ความคิดเห็นที่ 1   ก่อนอื่น เพื่อทบทวนความจำ ก็ขอนำแผนที่ใหญ่มากางให้ดูก่อนจาก ตอนแรก ที่พาไปหมายเลข 1 และ 2  ในวันนี้ก็จะพาไปหมายเลข 3 และ 4 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 09:45:12

ความคิดเห็นที่ 2   ซึ่ง ในบริเวณนี้ สามารถขยายแผนที่ให้เห็นรายละเอียดได้ ดังในรูปข้างล่าง ซึ่งจะแสดงการเดินทางด้วยลูกศรสีชมพู  ที่มาจาก วัดคีรีโสภณ ไปเลี้ยวขวาสี่แยกก่อนเข้าสถานีแก่งเสือเต้น แล้วเลี้ยวซ้าย มายัง อ.วังม่วง ข้ามทางรถไฟ ข้ามแม่น้ำป่าสักสายเก่า แล้วมาเลี้ยวขวาที่สามแยกโรงงานน้ำตาล  ข้ามคลองระบายน้ำมาเล็กน้อยก็เลี้ยวซ้ายเข้า ไปไหว้หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 53 09:56:23 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 09:53:24

ความคิดเห็นที่ 3   ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : แก๊งเด็กเหนือ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:08:10

ความคิดเห็นที่ 4   นี่เป็นทางเข้าไปไหว้หลวงปู่ใหญ่ป่าสักครับ ซึ่งด้านหน้าจะไม่มีป้ายใดๆเลย จุดสังเกตุจะเป็นประตูรั้ว (และป้อมยามด้านขวามือ) อย่างที่เห็นเท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:23:40

ความคิดเห็นที่ 5   สวัสดีครับ คุณแก๊งเด็กเหนือ : ยินดีครับที่แวะเข้ามาทักทายคนแรกในกระทู้นี้ครับ เชิญติดตามได้เลยครับ ทางเข้านี้ดูๆแล้วก็เหมือนจะไม่ค่อยต้อนรับเท่าใด เพราะเป้าประสงค์ของเขื่อนฯ อยากให้เข้าทางที่ทำการแล้วนั่งรถนำเที่ยวสันเขื่อน มาที่นี่มากกว่า  แต่ถ้าเราไม่สะดวก เช่นเย็นเกินไป ไม่มีเวลารอ ก็อ้อมรถมาเข้าตรงนี้ได้ครับ ติดกับทางเข้านี้ (เลยไปนิดนึง) จะมีทางแยกซ้ายไปถนนเลียบอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ด้านตรงข้ามกับที่ทำการเขื่อน(ซึ่งผมได้สำรวจมาแล้ว จะนำมาเสนอในตอนต่อๆ ไป คอยติดตามนะครับ รับรองว่า Unseen จริง)  ถ้าเห็นแบบนี้ให้มองย้อนไปทางซ้ายมือ รับรองเจอภาพในคห.4 แน่นอนครับ (ผมเองยังงงๆ เลย โชคดีที่เห็นองค์พระ ไม่งั้นคงจะเลยไปแน่นอน....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:30:15

ความคิดเห็นที่ 6   เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็จะเป็นลานกว้าง ถัดจากนั้นก็เป็นสวนสาธารณะ"เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่มีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด  ไปตามทางเล็กๆ และเลี้ยวซ้าย ก็จะเห็นองค์พระใหญ่ อย่างในรูปขวา ครับ  (ถ้าจะเข้าห้องน้ำ ให้เลี้ยวขวาแทน ห้องน้ำจะอยู่ตรงกันข้ามเลย ซึ่งก็นับว่าไกล ถ้าหากจะเดินจากองค์พระ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:41:25

ความคิดเห็นที่ 7   ถนนเล็กๆ นี้ก็จะพาท่านไปยังลานกว้างหน้าองค์พระ "หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก" ทันทีครับ   เนื่องจากไม่ค่อยมีใครมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ลานนี้จึงมักว่างเสมอครับ แต่แดดร้อนมากๆ เช่นกัน  เล่นเอาสมาชิกที่มาด้วยกัน ไม่ยอมลงรถกันเลย  ขอไหว้ในรถก็แล้วกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:48:32

ความคิดเห็นที่ 8   แต่ผมมีความต้องการจะไปสักการะใกล้ๆ จึงตรงไปยังเต้นท์บริการธูปเทียนและรับบริจาคเงินตามศรัทธาด้านซ้ายมือ (รูปบน)  ซึ่งก็ได้พบกับรอยยิ้มที่น่าประทับใจของชายหน้าเข้ม ประดุจคำว่า "แอบนิยมในใจ" จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 10:55:35

ความคิดเห็นที่ 9   รับดอกไม้ธูปเทียนแล้ว ก็เดินมานมัสการองค์พระได้ทันที แต่ ตรงเชิงบันไดนั้นมีบอร์ดข้อมูล สลักหินอ่อน ขอบันทึกภาพมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ  สรุปใจความว่า "หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก มีพระนามเต็มว่า พระพุทธรัตนมณี มหาบพิตร ชลสิทธิ์ มงคลชัย" ได้สร้างเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2550  องค์พระกว้าง 9.95 เมตร สูง 15 เมตร มีการประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และวัตถุมงคลไว้ใต้พระเกตุองค์พระ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2550   และพร้อมใจทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา 80 พรรษา" จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:06:52

ความคิดเห็นที่ 10   นาคบันไดนี้มีความงดงามไม่น้อยเลยครับ  ไม่น่าเชื่อ คุณพ่อตา ท่านมีศรัทธาเปี่ยมล้น ลุกออกมาลุยแดด เดินขึ้นไปบูชาหลวงปู่ฯ กับผมเลย  (เพิ่งผ่าตัดหัวใจไปเมื่อต้นปีนี้เอง) โดยไม่มีใครเดินตามมาอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:13:25

ความคิดเห็นที่ 11   องค์พระมีขนาดใหญ่จริงๆ พระพักต์แย้มยิ้มเล็กน้อย เพ่งมองด้วยสายตาอันเปี่ยมด้วยเมตตา ครับ   ตรงที่จุดเทียนเป็นตะเกียงกรอบกระจกบังลมได้ดี แต่แดดร้อนมากๆ ทำให้ไม่สามารถถอดรองเท้านอกพรมได้เลย  เรียกว่า ต้องรีบก้าวเท้าเปล่าขึ้นพรมอย่างรวดเร็ว เวลาไปเสียบธูป ปักดอกไม้ ต้องสวมร้องเท้า ไม่งั้นพองแน่นอน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:19:05

ความคิดเห็นที่ 12   ขอนำรูปพื้นที่บริเวณกราบไหว้หน้าองค์พระมาให้ดูหน่อย ว่าพรมแดงนี้น่าจะผืนใหญ่กว่านี้มากๆ ถ้าหากมากันหลายคนจะได้ไม่ต้องยืนรอกันยาว  ขอยืนยันอีกครั้งว่า ร้อนไปหมด ทั้งพรมยาง กระดานไม้ ยกเว้นพรมแดงเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:24:07

ความคิดเห็นที่ 13   ไหว้เสร็จแล้วผมก็ขอเก็บภาพวิวอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ตรงด้านหลังองค์พระนะครับ ภาพบน : บนนี้เป็นลานกว้าง มองเห็นด้านที่ทำการเขื่อนฯ พอดีเลย ภาพล่าง : เมื่อเดินไปชิดระเบียง ถ่ายภาพมายังสันเขื่อนก็จะเห็น หอคอยเขื่อนฯ อันถือเป็นจุดสังเกตุ (Landmark) ที่เห็นได้ชัดจากระยะไกล ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:35:34

ความคิดเห็นที่ 14   ลองเก็บภาพแบบพานอรามาดู ครับ  จะเห็นเวิ้งน้ำ หน้าเขื่อนชัดเจนครับ   ซึ่งทางสายน้ำนั้นจะอ้อมเนินเขา(บ้านหนองบัวที่มีถังสีขาวๆของโรงงาน)ข้างหน้าไปทางขวามือนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:43:27

ความคิดเห็นที่ 15   ช่วงนี้น้ำแห้งมากเลยคะเขื่อน จากคุณ : น้องหนึ่งน้องสอง (น้องหนึ่งน้องสอง) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:48:51

ความคิดเห็นที่ 16   หันกลับมาดูองค์พระด้านหลังกันบ้าง งานนี้ไม่สามารถปิดทองหลังพระได้ เพราะอยู่สูงมาก..... ตามข้อมูลในบอร์ดหินอ่อน ระบุว่า ความสูงจากพื้นดิน(น่าจะรวมบันไดด้วย) ถึงฐานองค์พระก็ 10 เมตรเข้านั่น รวมความสูงของเศียรพระเทียบกับพื้นดินก็คือ 24 เมตร เกือบเท่ากับหอคอยเฉลิมพระเกียรติเขื่อนป่าสักฯ เลยนะครับ (หอคอยสูง 7 ชั้น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 11:52:43

