ความคิดเห็นที่ 1   สำหรับทริปนี้เริ่มจากคุณเพื่อนอยากจะไปฮันนีมูน(แบบ Backpack) กันที่ยุโรป ประจวบเหมาะกับ Lufthansa ออกโปรฉลองครบรอบ 50 ปีมาพอดี คุณเพื่อนเลยปฏิบัติการชักชวนเพื่อนๆๆๆๆๆๆๆ ซึ่งแต่ละคนใจง่ายมาก.. ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่ผมขอเล่นตัวนิ๊ดส์นึง... ถ่วงเวลาได้ 3 ชม. ก็ตอบตกลง โดยกำหนดเดินทางคือ ออกเดินทางคืนวันศุกร์ที่ 2 เมษายน - 18 เมษายน ครับ กับ 7 ชีวิต + 2 (อีก 2 คือคุณเพื่อนที่มาแจมโปรแกรมด้วยเป็นบางวันครับ) ด้วยค่าตั๋วเพียง 22500 บาทถูกกว่านี้มีอีกมั๊ย อิอิ กับ 3 ประเทศที่ทัวร์มักตั้งชื่อว่า Grand Europe ครับนั่นคือ Italy Switzerland และ France ซึ่งตอนจองพลาดไปเล็กน้อยเพราะยังไม่มีแพลน เลยจองตั๋วไปกลับจาก ปารีส ทั้งหมด ทั้งๆที่ขาไปควรไปลง Rome มากกว่าครับ การเตรียมตัวทริปนี้ จริงๆมีเวลามากทีเดียว แต่ไม่ยอมเตรียมตัว ด้วยนิสัยเสียเดิมๆที่ทำจนชินคือตั้งธงไว้ว่าไปที่ไหนบ้างหลักๆ Detail ไม่เคยหา(ดู Map นิดหน่อย) แล้วไปตายเอาดาบหน้า ก่อนอื่นขอสรุปโปรแกรมโดยรวมให้ฟังก่อนครับ  2 เม.ย.    ออกเดินทาง  3 เม.ย.    Mini City Tour in Paris --> นอนรถไฟไป Rome  4-5 เม.ย.    Rome --> นอน Navigaotr Hostel  6 เม.ย.    Florence Pisa --> นอน Florence  7-8 เมย.  Venice Murano Burano --> นอน Venice  9 เม.ย.    Milano - Lucern --> นอน Lucern  10 เม.ย.  Mt.Pilatus - Interlaken --> นอน Interlaken  11 เม.ย.  Jungfraujoch --> นอน Interlaken  12 เม.ย.  Interlaken Lake Thun Zermatt --> นอน Zermatt  13 เม.ย.  Matterhorn Peak-Montreux --> นอน Montreux  14 เม.ย.  Montreux - Paris --> นอน Paris  15 เม.ย.  Paris City Tour , Eiffel Tower --> นอน Paris  16 เม.ย.  Versille, Louvre  --> นอน Paris  17 เม.ย.  Shopping --> กลับบ้าน (แต่ไม่ได้กลับเพราะภูเขาไฟระเบิด)  18 เม.ย.  พักผ่อนซักเสื้อผ้า + ไปเก็บ Twilight ที่ Eiffel  19 เม.ย.  ไปกงศุลไทยเรื่อง VISA / พักผ่อนตามอัธยาศรัย  20 เม.ย.  City Tour Pathenon Obelisk Monument ประตูชัย Twilight  21 เม.ย.  Disneyland  22 เม.ย.  กลับบ้านซักที แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 00:14:18 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:13:54

ความคิดเห็นที่ 2   สำหรับตอนนี้เริ่มที่วันที่ 4 เมษายน ครับโดยผมนั่งรถไฟนอนข้ามมาจากฝรั่งเศส ถ้าจำไม่ผิดผมจองตั๋วไปล่วงหน้าจาก http://www.raileurope-world.com/ หรือจริงๆเราอาจจะซื้อผ่าน Agent ในเมืองไทยก็ได้ครับ อาทิ ดีทแฮล์ม หรือ กาลิเวอร์ แต่ยังงัยลองเช็คเรื่องราคา กับค่าออกตั๋วด้วยนะครับ ส่วนถ้าจองผ่านเว็บก็เช็คเรื่องค่าจัดส่งด้วยครับ แต่เท่าที่ผมเช็คตอนนั้นซื้อจาก Web รวมค่าจัดส่งแล้วก็ยังถูกกว่าครับ สำหรับที่โรมผมเลือกที่จะพักที่ Navigator Hostel เนื่องจากทำเลค่อนข้างดี และถูกที่สุดครับ โดยผมจองไปจาก Hostelworld.com ครับ อันนี้เป็นแผนที่ Metro ของ Rome ครับโรงแรมผมอยู่ที่ Vittorrio Emmauel ซึ่งอยู่ห่างไป 1 สถานีจาก Termini ซึ่งเป็นสถานีหลักของเค้าครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:15:03

ความคิดเห็นที่ 3   ช่วงที่ไปที่โรมออกจะโชคร้ายไปซักหน่อยครับ เนื่องจากเป็นช่วงพายุเข้าพอดี เลยเจอสภาพอากาศฝนตกตั้งแต่วันแรกเลยครับ หลังจาก Check in เสร็จ ก็อาบน้ำเพื่ออีกสองคนที่ตามมาที่โรมเหมือนกันขอ Map จากที่ Hostel แล้วก็เริ่มลุยกันครับ โดยโปรแกรมวันนี้คือ Spanish Step, Fountain Trevi, Phantenon, Vatican ครับ โดยใช้การเดิน (อีกแล้ว) และเที่ยวเก็บตกไปตามทางที่เดินผ่านครับ ว่าแล้วก็นั่ง Metro ไปกันแล้ย โดยจากที่พักผมนั่งไปลงที่สถานี Spagna (สายสีส้ม)ครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:15:48

