ความคิดเห็นที่ 1   เราขึ้นรถจากคยองจูไปโพฮังตอนหกโมงเย็น  ถึงชีเวเทอร์มินอลเมืองโพฮังราว หกโมงสี่สิบนาที ที่โพฮังมีรถไปกังนึงและซกโชเวลา 22.45, 00.10 และเที่ยวสุดท้ายเวลา 01.10 น. เราจะไปรถเที่ยว 22.45 น. ค่ะ คิดว่าน่าจะถึงซกโชราวๆ ตีสี่ ค่ารถคนละ 35,200 วอน (รถรอบดึกจะแพงกว่าช่วงกลางวัน) อีกตั้งเกือบสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเดินทางอีกครั้ง  เราออกไปเดินเล่นแถวๆนั้น แล้วก็กลับมานั่งดูทีวีในสถานี  รถเข้ามาจอดตามเวลา คนเกือบเต็มรถเหมือนกัน  พอขึ้นรถแล้วก็หลับปุ๋ย จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 22:43:16

ความคิดเห็นที่ 2   เราตื่นเมื่อน้องสาวสะกิดเรียกบอกว่าถึงซกโชแล้ว  มองออกไปเห็นหอคอยซกโชเอ็กซ์โป ถึงแล้วจริงๆ ดูนาฬิกา เรากะเวลาที่รถวิ่งผิดอีกแล้ว เพิ่งจะตีสามเอง  อีกไม่ถึงสิบนาทีรถก็ ไปจอดให้คนลงที่ฝั่งตรงข้ามชีเวบัสเทอร์มินอล  ไม่ได้เข้าไปจอดข้างในลานจอดรถ   แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวเหมือนตอนที่ไปถึงจอนจูตอนตีสองแล้ว รู้สึกอยู่อย่างเดียว คือ หนาววว... ที่เราไม่กลัวอาจเพราะคุ้นเคยกับแถวนี้มากกว่าที่จอนจู   เราข้ามถนนไปที่สถานี ประตูปิดล็อกกุญแจ  แต่ข้างในตรงที่ขายตั๋วเปิดไฟสว่าง ข้างๆประตูมีม้านั่งยาวแต่คงนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไหว หนาวตายแน่ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 23:13:42

ความคิดเห็นที่ 3   เราข้ามถนนกลับไปอีกครั้งเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ตรงข้ามกับสถานี  เราจะมาพักที่ยอกวาน เดิมที่เราเคยพักเมื่อปีที่แล้ว  เป็นที่พักเล็กๆที่ในความเห็นเราดูแล้วไม่น่ากลัว  เรากะว่าถ้าไม่มีใคร ในยอกวานตื่นมาดูก็จะนั่งหลับคอยอยู่ในยอกวานนี้จนเช้าล่ะค่ะ รอบๆ บัสเทอร์มินอลมีที่พักประเภทยอกวาน, โมเต็ล อยู่เยอะค่ะ แต่เราว่าส่วนมากดูจาก ภายนอกมันเงียบๆทึมๆ น่ากลัวจนไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปขอดูห้องพัก (เป็นความเห็น ส่วนตัวนะคะ แถวอินเตอร์ซิตี้บัสเทอร์มินอล ที่พักที่น่าพักที่สุดคือ เดอะเฮ้าส์ ที่คนไทย นิยมไปพักกัน รองลงมาก็ที่ที่เราพัก แต่เราไม่เคยไปขอดูห้องพักของยอกวานอื่นๆ รวมทั้งเดอะเฮ้าส์)   ยอกวานที่เราจะพักนั้น ประตูทางเข้าอยู่ติดกับด้านหลังของตึกแถวริมถนน  เดินเข้าไปในซอย แค่ห้าหกเมตร อยู่ซ้ายมือ  เป็นตึกสอง-สามชั้น (ห้องพักมีชั้นล่างกับชั้นสอง  ส่วนชั้นสามเราเคย แอบขึ้นไปดูไม่มีอะไรค่ะใช้เก็บของ) ตรงกลางตัวตึกเจาะเป็นที่ว่างสี่เหลี่ยมเลียนแบบบ้านเกาหลีโบราณ   จัดเป็นสวนเล็กๆกับตู้ปลาไว้มุมนึง  แล้วก็มีโซฟาไว้ให้นั่งห้องพักจะอยู่รอบๆ พื้นที่สี่เหลี่ยมนี่ล่ะค่ะทั้งชั้นล่าง และชั้นบน  น่าจะมีห้องพักอยู่ซักสิบห้องถึงสิบสองห้องได้ค่ะ  เจ้าของเป็นอาจอซิกับอาจุมมา รูปเก่าเมื่อปีที่แล้วค่ะ  ถ่ายจากชั้นสองลงไป แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 53 23:38:14 แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 53 23:37:30 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 23:34:24

ความคิดเห็นที่ 4   เราเปิดประตูกระจกเข้าไป (ตอนนี้เรารู้แล้วว่าประตูยอกวานน่าจะเกือบทุกแห่งเปิดทิ้งไว้ ตลอดสี่สิบสี่ชั่วโมง) โชคดีที่อาจุมมาตื่นมาดู  เราได้ห้องพักค่ะสามคนคืนละสามหมื่นวอน เช็คอินตอนตีสามครึ่งของเช้ามืดวันที่ 14 เมษายน และจะเช็คเอ้าท์เช้าวันที่ 16 เมษายน อาจุมมาคิดสองวันหกหมื่นวอน ห้องพักอยู่ชั้นบนเป็นห้องเล็กสำหรับสองคนค่อนข้างแคบ  เตียงก็เกือบเต็มห้องแล้ว   ห้องเป็นห้องพื้นร้อนแต่ประตูชั้นเดียว มีทีวี ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บรองเท้า  ส่วนตู้กดน้ำร้อนน้ำเย็น อยู่ชั้นล่างหน้าเคาน์เตอร์และมีกาแฟสำเร็จรูป ชาซอง แก้วกระดาษวางไว้ให้ อาจุมมาเอาผ้าปูพื้นกับหมอนผ้าห่มมาเพิ่มให้  คงเห็นว่าเราอยู่กันสามคนแออัดไปหน่อย   แกเลยบอกว่าพรุ่งนี้จะให้เราย้ายไปอยู่ห้องใหญ่กว่านี้  กว่าเราจะได้นอนกันก็ตีสี่แล้ว   รูปนี้เก่าเหมือนกันค่ะ  แต่เป็นห้องใหญ่กว้างกว่าห้องที่เรานอนคืนนี้มาก จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 00:12:06

ความคิดเห็นที่ 5   ลืมรูปค่ะ เตียงเป็นเตียงคู่  แต่ภาพดูหลอกตาเหมือนเตียงเล็ก แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 00:15:06 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 00:13:44

