ความคิดเห็นที่ 1   ก่อนอื่นขอ กางแผนที่เดินทาง ไว้อ้างอิงก่อนนะครับ คือการเดินทางค่อนข้างจะวกวนเล็กน้อย  จากแผนที่ข้างล่างผมทำหน้าต่างไว้ให้ง่ายต่อการสังเกตุว่า ตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงไหน คือ ตอนที่แล้ว ผมได้ออกจาก สถานีรถไฟแก่งเสือเต้น (ไปชมแม่น้ำป่าสัก หลังเขื่อน) แล้วตรงมายังเขื่อนป่าสักฯ เลย  ปกติจะคนทั่วไปมักจะมาจาก สระบุรี เลี้ยวขวาตรงเข้ามาเลย   หลังจากจอดรถแล้ว ผมก็รีบขึ้นหอคอยชมเขื่อนทันที ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 12:34:30

ความคิดเห็นที่ 2   นี่เป็นหอคอยเฉลิมพระเกียรติ ที่เราจะขึ้นไป  ก่อนขึ้นไปต้องทำความรู้จักกันเล็กน้อยครับ หอคอยแห่งนี้ สร้างเสร็จเมื่อปี วันที่ 9 เดือน 9 ปีค.ศ.2009  ด้วยงบประมาณรวม 20 ล้านกว่าบาท  ด้วยวัตถุประสงค์ ในการเทิดพระเกียรติ บูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ที่ทรงพระคุณแก่ จ.ลพบุรี ตั้งแต่ สมัยพระนางเจ้าจามเทวี สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และราชวงค์จักรี และเป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยว ของ จ.ลพบุรี มีความสูง 33.20 เมตร แบ่งเป็น 7 ชั้น  ชั้นล่างเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติบูรพมหากษตริยาธิราชเจ้า  ร้านจำหน่ายของสินค้าที่ระลึก และห้องสุขา  ชั้น 2 ยังว่างอยู่ (คาดว่าจะให้เป็นห้องอาหาร) ชั้น 3-ชั้น 7 จัดแสดงนิทรรศการภาพเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อ ชาวลพบุรี และสถานที่สำคัญๆ ในจ.ลพบุรี  และที่สำคัญ ได้ชมวิว ทิวทัศน์ โดยรอบ (ในชั้น 7 จะเห็น 360 องศา ที่สามารถชะโงกไปดูพื้นข้างล่างได้ด้วย) ซึ่งการขึ้นไปนั้นมีลิฟต์ไว้บริการ โดยจะขึ้นรวดเดียวถึงชั้น 7 เลย และเมื่อจะชมชั้นอื่นๆ ก็ค่อยเดินลงบันไดมาทีละชั้น  ซึ่งมีอัตราเข้าชม คนละ 20 บาท (เด็ก 10 บาท) แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 13:08:36 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 13:01:23

ความคิดเห็นที่ 3   ขอตามติดรอบบ่าย ๆ ให้คึกคัก หลังหนังท้องตึง และหนังตาเริ่มหย่อน ^_^ จากคุณ : เพราะรัก (blovech) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 13:21:24

ความคิดเห็นที่ 4   ภาพซ้าย : พอก้าวเข้าไปหอคอย ก็ได้พบกับ จนท.ต้อนรับ ที่บริการให้ถึงกับ กดปุ่มลิฟท์ให้ด้วย ภาพกลาง : เมื่อเข้ามาในลิฟท์แล้ว จะพบว่ามีปุ่มให้เลือกไป 4 ชั้น (รวมชั้น 1 ที่เข้ามาด้วย) แต่มีข้อปฏิบัติให้ขึ้นตรงไปชั้น 7 ทีเดียวเลย  ส่วนชั้นอื่น ควรจะเดินลงบันไดมาชมทีละชั้น ครับ ภาพขวา : ข้อปฏิบัติในการใช้ลิฟท์ ครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 13:50:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 13:30:03

ความคิดเห็นที่ 5   สวัสดีครับ คุณเพราะรัก (blovech) : ยินดีครับ ที่เข้ามาทักทายคนแรกในกระทู้ตอนนี้ครับ  เดี๋ยวสักพัก ผมก็จะแวะไปหาอะไรทานบ้าง เช่นกันครับ ถ้าหันกลับไปดูประตทางเข้า ของ หอคอย ก็จะเห็นว่ามี เคาท์เตอร์จำหน่ายบัตรเข้าชมอยู่ด้านขวามือ (ขณะเข้ามา)  ถ้าสังเกตุให้ดีก็จะเห็นว่ามีระบบวงจรปิด 13 ช่อง อยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยตรวจตราว่ามีใคร จะทำอะไรมิดีมิร้ายหรือไม่....ฮา    ซึ่งในระหว่างเดินชม ก็จะมีป้ายแจ้งให้ทราบว่า มีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วย เหมือนมี  ตาวิเศษคอยดูท่านอยู่ตลอดเวลา... บางคนอาจรู้สึกเขิน ที่ตัวเองจะได้เป็น ดาราหน้ากล้องจำเป็น กับเขา แบบไม่รู้ตัว...ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 13:38:31

ความคิดเห็นที่ 6   ภาพบน :  นี่คือ ประสบการณ์อันน่าประทับใจเมื่อลิฟท์เปิดออกมา..... แอ่นแอ้น... ก็คือ ประตูน้ำเขื่อนป่าสักฯ พอดี  คงไม่บังเอิญนะครับ ที่ผู้ออกแบบให้เป็นอย่างนี้ ภาพล่างซ้าย : ออกไปจากลิฟท์แล้วหันกลับมาดู  ซึ่งบางคนไม่อยากเดินลงไปชมนิทรรศการชั้นอื่นๆ ก็เรียกลิฟท์ลงมาทีเดียวเลยก็ได้ ภาพล่างขวา : เมื่อเดินไปด้านข้างลิฟท์  ก็จะเห็นประตูกระจก บอกทางลงไปชมภาพเฉลิมพระเกียรติได้ ครับ  พร้อมคำเตือนว่า ทุกชั้นมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ซึ่งช่วยป้องกันนักท่องเที่ยวจากมิจฉาชีพได้  แม้จะดูเปลี่ยว ไม่มีคนเดินก็ตาม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:56:46

ความคิดเห็นที่ 7   ดีค่ะ คุณมิราชช หายไปนานเลย รู้นะว่าชอบรถไฟ อยากตามรอยไปเที่ยวรถจักรไอน้ำอีกจัง จากคุณ : กบจูเนียร์ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:01:15

ความคิดเห็นที่ 8   ไปยืนให้ใกล้กระจกหน่อย แล้วเก็บภาพไร้กรอบกระจก กันดูหน่อย จะเห็น สันเขื่อนเต็มๆ และจุดสังเกตุต่างๆ ที่ผมไปสำรวจมาแล้วในตอนสอง ครับ (เคยไปมาแล้ว เลยดูมีความสำคัญไม่น้อย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:07:02

ความคิดเห็นที่ 9   สวัสดีครับ คุณกบจูเนียร์ :  ที่จริงผมก็ทำรีวิวเกือบทุกสัปดาห์เลยนะครับ โดยเฉพาะตั้งแต่หลังสงกรานต์มานี่  คือไป ทีลอซู ตามด้วย อช.แม่วงค์ จนมาถึง เขื่อนป่าสักฯแบบเจาะลึก(ทุกขุมขน....ฮา) ครั้งนี้ครับ  สำหรับรถจักรไอน้ำ นั้น จะว่าแล้วก็เหมือนแรงบันดาลใจให้ผม เริ่มทำทริปรถไฟไปเรื่อยๆ เพราะเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก จนมาเจอเว็บรถไฟดอทคอม http://portal.rotfaithai.com นี้ เลยทำให้ ได้สถานที่เที่ยวแปลกๆ ลับตา เช่น สถานีผาเสด็จ สถานีบุใหญ่ที่มีอุโมงค์พระพุทธฉาย เลยเหนี่ยวนำ ไปดู อุโมงค์เขาพังเหย กันอีก ไม่พอ ยังไปดูสะพานข้ามเหวแถวๆ สถานีขุนตาลด้วย    และ ที่เขื่อนป่าสักฯ แห่งนี้ ก็มีรถไฟมาเกี่ยวข้องอีก    คือ มันสงบดีครับ กับทางรถไฟ ที่ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวแบบผม ครับ แบบว่า ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ.... มาต่อกันครับ  หันไปด้านซ้ายมือของภาพบน (คห.8) จะเห็นแอ่งน้ำหน้าเขื่อน ที่ยังพอมีให้เห็น  และสันดอนหน้าเขื่อน  ด้านล่างก็ยังเห็นจุดบริการต่างๆ ในบริเวณเขื่อนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:24:50

