ความคิดเห็นที่ 1 เสร็จมาเจอสภาพความวุ่นวายด้านนอกของสถานีอักรา ( Agra )  หารถตุ๊ก ๆ ไปโรงแรม  แม่เจ้าบอกเรา 500 รูปี  ใครจะเป็นบ้าไปเชื่อ  ได้ฟังเท่านั้นอาการงงหายเลย  เดินไปหารถไม่ไกลก็ได้ในราคา 80 รูปี  ทำไมราคามันชั่งห่างกันขนาดนี้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:39:37

ความคิดเห็นที่ 2 ก็อย่างว่าเมืองนี้นักท่องเที่ยวเยอะก็ต้องโก่งราคาหน่อย  ถ้าใครมาเที่ยวที่อินเดียแล้วเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือรถโดยสาร  เมื่อลงรถท่องไว้ว่าตั้งสติแล้วสตางค์อยู่  เพราะคนเขาจะมารุมเราแล้วแข่งกันเรียกลูกค้าจนเราปวดหัว  ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ หาไม่ต้องรีบนะคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:40:16

ความคิดเห็นที่ 3 เรียกตุ๊ก ๆ ไปที่  Hotel Sidhartha  ระหว่างทางคนขับก็ถามว่าเรามาจากไหน  แล้วก็เอาหนังสือที่นักท่องเที่ยวเขียนให้มาให้เราดู  เราก็ดูแบบงง ๆ ว่าให้ดูทำไม  พอถึงโรงแรมเลยถึงบางอ้อ  เขาบอกจะพาเราเที่ยวช่วงบ่ายพาไปประมาณ 3 – 4 ที่  เขาคิดคนละ 200 รูปี  รวมทั้งหมด 600 รูปี  พวกเขาชอบอาศัยช่วงงง ๆ อยู่เรื่อยเพราะไหนจะดูเรื่องห้องยังต้องฟังเขาอีก  เราเลยขอเบอร์ถ้าชั้นไปชั้นจะโทรบอกนะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:41:12

ความคิดเห็นที่ 4 สภาพห้องที่นี่ใช้ได้วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะได้นอนห้องนอนที่โรงแรม  เพราะที่ผ่านมานอนแต่รถไฟ  ถ้าใครกลัวว่าจะไม่ค่อยสะอาดขอแนะนำ 1. รองเท้าใส่เดินในห้อง 2. ผ้าห่มหรือถุงนอน  เพราะเราก็เตรียมไป  ส่วนผ้าห่มก็เป็นผ้าห่มเลยไม่มีผ้าห่อไว้อีกชั้น  ( ทุกโรงแรมเหมือนกันหมด )  ถึงเป็นบ้าหอบฟางแต่ของเราสบายใจดี ^^ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:45:56

ความคิดเห็นที่ 5 โรงแรมนี้อยู่ในเขตห้ามรถเข้า  เพราะควันจากรถจะเป็นอันตรายต่อทัชมาฮาล ( Taj Mahal )  ออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาเดินไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วใกล้มาก  ระหว่างทางจะมีร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ รวมถึงที่แลกเงิน  ถ้าใครสนใจหินอ่อนแกะสลักสามารถซื้อได้ที่นี่เลย  หลักการซื้อลองเอาเล็บขูดดูด้านในว่ามีเศษหินอ่อนติดมาหรือเปล่าถ้าไม่มีแสดงว่าเป็นหินอ่อนอย่างดี  และลองส่องไฟจะโปร่งแสงค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:46:30

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มเข้าเขตความวุ่นวาย  ยังดีที่ประตูด้านนี้ทัวร์ไม่ได้มาลง  ส่วนมากจะเป็นคนอินเดีย  ไม่งั้นคงจะวุ่นวายกว่านี้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:47:05

ความคิดเห็นที่ 7 เมืองอัครานี้สามารถใช้หนังสือแสดงเป็นส่วนลดได้  ที่เห็นเป็นค่าเข้าทัชมาฮาลจาก 750 รูปีลดเหลือ 510 รูปี  แล้วเขาจะให้เราเดินไปรับน้ำ 1 ขวด และถุงใส่ทับรองเท้า จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:48:36

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อจากนั้นก็ต้องเข้าแถว  โดยแบ่งฝั่งเป็นหญิงและชาย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:49:13