ความคิดเห็นที่ 17   สวัสดีครับพี่มิราชช... ... มาลงชื่อไว้ก่อนครับ เดี๋ยวขอกลับย้อนไปไล่อ่านตั้งแต่อันแรกครับ ............ จากคุณ : Trip-F เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 13:34:36

ความคิดเห็นที่ 18   สวัสดีจ๊ะ คุณน้องหนึ่งน้องสอง (น้องหนึ่งน้องสอง) : น้ำแห้งมากจริงๆ ชนิดที่ผมได้มีโอกาสนำรถยนต์ลงไปขับเล่นในอ่างได้เลย  คอยติดตามดูในตอนต่อๆ ไปนะครับ สวัสดีครับ คุณTrip-F : ที่แวะมาทักทายให้กำลังใจกัน ช่วงต้นๆ นี้ยังไม่ค่อย Unseen เท่าใดนัก ต่อจากหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ไป ละคอยดูครับ ตอนนี้หันกลับไปถ่ายภาพรถผมที่จอดริมลานหน้าองค์พระครับ  และต่อด้วยภาพด้านขวามือ ที่เป็นจุดจอดรถขบวนนำเที่ยว  (เป็นเหมือนพานอรามาต่างมุมถ่ายภาพ ที่นำมาต่อเพื่อให้เข้าใจ ดูแล้วคงไม่งง...นะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 14:48:22

ความคิดเห็นที่ 19   จากนี้ขอลงเดินเท้า เพราะทราบมาว่าทางจนท.ห้ามรถทั่วไปเข้าไปวิ่งข้างใน เลยถือโอกาสถ่ายภาพรถขบวนนำเที่ยว ที่สร้างให้ดูคล้ายกับรถไฟ สอดคล้องกับ เทศกาลนำเที่ยวโดยรถไฟปลายปีครับ รูปบน : ด้านหน้า หัวขบวนรถนำเที่ยวครับ ห้องคนขับติดแอร์ด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะ... รูปล่าง : ท้ายขบวน และจะเห็นร้านค้าริมทาง   สังเกตุว่า มีนักท่องเที่ยวส่วนน้อยที่ลงไปไหว้พระ อาจเป็นด้วยว่าแดดร้อน ตั้งใจอยากจะดูวิวสันเขื่อนมากกว่า และใจหนึ่งอาจกลัวรถออก แล้วกลับมาไม่ทัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 14:56:10

ความคิดเห็นที่ 20   ส่วนผมเอง ได้ตัดสินใจลงเดินแล้วละ เพราะคิดแล้ว ถ้านำรถยนต์ไป อาจโดนห้าม และที่สำคัญผมจำเป็นต้องขึ้นสันเขื่อน เพื่อไปถ่ายภาพอีกด้านของ แม่น้ำป่าสักสายเก่า ว่ามีช่องทางลอดมาอีกด้านของสันเขื่อนหรือไม่ อย่างไร  คำนวนระยะทางเดินจาก GPS Pocket PC แล้ว กิโลเมตรกว่าๆ  ในขณะที่ ความยาวสันเขื่อนทั้งหมดคือ 4 กิโลเมตรกว่าๆ ครับ  เช้าเย็นใครสามารถมาเดินหรือวิ่งไปกลับทุกวัน ผมว่าร่างกายจะแข็งแรงจริงๆ เพราะอากาศดีมาก (ขนาดผมเดินตอนแดด ยังไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย ทั้งๆ ที่ไปเดินบนรางรถไฟ ดูทุ่งทานตะวันมาแล้ว) ภาพซ้าย : เมื่อเดินสุดถนนโค้งๆ อ้อมอาคารในรูปคห.18 แล้ว ก็พบวงเวียนโคมไฟใหญ่ข้างหน้า ซ้ายมือ เป็นทางอ้อมกลับไปที่เดิม  ใกล้กันเป็นทางไปป้อมยาม สำหรับรถใหญ่ที่ผ่านเข้าออก (ทำให้ผมคิดว่า ไม่น่าจะนำรถยนต์มาวิ่งบนทางโค้งๆ ของรถนำเที่ยวได้ จึงต้องตัดสินใจเดิน)  ทางขวามือของวงเวียนคือ ทางไปสันเขื่อนครับ ภาพขวา : เมื่อเลี้ยวขวาไปแล้ว ก็จะเห็นสันเขื่อน พร้อมป้ายห้ามรถทุกชนิดนขึ้น (ยกเว้นรถเจ้าหน้าที่..หรือผู้ได้รับอนุญาต) และถนนคู่ขนานที่อนุญาตให้รถยนต์วิ่งตรงนี้แทน.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 15:14:32

ความคิดเห็นที่ 21   ออกเดินไปได้เล็กน้อย ก็หันกลับไปดูองค์พระอีกที  มุมนี้เห็นอะไรเยอะแยะเหมือนกัน  ทุ่งหญ้าด้านหลังดูอุดมสมบูรณ์ดี ไม่รู้ว่าหน้าน้ำจะท่วมหรือเปล่านะ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 15:27:45

ความคิดเห็นที่ 22   ด้านหน้าของผมคือ สันเขื่อน จากมุมมองท้ายเขื่อน ที่แตกต่างจากคราวก่อน ที่มองจากต้นเขื่อน (ด้านที่ทำการ)  ก็นับว่าแปลกตาพอสมควร แต่จุดนี้จะเห็นสถานที่ต่างๆ ครบเลย ตั้งแต่ หอคอยเขื่อน โรงงานที่หนองบัว และแนวแม่น้ำป่าสัก ที่อ้อมเนินเขามา (ทำให้ตรงหน้าเขื่อนเป็นเวิ้งน้ำกว้าง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 15:37:10

ความคิดเห็นที่ 23   ลองใช้กล้องซูมดู แทบไม่น่าเชื่อว่าเจ้ากล้องคอมแพคตัวเล็กๆ ของผมจะสามารถดึงภาพไกลๆ เช่นหอคอยให้มาอยู่ใกล้กับอาคารโทรมาตร ที่ห่างกันกว่า 3 กม. ได้สบายๆ บรรยากาศดีมากเลยนะครับ ระหว่างเดินจะมีนกมาบินว่อนส่งเสียงให้ได้ยินตลอดเวลาเลย อ้อ..ตอนนั้นแดดเริ่มร่มแล้ว คาดว่าจะมีฝนตกอีกไม่นาน.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 15:49:22

ความคิดเห็นที่ 24   เดินไปอีกพักหนึ่ง ก็ได้เห็นเส้นทางเดินน้ำ ของคลองระบายน้ำฉุกเฉินที่ลอดใต้สันเขื่อน   ภาพขวา : จะเห็นช่องน้ำลอดลงไป ซึ่งถ้าหากน้ำขึ้นคงมองไม่เห็น น้ำจะลอดลงอุโมงค์ใต้สันเขื่อนผ่านไปทางหลังเขื่อน ภาพซ้าย : เป็นอาคารท่อระบายน้ำฉุกเฉิน ที่ยังมีน้ำไหลอยู่ตลอด แม้น้ำหน้าเขื่อนจะแห้งมาก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 16:09:38

ความคิดเห็นที่ 25   เดินไปใกล้แนวท่อระบายน้ำฉุกเฉินใต้สันเขื่อน แล้วถ่ายภาพทั้งสองด้านมาเทียบคู่กัน ภาพซ้าย : ทางด้านท้ายเขื่อน มองไปจะเห็นสะพานข้ามคลองระบายน้ำนี้ ซึ่งก็คือถนนที่ผมเพิ่งผ่านมา นั่นเองครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 16:22:18

ความคิดเห็นที่ 26   ขอบคุณมากๆครับผม มารอชมต่อ หุหุ ปล. น้ำในเขื่อลดลงไปมากแล้ว พอจะเห็นแนวรางรถไฟเก่าก่อนจมน้ำบ้างไหมครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 16:27:35

ความคิดเห็นที่ 27   ภาพบน : มองไปทางหลังเขื่อน  ถอยกลับมาเล็กน้อย จะเห็นถนนนอกเขตเขื่อน ที่มีรั้วล้อมไปตลอด  แต่ตรงหัวมุมนั้น จะมีช่องเล็กๆ ที่คนเดินลอดมาเข้ามาได้ด้วย (ทางลับ...แฮ่ๆ)  ซึ่งผมได้ไปเก็บภาพตรงนั้นมาแล้วด้วย ภาพล่าง : ภาพเหนือเขื่อน ที่ใช้กล้องซูมไปยัง แนวแม่น้ำป่าสักไกลๆ โน้น นับว่ากว้างไม่น้อย แม้น้ำจะแห้งมากในช่วงนี้   แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมองเห็นสะพานจมน้ำอยู่ไกลๆ ได้ด้วย ซึ่งเป็นเป้าหมายผมในตอนต่อไปว่าจะไปดูให้ใกล้ที่สุด และถ้าหากได้ขึ้นไปเดินบนนั้นด้วยก็จะยิ่งดี เพราะหน้าน้ำปกติจะมองไม่เห็นสะพานนี้เลย(ปกติสะพานนี้จะเห็นเมื่อนั่งรถไฟผ่านสะพานรถไฟช่วงสอง บริเวณสทล.170 ที่ทริปรถไฟชอบไปจอดถ่ายมานั่นแหละครับ) ผมบอกแล้วว่าทริปนี้ ต้องมีอะไรลับๆ ทำนอง Unseen เพียบ แต่จะน่าสนใจหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง.....ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 16:39:55