ความคิดเห็นที่ 10   ลองถ่ายแบบพานอรามาหน่อย  บังเอิญต่อไม่ค่อยดีนัก ขอบฟ้าเลยเอียงๆไปหน่อย ครับ   แต่ก็ให้ความต่อเนื่องของภาพดีครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:43:20

ความคิดเห็นที่ 11   นิทรรศการรูป จะติดรอบๆเสา ครับ  เลือกดูได้ตามความพอใจ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาดูครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:59:28

ความคิดเห็นที่ 12   ภาพซ้าย : ลองเดินไปดูด้านเหนือบ้าง (ซ้ายมือออกจากลิฟท์)  เพื่อมองหาสิ่งหนึ่ง.....  โดยใช้จุดสังเกตุเสาวิทยุสูงๆ   ผมทราบจาก คนรักรถไฟในเว็บรถไฟดอทคอม ว่าคือ สะพานรถไฟลอยน้ำช่วงแรก ที่อยู่เหนือเขื่อน แสดงให้เห็นในกรอบสี่เหลี่ยมสีชมพูครับ ภาพขวา : ใช้กล้องซูมดู จะเห็น ตัวสะพานชัดเจนเลยครับ ว่ามีความโค้งมากเพียงใด ที่จริงก็ไม่ใช่สะพานตัวเดียวที่ ทริปรถไฟพาไปชมหรอก  ต้องขึ้นไปทางเหนืออีก 2 สะพาน ถึงจะใช่  ซึ่งในตอนสุดท้ายของทริปนี้ ผมจะพาท่านไปชม ครับ (ในสภาพน้ำแห้งๆ แบบนี้แหละ....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:13:36

ความคิดเห็นที่ 13   ในคราวแรก ผมยังคิดว่าสะพานรถไฟ(ลอยน้ำ) ที่เห็นนั้นเป็นจุดเดียวกับที่ ทริปรถไฟจอดให้ถ่ายภาพกัน  แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ครับ  เมื่อค้นคว้าไปเรื่อยๆ จึงได้พบว่า มีสะพานรถไฟลักษณะเดียวกันนี้ อยู่เหนือเขื่อน รวมกันถึง 5 แห่งเลย!  เมื่อเปิดกูเกิ้ล ดูแล้ว จะเห็นชัดว่า สะพานแต่ละแห่งมีรูปร่างไม่เหมือนกัน วางเรียงกัน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ โดยมีลักษณะเลียบขอบอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนป่าสักฯ เน้นว่าเลียบเท่านั้น มิได้เป็นการข้ามลำน้ำ หรือคลองสายใดเลย  คงเป็นเหตุผลเรื่องการกักเก็บน้ำให้ได้มากขึ้น น้ำต้องลอดผ่านไปอีกด้านหนึ่งของแนวรางรถไฟ เลยต้องสร้างสะพานรถไฟยาวๆ แทนที่จะใช้คันทางสูงๆ เหมือนพนังกั้นน้ำที่โคกสลุงครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:43:32

ความคิดเห็นที่ 14   ตามไปชมด้วยคนครับ .. หอคอยสวยงามมากครับ ^^ จากคุณ : ว่าที่ลูกเรือ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:22:44

ความคิดเห็นที่ 15   กลับมามองวิวใกล้ๆ ดูบ้าง ภาพซ้าย : เป็นภาพด้านทิศเหนือ ที่เป็นลานจอดรถ (เห็นรถผมด้วย) มีร้านค้า จุดบริการรถนำเที่ยวเขื่อน และเห็นรางรถไฟจำลอง จุดหยุดรถมะนาวหวาน ด้วยครับ  รายละเอียดด้านล่างผมได้เคยไปถ่ายมาแล้วในกระทู้ "ไปเที่ยวเขื่อนป่าสักยามเย็น (ฉ่ำฝน) กันหน่อย" เมื่อต้นปีนี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8884649/E8884649.html#16 ภาพขวา : เป็นภาพด้านทิศใต้ (ฝั่งตรงข้าม) เห็นอาคารสวยๆ ที่มีทางเชื่อมอยู่ (ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอาคารอะไร ใครทราบลองบอกกันมั่งครับ) มองไปไกลหน่อย ก็จะเห็นป้ายชื่ออันแรก สมัยที่สร้างเขื่อนเสร็จใหม่ๆ  (ผมเคยมาครั้งนั้น จำได้ว่าไปจอดรถแถวๆ ป้ายอันนั้น แดดร้อนจ้ามาก)  เลยไปอีกนิดก็คือทางไปสันเขื่อนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:29:25

ความคิดเห็นที่ 16   สวัสดีครับ คุณว่าที่ลูกเรือ : ตามประวัติ ทีแรกของผู้สร้าง ยังคิดว่า ไม่ใช่หอคอย เพราะสูงไม่ถึง 60 เมตร  น่าจะเป็นแค่อาคารสูง เท่านั้น แต่ พอไปค้นๆ ข้อมูลมากขึ้น พบว่า ถ้าเกิน 23 เมตร ก็ถือว่าเป็นหอคอยได้แล้ว อยู่ที่รูปทรงและประโยชน์ใช้สอย เลยสรุปออกมาว่า ยังจัดเป็นหอคอย  และเป็นหอคอยที่สวยแห่งหนึ่งเลย เนื่องจากเป็นกระจกใสรอบด้านเกือบทั้งหมด แต่สำหรับผมอยากจะเรียกหอบังคับการ(บิน) มากกว่า.... ภาพบน : มองออกไปไกลหน่อย ก็คือ ประตูน้ำกับคลองระบายน้ำที่ไหลไปรวมกับ แม่น้ำป่าสักเดิม ตรงกองกากอ้อย ขวามือสุดของภาพนั่นแหละครับ ภาพล่างซ้าย : ก้มมองลงไปต่ำๆ (เนื่องจากชั้นบนมีลักษณะกระจกเอียง ทำให้มองเห็นมุมก้มต่ำได้ เป็นลักษณะเฉพาะของหอคอย หรือหอบังคับการ) จะเห็นทางเข้ามายังหอคอยมีช้างคู่อยู่ด้านหน้าด้วย ภาพล่างขวา : มองไปทางขวาเล็กน้อย(ทิศตะวันตกเฉียงใต้) จะเห็นสวนไม้ดัดคล้ายตัวอักษรเลขเก้าไทย (หรือใครมองเห็นเป็นอย่างอื่น ช่วยบอกกันด้วยครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:50:49

ความคิดเห็นที่ 17   มุมมองด้านใต้จากหอคอย นี้ มองไปภูเขาดีๆ จะมองเห็นสีทองสะท้อนแวบๆ นั่นคือ พระนอน "พุทธไสยาสน์รัศมี" ที่วัดคีรีโสภณ ที่ผมไปแวะเมื่อตอนแรก ครับ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้ เห็นสิ่งที่เคยเดินทางไปมาแล้ว โดยรอบๆ หอคอยแห่งนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:00:37

ความคิดเห็นที่ 18   ก่อนจะลง ขอวาน นักท่องเที่ยวคนอื่นที่ขึ้นมา (ผมมาคนเดียว) ช่วยถ่ายภาพให้หน่อย   แสงแดดด้านหลังจ้าไปหน่อย หน้า(ผม)เลยมืด.....ไม่ใช่เพราะหิวข้าวนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:04:35

ความคิดเห็นที่ 19   ติดตามชมตลอดทุกรีวิวของคุณมิราชได้ข้อมูลมากมาย และมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อผู้ที่จะไปเที่ยวต่อไป ขอบคุณรีวิวนะครับผมก็คน หนึ่งที่ชอบเที่ยวแบบเจาะจงรายละเอียดมากๆๆ จากคุณ : paipaiphuart เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:42:37