ความคิดเห็นที่ 4   Piazza di Spagna พอขึ้นจากสถานีปุ๊บฝนก็ตกปั๊บ.... (จริงๆตกตั้งแต่อยู่ที่ Hostel แล้ว) จุดที่เราโผล่ออกมาเรียกกันว่า Piazza di Spagna หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า จตุรัสสเปน ครับ เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมของหนุ่มสาวหน้าตาดี....ที่มักมานั่งตากแดด หนุงหนิงๆ กันที่นี่แต่วันนี้ฝนตก มองซ้ายมองขวา เจอแต่ร่มหลากสีซะงั้น ถ้าจำไม่ผิดการที่นี่ได้ชื่อว่าจตุรัสสเปนก็เพราะว่าในบริเวณแห่งนี้จะมี สถานฑูตของสเปนตั้งอยู่นั่นเองครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:19:36

ความคิดเห็นที่ 5   เอ๊ะ... นี่ใช่หนุ่มสาวหน้าตาดีที่ว่าหรือเปล่า... สงสัยจะไม่ใช่ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:20:47

ความคิดเห็นที่ 6   โบสถ์ Trinità dei Monti มองไปด้านบนผ่านบันไดชันๆ จะเห็น โบสถ์ Trinità dei Monti. ซึ่งตั้งอยู่บน Piazza Trinità dei Monti ซึ่งมีฝรั่งเศสเป็น เจ้าของ งงนะเนี่ย... อยู่อิตาลี ที่บันไดเสปน แต่เจ้าของเป็นฝรั่งเศส เค้า (Wikipedia) ว่าไว้ว่าเมื่อปี 1494 โดยฤาษีจาก Calabria นาม Saint Francis of Paola ขอซื้อที่ที่เดิมเป็นไร่องุ่น จากนั้นขออนุญาตจาก Pope ที่ IV เพื่อสร้างโบสถ์แห่งหนึ่งขึ้นแถวๆนี้ แล้วช่วงปี 1502 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ได้สร้างโบสถ์นี้ขึ้นเพื่อเป็นการฉลองการยึดครองเมือง เนเปิ้ล (นาโปลี)ได้สำเร็จ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:22:12

ความคิดเห็นที่ 7   หันมองกลับไปทาง Piazza di Spagna จะเห็นวิวเมืองน๊อกเมืองนอก (ก็แน่หล่ะอยู่เมืองนอกนี่นา ) แต่แอบโกรธฝนตกแบบนี้ฟ้าขาวจั๊วะ ถ่ายรูปไปกางร่มไปเช็ดหน้าเลนส์ไป หยังกะคนบ้า จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:22:46

ความคิดเห็นที่ 8   เราเข้าไปดูข้างในโบสถ์กันครับ (ตอนไปที่เข้าไปเพราะว่าฝนเริ่มตกหนักแล้วนั่นเอง เราเลยต้องหาที่หลบฝนกันครับ ) จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:23:57

ความคิดเห็นที่ 9   โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Gothic ครับ ว่าแล้วก็ขอซักรูป อิอิ ภายในของโบสถ์แห่งนี้ก็ถือว่ามีความสวยงามมากทีเดียวครับ แต่เราจะไม่ได้เข้ามาเลยถ้าฝนไม่ตก จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:24:31

ความคิดเห็นที่ 10   หลังจากฝนเริ่มเบาลงเราก็ออกมาเดินเล่นด้านนอกกันครับที่ Piazza Trinità dei Monti เริ่มเห็นศิลปินเอารูปวาดมานั่งขายกัน จากมุมนี้มองไปเห็นเมืองได้ทั่วเลยครับ ถือว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียวครับถึงว่าตอนนั้นเค้าถึงนำมาสร้างเป็นโบสถ์ฉลองชัยชนะกันครับ ที่เห็นไกลๆลิบๆ น่าจะเป็นมหาวิหารโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่นครวาติกันครับ ซึ่งวันนี้เราจะเดินไปตรงนั้นกันครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:25:27

ความคิดเห็นที่ 11   จากนั้นก็เดินไปต่อกันครับ... จุดมุ่งหมายต่อไปจริงๆคือ น้ำพุเทรวี่ แต่ตั้งแต่เรามาถึงอิตาลีจนบ่ายสองกว่าเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยดังนั้นจึงเริ่มสอดส่ายสายตาหาของกิน ตอนแรกว่าจะกิน Mc เพื่อความประหยัดแต่เราเจอร้านหน้าตาดี เลยแวะเลยครับ อิอิ ร้านจะอยู่ตรงจุด B ใน Map ครับ จาก Map จะเห็นว่าสถานี Spagna จะเหมือนว่าอยู่ไกลจาก บันไดสเปน (A) แต่จริงๆแล้วขึ้นมาให้ถูกฝั่ง (ตามๆเค้าบวกดูป้าย) มันจะโผล่ขึ้นมาตรงข้างๆบันไดสเปนเลยครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:25:57

ความคิดเห็นที่ 12   ร้านหน้าตาดี มีหรือเราจะพลาด อิอิ มีเจลาโต้รอเป็นของหวานอยู่ด้วย อิอิอิ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:26:20

ความคิดเห็นที่ 13   อาหารมื้อแรกในอิตาลีของเราเลยเริ่มด้วย อาหารอิตาเลี่ยน อิอิ แต่ก่อนอื่นขอกาแฟก่อนเลย อยากมานานจะลงแดง แต่มาที่นี่อย่าได้สั่งกาแฟเย็นกินนะครับ... กาแฟเย็นเค้าคือกาแฟร้อนที่ไม่ร้อน (ผ่านการใส่น้ำแข็งไป 1 ก้อน) ไม่ได้เป็นกาแฟเย็นแบบบ้านเราอ่ะ... เพื่อนผมบ่นอุบเลย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:26:42

ความคิดเห็นที่ 14   มาอิตาลีก็ต้องกินพิซซ่าครับ พิซซ่าที่นี่ถือว่าอร่อยทีเดียวครับเมื่อเที่ยบกับพิซซ่าทั่วๆไป ที่มีแต่แป้งแข็งๆ อันนี้หน้าเด็กโลภใส่มันทุกหน้าเลย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:27:06