ความคิดเห็นที่ 28   สวัสดีครับ คุณdigimontamer : ไม่พลาดนะครับกระทู้นี้ น้ำในเขื่อนยังลดลงอยู่เหมือนเดิม (ดูเหมือนว่าจะไม่เพิ่มขึ้นง่ายๆเลย เพราะไปมากี่ครั้งก็ยังเท่าเดิม แม้ฝนจะตกลงมาหลายครั้งแล้วก็ตาม) มองเห็นคันรางในหลายๆ ช่วงเลย ตั้งแต่ก่อนถึงสถานีโคกสลุง สทล.177/9  เลยสถานีโคกสลุงมา สทล.172/38  จุดชมวิวทริปรถไฟ สทล.170/11 และ ก่อนถึงจุดหยุดรถเขื่อนป่าสักฯ สทล.164/2  ครับ  ทั้งหมดสามารถลงไปเดินได้ แต่จะถูกตัดขาดเป็นช่วงๆ เพื่อการระบายน้ำ จนบางจุดก็หายไปเป็นร้อยๆ เมตรเลย เดี๋ยวจะนำลงมาให้ชมกัน ในตอนต่อๆ ไปครับ (บอกแล้วว่า..อีกยาวไกล....ฮิฮิ) มาต่อกันครับ ภาพซ้าย : เป็นหลักกิโลบนสันเขื่อนครับ ดูแปลกตาไปเหมือนกัน คาดว่านับจากด้าน ที่ทำการเขื่อน(หอคอยเขื่อน) ซึ่งปลายเขื่อนผมวัดจาก GPS Pocket PC ระยะทางประมาณ 4.8 กม.  ตรงนี้ข้างล่างใกล้กับ อาคารท่อระบายน้ำฉุกเฉินนั่นเอง ภาพขวา : เดินออกมาอีกไม่ถึง 100 เมตร ก็เห็นถนนลูกรังเข้าไป ตอนแรกที่ไปก็คิดว่าคงเป็นทางวกวนภายในเขื่อน แต่เมื่อผมไปครั้งล่าสุด ได้นำรถไปวิ่งพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นทางออก (ทางลับ) ไปยังถนนด้านหลัง (วังม่วง-แก่งเสือเต้น) ที่ขับผ่านมานั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 17:33:05

ความคิดเห็นที่ 29   มองต่อไปข้างหน้า อีกร้อยกว่าเมตร ก็เห็นร่องน้ำเล็กๆ ด้านล่างหลังเขื่อนแล้ว  นั่นคือแนวแม่น้ำป่าสักเก่า ที่ถูกสันเขื่อนสร้างปิด   ผมกำลังพิสูจน์ดูว่า แม่น้ำสายนี้ยังไหลได้หรือไม่ จะเหมือนกับคลองระบายน้ำฉุกเฉินที่เพิ่งเดินผ่านมาไหม (คือมีช่องส่งน้ำลอดสันเขื่อน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 17:41:38

ความคิดเห็นที่ 30   ภาพซ้าย : เดินเข้าไปใกล้อีก ด้านหลังเขื่อน แม่น้ำป่าสักสายเก่า มองเข้าไปจะเห็นสะพานข้ามลางๆ ซึ่งตอนแรกที่ไปก็มองไม่เห็น มาทราบตอนไปครั้งล่าสุดว่า มีสะพานนี้ด้วย ภาพขวา : ด้านหน้าเขื่อนมีอาคารโทรมาตร อยู่ ใช้สำหรับส่งข้อมูลเกี่ยวกับน้ำในเขื่อนส่งไปที่ศูนย์ควบคุมเขื่อน    ในตอนแรกผมไม่ทราบ คิดว่าเป็นอาคารควบคุมการไหลของน้ำเข้าไปยังแม่น้ำป่าสักสายเก่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 17:52:52

ความคิดเห็นที่ 31   ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมเดินมาถึงรอยต่อสองจังหวัดแล้วละครับ  ซึ่งสอดคล้องตามแนวแม่น้ำป่าสักในช่วงนี้นั่นเอง (แสดงในแผนที่ คห.2 ด้วยเส้นสีเหลือง)  นับเป็นภาพเดียวกับที่ น้าแมวถ่ายมาเมื่อคราวไปทริปรถไฟ(แสดงด้วยภาพเล็ก)  และเป็นสาเหตุให้ผมต้องคิดถึงเรื่องการตามรอยแม่น้ำป่าสักสายเก่าหลังเขื่อนนี่แหละ ภาพขวา : หันหลังกลับไปด้านหน้าเขื่อน จะเห็นอาคารโทรมาตรวางไว้ตรงกันเป๊ะเลย  ทีแรกยังคิดว่าเป็นอาคารเกี่ยวกับการระบายน้ำ ผมต้องเดินสำรวจรอบๆ ก็ไม่พบทางน้ำ ใดๆที่จะลอดผ่านไปได้ และชื่อตามป้ายที่ติดอยู่ข้างอาคารก็บอกว่าเป็น อาคารโทรมาตร แปลตรงตัวคือ เครื่องวัดน้ำระยะไกล ที่ไปอ่านค่าจากศูนย์ควบคุมเขื่อนตรงหัวเขื่อนนั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 18:31:27

ความคิดเห็นที่ 32   ภาพซ้าย : ลองซูมกล้องเข้าไปที่แม่น้ำป่าสักสายเก่า จะเห็นว่าข้างหลังเป็น รีสอร์ท "พงษ์เพชรแลนด์"  ที่มีการสร้างสวนสวยๆ มีรูปปั้นเทพนิยาย อยู่ด้วย ภาพขวา : เป็นการแสดงให้เห็นว่า แม่น้ำป่าสักสายเก่า นั้นถูกตัดขาด โดยสันเขื่อนอย่างสมบูรณ์  ซึ่งจะมองเห็นว่าน้ำบริเวณปลายนั้นนิ่งขังอยู่จนมีกลิ่นเหม็นเน่า(เมื่อเข้าไปใกล้)  ไม่มีช่องระบายใดๆจากด้านหน้าเขื่อน  แม้ว่าจะมีร่องระบายน้ำเล็กๆอยู่ด้านข้าง แต่ดูแล้วก็แค่ลอดถนนคู่ขนานสันเขื่อนเท่านั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นการระบายน้ำฝน ที่ไหลจากสันเขื่อนลงไปมากกว่า ครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 53 18:54:48 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 18:47:36

ความคิดเห็นที่ 33   ดิฉันและเพื่อนๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะที่ได้มีส่วนร่วมสร้างหลวงปู่ใหญ่  ตั้งแต่ยังเป็นที่โล่ง เทปูนหล่อองค์พระ  จนวันบวงสรวงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ   จากวันนั้นดิฉันก็ไม่ได้แวะเวียนไปกราบนมัสการอีก  เวลาผ่านไปกว่า 3 ปีแล้ว เร็วจริงๆ ค่ะ เป็นเรื่องน่าแปลกค่ะที่องค์พระทุกองค์ที่หลวงพ่อกล้วยผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดำเนินการสร้างนั้น  ล้วนยังคงขาวบริสุทธิ์เหมือนเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ                             ไม่แตกร้าว  ไม่หมอง ไม่มีตะไคร่น้ำจับ ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน   ขอบคุณมากๆ ค่ะที่นำภาพหลวงปู่ใหญ่มาให้ชม แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 53 18:55:26 จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 18:54:04

ความคิดเห็นที่ 34   สวัสดีครับ คุณไก่แก่แม่ปลาช่อน : ยินดีที่รู้จักผู้ใจบุญคนหนึ่งที่ได้ร่วมสร้างองค์พระ "หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก" ครับ  ผมเองยังคิดว่าเพิ่งสร้างปีที่แล้วด้วยซ้ำ เพราะดูใหม่มากๆ ครับ  ส่วนหนึ่งคงเป็นบุญบารมีของหลวงพ่อกล้วยง ที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการสร้างนี้ครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ มาต่อกันอีกนิด  ผมได้ข้ามมาดูด้านหน้าเขื่อนบ้าง เพื่อค้นหาช่องน้ำลอดไปยังแม่น้ำป่าสักสายเก่า ภาพซ้าย : ด้านข้างอาคารโทรมาตร มองลงไปเห็นเสาวัดระดับน้ำเรียงรายกันลดหลั่นลงไปข้างล่าง  เท่าที่เห็นมี 6 อัน ใช้สำหรับสังเกตุด้วยตา ภาพขวา : ด้านหลังอาคารโทรมาตร ในเขตรั้วเตี้ยๆ จะมีม้านั่งไว้ชมวิวด้วย แต่คงมีไว้สำหรับจนท. หรือผู้ที่เดินมาเท่านั้นครับ  เดี๋ยวผมจะเข้าไปนั่งชมวิวดูกับเขาบ้าง แต่วันนี้ขอพักกระทู้ก่อน เพราะติดธุระครับ ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 19:04:46