ความคิดเห็นที่ 6   เช้านี้เป็นวันที่ 14 เมษายน แล้ว เราจะไปซอรักซานกัน  เดินออกจากซอยที่พัก  ข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์ ที่ป้ายฝั่งเดียวกับบัสเทอร์มินอล  ป้ายนี้จะมีรถสาย 7-1 ไปซอรักซาน  หรือจะเดินเลยขึ้นไปจนถึง สามแยกที่มีอนุเสาวรีย์แล้วเลี้ยวขวาไปนิดป้ายนี้จะมีรถสาย 7 กับสาย 7- 1 (มาจากหน้าบัสเทอร์มินอล) ไปซอรักซาน  ค่ารถคนละ 1,000 วอน  นั่งรถเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงซอรักซาน  รถเมล์สาย 7-1 จอดให้ลง หน้าทางเข้าซอรักซาน แล้ววิ่งเลยไป จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 00:49:28

ความคิดเห็นที่ 7   ตลอดทางที่รถเมล์วิ่งมาจนถึงซอรักซาน  เราไม่เห็นมีซากุระบานให้ชื่นชมเลย ค่าเข้าซอรักซานคนละ 2,500 วอน  ที่นี่เราเจอทัวร์ไทยมากันเยอะทีเดียว   ตั้งแต่เรามาถึงเกาหลีจนถึงวันนี้  เราเจอคนไทยมากับทัวร์ที่วัดบุลกุกซาใน คยองจูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น  แต่ที่นี่เราได้ยินภาษาไทยตั้งแต่ทางเข้า... ที่ซอรักซานอากาศหนาวมากเหมือนกัน  ซากุระเลยยังไม่บาน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 01:05:54

ความคิดเห็นที่ 8   เดินเข้าไปข้างในแล้วจะถ่ายรูปหมีสัญลักษณ์ของซอรักซาน  แต่คนจับจองรอคิวถ่ายกันเยอะ ก็เลยผ่านไปก่อน ตามทางที่เดินเข้ามา ยังมีหิมะกองอยู่ข้างทาง เราแวะถ่ายรูปทั้งๆ ที่มันดำสกปรกแล้ว(ก็คนไม่เคยเห็นนี่นา เห็นหิมะเป็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา) เรายังไม่รู้ว่าจะเดินไปเส้นทางไหนดีก็เดินไปไหว้พระกันก่อน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่กลางแจ้ง  สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรชิลลา แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 53 01:33:27 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 01:14:51

ความคิดเห็นที่ 9   เข้ามาหาข้อมูลไว้ก่อนจ้า จากคุณ : phuketian เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 12:27:29

ความคิดเห็นที่ 10   เชิญได้เลยค่าคุณphuketian จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:27:45

ความคิดเห็นที่ 11   ซอรักซานจัดว่าเป็นแนวเทือกเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี   และเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแทแบ็ก (Taebaek Mountain Range) ภายในซอรักซานมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติหลักๆ คือ - เคเบิลคาร์ขึ้นไปสู่ป้อมควอนกึมซอง(Gwongeumseong Fortress) - ยอดเขาพีซอนแด(Biseondae) 2.7 กม., ถ้ำคึมกังกุล(Geumganggul) 3.3 กม. และ ยอดเขาแทชองบง(Daecheongbong) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของซอรักซาน 10.2 กม.   - ยอดเขาอุลซานบาวี (Ulsanbawi Rock) 3.4 กม., หินโยก(Heundeulbawi Rock) 2.9 กม.และวัดชินฮึงซา 0.2 กม. - น้ำตกพีรยง (Biryong Falls) เราไม่ขึ้นกระเช้าเพราะเคยขึ้นไปแล้ว (ขึ้นไปตอนฝนตกไม่ได้เดินไปไหนเลยค่ะ) แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเส้นทางไหนดี จึงเลือกเดินไปวัดชินฮึงซาก่อนเพราะอยู่ใกล้ที่สุด จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:34:43

ความคิดเห็นที่ 12   วัดชินฮึงซา(Sinheungsa Temple) เป็นวัดใหญ่ที่สุดของซอรักซาน สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยอาณาจักรชิลลา เมื่อค.ศ.652 ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้งปัจจุบัน  แต่ถูกไฟไหม้หลายครั้ง  จึงมีการสร้างขึ้นใหม่ โดยครั้งสุดท้ายสร้างใหม่ในปี ค.ศ.1645 ได้มีการย้ายวัดมาอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบัน ภายในวิหารมีพระพุทธรูป  เราไหว้พระอยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปในวิหาร จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:49:58

ความคิดเห็นที่ 13   ภายในวัดมีระฆังเก่าแก่อายุ 1,400 ปี  ไม่ทราบว่าอยู่ในศาลานี้รึเปล่านะคะ  ตอนนั้นไม่ทันสังเกตุ มองแต่ศาลา สวยดีค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:03:13

ความคิดเห็นที่ 14   แล้วเราก็เดินเลยวัดขึ้นไป  หลังจากมองซ้าย มองขวาและบริเวณรอบๆ แล้ว  เห็นแต่ต้นไม้โกร๋นๆ มีแต่กิ่งก้านแห้งๆ   รอบตัวยังดูแห้งแล้ง ถ้าจะไปน้ำตกก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะสวยรึเปล่า เราเลยเดินไปทางยอดเขาอุลซานบาวี ตอนนี้เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะขึ้นไปยอดอุลซานบาวี  แต่จะไปดูหินโยกมหัศจรรย์ (Heundeulbawi Rock) จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:17:01

ความคิดเห็นที่ 15   เดินเลยจากวัดชินฮึงซาไปเกือบๆสามกิโลเมตร  ก็ถึงคเยโจอัมสาขาย่อยของวัดชินฮึงซา ส่วนหนึ่งของสำนักคเยโจอัมขุดเจาะเข้าไปในถ้ำหินแกรนิต  ซึ่งอยู่ตรงเชิงเขาอุลซานบาวี ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:32:23

ความคิดเห็นที่ 16   หินโยกมหัศจรรย์ที่เราจะมาดูนั้นอยู่ตรงหน้าถ้ำ   หินโยกนี้เป็นหินแกรนิตก้อนกลมขนาดใหญ่ทีเดียว ถ้าผลักแรงๆ จะโยกไปมา  แต่ไม่เคยกลิ้งออกจากที่ตั้งของมัน ตอนเราเดินไปถึงสำนักคเยโจอัม ก็เที่ยงแล้วเจอน้องๆ นักเรียนที่มาทัศนศึกษา  กำลังตั้งวงทานข้าวกัน อยู่หน้าเจ้าหินโยกนี้  ดูเอร็ดอร่อยกันเชียวค่ะ (เราจำไม่ได้ว่าแวะทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านขายอาหารริมทาง ก่อนถึงคเยโจอัม หรือเลยไปแล้ว)   และที่ซอรักซานเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาจะเป็นเด็กโตหน่อย น่าจะมัธยมปลายไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 22:53:42

