ความคิดเห็นที่ 1 ++++++++++      ท่านที่กำลังจะไปเที่ยววัดพระธาตุวรมหาวิหาร  ลองมาฟังเรื่องเล่าในอดีต ผ่านโบราณสถานแห่งนี้ แล้วจะทำให้ท่านเที่ยวอย่างเพลิดเพลิน วัดพระธาตุวรมหาวิหาร      เดิมเรียกว่า วัดพระบรมธาตุ  ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราชได้โปรดพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดพระธาตุวรมหาวิหาร" โดยถือเป็นแบบแผนว่า  วัดใดที่มีพระเจดีย์บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุเป็นประะานของวัดให้เรียกว่า วัดพระมหาธาตุ  วัดใดที่มี องค์ปรางค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นประะานของวัด ให้เรียกว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:33:53

ความคิดเห็นที่ 2 ++++++++++ เราทราบที่มาของชื่อวัดกันแล้ว  ตามไปเที่ยววัดกันเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ ซุ้มประตู ทางเข้าที่ติดกับถนนราชดำเนิน  มีซุ้มประตูอยู่สามซุ้ม  ซุ้มกลางเรียกว่า "ประตูเยาวราช" จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:38:53

ความคิดเห็นที่ 3 ++++++++++    เมื่อพ.ศ.๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๖ ซึ่งขณะนั้น ดำรงพระิอิสริยยศเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จประพาส วัดพระมหาธาตุ และโปรดฯให้สร้างซุ้มก่ออิฐถือปูนประดับลวดลายปูนปั้นที่ ยอดซุ้มเป็นรูปพระมหามกุฎ และพระราชทานนามว่า ประตูเยาวราช จารึกปี ที่สร้างคือ ร.ศ.๑๒๘  ต่อมาพระรัตนธัชมุนี(แบน)เจ้าอาวาสได้สร้างอีกสองซุ้ม ด้านทิศเหนือและทิศใต้แต่ไม่ได้ตั้งชื่อซุ้มประตูทั้งสอง จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:46:00

ความคิดเห็นที่ 4 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:47:57

ความคิดเห็นที่ 5 ++++++++++ เมื่อลอดประตูซุ้มเยาวราชเข้าไปก็จะพบ พระวิหารหลังใหญ่ เรียกว่า วิหารธรรมศาลา จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:50:24

ความคิดเห็นที่ 6 ++++++++++ คุณ numsiam ยินดีเลยค่ะ ++++++++++   หน้าบันของวิหารธรรมศาลา มีจารึกข้อความบนไม้เป็นอักษรไทย ความตอน หนึ่งว่า "ได้บูรณะเมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น๑๑ค่ำ ปีมะเมีย ฉ ศก ๒๔๓๗" ผู้บูรณะ คือ พระครูเทพมุนี(ปาน) จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:57:00

ความคิดเห็นที่ 7 ++++++++++   ผนังด้านหน้าและหลังวิหาร มีพระพุทธรูปประทับยืน เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง (แต่งเครื่องทรงอย่างกษัตริย์) อยู่ด้านละหนึ่งองค์ ด้านหน้าเรียกว่า พระพุทธรูปพระทันทกุมาร  แสดงปางประทานอภัย จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:01:17

ความคิดเห็นที่ 8 ++++++++++    ด้านหลังของวิหารธรรมศาลา เป็น พระพุทธรูปพระนางเหมชาลา แต่ขณะนี้ ไม่เปิดให้เข้าไปชม    สำหรับพระพุทธรูปทั้งสององค์ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งนิยมสร้างกันในสมัย อยุธยาตอนปลายและส่งต่อมายังสมัยรัตนโกสินทร์ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:10:58

ความคิดเห็นที่ 9 ++++++++++    ภายในห้องโถงวิหารธรรมศาลา  มี พระธรรมศาลา เป็นพระประธานปางมารวิชัย ปูนปิดทอง  มีรูปเหมือนพระเถระแห่งเมืองนคร ๔ รูป  ประกอบด้วย หลวงพ่อทวด พระรัตนธัชมุนี(รตนธชเถร-ม่วง เปรียญ)พระรัตนธัชมุนี(คณฐาภรณเถร-แบนเปรียญ) พระธรรมรัตโนภาษ(โอภาโสเถร-ประดับ เปรียญ) จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:19:38

