ความคิดเห็นที่ 1   วัดราชโอรส หรือชื่อเต็มว่าวัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร   เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว   ตั้งอยู่ริมคลองด่าน ในเขตจอมทอง   เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ชื่อเดิมว่าวัดจอมทอง จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:35:10

ความคิดเห็นที่ 2   มาทราบพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กันซักหน่อยก่อนนะครับ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓  ทรงเป็นพระโอรสพระองค์โตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒  ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสุลาลัย (เจ้าจอมมารดาเรียม พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๒)  พระนามเดิมว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์" หรือ "พระองค์ชายทับ"  พระองค์ท่านทรงพระปรีชาในหลายด้าน ทำให้เป็นที่วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้กำกับราชการโดยดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ หลายตำแหน่ง  ทำให้ทรงรอบรู้ราชการต่าง ๆ ของแผ่นดินเป็นอย่างดี   ทรงสนพระราชหฤทัยและเชี่ยวชาญการส่งเรือสินค้ามาตั้งแต่ครั้งดำรงพระยศเป็น พระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ จนสมเด็จพระชนกนาถตรัสเรียกพระองค์ท่านว่า "เจ้าสัว" จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:43:51

ความคิดเห็นที่ 3   ในสมัยรัชกาลที่ ๒ มีข่าวเข้ามายังพระนครว่า พม่าตระเตรียมกำลังพลจะยกทัพเข้ามายังประเทศสยามอีกหลังจากเสร็จศึกเก้าทัพแล้ว  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงเป็นแม่ทัพคุมพลหมื่นหนึ่งเสด็จไปตั้งขัดตาทัพพม่าทางด่านพระเจดีย์ ๓ องค์ ณ ตำบลปากแพรก เมืองกาญจนบุรี พระองค์ได้เสด็จยาตราทัพออกจากกรุงเทพฯ โดยทางเรือ เส้นทางยาตราทัพในวันแรกได้ผ่านคลองบางกอกใหญ่เข้าคลองด่าน เมื่อเสด็จถึง "วัดจอมทอง" ซึ่งเป็นวัดโบราณ ก็เสด็จหยุดประทับแรมที่หน้าวัด และได้ทรงกระทำพิธีเบิกโขลนทวารตามลักษณะพิชัยสงคราม ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย  ในพิธีดังกล่าวนี้พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เสด็จไปราชการทัพคราวนี้ประสบความสำเร็จ เสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ  หากมีชัยชนะกับศึกครั้งนี้เมื่อไร จะกลับมาบูรณะวัดให้เจริญรุ่งเรือง   เมื่อได้ยาตราทัพไปตั้งอยู่ ณ เมืองกาญจนบุรี ปรากฏว่าสุดท้ายก็ยังไม่มีวี่แววว่าข้าศึกพม่าจะยกทัพเข้ามาตามที่เล่าลือกัน จึงทรงเลิกทัพเสด็จกลับพระนคร หลังจากทรงเสด็จกลับพระนครแล้ว ก็ทรงเริ่มปฏิสังขรณ์วัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งวัด  และได้เสด็จมาประทับคุมงานและตรวจตราการก่อสร้างด้วยพระองค์เองตลอดมา เสร็จแล้วได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดราชโอรส" หมายถึงว่าเป็นวัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนา  เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชโอรสซึ่งเป็นผู้บูรณะ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 21:54:27 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:51:23

ความคิดเห็นที่ 4   วันนี้ขอเดินตามไกด์กิตติมศักดิ์ด้วยคนครับ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:58:46

ความคิดเห็นที่ 5   ขณะนั้นได้ทรงกำกับการกรมท่า ทำการค้าติดต่อกับประเทศจีน  เป็นช่วงที่การค้าของประเทศไทยกับประเทศจีนรุ่งเรืองที่สุด  มีชาวจีนอพยพเดินทางมาพร้อมกับเรือสำเภาเข้ามาอยู่อาศัยและทำมาหากินพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนจีนเหล่านี้ต่อมาก็ได้เป็นกำลังสำคัญในการช่าง การสร้างวัดต่างๆ มากมาย     รัชกาลที่ ๓ ทรงนิยมศิลปกรรมแบบจีนมาก  จึงทรงตกแต่งวัดด้วยศิลปกรรมแบบจีนผสมไทยอย่างเหมาะเจาะลงตัว  เรียกว่า ศิลปะแบบ “พระราชนิยม” ของรัชกาลที่ ๓   วัดราชโอรสนับเป็นวัดแรกที่คิดสร้างออกนอกแบบอย่างวัดซึ่งสร้างกันอย่างสามัญได้งดงามยิ่งนัก จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 21:59:07

