ความคิดเห็นที่ 1 มาลงชื่อไว้ก่อนครับ   จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 13:43:49

ความคิดเห็นที่ 2 ลงชื่อติดตามมหากาฬต่อ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 13:49:11

ความคิดเห็นที่ 3 เพื่อนๆ บางคนอาจไม่ทราบว่า เมืองสงขลานั้นตั้งอยู่บนพื้นที่คล้ายแหลมที่ยื่นเข้าไปในผืนน้ำ นั่นเป็นเพราะปากน้ำทะเลสาบสงขลานั้นมีลักษณะแปลกเล็กน้อย ตามรูปข้างล่าง คือ ช่องทางน้ำมีลักษณะเฉียงลงใต้เกือบขนานกับ ชายทะเลด้านนอก เลยทำให้ พื้นที่บริเวณปากน้ำฝั่งใต้ดูคล้ายกับแหลมที่ยื่นเข้าไปในทะเล  ในขณะที่ปากน้ำฝั่งเหนือก็เป็นผืนดินยื่นเกยกันเข้ามาในผืนน้ำเช่นกัน แต่มีภูเขาอยู่ด้วย ที่เรียกว่า เขาแดง แหลมสงขลานั้น มีแหลมที่เรียกกัน 2 แห่ง คือ แหลมสนอ่อน ตรงปลายแหลมปากน้ำจริงๆ กับ แหลมสมิหลา ที่ยื่นเข้าไปในทะเลลักษณะมุมฉากถัดลงมาทางใต้ ซึ่งแบ่งหาดทรายเป็น 2 ช่วง ด้านเหนือเรียกกว่า หาดสมิหลา ด้านใต้เรียกกว่า หาดชลาทัศน์ ซึ่งปลายหาดชลาทัศน์ไปสิ้นสุดที่เขาเก้าเส้ง (แต่ไม่นิยมเรียกเป็นแหลม) จากแผนที่จะเห็นว่า มีสะพานติณสูลานนท์สร้างเชื่อมพื้นดินฝั่งเหนือ(เขาแดง) กับ ฝั่งใต้(เมืองสงขลา) แต่ไม่สร้าง ณ จุดที่แคบสุด ตรงปากน้ำ ด้วยเหตุผลของการจราจรที่ต้องผ่านตัวเมือง จึงไปสร้างผ่านเกาะยอ ทางด้านใต้ ที่ต้องใช้ระยะทางข้ามน้ำมากกว่าปากน้ำหลายเท่า (ช่วงเหนือยาว 1,700 เมตร ช่วงใต้ยาว 940 เมตร) ถือเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบัน (สะพานกาญจนาภิเษก ที่พระประแดงยังยาวเพียง 500 เมตร) ในขณะที่จุดแคบสุดของปากน้ำนั้นกว้างเพียง 400 เมตรเอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 13:55:54

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ คุณน้า Low Batt และ คุณCK-ONliNE : ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายให้กิฟท์กันตั้งแต่ ต้นกระทู้เลย  เพื่อนๆ ที่ชอบสายลม แสงแดด จากริมทะเล ไม่ควรพลาดตอนนี้นะครับ  (หน้าผมลอก ก็เพราะที่นี่แหละ..อิอิ) ขอกางแผนที่เดินทางกันหน่อย  จากตอนที่แล้ว ที่ลงจากเขาตังกวน ออกรถจากบริเวณลิฟท์เชิงเขา มาตามถนนแหลมสน ด้วยเส้นสีน้ำเงิน ไปจอดรถตรงวงเวียนใกล้เศียรพญนาค (พ่นน้ำ) แล้วลงเดินสำรวจเก็บภาพไปจนถึงปลายสุดแหลม ปากน้ำ ริมทะเล (ด้วยเส้นสีเขียว) แล้ว ขับรถมาชมท่าแพขนานยนต์ (ด้วยเส้นสีฟ้า) ตามถนนแหล่งพระราม และจากแผนที่ข้างล่างนี้ จะเห็นตำแหน่งของ พญานาค ที่ปรากฏ ในสถานที่ต่างๆ 3 แห่ง เรียงกัน ราวกับตัวพญานาคยาวเป็นกิโลเมตรเลย! จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 14:06:59

ความคิดเห็นที่ 5 ขอตาม ไปด้วยคน แต่แวะส่งที่สิงหนครด้วย เค้าจะกลับบ้านนนน จากคุณ : คณิงน้อย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 14:11:11

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีครับ คุณ คณิงน้อย : ยินดีที่รู้จักคนสงขลา ครับ สิงหนครอยู่ฝั่งเหนือของปากน้ำทะเลสาบสงขลา รถที่มาจาก นครศรีธรรมราช ใช้ถนนเลียบชายทะเล (สายเก่า) จะผ่าน อ.สิงหนคร ชื่อเหมือนอยู่แถวๆ อินโดนีเซีย เลยครับ มาเริ่มเดินทางต่อกัน ด้วยภาพนิ่ง ของสถานที่จริง กันได้แล้วครับ นี่เป็นเส้นทางเลียบทะเล ถนนแหลมสน ไปสิ้นสุดที่วงเวียน"สวนสองทะเล" เส้นทางยาวไกลพอสมควรนะครับ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถ้าเดินเก่งๆ เดินเลียบชายหาด ตามทางเดินริมหาดอาจทำได้ เพราะเพลินดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 14:23:19

ความคิดเห็นที่ 7 นับว่าเป็นความโชคดี ฟลุ๊กๆ ที่เผอิญมีรถที่จอดในร่มกำลังเคลื่อนตัวออกพอดี ไม่งั้นต้องจอดกลางแดดแน่นอน อากาศร้อนมากครับในวันนั้น ไหนจะร้อนจากการเดินลงเขา อ้อมเขามาอีก อย่างน้อยรถจะได้เย็นเวลาออกเดินทางต่อไปครับ   ได้ที่จอดรถตรงวงเวียนพอดีครับ ภาพซ้าย : หันมาดูวงเวียน "สวนสองทะเล" ที่ผ่านมา ภาพขวา : มองไปทางขวามือ เป็นเศียรพญานาค ตั้งอยู่ริมทะเล ตรงปากน้ำพอดี  เพิ่งสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2550 นับเป็นจุดสังเกตุ (Landmark) แห่งใหม่ของ เมืองสงขลา เพิ่มจาก รูปหล่อนางเงือกที่แหลมสมิหลา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 14:29:55

