ความคิดเห็นที่ 1   จขกท.ขึ้นมานิวยอร์คหนนี้ ก็เพื่อมาเจอป๊ะป๋าที่บินมาดูงานที่นิวยอร์ค แน่นอนฮะ งานนี้โรงแรมฟรี มีที่หรืออิฉันจะปฏิเสธ! โฮะๆๆๆๆๆ อันนี้ภาพในห้องพักโรงแรม Crowne Plaza Times Square อภินันทนาการโดยป๊ะป๋าคนเก่ง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:17:46

ความคิดเห็นที่ 2   จขกท.บินถึงนิวยอร์คตอนเที่ยง แต่ป๊ามาถึงบ่ายสาม เลยออกไปหาข้าวกินกับเพื่อนที่ขับรถขึ้นมาเจอซะหน่อยดีกว่า เราเลยไปแหมะกันที่ร้านราเม็นชื่อ Sapporo ตรงแถวๆโรงแรม รสชาติก็งั้นๆแหล่ะค่ะ ดีหน่อยที่ราคาไม่แพง -_- ทริปนี้อิฉันมีเหยื่อรายใหม่ เป็นคู่ผัวตัวเมียนำเสนอค่ะ คุณสามีชื่อพอล เป็นเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่ตะก่อนอยู่แผนกเดียวกัน ก่อนที่ฮีอัปเปหิตัวเองไปออฟฟิสที่ DC ส่วนคุณเมียชื่อแคธี่ เป็นสาวเชื้อสายฮ่องกงที่เกิดโตในเมกา จขกท.เจอแคธี่ครั้งแรกในงานเลี้ยงบริษัท ปรากฏเราสองสาวคุยกันถูกคอมั่กๆ ยังกะผีเห็นผี กร๊ากกกกก เพราะเจ๊แคธี่นี่ก็ชอบกินชอบชิมไปทั่ว แต่ชีบ่นว่ามานิวยอร์คทีไร กินไม่เคยสะใจ เพราะเกรงใจคุณสามี งวดนี้ชีเลยทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า ไอจะมาเที่ยวนิวยอร์คกับชอ ถ้าคุณสามีมาแล้วงอแง ไอ้นี่ไม่กิน ไอ้นั่นไม่เอา ก็ช่างหัวคุณค่ะ เรากินกันสองคนก็ได้ ไม่ง้อเฟร้ย! กร๊ากกกก ทำไมเพื่อนตูแต่ละคนถึงได้ฮาร์ดคอร์แบบนี้วะเนี่ย! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:18:58

ความคิดเห็นที่ 3   เนื่องจากข้าวกลางวันแป้ก อิฉันเลยต้องกู้สถานการณ์ ด้วยการลากสองผัวเมียไปล้างปากที่ร้าน Grom ร้านเจลาโต้จากอิตาลีที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดร้านที่นิวยอร์ค แล้วก็เพิ่งเปิดสาขาใหม่สดๆร้อนๆตรง Columbus Circle นี่เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:19:33

ความคิดเห็นที่ 4   จขกท.สั่งรส Crema di Grom ซึ่งเป็นไอติมวานิลลาผสมบิสกิตบดละเอียด รสชาติกลมกล่อมสุดๆ ส่วนสีเขียวๆนั่น ไอติมชาเขียวค่ะ กรี๊ดดดดดด (แต่ จขกท.ว่ามันยังชาเขียวไม่สะใจเท่าติมโอเรียนเต็ลบ้านเราอ่ะ -_-) ส่วนเจ๊แคธี่ดี๊ด๊ากับไอติมมะพร้าวของร้าน Grom มาก เพราะเธอบ่นว่าไอติมมะพร้าวที่เมกามักจะรสชาติแหม่งๆ แต่ของร้านนี้ทำจากมะพร้าวสด รสชาติหอมหวาน กินแล้วชื่นใจดีนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:19:57

ความคิดเห็นที่ 5   จากนั้น จขกท.ก็โบกมือลาสองผัวเมียชั่วคราว เพื่อกลับโรงแรมไปหาป๊ะป๋าที่เพิ่งมาถึงนิวยอร์คหมาดๆ ไปถึงก็เจอป๊ะป๋าในสภาพเยินได้ที่ ป๊าบอกว่ารองเท้าป๊าส้นหลุดตั้งกะที่สุวรรณภูมิ(!) เลยได้ถอยร้องเท้าคู่ใหม่ กันตรง duty free นี่เลย แถมตอนปลี่ยนเครื่องที่ Frankfurt ป๊าก็ดันทำกระเป๋าสะพายหายอีก(!!) โชคดีที่ในกระเป๋ามีแค่เสื้อแจ็คเก็ตกับกล้องถ่ายรูป ส่วนกระเป๋าตังค์กับ passport ยังอยู่ครบ เอ่อ...ตอนออกจากบ้าน ป๊าก้าวขาผิดข้างเปล่าคะเนี่ย >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:20:30

ความคิดเห็นที่ 6   เราเลยต้องวิ่งโร่ออกไปหาซื้อแจ็คเก็ตตัวใหม่ให้ป๊ะป๋า ก่อน จขกท.จะลากป๊าไปกินข้าวเย็นกับพอลและแคธี่ ที่ The Modern ร้านอาหารฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ติดกับ Museum of Modern Art (MOMA) นี่เอง ร้าน The Modern นี่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนค่ะ คือ Dining Room กับ Bar Room Dining Room จะออกแนวทางการ ต้องใส่เสื้อนอกไปกิน ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพงพอสมควร ส่วน Bar Room นี่จะออกฮิปๆเล็กน้อย ไม่มี dress code และที่สำคัญราคาถูกกว่าหน่อย แฮ่ คงไม่ต้องเดาใช่มั๊ยฮะว่าคณะเจ๊กอย่างพวกเราจะเลือกกินอันไหน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:21:25