ความคิดเห็นที่ 10 ++++++++++    ผนังด้านตรงข้ามกับ พระธรรมศาลา ประดิษฐานพระเจดีย์สวรรค์  กล่าวกันว่า พระยาแก้วเป็นผู้สร้าง เพื่อบรรจุอัฐิของพระยารามราชท้ายน้ำ ผู้ครองเมืองนครศรีฯ ที่ถึงแก่อนิจกรรมในการศึกโจรสลัดเมื่อพ.ศ. ๒๑๘๑ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 08:58:16 จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:25:06

ความคิดเห็นที่ 11 ++++++++++    เมื่อเราออกจากวิหารธรรมศาลา เพื่อเข้าสู่พระระเบียงที่ล้อมรอบพระธาตุ (ระเบียงคด)  หากเรามองไปทางทิศเหนือ จะพบ ลานทราย ดังในตำนานบ่งบอกว่า บริเวณที่ตั้งวัดเป็นหาดทรายแก้ว ชเล(ทะเล)รอบ  ปัจจุบันมีการนำเอาอิฐบล็อกมาปู เป็นทางเดินปิดทับลานทรายเกือบหมด จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:29:19

ความคิดเห็นที่ 12 ++++++++++    ที่ลานทราย มีรูป เรือสำเภาจำลอง และ รูปปั้นพระนางเหมชาลา และ พระทันทกุมาร เป็นรูปบุคคลเหมือนจริงยืนอยู่หน้าเรือสำเภาจำลอง    กลุ่มรูปปั้นนี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นตามตำนาน  โดยความประสงค์ของคุณวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ ในคราวที่มีพายุเกย์พัดถล่มภาคใต้ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:35:34

ความคิดเห็นที่ 13 ++++++++++    เมื่อเราชมรูปปั้นเสร็จแล้ว เดินย้อนกลับมาเข้าประตูของระเบียงคด ประตูที่เราเข้าไปนี้ ชื่อ ประตูเหมรังสี  ข้างประตูมีรูปสิงโตทำด้วยหินแกรนิต จากเมืองจีนสมัยต้นรัตนโกสินทร์  เป็นสิงโตตัวผู้และตัวเมียข้างละตัว จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:40:48

ความคิดเห็นที่ 14 ++++++++++   เอ๊ะ!!..ทราบได้อย่างไรว่าสิงโตตัวไหนตัวผู้ตัวเมีย เดินเข้าไปใกล้ๆก็เลยถึงบางอ้อ..สิงโตตัวเมีย จะมีลูกสิงโตอยู่กลางหน้าอก (ทำท่าดูดนมหรือไม่..ไม่แน่ใจ) จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:43:57

ความคิดเห็นที่ 15 ++++++++++    หน้าจั่วของซุ้มประตูเหมรังสี ประดับด้วยกระจกสี เป็นรูป ครุฑยุดนาค จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:45:45

ความคิดเห็นที่ 16 ++++++++++    ในวิหารคด เต็มไปด้วย พระพุทธรูปปูนปั้นนั่ง ฝีมือช่างสมัยอยุธยาและ รัตนโกสินทร์ เป็นแถวยาวตลอดทุกด้านของระเบียง มีทั้งหมด ๑๗๓ องค์ นิยมเรียก พระด้าน จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:50:13

ความคิดเห็นที่ 17 ++++++++++    ภายในวิหารคดด้านทิศเหนือ  มีโครงกระดูกปลาวาฬตัวโตขนาด ๕ วา วางอยู่ เล่ากันว่า  ได้มาจากปลาวาฬที่ตายแล้วลอยมาเกยหาดที่ ปากน้ำท่าสูง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีฯ เดือนพฤศจิกายน ๒๔๕๒ ประชาชนจึงช่วยกันนำโครงกระดูกมาเก็บไว้ ที่พิพิธภัณฑ์สถานของวัด จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:54:09

ความคิดเห็นที่ 18      ตามชมด้วยคน   ขอบคุณครับ จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:58:22