ความคิดเห็นที่ 6   วันนี้ขอเดินตามไกด์กิตติมศักดิ์ด้วยคนครับ จากคุณ : gotland เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ หน้าบันของพระอุโบสถและพระวิหารนั้นจะเป็นแบบเรียบๆ ตัดส่วนที่เป็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ออกทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่าชำรุดแตกหักได้ง่ายและเปลืองเวลาในการทำ  แต่มีการประดับหน้าบันด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นลวดลายแทน  เพราะทรงเล็งเห็นว่าสีที่เคลือบน้ำยาบนกระเบื้องแล้วเอาไปเผาจะมีความสวยงามทนทานต่อภูมิอากาศมากกว่าสีที่ทาจากภายนอก    นับเป็นพระปรีชาญาณของพระองค์ท่านจริง ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:02:05

ความคิดเห็นที่ 7   พระอุโบสถมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมผสมระหว่างไทยและจีน หลังคาเป็นแบบจีนสองชั้นแต่มุงกระเบื้องสีแบบไทย ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หรือไม่มีเครื่องบน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ สวยงาม แต่งเป็นรูปแจกันดอกเบญจมาศ มีรูปสัตว์มงคลตามคติของจีน คือ มังกร หงส์ และนกยูงอยู่รอบ ๆ แจกัน ตอนล่างเป็นภาพทิวทัศน์มีบ้านเรือน สัตว์เลี้ยงภูเขา ต้นไม้ ตามขอบหลังคาประดับกระเบื้องสี และถ้วยชามโดยรอบ ซูมกันให้ดูชัด ๆ อีกรูป จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:07:28

ความคิดเห็นที่ 8   ส่วนที่เคยเป็นหางหงส์ประดับด้วยแจกันจีนอย่างงดงาม สังเกตว่าหลังคามุงด้วยกระเบื้องแบบไทย สีเขียวกับสีัเหลือง  ถ้าเป็นวัดจีน หลังคาสีเขียวหมายถึงวัดของสามัญชน แต่หลังคาเหลืองจะหมายถึงวัดของจักรพรรดิ หลังคาจีนจะไม่ใช้่สองสีนี้ปะปนกัน แสดงว่าทรงไม่ได้รับธรรมเนียมนี้มาจากจีน แต่ยังคงรักษาขนบแบบหลังคาไทยไว้ในจุดนี้ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:17:33

ความคิดเห็นที่ 9   บริเวณหน้าประตูทางเข้าพระอุโบสถยังมี “นายทวารบาล” ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ๓ ตัว ด้านหลังอีก ๒ ตัว  ขนาดใหญ่กว่าคนจริง  เป็นรูปชาวจีนหน้าตาดุดันยืนเฝ้าประตูอยู่ดูน่าเกรงขาม จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:24:17

ความคิดเห็นที่ 10   ปกติวัดอื่นที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะพระราชนิยมของรัชกาลที่ ๓ มักจะเห็นเป็นตุ๊กตาอับเฉาหินแกรนิต แต่งตัวแบบนักรบจีนยืนเฝ้าเป็นนายทวารบาล  แต่ที่วัดนี้ดูแปลกตาเพราะเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบขนาดใหญ่ ผิดกับที่อื่น จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:26:45

ความคิดเห็นที่ 11   นายทวารบาลเฝ้าประตูพระอุโบสถทั้ง ๕ ท่านในอิริยาบถต่าง ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:28:24

ความคิดเห็นที่ 12   บานประตูด้านนอกพระอุโบสถ ลงรัก ประดับมุกลายมังกรดั้นเมฆ ล้อมกรอบด้วยลายดอกเบญจมาศ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:30:48