ความคิดเห็นที่ 7   ข้อดีของ Bar Room อีกอย่างคือ เค้าจะเสิร์ฟอาหารเป็น appetizer size ค่ะ คือจานจะเล็กกว่าปกติ แต่ใหญ่กว่า Tapas ราคาตกจานละ $17-$25 เราประเดิมศักราชกันด้วย Roasted Long Island Duck Breast เสิร์ฟพร้อมซอสทรัฟเฟิลและแอปเปิ้ลทอด เป็ดนุ่มมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:23:28

ความคิดเห็นที่ 8   Saffron Tagliatelle พร้อมเนื้อน้องต่ายจานนี้ก็อร่อยเด็ด ซอสรสชาติกลมกล่อมมาก เส้นก็เหนียวนุ่ม แต่ที่เด็ดขาดชนะเลิศกลับเป็น zucchini ฝานบางๆสีเขียวๆนั่นแหล่ะฮ่ะ เพราะมันจะเหนียวนิดๆแต่หวานหน่อยๆ ไม่ร่วนๆกรอบๆแบบที่คาดไว้ อร่อยมากมาย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:23:54

ความคิดเห็นที่ 9   ส่วน Slow Poached Farm Egg “In a Jar” จานนี้ อิฉันสั่งเพราะคำว่า In a Jar โดยแท้ กร๊ากกกก มันเสิร์ฟใส่โถมาจริงๆนะเคอะ ไม่ได้โม้! ที่เห็นฟองๆนั่นก็คือฟองซุบหอยเม่น ส่วนข้างใต้เป็นแตงกวา กับ lobster เนื้อล็อบสเตอร์ชิ้นเบ้งๆหวานอร่อย ไข่กินกับซุปหอยเม่นก็อร่อย คลุกกินด้วยกันยิ่งอร่อยเหาะ! ส่วนไส้กรอกที่เห็นด้านหลังนั่น มันคือไส้กรอกทะเลบนซอสมัสตาร์ดค่ะ กัดไปเจอกุ้ง scallop เป็นชิ้นๆ อร่อยโฮกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:25:02

ความคิดเห็นที่ 10   จานนี้เป็น Grilled Yellowfin Tuna รสชาติดีแบบมาตรฐาน ไม่มีอะไรชวนกรี๊ด จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:25:30

ความคิดเห็นที่ 11   อันนี้จานโปรดของ จขกท. อิฉันสั่ง Hamachi Tartare มันออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะทั่น! ปลาดิบ Hamachi ชิ้นจิ๋วๆผสมกับคาเวียร์ปลาเทราต์สีส้มๆ กินไปไข่แตกเป๊าะๆคาปาก หนูชอบบบบบบ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:26:43

ความคิดเห็นที่ 12   ส่วน Pan Seared Sullivan County Foie Gras จานนี้พลาด เพราะเค้าราดน้ำซุปเป็ดบนตับเป็ดทอด แล้วพวกเราเอาแต่คุยกัน ถ่ายรูปกัน กว่าจะลงมือกิน น้อง Foie Gras เละหายกรอบไปแล้ว เสียใจ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:27:01

ความคิดเห็นที่ 13   ปิดท้ายด้วยของหวาน ตอนแรก จขกท.จะสั่งเค้กช็อคโกแล็ตพร้อมไอติมพิสตาชิโอมาแบ่งกัน 4 คน แต่เด็กเสิร์ฟบอก ถ้าเอามาแบ่งกัน สั่ง Beignets (ซึ่งก็คือซาลาเปาทอดบ้านเราดีๆนั่นเอง) ดีกว่าครับพี่ มาพร้อมคาราเมล, ไอติมเมเปิ้ล และแยมมะม่วงด้วยนา เราก็เชื่อพนักงานค่ะ แต่พอกินแล้วตูว่าตูไม่น่าเชื่อมันเลย -_- Beignet ที่นิวออร์ลีนส์อร่อยกว่าบาน เสียใจ เอาไอติมพิสตาชิโอหนูคืนม๊าาาาาาา แต่โดยรวม พวกเราก็กรี๊ดกร๊าดกับอาหารมื้อนี้กันน่าดู (พวกเราในที่นี้หมายถึง จขกท.กับเจ๊แคธี่นะฮะ ) โดยเฉพาะแคธี่ที่ชอบร้านนี้มาก อาหารถูกปาก บรรยากาศก็กิ๊บเก๋ ตอนเดินออกมา แคธี่ก็ไปยืนดูเมนูที่แปะอยู่ตรงหน้าร้าน "อุ๊ย tasting menu (หัวละ $125) ของ dining room ดูน่ากินจัง ...ที่รักขราาาาา งวดหน้าเรามากิน dining room กันนะค๊าาา" เจอดอกนี้เข้าไป คุณสามีถึงกับหันมาเหล่อิฉัน อีคงคิดอ่ะค่ะว่า "อีชอ! หล่อนทำเมียชั้นใจแตก " จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:27:22