ความคิดเห็นที่ 20   เนื่องจากเวลามีจำกัด คิดว่าดูครบแล้ว ต้องรีบลงแล้วละ เดินไปด้านข้างลิฟท์ จะมีประตูกระจก (แสดงในภาพล่างขวาของ คห.6)  เปิดเข้าไปพบบันไดในรูปเล็ก แล้วก้าวลงมา พบกับชั้น 6 ที่มีขนาดเนื้อที่เล็กกว่าชั้น 7 มาก  ไม่มีเสากลางทางเดิน เหมือนชั้นบน ในรูป คห.11 (คิดว่าคือเสาที่ผนังนั่นแหละ) ในชั้นนี้จะมีการทำลวดลายระแนงที่หน้าต่างด้วย  เพื่อเพิ่มความงดงามเมื่อมองจากภายนอกเข้ามา แต่สำหรับข้างใน ก็ให้เน้นที่นิทรรศการรูปภาพแทนนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:51:01

ความคิดเห็นที่ 21   สวัสดีครับ คุณpaipaiphuart : ยินดีที่ชอบ กลัวบางคนเบื่อในความเยิ่นเย้อ ละเอียดเกินไปเหมือนกัน แต่จะได้ประโยชน์ตอนที่ ไปเห็นคนอื่นไปเที่ยวสถานที่แห่งเดียวกับที่ผมเคยไป แล้วผมย้อนกลับมาดูความแตกต่างได้ และเมื่อวันหลัง ผมกลับไปที่นั่นอีกครั้งจะ ทบทวนความจำได้ดี ครับ จากรูปข้างล่างนี้ อย่าคิดว่าผมทำสำเนาเรียงกัน ไม่ใช่นะครับ ดูดีๆ ภาพที่แสดงจะแตกต่างกัน เพราะอยู่คนละชั้น แต่ตำแหน่งต่างๆ คล้ายกันมาก ขนาดภาพอาคารข้างนอกที่มีถังน้ำประปายังมีมุมมองเกือบเหมือนกันเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:04:12

ความคิดเห็นที่ 22   ลักษณะทางเดินจะโค้งไปรอบๆปล่องลิฟท์ที่มีประตูให้เฉพาะชั้น 5 กับ ชั้น 2 แต่ทางเดินก็จะไม่วนกลับมาที่จุดเดิม (ชั้น 4 - 6) โดยจะมีระเบียงกั้นไว้ดังรูปซ้าย เมื่อไปยืนมองลงไปข้างล่าง บันไดจะสลับข้างฟันปลาดังในรูปขวา จนถึงชั้น 3  ซึ่งทางเดินนี้จะอยู่ระหว่างปล่องลิฟท์ กับผนังด้านทึบ ที่มีประตูเล็กๆ คาดว่าเป็นห้องช่องส่งผ่าน สายไฟต่างๆ ระหว่างชั้น และแอร์ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:21:43

ความคิดเห็นที่ 23   ติดตามชมตลอดทุกรีวิวของคุณมิราชได้ข้อมูลมากมาย และมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อผู้ที่จะไปเที่ยวต่อไป จากคุณ : A-TOO เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:22:10

ความคิดเห็นที่ 24   ก่อนลงไปยังชั้น 2 ขอนำพระฉายาลักษณ์แสดงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อชาวลพบุรี ให้ชมครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:28:16

ความคิดเห็นที่ 25   สวัสดีครับ คุณA-TOO : ยินดีที่ชอบครับ แต่น่าเสียดายอย่างที่ "บันทึกนักเดินทาง" นั้นมีอายุจำกัด แม้จะนานกว่า หัวข้ออื่นๆ   ซึ่งผมก็ได้บันทึกกระทู้ทั้งหมดไว้ในเครื่องคอม  ว่างๆ จะ Upload ไปฝากไว้กับเว็บให้อ้างอิงใช้ทีหลังได้ ครับ (กระทู้ล่าสุดตอนนี้ ที่ยังอยู่ คือ แค่เดือน พค.2552 เท่านั้น) ต่อไปก็จะลงไปยังชั้น 2 ละ ซึ่งตอนลงไปใหม่ๆ ก็เกิดอาการงงๆ เหมือนกัน เพราะชั้นที่ลงไปนั้นเป็นชั้นลอย ของชั้น 2 ครับ  คือจากรูปขวา จะสังเกตุเห็นได้ว่าไม่มีช่องมองออกไปข้างนอกแล้ว เป็นฝ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นข้างล่างมีอีกชั้นที่โล่งๆ (ไม่ใช่ชั้น 1 ตอนที่ขึ้นมา) อ้อ..ระหว่างเดินลงไปให้ระวังพื้นต่างระดับ เดี๋ยวจะหกล้มได้ (มีป้ายเตือนตั้ง 3 จุด แสดงว่าเคยมีคนหกล้มกันบ่อยๆ) แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 20:54:32 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:48:22

ความคิดเห็นที่ 26   ภาพซ้าย : มองลงมาที่ชั้น 2 เป็นห้องโล่งๆ ไม่มีการจัดแสดงอะไร ตามแผนที่เคยวางไว้ว่าจะให้เป็นห้องอาหาร อาคารเพิ่งเปิดไม่นาน เลยยังไม่มี ภาพกลาง : เดินวนมาดู ตรงนี้จะ บังอ้อ ทันที ว่าภาพที่เห็นใน คห.25 นั้น เป็นชั้นลอยอย่างไร  ใต้ลงไปก็คือชั้น 1 ที่เราเข้ามานั่นเอง ภาพขวา : จะเห็นระเบียงข้างนอก ซึ่งผมไม่ได้ลองเปิดประตูออกไป เพราะไม่มีเวลา และอากาศในชั้นนี้ร้อน เนื่องจากไม่ได้เปิดแอร์  ต้องรีบเดินผ่าน ลงไปข้างล่างละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:05:07

ความคิดเห็นที่ 27   ภาพขวา : เมื่อก้าวลงไปชั้น 1  ก็จะเห็นร้านค้าของที่ระลึกทันที  ลิฟท์ชั้น 1 จะอยู่ด้านซ้าย  ทางออกก็คืออยู่ตรงข้ามกับลิฟท์นั่นเอง ภาพซ้าย : และตรงข้ามกับลิฟท์ ก็คือ พระบรมรูป ของบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทั้ง 3 พระองค์ (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, พระนางจามเทวี และ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4)  ตำแหน่งใกล้ประตูทางเข้าดังแสดงในรูป คห.5 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 21:22:58 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:19:21

ความคิดเห็นที่ 28   ตรงหน้าลิฟท์ หันกลับไปมองข้างในอีกครั้ง ก่อนออกมา  ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนจำหน่ายของที่ระลึก (ภาพขวาในคห.27) สัญญลักษณ์ประจำจังหวัด และของประดับ เลือกซื้อหาได้ในส่วนนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:32:06

ความคิดเห็นที่ 29   มองไปด้านขวาของภาพข้างบน(คห.28) คือห้องสุขา และบันได ที่ผมเพิ่งลงมา ถัดไปก็คือลิฟท์ชั้น 1 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:37:48

ความคิดเห็นที่ 30   ตามมาเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:37:51

ความคิดเห็นที่ 31   ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:45:28

ความคิดเห็นที่ 32   สวัสดีครับ คุณRed Fox : ดีใจด้วยครับ ที่เข้ามาเยี่ยมตอนดึกๆ ใกล้กลับบ้านแล้วครับ มองไปทางขวาของลิฟท์ชั้น 1 ก็คือ ส่วนจำหน่ายสินค้าโอทอป ที่มักเป็นของกิน ซึ่งลึกเข้าไปก็มีเครื่องดื่มแช่เย็น ไว้บริการด้วย ซึ่งผมก็ได้เข้าไปใช้บริการ และซื้อสินค้าติดไม้ติดมือกลับมา เป็นการอุดหนุนคนท้องถิ่น ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:46:33

ความคิดเห็นที่ 33   สวัสดีครับ คุณdigimontamer : เราไม่เคยลืมกันเลยครับ แวะมาทักทายเยี่ยมชมเสมอ วันนี้ คงขอพักกระทู้ไว้แค่นี้ก่อน  ด้วยการออกมาจากหอคอยเฉลิมพระเกียรติของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ซึ่ง สินค้าที่ผมซื้อติดไม้ติดมือออกมา ก็มีการพิมพ์รูปเขื่อนป่าสัก และทุ่งทานตะวัน  ด้วยก็คือ คุ๊กกี้เมล็ดทานตะวัน ที่เขาบอกว่า ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ดี  ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:52:23

ความคิดเห็นที่ 34   แวะมาเที่ยวด้วยคน ไปด้วยทุกที่ ที่มีรางครับ อิอิ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 21:55:45

