Osakabe Shrine) ตั้งอยู่ เดิมที  ศาลเจ้าหลังนี้ตั้งอยุ่บนยอดเขา   Himeyama นี่เอง  เมื่อมีจะมาการสร้างปราสาทบริเวณนี้จึงต้องย้ายศาลเจ้าไปไว้ที่อื่น แต่ในภายหลังเกิดความอัปมงคลขึ้น  จึงได้มีการย้ายศาลเจ้าโอซะคาเบะกลับมาตั้งไว้ที่ชั้นบนสุดของปราสาทฮิเมจิ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:47:48

ความคิดเห็นที่ 51   "Shachihoko"  เป็นสัตว์ในจินตนาการของญี่ปุ่น  ที่มีหัวเป็นมังกรหรือเสือ ส่วนตัวเป็นปลา อาศัยอยู่ในน้ำ มีความเชื่อว่า Shachihoko สามารถบันดาลให้เกิดฝนตกได้ ในสมัยก่อน  วัดและปราสาทต่างๆสร้างขึ้นมาจากไม้ซึ่งไฟไหม้ได้ง่าย  จึงนิยมนำ Shachihoko มาประดับไว้บนหลังคา   เพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันอันตรายจากไฟ  หรือเป็นผุ้พิทักษ์ป้องกันภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:49:00

ความคิดเห็นที่ 52   ชมวิวจนหนำใจแล้ว  ก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง มีแบบจำลองโครงสร้างปราสาทตั้งแสดงอยู่ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:50:05

ความคิดเห็นที่ 53   เดินวนออกมานอกตัวอาคารแล้ว จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:51:24

ความคิดเห็นที่ 54   บริเวณสวนด้านหลัง   วันนั้นต้องรีบไปที่อื่นต่อ ก็เลยไม่มีเวลาชมสวน และส่วนอื่นๆของปราสาทเลยค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:55:11

ความคิดเห็นที่ 55   แผนผังแสดงส่วนต่างๆของปราสาท หน้าจั่วหลังคา (Hafu) ของปราสาทฮิเมจิ  ได้รับการออกแบบผสมผสานระหว่างหน้าจั่วสองแบบได้อย่างเหมาะเจาะ เกิดความอ่อนช้อยสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  แต่ก็มีประโยชน์ในการใช้สอยด้วย Chidori Hafu (Dormer Gable) เป็นรูปสามเหลื่ยม วัตถุประสงค์เพื่อเปิดรับแสงแดดและอากาศบริสุทธ์ และบางครั้ง จะมีการสร้างห้องลับเล็กๆ ใต้หลังคาขึ้น   เรียกว่า "uchimuro" อีกแบบนึง คือ  Kara Hafu (Chinese Gables) หน้าจั่วทรงโค้ง จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 17:56:07

ความคิดเห็นที่ 56   ซากุระ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:00:27

ความคิดเห็นที่ 57   ก่อนกลับ .... สะสมของที่ระลึกซะหน่อย  มีให้สลักชื่อด้วย ^^ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:01:31

ความคิดเห็นที่ 58   ขอลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตามดูอีกทีนะคะ จากคุณ : Minky girl เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:01:58

ความคิดเห็นที่ 59   ออกมาที่ประตูด้านนอกแล้วค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:06:34

ความคิดเห็นที่ 60   ค่าา   คุง Minky girl  .... นึกว่าจะไม่มีเพื่อนแวะมาซะแว้ววว แอบเหงา  กระซิกๆ     จะพยายามรีวิวให้เสร็จคืนนี้นะคะ   ----------------------------------------------------------------------------- อำลาฮิเมจิด้วยภาพนี้  ...... หวังว่าจะได้พบกันใหม่ ^^ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:08:39