ความคิดเห็นที่ 17   เลยจากสำนักคเยโจอัมไปอีกไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงยอดเขาอุลซานบาวี ไหนๆเราก็มาถึงนี่แล้ว ก็เลยเดินต่อไป  ตอนนี้จุดหมายคือยอดเขาอุลซานบาวี จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:24:26

ความคิดเห็นที่ 18   เราเดินไป แวะถ่ายรูปไปไม่รีบร้อน  ทางเดินเริ่มเป็นทางขึ้นเขาค่อยๆสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:34:43

ความคิดเห็นที่ 19   จากตรงนี้ไปเริ่มมีกองหิมะที่ยังไม่ละลาย  กองตามข้างทางเป็นหย่อมๆ   แล้วก็ไปถึงทางขึ้นยอดเขา  เป็นบันไดเหล็กสีส้ม  เราจะขึ้นไปบนโน้นนกันค่ะ แค่เห็นบันไดก็แข้งขาอ่อนแล้ว... จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 23:47:49

ความคิดเห็นที่ 20   ระหว่างไต่บันไดขึ้นไปก็ยังไม่ยอมหยุดถ่าย(รูป)   มองไปเห็นแนวสันเขามีหิมะแต่งแต้มอยู่เป็นหย่อมๆ สวยมากค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 00:10:54

ความคิดเห็นที่ 21   แถวนี้หิมะยังกองใหญ่  แล้วที่ผนังหินข้างบันไดมีน้ำแข็งเกาะย้อยเป็นหลอดๆ ตอนเดินขึ้นบันไดลมแรงมาก พัดมาเป็นระยะๆ กอดราวบันไดไว้แน่นเลยค่ะ รูปก็จะถ่าย หวาดเสียวดีจัง ชอบอ่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 00:26:26

ความคิดเห็นที่ 22   ใครหนอ... ช่างหาช่องทางเดินขึ้นยอดเขาได้เยี่ยมจริงๆ  ถ้าไม่เห็นลูกศร สีแดงจางๆชี้เข้าไป  เราคงหาทางขึ้นไม่เจอ ดูปากทางเข้าซะก่อนค่ะ  ช่องแค่เนี้ยะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 00:37:28

ความคิดเห็นที่ 23   มุดเข้าไปแล้วก็สาวเชือกที่เค้าผูกไว้ให้อีกด้านหนึ่งค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนยอดเขา เดี๋ยวขาลงจะเอารูปมาให้ดูอีกทีค่ะ เฮ้อ... ในที่สุดก็ถึงยอดเขาจนได้ค่ะ ข้างบนเป็นลานหินเล็กๆ แต่อุตส่าห์มีร้านขายน้ำชากาแฟ ลมแรงทีเดียว มุมนี้ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ส่วนไหนเหมือนกันค่ะค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 00:50:15

ความคิดเห็นที่ 24   วิวอีกด้านค่ะ   ยอดภูเขาหินที่เห็นอยู่ด้านล่างนั่นแหละค่ะคือยอดอุลซานบาวี   มีทางเดินแยกไปด้วย  แต่เราไม่ได้ไปยอดนั้น แค่นี้ก็แย่แล้ว  555 เราขึ้นมาดูแค่นี้ล่ะค่ะ  เดินมาเกือบสามชั่วโมง ขึ้นมายืนชมซักสิบนาทีก็เดินลง จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 01:00:18

ความคิดเห็นที่ 25   ชมแนวสันเขาซอรักซานที่มองจากยอดอุลซานบาวี  อีกซักรูปก่อนลงค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 01:08:44

ความคิดเห็นที่ 26   เดือนเมษายนที่เกาหลียังเจอหิมะอยู่เหรอคะ? คณะทัวร์ของคุณ tappa นี่แข็งแรงเนอะ เดินจนละเอียดไปทุกที่เลย ไม่เหมือนเราคณะทัวร์ชรา นั่งชมบรรยากาศซะมากกว่า... จากคุณ : ดอกโสนบานเช้า เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 12:07:22

ความคิดเห็นที่ 27   ขอบคุณ คุณดอกโสนบานเช้ามากๆค่ะ ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนอยู่เรื่อยๆ เราเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอหิมะตอนเดือนเมษายนเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงยอดเขาก็เจอหิมะกองใหญ่มากขึ้น อยู่ตามข้างทาง  แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่าบนยอดเขาซอรักซาน จะมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปีหรือเปล่า   ปกติเราก็ชอบเดินกันอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะในเมืองหรือตามอุทยานไม่ว่าจะในบ้านเราเอง หรือต่างถิ่น(เราเองก็เพิ่งเริ่มโกอินเตอร์ปท.เพื่อนบ้านใกล้ๆ ไม่กี่ปท.ค่ะ) ถ้ามีโอกาสเป็นต้องเดิน  แต่เราเดินช้าค่ะ   ถ้าคนอื่นๆเค้าเดินกันสองชั่วโมง นักเดินทนอย่างเราต้องสี่ชั่วโมง  ต้วมเตี้ยมถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ เราเองก็เป็นคณะทัวร์ "สว." ค่ะ  ไม่ใช่สาวน้อยแต่อย่างใด  น่าจะชราภาพมากกว่าคุณดอกโสนฯ อยู่เยอะเหมือนกัน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:13:33

ความคิดเห็นที่ 28   ข้างบนนั้นมีคนเกาหลีขึ้นมาชมวิวกันอยู่เรื่อยๆ เหมือนกันค่ะ   เราถ่ายรูปพักเหนื่อยกันอยู่ซักสิบนาที  ก็กลับลงมาตามทางเดิม ลงมาถึงตรงที่จะต้องลอดเข้าถ้ำน้อย  ต้องไต่เชือกค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในโพลงถ้ำ  สนุกดีเหมือนกันค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:25:45

ความคิดเห็นที่ 29   ลงมาถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:32:31

ความคิดเห็นที่ 30   ก็แวะถ่ายรูปกันไปเหมือนเดิม  ยังไม่หายเห่อหิมะค่ะ  เจอตรงไหนเป็นต้องถ่าย จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:40:59

ความคิดเห็นที่ 31   เดินถึงสำนักคเยโจอัม  แวะถ่ายรูปหินโยกกันอีกรอบ  คราวนี้โล่งเลยค่ะ น้องหนูนักเรียนทั้งหลายล่วงหน้าออกไปก่อนเรานานแล้ว จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 22:47:06