ความคิดเห็นที่ 35   เหมือนได้ขึ้นหอคอยด้วยตนเองเลย  ขอบคุณครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 22:37:26

ความคิดเห็นที่ 36   รีวิวละเอียดยิบแบบตามได้ทันทีเหมือนเดิมนะเนี่ย   ปล. อย่าบอกฉ้านว่า คห.4 คือ จขกท. นะ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 11:28:50

ความคิดเห็นที่ 37   พออ่านถึง คห.18   พองขึ้นนะเนี่ยเธอ จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 11:36:44

ความคิดเห็นที่ 38   สวัสดีครับ คุณAlderwood : ยินดีครับ ที่ได้มาพบกันอีก เดี๋ยวได้เดินท่องบนรางกันแน่นอนครับ สวัสดีครับ คุณtiger's nest : ก็พยายามถ่ายมาให้หลายๆ มุม แต่ถึงอย่างไรก็สู้ขึ้นไปชมด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ  เพียงแต่กระทู้ผมจะช่วยให้การไปเที่ยวได้สนุกขึ้น ได้เลือกจุดที่ต้องการไป และไม่เสียเวลาไปกับการหลงทาง หรือ ปรับตัวกับสถานที่ ที่ไม่คุ้นเคย (สำหรับผู้ที่ไม่เคยไป) ครับ สวัสดีครับ คุณแม่ซากานะ : ไม่เห็นเข้ามาในห้อง BP นี้นานแล้ว นึกว่าเปลี่ยนไปเข้าเว็บอื่น หรือ งานยุ่ง จนเลิกเล่นเว็บแล้ว  รูปผมคือ คห.18 นะครับ  ไม่ใช่ คห.4  (นั่นเป็น จนท.ประจำหอคอยครับ คนเดียวกับที่เห็นในกระทู้เก่าๆ ของคนรักรถไฟ แถมเสื้อที่ใส่ยังตัวเดียวกันด้วย......เป็นเครื่องแบบหรือเปล่าก็ไม่รู้)  นี่ขนาดลดน้ำหนักมา 9 กก.แล้วนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 12:33:27

ความคิดเห็นที่ 39   วันนี้มาต่อกันก่อนไปทานข้าวกลางวันนะครับ ตอนนี้ลงมาที่ลานข้างล่างแล้วครับ  มีรถนำเที่ยวจอดอยู่ เลยถ่ายมาให้ดูกันสวยๆ แบบที่มี หอคอยชมวิวอยู่ข้างหลัง แถมติดอนุสาวรีย์การสร้างเขื่อนด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 12:38:36

ความคิดเห็นที่ 40   ตรงอาคารจำหน่ายตั๋วรถนำเที่ยว (รถลากจูง) มีที่นั่งพร้อมทีวีดูฆ่าเวลาให้พร้อมเสร็จ เห็นบอกว่า ใช้เวลานั่ง 50 นาที ต่อการไป 1 รอบ.... นับว่านานเหมือนกันนะครับ  ถ้ามาทริปรถไฟ ก็ต้องรีบไปรอบแรกๆ  ยิ่งถ้าขึ้นหอคอย ก็คงไปไม่ทันแน่ๆ   อัตราค่าโดยสารก็แค่ 25 บาทต่อคน เด็กเพียง 10 บาทครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 12:56:22

ความคิดเห็นที่ 41   เจ้าตัวเล็กของเรา ก็อดใจไม่ไหว ขอนั่งเล่นหน่อย...นะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:41:46

ความคิดเห็นที่ 42   ตรงจุดจอดรถนำเที่ยวนี้ มีบอร์ดแผนที่ เขื่อนทั้งหมดให้ดูด้วย แต่ตัวอักษรเล็กจัง คงทำไว้นานแล้ว ถึงไม่มีหอคอยเฉลิมพระเกียรติ ในนั้นเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:44:24

ความคิดเห็นที่ 43   เดินไปทางศาลาริมน้ำใกล้ๆ ได้พบบอร์ดข้อมูลอีก อันนี้ดูใหม่ บรรยายถึงการก่อสร้างเขื่อนป่าสักฯ พร้อมรูป ซึ่งหาดูยาก ผมเลยนำภาพมาให้ดูกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:53:28

ความคิดเห็นที่ 44   บอร์ดอันเดิมนี้ อีกด้านก็มีข้อมูลทั่วไปของเขื่อน จะว่าเป็นสเปค ก็ได้ครับ พิมพ์สี่สี สวยมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:56:27

ความคิดเห็นที่ 45   ตอนนี้คณะของผมก็เข้าไปพักผ่อนในศาลาริมเขื่อน  นับเป็นความสมหวังของพวกเขาได้มาที่นี่  หลังจากผิดหวัง โดนผมหลอกให้นั่งรถไปเที่ยวดูทางรถไฟแถวๆ ลำนารายณ์-อุโมงค์เขาพังเหย คราวนั้น (ที่จริงไม่ได้ตั้งใจหลอก....แต่เวลาไม่พอจริงๆ กว่าจะสำรวจเสร็จก็ตกเย็น ครั้นพอจะตีรถมาที่เขื่อน ก็มืดค่ำไปแล้วทุกครั้ง) อิอิ...รูปนี้ถ่ายแบบโดยบังเอิญ ไม่ได้จัดฉากนะครับ ดูเป็นธรรมชาติดีจัง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:02:55

ความคิดเห็นที่ 46   มองออกมาจากศาลาริมเขื่อน ด้านซ้ายและด้านขวา จะเห็นว่ายังพอมีน้ำอยู่บ้าง แม้จะแห้งลงไปเยอะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:59:45

ความคิดเห็นที่ 47   ผมขอเดินสำรวจแถวๆนั้นหน่อย เพราะมาเมื่อครั้งที่แล้ว เน้นไปที่ประตูน้ำเขื่อน ภาพบน : เป็นรูปปั้นลิงต้อนรับสู่เขื่อนป่าสัก "WELCOME TO PASAK DAM" และสาเหตุที่ใช้ลิง เพราะเป็นสัตว์สัญญลักษณ์ของ จ.ลพบุรี ครับ ภาพล่าง : เดินผ่านลานจอดรถนำเที่ยว ไป หันมาดู อนุสาวรีย์การก่อสร้างเขื่อน ที่จะมีตัวอย่างหินที่พบใต้สันเขื่อน ท่อระบายน้ำใต้สันเขื่อน และตัวอย่างแท่งคอนกรีตตัวอย่างที่ใช้ทดสอบความแข็งแรงของเขื่อน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 16:14:44

ความคิดเห็นที่ 48   ภาพซ้าย : เดินไปตามริมน้ำ ได้พบกับเจ้าตัวนี่เข้าให้  เป็นรูปปั้นพญาวารกำลังอ้าปาก...(หรือว่า หาว ก็ได้) โดยในปากมีประตูน้ำเขื่อนอยู่ อันเป็นการประสมประสาน วรรณคดีไทยเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างกลมกลืน ภาพขวา : ด้านหน้าของรูปปั้นนี้ ก็มีบอร์ดอธิบายความหมาย ของรูปปั้นนี้ครับ  ได้ความรู้เพิ่มเรื่องวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ว่า ตอนจบ หนุมานได้ครองเมืองละโว้ ซึ่งก็คือ จ.ลพบุรี ในปัจจุบัน (ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุของผมว่า ตัวอักษรตัวแรกของ ชื่อจังหวัด เป็น ล.ลิง ด้วย ตอนเรียนหนังสือเด็กๆ ผมมักจะแทนคำว่า ลพบุรี เป็นลิง บ่อยๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 16:24:49

ความคิดเห็นที่ 49   ลองไปดูน้ำหน้าเขื่อนใกล้ๆ ดีกว่า.... โอ้โฮ... น้ำได้ลดลงไปต่ำกว่า ปลายบันไดริมน้ำเสียอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:05:16

ความคิดเห็นที่ 50   ผมเลยเดินลงไปยืนที่ปลายบันไดในรูปข้างบน(คห.49) แล้วถ่ายภาพ 3 ด้าน และเพื่อให้ดูเข้าใจง่ายๆ ผมเลยนำมาต่อกันให้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:15:35