ความคิดเห็นที่ 15   ตามด้วยไก่อบอะไรซักอย่างจำไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าอร่อย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:27:37

ความคิดเห็นที่ 16   และมีเนื้อลูกวัวครับ.... ร้านนนี้อร่อยและไม่แพงมากนักครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:27:58

ความคิดเห็นที่ 17   อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างที่อิตาลีก็คือไอติมเจลาโต้นี่หล่ะครับ... กินที่นี่ราคาพอกะเมืองไทย แต่แน่นอนเทียบค่าครองชีพแล้วถูกกว่ามาก เวลาไปเที่ยวประเทศที่ค่าเงินแพงๆ.. อยากกินไรกินไปเถอะครับมัวมาคิดว่าแพง...สุดท้ายอดกินทุกอย่าง ของแบบนี้นานๆมาครั้งถ้าไม่ขัดสนอะไรกินๆไปเลยครับ อิอิ ปล. เอารูปของกินมาขึ้นหลังเที่ยงคืนจะมีใครงับหัวเอามั๊ยเนี่ย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:28:34

ความคิดเห็นที่ 18   หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อแรกในอิตาลีแล้วผมก็ออกมาเดินเล่นนอกร้านซึ่งตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว มุมนี้อยู่ข้างร้าน... แม้ฝนจะตกฟ้าจะขาว แต่ถนนเปียกๆ แบบนี้มันได้บรรยากาศดีเหมือนกัน เห็นมุมแบบนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง When in Rome (ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยดู) เลยเป็นที่มาของชื่อตอนตอนนี้นั่นเอง จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:29:54

ความคิดเห็นที่ 19   ดังนั้นผมจึงไม่พลาดที่จะขอเอาตัวเองลงไปในภาพด้วย... และแน่นอนเมื่อมีหนึ่งก็จะมีอีก แปดชีวิตขอภาพไปด้วยนั่นเอง ซึ่งก็เป็นแบบนี่ทุกที่ไปยันจบทริปเลยครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:30:09

ความคิดเห็นที่ 20   จากนั้นก็เดินๆๆๆ ประมาณครึ่งกิโลครับไปยังจุด C นั่นก็คือ น้ำพุเทรวี่ซึ่งระหว่างเดินฝนหยุดตก แต่ไปถึงน้ำพุฝนตกซะงั้นเลย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:30:35

ความคิดเห็นที่ 21   fontana di trevi คำว่า Trevi นั้น ได้ถูกตั้งตามชื่อเด็กหญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้พาทหารในสมัยนั้นไปค้นพบตาน้ำผุด Credit ข้อมูลจาก FB คุณเพื่อนที่ไปด้วยกันซึ่งหาข้อมูลมาจาก จารย์กู้ อีกที จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:32:39

ความคิดเห็นที่ 22   ที่น่ำพุเทรวี่จะมีรูปปั้นของเทพเจ้าต่างๆมากมาย (แต่ยังไม่ได้หาข้อมูลเลยว่ามีอะไรบ้าง ) จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:33:52

ความคิดเห็นที่ 23   เค้าว่ากันว่าหากเราโยนเหรียญด้วยมือขวา อ้อมไหล่ซ้ายไปแล้วหล่ะก็ เราจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งครับ ดังนั้นเตรียมเหรียญไทยไปโยนเยอะๆนะครับ (ก็เหรียญยูโรมันแพงนี่หว่า ) แต่ตอนโยนระวังหัวคนข้างๆด้วยนะครับ เด๋วไปโดนหัวใครแตกเข้า แต่ก็มีคนไปเพิ่มเติมไปอีกว่าหากสาวๆ เป็นผู้โยนเหรียญแล้วนอกเหนือจากการที่จะได้กลับมาที่อิตาลีแล้วยังจะได้สามีอิตาลีอีกด้วยนะเออ... จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:35:30

ความคิดเห็นที่ 24   ไม่รู้เป็นอะไรหลังจากเดินออกจากน้ำพุฝนก็หยุดตก อีกแล้ว ฮึ่มเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเจรงๆ จุดมุ่งหมายต่อไปคือการเดินไปยัง Panthenon ครับ ตามแผนที่นี้เลยครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:36:05

ความคิดเห็นที่ 25   Via Delle Muratte Via หรือที่แปลว่าถนน Delle Muratte นั่นเป็นถนนที่ในวันหยุด เค้าจะทำเป็น Shopping Street (หรือมีทุกวันอันนี้ก็ไม่แน่ใจครับ) มีพวกของที่ระทึกต่างๆมากมาย แต่ผมก็เดินดูๆผ่านๆมากกว่าครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:38:23

ความคิดเห็นที่ 26   ที่ถนนแห่งนี้ จะมีพวกจิตรกรมาแสดงการพ่นสีเป็นรูปต่างๆครับ พ่นสดๆ ขายสดๆ ตรงนั้นเลยครับ เก่งน่าดู จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:39:13

ความคิดเห็นที่ 27   จริงๆ พึ่งดู Map เมื่อตะกี้ว่าถ้าไป Pantheon มีทางลัดเดินตรงไปได้เลย แต่จาก Map ในรูปตะกี้ผมเดินไปที่จุด B ก่อนซึ่งตรงนั้นคือ Piazza Colonna ตามชื่อเลยครับมีความเกี่ยวข้องกับทหารแน่นอน Piazza  Colonna ในบริเวณตรงนี้มี Column หรือ เสา ที่สร้างให้เป็นเกียรติแก่จกัรพรรดิ์โรมันนาม Marcus Aurelius ซึ่งอิเสานี้ก็เรียกว่า Column of Marcus Aurelius นั่นเองครับ รายละเอียดยังงัยไป Search อ่านจาก Wiki ได้เลยครับ เสานี้เองมีแกะสลักอะไรๆ ไว้เต็มไปหมดเลยครับซึ่งมีเรื่องราวมากมายแต่ผมไม่รู้ พึ่งมารู้ว่ามันคืออะไรตอนมานั่งหาข้อมูลเพื่อทำ Review นี่หล่ะครับ ดังนั้นใครที่ชอบเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ Rome ผมแนะนำให้หาหนังสืออ่านไปก่อนเลยนะครับมีประโยชน์มากจะได้ซาบซึ้งถึงประวัติศาสตร์เค้าครับ อิอิ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:41:14