ความคิดเห็นที่ 14   ค่ำคืนบ้าน(เกือบ)แตกผ่านไป เช้าวันใหม่ก็มาเยือน ชาวคณะมารวมตัวกินข้าวเช้าแถวๆ Times Square ด้วยกันอีกครั้ง ก่อนที่ป๊ะป๋าจะขอปลีกตัวไปทำงาน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:27:49

ความคิดเห็นที่ 15   ส่วน จขกท.และสองผัวเมียก็เดินย่อยอาหารเช้า เตรียมตัวขึ้นชกสังเวียนถัดไป เราเดินผ่าน Trump Tower บน 5th Ave จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:28:10

ความคิดเห็นที่ 16   เดินมาจนถึง Madison Ave...อะจ๊ากกกกก ทำไมมีทหารเต็มเลยอ่ะ เสื้อแดงบุกมาถึงนิวยอร์คแล้วเรอะ! ปรากฎไม่มีอะไรค่ะ วันนั้นมีขบวนพาเหรดวันต่อต้านโรคเอดส์ พี่ทหารเลยแค่โผล่มาช่วยคุณตำรวจเท่านั้นเอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:28:27

ความคิดเห็นที่ 17   เราเดินจาก 49th st ไปจนถึง Lady M ร้านเค้กสุดอร่อยตรง 78th st โน่น เดินกันขาลาก 30 บล็อคเยี่ยงนี้ ถ้าเค้กรสชาติไม่ถูกปาก จขกท.คงโดนสองผัวเมียดร็อปคิกกลางร้านแน่ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:28:55

ความคิดเห็นที่ 18   เรามาถึงร้านตอน 11 โมง มะมีคนเรย ดีจัง สาเหตุที่แคธี่กระดี๊กระด๊าอยากมานิวยอร์ค ก็เพราะชีอยากลองชิมเค้กของร้าน Lady M นี่แหล่ะฮ่ะ แคธี่ทุ่มทุนสร้างขนาดที่ว่ายอมออกจากโหมดไดเอ็ท เพราะไม่กี่วันหลังจากทริปนิวยอร์คนี้ เจ๊ต้องบินไปแต่งงานยกสองที่สิงคโปร์แล้ว และเจ๊ก็ประกาศอีกว่าวันเกิดปีนี้ คุณสามีไม่ต้องซื้อเค้กมา เด๋วเมียจะไปฟาดเค้กวันเกิดย้อนหลังเองที่ Lady M กร๊ากกกกก ปล.จริงๆร้านนี้เค้าห้ามถ่ายรูปนะฮะ แต่วันนั้นพนักงานใจดีให้ถ่ายรูปได้ด้วย กี๊ดๆๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:29:15

ความคิดเห็นที่ 19   อูว์ เค้ก เค้ก แล้วก็เค้กทั้นนั้นเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:29:37

ความคิดเห็นที่ 20   อร๊ายยยยยย ก้อนนี้ไม่เคยเห็น น่ากิ๊นนนนนน พนักงานบอกมันคือ เค้กคัสตาร์ดวานิลลา โปะด้วยวานิลลา sponge cake อีกที เอร๊ยยยยยย จัดมาด่วนๆที่นึงเลยค่ะคุณน้องขา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:30:02

ความคิดเห็นที่ 21   เค้กร้านนี้หน้าตาดูดีไม่พอ ยังอร่อยโฮกมาก เพราะมันไม่หนัก ไม่เลี่ยน ไม่หวานจนเกินไปอีกด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:30:23

ความคิดเห็นที่ 22   ส่วนคุณแคธี่เธอถ่อมาถึงนิวยอร์คเพื่อสิ่งนี้ค่ะ เมนูของร้านชื่อดัง Mille Crepe ต้นตำรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:30:51

ความคิดเห็นที่ 23   มันคือเครปบางๆ 20 ชั้น คั่นด้วยครีมคัสตาร์ด ซึ่งทั้งบางเบาแล้วก็หวานกลมกล่อมแบบตายไปเลย >_< แคธี่ตักเจ้า Mille Crepe นี้เข้าปากคำแรก คุณเธอถึงกับหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ส่วนคุณสามีก็หันมามองด้วยความเป็นห่วง นึกว่าเมียตัวเองจิตหลุดไปแล้ว ถึงได้นั่งยิ้มอยู่คนเดียว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:31:25

ความคิดเห็นที่ 24   ส่วนคุณสามีก็หม่ำเค้ก Banana Foster ค่ะ แต่อิฉันไม่มีรูป ขนาดพอลซึ่งเป็นคนไม่ชอบกินขนม ฮียังฟาดซะเรียบ พอถามว่าอร่อยมั๊ย ยังมีหน้ามาบอกอีกว่า "ก็...ใช้ได้" กร๊ากกก จะฟอร์มไปไหนคะเพ่ โอว์ เค้กก็อร่อย กาแฟยังหอมเข้มข้นได้อีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:31:57