ความคิดเห็นที่ 13   มุกลายมังกรดั้นเมฆ ศิลปะแบบจีนชัด ๆ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:33:26

ความคิดเห็นที่ 14   เหนือช่องกรอบประตูหน้าต่างมี "กระจกโบราณ" เป็นกระจกเงาติดไว้ช่องละ ๓ แผ่น  ถือเป็นสิ่งมงคลเพื่อสะท้อนความชั่วร้ายออกไป และยังเพิ่มความสว่างไสวโดยเฉพาะเมื่อมีการจุดตะเกียงภายในพระอุโบสถ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:44:03 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:42:01

ความคิดเห็นที่ 15   ผนังด้านในพระอุโบสถเขียนเป็นลายเครื่องบูชาแบบจีน บางช่วงมีความหมายในการให้พร ฮก ลก ซิ่ว ตามคติของจีน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:44:50

ความคิดเห็นที่ 16   พระประธานในพระอุโบสถ มีนามว่า "พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๑ วา ๒ ศอก หรือประมาณ ๓.๑๐ เมตร สูงประมาณ ๒ วา ๑ ศอก หรือประมาณ ๔.๕๐ เมตร ด้านล่างเป็นฐานเขียนรูป ยกขอบปลายกลีบบัว ลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจกที่พระพุทธอาสน์ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:48:38

ความคิดเห็นที่ 17   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ประดิษฐานไว้ที่ผ้าทิพย์ใต้ฐานพระพุทธรูปพระประธานในพระอุโบสถ  พร้อมกับถวายพระปรมาภิไธยประจำรัชกาล และศิลาจารึกดวงชันษา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ "พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร" ประดิษฐานภายใต้พระมหาฉัตร ๙ ชั้น (นพปฏลมหาเศวตฉัตร) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายใต้นพปฏลมหาเศวตฉัตรจะต้องเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานพระราชสรีรางคารหรือพระบรมอัฐิของพระเจ้าแผ่นดิน ฉะนั้นการได้กราบพระพุทธรูปองค์นั้น ๆ ถือเป็นการกราบพระเจ้าแผ่นดินไปพร้อมกัน เป็นสิริมงคลเพิ่มทวีคูณ พระพุทธรูปองค์นี้กล่าวกันว่า เป็นพระพุทธรูปที่งามโดยพุทธลักษณะอย่างยิ่งองค์หนึ่ง สร้างได้งดงามกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นที่สร้างในสมัยเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 22:58:09 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:51:49

ความคิดเห็นที่ 18   ตามมาด้วยคนครับ   อนุโมทนา สาธุ ด้วยกั๊บบ จำชื่อ Login ได้  สมาชิก PC แฮะ ๆ ๆ จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 22:52:11

ความคิดเห็นที่ 19   สวัสดีครับ คุณฟ้าใส  เอาบุญมาฝากครับ ========================================= เบื้องหน้าพระประธานในพระอุโบสถยังได้ประดิษฐานพระบรมสาทิศลักษณ์ของรัชกาลที่ ๓ ทรงเครื่องราชภูษิตาภรณ์เสด็จออกรับราชทูตอังกฤษ ทรงฉลองพระองค์ครุยกรองทอง ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์นี้เป็นภาพสีน้ำมันในพระอิริยาบถเต็มพระองค์ที่งดงามมาก โดยนำมาเข้ากรอบลับแลลายทอง ซึ่งกรอบลับแลเป็นของโบราณ นำมาซ่อมแซมปิดทองใหม่ ส่วนภาพพระบรมสาทิสลักษณ์เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:01:52

ความคิดเห็นที่ 20   ด้านซ้ายพระอุโบสถจะเห็นพระแท่นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เมื่อทรงเสด็จมาทรงคุมงานและตรวจการก่อสร้างวัด ได้ประทับที่พระแท่นใต้ต้นพิกุลใหญ่ และเล่ากันว่าเคยรับสั่งไว้ว่า "ถ้าฉันตายจะมาอยู่ที่ใต้ต้นพิกุลนี้" จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:07:33