ความคิดเห็นที่ 28   จากนั้นเดินทะลุจากจุดนี้ไปด้านหลังที่ Piazza di Monte Citorio เป็นที่ตั้งของรัฐสภาของอิตาลีหรือ "Chamber of Deputies" จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:41:39

ความคิดเห็นที่ 29   ระหว่างนั่งเล่นอยู่กลาง Piazza (นั่งจริงๆเลยครับ) เพราะคนที่นั่นเค้าก็มานั่งตากแดดกันกลางถนนนี่หล่ะครับ เพียงแต่วันนี้ฝนตก ก็เจอแก๊งค์เด็กเสื้อแดงมาแตกรังแถวนี้ คงเป็นพวกพาเด็กทรรศนะศึกษาหล่ะครับ... จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:42:14

ความคิดเห็นที่ 30   Pantheon จากนั้นเราก็เดินต่อไปยัง Pantheon ซึ่งตั้งอยู่ที่ Piazza della Rotonda ซึ่งหากใครเคยอ่าน เซนต์เซย์ย่า Pantheon นี้ก็คือปราสาทประมาณนั้นหล่ะครับ ซึ่ง Pantheon ซึ่งถูกบรรชาการสร้างโดย Marcus Aurelius (ชื่อคุ้นหรือเปล่า ย้อนกลับไปอ่านComment ข้างบนครับ อิอิ) โดยที่นี่สร้างประมาณเป็นที่อยู่ของพระเจ้าของ Aciant Rome ดังนั้นในระแวกนี้ร้านขายของที่ระลึกจึงออกแนวชุดนักรบเยี่ยงนี้หล่ะครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:43:13

ความคิดเห็นที่ 31   แอบโกรธว่าตัววิหารถูกซ่อมอยู่ครึ่งนึง... ซึ่งต่อจากนี้ไปที่ไหนๆ มันก็เล่นปิดซ่อมเกือบทั้งนั้นเลย รูปตะกี้ก็ไม่ได้จะ Art อะไรหรอกครับเอาชุดนักรบมาบังปราสาทส่วนที่ซ่อมอยู่นั่นเอง แต่พอไปๆมาๆ มาดูรูปปรากฎชั้นลืมถ่ายรูปแบบเต็มๆที่มีการซ่อมมาซะงั้นเวรกำเจรงๆ ที่ด้านหน้าของ Pantheon ก็คือ Piazza della Rotonda มีหน้าตาประมาณนี้ครับ และอีกครั้งที่เรามาถึงที่นี่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีก... ฮึ่ม จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:44:09

ความคิดเห็นที่ 32   บริเวณทางเข้าคนเยอะมากกกกก... แต่เราก็ยังพอมีที่ให้หยุดยืนถ่ายรูปหมู่บ้าง อะไรบ้าง จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:45:13

ความคิดเห็นที่ 33   หวึ๋ย ซ้ำๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 00:47:11 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:46:12

ความคิดเห็นที่ 34   ภายในตัวอาคารจะประดับประดาไปด้วยรูปแกะสลักพระเจ้าต่างๆมากมาย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:47:38

ความคิดเห็นที่ 35   หง่ะ กระทู้บ๊องอีกแล้ว อย่าด๋อยนะลูก แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 00:53:17 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:51:47

ความคิดเห็นที่ 36   บริเวณยอดของอาคารจะมีรูให้แสงลงมาได้ ว่ากันว่าเป็นเส้นทางขึ้นสู่สรวงสวรรค์ของบรรดา เทพฯ และกษัตริย์ นั่นเอง จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:52:41

ความคิดเห็นที่ 37   ว่าแล้วขอรูปหมู่แบบไม่มีขาตั้งกล้องซะหน่อย อิอิ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:53:49

ความคิดเห็นที่ 38   หลังจากเดินออกจาห Pantheon ก็เดินต่อไปที่ Piazza Navona ซึ่งไม่ได้อยู่ในโปรแกรมที่จะแวะตอนแรก แต่พนักงานที่โรงแรมที่ให้แผนที่มา วงๆ แถวๆนี้มาด้วยเราเลยแวะมาดูกันซักหน่อย เดินๆประมาณครึ่งกิโลก็ถึงครับ... ระหว่างทางก็ฝนหยุดไป แต่พอไปถึงจตุรัสฝนกลับตกลงมาซะงั้นให้มันได้อย่างนี้ซิ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:54:23

ความคิดเห็นที่ 39   Piazza Navona Piazza Navona ก็เป็นอีกหนึ่งจตุรัสเก่าแก่ในอิตาลีมีประวัติคร่าวๆคือ ถูกสร้างขึ้นเมื่อราวๆ 2000 ปีที่แล้ว (ศตวรรษที่ 1) ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นพื้นที่โล้งแจ้งเพื่อทำเป็นสนามกีฬาแห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า Circus Agonalis ที่ชาวโรมันจะมาดูการแข่งขันกีฬา (agones) ซึ่งว่ากันว่าเรียกเพี้ยนกันจาก in agone เป็น Navone และสุดท้ายก็เพี้ยนเป็น Navona ในที่สุด โดยปัจจุบันที่จตุรัสแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ตั้งของร้านอาหารล้อมรอบจตุรัสเต็มไปหมดเลยครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:55:12

ความคิดเห็นที่ 40   แวะมาทักทายไว้ก่อนนะครับ ... พรุ่งนี้จะตามกลับมาเก็บ บรรยากาศภาพสวยๆ อีกครั้งครับ ... ปล. เคยไปเที่ยวมาเมื่อหลายปีมาแล้วครับ ... เห็นภาพเปิด แล้วทำให้อยากกลับไปเที่ยวอีกสักครั้งจริงๆครับ ... หลงมนต์เสน่ห์ ของ ยุโรปตะวันตก เข้าไปเต็มเปาครับ จากคุณ : ต่ายน้อย (coopers2006) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:55:34