ความคิดเห็นที่ 32   เราเดินออกไปถึงประตูทางเข้าซอรักซาน ก็สี่โมงเย็นแล้ว ยังคงมีคณะทัวร์คนไทยที่เพิ่งเดินทางมาถึงเดินเข้าประตูมา ตัดสินใจเดินข้ามสะพานยาวไปตามทางที่จะไปน้ำตกพีรยงทั้งๆ ที่กลัวว่าจะมืดซะก่อนที่จะกลับออกมา ระหว่างทางเจอแต่คนเดินสวนออกมา ไม่มีใครเดินเข้าไปแล้วนอกจากเราสามคน  ผ่านร้านค้าก็ปิดร้านกันไปหมดแล้ว บรรยากาศในป่าแสงเริ่มน้อย อากาศหนาวมากขึ้น ชักจะรู้สึกวังเวงเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 53 23:20:27 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:00:49

ความคิดเห็นที่ 33   เราเดินไปถึงชานๆ น้ำตก ได้เห็นแค่รูปน้ำตกพีรยง  หรือ น้ำตกมังกรเหิร  แล้วก็ต้องเดินกลับไม่กล้าไปต่อ เพราะกลัวว่าบนน้ำตกจะไม่มีใคร  ตอนนี้ไม่มีคนเดินสวนออกมาอีกแล้ว จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:07:11

ความคิดเห็นที่ 34   เดินออกไปถึงลานด้านนอก  ตอนนี้รูปปั้นหมีว่างแล้ว  แวะถ่ายรูปกันก่อนกลับอีกครั้ง ขากลับรถสาย 7  จอดรอคนอยู่ด้านนอกประตู  พอเราขึ้นรถก็ออกเลย ทั้งรถมีผู้โดยสารอยู่สามคน แต่ระหว่างทางก็มีคนขึ้นมาเรื่อยๆ เราลงแถวๆหน้าตลาด เดินเล่นกันอีกหน่อยก่อนจะเดินกลับที่พัก จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:27:03

ความคิดเห็นที่ 35   เช้าวันใหม่เราไม่มีโปรแกรมไปไหนแล้วนอกจากเดินเล่นในเมืองซกโช  ตั้งใจจะตื่นแต่เช้าเดินไปริมทะเล เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงประภาคาร(Light House) แต่ปรากฏว่าไม่มีใครตื่น  กว่าจะออกจากที่พักก็เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว เดินไปถึงสามแยกที่มีอนุเสาวรีย์ เลี้ยวไปทางซ้ายมือ (เลี้ยวขวาไปตลาด) เดินไปจะเจอร้านขายของพวก อาหารทะเลตากแห้ง เช่นปลาหมึก(ยักษ์)ตากแห้ง ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ฯลฯ เรียงกันเป็นแถว และเราเพิ่งเห็นว่า ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์อยู่ตรงนี้นี่เอง แต่จะเปิดขายตอนเย็น  เย็นนี้เราตั้งใจจะมาลองบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล ถัดไปหน่อยเป็นร้านอาหารที่มีของทะเลพวกกุ้ง ปู ปลาเป็นๆ อยู่ในตู้หน้าร้าน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 23:48:59

ความคิดเห็นที่ 36   สุดถนนเส้นนี้จะมีเนินเขาเตี้ยๆ มีศาลาชมวิวอยู่บนนั้น เดินขึ้นไปถ่ายรูปกันบนศาลา  มองเห็นถนนหรือสะพาน? ยื่นออกไปในทะเล  มีประภาคารสีแดงอยู่สุดทาง  เราเห็นเป้าหมายแล้ว - ประภาคารสีแดง จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:00:40

ความคิดเห็นที่ 37   เราเดินเข้าน้ำตกพีซอนแด ตอนช่วงเดือน10 สวยด้วยใบไม้แดงไปตลอดทางเลยค่ะ แค่พีซอนแดก็เหนื่อยแฮ่กๆแล้ว อุลซานบาวีคงไม่ไหว ขาสั่นอยู่แถวๆบันไดเหล็กแน่เลย จากคุณ : Dalki & Subak เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:48:25

ความคิดเห็นที่ 38   คุณDalki & Subak คะ คราวก่อนที่ไปเราวางแผนไว้อย่างดีเชียวค่ะ  อุตส่าห์ไม่แวะเกาะนามิ  เพื่อจะได้ไปถึงซกโช ตั้งแต่เที่ยงและตอนบ่ายจะไปซอรักซานเลยครึ่งวันแรก  กับวันรุ่งขึ้นจะไปอีกรอบหนึ่งวันเต็มๆ ตอนนั้นใบไม้แดงกำลังสวยเชียวค่ะ  แต่เจอฝนตกตั้งแต่วันที่ไปถึงและตกไปเรื่อยแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย เลยต้องงดโปรแกรมวันแรก  แต่วันรุ่งขึ้นฝนก็ยังไม่หยุดตก  พอไปถึงซอรักซานแล้วแทบไม่ได้เดินไปไหนเลยค่ะ   ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเดินให้ได้อย่างน้อยสองเส้นทางคือเส้นน้ำตกพีซอนแด กับน้ำตกพีรยง แต่พอเจอฝน ก็เลยเปลี่ยนใจจากน้ำตกไปขึ้นกระเช้าแทน  แต่ขึ้นไปแล้วก็ติดอยู่ในสถานีฝ่าสายฝนออกไปไม่ไหว เจ็บใจสุด สุด เลยค่ะ ที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ พอมาคราวนี้คิดว่าจะได้เจอดอกซากุระในซอรักซาน  ก็เจอแต่ต้นค่ะดอกยังไม่บาน  สภาพป่าก็ยังแห้งแล้ง น้ำตกก็น่าจะน้ำน้อย เลยตัดสินใจขึ้นยอดอุลซานบาวี  ยังดีนะคะที่ได้เจอหิมะพอให้ชุ่มชื่นใจบ้าง คุ้มค่าเหนื่อยหน่อยค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 23:06:38

ความคิดเห็นที่ 39   เราลงมาจากศาลาชมวิว ก็เดินไปตามทางที่ทอดยาวออกไปในทะเล   ตรงเชิงเขาก่อนที่จะถึงทางเดินมีตลาด ที่น่าจะขายพวกของทะเลสดๆ แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปดู   ทิวทัศน์ข้างหน้าเราเหมือนไม่ได้อยู่ในเกาหลีเลยค่ะ (ในรูปสะกดชื่อเมืองผิดค่ะต้องเป็น Sokcho) จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 23:42:07

ความคิดเห็นที่ 40   สะพานสีชมพูคือ สะพานชองโฮแด-คโย (Cheonghodaegyo Bridge) จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 23:48:11

ความคิดเห็นที่ 41   วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี(ก็ยังหนาวอยู่ดีค่ะ)  ท้องฟ้าแจ่มใส  ฟ้าเป็นสีฟ้าสวยงาม   พวกเราก็รู้สึกผ่อนคลาย หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาหลายวัน เสียดาย นางแบบขาขาดไปหน่อยค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:01:34

ความคิดเห็นที่ 42   ในที่สุดก็ถึงประภาคารสีแดง เด่นสะดุดตา นางแบบดูอวบหน่อย  เพราะใส่เสื้อ กางเกงซ้อนกันหลายชั้นค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:05:09