ความคิดเห็นที่ 25   หะแรก จขกท.กะพาสองผัวเมียไปเดินเล่นต่อที่ The Met หรือไม่ก็ Frick Collection คั่นเวลา ก่อนไปหม่ำขนมยกสองที่ Cefe Sabarsky แต่เผอิญพอลติดธุระ สองผัวเมียเลยต้องขอตัวกลับก่อน (หรือตาพอลจะกลัวว่า ชั้นจะพาเมียมันเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ฟะ กร๊ากกกก) จขกท.เลยพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ไหนๆก็มีเวลาแล้ว ลองไปเที่ยว The Cloisters บ้างดีกว่า ชะละล่า! The Cloisters เป็นอีกสาขานึงของ The Met ค่ะ ซึ่งอุดมไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคกลาง แต่คนไม่ค่อยรู้ค่ะว่า The Met มีอีกแคมปัสนึงด้วย ถึงรู้ก็คงไม่ค่อยไปอยู่ดี เพราะมันไปโผล่อยู่แถวๆย่านฮาร์เล็ม ตรงถนน 190th St โน่นนนนนนนนแน่ะ เห็นว่ามีรถเมล์จาก The Met ไปที่ The Cloisters ด้วย แต่ต้องนั่งรถกันตูดบาน 1.5 ชั่วโมง แต่ถ้าไปด้วย subway สาย A ก็จะเร็วขึ้นมาหน่อยค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:32:39

ความคิดเห็นที่ 26   จากตรง Lady M ซึ่งอยู่ใกล้ๆ The Met ถ้าจะไปขึ้นซับเวย์สาย A เร็วสุดก็คือต้องเดินผ่า Central Park ไปอีกฝั่งนั่นแหล่ะค่ะ ฝรั่งนอนอาบแดดกันเกลื่อนเรย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:33:07

ความคิดเห็นที่ 27   วันนั้นอากาศกำลังดีด้วยค่ะ คนเต็ม Central Park เลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:33:28

ความคิดเห็นที่ 28   เหมาะกับเป็นวันครอบครัวเจงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:33:48

ความคิดเห็นที่ 29   เดินไปจนถึงอีกฝั่ง ต๊กกะใจกับขบวนพาเหรดวันต้านโรคเอดส์ อะโห คนเยอะมากๆๆๆๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:34:10

ความคิดเห็นที่ 30   นั่งซับเวย์สาย A มาถึงป้าย 190th St ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ ออกมาจากสถานีก็จะเห็น Fort Tryon Park ทันที จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:34:38

ความคิดเห็นที่ 31   ดอกไม้สวยจัง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:34:55

ความคิดเห็นที่ 32   ไอริสดอกนี้ สีฟ้าสะใจเจงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:35:16

ความคิดเห็นที่ 33   ปาร์คนี้วิวดีนะฮะ ติดแม่น้ำ Hudson ด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:35:43

ความคิดเห็นที่ 34   อากาศก็ดี คนเลยอย่างตรึม แอบเห็นบ้านนึงเค้ามาจัดงานวันเกิดให้ลูกวัย 5 ขวบในปาร์คด้วยอ่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก เป่าเค้กจบ ผู้ใหญ่ก็นั่งหม่ำเค้กไปเมาท์ไป ส่วนเจ้าตัวเล็กก็วิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงไปตามประสา เศรษฐกิจ พอเพียงเยี่ยงนี้ น่าเลียนแบบมาก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:36:03

ความคิดเห็นที่ 35   ถึงแล้วจ้า The Cloisters ถ้าใครจะไป The Met ก่อนแล้วค่อยมาต่อที่ The Cloisters  ล่ะก็ อย่าทิ้งตั๋วนะฮะ เพราะตั๋วของ The Met กับ The Cloisters นี่สามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ แต่ต้องเป็นภายในวันเดียวกันเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:37:10

ความคิดเห็นที่ 36   มาถึง The Cloisters ก็ต้องมี Cloister ให้ดูชิมิ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:37:43

ความคิดเห็นที่ 37   บรรยากาศดีจัง เหมาะกับการนั่งเล่นชิลๆเหลือเกิน Cuxa Cloister ที่เห็นนี่ ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยซากของวัด monastery of Saint-Michel-de-Cuxa ซึ่งเป็นวัดตรงแถวๆพรมแดนฝรั่งเศส-สเปนในสมัยคศ.ที่ 12 ภายหลังวัดถูกปล่อยทิ้งร้างจนผุพัง เลยโดนพี่กันสอยซากกลับประเทศตามระเบียบ -_- (อ่านเจอมาว่า เคสนี้ทำให้ฝรั่งเศสต้องออกกฎหมาย ห้ามส่งออกโบราณสถานและโบราณวัตถุออกนอกประเทศกันเลยทีเดียว) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:38:04

ความคิดเห็นที่ 38   แต่ จขกท.ก็ไม่แน่ใจนะฮะ ว่าตรงไหนของจริง ตรงไหนของปลอมทำเหมือน ที่แน่ๆคือ เสาน่ารักโฮกกกกกกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:39:04

ความคิดเห็นที่ 39   แถมแต่ละต้น ลายไม่ซ้ำกันเลยอ่ะ กี๊ดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:39:31

ความคิดเห็นที่ 40   ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ Chapter House from Notre-Dame-de-Pontaut นี่ก็อิมพอร์ตมาจากฝรั่งเศสเหมือนกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:39:59

ความคิดเห็นที่ 41   รวมทั้ง Chapel from Notre-Dame-du-Bourg at Langon นี้ด้วย ช่างคลา สสิคเรียบง่ายสไตล์โบสถ์ Romanesque เจงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:40:23

ความคิดเห็นที่ 42   นอกจากนี้ ที่ The Cloisters ยังมีจิตรกรรมหรือประติมากรรมเก่าๆก็มีให้ชมเช่นกัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:41:04