ความคิดเห็นที่ 35   เห็นรูปตอนเดินขึ้นไปไหว้พระแล้วก็ร้อนแทนค่ะ     อย่าให้ผิวหนังต้องโดนแดดร้อนจัดบ่อยๆ    อย่าลืมใส่หมวกและอุปกรณ์กันแดดให้ครบชุดนะคะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 20:21:06

ความคิดเห็นที่ 36   ตามไปเที่ยวด้วย ภาพสวยมากค่ะ จากคุณ : เอื้องเหมย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 23:59:19

ความคิดเห็นที่ 37   สวัสดีครับ คุณป้าฟู : ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ บางครั้งก็ตระเตรียมร่มไม่ทัน มัวแต่ห่วงถ่ายภาพครับ  (บางทีเตรียมไปแดดที่จ้าๆ ก็หายไปเฉยเลย) สวัสดีครับ คุณเอื้องเหมย : ยินดีที่ชอบครับ แดดจ้า ภาพเลยออกมาชัดหน่อย ครับ แต่บางครั้งรีบถ่าย ไม่ทันได้โฟกัส ก็มีเบลอบ้างนะครับ วันนี้มาต่อกันนะครับ  เรากำลังนั่งพักอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อน หลังอาคารโทรมาตร อย่างสบายใจ ท่ามกลางลมเย็นพัดมาเรื่อยๆ   มองไปทางซ้ายจะเห็นสันเขื่อนและหันมาทางขวา จะเห็นแนวแม่น้ำป่าสักที่อ้อมเนินเขาหนองบัวชัดเจนครับ  ซึ่งถ้าหากอยู่แถวๆ ที่ทำการเขื่อนฯ จะมองไม่ค่อยเห็นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:41:13

ความคิดเห็นที่ 38   ภาพบน : ใช้กล้องซูมเข้าไปที่แนวแม่น้ำป่าสักใกล้ๆ อีกครั้ง (คล้าย ภาพล่างคห.27)  มุมนี้จะมองเห็นน้ำยังเต็มอ่าง เหมือนไม่ได้แห้ง ภาพล่าง : ก้มลงไปมองข้างล่าง จะเห็นท่อน้ำยาวลงไปข้างล่าง อาจเป็นท่อน้ำทิ้ง หรือ ท่อที่ใช้วัดระดับน้ำในเขื่อนแบบอัตโนมัติ โดยมีสายไฟต่อลงไปข้างล่าง (ผมเอง...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:53:25

ความคิดเห็นที่ 39   ภาพซ้าย : มองไปทางขวามือ จะเห็นริมอ่างน้ำเหนือเขื่อนด้านตะวันออก (อ.วังม่วง) ที่พื้นดินตื้นเขิน ซึ่งผมได้ไปขับรถสำรวจมาแล้ว จะนำมาโพสให้ดูในตอนต่อๆไปครับ   ใกล้เข้ามาพบถังคอนกรีต 3 - 4 อันวางอยู่ อาจเป็นถังเก็บน้ำชาวบ้าน หรือโรงงานเล็กๆ ที่เคยตั้งอยู่ก่อนการสร้างเขื่อน ภาพขวา : มองไปทางขวาอีก ก็จะเห็น องค์พระ "หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก" ตรงท้ายเขื่อน ครับ   นั่งตรงนี้เห็นได้รอบทิศจริงๆ ครับ แต่ก็ไม่ใช่จุดชมวิวกลางสันเขื่อนที่ รถนำเที่ยวจะมาจอดพัก  คงต้องหาโอกาสเดินมาเองนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:08:43

ความคิดเห็นที่ 40   ก่อนกลับ ขอเดินไปเก็บภาพ อาคารโทรมาตรกับป้ายแบ่งเขตจังหวัด(ตรงกับแนวแม่น้ำป่าสักสายเก่า) ในมุมที่มองไปทางท้ายเขื่อนอีกที จะเห็นองค์พระอยู่ลิบๆ  ในระยะทางกิโลเมตรกว่าๆ ซึ่งผมจะต้องเดินกลับไปหน้าองค์พระ ตรงรถของผมที่จอดรออยู่.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:16:22

ความคิดเห็นที่ 41   ระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ ภาพซ้าย : ซูมกล้องไปที่ช่องระบายน้ำลอดใต้สันเขื่อนชัดๆ จะเห็นตะแกรง(กรง) กันขยะไหลเข้าไป  ซึ่งตรงนี้สำคัญ เพราะถ้าน้ำท่วมอุปกรณ์ตัวนี้ จะเกิดน้ำดูด วนเข้าไป ถ้าหากมีใคร สัตว์ลอยมาแถวนี้จะโดนดูดลงไปทันทีได้ ภาพขวา : สังเกตุเห็นถนนมีรอยร้าว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งถึงการห้ามรถทุกชนิดมาวิ่งบนสันเขื่อน  ไม่งั้นคงต้องซ่อมถนนกันบ่อยๆ แน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:32:33

ความคิดเห็นที่ 42   ภาพซ้าย : เป็นภาพท้ายเขื่อน ที่มองมาจากสันเขื่อน จะมองเห็นวงเวียนอยู่ตรงหน้า ให้เลี้ยวซ้ายไปองค์พระ ภาพกลาง-ขวา : เป็นภาพวงเวียนเดียวกับภาพซ้าย แต่อยู่ตรงข้ามกัน (จะเห็นป้อมยามเดียวกันด้วย)  ซึ่งเมื่อขับรถเข้าไปใหม่ๆ จะห้ามตรงไปยังสันเขื่อน ต้องเลี้ยวขวาไปองค์พระ ตามรูปในคห.6 เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:51:41

ความคิดเห็นที่ 43   ก่อนจะออกเดินทางต่อไป เพื่อค้นหาแม่น้ำป่าสักสายเก่ากัน ก็ขอกางแผนที่เดินทางก่อนนะครับ จากท้ายเขื่อน หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก เลี้ยวขวากลับออกมา ก็เลี้ยวขวาที่เชิงสะพานข้ามคลองระบายน้ำ เข้าไปดูใกล้ๆ (เพราะไปครั้งแรก ไม่ได้เดินไปที่สันเขื่อน เลยอยากหาทางเข้าไปยังถนนคู่ขนานสันเขื่อน แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้จึงวนกลับออกมา ในตอนนั้นลืมเรื่องแม่น้ำป่าสักสายเก่าไปสนิทด้วย กลับมาบ้าน มาค้นคว้าจึงทราบ และกลับไปอีกครั้งเพื่อค้นหาแม่น้ำป่าสักสายเก่า โดยเดินเท้าบนสันเขื่อน) เมื่อผ่านสามแยกหน้าโรงงานน้ำตาล ก็วิ่งตรงไปจนสุดถนนเพื่อค้นหาถนนเลียบแม่น้ำป่าสักสายเก่า ซึ่งไม่พบถนนดังกล่าว ได้แต่พบช่องลอดไปดูแม่น้ำป่าสักรวมกับทางระบายน้ำใหญ่ของเขื่อนแทน  แล้วก็วกรถกลับมา ซึ่ง ได้ลองเลี้ยวเข้าไปถนนไร้ชื่อ จนได้พบกับ เส้นทางหลังเขื่อน ที่ลัดไปออกถนนคู่ขนานสันเขื่อนได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อออกมาแล้วก็มาแวะสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นเพื่อไปดู จุดรวมแม่น้ำป่าสักกับคลองระบายน้ำเขื่อนอีกฝั่งหนึ่ง (ตรงข้ามกับจุดแรก) ครับ งงไหม....ให้ดูตามลูกศรสีชมพูนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:30:55

ความคิดเห็นที่ 44   เน็ตช้า ต้องขอโทษที่โพสซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 16:33:20 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:31:31

ความคิดเห็นที่ 45   เน็ตช้า ต้องขอโทษอีกที ที่โพสซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 16:33:56 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:31:56

ความคิดเห็นที่ 46   ภาพบน : ออกมาจาก ท้ายเขื่อน ขับรถย้อนกลับไป  เล็กน้อย ก็สดุดตากับ อาคารของทางราชการหลังใหม่ ที่สร้างบนดินร่วนสีแดง ที่คล้ายกับทราย  ซึ่งให้สีสอดคล้องกับดินที่ฐานมาก จนดูเหมือนปราสาททรายเลย เป็น สนง.เทศบาล ตำบลคำพราน  เพิ่งทราบว่า แค่ตำบลก็มี สนง.เทศบาลใหญ่ราวกับ ศาลากลางจังหวัดเลย น่าอิจฉาเหมือนกันนะครับ ภาพกลาง : ขับรถมาอีกนิด ก็ถึงสะพานข้ามคลองระบายน้ำ(ที่ลอดสันเขื่อน) ผมเลี้ยวขวาวิ่งไปบนถนนเลียบคลองดู พบว่าไม่สามารถเชื่อมต่อกับถนนข้างในเขื่อนได้เลย มีรั้วกั้นตลอดแนว ภาพล่าง : พบว่าตรงหัวมุมถนน มีช่องพอเดินลอดไปได้ ผมก็ลอดไปถ่ายภาพ คลองระบายน้ำมาให้ดู ในมุมที่ย้อนมาเห็นสะพานในภาพกลาง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:42:04