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ คุณ หม่องวิน มอไซ : ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง เดินเข้าไปถ่ายภาพป้ายกลางวงเวียน สวนสองทะเล  ดูเผินๆ เหมือนคำว่า สนสองทะเล หรือ สวนสนทะเล เลย เป็นป้ายที่มีลักษณะโค้งเว้าเข้าไปตรงกลาง  4 อัน วางต่อกัน มีเก้าอี้ให้นั่งพักในวงเวียนด้วย  ถ้าแดดร่ม ยามเย็น ก็น่านั่งเหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:12:34

ความคิดเห็นที่ 9 แต่เป้าหมายผมตอนนี้คือ เศียรพญานาคที่พ่นน้ำได้ ดูยิ่งใหญ่จริงๆ ทำให้นึกถึงรูปปั้นสิงห์โตพ่นน้ำ (Merlion) ที่สิงค์โปรเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:15:17

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเดินตรงมายังด้านหลังเศียรพญานาคก่อน  แดดจ้ามากๆ  สังเกตุเห็นว่า เศียรพญานาคตั้งอยู่บนแท่นตรงกลางอ่างน้ำที่แห้ง มีโคมไฟส่องโดยรอบ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:17:31

ความคิดเห็นที่ 11 มีแผ่นป้ายข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของ ประติมากรรมเศียรพญานาคนี้  แต่ตัวอักษรได้ลบเลือนไปเล็กน้อย เลยขอเพิ่มเติมเข้าไป สรุปคือ สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2550 เพื่อความเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองสงขลา โดย อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ แห่ง มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นผู้ออกแบบ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนหัว สะดือ และหาง แล้วน้ำไปวางไว้ 3 แห่ง ตามที่แสดงในแผนที่ คห.4 (ตอนที่ผมไปถ่ายภาพ ผมไม่ได้อ่านรายละเอียดตรงนี้ เลยไม่ทราบว่ายังมีอีก 2 จุด ต้องกลับมาค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจากในเว็บอีกที) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:32:14

ความคิดเห็นที่ 12 ทางซ้ายและขวามีหินกลมๆ หลายลูก แสดงถึงไข่พญานาค กองอยู่บนหลังอาคารเล็กๆ และพื้นดินหลายฟอง ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย เป็นวิวริมทะเลตรงปากน้ำทะเลสาบ ช่องแคบที่สุดพอดี โดยมีฉากหลังเป็นเขาแดง ภาพขวา : มองไปทางขวา เป็นวิวทะเลด้านนอก จะเห็นเกาะแมวอยู่ไกลๆ เป็นฉากหลัง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:35:42

ความคิดเห็นที่ 13 เดินมาทางด้านซ้ายของเศียรพญานาค หันหลังกลับไปดูวงเวียน สวนสองทะเล อีกที จะเห็นตำแหน่งจอดรถของผม และที่จอดรถรอบวงเวียนที่ยังว่างอยู่แต่ต้องตากแดดร้อนๆ การจะกลับเข้าไปในเมืองสงขลาต้องมาวนที่วงเวียนนี้เท่านั้น  มองไปตามทางเดินริมทะเล ผ่านต้นสนเข้าไปจะเห็นอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:42:30

ความคิดเห็นที่ 14 มาดูกันที่เศียรพญานาคกัน ได้ออกแบบให้พ่นน้ำข้ามรั้วลงไปในทะเลเลย  ในมุมมองด้านข้างนี้ตอนท้ายช่วงหน้าอกพญานาคได้ปั้นเป็นคลื่นน้ำจำนวนมาก คล้ายกำลังแหวกน้ำขึ้นมา ทำให้มองไม่เห็นช่วงตัวที่จมใต้น้ำ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:46:45

ความคิดเห็นที่ 15 ผมได้ถอยห่างออกมา เพื่อเก็บภาพให้ครบทุกส่วน ครอบคลุมถึงน้ำที่ตกกระทบเบื้องล่างว่าไกลได้แค่ไหน นับเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับประติมากรรมโบราณ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:49:42

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย : ตรงนี้เป็นระเบียงชมวิวเล็กๆ ด้านซ้าย มองต่อไปทางซ้ายอีก ก็คือปากน้ำทะเลสาบสงขลา ส่วนที่แคบที่สุด ประมาณ 400 เมตรเศษเอง  จะเห็นท่าแพขนานยนต์ฝั่งเขาแดง ด้านโน้นด้วย ภาพขวา : ถอยหลังออกมาให้เห็นระเบียงสแตนเลสสวยๆ ข้างหน้าเป็นเวิ้งอ่าว ที่ท่าเรือศุลกากรโอบล้อมเข้ามาทางทะเลด้านนอก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:54:19

ความคิดเห็นที่ 17 ลองใช้กล้องซูมภาพฝั่งตรงข้ามมาดูชัดๆ จะเห็นชายหาดสีขาว มีป้อมสีขาวคล้ายประภาคารขนาดเล็ก 2 อัน อันหนึ่งตั้งอยู่บนฝั่ง อีกอันตั้งอยู่ในทะเล  ถ้าไม่ข้ามไปตรงนั้นก็จะไม่ทราบว่ามีถนนอยู่ตรงเชิงเขา เลียบริมทะเล (ตอนกลับ ผมยังได้ขับรถข้ามสะพานติณสูลานนท์วกกลับมายังท่าแพขนานต์ฝั่งโน้นด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 16:57:58

ความคิดเห็นที่ 18 ตามมาเที่ยวต่อค่ะ จากคุณ : ฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:01:46

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพซ้าย : ผมเดินกลับมายังพญานาคพ่นน้ำอีกที มุมมองเฉียงๆแบบนี้ จะตรงกับ ท่าเรือศุลกากรที่เขาถมยื่นเข้าไปในทะเล ดูจากภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ลแล้ว จะพบว่า ตรงนี้เป็นจุดที่แคบที่สุด คือประมาณ 350 เมตร นับว่าแคบกว่า ตรงปากน้ำทะเลสาบ  แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ได้เป็นภูมิประเทศตามธรรมชาติ จึงไม่นับว่าเป็นช่องแคบของปากน้ำทะเลสาบจริงๆ ภาพขวา :  แหม.. ประติมากรรมนี้ ดูๆ ไปก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะปั้นได้เหมือนมีชีวิตจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:01:55

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับ คุณฟ้ามีตะวัน (ฟ้ามีตะวัน) : ด้วยความยินดีครับกำลังสนุกเลย ผมย้ายมาถ่ายภาพฝั่งนี้ของเศียรพญานาคบ้าง  มีนางแบบมาช่วยโปรโมทให้อีก 2 คน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:05:14