ความคิดเห็นที่ 43   อย่างประตูของวัด Moutiers-Saint-Jean จากฝรั่งเศส(อีกแระ)เป็นต้น อันนี้อายุเกือบ 800 ปีเลยนะคะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:41:25

ความคิดเห็นที่ 44   ส่วนมังกรที่เห็นในรูปนี่ ไม่ใช่แป้งเย็นอังกฤษตรางูแต่อย่างใดนะฮะ เที่ยวฝรั่งเศสกันพอแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศไปทัวร์สเปนกันมั่งมั๊ยฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:41:43

ความคิดเห็นที่ 45   อะจ๊ากกกกกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:42:57

ความคิดเห็นที่ 46   อันนี้เป็นภาพวาดยุค Romanesque จากแคว้นคาตาลุนญ่า (หรือบาร์เซโลน่าในปัจจุบัน) วาดตั้งกะปี 1200 โน่น ตอนไปเที่ยวบาร์เซโลน่าเมื่อปีที่แล้ว จขกท.ได้ไปเยือน National Art Museum of Catalonia ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งคอลเล็คชั่นศิลปะยุค Romanesque แต่ของที่โน่นเข้าแปะรูปไว้ในแกลอรี่เฉยๆ ไม่ได้ทุ่มทุนสร้างแบบพี่ MET ที่เล่นสร้างโบสถ์จำลองไว้ครอบรูปอีกที >_< แต่ก็คุ้มอ่ะ ดูแบบนี้ได้บรรยากาศกว่ามาก เหมือนเราได้เข้าไปยืนในโบสถ์ที่ภาพนี้เคยประดับอยู่จริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:43:26

ความคิดเห็นที่ 47   Romanesque Art เป็นงานในยุค ค.ศ.ที่ 11-13 เห็นชื่ออย่างงี้ หน้าตาไม่ได้ใกล้เคียงศิลปะกรีกโรมันเลยสักกะติ๊ด เพราะคำว่า Romanesque มาจากการที่โบสถ์ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในสมัยนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมโรมันค่ะ ส่วนภาพวาดนั้นกลับกระเดียดไปทางศิลปะไบเซนไทน์ซะมากกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:43:42

ความคิดเห็นที่ 48   จาก Romanesque Art ก็ข้ามมาดูงานยุค Gothic กันบ้างนะฮะ อันนี้ จขกท.ถึงกะปล่อยกร๊ากในมิวเซียม นี่มันอะไรกันเนี่ย พระเยซูขี่ลา! แถมน้องลายังหน้าตาให้อารมณ์ "อะไรๆก็กรู" อีกมั่กๆ น่าร๊ากกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:44:02

ความคิดเห็นที่ 49   ถ้าขำจนหนำใจแล้ว ให้หันมาที่ผนังข้างๆค่ะ แล้วท่านจะได้ตะลึงอึงกิมกี่แทน ที่เห็นนี่ไม่ใช่ภาพวาดนะฮะ แต่เป็น tapestry (พรมผนัง) จากเนเธอร์แลนด์ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:44:23

ความคิดเห็นที่ 50   ดูกันให้ชัดๆฮ่ะ ว่านี่ไม่ได้วาดเอานะเคอะ ใช้ถักทอเอาทั้งนั้น เห็นด้ายเป็นเส้นๆเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:44:42

ความคิดเห็นที่ 51   ถ้าพรมนั่นยังถึกไม่สะใจ ลองดูนี่หน่อยมั๊ยฮะ ของจริงขนาดเท่าฝ่ามือ แม่เจ้า แกะกันเข้าไปได้ไงวะเนี่ย แถมพอเปิดมายังกางปีกเป็น triptych ไว้สักการะบูชาได้อีก บ้าไปแร๊นนนน >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:45:00

ความคิดเห็นที่ 52   พูดถึง triptych ที่ The Cloisters ยังมีภาพวาด triptych ชื่อดังอยู่อันด้วยค่ะ นั่นคือ Annunciation ของ Robert Campin ศิลปินชาวเฟลมมิช ซึ่งปัจจุบันเป็นแควันหนึ่งในเบลเยี่ยม Annunciation คือตอนที่เทวดา Gabriel นำสานส์มาบอกพระแม่มารีว่า นางกำลังจะตั้งครรภ์พระเยซู ซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้าที่จะมาไถ่บาปให้กับชาวโลก แต่ก่อนภาพในธีมนี้ มักจะวาดเทวดาเกเบรียลและพระแม่มารี บนฉากหลังสีทองอร่ามหรือไม่ก็อยู่ในวัดในโบสถ์ แต่เวอร์ชั่นนี้มาแปลก เพราะพระแม่มารีกับเทวดาอยู่ในบ้านคนซะงั้น อันนี้เป็น detail ภาพกลางของ triptych นะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:45:15