ความคิดเห็นที่ 47   ภาพขวา : จากนั้น ถนนก็วนกลับมายังถนนเส้นเดิมอีกครั้ง  หลังจากข้ามคลองระบายน้ำมาแล้ว ก็สังเกตุเห็น ประติมากรรมแปลกด้านขวามือในสวน ผมเองก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นสถานที่อะไร สถานธรรม หรือ สวนสนุกกันแน่ ภาพกลาง : ขับรถผ่านไปอีกหน่อยก็สังเกตุเห็นป้าย "พงษ์เพชร" ทำให้นึกถึงตลาดพงษ์เพชร แถวๆ ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯโน้น เขาเป็นอะไรหนา ภาพซ้าย : เจอป้าย "บ้านวังม่วง รัชตะทรัพย์" เอ...ดูไม่เกี่ยวกันแล้วหนา กลับมาค้นหาในเน็ต พบว่า เป็นรีสอร์ท ครับ ชื่อ พงษ์เพชร บรรยากาศสวนร่มรื่น มีประติมากรรมนวนิยายไทย น่าเข้าไปเก็บภาพ เหมือนกัน รู้สึกว่าเขาอนุญาตให้คนทั่วไปเข้ามาเที่ยวได้ด้วย โดยไม่ต้องเข้าพักในรีสอร์ทครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:08:27

ความคิดเห็นที่ 48   ภาพบน : ตอนนี้ผมย้อนมาถึงสามแยกแล้วครับ  เลี้ยวซ้ายกลับไปยัง แก่งเสือเต้น ที่ผ่านมาตอนแรก (วัดคีรีโสภณ)  แต่คราวนี้ผมต้องการไปตามหา แม่น้ำป่าสักสายเก่า เลยตรงไปครับ (ทีแรกก็ไม่คิดว่าเป็นโรงงานน้ำตาลด้วยซ้ำ) ภาพล่าง : ขับเลยสามแยกไปนิด ก็หันกลับไปถ่ายภาพ ประติมากรรมป้ายโรงงานน้ำตาลสระบุรี (TRR Group)  ออกแบบได้สวย เหมาะกับความเป็นไทยเลยครับ  ใครผ่านมาทางนี้อย่าลืมสังเกตุด้วยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:22:56

ความคิดเห็นที่ 49   ผมผ่านโรงงานน้ำตาลเข้าไปจนสุดถนน ตามแผนที่ในคห.43  ตรงหัวโค้งถนน พบช่องต้นไม้เล็กๆ พอเดินเข้าไปได้ เมื่อก้าวลงไปก็ต้องพบกับ ความประทับใจในทิวทัศน์ ที่ไม่คาดว่าจะเจอ... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:33:28

ความคิดเห็นที่ 50   บริเวณนั้นมีต้นไม้เยอะ ต้องหาช่องมองวิวเอาเอง ผมพอจะนำมาต่อกันให้ดูเข้าใจง่ายๆ ครับ แทบไม่น่าเชื่อว่า ในการไปที่นั่นครั้งหลัง ผมได้พบทางลงไปเดินบนแนวก้อนกรวดขาวๆ ข้างหน้านี้ด้วย ครับ (ด้านหลัง สถานีรถไฟแก่งเสือเต้น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:43:35

ความคิดเห็นที่ 51   หันกลับมามอง ด้านหลังผม ซึ่งเป็นโรงงานน้ำตาล ส่วนที่เป็นชานอ้อยที่รีดน้ำตาลออกหมดแล้ว (คงนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อีก) ด้านขวามือ จะเห็นช่องต้นไม้ ที่เป็นทางรถลงไปริมน้ำได้ (ถ้าเป็นหน้าน้ำคงลงไปไม่ได้แน่ๆ)  เดี๋ยวผมจะเดินลงไปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:55:27

ความคิดเห็นที่ 52   ภาพซ้าย : เป็นช่องทางลงไปข้างล่างครับ ภาพขวา : ลงไปแล้วพบว่าเป็นลานริมน้ำกว้างพอสมควร  คิดว่าหน้าน้ำคงจะท่วมหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:03:16

ความคิดเห็นที่ 53   ผมลงไปยืนที่ริมน้ำ ภาพขวาของคห.52  มองไปทางซ้าย และขวา จะเห็นดังภาพข้างล่างครับ ภาพขวา : จะมองเห็นแนวหินเดียวกับที่ภาพในคห. 49 และ 50 ตรงนี้จัดเป็นธรรมชาติที่ดูสงบเงียบมาก  มีคนมาจับปลาอยู่ 2 - 3 คนไกลๆ ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:12:01

ความคิดเห็นที่ 54   มาขัดจังหวะนิดครับ .. อ่านตั้งแต่อันแรก มาทันแล้วครับ อ่านนานหน่อย เพราะเก็บทุกรายละเีอียดครับ ติดไว้เป็นความรู้ เผื่อว่าได้มีโอกาสไปบ้าง จะไปไม่ งง ครับ.. รีวิวสนุกละเอียดดีครับ  ต่อเลยครับ จากคุณ : Trip-F เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:18:51

ความคิดเห็นที่ 55   ภาพล่าง : ผมพยายามเดินลงไปในน้ำให้มากที่สุด เพื่อถ่ายภาพ ลำน้ำป่าสักสายเก่าให้ได้ไกลที่สุด แต่เนื่องจากเป็นแนวโค้งจึงเห็นได้เท่านี้ ภาพบน : หันกลับมาเดินขึ้นไปที่รถ ไกลเหมือนกันนะ  ถ้าหากนำรถลงมาจอดข้างล่างจะประหยัดเวลาได้อีกเยอะ  ผมเลยต้องวิ่งทำเวลากันหน่อย ยังมีอีกหลายที่ ที่จะต้องไปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:23:29

ความคิดเห็นที่ 56   สวัสดีครับ คุณTrip-F : ขอบคุณที่เข้ามาทักทาย(แก้ง่วง)  รายละเอียดเยอะไปหน่อย พยายามใช้วิธีรวมภาพในความเห็นเดียว กระทู้จะได้ไม่ยาวเกินไป ภาพบน : ขึ้นมาที่รถแล้วครับ ถนนต่อจากนี้จะเป็นทางเข้าด้านหลังโรงงาน ดูไม่น่าเข้าไป แม้ว่าในแผนที่ GPS Map จะบอกว่ามีถนนวนกลับออกมาที่หน้าโรงงานอีกก็ตาม ภาพกลาง : จอดถ่ายป้ายด้านหน้าโรงงาน จะได้รู้ว่าเป็นโรงงานอะไร ภาพล่าง : เลยไปเล็กน้อย เจอป้ายโรงงานอีกแบบ กลายเป็นโรงผลิตเอทานอล จาก กากอ้อย และกากน้ำตาล ไปเสียนี่  เท่ากับได้ประโยชน์สองต่อ (ทีแรกผมคิดว่า กองกากอ้อยเมื่อกี้จะใช้เป็นเชื้อเพลิงโรงงงานเท่านั้น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:01:04

ความคิดเห็นที่ 57   ผมออกมาถึง สะพานข้ามแม่น้ำป่าสักแล้วครับ ต้องจอดรถลงไปดูกันหน่อยว่า เป็นอย่างไร เพราะมองจากรถแล้วไม่สะดวก อาจเกิดอันตรายได้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:11:11

ความคิดเห็นที่ 58   ภาพซ้าย : ด้วยความที่เคยสำรวจสะพานรถไฟ  คราวนี้ลองสำรวจสะพานแห่งนี้บ้าง  มองหาทางลงไปข้างล่าง ตรงเชิงสะพานด้านขวามือ พอมีช่องทางครับ ภาพขวา : เมื่อลงไปข้างล่าง เล็กน้อย ก็เห็นโครงสร้างสะพานแบบนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:16:57

ความคิดเห็นที่ 59   ต้องขอโทษนิดนึง ที่นำเสนอผิดคิว....เพราะไปคนละครั้งเลยงงๆ ไปเอง  คือ ในการไปครั้งหลังนี้ ผมได้สังเกตุเห็นถนนลูกรัง แยกซ้ายไปทางเขื่อน ก่อนถึง คลองระบายน้ำในภาพกลางของ คห.46 (คนละฝั่งคลองนะครับ) ว่าไปสิ้นสุดทางไหนกันแน่ ในครั้งแรกผมคิดว่าเป็นที่ดินชาวบ้าน น่าจะเป็นทางตัน แต่.....พอได้เข้าไปแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า มีอะไรซ่อนอยู่ไม่น้อยครับ (ถนนที่ผมสงสัยเป็นสีเขียว ต่างกับอีกฝั่งที่ไปสำรวจมาแล้วในคห.46 เป็นถนนสีแดง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:53:16

ความคิดเห็นที่ 60   คราวนี้เลยตัดสินใจเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย (ก่อนถึงสะพานข้ามคลองระบายน้ำ) เสี่ยงเสียเวลาสำรวจจุดอื่นๆ ด้วย  น่าลองก็ลุยเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:54:56