ความคิดเห็นที่ 51   ถึงเวลาที่ต้องไปสำรวจจุดอื่นต่อแล้วละครับ  ผมเดินกลับมาหาคณะที่รออยู่  อ้อ...นั่งทานอาหารของว่างตรง ม้านั่งใต้เต้นท์ยาวนี่เอง  ก่อนขึ้นรถกลับ ก็เลยถ่ายภาพหน้าเต็นท์มาให้ดู  เวลาตอนนั้นเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ไม่มีนักท่องเที่ยว ซุ้มขายของเลยปิดกันหมดแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 18:30:54 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:29:10

ความคิดเห็นที่ 52   ก่อนออกเดินทาง ขอกางแผนที่ให้ดูก่อน ว่าเส้นทางการไปสะพานรถไฟลอยน้ำช่วง 1 เหนือเขื่อนป่าสักฯ นั้นไปทางไหน  แหม...ค้นหามานาน ให้ดูตามลูกศรสีชมพูนะครับ  ถนนสีส้ม ก็คือ ถนนดิน ที่อยู่ภายในอ่างเก็บน้ำแห้งๆ นั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 18:42:35 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:41:28

ความคิดเห็นที่ 53   ตามแผนที่ ออกมาจากเขื่อนป่าสักฯ หลังจากข้ามทางรถไฟแล้ว ให้เลี้ยวขวา ที่สี่แยกแรกทันที (เป็นสี่แยกที่ถนนเปลี่ยนจาก 2 ช่องทางสวนกัน เป็น 4 ช่องทาง) ไปได้สักพักหนึ่ง ก็เจอสามแยก ให้เลี้ยวขวา ก็จะเจอถนนคู่ขนานทางรถไฟ แต่... ภาพขวา : เจอประตูกั้นครับ ในลักษณะที่ล๊อคถาวร ด้วย เป็นงง..ครับ  แล้วผมจะไปที่สะพานรถไฟกันได้อย่างไรกันนี่ ภาพซ้าย : ผมเลยถอยกลับมาหน่อย ก็สังเกตุเห็นทางลูกรังเล็กๆ เลี้ยวลอดพุ่มไม้เข้าไป  ตามแผนที่ใน GPS Map ระบุว่า เป็นทางไปยังสะพานรถไฟได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:00:15

ความคิดเห็นที่ 54   เมื่อลอดเข้าไปแล้ว ก็ได้พบกับ ภาพที่ประทับใจ ทันที  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นภาพสะพานรถไฟลอยน้ำชัดๆ เต็มตาครับ  มีทางเล็กๆ ลงไปข้างล่างด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:37:18

ความคิดเห็นที่ 55   ภาพซ้าย :  หลังจากค่อยๆ ลัดเลาะไปตามทางในอ่างเก็บน้ำที่แห้งแล้ว ก็ไปสะดุดหยุดลงตรงจุดหนึ่ง ที่ใกล้สะพานรถไฟที่สุด ภาพขวา : ได้ลงมาจากรถ เพื่อสำรวจด้วยการเดิน  มองไปทางเชิงสะพานรถไฟเห็นสีขาวๆ เป็นกลุ่มๆ อย่านึกว่าเป็นก้อนหินนะครับ  นั่นคือวัว ครับ มีฝูงวัวมากินหญ้ามากมาย เพราะมีต้นไม้อ่อนๆ ขึ้นมาที่ก้นอ่างเก็บน้ำที่แห้ง นับเป็นได้ประโยชน์ในเชิงปศุสัตว์ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:44:46

ความคิดเห็นที่ 56   พวกเราบางคนก็ลงรถตามผมมาเหมือนกัน (ภาพซ้าย)  แต่ก็เดินมาไม่ถึงสะพานรถไฟ เพราะมีแอ่งน้ำอยู่เต็มไปหมด (ภาพขวา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:08:27

ความคิดเห็นที่ 57   บางส่วนก็เป็นก้อนหินโตๆ โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด ปกติจะมองไม่เห็น เพราะน้ำท่วมกลบไปหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:11:26

ความคิดเห็นที่ 58   ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมเดินลัดเลาะมาจนถึงสะพานรถไฟแล้วครับ  แทบไม่น่าเชื่อว่าพื้นอ่างเก็บน้ำช่วงใต้สะพานนี้ดินจะแน่นขนาดรถยนต์วิ่งได้เลย (สังเกตุรอยล้อรถยนต์)  ภาพข้างล่างถ่ายสะพานเมื่อหันไปทิศเหนือครับ ภาพขวา : เดินลอดสะพานไปอีกฝั่งหนึ่ง จะสังเกตุเห็นร่องรอยน้ำท่วม ว่าสูงไม่น้อย กะด้วยสายตา น่าจะประมาณ 4 เมตรได้ ครับ  แทบไม่น่าเชื่อว่าปีนี้ น้ำจะลดขนาดนี้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:24:04

ความคิดเห็นที่ 59   นี่แหละครับ สภาพก้นอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ใกล้ๆสะพานรถไฟช่วง 1 นับว่าตื้นเขินมาก แต่ก็ยังมีแอ่งน้ำเป็นระยะๆ เหมือนกัน  นับเป็นภาพหาดูได้ยากเหมือนกัน ที่จะเห็นเสาสะพานรถไฟโล่งๆ เรียงรายกันไปไกลลิบๆ เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:35:50

ความคิดเห็นที่ 60   ภาพขวา : ผมเดินกลับมาเล็กน้อย สังเกตุว่า ใต้สะพานฝั่งนี้ก็มีถนนลูกรังคู่ขนานไปเช่นกัน มีรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ด้วย เขาคงมาจากทางอื่น ถึงมาจอดตรงนี้ได้ ภาพซ้าย : หันกลับไปดูรถผมที่จอดอยู่ไกลๆ โน้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:44:45

ความคิดเห็นที่ 61   ต่อไปคือการขึ้นไปสำรวจบนสะพานรถไฟกันละครับ  แต่มองหาทางขึ้นยากเหมือนกัน เพราะมีแต่หินกับหิน ที่สูงชัน  ทำอย่างไรได้ เขาไม่ได้ออกแบบไว้ให้คนขึ้นไปเดินเล่นบนรางรถไฟง่ายๆ นี่นา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:53:05

ความคิดเห็นที่ 62   ภาพซ้าย : ตอนนี้ ผมยกพลขึ้นบก เอ๊ย.. ปีนขึ้นมาบนรางได้สำเร็จ (อีกแล้วครับ)  เหมือนกับชีวิตใหม่บนรางกำลังเริ่มขึ้น   มองไปทางซ้ายมือ ที่ไปยัง จุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ ดูไกลมาก เพราะเป็นทางโค้งลับตา  แต่ก็ยังแอบเห็นยอดหอคอยโผล่มาให้เห็นเล็กน้อย  ซึ่งแน่นอน ว่าถ้าผมเห็นหอคอย คนที่หอคอยก็ต้องเห็นผมเช่นกัน ดังในภาพคห.12 นั่นแหละครับ  เพียงแต่ผมตัวเล็กนิดเดียว ในขณะที่หอคอยอันเบ้อเริ่ม จึงเห็นได้ง่ายกว่า ภาพขวา : มองไปทางขวามือ ก็คือสะพานรถไฟ คดโค้งเป็นรูปตัวเอส (ถ้าใช้กล้องซูมดู) ตรงไปยังจุดหยุดรถหนองบัว ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 21:04:43

ความคิดเห็นที่ 63   ภาพซ้าย : ผมเริ่มเดินมาบนสะพานแล้ว ก็เลยหันไปถ่ายภาพด้านข้างฝั่งซ้าย (ตะวันตก) จะสังเกตุเห็นถนนโค้งๆ ลอดใต้สะพานแห่งนี้ วิ่งคู่ขนานไปยังบ้านพัก ซึ่งถ้าไม่มีประตูกั้นในภาพขวาของคห.53 ผมก็คงนำรถมาตรงนี้ได้  แต่....ระหว่างนั้นได้สังเกตุเห็นรถขายกับข้าว วิ่งมาตรงนี้ได้  เขาคงใช้เส้นทางอื่นกระมัง ภาพขวา : มองไปอีกฝั่ง (ตะวันออก) ด้านอ่างเก็บน้ำ ก็มีถนนวิ่งคู่ขนานไปยังจุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ (ตามแผนที่ใน GPS Map)  มองออกไปหน่อย ก็จะสังเกตุเห็นแนวถนนเก่าที่จมน้ำ ทอดยาวโค้งกลับมา  ผมสังเกตุเห็นมีรถยนต์จอดอยู่ไกลๆ แสดงว่า ดินต้องแน่น ไม่งั้นรถคงติดหล่ม แน่นอน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 21:18:03