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพซ้าย : เข้าไปใกล้แล้วแหงนดูสายน้ำที่พ้นออกมาจากปากพญานาค ดูเหมือนเมฆบนท้องฟ้าได้ปั่นป่วนไปด้วย...ฮา ภาพขวา : มองตามสายน้ำลงไปข้างล่าง ดูจากภาพเหมือนไม่แรง แต่ละอองน้ำได้ปลิวเข้ามาที่หน้ากล้องพอสมควร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:10:36

ความคิดเห็นที่ 22 มาดูรายละเอียดของการปั้นเศียรพญานาคที่แหลมสนอ่อนนี้ ลวดลายคมชัดมากแถมสีสันเหมือนโผล่ออกมาจากใต้ดินด้วย จะต่างก็แต่เพียงผิวไม่มันเงา ดวงตาไม่มีสีแดงสดเท่านั้น รูปนี้ดูดีๆ น้ำได้พ่นออกมาจากระหว่างลิ้นกับเพดานในปากพญานาคพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:17:21

ความคิดเห็นที่ 23 ผมลองเข้าไปใต้สายน้ำแล้วพยายามแหงนหน้าถ่ายภาพ เพื่อสื่อถึงความชุ่มชื้นของสายน้ำที่พญานาคพ่นออก แต่เจอเข้ากับพระอาทิตย์พอดี และละอองน้ำเปียกหน้ากล้องเลยถ่ายได้ในมุมที่เห็นนี้เท่านั้น ดูแล้วเหมือนสร้อยเงินโรยลงมาจากฟากฟ้าเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:21:01

ความคิดเห็นที่ 24 ถอยห่างออกมาเก็บภาพเต็มๆ จากทางขวามือของพญานาค (ทิศตะวันออก) พอดีมีนายแบบมาช่วย ผมเลยต้องต่อภาพ โดยเน้นที่สายน้ำให้ตรงกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:29:39

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพซ้าย : ถ่ายรูปพญานาคมามากแล้ว หันหลังไปถ่ายวิวด้านหลัง(ผม)ตรงระเบียงบ้าง เยื้องมาทางขวา(ของพญานาค) มีช่องให้ลงไปสัมผัสน้ำทะเลข้างล่างได้ด้วย ภาพขวา : เกาะที่เห็นไกลๆ คือเกาะแมว ผมขอซูมภาพมาดูใกล้ๆ จากตรงนี้ระยะทางคำนวณคร่าวๆ จากโปรแกรม GPS Map  ได้ประมาณ 5 กิโลเมตร  จะว่าไปแล้วก็ไม่เล็กเท่าใด เทียบกับ เกาะหนู ที่ดูใหญ่กว่า เพราะอยู่ใกล้แค่ประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ (แต่ตรงจุดนี้มองไม่เห็นเกาะหนู ต้องไปดูที่ปลายสุดของแหลมสงขลา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:35:07

ความคิดเห็นที่ 26 ออกไปยืนเก็บภาพมุมกว้างของปากน้ำทะเลสาบสงขลา กันดู  ข้างหน้าเป็นท่าเรือศุลกากร ที่ถมเดินยื่นเข้าไปในทะเลเหมือนแหลม โดยมีแนวเขื่อนป้องกันคลื่นและรักษาร่องน้ำลึก ยื่นออกไปในทะเล ทั้งสองฝั่ง  ทำให้แสดงว่า มีการขุดร่องน้ำลึกตรงระหว่างเขื่อนนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:38:49

ความคิดเห็นที่ 27 ระหว่างนั้น มีสาวคนหนึ่งปีนลงไปแอ๊คชั่นข้างล่างกับก้อนหิน ที่น้ำดูใส ผมเลยขอแอบๆ เก็บภาพมา แบบให้ วิวเป็นหลัก  ดูๆ ไปก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะ...อิอิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:41:53

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นตัวอย่างแล้ว ผมเลยต้องขอปีนลงไปสัมผัสผิวน้ำเบื้องล่างกันบ้าง  แล้วเก็บภาพในมุมมองที่ไม่ค่อยมีคนถ่ายมาให้ดูกัน (Unseen) ด้านขวาดูคล้ายกับชายฝั่งที่ยุโรปเลย (แม้ผมไม่เคยไปมา แต่ก็เคยเห็นจากในมิวสิควีดิโอ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:50:53

ความคิดเห็นที่ 29 ลองพยายามถ่ายภาพพญานาคพ่นน้ำจากข้างล่างนี้ โดยแหงนขึ้นไป แล้วค่อยๆ ต่อภาพตามแนวสายน้ำลงมาข้างล่างจนครบสมบูรณ์ (มุมนี้ต้องใช้วิธีต่อภาพ เพราะผมอยู่ใกล้สายน้ำเกินไป) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 17:54:45

ความคิดเห็นที่ 30 ผมปีนกลับขึ้นมา แล้วมองไปทางขวา (ทิศตะวันออก) ซึ่งจะมีระเบียงชมวิวเล็กๆ อีกแห่ง ถัดไปเป็นทางเดินเลียบริมฝั่งทะเลพร้อมที่นั่งพักผ่อน ยาวไปไกล นี่คือทางไปยังปลายสุดของแหลมสงขลา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:00:13

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพซ้าย : ตามที่นั่งชมวิวริมทะเลนี้  ท่านผบ.บ้านรู้สึกชอบ เลยขอสักรูป เอาแบบเน้นวิว ไม่เน้นหน้า (จะดำก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ...ฮา) ภาพขวา : หันไปทางขวามือ ด้านถนนข้างใน เป็นจุดจอดผมที่ร่มพอหลบแดดได้บ้าง แต่บังเอิญมุมนี้ ต้นไม้บังรถผมพอดี สมาชิกที่เหลือ ก็นั่งพักผ่อน รอผมอยู่แถวนี้แหละ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:13:00

ความคิดเห็นที่ 32 จากตรงนี้มองย้อนกลับไปยังปากน้ำทะเลสาบสงขลาอีกที ยังพอเห็นสายน้ำที่พญานาคพ่นออกมาเล็กน้อย ถ้าตกเย็นคาดว่าจะมีคนมานั่งพักผ่อนกันเยอะนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:17:10

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเดินเลียบริมทะเลต่อมาเล็กน้อย มองไปทางขวามือ ก็จะเห็นอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ โดยที่ข้างหลังเป็นลานจอดรถ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:21:10