ความคิดเห็นที่ 22   โดยรอบพระอุโบสถของวัดจะมี "ซุ้มเสมา"  สำหรับซุ้มเสมาวัดราชโอรสารามนั้นเป็น ซุ้มเสมาทรงเกี้ยว คือซุ้มเสมาที่ทำรูปแบบลักษณะซุ้มคล้ายอย่าง "เรือนเกี้ยว" (พาหนะที่ตั้งบนคานใช้คนแบกหามของจีน) เป็นแบบแผนซุ้มเสมาที่เริ่มนิยมมาตั้งแต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เป็นต้นมา โดยซุ้มเสมานี้สร้างขึ้นด้วยหินอ่อน มีใบเสมา ๒ ใบ เรียกว่าเสมาคู่ (วัดหลวงจะมีใบเสมา ๒ ใบ) จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:16:13

ความคิดเห็นที่ 23   ด้านหลังพระอุโบสถมีสถูปเจดีย์หินทรงแปดเหลี่ยมแบบจีน เรียกว่า "ถะ" เป็นทรงเหลี่ยมซ้อนกัน ๕ ชั้น ยอดเป็นรูปทรงน้ำเต้า ก่อด้วยอิฐถือปูนปิดทึบ ภายนอกปิดทับด้วยแผ่นหินอ่อน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:32:57

ความคิดเห็นที่ 24   ศาลารายก็เป็นแบบจีน มุงกระเบื้องแบบจีน แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 53 23:54:13 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:53:21

ความคิดเห็นที่ 25   ซุ้มประตูแบบเก๋งจีน จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:59:00

ความคิดเห็นที่ 26   รอบพระอุโบสถมีวิหารสามหลัง เรียกว่าวิหารพระยืน วิหารพระนอน วิหารพระนั่ง วิหารพระนอนหรือวิหารพระพุทธไสยาสน์ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถในเขตกำแพงแก้ว มีพระระเบียงรายรอบพระวิหาร ทางเข้าเจาะเป็นประตูช่องกลม เชื่อกันว่าจะนำสิ่งดีงามให้แก่ผู้ที่ผ่านประตูนี้เข้ามา  ปกติวิหารพระนอนจะไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม เพราะมีคนโขมยสมบัติล้ำค่าของวัีดไป  จะเปิดเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ เช่นงานประจำปีของวัดในปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ทางด้านซ้ายของพระอุโบสถเป็นวิหารพระยืน เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนทั้งหลัง  สันนิษฐานว่าบริเวณพระวิหารหลังนี้คงเคยเป็นพระอุโบสถหลังเก่าของวัดจอมทอง โดยมี "พระพุทธรูปยืน" ปางห้ามสมุทร (ปางห้ามญาติ) เป็นพระประธานพระอุโบสถหลังเก่า ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓) จะทรงมาบูรณะทั้งวัด และปรับปรุงพระอุโบสถให้เป็นพระวิหารพระยืนศิลปะแบบจีน  วิหารพระยืนปกติก็ปิดเช่นเดียวกัน   แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 00:46:51 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:31:52

ความคิดเห็นที่ 27   ทางด้านขวาของพระอุโบสถจะเป็นศาลาการเปรียญของวัด หรือเรียกว่าวิหารพระนั่ง เป็นอาคารที่มีลักษณะผสมทางศิลปกรรมระหว่างไทยและจีนเช่นเดียวกัน บนสันหลังคาประดับรูปถะ (สถูปเจดีย์) ระหว่างมังกรล่อแก้ว ๒ ตัว (รูปใน คห ที่ 26) ด้านหน้าจะมีถะหินเล็กๆ เป็นที่บรรจุอัฐิของอดีตเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 01:18:30 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 00:51:32

ความคิดเห็นที่ 28   ภายในศาลาการเปรียญ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปถือตาลปัตร ปางประทานพระธรรมเทศนา พระพุทธรูปปางนี้ผมไม่เคยที่วัดไหนมาก่อน นับว่าเป็นปางที่หาชมได้ยากครับ วิหารพระนั่งเป็นจุดที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ทำบุญ ไหว้พระ ขอพร ทำสังฆทาน แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 53 01:03:21 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:01:16

ความคิดเห็นที่ 29   หอระฆังสีขาว สร้างเป็นหอหกเหลี่ยม มีภาพวาดเรื่องราวของไซอิ๋วอยู่โดยรอบ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:10:57