ความคิดเห็นที่ 43   ก็เหมือนเคยค่ะ ไปถึงก็เต๊ะท่าถ่ายรูปกันแล้วก็กลับ โฉมหน้าคุณน้องสาวผู้นำทีมเดินเข้าห้องตม. จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:13:58

ความคิดเห็นที่ 44   เราเดินกลับเข้าฝั่ง และเลยไปทางประภาคารสีขาวที่อยู่บนเนินเขา  ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงบ้าง น้ำทะเลสีสวยดีค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:27:02

ความคิดเห็นที่ 45   นี่เป็นต้นเดียวในซกโชที่เห็นดอกบาน อยู่บนภูเขาหน้าประภาคารสีขาว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นดอกซากุระ หรือดอกท้อ หรือดอกบ๊วยค่ะ มาถึงตอนนี้ เราเห็นแล้วค่ะว่ากล้องตั้งเวลาไว้ผิด  ก็เลยจัดการเอาเวลาออกซะเหลือไว้แต่วันที่ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 53 00:37:24 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:31:55

ความคิดเห็นที่ 46   เราเดินกลับลงไปก็เกือบเที่ยง  ระหว่างเดินกลับก็มองหาร้านอาหาร  ตรงริมถนนด้านล่างประภาคารสีขาวก็มีร้านอาหาร แต่ไม่ทราบว่ามีอาหารอะไรบ้าง  น้องสาวเกิดอยากรับประทานหมูย่าง ก็เลยเดินหาร้านหมูย่างเกาหลีกัน เดินกลับไปจนถึงบัสเทอร์มินอลก็ยังไม่เจอ  มีแต่ร้านขายอาหารอย่างอื่นที่ดูชื่ออาหารแล้วเราไม่รู้จัก   วนไปวนมาอยู่สองสามรอบแถวบัสเทอร์มินอลนั่นแหละค่ะ  ในที่สุดก็เจอจนได้  อยู่ในซอยติดที่จอดรถทัวร์ ของบัสเทอร์มินอล  ดูข้างนอกเหมือนร้านเล็กๆ แต่ข้างในกว้างขวางดี สั่งหมูย่างกับข้าวถ้วยกันคนละชุด หมูย่างเป็นชุดสำหรับหนึ่งคนราคา 9,000 วอน กับข้าวถ้วยละ 1,000 วอน ก็คนละหมื่นวอนพอดี แพงพอดูเหมือนกันสามคนตกเก้าร้อยบาทไทย  แต่ก็อิ่มมากๆ (เราถือคติท้องแตกดีกว่าของเหลือค่ะ) จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 01:03:10

ความคิดเห็นที่ 47   ออกจากร้านอาหารเราก็เดินข้ามถนนกลับไปที่พัก (ลืมเล่าค่ะว่าอาจุมมาให้เราเปลี่ยนห้องเป็นห้องใหญ่  ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนเย็น หลังกลับจากซอรักซาน  ซึ่งเป็นห้องเดิมที่เราเคยพักเมื่อปีที่แล้ว กว้างขวางขึ้นเยอะเลย) วันนี้เป็นวันพักผ่อนจริงๆค่ะ  หลังจากตรากตรำเที่ยวกันมาหลายวัน  พอถึงห้องก็หลับเป็นตาย ตั้งนาฬิกาปลุกตอนห้าโมงเย็น  เพราะจะออกไปเดินเล่นแถวซกโชเอ็กซ์โปก่อนเลยไปทานบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ ไม่มีใครตื่นค่ะ  ไปตื่นกันตอนหกโมงกว่าแล้วก็เลยยกเลิกซกโชเอ็กซ์โป  และยังรู้สึกอิ่มหมูย่างกันอยู่ ก็ยกเลิกบุฟเฟ่ต์ไปด้วย  เหลือแค่ไปเดินเล่นที่ตลาดทานของกินเล่นจุกจิกแทนอาหารเย็น แถวตลาดไม่ค่อยมีคนออกมาเดินกันเลย พรุ่งนี้เราจะกลับเข้าโซลกันแต่เช้า จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 01:26:09

ความคิดเห็นที่ 48   เข้ามาชมรีวิวต่อค่ะ... จากคุณ : ดอกโสนบานเช้า เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 10:34:58

ความคิดเห็นที่ 49   ไปโซลด้วยกันเลยค่ะ คุณดอกโสนบานเช้า ======================================= เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากลาอาจุมมาแล้ว  เราก็ลากกระเป๋าข้ามถนนไปที่ชีเวเทอร์มินอล ซื้อตั๋วกลับโซล ได้ไปรถเที่ยว 8 โมงตรง  ค่ารถคนละ 15,300 วอน  รถจะจอดที่ดงโซลเทอร์มินอล รูปสุดท้ายที่ซอรักซานค่ะ  น่าจะเป็นยอดอุลซานบาวีถ่ายจากบนรถ  รถวิ่งเลียบแนวเทือกเขาซอรักซานไปเรื่อยๆ เราก็...  เพื่อไม่ให้เสียเวลา รถวิ่งไปไม่นานก็หลับเหมือนเคย ไม่เคยได้ชมวิวข้างทางเลยค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:59:55

ความคิดเห็นที่ 50   โพสซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 22:09:12 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:04:04

ความคิดเห็นที่ 51   รถวิ่งไม่ถึงสามชั่วโมงก็ถึงดงโซลเทอร์มินอล  เราหาร้านสะดวกซื้อเติมเงินในบัตรทีมันนี่กันก่อนคนละ 10,000 วอน แล้วข้ามถนนไปที่สถานีกังบยอน(Gangbyeon) ขึ้นซับเวย์สายสีเขียว  และจะไปต่อสายสีส้มที่สถานีอึลจิโร 3 (Euljiro 3 ) เพื่อไปลงที่สถานีอันกุก(Anguk) แล้วก็เดินไปยิมเฮ้าส์ที่อยู่ในซอยตรงข้ามกับวังชางด็อกกุง   ไปถึงยิมเฮ้าส์เพิ่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง  หลังจากทักทายกับมร.ยิ้ม ซึ่งบอกเราว่านึกว่าเราจะไม่ผ่านตม.ซะแล้ว เราก็ขอบคุณเค้าไป และมร.ยิ้มให้เราเช็คอินเข้าห้องได้เลย ไม่ต้องรอถึงบ่ายสองโมง จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:38:21