ความคิดเห็นที่ 61   แหล่งข้อมูลการรีวิวปราสาทฮิเมจิ http://www.e-somen.com/castle/subdata/eng/data/si100.htm http://www.jcastle.info/resources/view/14-Japanese-Castles http://www.flickr.com/photos/chee_hian/2265763505/ http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_castle http://www.ryuusenkaku.jp/english/himeji_castle.html http://www.japaneselifestyle.com.au/travel/himeji_castle.html http://www.digital-images.net/Gallery/Scenic/Japan/Castles/castles.html http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=173729&topic_id=175904&&page=1 จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:09:20

ความคิดเห็นที่ 62   เดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่อไปกันค่ะ . . . "มัตตตสึโมโตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต้   มัตตตสึโมโตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต้" นี่คือ เสียงประกาศแรกที่เราได้ยิน ตอนก้าวลงจากรถไฟที่สถานี Matsumoto เสียงประกาศที่เป็นเอกลัษณ์แตกต่างจากประกาศเรียบๆที่สถานีอื่น  ทำให้เราสองคนอดหัวเราะในความน่ารักไม่ได้ เมื่อเดินออกจากชานชาลา   ก็จะเห็นป้ายทางออกชี้ไปสองทาง ถ้าเราจะไปปราสาท  ก็ต้องออกทาง "castle exit"  หรือ East Exit ค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:23:28

ความคิดเห็นที่ 63   ตกแต่งที่ locker ซะสวยงาม  ด้วยสัญลักษณ์ของเมืองนี้และเป็นจุดหมายของเราด้วย จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:26:15

ความคิดเห็นที่ 64   ประทับใจตรงนี้ค่ะ ขนาดแค่ห้องน้ำ   ยังมีแผนผังอย่างละเอียดยิบ   แถมมีอักษรเบรลล์และสื่อเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตาด้วย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดจริงๆ ^^ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:27:54

ความคิดเห็นที่ 65   ก่อนจะพาเที่ยว .... ขอเล่าประสบการณ์ขำๆ เกี่ยวกับโรงแรมก่อนนะคะ หลังจากที่มาถึงสถานี ซึ่งก็มาถึงตอนค่ำ  เริ่มมืดแล้ว เพราะว่าเดินทางต่อมาจากกำแพงหิมะ   คุณมังก็บอกว่า เราจะพักกันที่ Hotel Iidaya นะ  เค้าบอกว่าเดินแค่นาทีเดียวจากสถานี แล้วก็ "มีป้ายภาษาอังกฤษด้วย"   .................. โอเค!!  ฟังดูน่าจะหาง่าย ใช่มั๊ยคะ   แต่แล้ววววว  เมื่อเราเดินออกมาจากสถานี   ก็ได้เห็นกับภาพนี้ค่ะ   (รูปนี้ถ่ายตอนจะกลับแล้ว  แต่ในสถานการณ์จริง มัวแต่เอ๋อๆกันสองคนจนลืมถ่ายรุป จินตนาการว่าเป็นตอนค่ำเอาละกันเนอะ ) แลซ้าย ..... แลขวา ..... มองตรงไป .... แล้วหันมามองหน้ากัน  .............................. โรงแรมอยู่ตรงไหนฟระ !!!!! เพื่อนๆหาเจอกันรึเปล่า  อิอิ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:28:59

ความคิดเห็นที่ 66   พยายามจะมองหากันอยู่ซักพัก   ก็ยอมแพ้ คุณมังเลยโทรเข้าไปถามทางที่โรงแรม ทางโรงแรมคงจะขี้เกียจอธิบาย  .... เดินมารับเองง่ายกว่าเยอะ 555++ ยืนรอไป ก็มองหาไป  จะเดินมาจากทางไหนนะ   แป๊บเดียวเท่านั้น  ก็มองเห็นผู้หญิงคนนึง  กำลังเดินข้ามถนนมา เราสองคนชี้ชวนกันดูว่าใช่รึเปล่า แล้วก็ใช่จริงๆค่ะ     . . . เฉลย     โรงแรมเราอยู่ในมุมมอง "แลซ้าย"  (เมื่อหันหน้าออกจากสถานี) ค่ะ มองหาป้ายเขียวๆนี่เลย  ไม่ผิดที่แน่นอน จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:30:19