ความคิดเห็นที่ 61   ถนนเส้นนี้บังคับเลี้ยวซ้ายเข้าไปในป่า.....หลังเขื่อน  แต่สังเกตุให้ดีตรงบ้านหลังคาสีฟ้านี้ จะมีทางลับ ที่ลัดเข้าไปยังถนนคู่ขนานเขื่อนได้อย่างรวดเร็ว  ผมพบบังเอิญตอนขากลับออกมา! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:03:08

ความคิดเห็นที่ 62   ทางเป็นแบบนี้เอง ทำไมถึงมองไม่เห็น  เมื่อผ่านช่องลับแลนี้ไปแล้วก็จะเป็นกองขยะ  แล้วถนนพุ่งตรงไปยังถนนคู่ขนานเขื่อน ตามภาพขวาในคห.28 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:09:51

ความคิดเห็นที่ 63   แต่ในตอนแรกที่เข้ามา ผมวิ่งตามถนนไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่ทราบเรื่องช่องลับ ทางแล อะไรนี่หรอก ภาพบน : เป็นถนนลูกรัง วิ่งเข้าไปก็เป็นป่ารกทึบสองข้าง เสียวๆ เหมือนกัน ภาพกลาง-ล่าง : ไม่นานก็เจอสะพานข้ามแม่น้ำป่าสักเก่า ที่มาจากสันเขื่อนนั่นเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:18:19

ความคิดเห็นที่ 64   ผมจอดรถลงไปเดินบนสะพาน ถ่ายภาพข้างล่างดูบ้าง ภาพขวา : มองเห็นสันเขื่อนตามที่คาดไว้  นี่เป็นจุดเดียวกับที่ผมไปเดินมาในคห.30 ครับ ช่างบังเอิญจริงๆ เพราะตอนแรกที่เดินบนสันเขื่อน มองไม่เห็นสะพานนี้เลย ต้นไม้บังเกือบหมด ภาพซ้าย : มองไปในพงไม้ ต๊กกระใจ...พบม้าสีขาวตัวเบ้อเริ่มซ่อนอยู่  อ้อ..รูปปั้นม้า อยู่ใน พงษ์เพชรรีสอร์ท นั่นเอง เหมือนมากๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:29:57

ความคิดเห็นที่ 65   ไปวันไหนเนี่ย ไมไม่เจอผมหว่า??? อิอิอิอิอิ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:38:32

ความคิดเห็นที่ 66   ภาพซ้าย : พยายามมองหาทางน้ำ ด้านซ้ายนี้ แต่ปรากฏว่ามองไม่เห็นสายน้ำ มีแต่ต้นไม้ขึ้นรกชัฎเต็มไปหมด ภาพขวาบน : ผมเลยออกเดินทางต่อไป  ระหว่างทางจะมีช่องว่างต้นไม้เป็นระยะๆ พอมองเห็นสันเขื่อนอยู่ใกล้ๆ แต่คั่นด้วยรั้วลวดหนามคู่ขนานไปตลอด ภาพขวาล่าง : ข้างหน้าก็คือถนนลูกรัง อย่างที่เห็น ถ้าไม่บอกคงนึกว่าอยู่ในอุทยานแห่งชาติ หรือไม่ก็ป่าห่างไกลชุมชน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:43:11

ความคิดเห็นที่ 67   สวัสดีครับ คุณpinestand : โอ้โฮ..เท่ห์จริงๆ ขี่จักรยานบนสันเขื่อน ไม่ต้องมาเดินเหมือนผมเลย   วันที่ไปเดินบนสันเขื่อนก็ตามที่พิมพ์ไว้ที่ขอบรูปภาพบางภาพนะครับ คือ 19 มิย.53 เวลาบ่ายสามโมงถึง สี่โมงเย็นครับ วันนั้นฟ้าครึ้มกำลังจะมีฝนพอดี จากรูปของคุณ น่าจะคนละวัน เพราะดูแดดจ้าจังเลยครับ  ขอบคุณที่ส่งรูปเข้ามาแจม ดูจากระดับน้ำในเขื่อนแสดงว่าเป็นช่วงเดียวกันครับ มาต่อกัน กำลังหลงป่า...เอ๊ย.. ค้นหาเส้นทางอยู่ครับ ภาพบน :  ถนนเลี้ยวไปหาสันเขื่อนอย่างไม่รู้ตัว มองเห็นเป็นรั้วขวางอยู่ข้างหน้า มองเห็นอาคารอะไรต่ำๆ อยู่ด้านซ้าย... ภาพล่าง : โอ๊ะ..อะไรนั่น มีคลองอยู่ข้างหน้าด้วยหรือนี่  ไม่มีใน GPS Map หรือ Google Map เลยนะครับเจ้าคลองนี่  เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ๆของผมแล้ว..... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:55:56

ความคิดเห็นที่ 68   ผมไปจอดรถบนสะพาน แล้วลงรถมาถ่ายภาพชัดๆ ให้ดูกัน ว่า ภาพขวา : เป็นอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม  คล้ายๆ กับ อาคารท่อระบายน้ำแห่งแรกที่ผมเห็นในคห.24  จะเห็นว่ามีน้ำไหลค่อนข้างมาก แต่มีความกว้างน้อยกว่า คลองระบายน้ำแห่งแรก ภาพซ้าย : เป็นฝั่งที่น้ำระบายออกไปรวมกับแม่น้ำป่าสักเดิม  คงเป็นเพราะว่า ต้องการลัดระยะทาง หรือเพิ่มความเร็วในการไหลของน้ำ เลยปิดแม่น้ำป่าสักเดิม ในคห.32 (เพราะสายน้ำมีความคดโค้งมาก) แล้วขุดคลองสร้างอุโมงค์ลอดสันเขื่อนตรงนี้แทนครับ เนื่องจากผมไม่มีเวลามากพอ เลยไม่ได้ขับรถไปหาจุดที่น้ำรวมกันครับ เอาไว้ให้เพื่อนๆที่สนใจ ไปสำรวจดูนะครับ อาจเจออะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 21:07:44

ความคิดเห็นที่ 69   จากสะพานข้ามคลองระบายน้ำนี้ ไปอีกครึ่งกม. ก็มาโผล่สามแยก มีหมู่บ้านคนอยู่หลายหลัง เล่นเอาผมงง ว่าเป็นหมู่บ้านลับแลหรือไงนี่ ที่ทางเข้าดันไม่มีป้ายใดๆ บอกว่ามีชุมชนอยู่ในนี้  ส่วนใหญ่เขาคงเข้าออกทางเขื่อน มากกว่า (อย่างที่เคยเห็นบ่อยๆว่ามีรถเข้าไปวิ่งในถนนคู่ขนานสันเขื่อน ในขณะที่มีป้อมยาม เครื่องกั้นอยู่ก่อนหน้า  แสดงว่าต้องเป็นชาวบ้านหลังเขื่อนที่รู้จักคุ้นเคยกันเฉพาะ) ด้วยความงุนงง ผมเลยลืมถ่ายภาพชุมชนในนั้นมาให้ดูกัน  รถผมมาโผล่เข้าที่ ประตูน้ำเขื่อน อย่างไม่ทันได้คิด... ภาพขวา : ประตูน้ำเขื่อน ที่ผมเคยไปถ่ายภาพมาแล้วในทริปครั้งก่อน เพียงแต่คนละฝั่งคลองระบายน้ำ ภาพซ้าย : เป็นคลองระบายน้ำ ที่ตอนนี้ ไม่มีน้ำไหลเลย นั่นเป็นเพราะระดับประตูน้ำนั้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำหน้าเขื่อน ต่างกับคลองระบายน้ำที่ผมผ่านมาทั้งสองแห่งนั้น ลอดสันเขื่อนเลยมีน้ำไหลตลอดครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 21:21:22

ความคิดเห็นที่ 70   ผมหันหลังกลับไปดู ช่องทางที่ผ่านเข้ามา ช่างดูเป็นทางลับแลอีกจุดเหมือนกัน ว่ามีชุมชนซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้นี้ด้วยหรือ ?  ทีแรกผมยังคิดว่า มีแค่โรงงานน้ำตาลอยู่หลังเขื่อนเท่านั้น  มองไปทางคลองระบายน้ำ จะสังเกตุเห็นว่ามีถนนเล็กๆ เลียบคลองไปด้วย ซึ่งผมไม่มีเวลาไปสำรวจ จึงขอบาย  จะรีบเดินทางต่อ ไปตามถนนคู่ขนานสันเขื่อน เพราะยังมีภาระกิจอีกเยอะ..... วันนี้ขอพักก่อนนะครับ ดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้มาต่อให้จบในตอนนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 21:33:46

ความคิดเห็นที่ 71   ผมไปมาเมื่อวันที่ 20/6/2010 ครับ ปั่นจักรยานไปจากมวกเหล็ก ระยะทางที่ปั่นไปก็ประมาณ 38 กิโลเมตรครับ ออกจากมวกเหล็ก 6 โมง ซัก 7 โมง ครึ่งก็ถึงเขื่อนแล้วครับ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 21:43:33