ความคิดเห็นที่ 52   หลังจากเก็บกระเป๋าแล้วก็ออกไปลุยต่อเลย  เราจะไปชมซากุระที่เกาะยออิโดกันค่ะ เดินไปขึ้นซับเวย์สายสีม่วงที่สถานีจงโน 3 ระหว่างทางก็แวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านก่อนถึงสถานี ลงรถที่สถานียออินารูออกไปทางออกที่ 1  ที่จริงทางออกที่ 1 2 3 4 5 6 ก็ไม่ไกลกันนักแค่คนละฝั่งถนนเท่านั้น พอขึ้นมาข้างบนแดดจ้าเลยค่ะ ทั้งๆที่ตอนออกมาจากที่พักฟ้ายังขาวครึ้มเมฆอยู่เลย อากาศก็ไม่หนาวจัดมาก เท่าวันก่อนๆ  และดอกซากุระยังบานอยู่ค่ะ วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลซากุระบานที่เกาะยออิโด ก็เดินหยีตาสู้แดดถ่ายรูปกันไป เพราะไม่มีใครเอาแว่นกันแดดมาด้วย   คนน้อยกว่าที่คาดไว้ค่ะ  คงเป็นเพราะแดดร้อนก็เลยยังไม่ค่อยมากัน  ตอนเย็นคนน่าจะมาเดินเล่นกันเยอะกว่านี้ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:24:08

ความคิดเห็นที่ 53   ขึ้นมายืนงงกันอยู่ว่าจะไปทางไหนดี ซ้ายหรือขวา ทางออกที่ 1 ของสถานียออินารู จะมาโผล่ที่ริมสวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำฮันกัง ถ้าหันหน้าไปทางแม่น้ำซ้ายมือเราจะไปสวนยออิโด(Yeouido Park) ระยะทางไม่น่าจะเกินหนึ่งกิโลเมตร ทางขวามือจะไปตึก 63 ระยะทางไกลกว่าไปสวนยออิโด  แต่มองเห็นยอดตึก 63 เหมือนอยู่ไม่ไกลนัก จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:55:05

ความคิดเห็นที่ 54   ในที่สุดนักเดินทนอย่างเราก็ตัดสินใจเดินไปทางตึก 63 ไม่ได้คิดจะขึ้นไปชมวิวบนยอดตึก63 หรอกค่ะ  แต่มีอย่างอื่นที่ล่อใจเราคือศาลาโบราณในป้ายแนะนำสถานที่ จำไม่ได้แล้วค่ะว่าศาลานั้นชื่ออะไร  แต่อยู่ทางเดียวกับทางไปตึก 63 เราก็เลยมองตึก 63 เป็นที่หมาย   แล้วเดินเลียบไปตามแม่น้ำฮัน  ซึ่งมีต้นซากุระยาวไปตามริมถนน  ที่นี่ดอกซากุระยังบานกันอยู่หนาแน่นพอสมควร จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:08:10

ความคิดเห็นที่ 55   ดอกซากุระที่เกาหลีเท่าที่เราเห็นมาตั้งแต่จินเฮ คยองจู มาจนถึงที่นี่-ยออิโด น่าจะเป็นพันธุ์เดียวกันทั้งหมด   ยังไม่เคยเห็นพันธุ์ที่ดอกแปลกๆ เลยค่ะ  เพิ่งเจอต้นนี้ดอกแปลกตาดีค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:24:50

ความคิดเห็นที่ 56   เดินไปก็คอยส่องตึก 63 ไว้ค่ะ  จะได้ไม่หลง จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:30:54

ความคิดเห็นที่ 57   แล้วก็มาเจอเจ้าดอกน่ารักนี่เข้าค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:35:37

ความคิดเห็นที่ 58   ก็เลย... หยุดตรงนี้ที่เธอ...   อยู่นานที่เดียวค่ะกว่าจะตัดใจเดินจากไปได้ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:44:40

ความคิดเห็นที่ 59   เป็นซากุระพันธุ์ดอกซ้อน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:51:23

ความคิดเห็นที่ 60   อาจเป็นเพราะความที่ชอบเดินเรื่อยเปื่อย ดูอะไรไปเรื่อยๆ ทำให้เราได้เจออะไรที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 00:59:31

ความคิดเห็นที่ 61   เจ้าซากุระดอกซ้อนพวกนี้  ต้นยังเล็กอยู่เลยค่ะ คงเพิ่งปลูกไม่นาน และวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมาก ...ดอกซากุระสีอ่อนตัดกับสีท้องฟ้า ตลอดทริปนี้เราได้ชมซากุระสวยๆ กันอิ่มตาอิ่มใจจริงๆ ค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 01:09:26

ความคิดเห็นที่ 62   แถวนี้คนน้อยค่ะนานๆ จะผ่านมาที ทั้งคนเดินและปั่นจักรยาน ตรงนี้เป็นถนนด้านล่างที่อยู่ริมแม่น้ำ  เดี๋ยวเราก็จะกลับขึ้นไปบนถนนข้างบนเพราะถึงตึก 63 แล้ว จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 01:27:19

ความคิดเห็นที่ 63   ทิ้งท้ายกันตรงนี้อีกซักรูปค่ะ ไม่ทราบว่าตีลังกาถ่ายหรืออย่างไร  จึงกลับหัวกลับหางเยี่ยงนี้ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 01:31:29

ความคิดเห็นที่ 64   จากภาพข้างบนค่ะ หรือจะกลับหัวแบบนี้ถูกแล้ว  เราเองดูแล้วก็งงค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 01:36:35

ความคิดเห็นที่ 65   รูปสุดท้ายจริงๆ ค่ะ บอกแล้วค่ะว่า ตัดใจจากไปยากยิ่งนัก จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 01:42:26

ความคิดเห็นที่ 66   รวบรัดเลยแล้วกันค่ะ  หลังจากเสียเวลาอยู่กับเจ้าดอกซากุระซ้อนซะนาน เราเดินข้ามถนนมาด้านหน้าของตึก 63  ดูรูปต้นไม้ดอกไม้จริงมาเยอะแล้ว ทีนี้ลองมาดูตึก 63 กับต้นไม้เหล็กกันบ้าง ก็แปลกๆดีค่ะ มีทางเดินเล็กๆ เข้าไปในสวนต้นไม้เหล็กนี้ด้วย  แต่เราไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ   หลังจากเปิดแผนที่ดูแล้ว  เราก็เลี้ยวเข้าไปในถนนข้างตึก 63 หาทางเดินกลับไปสวนยออิโด โดยไม่ย้อนกลับทางเดิม จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 02:05:12

ความคิดเห็นที่ 67   จากถนนที่เลี้ยวเข้ามาข้างตึก 63 เราข้ามถนนตรงสามแยกแรกจากตึก 63 เดินย้อนกลับไปตามถนนที่ขนานไปกับ เส้นทางที่เราเดินมา ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก  และไม่มีซากุระค่ะ  ซากุระเห็นมีแต่ตรงริมถนนเลียบแม่น้ำฮัน นี่คือสวนต้นไม้เหล็กที่อยู่หน้าตึก 63  ดูกันชัดๆ อีกที จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 02:18:17