ความคิดเห็นที่ 67   แต่แว่........................ จนเดินถึงโรงแรมแล้ว   เราก็ยังมองหาป้ายภาษาอังกฤษกันไม่เจอ แล้วมันอยู่ตรงไหนอ่ะ  สองคน สี่ตาไม่น่าพลาดนะ . . . มาเฉลยเอาตอนเช้า    เมื่อคืนมืดมาก  มองไม่เห็น ป้ายภาษาอังกฤษอยู่ตรงนี้ค่ะ   ซูม... ซูม... และซูม ... คำเตือน  :  ถ้าต้องการจะอ่านป้ายจากตรงหน้าสถานี   กรุณาพกกล้องส่องทางไกลมาด้วย -*- จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:31:51

ความคิดเห็นที่ 68   มาดูแผนที่เมือง Matsumoto กันค่ะ จากสถานี Matsumoto ที่มุมล่างซ้าย   ตำแหน่งของ ดาว  ก็คือโรงแรมของเรา ที่เมืองนี้  มีจุดหมายปลายทางอยุ่ 2 ที่  คือ   "Nawate street" หรือ ถนนกบ กับ Matsumoto Castle สามารถเดินจากโรงแรมไปได้  ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แบบสบายๆไม่เร่งรีบ โหลดแผนที่ฉบับเต็มได้ที่ http://www.city.matsumoto.nagano.jp/english/GuideMap/index.html จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:33:49

ความคิดเห็นที่ 69   หลังจาก เช็คอินแล้ว  เราก็ออกมาหาอะไรกินกันค่ะ   จำได้รางๆว่าคนที่โรงแรมแนะนำร้านโซบะเนื้อม้าหรืออะไรซักอย่างให้   .... เพิ่งรู้ว่า  อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ "เนื้อม้า" แต่เดินผ่านร้านนี้  เห็นมีเซ็ทพิเศษราคาถูกก็เลยเลือกร้านนี้แหละ 555++ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:34:53

ความคิดเห็นที่ 70   แง๊ ... เงียบเหงาจัง  มีใครอยู่มั๊ยค๊าาาา ---------------------------------------------------------------- เมนูเยอะแยะมากมาย คุณมังสั่งหน้าหมูกับไข่ลวก เพราะไม่ชอบกินซุป   หมอสั่งเซ็ทเนื้อกับซุป  และไข่ลวก จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:36:16

ความคิดเห็นที่ 71   ขอบอกว่า   ตั้งแต่เราได้กินข้าวหน้าเนื้อกับไข่ที่ร้านโยชิโนยะตอนไปพักที่โอซาก้า เราสองคนก็เป็นโรค  "คลั่งไคล้ข้าวกับไข่ลวก"  เป็นที่สุด ไข่เยิ้มๆ    อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  (แต่ โยชิโนยะที่โอซาก้า ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งในใจเสมอ >.<) จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:37:04

ความคิดเห็นที่ 72   หลังจากกินอิ่ม   ก็ไปเดินย่อยกันค่ะ คุณมังบอกว่าจะเดินไปดูปราสาทตอนกลางคืน   ทีแรกหมองอแงนิดหน่อย เพราะเริ่มง่วงบอกว่าอาจจะไม่ไป แต่พอกินเสร็จก็ตาสว่างแล้ว    เลยเดินไปด้วยกันค่ะ ผ่านร้านนี้   จัด Display หน้าร้านน่ารักมากๆ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:39:30

ความคิดเห็นที่ 73   คุณลุงซดโซบะอย่างมีความสุข จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:40:11

