|
ความคิดเห็นที่ 46 |
|
เข้าไปทำสัญญาเรียบร้อย ชำระค่าเช่ารถ ที่นี่คิดค่าเช่าวันละ 1,000 บาทครับ (ก็ยังนับว่าคุ้ม เมื่อเทียบกับการใช้ Voucher แล้วต้องค่าธรรมเนียมวันพิเศษเพิ่มอีก 850 บาท/วัน) เอาบัตรเครดิตเราไปรูดซิบแซ๊บ แล้วให้เราเซ็นต์ไว้เป็นหลักประกันเรียบร้อย คราวนี้เช่า 5 วันก็เลยต้องจ่ายเลย 5,000 บาทถ้วน ถ้าหากชำระด้วยบัตรเครดิตชาร์จเพิ่มอีก 3% ครับ
สำหรับ David Car Rent รถเช่ามีประกันชั้น 1 อยู่แล้ว แต่มีค่า Deduct (ค่าใช้จ่ายที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบในกรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายขึ้น) สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ก็นับว่าสูงพอสมควรครับ เมื่อเทียบกับนอร์ทวีลล์ เชียงใหม่ ที่สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท หรือ Budget คิดสูงสุดไม่เกิน 8,000 บาท แต่เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าหากกรณีรถชนกันแล้วเราไม่ผิด เราก็ไม่ต้องจ่าย แต่บางทีเราไปจับมือใครดมไม่ได้นี่ครับ ถ้าเกิดเขาชนเรา ดันชนแล้วหนี เราก็ลำบากอีก
แถมประกันภัยนี้ ไม่คุ้มครองกรณีผู้เช่ารถทำกุญแจรถหาย ผู้เช่าจะต้องเสียค่าทำกุญแจใหม่, ยางแตกยางรั่วหน้ายางเสีย ผู้เช่าก็ต้องรับผิดชอบ เว้นแต่กรณีรถเกิดอุบัติเหตุ และอุปกรณ์ภายในรถถ้าเสียหาย ผู้เช่าก็ต้องรับผิดชอบเช่นกันครับ
สำหรับใครที่กลัวความลำบาก กลัวเป็นกังวล สามารถซื้อความสบายใจ ด้วยประกันภัยเพิ่มเติม เพื่อยกเว้นค่า Deduct ได้ครับ แต่คิดเพิ่ม 200 บาท/วัน ถ้าเช่า 5 วันก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,000 บาท (หมายถึง จ่าย 1,000 บาทเพื่อไม่ต้องจ่าย 10,000 บาทในกรณีเกิดอุบัติเหตุ) ก็แล้วแต่พิจารณานะครับ ส่วนตัวผมใช้ความระมัดระวังมากที่สุดแล้วกัน อีกทั้ง ตอนส่งมอบรถ เราก็ต้องตรวจเช็ครถดีๆ นะครับว่ามีริ้วรอยตรงไหนบ้าง
เราก็ไปเดินดูรถกัน คุณพี่เจ้าหน้าที่ก็บันทึกริ้วรอยต่างๆ บนรถไว้ แกบอกว่า ถ้ามีรอยแมวเกิดขึ้นใหม่ก็ไม่ซีเรียส แต่ถ้าเป็นรอยบุบ รอยชน หรือรอยขูด รอยครูด อันนี้จะซีเรียสครับ ว่าไปแล้วรถก็มีร่องรอยเยอะเหมือนกันนะครับ ที่ผมเซ็งเป็ดก็คือเรื่องรุ่น J ด้วยแต่ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากเพราะเป็นรถเช่าท้องถิ่น ซึ่งส่วนมากมักจะให้บริการด้วยรถรุ่นต่ำสุด ราคาถูกสุด อย่างรุ่น J กันอยู่แล้ว (ดังนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ใช้รุ่น J จะโดนผมตัดออกก่อนเพื่อนเสมอ)
จากคุณ |
:
ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ม.ค. 53 17:57:13
|
|
|
|
|