ความคิดเห็นที่ 19 ++++++++++    เมื่อเราผ่านประตูระเบียงคดเข้ามา ก็จะพบกับ เจดีย์รายรอบองค์พระธาตุ เจดีย์เหล่านี้สร้างอย่างมีระเบียบเรียบร้อย  เป็นศิลปะราวสมัยอยุธยาตอนปลาย หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น  มีจำนวน ๑๘๕ องค์  ส่วนใหญ่จะจำลองแบบมาจาก พระบรมธาตุเจดีย์แทบทั้งสิ้น จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:00:24

ความคิดเห็นที่ 20 ++++++++++ น้าโลว์แบต...ยินดีเลยค่ะ..ขอบคุณที่ตามชมค่ะ ++++++++++    จากประตูเหมรังสี หากเราเดินผ่านองค์เจดีย์จำลองแล้ว ด้านหน้าก็คือ วิหารพระม้า  แต่เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปดูสิ่งที่น่าสนใจใน วิหารทับเกษตร กันก่อน ทางวัดได้จัดบริเวณสำหรับจุดธูปเทียนไว้หน้าวิหารทับเกษตร จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:06:36

ความคิดเห็นที่ 21 ++++++++++    วิหารทับเกษตร เป็นระเบียง หรือวิหาร ที่สร้างรอบ ระเบียงตีนธาตุ หรือทิพคีรี คลุมส่วนฐานขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ไว้ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:10:21

ความคิดเห็นที่ 22 ++++++++++    วิหารทับเกษตร เชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดให้บูรณ ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๒ มียกพื้น ๒ชั้น เดินได้รอบ  ชั้นบนนิยมเรียก ทางพระเจ้าตาก จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:18:11

ความคิดเห็นที่ 23 ++++++++++    ในวิหารทับเกษตร  มีพระพุทธรูปปูนปั้นและสำริดแบบยืนและนั่ง เรียงรายเป็น ระเบียบเต็มทั้ง ๔ ด้าน  พระพุทธรูปเหล่านี้สร้างในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:24:22

ความคิดเห็นที่ 24 +++++++++    ที่ผนังของทิพคีรีหรือตีนธาตุ โดยรอบองค์พระบรมธาตุ ทำเป็นซุ้ม มี หัวช้าง ยื่นโผล่ออกมา ราวกับว่าเป็นขื่อคานรับพระบรมธาตุ  อันเป็นลักษณะเฉพาะที่เชื่อว่า รับมาจากลังกา...ในความเชื่อเรื่องการจำลองเขาพระสุเมรุ โดยให้ช้างคอยแบกรับ ที่ฐานของเขาพระสุเมรุ  สำหรับที่ฐานของเจดีย์พระมหาธาตุมีช้างรายรอบ ๒๒เชือก จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:33:59

ความคิดเห็นที่ 25 ++++++++++  ที่ว่างระหว่างหัวช้าง มีซุ้มเรือนแก้ว แทรกอยู่รายรอบ จำนวน๒๕ซุ้ม ภายในซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางประทานอภัย ที่มีลักษณะไม่ซ้ำแบบกันเลย ทั้งพระและซุ้ม  โดยเฉพาะรูปยักษ์และคนที่รองรับยกซุ้มอยู่นั้น สวยงามมาก เชื่อว่าเป็นของเก่าที่มีศิลปปนสมัยลพบุรี สุโขทัยและอยุธยา จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:41:23

ความคิดเห็นที่ 26 ++++++++++ ..เมื่อเราชมจนรอบฐานองค์พระธาตุ ให้ย้อนมาทางเข้าเดิมเพื่อไปชมวิหารพระม้า    วิหารพระม้า มีชื่อหลายชื่อ เช่น วิหารพระม้า หรือ วิหารพระทรงม้า หรือ วิหาร พระมหาภิเนษกรม ซึ่งเป็นชื่อเรียกทางการ แต่ชาวนครนิยมเรียกว่า วิหารพระม้า ที่เรียกเช่นนี้ เพราะว่ามีงานประติมากรรมปูนปั้นฝีมือชั้นเยี่ยมของชาติ  บอกเรื่องราวการละโลกออกบวช ของเจ้าชายสิทธัตถะ  จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:58:01

ความคิดเห็นที่ 27 ++++++++++    พระทรงม้ามหภิเนษกรม  เป็นภาพปูนปั้นขนาดใหญ่ปิดทองลวดลายวิจิตร สวยงามมาก นับเป็นงานปูนปั้นภายในอาคารที่ใหญ่ เก่าแก่ และสวยงามมากที่สุด ชิ้นหนึ่งของชาติที่คงเหลือในสภาพสมบูรณ์ ผ่านการบูรณะครั้งสำคัญ ในสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ตอนปลายอยุธยา จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:08:54