ความคิดเห็นที่ 68   ลืมเล่าค่ะว่าศาลาโบราณที่เราอยากไปดูนั้น  พอเดินมาถึงตึก 63 แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อดี เพราะไม่มีป้ายบอกแล้ว   จะเดินเลยขึ้นไปต่อจากตึก 63 มองดูถนนแล้วน่ากลัว รถวิ่งเร็วค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีทางเท้ารึเปล่า  และไม่เห็นมีคนเดินไปทางนั้น เราก็เลยเดินกลับไปสวนยออิโด ซึ่งระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ เลยค่ะ   แล้วเราก็ผ่านป้ายโฆษณาซีรี่เรื่องใหม่ของค่าย MBC  " ดงอี " ไม่ทราบชื่อภาษาอังกฤษค่ะ   บ้านเราก็คงจะได้ชมกันเร็วๆนี้ เป็นเรื่องของพระเจ้าซุกจง กษัตริย์องค์ที่ 19 แห่งราชวงศ์โชซอนกับนางกำนัลหาบน้ำในวัง พระบิดา-มารดาของ พระเจ้ายองโจ กษัตริย์องค์ที่ 21 ซึ่งเป็นเสด็จปู่ขององค์ชายลี ซาน (พระเจ้าจองโจ องค์ที่ 22 ) แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 53 02:50:16 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 02:48:28

ความคิดเห็นที่ 69   แล้วก็ผ่านตึกของ MBC ไปอีกไม่ไกลก็จะถึงสวนยออิโดแล้ว   ตอนนี้เราเริ่มเบื่อที่จะเดิน เพราะไม่มีอะไรที่น่าสนใจแล้ว จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 02:57:05

ความคิดเห็นที่ 70   แต่พอไปถึงสวนยออิโด  หลังจากยืนเมียงมองอยู่ข้างนอกเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไร ซากุระก็ไม่มีแล้ว และเราก็ขี้เกียจเดินแล้ว ก็เลยกลับไปที่สถานียออินารู ซึ่งเดินจากตรงนี้ไปนิดเดียวเท่านั้น  รวมระยะทางที่เราเดินเป็นวงกลมวันนี้คงไม่ต่ำกว่าห้ากิโลฯ เราจะกลับไปลุยตลาดกันต่อค่ะ  ก็คงแถวๆนัมแดมุน เมียงดง เราว่าเราไปตลาดนัมแดมุนแต่เดินๆ ไปดันเห็นหอนัมซานซะงั้น สงสัยคงเดินทั้งสองตลาดเลยค่ะ  เพราะรู้สึกว่าอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 03:12:18

ความคิดเห็นที่ 71   ตามติด เกาหลี้เกาหลีคะ จากคุณ : YiNgDAiZy เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 22:03:51

ความคิดเห็นที่ 72   เกือบจบแล้วค่ะคุณYiNgDAiZy  วันนี้เราไปสุสานกษัตริย์ใจกลางกรุงโซล กับพระราชวังด็อกซูกุงกันค่ะ =========================================== วันนี้ตอนเช้าเราไปสุสาน Seolleung & Jeongneung สุสานกษัตริย์ราชวงศ์โชซอนสององค์และราชินีหนึ่งองค์ ที่อยู่กลางกรุงโซลค่ะ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวกันมากนักโดยเฉพาะคนไทย  แต่เราไม่รู้จะวางโปรแกรมไปไหนกันดี  และได้ข้อมูลมาว่าที่นี่มี ต้นไม้เยอะร่มรื่นร่มเย็นดี  กับเพิ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2552 นี่เอง  ก็เลยอยากไปชมค่ะ การเดินทางไปก็ไม่ยากค่ะ จากยิมเฮ้าส์เราเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าสาย 3 สีส้มที่สถานีจงโน 3 ฝั่งที่จะไปสุดสายที่สถานีซูซอ(Suseo) และไปต่อสาย 2 สีเขียวที่สถานีมหาวิทยาลัยโซล(Seoul Nat'l Univ.of Education) อีกสามสถานีก็ถึงแล้วค่ะ - สถานีซอลลึง(Seolleung) ภายในสถานีซอลลึง(Seolleung) ตกแต่งไว้สวยงามน่ารักมากค่ะ  คงเพิ่งทำใหม่ซิงๆ เพราะยังมีซุ้มดอกไม้แสดงความยินดีวางอยู่ เสียดายเราถ่ายรูปมาไม่ชัดซักรูปเลยค่ะ รูปนี้ถ่ายมาจากแถวๆ ห้องน้ำ  และภายในสถานีก็จะตกแต่งน่ารักๆ ดูแล้วสดชื่นคล้ายๆแบบนี้ทั้งสถานีค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:19:01

ความคิดเห็นที่ 73   ไปสุสานทางออกที่ 8 ค่ะ   สุสานซอลลึงนี่อยู่กลางย่านกังนัมเลยค่ะ  ระหว่างที่เดินไปก็ชมร้านค้าสองข้างทางไปเพลินๆ  ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้วค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 74   ค่าเข้าสุสานคนละ 1,000 วอน ด้านหน้าเป็นแผนผัง ของสุสานทั้งสามค่ะ คือสุสานของกษัตริย์ซองจง (Seolleung of King Seongjong) กษัตริย์องค์ที่ 9 (ค.ศ. 1469-1494) ของราชวงศ์โชซอน  และราชินีจองฮยอน(Queen Jeonghyeon) อีกสุสานคือ สุสานของกษัตริย์จุงจง (Jeongneung of King Jungjong) กษัตริย์องค์ที่ 11 (ค.ศ. 1506-1544) ของราชวงศ์โชซอน ซึ่งเป็นพระโอรสของกษัตริย์ซองจง และราชินีจองฮยอน แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 23:08:24 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 22:54:00 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 22:45:45

ความคิดเห็นที่ 75   สถานที่ตั้งของสุสานทั้งสาม เป็นภูเขาเตี้ยๆ ที่มีต้นไม้สูงๆ เยอะมากจริงๆค่ะ เราจำไม่ได้หรอกค่ะว่าสุสานของใครอยู่ด้านไหน  ได้แต่เดินไปตามทางเดินที่ลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้ไปเรื่อยๆ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 23:33:46

ความคิดเห็นที่ 76   คนที่เข้ามาในนี้ส่วนมากเป็นอาจอซิ อาจุมมา มาเดินออกกำลังกัน คนที่เข้ามาเที่ยวจริงๆมีไม่มากนัก เราเดินข้ามภูเขาไปอีกฝั่งนึงก่อน  ซากุระที่นี่มีทั้งที่ดอกร่วงหมดจนแตกใบอ่อนแล้ว กับที่ดอกยังเต็มต้นก็ยังมีเยอะค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 23:54:28