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพซ้าย : มองทางซ้าย ถัดจากแนวที่นั่งริมทะเลมาตรงหน้าอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ มีกำแพงเล็กๆ ที่มีปืนใหญ่และป้อมเล็กๆ ไว้เป็นเชิงสัญญลักษณ์ ถัดไปก็มีเก้าอี้นั่งชมวิวริมทะเลต่อไปอีก ภาพขวา : ผมเดินเข้าไปใกล้อนุสาวรียฯ อีก เก็บภาพเต็มๆมาร่วมสักการะกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:27:39

ความคิดเห็นที่ 35 ภาพซ้าย : ผมเข้ามาใกล้รูปปั้นกรมหลวงชุมพรฯ ขอเก็บภาพพระองค์นไว้ชัดๆ สักภาพ ภาพขวา : ตรงข้างหน้าแท่นประดิษฐาน มีข้อความจารึกเกี่ยวกับพระราชประวัติโดยย่อของพระองค์ด้วย  พระองค์เป็น "องค์บิดาของทหารเรือไทย"  ดูจากปีประสูติและสิ้นพระชนม์แล้ว พระองค์มีพระชนม์เพียง 43 ปี ด้วยพระโรคหวัดใหญ่ สิ้นพระชนม์ที่ ตำบลทรายรี จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2466 ซึ่งวันนี้ได้ถือเป็น "วันอาภากร" ของกองทัพเรือไทย (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก วิกิพีเดีย)  ซึ่งนับเป็นเรื่องบังเอิญที่ ปลายทริปนี้ผมได้แวะเที่ยวจังหวัดชุมพร และได้เข้าไปหาดทรายรี ได้พบกับ "เรือหลวงชุมพร กับศาลกรมหลวงชุมพรฯ ที่แห่งนั้นด้วย (คอยติดตามชมได้ในตอนท้ายๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:43:10

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพบน : มาสักการะกรมหลวงชุมพรฯ กันครับ จากที่หน้าแท่นบูชาครับ ภาพล่าง : ตรงหน้าแท่นบูชา หันหลังไปยังทะเล มองผ่านกำแพงเตี้ยๆ ออกไป จะตรงกับปลายสุดของหาดทรายแก้ว ที่ต่อด้วยเขื่อนป้องกันคลื่นพอดีครับ  ถ้ามีโอกาสจะมาเดินรับลมที่หาดทรายแก้วนี้สักครั้งครับ น่าสนใจเพราะเป็นชายหาดที่มีน้ำประกอบอยู่สองด้าน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 18:51:40

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพซ้าย : ลองดูรอบๆ มองไปทางซ้าย (หันหน้าเข้าพระรูป) ทิศตะวันออก มีลูกระเบิดแบบตอร์ปิโด ปืนใหญ่สมัยใหม่ (ที่ใช้บนเรือรบ) และป้ายข้อมูลด้วย ภาพขวา : มองมาทางขวาบ้าง ก็มีเช่นกัน เดี๋ยวผมจะเดินไปดูป้ายข้อมูลฝั่งนี้ก่อน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:19:48

ความคิดเห็นที่ 38 ป้ายข้อมูลฝั่งทิศตะวันตก มี 2 ด้าน ด้านนอกเป็นข้อมูลส่วนพระองค์เกี่ยวกับการแพทย์ ดังแสดงในภาพข้างล่าง ส่วนอีกด้านเป็นข้อมูลของกองทัพเรือ ผมเลยไม่ได้ถ่ายมา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:21:49

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเดินผ่านพระรูปมาทางทิศตะวันออกบ้าง ป้ายฝั่งนี้มี 2 ด้านเช่นกัน เริ่มจากด้านในเป็นพระประวัติของพระองค์ ซึ่งจากป้ายนี้ทำให้ทราบว่า พระองค์สิ้นพระชนม์ที่หาดทรายรี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:24:03

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนป้ายอีกด้าน (ด้านนอก) เป็นบันทึกของพระองค์ เกี่ยวกับความรักชาติรักแผ่นดิน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:25:24

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพซ้าย : ดูป้ายฝั่งตะวันออก(ซ้ายมือเมื่อหันหน้าเข้าพระรูป) เสร็จแล้ว ก็ดูลูกตอร์ปิโดบ้าง เป็นขีปนาวุธในน้ำคล้ายเรือดำน้ำไร้คนขับ ดูแล้วน่าจะหนักมาก แต่พอลงน้ำ คงต้องมีช่องว่างอยู่ข้างในเพื่อให้ลอยน้ำได้  ไม่งั้นคงหัวปักลงดินเมื่อปล่อยออกมา ถัดไปด้านหลังเป็นปืนใหญ่ที่ตั้งบนเรือรบ ภาพขวา : แผ่นสเปคปืนใหญ่ ที่ติดอยู่กับฐานปืนใหญ่ ลองถ่ายมาให้ดูเพื่อการศึกษา เมื่อเทียบกับปืนทั่วๆ ไปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:32:04

ความคิดเห็นที่ 42 จากลูกตอร์ปิโดฝั่งตะวันออก มองย้อนกลับไปทางฝั่งตะวันตก จากภาพนี้ผมเพิ่งสังเกตุเห็นป้ายข้อมูลตอร์ปิโดอยู่ข้างล่าง (ตอนไปถ่าย ไม่ทันสังเกตุเห็น) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:34:24

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเดินมาทางด้านข้างอนุสาวรีย์ ทำให้สังเกตุได้ว่าแท่นประดิษฐานคล้ายกับส่วนบนของเรือดำน้ำเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:35:42

ความคิดเห็นที่ 44 หันไปดูทางปืนใหญ่ ด้านหลังมีป้ายข้อมูลของพระอนุสาวรีย์ โดย ททท. แต่ตัวอักษรเลือนหายเกือบหมด ไม่สามารถอ่านได้นอกจากพระนามของพระองค์ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:38:56

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพซ้าย : ทางด้านหลังพระอนุสาวรีย์ เป็นลานโล่งที่จอดรถกว้างมาก มองไปทางซ้ายมือ (ทิศตะวันออก) จะเห็นศาลกรมหลวงชุมพรฯอยู่สุดลานจอดรถด้านโน้น  สะดุดตาธงที่อยู่บนเสา นอกจากธงราชนาวี ที่มีช้างเผือกอยู่ตรงกลางไตรรงค์ ก็ยังมีธงสีน้ำเงิน มีจุด 4 จุดอยู่รอบๆ ลองค้นหาในกูเกิ้ลดู พบว่าเป็นธงยศ "พลเรือเอก" จุดเล็กๆ ก็คือกงจักร ครับ ภาพขวา : ตรงนี้ ข้างหน้าผม ข้ามถนนไปก็เป็นสุขาครับ ใกล้ๆ กันเป็นร้านค้า ลานจอดรถนี้เป็นทางตัน การกลับออกไปต้องย้อนกลับออกไปทางวงเวียน "สวนสองทะเล" เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:43:12