ความคิดเห็นที่ 41   บริเวณตรงกลางจตุรัสจะมีเสา Obelisk อยู่ท่ามกลาง Fontana dei Quattro Fiumi หรือ Fountain of the four River ซึ่งแต่ละมุมจะมีรูปปั้นซึ่งแทนแม่น้ำสายสำคัญจาก 4 ทวีป ได้แก่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำดานูป แม่น้ำไนล์ และ แม่น้ำพลาต้า ออกแบบโดย Gian Lorenzo Bernini และด้านหลังจะเป็นโบสถ์ Sant'Agnese in Agone ครับ แต่สังเกตมันปิดซ่อมน้ำพุ มันจะซ่อมอะไรนักหนาเนี่ย ซึ่งจตุรัสแห่งนี้เองได้ถูกใช้เป็นฉากหนึ่งในการสร้างหนังเรื่อง Angels and Demons ตั้งแต่ปี 2000 โดย Dan Brown รวมไปถึง การสร้างหนังเรื่องเดียวกันเมื่อปี 2008 โดย Ron Howard ซึ่งรอบนี้มี Tom Hanks เป็นผู้แสดงด้วย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:55:35

ความคิดเห็นที่ 42   สวัสดีครับคุณต่ายน้อย... ด้วยความยินดีเลยค้าบบบ จะรอนะครับ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ด้วยความที่ว่าฝนตกปรอยปรายมาตลอด เลยไม่ค่อยได้มีเวลาละเมียดละไมก็ที่นี่เท่าไหร่ อีกทั้งตอนไปไม่รู้ด้วยว่าที่นี่มันคืออะไร พึ่งจะมา Search ข้อมูลหาตอน Up FB กะมารีวิวใน BP เช่นกัน (ไม่ควรเอาเยี่ยมอย่างนะครับ ) สำหรับจุดหมายต่อไปคือเดินไปที่ นครวาติกันครับ เดินค่อนข้างไกลเล็กน้อยราวๆ 1.6 กม. แต่เราก็จะแวะแถวๆ จุด B คือ Castel Sant'Angelo ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 00:57:36 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:57:05

ความคิดเห็นที่ 43   ตะกี้ผิดรูป... เนี่ยน้า ไม่ได้รีวิวมานานทำไรก็ติดขัดไปหมด จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:58:10

ความคิดเห็นที่ 44   ระหว่างทางเดินไปเราตัดสินใจเดินไปริมแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นลำดับที่ 3 ในอิตาลีครับ ซึ่งวิวระหว่างทางริมน้ำก็ไม่ผิดหวังเลยครับ มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูป แต่ด้วยความที่ว่าฝนตกเราเลย จ้ำๆๆๆๆ กันต่อไป น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:58:34

ความคิดเห็นที่ 45   เย้  มาแล้วรีวิวของพี่เอ๋อ้อยที่นู๋คิดถึง  อยากได้ผ้าพันคอในความเห็นที่ 9 บ้างอ่ะพี่ ลืมซื้อมาให้น้องชิแมะ คืนนี้ลิเวอร์พูลเสมอ เปิดฤดูกาล ก็ยังดีกว่าแพ้นะคะ รูปสวยมากๆๆๆ  พรุ่งนี้ Lily มาดูค่อค่า  หยุดติดกันหลายวัน เกือบลืมว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว T_T จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:58:35

ความคิดเห็นที่ 46   สวัสดีจ้านู๋ลี่... ดีใจนะเนี่ยที่ยังไม่คนคิดถึงรีวิวเราอยู่ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากนั้นเดินไปซักพักก็เราก็ไปข้ามแม่น้ำตรงสะพานที่อยู่ตรงหน้า Castel Sant'Angelo ซึ่งเป็นที่ที่กะว่าจะแวะตั้งแต่ตอนหาข้อมูลแล้ว จุดเด่นที่เห็นง่ายๆ คือมีถนนล้อมรอบเป็นรูปห้าเหลี่ยมครับ (เลยเป็นเหตุผลที่จะแวะ ) ซึ่งสะพานที่เราข้ามกันนั้นมีชื่อว่า Ponte Sant'Angelo จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:00:27

ความคิดเห็นที่ 47   Castel Sant'Angelo Castel Sant'Angelo นั้นถูกบัญชาการสร้างโดย Roman Emperor Hadrian เพื่อให้เป็นที่ใช้เก็บศพของตนเองและครอบครัวครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วที่แห่งนี้ได้กลายสภาพเป็น ป้อมปราการ และกลายเป็น Museum ในปัจจุบันครับ ปล. สุดท้ายไม่ได้แวะ แค่ผ่านถ่ายรูปด้านหน้าอย่างเดียว จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:01:25

ความคิดเห็นที่ 48   "จากนั้นก็เดินต่อไปที่วาติกันครับ ฝนที่ตกๆหยุดๆ อยู่ๆก็เริ่มตกหนักซะงั้นเลย แต่ละคนนี่เปียกปอนไปหมด ไปหลบฝนกันอยู่แถวๆป้ายรถเมล์หน้าถนนที่มุ่งสู่นครวาติกันครับ เคยได้ยินคำๆนึงว่า ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่นครวาติกัน (ฟังมาผิดหรือเปล่าไม่รู้) และเห็นจากในหนังหลายๆเรื่องมันคือถนนสายนี้นั่นเอง เพียงแต่ว่าวันนี้ได้รูปมาในสภาพฝนตกแบบว่าเละเทะเลยทีเดียวครับ แถมลมแรงอีก .. หนาวมากมาย (แถมวันนั้นตรูใส่รองเท้าแตะ เท้างี้เย็นเฉียบ )" จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:01:47