ความคิดเห็นที่ 53   ส่วนนี่ก็ภาพเต็มค่ะ อาจเป็นเพราะเบลเยี่ยมในสมัยกระโน้น เหล่าพ่อค้าร่ำรวยมีอิทธิพลมาก เลยมีตังค์จ้างศิลปินให้วาดรูปพระแม่มารี รุ่นประทับอยู่ในบ้านสไตล์เฟลมมิช แต่งตัวด้วยแฟชั่นของเฟลมิช และถ้าเพ่งนอกหน้าต่างรูปทางขวามือดีๆจะเห็นวิว เมืองเฟลมมิชอีกด้วยแหน่ะ ส่วนคุณลุงช่างไม้ที่เห็นในภาพด้านขวานั้น ก็คือ เซ็นต์โจเซฟ ป๊ะป๋าพระเยซูนั่นเอง จขกท.อ่านมาว่า แต่ก่อนเซ็นต์โจเซฟมักจะเป็นลูกเมียน้อย เพราะมีแต่คนชาบูพระเยซูและพระแม่มารี แต่ภายหลังเริ่มมีคนหันมานับถือเซ็นต์โจเซฟมากขึ้น นัยว่าแม้ว่าท่านจะไม่ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือโดนฆ่าตายเพราะความยึดมั่นในศรัทธาศาสนาคริสต์แบบเซ็นต์ปีเตอร์ เซ็นต์แม็ทธิว เซ็นต์แคเธอรีน ฯลฯ แต่การที่ช่างไม้อย่างเซ็นต์โจเซฟขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงาน และเป็นพลเมืองที่ดี แค่นี้ก็ควรค่าแก่การนับถือแล้ว เพื่อนๆเห็นด้วยป่าวฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:45:35

ความคิดเห็นที่ 54   ย้ายวิกมาดูประติมากรรมบ้าง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:45:57

ความคิดเห็นที่ 55   3 สาวแถวหน้านี่เมดอินเบลเยี่ยมเช่นกัน เข้าใจว่าจะเป็นรูปสลักนักบุญหญิง แกะกันออกมาได้เหมือนคนจริงโพดๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:46:22

ความคิดเห็นที่ 56   ถ้ายังไม่สะใจ ขอเชิญ altarpiece อันนี้ได้เลย ยิ่งเจ๊คนขวาสุดนี่ มาดซับน้ำตาได้ใจมากอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:46:46

ความคิดเห็นที่ 57   ยิ่งมุมนี้ ยิ่งดราม่ากันได้สุดตรีน ยังกะดูงิ้วอยู่เลยนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:47:13

ความคิดเห็นที่ 58   ส่วนนี่ก็...แม่เจ้า เชิงเทียนพรรษาเหรอฮะเนี่ย! >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:47:39

ความคิดเห็นที่ 59   ส่วนอีกห้องก็ tapestry เต็มข้างฝาเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:49:37

ความคิดเห็นที่ 60   แถมนี่ยังไม่ใช่ tapestry ธรรมดาๆเสียด้วย แต่เป็นพรมชุด Unicorn ที่อลังการงานถึกเหลือกำลัง โฮกกกกกก ดูลายพรมซะก่อน อะไรจะลวดลายวิจิตรพิสดารได้ขนาดนี้ ขนาดอายุตั้ง 500 กว่าปีแล้ว สีสันยังสวยงามอยู่เลย พรมชุดนี้มีด้วยกัน 7 ภาพค่ะ จขกท.คัดมาให้ดูสัก 3 ผืนละกันนะฮะ อันนี้เป็นตอนนายพรานเดินเข้าป่าล่ายูนิคอร์นค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:50:04

ความคิดเห็นที่ 61   เจอแล้ว ยูนิคอร์น! *ฉึก ฉึก ฉึก* จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:50:25

ความคิดเห็นที่ 62   ส่วนผืนที่โด่งดังที่สุด และเป็นปริศนาให้นักประวัติศาสตร์ศิลป์เกาหัวแกรกจนถึงทุกวันนี้ ก็คือภาพ The Unicorn in Captivity  ภาพนี้แหล่ะค่ะ เพราะอันอื่นๆเราจะเห็นนายพรานไล่ล่ายูนิคอร์น ก่อนที่จะจบลงที่น้องยูนิคอร์นโดนรุมกินโต๊ะ และโดนหามกลับปราสาท นักวิชาการเลยยังงงๆว่าแล้วรูปยูนิคอร์นโดนขังเนี่ย มันจะไปเกี่ยวกับ 6 ภาพที่เหลือได้ไง บ้างเลยตีความไว้ว่า ภาพนี้อาจเป็นตอนจบของยูนิคอร์นซีรีย์ ที่ยูนิคอร์นฟื้นคืนชีพ ดั่งพระเยซูที่ฟื้นคืนชีพหลังโดนตรึงกางเขนไปแล้วก็ได้ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:50:47

ความคิดเห็นที่ 63   แหม่ คิดกันเข้าไปโน่น แต่ถ้าไม่คิดมากก็ชื่นชมกับความงามของ tapestry นี้เฉยๆก็ได้นะฮะ ดอกไม้ใบหญ้าหลากสีสันบานสะพรั่งเต็มพรม ถักกันเข้าไปได้ไงเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:51:07

ความคิดเห็นที่ 64   ส่วนนี่ก็... จ๊ากกกกกก ขนาดหลุมฝังศพก็ยังอุตส่าห์เอามาด้วยเรอะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:51:35

ความคิดเห็นที่ 65   สรุป อิฉันว่าแม้งานศิลป์ที่ The Cloisters จะไม่ค่อยมีประเภทอาร์ตตัวแม่ให้ชมมากนัก แต่มิวเซียมก็ขนาดกระทัดรัด เที่ยวแล้วไม่เหนื่อย แถมบรรยากาศก็ออกจะเก๋ไก๋ โรแมนติคไม่หยอก ถ้าใครเที่ยวนิวยอร์คแล้วเกิดเบื่อๆเซ็งๆ ก็ตีตั๋วรถสาย A มาเที่ยวยุโรปจำลองได้ที่ The Cloisters นะขอรับ ขนาดมิวเซียมคาเฟ่ก็ยังเป็น Cloister สมชื่อมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:51:57