ความคิดเห็นที่ 77   เมื่อเดินข้ามภูเขาไปลงอีกด้านหนึ่ง  เดินไปอีกหน่อยก็เจอสุสานแรกค่ะ คือสุสานของพระเจ้าจุงจง กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์โชซอน  ซึ่งเดิมสุสานของพระองค์ไม่ได้อยู่ด้านนี้ แต่ราชินีมุนจอง (Queen Munjeong - องค์ที่สาม) ของพระองค์ได้ย้ายสุสานมายังที่ตั้งปัจจุบัน บุคคลที่มีชื่อเสียงในรัชสมัยของพระเจ้าจุงจง  ที่รู้จักกันดีคือ หมอหญิงแดจังกึม และนางรำฮวังจินยีผู้มีความสามารถด้านการแต่งโคลงกลอน แฟนซี่รี่ย้อนยุคเกาหลีคงจำได้นะคะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:14:33

ความคิดเห็นที่ 78   ตัวสุสานอยู่บนเนินสูง  มองไกลๆเห็นแต่ตุ๊กตาหินแกะสลักเป็นรูปขุนนางและทหารยืนเฝ้าสุสาน มีอาคารสำหรับทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญาณอยู่ด้านหน้าสุสาน รูปนี้ถ่ายผ่านประตูอาคาร  จากประตูด้านหน้ามองทะลุไปถึงประตูหลังที่อยู่ตรงกัน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:22:37

ความคิดเห็นที่ 79   ไม่มีทางเดินให้ขึ้นไปดูบนสุสาน  จึงได้แต่ชูกล้องขึ้นไปสุดแขน มองเห็นได้แค่นี้เองค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:28:48

ความคิดเห็นที่ 80   แล้วเราก็เดินต่อไป  แต่ยังไม่ได้ตรงไปที่สุสานต่อไปค่ะ ได้แต่วนไปตามทางเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ดอกอะไรไม่ทราบเหมือนกันค่ะ น่าจะตระกูลเดียวกับซากุระ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:38:40

ความคิดเห็นที่ 81   ที่นี่ต้นไม้ใหญ่ๆเยอะดีค่ะ  ส่วนมากน่าจะเป็นต้นซากุระ  มีต้นไม้อื่นแซมอยู่บ้างนิดหน่อย ถ้าเป็นช่วงที่ซากุระกำลังบานเต็มที่  มองจากที่ไกลๆ คงเป็นสีชมพูไปทั้งภูเขา จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 00:49:24

ความคิดเห็นที่ 82   ในที่สุดก็ถึงสุสานถัดไปค่ะ  หลังจากใช้เวลาเดินกันนานเพราะเราเดินอ้อมไปตามทางวงใหญ่รอบนอก นี่คือสุสานของราชินีจองฮยอน(Queen Jeonghyeon) ราชินีองค์ที่สามของพระเจ้าซองจง พระมารดาของพระเจ้าจุงจง  ตั้งอยู่บนเนินสูงเหมือนกัน แต่มีบันไดอยู่ข้างๆสุสานให้เดินขึ้นไปดูข้างบนได้ ลักษณะสุสานก็คล้ายๆกันค่ะ มีตุ๊กตาขุนนาง ทหาร และช้าง ม้า ยืนเฝ้าหน้าสุสาน แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 53 01:09:08 จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 01:03:27

ความคิดเห็นที่ 83   ในยุคสมัยพระเจ้าซองจง เคยนำไปสร้างซีรี่แล้วคือ คิมชูซอน สุภาพบุรุษมหาขันที แต่เราไม่ได้ดูเรื่องนี้ค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 01:27:53

ความคิดเห็นที่ 84   ไม่ไกลจากสุสานของราชินีจองฮยอน  ก็คือสุสานของกษัตริย์ซองจง กษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์โชซอน ลักษณะสุสานก็เหมือนๆ กับสองสุสานที่ผ่านมาแล้ว  มีบันไดให้เดินขึ้นไปดูได้เหมือนสุสานของราชินีจองฮยอน จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 01:37:04

ความคิดเห็นที่ 85   สงสัยรึเปล่าคะว่า กษัตริย์องค์ที่สิบคือใคร? กษัตริย์องค์ที่สิบคือองค์ชายยอนซัน พระโอรสของมเหสีแจฮอน(ยุน โซวา) ซึ่งถูกปลดจากตำแหน่งมเหสี และถูกขับออกจากวังหลวง องค์ชายยอนซันครองราชย์ช่วงค.ศ. 1494-1506 แต่ถูกขุนนางยึดอำนาจแล้ว เนรเทศไปอยู่เกาะคังฮวา   และเชิญองค์ชายจินซองขึ้นครองราชย์ คือพระเจ้าจุงจง จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 01:50:57

ความคิดเห็นที่ 86   เมื่อเดินครบรอบได้ชมทั้งสามสุสานก็ครึ่งวันพอดี เดี๋ยวตอนบ่ายเราจะไปต่อกันที่วังด็อกซูกุง ทริปนี้เราไปเยี่ยมชมสุสานเยอะจังเลยค่ะ   ตั้งแต่สุสานอายุพันกว่าปีในสมัยชิลลา  มาจนถึงสุสานอายุห้าร้อยกว่าปี หลักฐานที่แสดงว่าได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 02:04:22

ความคิดเห็นที่ 87   เราเดินกลับไปขึ้นซับเวย์สายสีเขียวเหมือนเดิม เพื่อไปวังด็อกซูกุงกันต่อ   ที่จริงเรานั่งรถสายสีเขียวนี้ไปลงที่สถานีซิตี้ฮอลล์ได้เลย  แต่เราคิดว่ามันอ้อมไปอีกไกลกว่าจะวนกลับไปถึงสถานีซิตี้ฮอล ก็เลยไปต่อรถสายสีส้มเหมือนตอนมา  และต่อสายสีน้ำเงินอีกครั้งที่สถานีจงโน 3 ไปลงที่สถานีซิตี้ฮอลล์(City Hall) ทางออกที่ 2 เดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงพระราชวังด็อกซูกุงแล้วค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 21:26:51

ความคิดเห็นที่ 88   เราไปถึงวังด็อกซูกุงก็เกือบเที่ยงแล้ว  ก็เลยเดินหาร้านอาหารแถวนั้นทานกันก่อนเข้าวัง เมื่อกลับไปที่วังอีกครั้งก็ถึงการแสดงการเปลี่ยนเวรยามของทหารพอดี ก็เลยยืนดูจนจบ แล้วถึงไปซื้อตั๋วคนละ 1,000 วอน   นี่ทหารนักดนตรีใส่ชุดสีเหลืองค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 21:39:34

ความคิดเห็นที่ 89   ทหารชุดเก่าที่ออกเวรส่งมอบหน้าที่ให้ชุดใหม่  ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่เดินสวนสนามกันอยู่พักนึง ทหารชุดเก่าก็เดินออกไปทางด้านข้างกำแพงวัง  ส่วนทหารชุดใหม่ก็เข้ายืนประจำที่หน้าประตูวัง และนี่คือทหารยืนยามหน้าวังสวมชุดแดงค่ะ จากคุณ : tappa เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 21:47:24