ความคิดเห็นที่ 64   ออกเดินบนสะพานรถไฟมาได้สักหน่อย ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จากคณะว่า มีทางหลบรถไฟไหม ผมก็ตอบว่าสบายครับ มีช่องทางเดินกว้าง และเรียบด้วยครับ (สังเกตุจากในรูปข้างบน คห.63 ว่ามีทางเดินตรงราวสะพานทั้งสองด้าน) ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย จะเห็นรถผมจอด และกลุ่มผมที่ลงมายืนรับลมนอกรถ (บางคน)  เขาคงเห็นผมเลยโทรมาเตือน ภาพขวา : มองไปทางขวา จะเห็นอ่างเก็บน้ำที่ยังมีน้ำอยู่เยอะ สังเกตุว่ามีรถเก๋งจอดอยู่บนทางเล็กๆ นั้น ช่างไม่กลัวน้ำป่าไหลหลาก ฉับพลัน แล้วหนีไม่ทัน.......ว่าเข้านั่น..ไม่มีหรอก สำหรับพื้นที่รับน้ำได้กว้างๆ แบบนี้ น้ำคงแล้งแบบนี้มานาน จนมีคนลงไปเที่ยวกันเป็นปกติ วันนี้ดึกแล้ว ขออนุญาต กลับบ้านก่อนนะครับ ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันให้จบตอนเลยครับ  ผมยังเดินไม่ถึงจุดที่ คนรักรถไฟเคยเดิน คือ สทล.164/2 (หลักกิโลนับจาก กรุงเทพฯ)  เพื่อไปพิสูจน์มุมมองย้อนกลับมายังหอคอยเขื่อนป่าสักฯ ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 09:21:46 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 21:32:56

ความคิดเห็นที่ 65   ไม่น่าเชื่อว่าน้ำจะแห้งมากขนาดนี้นะเนี่ย   แล้วปีนเก่งนะคะ...  ขึ้นไปบนรางจนได้ ปล.  พี่ปล่าวไปเล่นเวบอื่นดอกค่า  มัวแต่ไปลดอ้วน   จากคุณ : แม่ซากานะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 09:38:03

ความคิดเห็นที่ 66   ข้างล่างดินแน่นมากเลยหรือครับ รถยนต์ถึงลงไปวิ่งได้เลย ... จากคุณ : .. (Trip-F) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 13:25:19

ความคิดเห็นที่ 67   สวัสดีครับ คุณแม่ซากานะ : ทีแรกผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เพราะปีที่แล้ว เดือนเดียวกัน มีคนรักรถไฟไปเที่ยวมา น้ำยังลดไม่มากเหมือนปีนี้ สำหรับเรื่องปีนขึ้นรางนี่ มีโหดกว่านี้ ก็ที่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก ใกล้สถานีลำนารายณ์ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8946737/E8946737.html#14 แหม...เจ๊อิ๋มจ๋า ลดอ้วนก็เล่นเน็ตได้นะ.. หรือว่า   ไปเข้าคลับ กลับดึกไปหน่อย เลยไม่มีเวลา  แล้วตอนนี้ลดไปได้กี่กิโลครับ  คงต้องแข่งกับผมหน่อยละ  กำลังลดอยู่ ระลอกสองด้วย ครับ สวัสดีครับ คุณ.. (Trip-F) : ยืนยันว่าดินแน่นมากครับ ผมได้นำรถยนต์ลงไปวิ่งมาแล้ว เพราะเคยเป็นพื้นที่เหนือน้ำมาก่อน และครั้งนี้ น้ำก็แห้งมานานหลายเดือนแล้ว ครับ วันนี้มาต่อกันนะครับ   ภาพกลาง : ผมได้เดินไปจนถึงจุด สทล.164/2 อันเป็นคนรักรถไฟในเว็บ รถไฟดอทคอม เคยไปมา สมัยที่ยังมีน้ำเยอะๆ เต็มอ่าง  ระยะทางจาก เชิงสะพาน สทล.163/10 (ที่ปีนขึ้นมา) ก็ตกระยะทางครึ่งกิโลเมตรครับ ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย ก็ต้องตกใจ ว่ามีถนนลูกรังเรียบๆ แบบนี้ด้วย คือมีรถปิ๊คอัพกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว ชนิดฝุ่นคลุ้งเลย   ตอนแรกผมก็คิดว่า คงมาจากถนนใหญ่ ตรงปลายลิบๆ นั้น  ในครั้งหลังที่ผมไป ลองวิ่งไป ปรากฏว่าทางตัน มีคูน้ำขวางหน้า  ทางออกจะอยู่ด้านซ้าย ก่อนถึงปลายถนนครับ (ตกใจเหมือนกัน  โชคดีที่ยังมีรถอีกคันกำลังออกจากถนนเส้นนี้ เลยวิ่งตามเขาออกไปได้) ภาพขวา : มองไปทางขวา (ฝั่งอ่างเก็บน้ำ) พบว่าถนนลูกรังเส้นนี้ ลอดสะพานรถไฟที่ผมยืนอยู่ไปทางอ่างเก็บน้ำแล้ววนโค้งไปทางขวา  แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผมได้พบกับคันทางรางรถไฟเก่าโดยบังเอิญครับ  ซึ่งในการสำรวจครั้งหลัง ผมได้ไปจอดรถถ่ายภาพตรงนั้นด้วย (ตื่นเต้นๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:23:16

ความคิดเห็นที่ 68   ภาพบน : มองไปข้างหน้าไกลๆ (ถัดจากเสา สทล.164/2) ในรูปกลาง คห.67 ก็คือ สะพานรถไฟที่ทอดยาวออกไปจนถึงคันทางสูงๆ โค้งไปจนลับตา อันเป็นจุดหยุดรถหนองบัว ภาพล่าง : หันกลับมามองด้านที่ผมเดินผ่านมาบ้าง (รู้สึกว่าเดินมาเกินว่าครึ่งความยาวของสะพานด้วยซ้ำไป) ที่ปลายทาง คือ จุดหยุดรถเขื่อนป่าสัก นั้นจะเห็นหอคอยชมเขื่อนโผล่เลยยอดไม้ขึ้นมาชัดขึ้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:37:13

ความคิดเห็นที่ 69   ภาพซ้าย : สาเหตุที่ผมทราบตำแหน่งคันทางรางรถไฟเก่าที่จมน้ำในคห.67 เพราะจุดนี้แหละ คือ ได้สังเกตุเห็นช่องระบายน้ำใต้ทางรถไฟเก่า และ แนวหินกรวดสีเทา ซึ่งมักใช้เป็นคันทางรางรถไฟ  จึงทราบว่า ตรงนั้นเคยเป็นทางรถไฟแน่นอนครับ  ในภาพนี้ ยังเห็นโรงงานถังสีขาว 2 ใบชัดมาก ใครทราบไหมว่าเป็นโรงงานอะไรครับ ภาพขวา : ผมซูมกล้องเข้าไปใกล้ๆ หอคอยเฉลิมพระเกียรติเขื่อนป่าสักฯ ที่เพิ่งไปมา ให้ชัดๆ  เปรียบเทียบกับตอนน้ำเยอะๆ เต็มเขื่อน ในช่วงปลายปี ที่ คุณ Methee S. หนึ่งในกลุ่มคนรักรถไฟไปถ่ายมา ครับ (ผมพยายามหาลิ้งค์ ที่เขาไปเดินสำรวจรางช่วงนี้มา แต่หาไม่เจอครับ ต้องขอโทษด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 16:03:57

ความคิดเห็นที่ 70   หันไปมอง ตรงจุดจอดรถผม โอ้โฮ..คันเล็กนิดเดียว จนแทบไม่รู้เลย  มองไปทางขวา (ตะวันตก) เป็น เวิ้งกว้างสีเขียว ที่ตอนนี้ไม่มีน้ำ เป็นเส้นทางรถลงมายังในอ่างเก็บน้ำนี้  (รู้สึกจะเป็นสถานที่ตากอากาศ ปิ๊คนิ๊ค ของคนแถวนี้ด้วยซ้ำไป เพราะเห็นมีหลายคันเหมือนกัน)  โดยลงมาจากถนนเลียบขอบอ่างเก็บน้ำ ที่แสดงในแผนที่ คห.52 ตรงมุมบนซ้าย รูปแหลมๆ นั่นแหละครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 16:20:10