ความคิดเห็นที่ 66   เที่ยว The Cloisters เสร็จแล้ว จขกท.ก็ตะกายกลับมายังแมนฮัตตัน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:52:20

ความคิดเห็นที่ 67   ก่อนกลับโรงแรม ขอแวะกินไอติมดับกระหายก่อนที่ Grom อีกซักรอบละกัน งวดนี้สั่งรสมะพร้าวกับเอสเปรสโซ่สุดเข้มข้นค่ะ กินแล้วชื่นใจสุดๆ ขอโบก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:52:38

ความคิดเห็นที่ 68   ตอนเย็น จขกท.ก็พาป๊ะป๋าออกไปกินข้าวแถวๆโรงแรมเนี่ยแหล่ะ งวดนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาหม่ำบาร์บีคิว ที่ร้าน Virgil's ตรง Times Square บ้างละกัน แค่ผ้าปูตักก็ได้ใจแล้ว กร๊ากกกกก จริงใจไปเปล่าคะเพ่ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:52:55

ความคิดเห็นที่ 69   เมื่อกลางวัน จขกท.กินเค้กไปแค่ชิ้นเดียว อิฉันเลยหน้ามืดสั่ง onion rings ด้วยความหิว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:53:12

ความคิดเห็นที่ 70   ก่อนจะต่อด้วย crab cakes ซึ่งรสชาติธรรมดามากค่ะทั่น เซ็งตุ่ย -_- ส่วนที่เห็นหน้าตาเหมือนส้มตำนี่ก็คือสลัดแตงกวาค่ะ เอาไว้หม่ำแก้เลี่ยน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:53:40

ความคิดเห็นที่ 71   ป๊ะป๋าท่าจะหิวหน้ามืดพอกัน เลยสั่ง Ribs ทั้งแผงมาลุย ย่างหมูออกมาได้แข็งมั่กๆ แค่แล่หมูก็เหนื่อยแล้ว ฮ่วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:53:55

ความคิดเห็นที่ 72   กินกันจนอิ่มแปล้ทั้งพ่อทั้งลูก เลยต้องออกมาเดิน Times Square ย่อยอาหารก่อนเข้าโรงแรมกันซักเล็กน้อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:55:18

ความคิดเห็นที่ 73   คนเยอะเจงๆ นี่ขนาดตอนไปเพิ่งมีเรื่องผู้ก่อการร้ายจะวางระเบิด Times Square นะคะเนี่ย! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:56:03

ความคิดเห็นที่ 74   อ๊ะ นั่นตู้อะไร จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:56:23

ความคิดเห็นที่ 75   ปรากฎมันคือตู้สติ๊กเกอร์เพื่อเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูลค่ะพี่น้อง กร๊ากกกก คือเข้าไปแล้ว เค้าก็จะยิงรูปทั่นขึ้นป้ายโฆษณาให้สารชนบน Times Square ได้ยลด้วยถ้วนหน้ากัน อิฉันเห็นแล้วก็ กรี๊ดดดดด ป๊าาาาา เราไปเข้าตู้มหาสนุกแล้วถ่ายรูปกลับไปอวดหม่ามี๊กันเต๊อะ เผอิญป๊าอิฉันเค้าขี้อายค่ะ งอแงไม่ยอมท่าเดียว บอกชอเข้าไปสิ พ่อรออยู่ข้างนอก อ้าว -_- ด้วยความไม่แมนพอ จขกท.เลยอดแจ้งเกิดเข้าวงการ(เทพีช้างน้อย?)ไปอย่างน่าเสียดายเจงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:56:57

ความคิดเห็นที่ 76   เช้าวันต่อมา เราสองพ่อลูกก็ออกช็อปปิ้งอีกรอบ งวดนี้เป็นมหกรรมหาซื้อกล้องดิจิตอลให้ป๊ะป๋า ที่ต้องรีบซื้อก็เพราะเย็นวันนั้น เราสองพ่อลูกก็จะบินไปเที่ยวยุโรปแล้วจ้า ซื้อกล้องเสร็จ เลยแวะกินข้าวกลางวันด่วนๆที่ Union Square Cafe ที่อยู่แถวร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าพอดี จขกท.หม่ำ Pasta with Halibut Flake รสชาติอร่อยค่ะ ปลา halibut ก็มาเป็นชิ้นๆ แถมมี breadcrumbs กับ พริกแห้งเพิ่มรสชาติและแก้เลี่ยนด้วย แต่น้ำมันเยิ้มไปไม่หน่อยนะตะเอง -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:57:17

ความคิดเห็นที่ 77   เสร็จแล้วก็ปิดท้ายด้วย Hazelnut & Chocolate Chip Bread Pudding with Grand Marnier Ice Cream อร่อยสุดยอดดดดดด bread pudding อุ่นๆกินพร้อมกับไอติม Grand Marnier (เหล้ารสส้ม) bread pudding ก็รสชาติหวานกลมกล่อม นิ่มๆกำลังดี แต่ไม่เหลวเละจนเกินไป ถือเป็นการปิดท้ายนิวยอร์คด้วยความอิ่มอร่อยอีกแล้ว T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:57:36

ความคิดเห็นที่ 78   หมดแล้วค่ะทัวร์นิวยอร์คแบบขำๆ ตอนหน้าไปเที่ยวเมือง Cologne ด้วยกันนะคะ โปรดติดตามเน้อ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:58:22