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเดินอ้อมมายังข้างหลัง พระรูป อนุสาวรีย์ มุมนี้ไม่ค่อยมีคนได้ถ่ายมาให้เห็นกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:44:21

ความคิดเห็นที่ 47 ขอโทษ วางภาพผิดครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 19:47:03 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:46:05

ความคิดเห็นที่ 48 เสร็จแล้วก็เดินกลับมายังด้านหน้าพระรูป ถ่ายภาพหน้าตรงจากระยะไกลบ้าง แหม..ดันบังเอิญมีคนวิ่งผ่านหน้ากล้องพอดี... แดดก็ร้อน ไม่ค่อยมีคนว่างด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:48:05

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพซ้าย : จากหน้าพระรูปนี้ มองไปทางทิศตะวันออก ที่มุ่งไปสู่ปลายสุดของแหลมสงขลา ไกลลิบเลย... ภาพขวา : บนเส้นทางเดินเลียบทะเลช่วงนี้ยังมีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนอยู่ จนสุดทางเดินข้างหน้า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:50:25

ความคิดเห็นที่ 50 ระหว่างเดินไปเรื่อยๆ ได้เจอเข้ากับลูกดำๆ "ทุ่นระเบิด" 2 ลูกนี้ แต่ดันมาตั้งอยู่ใกล้ถังขยะเข้าให้ จะทิ้งหรือไงครับ....ฮา   มนุษย์เข้าใจคิดกันจริงๆ ถ้าอยู่บนพื้นดินก็คือกับระเบิดนั่นเอง  เรือใหญ่ๆ เข้ามากระทบ ก็จะกดปุ่มเล็กๆ รอบๆ ตัวเพื่อให้เกิดระเบิดขึ้นครับ ยิ่งในทะเลแล้วปกติจะมีคลื่นด้วย ทุ่นระเบิดเหล่านี้จะลอยกระแทกเข้ากับเรืออย่างแรง จึงยากที่จะหลบหลีกได้ทัน แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 19:55:05 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:53:20

ความคิดเห็นที่ 51 เดินเลยไปอีกนิด มองเห็นศาลากรมหลวงชุมพรฯ (ดูว่าเพิ่งสร้างใหม่ไม่นาน) สวยๆ ตั้งอยู่กลางสวน ดูสะอาด คมชัดราวกับภาพวาดจากในเครื่องคอมพิวเตอร์เลยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 19:57:12

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเดินมาจนสุดทางเดินบนลานซีเมนต์แล้ว เส้นทางข้างหน้า คือปลายแหลมสุด ของแหลมสงขลา หรือ ที่เรียกว่า แหลมสนอ่อนครับ   ก่อนอื่นเจอป้าย "ห้ามตกปลา หรือนั่งเล่นบนสันเขื่อน" เพื่อเตือนให้ระมัดระวังอันตราย ก่อนเดินเข้าไปผจญภัยกัน... วันนี้พอพักกระทู้ไว้ก่อน พรุ่งนี้มาต่อกันครับ  กำลังสนุกเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 20:00:24

ความคิดเห็นที่ 53    จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 23:05:27

ความคิดเห็นที่ 54 ว๊า.. กิ๊ฟหมดซะแระ   แปะไว้ก่อนนะคะ   สงขลา หาดใหญ่  เป็นเมืองที่ต้องไปให้ได้เลยค่ะ  อยากไปเที่ยวมาตั้งแต่เด็ก  จนแก่ก็ยังไม่ถึงสักที... อิอิ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:28:56

ความคิดเห็นที่ 55 ได้แรงอก ในศาลไม่แน่ใจว่ายังมีหอยมือเสือยักษ์หลายตัว ยังตั้งไว้อยู่หรือไม่ เล่ากันว่าชาวประมงลากขึ้นมาได้แล้วเอาเนื้อมาทานกัน ทั้งเสียชีวิต เข้าโรงพยาบาล เลยนำมาถวายไว้ จากคุณ : โอปปา เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 10:18:28

ความคิดเห็นที่ 56 คุณน้า Low Batt : ขอบคุณเช่นกันครับที่ติดตามมาตลอด ครับ สวัสดีครับ คุณป้าฟู : สำหรับกิฟท์ไม่เป็นไรครับ ไว้ตอนหน้าก็ได้ครับ สงขลาเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ลึกๆ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนบางจังหวัด แต่ติดที่อยู่ไกลจากกรุงเทพฯมาก นั่งรถยนต์กัน วันกว่า (12 - 16 ชั่วโมง สำหรับเทศกาล) ถ้าให้สะดวกมาไวกลับไว ต้องขึ้นเครื่องบินครับ สวัสดีครับ คุณโอปปา : "ได้แรงอก" คืออะไรครับ คาดว่าคงพิมพ์ผิด แต่ในศาลกรมหลวงชุมพรฯ ผมไม่ได้แวะเข้าไปชมครับ เพราะตอนนั้นเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอาคารอะไร คิดว่าเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก โอทอป อะไรทำนองนั้นด้วยซ้ำไป เลยไม่ได้เข้าไป เวลาก็ไม่มีด้วย ต้องรีบไปอีกหลายแห่ง แถมจะกลับกรุงเทพฯ คืนนี้ด้วย วันนี้มาต่อกันครับ  จากที่ผมพามาถึงสุดทางเดิน ก่อนที่จะต้องลุยป่าละเมาะเพื่อไปให้สุดปลาย แหลมสงขลากัน ขอแสดงภาพถ่ายดาวเทียมให้ดูเส้นทางเดินเลียบทะเลเพื่อจะได้เข้าใจ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 16:13:35

ความคิดเห็นที่ 57 ตอนนี้ผมเดินพ้นแนวต้นไม้ที่บังปลายสุดของแหลมสงขลาไว้ เกือบสุดปลายแหลมแล้ว มีแนวเขื่อนตลอดทาง  มองไม่ค่อยเห็นทะเลนัก ต้องชะโงกดูเอา ภาพซ้าย : หันกลับไปมองทางที่เดินมา เป็นปากน้ำทะเลสาบสงขลา  มองไปทางท่าเรือศุลกากร จะเห็นเรือสินค้าขนาดใหญ่จอดเทียบท่าอยู่พอดี ภาพขวา : หันหน้าไปมองข้างหน้าต่อไป  อีกไม่ไกลก็ถึงปลายสุดแหลมแล้ว ต่อจากนั้นจะเป็นเขื่อนล้วนๆ ที่ยื่นเข้าไปในทะเล  ในมุมมองนี้จะเห็นเกาะแมว และเกาะหนูด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 17:39:42