ความคิดเห็นที่ 71   นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้ว  ถ่ายซูมเล็กน้อยไปทางเชิงสะพานด้านหนองบัวอีกสักรูป แล้วก็จะเดินกลับละครับ  อ้อ..เกือบลืม ถ่ายภาพตัวเองไว้เป็นที่ระลึกหน่อย ว่าได้เคยเดินมาที่นี่แล้ว  ลองหลายรูปเหมือนกัน เพราะไปคนเดียวกะยากครับ ระหว่างทางมีนกมาบินว่อนโฉบใกล้ๆ  เลยยกกล้องถ่ายมาให้ดูกัน กล้องคอมแพ็คแบบนี้ถ่ายยากครับ เพราะมีเวลาหน่วงก่อนบันทึกภาพ และใช้เวลาซูมด้วย  เลยได้มาเท่านี้ครับ  (แปลงสภาพเป็น นักดูนก ไปแล้วผม....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 16:38:25

ความคิดเห็นที่ 72   ตอนนี้ผมได้เดินลงมาจากทางรถไฟแล้ว อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถไฟมา ผมเลยหันกล้องขึ้นไปถ่ายภาพได้ทันเวลา  ยังรู้สึกเสียดายเลยว่า รถไฟน่าจะมาเร็วกว่านี้ จะได้ภาพรถไฟแล่นบนสะพานโค้งๆ กับเขาบ้าง รถไฟขบวนนี้ น่าจะเป็น ขบวนเลขที่ 437 แก่งคอย-ลำนารายณ์ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 16:57:21

ความคิดเห็นที่ 73   ต่อไปก็คือ การลงเดินสำรวจในแอ่งน้ำ(แห้งๆ) เหนือเขื่อนป่าสักกันหน่อย  อูย..ต้องยอมรับว่าเดินไกลจริงๆ งานนี้ ตั้งแต่เดินจากรถมายัง สะพานรถไฟ เดินบนสะพานรถไฟไปกลับ แล้วก็ลงมาเดินข้างล่างอีก (นี่ไม่รวมไปเดินขึ้นเขาไหว้พระนอนที่วัดคีรีโสภณอีก) ภาพบน : ได้พบกองเศษคอนกรีต ที่คาดว่าเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าก่อนสร้างเขื่อน  ซึ่งพบได้หลายจุดในแถบนี้ ภาพล่าง : ต้นหญ้าเขียวๆ เมื่อเข้ามาใกล้ ก็มีลักษณะอย่างที่เห็นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:11:01

ความคิดเห็นที่ 74   และที่พลาดไม่ได้ก็คือ คันทางรางรถไฟเก่า ครับ ที่สังเกตุได้จากแนวกองหินกรวดสีเทา ซึ่งแถวนี้ก็เหลือไม่มาก หลายจุดถูกขุดตัดขาดหายไป เนื่องจากต้องการทำช่องทางน้ำไหล ในช่วงหน้าแล้ง  แต่อาศัยช่องระบายน้ำใต้รางรถไฟเก่า  เลยจับแนวทางได้ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:21:32

ความคิดเห็นที่ 75   ก่อนกลับออกไป ขอถ่ายภาพสวยๆ สักรูป เอาตรงจุดกลับรถ ถนนคู่ขนานทางรถไฟเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:28:58

ความคิดเห็นที่ 76   ผมกลับออกไปจากแอ่งน้ำแห้งๆ แล้วนะครับ เส้นทางเป็นดั่งที่เห็น ต้องระวังในการขับหน่อย ว่าจะเผลองง ตกลงไปในร่องน้ำได้ ยิ่งถ้ามืดๆ ละก็ แยกไม่ค่อยออกครับ  ต้องรีบกลับออกมาก่อนค่ำ ครับ  เวลาตอนนั้นก็คือ 6 โมงเย็นพอดีครับ ถ้าหากหน้าน้ำก็คงลงมาวิ่งรถแบบนี้ไม่ได้แน่นอนครับ นับเป็นโอกาสดี Unseen อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าปีหน้า น้ำจะลดแบบนี้อีกหรือเปล่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:36:15

ความคิดเห็นที่ 77   ระหว่างทางกลับออกไป จะพบจุดชมวิวสะพานรถไฟลอยน้ำ ซึ่งตอนนี้คงเรียกว่าลอยฟ้าไปก่อน เพราะไม่มีน้ำจะลอย  ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหาร(อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน) ได้จัดทำที่นั่งรับประทานอาหารบนโป๊ะเลย  น่าผ่านมาดูตอนน้ำเยอะๆ ปลายปี นะครับ ว่าเป็นอย่างไร เห็นต้นไม้แห้งๆ ข้างหน้า ทำให้คิดไปว่าอยู่แถวๆยุโรป เลย (สำหรับตำแหน่งจุดชมวิวนี้ แสดงได้บนแผนที่ คห.1 ครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:54:55

ความคิดเห็นที่ 78   ที่จริง เป้าหมายการเดินทางในวันนั้นยังไม่จบลงเท่านี้ ผมยังได้เดินทางต่อไปยังสะพานรถไฟช่วงอื่นๆ ด้านเหนือไปเรื่อยๆ จนถึง สถานีโคกสลุง ซึ่งก็ไปถึงที่นั่นประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง  แต่เนื่องจาก ได้มีการเดินทางไปที่นั่นอีกครั้ง ทำให้ขอยกไปตอนต่อไป เพราะสำหรับสะพานรถไฟช่วงนี้ ผมยังได้กลับมาสำรวจอีกอย่างไม่ตั้งใจ ในการเดินทางไปครั้งหลัง คือได้สังเกตุเห็นจุดหยุดรถไฟเขื่อนป่าสักเปลี่ยนไป จากเมื่อต้นปี  ที่สังเกตุเห็นมีการก่อสร้างดังในรูปข้างล่าง  ตอนนี้ได้สร้างเสร็จแล้ว สีสวยสดใสเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:03:54

ความคิดเห็นที่ 79   อาคารที่ว่าก็คือ ศาลาพักผู้โดยสารรอรถไฟ ครับ ซึ่งสร้างถึง 4 อาคาร คงสร้างให้พอเพียงกับช่วงเทศกาล ทริปรถไฟปลายปี ที่เคยเห็นภาพนักท่องเที่ยวลงไปนั่งรอที่รางรถไฟกันเป็นเต็มไปหมด  ศาลาแบบนี้ผมได้เคยพาไปดูใกล้ๆ ที่หยุดรถไฟหน้า รร.อัสสัมชัญ คอนแวนต์ ลำนารายณ์ จากทริปก่อนๆ ข้างล่างนี้ แล้วนะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8938919/E8938919.html ทั้งนี้อาคารหลังเก่าก็มิได้รื้อออกแต่อย่างใด เพราะดูแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่น้อย คล้ายๆกับชานชาลา ดอกเห็ด ของสถานีสามเสนที่โดนรื้อทิ้งไปแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:18:03

ความคิดเห็นที่ 80   ภาพบน : ศาลารอรถไฟหลังเก่า ผมขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอีกครั้ง กลัวว่าจะถูกรื้อทิ้งเปลี่ยนไป   ถ้าให้ดีควรบูรณะปรับปรุง ทาสี ใหม่ ให้เท่าเทียมกับศาลาหลังใหม่ข้างๆ นะครับ ภาพล่างซ้าย : เป็นภาพด้านข้างของศาลาหลังเก่า ตอนนี้ไม่มีผู้โดยสาร เพราะเป็นเวลา หกโมงเย็นครึ่งแล้ว ภาพล่างขวา : ด้านหลังศาลาหลังเก่า มีอาคารหลังใหม่ สร้างแถมขึ้นมา ใช้สำหรับจำหน่ายตั๋ว  ตอนนี้คงยังไม่ได้เปิดใช้ครับเพราะดูแล้วไม่มีอะไรอยู่ข้างในครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 18:46:17 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:32:43