ความคิดเห็นที่ 79   โอ๋ย  ทำไมอิชั้นถึงได้พลาดรีวิวที่น่าติดตามไปได้อย่างไร ชอบที่สุดเลยค่ะ ทั้งสำนวนที่เล่า ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ยิ่งโดยเฉพาะรายละเอียดของอาหาร ชอบ ชอบ จากคุณ : teddy bear in the box เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:13:23

ความคิดเห็นที่ 80   ตามมาทัวร์ N.Y. ด้วยครับ อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยครับ ตอนผมไปกินแต่ fast food จากคุณ : keep it up เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:22:19

ความคิดเห็นที่ 81   คุณเหมียวทำร้ายจิตใจกันแต่เช้าเลยนะครับ วันนี้ขอข้ามฟากมาเที่ยว NYC ที่ตัวเองยังรีวิวไม่ถึง และถึงแม้ว่ารีวิวถึง ก็ไม่ได้รีวิวศิลปะการกินแบบคุณเหมียว ฮือๆๆ เค้ก LadyM น่ากินมากมาย โดยเฉพาะ Sponge Cake นี่ทำเอาผมตายไปเลยครับ ทำไม๊ ทำไม ทำไม ไม่รีบรีวิวตั้งแต่ก่อนผมไปเที่ยวที่นี่ จะได้แวะชิมเค้กอร่อยๆซะหน่อย นี่ก็ไม่รู้จะได้กลับไป NYC อีกเมื่อใด ดังนั้น รบกวนแพคใส่กล่อง ส่งมาเมืองไทยเดี๋ยวนี้ครับ แล้วใน คห 53 "มีแต่คนชาบูพระเยซูและพระแม่มารี" คุณเหมียวอยากกินชาบูหรือป่าวคับ ขนาดรูปวาดยังวกเข้าเรื่องของกินได้เลย ชอบไอเดีย interactive billboard ของ American Eagle มากๆ ทำไมตอนไปไม่มีแบบนี้มั่งฟระ ไปกับเพื่อนตั้ง 3 คนคงถ่ายสนุกพิลึก ได้เป็นดาราจำเป็นจะได้เอารูปมาอวดในนี้ รอชมรีวิวเมืองโคโลนด้วยใจระทึกครับ ปีนี้เยอรมันต้องได้แชมป์น้าาา จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:34:46

ความคิดเห็นที่ 82   อาหารน่าทานมากๆเลยครับ แต่ละจานนี้จัดแต่งมาสวยจัง จากคุณ : inint&anant เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 11:20:24

ความคิดเห็นที่ 83   ภาพสวย  น่าไปเที่ยวมากค่ะ จากคุณ : เอื้องเหมย เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 11:48:56

ความคิดเห็นที่ 84   โอ้โห...อย่างนี้ต้องตามรอย   อาหารน่าทานมากค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 12:03:58

ความคิดเห็นที่ 85   long time no see :P miss u so much my cheerful teacher who loves eating hehe!!! คิดถึงกระทู้คุณha-meowมากๆเลยค่ะ จากเครียดๆ พอได้อ่านก็ทำให้หัวเราะได้เลย อยากลองไปทานเค้กบ้างจัง ยอมเดินเลย 30 บล๊อก 50 บล๊อก เดินได้หมด :) ปีนี้เหมือนจะอดไป NY แล้วหล่ะค่ะ ไม่ว่างเลย แอบเสียดาย กะไปปลายปี ไม่ก็ต้นปี แต่เพื่อนรักบอกว่า หนาว ไม่ไปด้วย ทิ้งกันเห็นๆ คุณha-meowไปเที่ยวโคโลญหรอคะ โห น่าอิจฉา อยากไปด้วย อยากไปหมดทุกที่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับกระทู้อารมณ์ดี๊ดี thx thx thx.....with all my love now i'm humming "Somewhere over the rainbow"...love this song so muchhh ( wanna sing out loud but my voice is super scary 555) จากคุณ : แพนเค้กอุ่นๆ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 12:44:14

ความคิดเห็นที่ 86   กรี๊ดๆๆๆ เครป เค้กที่สุดเลย รู้สึกเจ๊มาธาร่าเคยถ่ายมาออกรายการแก อยากกินมากๆๆๆๆ NY คิดแต่เรื่องของกินก็สนุกแล้วค่ะ อร่อยๆๆทั้งนั้งเลย จากคุณ : kizz_j เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:18:45

ความคิดเห็นที่ 87   เค้กน่ากินมั่กมากกกอะ อิชั้นก็เป็นคนนึงที่สามารถอดข้าวมื้อไหนก็ได้เพื่อให้ได้กินขนมอะ พลีชีพกันเลย แต่ละอย่างหน้าตาน่ากินขนาดนี้ ถ้าไปเองคงไม่จบแค่เค้กชิ้นเดียวแน่ๆ แหะๆๆ ฮือออ เมื่อไหร่เค้าจะได้ไปนิวยอร์คซักทีน้า จากคุณ : bangkok dream เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:52:38

ความคิดเห็นที่ 88   ดูกระทู้นี้แล้วคิดถึง NYC  มากๆอะ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ปล. เมื่อไหร่คุณ cooffee จะรีวิวซักทีละครับ ? แหะๆ จากคุณ : กั๊ตจัง เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 16:53:01