ความคิดเห็นที่ 74   ขาไปตอนกลางคืน  เดินลัดเลาะมาตามตรอกซอกซอย  ทำให้รู้สึกวังเวงเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็มาถึง  ....   "Matsumoto castle" ตั้งตระหง่านล้อแสงไฟ  ตัวปราสาทที่ดำทะมึนทำให้ดูน่าเกรงขาม จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:43:03

ความคิดเห็นที่ 75   เมื่อไปถึง  .... เราก็ได้ยินเสียงอะไรเฮฮาเหมือนมีงานอะไรซักอย่างเลยเดินไปดู ก็เห็นว่า  มีการแสดง street show อยู่  แต่พอเดินไปถึงก็แสดงจบพอดี แต่ดูจากจำนวนคนแล้ว   ท่าทางจะได้รับความนิยมไม่น้อยทีเดียว . . เมื่อไม่ได้ดูการแสดง เราก็เลยเบนความสนใจกลับมาที่ปราสาทอีกครั้ง ยังพยายามจะถ่ายรูปกันอย่างจริงจัง  แต่ถ่ายมาไม่ได้จะสวยเลยซักกะรุป -*- จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:50:30

ความคิดเห็นที่ 76   Matsumoto castle เป็นหนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อแรกสร้างได้อย่างสมบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น  สมบัติประจำชาติญี่ปุ่น    ร่วมกับปราสาทอีก 4 แห่ง  คือ - Himeji castle - Inuyama castle  ที่เมืองอินุยามะ  จังหวัดอิจิ  ซึ่งถือเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น - Hikone castle ที่เมืองฮิโกเนะ  จังหวัดชิกะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 18:52:59 จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:52:17

ความคิดเห็นที่ 77   เป็นปราสาทแบบ "hirajiro" ตั้งตะหง่านอยู่ใกล้กับใจกลางอ่างเก็บน้ำมัตสึโมโตะ (Matsumoto Basin) ในเมืองมัตสีโมโตะ   มีความสูง 600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยมีฉากหลังเป็น เทือกเขาสูง 3000 เมตรของ Japan Alps ที่ทอดตัวอยู่ทางด้านตะวันตกของเมือง ว่ากันว่า  พื้นที่ในการสร้างปราสาทได้รับการคัดเลือกมาโดยเฉพาะ  เพราะได้รับการทำนายว่าเป็นพื้นที่นี้ได้รับพรแห่งมงคลและความมั่งคั่งเจริญรุ่งเรือง จาก shijin หรือสัตว์ผู้พิทักษ์ทั้ง 4   ได้แก่  เต่า มังกร  นักกระจอก และเสือ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:56:42

ความคิดเห็นที่ 78   หลังจากถ่ายรูปกันไปพอสมควรแล้ว  .... เราก็เดินกลับมาที่พัก . . . ตื่นเช้าขึ้นมา ก็เตรียมตัวกลับไปเยี่ยมชมปราสาทในตอนกลางวันบ้าง  แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หาอะไรกินก่อนละกัน ห้องพักที่นี่รวมอาหารเช้าด้วยค่ะ  ซึ่งตอนเช็คอินเค้าจะให้เลือกเลยว่าจะรับ American Breakfast หรือ Japanese Breakfast   เลือกแล้วเค้าก็จะเขียนไว้ในคูปองอาหาร  พอตอนเช้าลงมาที่ห้องอาหารก็แค่ยื่นใบคูปองให้แม่ครัว  เค้าก็จะยกออกมาให้ได้ทันที เราสองคนเลือก Japanese Breakfast ทั้งคู่   หน้าตาก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:58:21

ความคิดเห็นที่ 79   อิ่มท้องแล้ว .... พร้อมเดินทาง!!! ช่วงที่เดินไปนั้นเป็นเวลาเดินทางไปทำงาน ไปโรงเรียนของชาวเมืองด้วยเช่นกัน เราก็เลยได้เจอกับ "กองทัพจักรยาน" เยอะแยะมากมาย   ทั้งบนนถนน และบนทางเท้า -*- จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 18:59:33