ความคิดเห็นที่ 49   Piazza San Pietro หรือ St. Peter's Square สวยมาก.. เหมือนที่ได้เห็นตามหนังที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ในหลายๆเรื่อง อาทิ Da Vinci Code, Angels and Demons แต่ที่เห็นมามันมุมสูงนี่หว่า อารมณ์ว่าถ่ายจาก เฮลิคอปเตอร์ แล้วตรูจะไปถ่ายรูปมุมนั่นมาได้งัยฟร่ะ. @$%@!*^&^ เอาเป็นว่าถ่ายโบสถ์กะเงาสะท้อนจากที่ฝนตกก็แล้วกัน จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:02:11

ความคิดเห็นที่ 50   วันที่ผมไปถึงเป็นช่วงเทศกาล Easter พอดี เลยจะเห็นว่ามีบรรดา โต๊ะ เต็มไปหมด และกั้นพื้นที่ไว้เพียบ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:02:29

ความคิดเห็นที่ 51   จากมุมตะกี้มองย้อนกลับไปจะเห็นปล่องควัน ถ้านึกถึงหนังที่ดูๆกันก็จะเป็นปล่องที่ไว้เผากระดาษอะไรซักอย่างเวลาเลือกพระสันตปาปาองค์ใหม่ ซึ่งควันที่ออกจากปล่องนี้จะมี 2 สีคือ ดำ และขาว ซึ่งมีความหมายว่าสามารถเลือกองค์พระสันตปาปา องค์ใหม่ได้แล้วหรือยังนั่นเอง (ข้อมูลจากการดูหนังทั้งหลายแหล่ ดูน่าเชื่อถือมั๊ยเนี่ย ) จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:02:52

ความคิดเห็นที่ 52   ไหนๆก็แบกขาตั้งกล้องมาทั้งวัน (คุณเพื่อนแบกให้ไปซะครึ่งวัน ) ก็เลยได้โอกาสเอามาใช้ในการถ่ายรูปหมูซะหน่อย อิอิ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:03:13

ความคิดเห็นที่ 53   "ตอนแรกว่าจะเดินเข้าไปด้านใน แต่ว่าวันนี้หมดเวลาเสียแล้วครับเลยกะลังงงๆว่าจะไปไหนต่อดี ด้วยความที่ว่ายังไม่คุ้นชินกันเวลาของที่ยุโรป เลยยังไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ตกตอนกี่โมง Twilight จะถ่ายได้ตอนกี่โมง สุดท้ายระหว่างตัดสินใจว่าจะไปแวะที่โคลอสเสี่ยมเป็นการ Survey เส้นทางสำหรับวันพรุ่งนี้ แต่ด้วยความหิวเราเลยแวะร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ วาติกันนั่นเอง รสชาติอร่อยดี (แต่คุณเพื่อนซวยไม่รู้เค้าทำเกลือหกหรืออย่างไร เค็มปิ๊ดเลย) ด้วยความหิวจัดสั่งไปสองอย่างเจอไปซะ 30 EUR จะบ้าตาย " จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:03:36

ความคิดเห็นที่ 54   หลังจากอิ่มสบายใจเดินออกมาตอนเกือบๆ สองมุ่มเห็น Twilight มาพอดีฝนปรอยเบาๆ เลยไม่ไปมันแล้ว Colloseum วิ่งกลับไปที่วาติกันไปถ่าย โบสถ์ St. Peitro แทนดีกว่า ฝนตกมาทั้งวันเวลาที่จะได้ฟ้าสีสวยๆก็มีแค่ตอนเย็นนี่หล่ะครับ.. จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:04:16

ความคิดเห็นที่ 55   ช่วงฟ้าสวยๆแบบนี้นี่ถ่ายไม่ยั้งเลยครับ แต่ฟ้าสีฟ้าๆได้แปร็บเดียวเริ่มเป็นสีน้ำเงินซะแล้ว จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:04:44

ความคิดเห็นที่ 56   หันไปอีกฝั่ง (ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น) ยิ่งแล้วใหญ่มีเมฆฝนด้วยเลยได้เป็นฟ้าสีแดงมาแทนครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:05:07

ความคิดเห็นที่ 57   แต่อาจจะเพราะกินเพลินไปหน่อยตอนออกมาก็แปร๊บเดียว Twilight ก็หายไปซะแล้ว.. ลองหันกลับไปถ่ายทางถนนที่วิ่งมาที่วาติกันบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็อย่างน้อยได้รู้ล่ะว่าที่โรม Twilight มาตอนสองทุ่ม (ทำให้สามารถวางแผนในวันพรุ่งนี้ได้ อิอิ) จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:05:21

ความคิดเห็นที่ 58   จากนั้นเราเลยกลับโรงแรมกันครับด้วย Metro จาก วาติกันไปลงที่โรงแรมนั่นเอง คืนแรกก็มีปัญหาพอดูเลยครับ เนื่องจากจองมา 9 คนโดนตอนจองจองเป็นห้อง 12-Bed Dorm แต่ในวันที่ไปถึงคืนแรกกลับไม่มีห้องใหญ่ว่าง กรุ๊บผมโดน Split ออกเป็น สามห้องซะงั้น แต่ก็เอาเถอะที่นี่ถูกสุดแล้วในตอนที่จองมา คืนนั้นมีเรื่องตลกๆหลายอย่างเลยครับ ห้องที่ผมนอนเป็นห้อง 8 คนมี 4 เตียงที่เป็นเตียง 2 ชั้นแต่มีบันไดในห้องแค่อันเดียว มีเตียมนึงที่ฝรั่งเค้านอนด้านบน แต่เพื่อนผมก็นอนด้านบนอีกเตียงก็ไปเอาบันไดมาเพื่อปีนฝรั่งคนนั้นเดินเข้ามาพอดี ชี มองหน้างงๆ แล้วก็วีนเลยว่า เฮ้ยนั้นมันบันไดของไอนะ... เอาไปไว้ตรงนั้นไอจะปันขึ้นไปได้ยังไงหล่ะ แต่ละคนก็มองหน้างงๆ เลยบอกชีไปว่าทั้งห้องมันมีอันเดียวหน่ะ ถ้าจะใช้ก็สลับกันซิ ชีคงนึกได้ก็เลยโอเคๆ แล้วออกไป จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:05:43