ความคิดเห็นที่ 58 ในที่สุดก็มาถึง ปลายสุดของแหลมสงขลา อยู่ตรงหน้าผมนี้เอง ตรงรอยต่อระหว่างทะเลกับหาดทราย เพราะต่อจากนี้เป็นเขื่อนที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ลองมองไปทางขวาเป็นหาดทรายกว้างไกลลิบ ของหาดสมิหลา ที่ไปสิ้นสุดตรงแหลมสมิหลาลิบๆ โน้นครับ  นับเป็นหาดที่บริสุทธิ์ เพราะไม่มีคนมาถึงตรงนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่แถวๆ แหลมสมิหลา และ หาดชลาทัศน์ ที่อยู่ถัดไปทางใต้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 17:44:26

ความคิดเห็นที่ 59 ณ. ตรงนี้ ถือเป็นจุดที่มองเห็นเกาะหนูได้ยาวที่สุด เพราะแนวที่มองเข้าไปทำมุมตั้งฉากกับ ความยาวของเกาะได้พอดี  มองดีดี จะเห็นท่าเรือของเกาะหนูด้วย  ถ้ามีเวลาน่าจะเหมาเรือไปวนรอบเกาะทั้งสอง ถ้าไม่กลัวเรือล่ม เพราะส่วนใหญ่เป็นเรือหางยาวเท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 17:46:59

ความคิดเห็นที่ 60 ภาพบนซ้าย - ขวา : ผมลงมาเดินในหาด ถอยห่างจากแนวเขื่อน (เพราะสูงจนมองไม่เห็นปากน้ำทะเลสาบ) แล้วหันไปมองทั้งสองด้าน ทางด้านปลายสุดนั้นมี คนมาตกปลาอยู่บนแนวเขื่อนที่ยื่นไปในทะเล หันมามองผม ด้วยอาจคิดว่าผมเป็นจนท.ทางราชการ มาถ่ายภาพจับผิดพวกเขาหรือเปล่า  เลยทำให้ผมไม่กล้าเดินออกไปไกลกว่านี้ อีกทั้งระยะทางก็ไกล  คำนวณจากโปรแกรม GPS Map ได้ประมาณ 400 เมตรเลย  ในขณะที่เดินมาจาก รูปปั้นเศียรพญานาคด้วยระยะทางประมาณ 600 เมตร ท่ามกลางแดดจ้าๆ และขาผมก็เจ็บด้วย เอาแค่นี้พอละ ภาพล่าง : ก่อนเดินกลับออกมา เกือบลืมถ่ายตัวเองไว้เป็นที่ระลึกสำหรับปลายสุดของแหลมสงขลา ตรงนี้ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 17:53:29

ความคิดเห็นที่ 61 เสร็จภาระกิจที่ปลายสุดแหลมสงขลาแล้ว ก็ออกรถกลับ ขับมาทางถนนแหล่งพระราม เลียบทะเลสาบด้านทิศตะวันตกแทน (แสดงด้วยเส้นสีฟ้าในภาพ คห.4) เพื่อลองไปดูท่าแพขนานยนต์ สำหรับรถยนต์ที่จะข้ามฟากไปยังฝั่งเขาแดงโน้น ว่าเป็นอย่างไร ไม่นานก็มาถึงท่าแพขนานยนต์ ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย จะเห็นศาลาด่านเก็บค่าธรรมเนียมในการลงแพขนานยนต์ไปฝั่งโน้น ภาพขวา : มองไปทางขวา จะเป็นทางเลี้ยวซ้ายไปลงแพขนานยนต์ จากคุณ : mirage_II เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:12:41

ความคิดเห็นที่ 62 ผมรีบเดินข้ามถนนมาดูหน้าด่านใกล้ๆ ภาพซ้าย : มองไปทางซ้ายมือเป็นคิวรถที่รอลงแพขนานยนต์ ยาวจริงๆ ครับ แต่ก็ยังดีกว่าไปขับรถอ้อมเมือง ไปข้ามสะพานติณสูลานนท์ที่นับว่าไกลมากๆ ซึ่งจะเห็นได้จากแผนที่ คห.3 ภาพขวา : หันมาทางขวามือ ก็คือ หน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียม มีแยก 2 ตู้ ระหว่างรถมอเตอร์ไซด์ กับ รถยนต์  สาเหตุที่คิวต้องยาวแบบนี้ ก็เพราะต้องรอให้แพขนานยนต์มาเทียบท่าก่อน ถึงจะเคลื่อนรถผ่านตู้เก็บเงินไปได้ ไม่เหมือนทางด่วนที่กรุงเทพฯ ที่จ่ายเงินปุ๊บก็ผ่านไปได้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:19:40

ความคิดเห็นที่ 63 นี่แหละครับ ตู้จำหน่ายตั๋วข้ามแพขนานยนต์ ท่าฝั่งเมืองสงขลา (นิยมเรียกว่า ฝั่งบ่อยาง) ดูใหม่มาก มีอัตราค่าธรรมเนียมแจกแจงละเอียด แต่ตัวอักษรเล็กนิดเดียว จึงมีการเพิ่มเติมด้วยป้าย แจงอัตราค่าธรรมเนียมขนาดใหญ่ ตรงหน้าตู้ (แสดงในภาพขวา)  แต่ถึงกระนั้น ก็ยังดูแล้วตาลาย เลยมีแผ่นกระดาษพิมพ์ไว้ตรงกระจกตู้เลยว่า "รถยนต์ 4 ล้อ 20 บาท" อ้อ..อ่านป้ายราคาดูแล้ว จะพบว่า คนโดยสาร ไม่คิดเงิน... จะหมายความว่า ถ้าผมเดินข้ามไป ฟรี หรือนี่  แต่คิดอีกที น่าจะหมายถึงว่า คนที่โดยสารมากับรถ ฟรี มากกว่า ไม่งั้นคงมีคนเดินเท้าข้ามไปฝั่งโน้นฟรีๆ กันมาก ผมเองก็ไม่แน่ใจ ใครที่ทราบก็ช่วยบอกด้วยนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:25:17