ความคิดเห็นที่ 30   แถวบ้านผมเองนะ ผมอยู้วัดหนังใกล้ๆกันเลยอะ แฮ่ๆๆ จากคุณ : สมาคมนกเพนกวิ้น เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:12:35

ความคิดเห็นที่ 31   แถวบ้านผมเองนะ ผมอยู่วัดหนังใกล้ๆกันเลยอะ แฮ่ๆๆ จากคุณ : สมาคมนกเพนกวิ้น วัดหนังมีอะไรน่าเที่ยวมั้ยครับ คราวหน้าไปจะได้แวะชม +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว อย่าลืมให้อาหารสัตว์ด้วยนะครับ หน้าวัดเป็นคลอง มีปลาอาศัยอยู่จำนวนมาก สามารถซื้ออาหารเลี้ยงปลาในราคาถุงละ 10 บาท ในสมัยก่อนวัดส่วนใหญ่จะสร้างติดแม่น้ำลำคลอง เพราะคนไทยใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นเส้นทางสัญจร  ต่อมาเมื่อมีการตัดถนน จากเดิมหน้าวัดที่อยู่ติดลำคลองก็กลายมาเป็นหลังวัด ขณะที่หลังวัดเมื่อถนนตัดผ่านก็กลายเป็นหน้าวัดแทน   เนื่องจากวัดราชโอรสไม่อยู่ติดถนนใหญ่ ต้องเข้าไปในซอยประมาณ 500 เมตร ทำให้วัดราชโอรสไม่เป็นที่รู้จักของผู้สัญจรผ่านไปมาทางถนน ถือเป็นความลับสำหรับผู้ที่ต้องการมาทำบุญปฏิับัติธรรมในวัดที่สงบเงียบ แต่งดงามและทรงคุณค่าไปด้วยศิลปะและประวัติศาสตร์ของชาติ ศาลาท่าน้ำหน้าวัีด จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:38:19

ความคิดเห็นที่ 32   เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ พระสนมเอก ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้แสดงปาฐกถาเรื่องวัดราชโอรส มีความตอนหนึ่งว่า "แผนผังของวัดราชโอรสก็เหมือนกับวัดทั่ว ๆ ไป เช่น พระอุโบสถตั้งอยู่ตรงกลาง พระวิหารพระยืนอยู่ด้านซ้าย ศาลาการเปรียญอยู่ด้านขวา พระวิหารพระพุทธไสยาสน์อยู่ด้านหลัง แผนผังหลักที่พร้อมสรรพเช่นนี้ก็เห็นมีแต่วัดพระเชตุพนฯ วัดอื่นที่คล้ายกันหายาก วัดนี้แม้ดูจากภายนอกจะเป็นแบบจีนทั่วบริเวณก็ตาม แต่ภายในเป็นไทยแท้ทุกประการ เช่น รูปเซี่ยวกางไทยที่กล่าวแล้ว แม้พระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่เรียงรายอยู่ภายในรอบพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ หรือพระพุทธรูปที่พระดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารหรือพระอุโบสถ ล้วนเป็นพุทธศิลป์แบบสยามแท้ ไม่มีพระพุทธรูปองค์ใดมีรูปอย่างพระพุทธรูปจีน นอกจากพระพุทธรูปหินสลักนูนจากแผ่นศิลาในเก๋งจีนเรือไฟหิน หรือที่เรียกกันว่า "สุสานพระธรรม" ซึ่งตั้งอยู่ข้างถะ ด้านหลังพระอุโบสถเท่านั้น พระพุทธรูปในวัดราชโอรสทุกองค์ สร้างด้วยส่วนสัดที่งดงามมาก จะไปเปรียบเทียบกับสมัยใดก็ยาก เพราะทรงพยายามที่จะให้งามเป็นพิเศษ....." จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:40:22

ความคิดเห็นที่ 33   ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้  ขอขอบคุณสำหรับแหล่งข้อมูลประกอบการรีวิวดังนี้ครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19404&view=previous http://pirun.ku.ac.th/~b4806135/r3%28new%29.html http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000050297 http://bangkok-guide.z-xxl.com/?p=2744 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 01:46:17