ความคิดเห็นที่ 28 ++++++++++ ...ภาพปูนปั้นแสดงขณะพระสิทธัตถะกำลังพิจารณาละชีวิตคฤหัสถ์ ราชสมบัติ ราชวังที่มี พระนางยโสธราพิมพาบรรทมอยู่กับ พระราหุลกุมาร พร้อมพนักงาน ดนตรีร่ายรำพัดวี จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:15:07

ความคิดเห็นที่ 29 +++++++++ ...ภาพปูนปั้นแสดงขณะพระสิทธัตถะ ขึ้นม้ากัณฐกะ ออกจากวัง มีเหล่าเทพยดา แห่แหนมาพบ พญามารยืนขวางที่ปากทาง เสมือนปริศนาธรรมสำหรับคนเข้าวัด ...ภาพปูนปั้นเชิงบันไดทางตะวันออก เป็นของเก่าดั้งเดิม และ วิจิตรกว่า ทางทิศ ตะวันตก ที่น่าจะทำขึ้นภายหลังโดยช่างท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:40:40

ความคิดเห็นที่ 30 ++++++++++ จตุคามรามเทพท้าวและเหล่าภาพยนต์ผู้ปกปักรักษาพระบรมธาตุ ..ภายในตรงกลางวิหารพระม้า  มีบันไดทอดเป็นทางขึ้นสู่ลานประทักษิณ ทั้งหมด ๒๒ขั้น และมีงานปูนปั้นลอยตัว รายรอบเชิงบันได สมกับตำนานระบุว่า "เจ้ากาก ภาษาผูกภาพยนต์ด้วยเวทย์มนต์คาถา เป็น ยักษ์ ครุฑ นาค สิงห์ โค ม้าและช้าง **ภาพยนต์ หมายถึง หุ่นที่ผูกขึ้นด้วยฟ่อนหญ้าแล้วปลุกเสกด้วยเวทย์มนต์คาถา* จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:49:48

ความคิดเห็นที่ 31 ++++++++++ ...งานปูนปั้นลอยตัวรายรอบเชิงบันได ประกอบด้วย ยักษ์คู่ คือ ท้าวเวฬุราช และ ท้าวเวชสุวรรณ  ครุฑคู่ คือ ท้าววิรุฬปัก และ ท้าววิรุฬหก ที่ยอดบันได เป็นคู่ของท้าวขัตตุคาม และ ท้าวรามเทพ นั่งพิทักษ์อยู่  มี สิงห์สามคู่ ขนาบ เชิงบันได  คู่ล่างสีแดง ยืนสงบอยู่  คู่กลางสีเหลือง นั่งเผยอปาก  คู่บนสีดำ นั่งยกสองขาหน้าอ้าปากคำราม จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:59:30

ความคิดเห็นที่ 32 ++++++++++ ...และมี นาคคู่ คือ ท้าวทตตรฐมหาราช และ ท้าวทตตรฐราช และที่รูปปั้น พบปุ่มถ้วย ประดับไว้ในตำแหน่งที่สำคัญ ชวนนึกว่าเป็นปุ่มรหัสลับ สำหรับภาพยนต์ที่ผูกเวทย์มนต์คาถาไว้ปกปักรักษาพระบรมธาตุ  ทั้งนี้มีรอยจารึก ชื่อท้าวต่างๆไว้บนแผ่นหินอ่อนบนรูปปั้นตามอักขรวิธีท้องถิ่นแทบทุกรูป จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:10:06

ความคิดเห็นที่ 33 ++++++++++ ...ตอนเหนือสุดของผนังบันได ด้านตะวันออก เป็นรอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ นับเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองตามพุทธคติ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:12:48

ความคิดเห็นที่ 34 ++++++++++ ...ด้านตะวันตก บ้างว่าเป็นรูปพระนารายณ์  บ้างว่าเป็นพระหลักเมือง บ้างว่าเป็น พระทรงเมือง ที่ทุกเมืองโบราณที่สืบต่อคติพราหมณ์มีไว้ครบ ทั้งพระหลักเมือง พระทรงเมืองและพระเสื้อเมือง จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:17:51