ความคิดเห็นที่ 64 ผมเดินเลยเข้ามาดูหลังด่านกันหน่อย ว่าเป็นอย่างไร โอ้โฮ..รถมอเตอร์ไซด์รอข้ามแพเยอะเหมือนกัน  ตรงหน้าด่านไม่มีคิวเลยคิดว่าคงมีน้อย แต่ดูน่าสงสารที่ต้องทนตากแดดร้อนกว่าแพจะมาถึง  มองไปทางท่าแพ อ้าว..มีหลังคาให้ด้วย แต่สั้นเกินไป น่าจะทำยาวจนถึงตู้เก็บเงินนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:27:51

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนนี้ เรือ..เอ๊ย..แพขนานยนต์มาแล้ว (โบกมือโบกไม้ให้ด้วย) ดูการจัดระเบียบบนแพ ทำได้ดีมาก รถยนต์อยู่ก่อน มอเตอร์ไซด์อยู่ข้างหลัง ไม่มีการมาจอดแทรกระหว่างรถยนต์ คงกลัวเซล้มระหว่างทาง มาโดนรถยนต์ได้ อ้อ..ผมเพิ่งสังเกตุได้ว่า ชื่อท่าแพฝั่งโน้นเขาเรียกว่า "ท่าหัวเขา" ฝั่งนี้เรียกว่า "ท่าสงขลา" ครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 18:33:04 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:30:34

ความคิดเห็นที่ 66 ผมถอยมาอยู่ตรงด้านขาขึ้น จะได้ไม่เกะกะรถที่ขึ้นมาจากแพ  รถที่จะลงต้องรอให้รถขึ้นมาให้หมดก่อน เขามีจนท.จัดการรถให้ขึ้นลงอย่างเป็นระเบียบ  สังเกตุดีๆ ตรงท่านี้มีแพขนานยต์อีกลำจอดค้างอยู่ด้วย ชำรุดหรือเปล่าก็ไม่รู้ รถเยอะๆ แบบนี้น่าจะมาช่วยกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:36:25

ความคิดเห็นที่ 67 ภาพซ้าย : ตอนนี้รถขึ้นมาจากแพหมดแล้ว จึงเริ่มอนุญาตให้รถที่รออยู่ ลงแพได้ทีละคันๆ ภาพขวา : หันไปดูตรงรอยต่อระหว่างท่าแพ กับแพ เป็นสะพานทอดซ้อนกันอยู่ รถค่อยๆ วิ่งผ่านไปอย่างนุ่มนวล   ผมเองตอนเด็กๆเคยข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเรือข้ามฟาก ยังคิดว่ารถยนต์จะข้ามได้อย่างไร เพราะเรือกับโป๊ะนั้นต่างระดับกันมาก แถมจอดไม่ติดกันด้วย ขนาดเดินก้าวข้ามยังเสียวๆ จะตกน้ำเลย จากรูปนี้มองไปไกลๆ จะพอเห็นเครื่องกั้นเรือ กลางน้ำ ฝั่งเขาแดง ทีแรกผมไม่สนใจนึกว่าเป็นอุปกรณ์ประมงจับปลา หรือไม่ก็ไฟประดับกลางน้ำสวยๆ แต่พอมาดูจากภาพที่ถ่ายมา เครื่องกั้นนี้มีสองฝั่ง รวมทั้งตรงกลางอีกเล็กน้อย คาดว่าเพื่อลดความเร็วของเรือที่เข้ามา เพราะตรงจุดนี้มีแพขนานยนต์ข้ามฟากไปมาอย่างช้า ตลอดเวลา  ตอนกลางคืนคงมีการติดไฟให้เห็น (ผมเองก็ไม่แน่ใจ เพราะมองไม่เห็นหลอดไฟอยู่เหมือนกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:46:51

ความคิดเห็นที่ 68 ระหว่างนั้นหันมาดูทางขวามือบ้าง ถือเป็นจุดที่แคบที่สุดของปากน้ำทะเลสาบสงขลา คือประมาณ 400 เมตร (แม้ว่าจะมีแคบกว่านี้ตรง หน้ารูปปั้นเศียรพญานาค ที่แคบถึง 350 เมตร แต่ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาไม่ได้เกิดจากภูมิประเทศตามธรรมชาติ จะเห็นท่าเรือฝั่งเขาแดง (ท่าหัวเขา) อยู่เกือบถึงปลายสุดเชิงเขาแดง ซึ่งตรงนั้นเป็นแหลมเล็กๆ ที่มีถนนเลียบชายทะเลด้วย (เดี๋ยวตอนหน้าผมจะไปตรงนั้นด้วย) จะเห็นแนวเครื่องกั้นลำน้ำฝั่งสงขลาด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 18:52:51

ความคิดเห็นที่ 69 จากรูปในคห.68 จะเห็นว่า ทางขวามือมีท่าแพขนานยนต์อีกแห่ง คู่ขนานกับที่ผมยืนอยู่นี้ด้วย คงมีไว้ใช้กรณีพิเศษ หรือสำรอง......หรือ ตอนสร้างใหม่ๆ กะไว้สำหรับให้รถขึ้นจากแพท่าโน้น รถลงแพท่านี้ก็ได้ จากรูปนี้มองผ่านท่าเรือศุลกากรไปไกลๆ จะสังเกตุเห็นแนวต้นไม้ที่หาดทรายแก้วด้วย ไม่น่าเชื่ออยู่ไกลขนาดนี้ยังมองเห็นได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 19:00:14

ความคิดเห็นที่ 70 รถยนต์ยังลงแพไม่เต็ม ก่อนกลับออกมา ผมขอถ่ายภาพมุมกว้างๆ แบบเก็บได้ทั้งท่าและแพขนานยนต์ให้ครบเลย (แอบเห็นตัวอักษรข้างแพ "อบจ.1" น่าจะมาจากคำว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็ได้ เพราะโครงการกระเช้าลอยฟ้าข้ามปากทะเลสาบสงขลาก็เป็นของ อบจ. เช่นกัน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 19:02:52

ความคิดเห็นที่ 71 ก่อนไปจากแหลมสงขลา นี้ผมขอแสดงภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ล บริเวณนี้ก่อนครับ ซึ่งทางเหนือ จะเห็นไกลไปถึง เกาะแมว กับ หาดทรายแก้ว ทางใต้จะยาวไปถึง เขาเก้าเส้ง เลยครับ บริเวณเหล่านี้ถือเป็นจุดท่องเที่ยวของเมืองสงขลา ครับ (ยกเว้นเมืองเก่า และพิพิธภัณฑ์สงขลา)  ใครมาเที่ยวถ้าดูจากภาพนี้รับรองไม่หลงแล้ว (รวมทั้งตัวผมที่ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน เลยอดดู สะดือพญานาค หางพญานาค กับ เขาเก้าเส้ง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 19:08:15