ความคิดเห็นที่ 34   ตามมาไหว้พระค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ นะคะ จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 08:17:50

ความคิดเห็นที่ 35   โอ้... เคยคิดไว้ว่า วัดประจำรัชกาลที่ 3 น่าจะเป็นศิลปะแบบจีน แต่พอ ได้เห็นพี่เชอร์รีวิวจริงๆ สวยเนอะ เอาไว้คราวหน้าไปดูๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : กิ๊บส์ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 08:37:22

ความคิดเห็นที่ 36   ตามพี่เชอร์มาชมวัดค่ะ วัดนี้ไม่เคยไป จะว่าไป เขตจอมทอง ธิก็ยังไม่เคยไปเลย จากคุณ : asp_ash เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 12:35:25

ความคิดเห็นที่ 37   ตามพี่เชอร์ไปไหว้พระด้วยคนค่ะ ... ขอบคุณสำหรับรายละเอียดของวัดด้วยค่ะพี่เชอร์ จากคุณ : ก้านกล้วยสีสด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 13:24:45

ความคิดเห็นที่ 38   เป็นวัดแรกที่ คิดนอกกรอบใช่ไหมครับอาจารย์ ... ศิลปะงดงามผสมผสานกันได้ดีทีเดียวครับ และพระประธานปางประทานพระธรรมเทศนา ก็ไม่ใคร่ได้เห็นกันบ่อยนัก ขอบคุณครับพี่เชอร์ ที่พาชม ไม่ติ๊บนะครับ ให้กิ๊ฟแทน จากคุณ : venroute เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 14:45:12

ความคิดเห็นที่ 39   งดงามมากค่ะ  ขอบคุณที่พาชมค่ะ จากคุณ : Manifestation เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:42:29

ความคิดเห็นที่ 40   ตามมาอ่านจนจบ  ขอบคุณครับพี่เชอร์ ต้องนำกระทู้นี้ไปเป็นลายแทงอย่างแน่นอนครับ จากคุณ : gotland เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:04:42

ความคิดเห็นที่ 41   ตามมาไหว้พระค่ะพี่เชอร์ จากคุณ : nupaew เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:21:09

ความคิดเห็นที่ 42   ความคิดเห็นที่ 40   ตามมาอ่านจนจบ  ขอบคุณครับพี่เชอร์ ต้องนำกระทู้นี้ไปเป็นลายแทงอย่างแน่นอนครับ จากคุณ : gotland ___________________________________ จะไปเมื่อไหร่รบกวนแจ้ง จขกท.พร้อมทีมงานด้วยนะเจ้าคะ คริ คริ จากคุณ : ไปตามดวง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 18:03:49

ความคิดเห็นที่ 43   ได้ทั้งความรู้และภาพประกอบสวยๆครับ  ขอบคุณครับพี่เชอร์ จากคุณ : jk (016) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 20:38:02

ความคิดเห็นที่ 44   ตามมาเที่ยว มาไหว้พระด้วยคนค่ะ คุณเชอร์ เป็นการผสมผสาน ด้านสถาปัตยกรรม ที่แปลกตา ดีจังค่ะ จากคุณ : luckygirl in milkyway เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 20:56:36

ความคิดเห็นที่ 45   ป้าทุยบ้านทุ่ง –  ขอบคุณที่ติดตามนะครับ กิ๊บส์ – มา กทม คราวหน้า จัดทริปกันใหม่นะ asp_ash – สุทธิ สนใจจะไปบอกได้ครับ ถ้าว่างจะพาไป ก้านกล้วยสีสด –สวัสดีปีใหม่นะครับ น้องทรง Venroute - ใช่แล้วครับ เป็นวัดแรกที่สร้างนอกกรอบขนบประเพณีเดิม  ขอบคุณสำหรับกิ๊ฟเน้อ Manifestation – ทางโน้นหิมะตก รักษาสุขภาพด้วยนะครับ Gotland – รออ่านรีวิวพม่าต่อนะครับ ปรู่ส์ Nupaew -  ไปไหว้พระด้วยกันครับน้องแป๋ว ไปตามดวง – อย่าท้าทายอำนาจรัฐ อิอิ jk (016) – วัดในโปรแกรมไหว้พระ ๙ วัด คนแน่นมากจนน่าเวียนหัวจริง ๆ ครับ luckygirl in milkyway - ปีใหม่ได้ไปไหว้พระที่ไหนไหมครับ จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 21:57:36