ความคิดเห็นที่ 35 +++++++++ ...ผนังบันไดปั้นเป็นรูป หมู่พฤกษาในกระถาง ให้ดอกออกผล มีนก  ลิง กระรอก น่ารัก  ที่โคนไม้มีถ้วยน้อยวางไว้คล้ายรับบุญ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:24:07

ความคิดเห็นที่ 36 ++++++++++ ...สุดยอดบันไดที่จะขึ้นไปลานประทักษิณนั้น  เป็นประตูไม้บานใหญ่แกะสลักจาก ไม้แผ่นเดียวเป็นรูปลอยตัวเต็มองค์ประดับกระจกสี ...บานประตูด้านตะวันออก เป็นรูปพระพรหม  ด้านตะวันตกเป็นรูปพระนารายณ์ ฝีมือการแกะสลักประณีตสวยงามมาก  เป็นงานศิลปกรรมชั้นเยี่ยมของชาติอีก ชิ้นหนึ่งที่คาดว่าเก่าถึงสมัยอยุธยาตอนต้น  เป็นต้นแบบของพระหลักเมืองที่ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 02:43:17 จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:29:53

ความคิดเห็นที่ 37 ++++++++++ ...เหนือบันได มี ระย้าโคมไฟ สมัยรัชกาลที่๕ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:45:39

ความคิดเห็นที่ 38 ++++++++++ ...มองลงไปหน้าบันได มีพระพุทธรูปยืน ปูนปั้นขนาดใหญ่ ปางห้ามญาติ จารึกด้วย อักขระดั้งเดิมไว้ว่า "พระพุทธรูปองค์นี้ปางห้ามพยาธิครั้งเกิดไข้ห่าในเมืองไพศาลี" "พระสาวกองค์นี้ชื่อว่าพระโมกคัลลาย์นะ "และ "พระสาวกองค์นี้ชื่อว่าพระสาลีบุตร" แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 14:52:29 จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:51:06

ความคิดเห็นที่ 39 ++++++++++ ...ก่อนจะขึ้นไปลานประทักษิณ  เรามาขอขมาก่อนขึ้น  หน้าบันไดในวิหารพระม้า จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 02:58:21

ความคิดเห็นที่ 40 ++++++++++ ...ขอพักไว้ที่ขอขมาก่อนนะคะ..ลากันด้วยขนมลา..พรุ่งนี้เช้า จะมาพาไปเที่ยว วัดพระธาตุต่อค่ะ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 03:04:28

ความคิดเห็นที่ 41 ++++++++++ เช้าวันนี้จะพาทุกท่านขึ้นไปยัง ลานประทักษิณ ...การขึ้นสู่ลานประทักษิณ แต่ก่อนนั้นไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไป เว้นแต่จะต้อง เป็นผู้ทรงศีลหรือเฉพาะในกรณีเทศกาลประเพณีพิเศษ เนื่องจากเชื่อว่าอาจอยู่ สูงกว่าตำแหน่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ในแม่ขันในสระ   ปัจจุบันให้ บุคคลทั่วไปขึ้นไปได้  ให้มีการขอขมาก่อนขึ้น ...ส่วนใหญ่ผู้มาสักการะพระบรมธาตุจะต้องมาเดินทักษิณาวัตร คือเดินเวียนขวา รอบองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:34:20

ความคิดเห็นที่ 42 ++++++++++ เราจะเดินไป และ ดูรูปแบบขององค์พระมหาธาตุไปด้วยนะคะ ...ลานประทักษิณ  ปูพื้นด้วยหินอ่อน กำแพงมีใบเสมาดินเผา และรั้วเหล็กมีฉัตร และบังสูรย์รายรอบ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:43:43

ความคิดเห็นที่ 43 ++++++++++ ...สี่มุมเป็นพระเจดีย์ทิศทั้งสี่ ชื่อ รัตนเจดีย์ มีถ้วยประดับตามซุ้มมุข จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:46:45

ความคิดเห็นที่ 44 ++++++++++    บนสันหลังคาวิหารทับเกษตร มี ท่อระบายน้ำ จาก ลานประทักษิณ ปลายท่อ ทำเป็นรูปหัวสัตว์ปูนปั้น รวมทั้งหมด ๑๐ ท่อ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:49:49