ความคิดเห็นที่ 72 ภาพบน : เสร็จภาระกิจตรงท่าแพขนานยนต์แล้ว ก็รีบตรงไปยังแหลมสมิหลา นางเงือกรอผมอยู่ที่นั่น..ฮา  จากท่าแพขนานยนต์ เลี้ยวซ้ายมาออกถนนแหลมสน ไม่กล้าขับตรงไปตามถนนแหล่งพระราม เพราะเป็นท่าเรือใหญ่ (ดูตรงหัวมุมถนน มีป้อมยามอยู่ด้วย) โค้งซ้ายหน้า มีประติมากรรม "สะดือพญานาค" อยู่ ภาพกลาง :  ตอนนี้กำลังผ่านหน้า "สะดือพญานาค" พอดี แต่น่าเสียดายที่ผมไม่รู้จัก เลยไม่ได้หันไปมอง ข้างหน้ามีป้ายบอกทางอยู่ เลี้ยวซ้ายไปหาดสมิหลา ครับ ภาพล่าง : มาถึงสี่แยกที่ผมเคยเดินมาเมื่อตอนที่แล้วครับ ตรงไปก็คือสถานีลิฟท์ขึ้นเขาตังกวน เมื่อตอนที่แล้วผมเดินมาจากทางขวามือ  ตรงนี้จะเห็นเขาน้อย เตี้ยๆ อยู่ทางซ้ายมีถนนขึ้นไปชมวิวเมืองสงขลาได้อีกแห่ง รองจากเขาตังกวน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 19:50:27

ความคิดเห็นที่ 73 ภาพบน : ในความเป็นจริงผมเองก็ได้ถ่ายภาพ ประติมากรรม "สะดือพญานาค" แบบไม่ตั้งใจมาแล้วตอนขาไปแหลมสนอ่อน  แต่ภาพเบลอมาก เพราะกำลังขับรถ เห็นแปลกดีเลยกดมาภาพแบบไม่ตั้งใจ ภาพล่าง : เป็นภาพถ่ายประติมากรรม สะดือพญานาคเทียบกับตัวคน จากในเน็ต เว็บ gotoknow.org โดยคุณครูริมธาร ซึ่งได้ถ่ายมาครบทุกส่วน ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/318762 ผมขอจบกระทู้ตอนนี้ไว้ตรงนี้  ตอนหน้าจะพาไปชมนางเงือกที่แหลมสมิหลา ตามด้วยหลักเขตศุลกากรที่แบ่งแยกหาดสมิหลากับหาดชลาทัศน์  แล้วจะพาข้ามสะพานติณสูลานนท์ แถมด้วยท่าแพขนานยนต์ฝั่งเขาแดง คอยติดตามชมนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 20:10:37

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบสำหรับข้อมูลมากเป็นประโยชน์มากเลยครับไปมีโอกาสได้ตามรอยบ้าง แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 20:36:55 จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 20:36:48

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมากครับที่ช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองสงขลาบ้านเกิดผมครับ รอติดตามชมอยู่เสมอครับ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 10:03:05

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณรีวิวสวยๆ ค่ะ จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 11:46:18

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีครับ คุณ Destiny-Boy : ด้วยความยินดีครับ แม้กระทั่งตัวผมเอง ยังรู้สึกอยากกลับไปซ่อมเหมือนกันเลย เพราะพลาดไปหลายแห่ง เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ และไม่ได้หาข้อมูลมากพอ ใจยังคิดเสมอว่า เมืองสงขลาไม่มีอะไรน่าเที่ยว นอกจาก แหลมสมิหลา เท่านั้นจริงๆ ครับ  มาได้เขาตังกวนเพิ่มเข้ามา ก็เพราะเพื่อนที่ทำงานแนะนำครับ เวลามันน้อย เพราะไปหลายแห่ง ตั้งแต่ เืมืองสวี ทุ่งสง ปาดังเบซาร์ มอ. ครับ สวัสดีครับ คุณ หม่องวิน มอไซ : ด้วยความยินดีครับ ผมถือเป็นการทำบุญ ครับ ว่าไปที่ไหนไม่ได้ไปคนเดียว แต่จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยกัน คนที่ไม่สามารถเดินทางไกลๆ ได้ ก็ยังได้รู้ได้เห็น  นอกจากนั้น ยังทำให้สถานที่ Unseen ได้เป็นที่รู้จักกันด้วย สวัสดีครับ คุณ Us-Sama Iland : ด้วยความยินดีครับ คอยติดตามตอนต่อๆ ไปนะครับ ช่วงนี้กำล้ังจัดเตรียมภาพในตอนต่อไป เพื่อจะสวัสดี เมืองสงขลาสักที หลังจากพาเพื่อนๆ ลงใต้มานานกว่า 6 เดือน! แล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 01:48:18

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบรีวิวของคุณมิราชชมาก ๆ ข้อมูลละเอียดดีขอบคุณสำหรับรีวิวดี ๆ ค่ะ จากคุณ : costarica เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 17:28:23

ความคิดเห็นที่ 79 สวัสดีครับ คุณcostarica : ขอบคุณเช่นกันที่เข้ามาติชมให้กำลังใจครับ ถ้าชอบก็คอยติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆ ครับ กว่าจะจบคงอีกสัก 3 ตอนนะครับ มาวันนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ได้ถ่ายคลิ๊ป พญานาคพ่นน้ำที่แหลมสนอ่อนด้วย แต่ลืมใส่ หลัง ความเห็น 21  ครับ ขณะนี้ผมได้จัดเตรียมเนื้อหาในตอนที่ 14 แล้วเสร็จแล้ว แต่หาจังหวะลงกระทู้ไม่ได้ เพราะติดวันหยุดยาวครับ  เอาไว้สัปดาห์หน้าจะมาเปิดกระทู้ให้จบที่เมืองสงขลาสักที ครับ แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 20:24:14 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 20:11:42

ความคิดเห็นที่ 80 วันนี้มาต่อกันในตอนที่ 14 จากแหลมสมิหลาพาข้ามสะพานยาวที่สุด http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E13049320/E13049320.html แต่ก่อนอื่น ผมลืมคลิ๊ปวิดีโออีกอัน ตรงท่าแพขนานยนต์ ขณะกำลังเทียบท่า  จากคลิ๊ปนี้ทำให้ได้เห็นว่ามีคนไม่ได้โดยสารรถ มาข้ามแพด้วย  ซึ่งถ้าเป็นตามตารางค่าโดยสารแล้ว ก็คือ ฟรี ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 10:04:27