ความคิดเห็นที่ 72   สวัสดีครับ คุณ pinestand : ต้องแสดงความนับถือเลยครับ ขับจักรยาน 38 กม.นี่นะ แถมใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งอีก  สมัยเรียนผมก็มีจักรยานเสือหมอบ เคยขี่จาก มช. ข้ามไปถึง ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ ใกล้ๆ กับ อาเขต(ท่ารถโดยสาร) ก็ว่าไกลแล้วนะ   ผมนึกว่าคุณเป็นคนแถวนั้นอีก   ต้องระวังหน่อยนะครับ รถจักรยานไม่มีไฟสัญญาณ และมองไม่เห็นไม่ชัดจากระยะไกล กลัวรถยนต์ขับเร็วๆ จะมองไม่เห็นครับ ทางที่ดีควรใส่เสื้อสีสดๆ สะท้อนแสงได้ยิ่งดี       ขี่จักรยานมีข้อดีอย่างคือ ได้สุขภาพที่ดีด้วยครับ    และสามารถนำขึ้นไปขี่บนสันเขื่อนได้ ในขณะที่รถอื่นๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้   คุณจะเลือกหยุดรถ ถ่ายภาพตรงจุดไหนๆ ก็ได้  ทีหลังผมคงต้องหาสักคันไว้บ้างละ ไม่งั้นเดินทีเป็นกิโลๆ ในขณะที่เวลาก็ไม่ค่อยมีอีก... คุณไปวันอาทิตย์ คลาดกันวันเดียวเอง  และที่สำคัญคนละเวลา เลยไม่เจอกัน...  เอ่อ.. ว่าแต่ถ่ายรูปตัวเองได้ คงไม่ได้ไปคนเดียวนะครับ (ส่วนรูปข้างล่างนี้ ผมใช้มือตัวเองยื่นยาวๆ เพื่อถ่ายตัวเองครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 15:07:48 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 14:38:14 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 14:35:44

ความคิดเห็นที่ 73   วันนี้เรามาต่อกันให้จบตอนนะครับ ภาพบน : ผมได้เลี้ยวรถไปตามถนนคู่ขนานสันเขื่อน มุ่งหน้าไปทางท้ายเขื่อน ได้อย่างไม่คาดฝันมาก่อน ภาพกลาง : ขับไปไม่ถึงกม. ก็ถึงอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ที่เคยเห็นในคห.68   ซึ่งสะพานที่อยู่ด้านหลังก็คือ สะพานที่ผมเพิ่งข้ามมานั่นเอง ภาพล่าง : หันไปทางซ้าย ด้านสันเขื่อน ก็ได้พบกับบันได "คิริ-อง-โกล" (ใน ลอร์ดออฟเดอะริงค์ภาค 3).......ว่าเข้านั่น  ขึ้นไปบนสันเขื่อน  ผมยังคิดว่าไม่มีบันไดแบบนี้นะครับ  ไม่งั้น จนท. ต้องขับรถอ้อมขึ้นไปบนสันเขื่อนก่อน   นึกแล้วก็เสียดาย ผมลืมขึ้นไปบนสันเขื่อน เพื่อดูว่า ด้านหน้าเขื่อนมีช่องระบายน้ำแบบเดียวกับที่ อาคารท่อระบายน้ำด้านท้ายเขื่อนหรือไม่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 15:01:58

ความคิดเห็นที่ 74   ภาพบน : มองไปข้างหน้า จะเห็นอาคารระบายน้ำท้ายเขื่อนอยู่ลิบๆ ซึ่งใกล้กว่านั้นบนสันเขื่อนจะเห็นหลังคาอาคารโทรมาตรโผล่มานิดนึง เดี๋ยวผมจะไปตรงนั้นเพื่อไปดู ต้นน้ำ เอ๊ย... แม่น้ำป่าสักเก่าที่ถูกตัดขาดกันใกล้ๆ เลย (อาคารโทรมาตรจะอยู่ตรงแนวแม่น้ำป่าสักเก่าพอดี) ภาพล่าง : ผมมาถึงแล้วครับ  ลงรถไปถ่ายภาพ แม่น้ำป่าสักจุดที่ถูกเขื่อนตัดขาด(สนิท) ว่าเป็นอย่างไร  ตอนนี้ผมเริ่มได้กลิ่นเน่าเหม็นของน้ำแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 15:23:39 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 15:18:58

ความคิดเห็นที่ 75   ผมพยายามหา ช่องระบายน้ำจากหน้าเขื่อนลงมา .... ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ ครับ น้ำตรงนี้เลยขังเหม็นเน่าไปทั่ว ครับ ทางน้ำไปเปลี่ยนไปเป็นคลองระบายน้ำ 2 แห่ง และประตูน้ำอีก 1 แห่ง ตามที่ได้สำรวจไปแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 15:34:16

ความคิดเห็นที่ 76   ภาพซ้าย : ผมลองเดินไปเล็งจากข้างล่างขึ้นไปบนสันเขื่อนดู ว่าแนวนี้มีช่องทางระบายน้ำจากหน้าเขื่อนหรือไม่  พบว่ามี!... แต่เป็นร่องระบายน้ำฝนเท่านั้น ภาพขวา : เมื่อเน้นถ่ายเฉพาะร่องระบายน้ำฝนนี้ ก็พบว่าตกลงมาจากแนวขอบต่างระดับของสันเขื่อนมายัง ถนนคู่ขนานสันเขื่อนเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 15:49:58

ความคิดเห็นที่ 77   ภาพขวา : ผมเดินมาบนถนนคู่ขนานสันเขื่อน  มองหาช่องระบายน้ำฝน  เจอแล้วเป็นท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ภาพซ้าย : ซึ่งในฝั่งตรงข้ามถนนจุดนี้ ท่อคอนกรีตนี้ก็ไปโผล่ให้เห็น มีร่องระบายน้ำยาวออกไป  ตอนนี้น้ำแห้งมีแต่ต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 16:04:32

ความคิดเห็นที่ 78   ภาพขวา : ผมลงทุน เดินลงไปข้างล่าง เพื่อไปมองทางออกของท่อระบายน้ำฝน เพราะเห็นมีแผ่นเหล็กปิดปากท่ออยู่(ทำไม?) ภาพซ้าย : หันไปมองทางช่องระบายน้ำ ต่อจากท่อน้ำนี้ พบว่าไปเลี้ยวลงแม่น้ำป่าสักสายเก่านั่นเอง... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 16:19:35

ความคิดเห็นที่ 79   เสร็จภาระกิจสำรวจตรงนี้แล้ว ผมก็ต้องหาทางออกจากเขื่อนละ  ทีแรกคิดว่าจะวิ่งบนถนนคู่ขนานสันเขื่อนไปจนถึงองค์พระ "หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก" ภาพซ้าย : พอดีผ่านถนนลับๆ เส้นหนึ่ง ที่เคยเห็นตอนเดินบนสันเขื่อน ในภาพขวาของ คห.28 เลยลองเลี้ยวรถเข้าไปดู ว่าไปสิ้นสุดที่ไหนเอ่ย ในใจคิดว่าคงวกวน อยู่ในนี้แหละ ภาพกลาง : แต่..ไม่ใช่ครับ วิ่งไปได้ 200 เมตรก็พบบ้านสีฟ้า หลังเดิมที่เคยผ่านมาตอนเข้า... (ในคห.61)   ตามแผนที่ใน GPS Map ของผมบอกว่า ถนนเส้นนี้ต่อกัน  แต่ทำไมดูแล้วถูกตัดขาดจากกัน ดังในรูปล่ะ... ที่จริง มีช่องลับ เอ๊ย..ทางลับอยู่ด้านซ้ายมือ ตามรูปคห.62  สามารถออกถนนข้างนอกได้เลย  สุดยอด.... ภาพล่าง :  ตอนนี้ ผมได้ลอดทางลับออกมาแล้ว ทางก็เล็ก โค้ง และเป็นหลุมขนาดนั้น ถึงไม่สามารถมองเห็นได้จากข้างนอก(ขาเข้า) ได้เลย  นับว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญของผมเลยนะครับ...ฮา   ข้างหน้าผมตอนนี้ก็คือถนนสาย วังม่วง-แก่งเสือเต้น,เขื่อนป่าสักฯ  ที่ผมจะรีบไปต่อครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 16:44:40

ความคิดเห็นที่ 80   ต่อจากนี้ ผมก็ไปสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นทันที (ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก ก่อน โดยโพสให้ดูแล้วในคห.57-58)   ขอกางแผนที่ให้ดูอีกที ว่าผมใช้เส้นทางตามลูกศรสีชมพูครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 17:30:14

ความคิดเห็นที่ 81   มีทางลัดเล็กๆ ด้านขวามือ ก่อนจะข้ามทางรถไฟกลับมายังถนนสาย หินซ้อน-เขื่อนป่าสัก  ถนนเส้นนี้จะโล่งๆ ไม่มีบ้านคนและต้นไม้ริมทาง สักพักก็มาเจอทางลอดรถไฟข้างหน้า  ตอนแรกก็ไม่ทราบว่ามีทางแยกไปริมแม่น้ำป่าสักได้ ก็ตรงไปสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นเลย แต่ตอนนี้ ผมจะพาท่านเลี้ยวเข้าช่องเล็กๆ ด้านขวามือไปยังถนนริมแม่น้ำป่าสัก ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 17:53:12