ความคิดเห็นที่ 45 ++++++++++   จากฐานลานประทักษิณ จะมีลักษณะเป็นฐานปัทม์ ๔ชั้น จากพื้นถึงบัวปากระฆัง สูง ๓.๑๐เมตร จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:56:03

ความคิดเห็นที่ 46 ++++++++++    องค์ระฆัง สูง ๙.๘๐ เมตร จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:03:06

ความคิดเห็นที่ 47 ++++++++++    มีบัลลังก์สี่เหลี่ยม ประดับเครื่องถ้วย สูง ๕.๓๐เมตร จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:05:26

ความคิดเห็นที่ 48 ++++++++++    ต่อด้วยเสาหานหน้ากระดาน ที่ประดิษฐาน พระอรหันต์อริยสาวกทั้ง๘ ทำประทักษิณอยู่ เรียกว่า พระเวียน(พระโกณทัญญะ-มหากัสสปะ-สารีบุตร-อุบาลี- อานนท์-ควัมปติ-โมคัลลานและราหุล) สูง ๓.๑๕เมตร จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:10:24

ความคิดเห็นที่ 49 ++++++++++    ต่อด้วยชั้นปล้องไฉน ๕๒ปล้อง สูง ๑๗.๕๕เมตร ปล้องไฉน ๕๒ปล้อง มีผู้อธิบายว่า น่าจะหมายถึง ๑+๕๐+๑ โดยจำนวน๑แรก คือ ศตวรรษแรก ที่พระพุทธองค์สมเด็จพระมหาสมณโคดม ทรงประสูติ เสด็จออกผนวช  ตรัสรู้ เผยแผ่พระธรรมและเสด็จสู่พระปรินิพพาน    จำนวน ๕๐(๕๐ศตวรรษ) ต่อมา หมายถึง อายุของพุทธศาสนา จนครบสมัย ของพระศาสนาที่พระมหาสมณโคดมทรงประกาศเผยแผ่    และจำนวน ๑ หลัง หมายถึง ศตวรรษที่พระศรีอาริยเมตไตรย ทรงประสูติ เสด็จออกผนวช ตรัสรู้ ประกาศพระศาสนา จนกระทั่งเสด็จสู่พระปรินิพพานนั่นเอง จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:25:45

ความคิดเห็นที่ 50 ++++++++++    จากนั้น เป็นชั้น บัวคว่ำบัวหงาย และ ปลียอดทองคำ ที่หุ้มด้วยทองคำหนา ขนาดใบตาล สูง๑.๑๗เมตร และ ๖.๘๐เมตร ถึง ประทุมโกษ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:30:37

ความคิดเห็นที่ 51 ++++++++++    บนแผ่นทองคำตลอดระยะของปลียอด มีการตกแต่งด้วยกระเปาะพลอย รูปลักษณะสีสันและลวดลายต่างๆ เช่น ดอกพิกุลประจำยาม ถึง ๓๑แถว และยังมี สิ่งของมีค่าอีกมากมายที่ร้อยผูกแขวนอยู่ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:40:23

ความคิดเห็นที่ 52 ++++++++++    และที่สำคัญคือ บริเวณส่วนปลายของปลียอด ที่ทำเป็น บัวหงาย รองรับ พุ่มข้าวบิณฑ์ ได้ประดิษฐ์เครื่องสักการบูชาด้วยแก้วแหวนเงินทอง เป็นดอกไม้ ทองคำ บนก้านดวงแก้วและลูกปัทม์พันแผ่นทองคำไว้ภายใน จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:44:58

ความคิดเห็นที่ 53 ++++++++++    พุ่มเรือนรัศมีซึ่งเป็นส่วนปลายยอดสุด ทำเป็นรูปสาแหรก ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์  ตามซี่ของสาแหรกทั้งสี่ซี่สวมลูกแก้วใสโตเท่าผลหมากสุก ซี่ละ ๑๖ลูก ในขณะที่แกนกลางสวมดวงแก้ว ๙ลูก     ยอดบนสุดมี หม้อทองคำ ที่ยกสูงหงายไว้ ๑ใบ โตขนาดวางไข่ไก่ได้ ๑ฟอง เปรียบเสมือนบาตรรับน้ำแล้วให้ระเหยกลับสู่อากาศประหนึ่งน้ำมนต์ประพรมไปทั่ว ในหม้อมีปิ่นทองคำทำเป็นคันธงห้อยใบโพธิ์ทอง มีดอกไม้ไหวทำด้วย กระดุมเพชร ๔ดอก ๔ทิศ *เครดิตภาพ: จากหนังสือ "คู่มือนำเที่ยววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร" ของ ททท. จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 10:04:43