ความคิดเห็นที่ 46   เป็นวัดที่สวยงามมากแห่งนึง  แต่ยังไม่เคยไปเยือนเลย... ขอบคุณที่นำมาแนะนำให้รู้จักครับ จากคุณ : คทจด (คนไทยใจดีจริงๆ) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 19:13:23

ความคิดเห็นที่ 47   อนุโมทนาสาธุนะคะ วันหน้าขอเชิญสมาชิกทุกท่านเยี่ยมห้องมิตติ้ง เที่ยววัดทำบุญ ที่โต๊ะศาสนา กันบ้างนะคะ จากคุณ : ไข่หวานน้อย เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:15:47

ความคิดเห็นที่ 48   เพิ่งเห็นกระทู้ มาร่วมระลึกถึงวัดที่ตอนเรียนมัธยม เคยมาเล่นฟุตบอลหน้าวัดแล้วโดนพระมาไล่ เรียนวิชาศีลธรรมกับพระอาจารย์ เวียนเทียนตอนกลางวันในวันสำคัญทางศาสนา และกระโดดสะพานรถไฟเล่นน้ำหน้าวัด จากคุณ : ร.อ. 9692 (TheKop78) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 10:17:13

ความคิดเห็นที่ 49   ขอบคุณข้อมูลดีๆ อยากไปไหว้พระ ชมรอบวัด มีแผนที่มั๊ยคะ จากคุณ : sailsky เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 18:37:35

ความคิดเห็นที่ 50   ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆๆ ค่ะพี่เชอร์ ถ้ามีโอกาสจะตามรอยไปบ้างค่ะ ^^ จากคุณ : _iOFFer_ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 21:28:07

ความคิดเห็นที่ 51   ความเห็น 49 สำหรับเส้นทางการเดินทาง ลองดูที่กระทู้นี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8721895/E8721895.html คร่าว ๆ คือมาทางถนนสุขสวัสดิ์ ถ้ามาจากทางพระราม 2 ผ่านแยกประชาอุทิศ บางปะกอก บางปะแก้ว พอเลยแยกถนนพระราม 2 มาเรื่อย ๆ จะเจอสะพานข้ามคลองดาวคะนอง ขึ้นสะพานข้ามคลองให้อยู่เลนซ้ายสุด เลี้ยวซ้ายที่ไฟแดงลงไปตาม ถ.จอมทอง  แต่ถ้ามาจากทางวงเวียนใหญ่ ให้ขับมาทางถนนตากสินไปเรื่อย ๆ ผ่านสี่แยกบุคคโล ผ่านบิ๊กซีทางด้านขวา ขับต่อไปอีกซักพักจะเห็นป้ายไปถนนจอมทอง ให้ชิดขวาที่สี่แยกไฟเขียวไฟแดงเพื่อเข้าถนนจอมทองเช่นกัน พอเข้าถนนจอมทองแล้ว ให้ขับไปเรื่อย ๆ จนเจอสามแยกไฟแดง มีถนนวุฒากาศทางขวา ให้อยู่เลนซ้ายเพื่อตรงต่อไป จะกลายเป็นถนนเอกชัย ขับไปอีกไม่ไกลจะเจอสะพานสูง ลงสะพานไปให้มองฝั่งขวา  พอข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวขวาทันที เข้าซอยเอกชัย 4 ขับเข้าไปเรื่อย ๆ จะเจอโรงเรียนวัดราชโอรสก่อน วัดจะอยู่ทางขวา ขับไปเรื่อย ๆ จนสุดทางก็จะเจอวัดครับ ขออนุญาตเอาแผนที่จากกระทู้ข้างบนมาแปะเพื่อความสมบูรณ์ครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 23:39:59 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 17:21:50 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 17:17:36 จากคุณ : Cherokee1 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 17:11:36

ความคิดเห็นที่ 52   ขอบคุณครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 19:17:45

ความคิดเห็นที่ 53 ข้อมูลดีมากค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เหมียวสินธร เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 16:53:00