ความคิดเห็นที่ 59   อีกวีรกรรมที่เกิดขึ้นอันนี้เกิดจากคุณเพื่อนผมเอง.... ด้วยความที่ว่าเตียงโรงแรมนี้เนี่ยค่อนข้างแย่ (ไม่แนะนำให้จองมานะครับ) ยอมจากเงินอีกคนละ 5 EUR น่าจะดีกว่าครับ มีเตียงสองแบบ แบบแรกที่รองฟูกขึงด้วยลวด นอนกันทีแบบว่ายวบยาบน่าดูครับ ส่วนอีกแบบเป็นพลาสติกเป็นซี่ๆรองฟูก เพื่อนผมคู่นึงที่ถูกแยกไปนอนห้องนึง นอนอยู่เตียงล่างซึ่งเป็นแบบซี่ๆพลาสติก นอนๆ อยู่ดีๆ ระหว่างรอห้องน้ำ เตียงหักครับ.... ประมาณว่าตัวพลาสติกมันงอแล้วหลุดจากที่รองตรงเตียง... ก็เล่นเอาคนห้องนั้นทั้งห้องแตกตื่นกันเลยครับ บางคนก็หัวเราะ เดือดร้อนต้องหาคนอื่นที่ตัวเบากว่านั้นไปนอนแทน แล้วแต่ละคนที่ไปตัวเล็กกันที่ไหน คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็เกือบจะตี 1 เข้าไปแล้วแล้ววันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นตั้งแต่ซัก ตี 5 เพื่อไปเข้า Colloseum กันครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 01:06:13 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:05:56

ความคิดเห็นที่ 60   เช้าวันที่สอง... แม้ว่าที่ Colsseum หรือ Colosseo จะมีสถานทีรถไฟใต้ดินอยู่ที่ด้านหน้า แต่ว่าจากโรงแรมผมจะต้องไปเปลี่ยนสายด้วยครับ ดังนั้นด้วยนิสัยหัวหน้าทัวร์อย่างผม... กับระยะทางที่ไม่ได้ไกลเกินไปนัก ผมจึงเลือกที่จะเดินจาก Hostel ไปยัง Colosseum ครับ อิอิ (อย่างที่บอกทริปนี้เดินกันขาลาก ) ระยะทางก็ราวๆ 1 กม. ครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:06:37

ความคิดเห็นที่ 61   ช่วงตอนที่เดินจาก Hostel ยังมีในปรอยๆ ลงมาเล็กน้อย... เราเดินทะลสวนแห่งหนึ่งไปก็ไปโผล่ตรงหัวมุมของ Colosseum พอดีเลยครับ จังหว่ะพอดีกับที่ฝนหยุดตกและเริ่มมีแสงแดดทอลงมาที่ Colosseum ใช้ ND สีดำครึ่งซีกก็ได้รูปนี้มาฝากกันครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:06:59

ความคิดเห็นที่ 62   เนื่องด้วยโดนคุณเพื่อนที่มาเมื่อปีใหม่ขู่ไว้เยอะว่าให้มาแต่เช้าเพราะไม่งั้นคิวจะยาวมาก เราเลยมาถึงกันตั้งแต่ 7 โมงเลยได้บรรยากาศโหรงเหรงไม่มีคนมาครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:07:20

ความคิดเห็นที่ 63   ตอนมาถึงแอบสงสัยว่าวันนี้มันจะปิดหรือเปล่าเพราะวันนี้เป็นวัน Easter ซึ่งที่ Vatican Museum ก็ปิดด้วย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:08:07

ความคิดเห็นที่ 64   แต่ในเมื่อยังไม่รู้เราก็ขอเดินเก็บบรรยากาศชุ่มฉ่ำๆ กับพระอาทิตย์ขึ้นที่ Colosseum กันก่อนล่ะกันครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:09:14

ความคิดเห็นที่ 65   ใกล้ๆกันตรงแถวๆทางเข้า Roman Forum จะมี ประตูชัย Arco di Constantino ตั้งอยู่ ซึ่งประตูแห่งนี้สร้างเป็นอนุสรณ์ความพ่ายแพ้ของ Maxentius ต่อ Constantine หรือเอาเป็นภาษาคนคือเพื่อฉลองชัยชนะของ Constantine ใน Battle of Milvian Bridge นั่นเอง (จะเขียนให้งงทำไมเนี่ยช้าน ) จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:09:33

ความคิดเห็นที่ 66   ซักพักเริ่มเห็นบรรดาพ่อค้าแม่ขายมาแถวๆนี้ก็เลยได้คำตอบว่าวันนี้ Colosseum เปิดครับก็โล่งใจไป เลยได้เวลาไปหาของกินกันแทน จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:10:38

ความคิดเห็นที่ 67   ตอนแรกอยากกินโดนัทที่อยู่ข้างหลัง แต่ระหว่างเค้าหยิบๆ มาตั้งเป็นกองๆดังที่เห็น... เค้าทำตกพื้นที่เปียกๆฝน... เค้าก็ไม่รู้ไม่ชี้หยิบขึ้นมาวางในกองนั้นซะงั้นเลย.. ????? เอ่อไม่กินดีกว่าตรู... สุดท้ายสั่ง Hot Dog ราคา 5 EUR มากิน โดยคุณเพื่อนสั่ง Coke ขวดเล็กมาเจอไป 4 EUR จะบ้าตาย วันหลังไปซื้อจาก Super ขวด 1.5 ลิตรในราคาไม่ถึง 1 EUR จะเอากำไรขนาดไหนกันค้าบบบบ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:11:00

ความคิดเห็นที่ 68   หลังจากรู้ว่าวันนี้ Colloseo ยังคงเปิดเราก็เริ่มปฏิบัตการไปยืนกั๊กคิว... และได้ผลพวกเราได้เข้าเป็นกลุ่มแรก (ประตูเปิดตอน 8 โมงตรงเด๊ง) --> ผมเห็นคนเริ่มมาตอนซัก 7:45 ครับ ยังไงถ้าไปก็กะเวลาประมาณนี้กันล่ะกันครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:11:29