ความคิดเห็นที่ 54 ++++++++++    เมื่อเราชมภายในวิหารพระม้าและเดินทักษิณาวรรตรอบลานประทักษิณแล้ว ออกจากวิหารพระม้าทางประตูเดิมด้านทิศตะวันออก  มีหอระฆัง ระบุปีสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ แขวน ระฆังสำริด ใบใหญ่ ของเก่า หล่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๒๓๐    แวะหยุดตีระฆังกันก่อน..เชื่อกันว่า การตีระฆังหลังทำบุญ เป็นการบอกให้เทวดา และมนุษย์ได้ยินเสียงเป็นสัญญาณ เพื่อจะได้อนุโมทนาและรับส่วนบุญนั้นด้วย    สาธุ..สาธุ..สาธุ.. จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 10:12:03

ความคิดเห็นที่ 55 ++++++++++    ตอนที่๑ ขอจบด้วยการตีระฆังเอาบุญ    สำหรับตอนที่๒ จะพาไปชมพิพิธภัณฑ์สถานของวัด  วิหารสามจอม  วิหารพระแอด  เจดีย์หินแบบจีน  พระวิหารหลวง  ต้นพระศรีมหาโพธิ มณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง    ลากันด้วย "มังคุดคัด" ที่หาชิมได้เฉพาะที่เมืองนคร เท่านั้น จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 10:24:39

ความคิดเห็นที่ 56 งดงาม  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 11:24:17

ความคิดเห็นที่ 57 เคยไปมาครั้งหนึ่งแต่ไม่รู้เท่านี้เลย จากคุณ : cdamodify เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 11:43:19

ความคิดเห็นที่ 58 โดยส่วนตัวมีความเคารพและศรัทธา องค์พระธาตุเมืองนครมากๆ ขอบคุณมากมายสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : trabkk เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 19:36:00

ความคิดเห็นที่ 59 ยังไม่เคยไปเลยครับ จองตั๋วโปรไม่ได้ซะที ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 23:45:38

ความคิดเห็นที่ 60 ++++++++++ คุณเล็กทาโร่...ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ คุณcdamodify...แต่ก่อนก็ไม่ทราบรายละเอียดมากเช่นกันค่ะ..พอดีได้ หนังสือ  "ประวัติศาสตร์ โบราณคดี นครศรีธรรมราช" และ "คู่มือนำเที่ยว วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร" ก็เลยอยากจะให้ทุกคนได้ทราบอย่างที่ ตนเองทราบด้วยน่ะค่ะ คุณtrabkk...ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ..ส่งแรงศรัทธาเพื่อให้พระบรมธาตุ ขึ้นเป็นมรดกโลกในอีก๒ปี คุณCoffee Blended...ถ้ามีโอกาส คงได้ชมการรีวิว นครศรีธรรมราช จาก ฝีมือของน้องนะคะ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 09:46:55

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้ามีโอกาสคงตามไปเที่ยวแน่นอนครับ จากคุณ : Oatta's Journey เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:59:31

ความคิดเห็นที่ 62 ++++++++++ คุณOatta's Journey...ยินดีต้อนรับค่ะ ++++++++++    อาหารการกิน...พร้อมค่ะ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 00:58:52

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากครับ ต้นปีหน้าจะได้ตามไปกราบพระธาตุนครฯ  บ้างครับ จองตั๋วโปรไว้นานมาแล้วครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 09:57:03

ความคิดเห็นที่ 64 ++++++++++ คุณkugar...ยินดีต้อนรับค่ะ ++++++++++ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 19:19:48

ความคิดเห็นที่ 65 ++++++++++ เที่ยววัดพระธาตุ...ตอนที่๒ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12885623/E12885623.html ++++++++++ จากคุณ : ใจที่ไม่อยู่นิ่ง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 19:27:32