ความคิดเห็นที่ 81   ขนาดเคยไปเห็นศาลาแบบนี้ที่ หน้ารร.อัสสัมชัญ คอนแวนต์ ลำนารายณ์แล้ว ก็ยังอยากเข้าไปดูใกล้ๆ อีก ชอบใจระแนงด้านข้างกันแดดกันฝน นี้ นับเป็นภูมิปัญญามนุษย์จริงๆ ที่พยายามทำผนังกันแดดกันฝนแต่ระบายลมได้ ซึ่งผมเองก็เคยคิดจะนำมาใช้ปิดบังแดด ด้านข้างบ้าน ดูทีแรกผมยังคิดว่า แตกต่างจากศาลาที่หน้า รร.อัสสัมชัญฯ คือ ที่นี่ทำด้วยสังกะสี แต่คิดว่าที่นั่นทำด้วยกระเบื้อง แต่พอมาค้นดูในเว็บ ไม่ใช่ครับ เหมือนกันครับ เพียงแต่ ที่นี่เพิ่งสร้างใหม่ สีเลยดูสดมาก เทียบกับ ศาลาอันเก่านั้นบังแดดได้เท่านั้น ถ้ามีฝนลมมา จะเปียกกันหมด ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:44:52

ความคิดเห็นที่ 82   พอดีเจอป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับงานก่อสร้างปรับปรุงจุดหยุดรถแห่งนี้ครับ สร้างเสร็จไปเมื่อ เริ่มสร้างกลางเดือน มค. 53 เสร็จเมื่อ พค.53  ช่วงที่ผมไม่ได้มาพอดีเลย (มาคราวที่แล้วปลายเดือน มค.53) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:50:54

ความคิดเห็นที่ 83   ภาพบน : ตามโปรแกรมที่ตั้งใจไว้ (ในการเดินทางครั้งหลัง) ได้ครบลงแล้ว  แต่... มองถนนคู่ขนานทางรถไฟด้านหลังจุดหยุดรถไป  น่าคิดเหมือนกันว่า จะยังคงมีถนนวิ่งไปจนถึงจุดกลับรถใต้ทางรถไฟในคห.63 ตาม ที่ระบุไว้ในแผนที่ GPS Pocket PC หรือไม่ เพราะดูมันเปลี่ยวๆ อย่างไงชอบกล... เอาล่ะหวา... ชักน่าสนแล้วซี ไหนๆ ก็จะกลับบ้านแล้ว ขอลุยปิดท้ายสักหน่อยเป็นไร  ผมเลยตัดสินใจยังไม่กลับ ขับต่อไปเรื่อยๆ ภาพล่าง : ตอนนี้ผ่านป้ายด้านเหนือของจุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ ที่แสนจะยาว....ไกล แล้วครับ ตื่นเต้นครับตื่นเต้น  ฟ้าก็ใกล้มืดลงทุกขณะ ตอนนั้นก็หกโมงครึ่งแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:22:30

ความคิดเห็นที่ 84   มุดเข้าไปแล้วครับ เส้นทางคู่ขนานรางรถไฟ ที่ยังใช้งานได้ เพียงแต่มีหล่มเฉอะแฉะเป็นบางช่วง โชคดีที่รถผมมีขับเคลื่อนสี่ล้อ เลยใช้ 4H ลุย ชนิดรถไถลไปมา เลย มันส์มาก แต่ก็กลัวรถตกถนนเหมือนกัน..... ตั้งแต่ขับรถคันนี้มา ยังไม่เคยเจอทางเละขนาดนี้..เสียว ครับ ยิ่งจะมืดค่ำแล้วด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:38:24

ความคิดเห็นที่ 85   พ้นจากช่วงกลับรถใต้สะพาน ก็มีทางลงไปข้างล่าง (ที่ผมลงไปเดินมานั่นแหละ)  แต่นี่ผมนำรถลงมาด้วย เป็นไงเป็นกันล่ะงานนี้ ภาพซ้าย : ถ่ายด้านซ้ายของสะพาน(ฝั่งตะวันตก) เมื่อขับรถมาจนถึงแนวถนนในภาพคห.67 ภาพขวา : เมื่อลอดสะพานไปอีกด้านแล้ว (ฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำ) หันไปดูสะพานด้านทิศเหนืออีกครั้ง รีบไปหน่อยภาพเลยไม่ค่อยชัดครับ  แสงก็น้อยลง ภาพทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกับภาพใน คห.58 แต่เป็นคนละจุดกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:48:48

ความคิดเห็นที่ 86   ผมขับรถไปตามทางในรูปขวาคห.67 จนถึงแนวคันทางรางรถไฟเก่า ตื่นเต้นครับ ที่สามารถนำรถมาวิ่งบนคันทางเก่าได้ ปกติพื้นที่ตรงนี้น้ำจะท่วมสูงกว่า 4 เมตร! ภาพกลาง : ภาพตรงหน้าผมก็คือ ถนนที่โค้งไปทางขวา ที่คราวก่อนเห็นมีรถเก๋งมาจอดพักผ่อน ถนนช่วงนี้แข็งมาก ไม่มีร่องรอยเฉอะแฉะ ยุบตัวเหมือนกับถนนคู่ขนานทางรถไฟที่ผมเพิ่งผ่านมาเลย ภาพซ้าย : เป็นแนวคันทางรางรถไฟเก่าที่มุ่งไปยัง จุดหยุดรถหนองบัว  มีช่องระบายน้ำใต้ทางกั้นอยู่ ผมไม่มีเวลา โพล้เพล้แล้ว ไม่งั้นผมจะขับรถเข้าไปใกล้ๆ ดู ภาพขวา : เป็นแนวคันทางรางรถไฟเก่า ที่มุ่งไปยัง จุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:08:19

ความคิดเห็นที่ 87   นี่ก็เป็นรูปหลักฐาน การนำรถลงมาลุยก้นอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนป่าสักฯ ที่แห้งจนรถวิ่งได้ ครับ  ไม่ได้ฝันไป! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:14:30

ความคิดเห็นที่ 88   เวลาตอนนี้ก็หกโมงเย็นครึ่งไปแล้ว ต้องรีบกลับละครับ ภาพซ้าย : สะพานรถไฟที่ผมต้องลอดกลับไปฝั่งตะวันตกละครับ ภาพกลาง : ตามความเข้าใจของผมทีแรก คิดว่าถนนเส้นนี้ น่าจะตรงไปจนถึง ถนนริมอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน  แต่ไม่ใช่ ครับ วิ่งไปสักพัก ทางขาด!  มีร่องน้ำขวางอยู่ ต้องรีบกลับรถกันละ ภาพขวา : โชคดีที่มีรถนักท่องเที่ยวคันหนึ่งกำลังจะออกไปพอดี ผมเลยขับตามมา จนออกมาได้ เกือบยุ่งแล้วไหมล่ะ  เพราะไม่มีถนน ต้องวิ่งลัดเลาะเหมือนกับภาพในคห.76  ในสภาพมัวตา โพล้เพล้ อาจพลาดตกร่องน้ำได้ง่ายๆ หรือไม่ก็ติดหล่ม...    รถคันนั้นคงงง ที่ผมทำไมวิ่งรถไปจนสุดถนน คงคิดไม่ถึงว่าผมไม่ได้มาจากข้างนอก ทางเดียวกันนี้ เพราะผมมาจาก จุดหยุดรถไฟเขื่อนป่าสักฯ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:28:00

ความคิดเห็นที่ 89   ตอนนี้ผมได้กลับขึ้นมาบนถนนเลียบขอบอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนแล้วละครับ  ถือว่าประสบความสำเร็จเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ เลยถ่ายภาพทางเข้าไปไว้หน่อย คิดว่าถ้ามีน้ำเยอะๆ ช่องนี้ก็ยังคงมองเห็นสะพานรถไฟลอยน้ำอยู่ดี  เพื่อนๆ ถ้ามีโอกาสผ่านมาทางนี้ก็ลองสังเกตุดูกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:39:51

ความคิดเห็นที่ 90   ขอจบกระทู้ตอนนี้ไว้ด้วยภาพ สี่แยกก่อนเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่มีตลาดนัดยามเย็น "พงษ์เพชร พลาซ่า" เพิ่งทราบนะนี่ ตอนกลางวันเงียบๆ ไม่มีอะไร แล้วผมก็เลี้ยวขวา กลับกรุงเทพฯ ครับ    คอยติดตามตอนจบนะครับ  ไปสำรวจสะพานรถไฟต่อ แล้ววิ่งเลาะริมเขื่อนฝั่งตรงข้าม ไปค้นหาสะพานจมน้ำ แล้ววกกลับมาที่ สถานีรถไฟโคกสลุง รับรองว่าหาดูได้ยาก  Unseen อีกแล้วครับท่าน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:49:51

ความคิดเห็นที่ 91   เยี่ยมมากครับ..มาติดตามต่อด้วยความตื่นเต้น...ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : Red Fox เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:47:32