ความคิดเห็นที่ 80   เดินสบายๆ   มีแสงสว่างแล้วก็พบว่าข้างทางทีอะไรให้ดูเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ เห็นร้านขาย  "เสื้อคู่"  ไม่ใช่เสื้อคู่รัก แต่เป็นเสื้อคู่แฝด  คู่เพื่อนสนิท น่ารักม๊ากกกก จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:02:08

ความคิดเห็นที่ 81   จากที่เห็นในแผนที่นะคะ   ว่าจากโรงแรมถ้าเราจะเดินไปปราสาทจะผ่าน "ถนนกบ" ได้ด้วย เมื่อคืน  คุณมังถามพนักงานที่ รร. มา  ได้ความว่า  เดินไปให้เจอแม่น้ำ (หรือคลอง??) นะ แล้วก็เดินเลียบริมน้ำไปจะเจอนาฬิกากลมๆอยุ่ตรงสะพาน  ก็ใช่แล้วล่ะ  เราก็มองหานาฬิกากลมๆกันไปตลอดทาง แต่ขอบอกว่าเมืองนี้มีนาฬิกาเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  แทบจะทุกหัวมุมถนนเลยทีเดียว สุดท้ายก็เดินไปถึงจนได้อ่ะนะ . . . จริงๆ ก็ไม่ยากหรอกค่ะ  เดินไปยังไงก็ได้ให้เจอน้ำ  แล้วเดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆ จนเจอสะพาน  สะพานชื่อนี้นะคะ (อ่านไม่ออก -*-)  เจอนาฬิกาอยู่ตรงสะพาน จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:03:08

ความคิดเห็นที่ 82   และที่สำคัญ   ต้องเจอ "กบ"   ไม่แน่ใจว่ากบตัวนี้จะตั้งไว้ถาวรรึเปล่า เพราะเหมือนเป็นของที่ใช้ในขบวนแห่มากกว่า  แขนข้างนึงก็หักไปแล้วด้วย จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:04:13

ความคิดเห็นที่ 83   เดินมาถึง "ถนนกบ"  เพื่อจะพบว่า   ............ เรามาเช้าเกินไป  (-_-") ยังไม่มีร้านไหนเปิดเลยค่ะ จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:21:14

ความคิดเห็นที่ 84   ถ่ายรูปบรรยากาศถนนกบตอนไม่มีคนกันเล็กน้อย  แล้วก็ตัดสินใจเดินไปปราสาทกันก่อน เดินผ่านตรงนี้ เห็นตึกทรงโบราณถูกขนาบด้วยตึกสมัยใหม่  ดูแล้ว contrast กันอย่างรุนแรง   เห็นตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไมได้ถ่ายรุป  ตอนเช้าขาไปเดินผ่านก็ยังไม่เปิดค่ะ ขากลับถึงจะรู้ว่าเป็นร้านหนังสือเก่า ชอบมากจริงๆค่ะ   เป็นตึกที่สามารถยืนหยัดยึดมั่นในตัวตนของตัวเองได้อย่างมั่นคง ^^ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 19:22:23 จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:22:00

ความคิดเห็นที่ 85   มาถึงปราสาทมัตสึโมโตะกันแล้วว . . จุดเริ่มต้นของปราสาทมัตสึโมโตะ สามารถย้อนกลับไปถึงในสมัยยุค Sengoku ในปี 1504  Shimadachi Sadanaga แห่งตระกูลโอกาซะวาระ ได้สร้างป้อมปราสาท ใช้ชื่อว่า "Fukashi Castle"ขึ้น ต่อมาในปี 1550 ปราสาทหลังนี้ถูกยึดครองโดยตระกูล  Takeda   และได้ตกทอดมาถึง  Tokugawa Ieyasu  ในเวลาต่อมา แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 19:23:48 จากคุณ : coccinelle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 19:23:23