ความคิดเห็นที่ 69   Collosseum Collosseum แห่งนี้ ถือเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างเสร็จใน คศที่ 1อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายที่ได้มาจากภูเขาไฟ ทำให้โคลอสเซียมแข็งแกร่งและรองรับผู้คนได้ถึง 55000 คน สนามกีฬาแห่งกรุงโรม หรือ สังเวียนแห่งความตายแห่งนี้ เป็นที่นิยมอย่างมากในเกมส์กีฬาการต่อสู้ในสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันโคลอสเซี่ยม เหลือเพียงซากปรักหักพัง ที่ได้รับการบูรณะขึ้นมา.. Colosseum กลายเป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโรม และถือเป็นหนึ่งใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก จากการลงคะแนนทางเน็ตและมือถือ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 01:14:17 จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:13:30

ความคิดเห็นที่ 70   ตัวอาคารจะเป็นสีแดงอิฐของอิฐมอญ ถ้าโชคดีไปเช้าๆ แล้วได้แสงดีๆ จะได้ภาพที่สวยมากๆ ครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:14:36

ความคิดเห็นที่ 71   เราก็ค่อนข้างโชคดีที่พอเข้าไปในโคลอสเซี่ยมแล้วปรากฎว่าแดดออกครับ แต่การถ่ายรูปก็ไม่ง่ายนักเพราะตัวโคลอสเซี่ยมเอง เป็นอัฐจรรย์ซึ่งตัว Stedium ก็ทำหน้าที่เป็นเงาชั้นเลิศ เลยต้องถ่ายคร่มมาทำ HDR เอา แต่ก็ไม่ได้ละเมียดกับการตั้งกล้องทำให้ภาพที่ได้ออกมาไม่ตรงกันซะทีเดียว ทำให้ภาพอาจะดูซ้อนกันแปลกๆไปบ้างครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:16:00

ความคิดเห็นที่ 72   แต่ในวันที่ฟ้าใสๆ ถ่ายอย่างไรมากภาพก็สวยจริงๆครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:16:40

ความคิดเห็นที่ 73   แนวตั้งอีกซักรูปนึงครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:17:00

ความคิดเห็นที่ 74   เมื่อลองถ่ายซูมไปเปรียบเทียบกับขนาดคนแล้วจะเห็นว่าตัวโคลอสเสี่นมมีความยิ่งใหญ่มากๆ เค้าบอกว่าที่นี่จุ 55000 คน ยังดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ อยากรู้ว่าที่คัมป์นูร์ หรือเบอร์นาบิว จุได้เป็น 100000 คนมันจะใหญ่ขนาดไหนนะ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:18:17

ความคิดเห็นที่ 75   หลังจากตอนเช้าฟ้าใสๆ ฟ้าๆ ผ่านไปราวชั่วโมงกว่าๆ เมฆก็มาเยอะซะงั้นครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:18:33

ความคิดเห็นที่ 76   และกลายเป็นฟ้าสีขาวที่เต็มไปด้วยเมฆในที่สุดครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:18:54

ความคิดเห็นที่ 77   ก่อนจากขอรูปซักรูปค้าบบบบ... จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:19:35

ความคิดเห็นที่ 78   ด้วยความที่ไม่รีบร้อนอะไรมากนักเราก็เดินเล่นยันเที่ยง (ยกเว้นเพื่ออีกสองคนที่อยากไปเดินหลายๆทีเค้าเลยแยกไปก่อน) ช่วงเดินออกจาก Colosseum จากเมฆขาวๆ ก็เริ่มกลายเป็นเมฆดำซะงั้นเลย จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:20:26

ความคิดเห็นที่ 79   หลังจากเที่ยงออกมาเราเลยไปหาไรกินกันก่อนตรงร้านที่สถานีรถไฟใต้ดินครับ หน้าตาดีแต่ไม่อร่อยเท่าไหร่ (พิซซ๋าดูดีสุดในร้านนี้) แล้วก็มารู้ทีหลังว่าร้านนี้ขายอยู่ในสถานีรถใต้ดินแบบ take away ด้วยซึ่งถูกกว่าพอสมควรเลย ก็ถือว่าจ่ายแพงเป็นค่านั่งเก้าอี้ล่ะกัน ฮือ..... จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:21:10

ความคิดเห็นที่ 80   หลังจากนั้นก็เลยเดินไปด้านบนของ Metro เพื่อถ่ายภาพ Colosseum มุมสูงบ้าง อะไรบ้าง จะเห็นว่าคนเยอะเชียวแบบว่าเดินกันเต็มถนนไม่สนใจรถกันเลยครับ แต่ที่นี่บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวมักเป็นอย่างนี้หล่ะครับ คือเค้าจะปิดถนนให้คนเดินกันไปเลยแต่รถก็ผ่านได้นะ... รถมาคนก็หลบๆเอา จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:22:01

ความคิดเห็นที่ 81   แล้วก็มีร้านขายของแบบ mobile มาเปิดขายของกันเพียบครับ โดยเป้าหมายบ่ายนี้ของเราคือ Foro Romano หรือเอาชื่อคุ้นๆก็คือ Roman Forum นั่นเองครับ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:22:33

ความคิดเห็นที่ 82   ระหว่างเดินไปเข้า Roman Forum เราก็ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน อิป้าข้างหลังคงงงว่าพวกแกทำอะไรกัน โดดหลบกองขี้หมาอยู่เหรอ จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:23:10

ความคิดเห็นที่ 83   ผู้คนจำนวนมากต่างเดินกันบนถนนเส้นนี้ ทั้งๆที่ยังมีรถรา และรถม้าวิ่งไปมา แต่คงเป็นเรื่องปกติไปแล้วมั๊งสำหรับช่วงกลางวันๆ แบบนี้ ปล. เป็นเมืองไทยคงโดนรถชนกันตายไปข้าง จากคุณ : เอ๋อ้อย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:23:34