ความคิดเห็นที่ 82   ภาพซ้าย : ถ้าหากเพื่อนๆ มาจากสถานีแก่งเสือเต้น ตอนลอดสะพานรถไฟแห่งนี้จะมองเห็นภาพอีกแบบ  แสดงให้ดูดังข้างล่างนี้นะครับ ภาพขวา : เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้ว ก็จะมองเห็นทางไปยังริมแม่น้ำป่าสักข้างหน้าเป็นช่องเล็กๆ ข้ามเนินสูงต่ำ   ที่จริงสามารถเลี้ยวซ้ายไปก็ได้ แต่ต้องลัดผ่านป่าละเมาะกันหน่อย กว่าจะมาออกถนนเดียวกันอีกได้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 18:07:15

ความคิดเห็นที่ 83   ภาพบน : เมื่อไปถึงถนนริมแม่น้ำป่าสักแล้ว ก็จะเห็นดังในภาพครับ  ผมไม่ได้มีเวลามาก เลยไม่ได้ขับรถเข้าไปจนสุดถนน ภาพล่าง : ริมถนนด้านขวา เป็นแนวแม่น้ำป่าสัก บางช่วงต้นไม้ไม่มี มองเห็นสายน้ำข้างล่าง และโรงงานน้ำตาล ตรงกองกากอ้อย ที่ผมไปจอดถ่ายภาพมาในคห.49-51 ครับ  นับเป็นความบังเอิญจริงๆ น่าแปลกที่ แผนที่ GPS Pocket PC ของผม ดันบอกว่ามีถนนข้ามแม่น้ำมาจากฝั่งโรงงานด้วย  ซึ่งเมื่อผมไปสำรวจครั้งนี้จึงทราบว่าไม่มีครับ  ตรงนั้นเป็นสามแยก ที่แม่น้ำป่าสักเข้าโค้ง แล้วมีคลองระบายน้ำที่ไหลมาจากประตูน้ำเขื่อนมารวมกัน โดยมีแนวหินกั้นเป็นคันยาว   เดี๋ยวผมจะลงไปถ่ายภาพมาให้ดูกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 19:27:29

ความคิดเห็นที่ 84   เมื่อเดินลงไปจากถนน โผล่ไปพ้นแนวต้นไม้ก็จะเห็นวิวกว้างอย่างในภาพครับ (ไม่ได้ตั้งใจมาต่อกัน แต่เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ)  จะเห็นว่าแม่น้ำป่าสัก ยังไหลได้ต่อเนื่องคงรับน้ำมาจากคลองระบายน้ำกลาง ตามที่ผมไปสำรวจในคห.68, 73 ครับ  ส่วนน้ำที่มาจาก ประตูน้ำเขื่อนนั้นนิ่งสนิท ไม่สามารถข้ามแนวหินคันกั้นน้ำได้ เพราะไม่มีน้ำไหลมา ดังแสดงในรูปคห.69 ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 19:43:37

ความคิดเห็นที่ 85   อิอิ ตามมาดูต่อ ผมไปคนเดียวครับ เอาขาตั้งกล้องไปด้วย แล้วก็ถนัดเดินทางกลางวันครับ จริงๆ แล้วมวกเหล็ก - เขื่อนป่าสัก 1 ชั่วโมงครึ่งนี้ปกติครับ เพราะว่า ขาไปเขื่อนจาก มวกเหล็กเป็นทางลงเขาซักประมาณ 60-70 % ครับ ผมเองปั่่นแบบไม่ต้องออกแรงมากก็ไปได้ครับ ส่วนขากลับขึ้นเนิน อันนี้ มี 2 ชม.ครึ่งครับ โดยเฉพาะตรงอุโมงค์ต้นไม้ อิอิ เ้อารูปนี่มายั่ว เห็น จขกท.ชอบอะไรๆ ที่เกี่ยวกับรถไฟ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 19:44:33

ความคิดเห็นที่ 86   ภาพซ้าย :  ผมลงไปเดินบนหินคันยาวๆ แล้วครับ เดินยากมากๆ เพราะผมใส่รองเท้าแตะ แดดก็จ้ามากๆ  แต่อากาศเย็นสบายนะครับ   ผมพยายามเดินไปให้ไกลสุด แต่ก็ยังมองไม่เห็นประตูน้ำเขื่อนอยู่ดี ส่วนโค้งของฝั่งด้านซ้ายบังไว้ครับ  กลัวเสียเวลา เดินก็ยาก เลยหันกลับ (นึกขึ้นได้ว่าเคยถ่ายจากฝั่งโน้นแล้ว ในรูปคห.49) ภาพขวา : ในแม่น้ำป่าสักสายเก่า นี้มีสันดอนทรายอยู่ตรงกลางสามแยกพอดี เหมือนกับ สามเหลี่ยมทองคำเลย....   ถ้าไม่กลัวพลัดตกน้ำ เพราะไปคนเดียว คงจะลงลุยน้ำไปยืนบนทรายแล้วละครับ....  จากภาพที่มองจากฝั่งตรงข้ามในคห.50 จะเห็นสันดอนทรายนี้ด้วยครับ สุดยอด! งานนี้เท่ากับผมได้เข้าถึงแม่น้ำจุดนี้ถึงสองฝั่ง เหมือนเป็นการพิสูจน์ทฤษฎี เรขาคณิต อะไรเลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 19:54:43

ความคิดเห็นที่ 87   หรือจะเป็นที่นี่ (ไปจักรยาน) จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 20:00:15

ความคิดเห็นที่ 88   สวัสดีครับ คุณpinestand : คุณเป็นนักเที่ยวเดี่ยวตัวยง เหมือนผมตอนสมัยไม่มีแฟนเลยนะครับ ขี่มอเตอร์ไซด์คนเดียว ไปเที่ยวทั่ว แบบไปสายกลับค่ำ  ผมทำแบบนี้มาหลายปี จนมาอยู่กรุงเทพฯกับ คุณแม่ เลยไม่ได้ไปไหนคนเดียว หลังคุณแม่เสีย ก็แต่งงานอีก เลยไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวอีกเลย สถานีหินลับนี้อยู่ระหว่างสถานีผาเสด็จกับสถานีมวกเหล็ก ซึ่งผมเคยไปสถานีผาเสด็จมาแล้ว  ทางเข้าก็ยากพอควร   แต่สถานีหินลับนี้ผมยังไม่เคยไป ดูจากแผนที่ GPS Pocket PC แล้ว คิดว่าคงต้องไปลุยค้นหาเอาเอง  แหม...ดูๆ แล้วก็ลับตาไม่น้อยเหมือนกันครับ  ชักรู้สึกอยากๆ ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะไปผาเสด็จมาคราวที่แล้วยังไม่ค่อยครบสมบูรณ์นัก... รูปข้างล่างนี้ถ่ายมาปีที่แล้ว เดือนเดียวกันนี้ น้ำหนักกำลังสูงสุด มากกว่าปัจจุบัน 9 กก. ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 20:45:59

ความคิดเห็นที่ 89   คุณ pinestand : อ้าวรูปนี้ไปกัน 3 คน  ไม่ใช่เที่ยวเดี่ยวเข้าแล้ว  สถานปางอโศกอยู่ระหว่างสถานีกลางดง กับสถานีบันไดม้า  ไม่มีระบุในแผนที่ GPS ของผมเช่นกัน  ขอบคุณที่แนะนำครับ มาต่อกัน ใกล้จบแล้ว ภาพขวา : ผมเคลื่อนรถไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ก็พบช่องว่างต้นไม้ พอเดินลงไปถ่ายภาพแม่น้ำได้อีก  ซึ่งตรงนี้จะห่างจากสามแยกลำน้ำไปหน่อย เป็นช่วงคลองระบายน้ำจากประตูน้ำนั่นเอง  น้ำคงตื้นน่าดู มองเห็นคนลงไปเดินหาปลากลางน้ำเลย ภาพซ้าย : ด้านซ้ายมือ จะเป็นป่าละเมาะ ที่มองทะลุไปเห็น หลังสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นครับ  ซึ่งมีทางรถเข้าไปถึงตัวสถานีเลย (ลัดเลาะต้นไม้กันหน่อย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 20:58:06

ความคิดเห็นที่ 90   ผมกลับรถออกไปทางเดิมก่อนละ  ลอดสะพานรถไฟในคห.81 ไปประมาณครึ่งกม. ก็ถึงสถานีรถไฟแก่งเสือเต้นครับ   ถ่ายจากริมถนนที่ตรงเข้าไปยังหน้าสถานีเลย จะเห็นซุ้มประตูบังอยู่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 21:02:49

ความคิดเห็นที่ 91   ผมเดินลอดซุ้มประตูข้างบนเข้าไปยืนด้านหน้าสถานี แล้วถ่ายภาพทั้งสองด้านมาให้ดูกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 21:10:57