ความคิดเห็นที่ 9 มีการตรวจที่เข้มงวด  พอตรวจดูว่าพกสิ่งต้องห้ามมาหรือเปล่า  ก็ต้องส่งกระเป๋าทุกใบเข้าเครื่อง  ที่นี่ไม่อนุญาตให้นำขนมทุกชนิดเข้าไป  ตรวจเจอเอาออกเลยแล้วให้ไปฝากไว้  ของเราเจอเพียบ  แต่พวกเราเอากลับไปเก็บที่ห้องพักเพราะอยู่ใกล้  แอบเคืองเจ้าหน้าที่เพราะด้านในมีกระรอกเยอะถ้าเอาเข้าไปได้กระรอกคงได้กินขนมเมืองไทย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:50:24

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อเราทำขั้นตอนการตรวจทุกอย่างเรียบร้อย  เดินมากลางสวนก็จะเจอประตูขนาดใหญ่  สร้างด้วยหินทรายสีแดงชื่อว่า “ ชอว์กกีจิโลกานา ( Chowk-i-Jilo Khana ) ” จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:50:54

ความคิดเห็นที่ 11 ก่อนที่จะผ่านประตูนี้ไปถ้าใครมีกล้องวิดีโอต้องฝากไว้เพราะไม่อนุญาตให้เอาเข้าไป  ตอนแรกพวกเรานึกว่าเสียเงินเป็นค่าวิดีโอแต่นำเข้าไปได้  ถ่ายเต็มที่แต่พอจะเดินเข้าไปยังตัวทัชมาฮาลเจ้าหน้าที่เลยชี้ให้ไปฝากกล้องก่อน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:51:32

ความคิดเห็นที่ 12 แผนที่ทัชมาฮาล จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:52:03

ความคิดเห็นที่ 13 เตรียมพร้อมเรียบร้อยถูกกฎค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:53:25

ความคิดเห็นที่ 14 เราไปแวะชมอาคารที่สร้างด้วยหินทรายแดงที่อยู่ด้านข้างของทัชมาฮาลก่อน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:54:19

ความคิดเห็นที่ 15 อาคารนี้สร้างจากหินทรายแดง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:54:49

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นมัสยิด จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:55:18

ความคิดเห็นที่ 17 ซึ่งในปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:56:19

ความคิดเห็นที่ 18 คราวนี้ก็มีถึงไอไลท์สำคัญอนุสรณ์แห่งรัก “ ทัชมาฮาล ( Taj Mahal ) ”  สร้างโดยจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  โดยสถาปนิกชาวตุรกีชื่ออุซตาด  อาห์หมัด  เลาฮารี ( Ustad Ahmad Lahauri )  เริ่มกองสร้างในปี ค.ศ. 1631  และใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 22 ปีจึงเสร็จในปี ค.ศ. 1653  การก่อสร้างต้องใช้แรงงานกว่า 20,000 คน ( บางส่วนเป็นช่างฝีมือจากเอเชียกลาง , เปอร์เซีย และอิตาลี )  รวมถึงช้างกว่า 1,000 เชือกเพื่อขนวัสดุก่อสร้าง  ที่สำคัญยังใช้หินมีค่าซึ่งขนมาจากเมืองนากัวร์ ( Nagaur )  รัฐราชสถานถึง 28 ชนิด  ฝังลงบนหินอ่อนด้วยเทคนิคเพ็ททราดูร่าด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:57:11

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับอาคารสำคัญของทัชมาฮาลก็คือ  อาคารทรงแปดเหลี่ยมสีขาวเนียน  ซึ่งมีโดมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง  และมีหออะซาน ( Minaret ) สูง 40 เมตรล้อมรอบอยู่ทั้ง 4 ด้าน  และหอนี้จะถูกสร้างให้เบนออกจากโดมเล็กน้อย  เพื่อป้องกันไม่ให้หอคอยล้มทับสุสานที่อยู่ตรงกลาง  ส่วนภายในอาคารคือห้องโถงขนาดใหญ่ที่ตั้งหีบพระศพของจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  และพระนางมุมตัช  มาฮาล จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:57:54

ความคิดเห็นที่ 20 โดยตัวอาคารหลักของทัชมาฮาลนั้น  สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ถอดแบบมาจากเปอร์เซีย  และมีโดมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 58 ฟุต  สูงจากพื้น 55 เมตรอยู่ตรงกลาง  นอกจากนี้แทนที่ตัวอาคารจะตั้งอยู่บนดินและอยู่กลางสวน  ตามรูปแบบดั้งเดิมของอนุสาวรีย์บรรจุศพแบบมุสลิมทั่วไป  แต่ทัชมาฮาลกลับตั้งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยมยกสูงจากพื้น  และยังตั้งอยู่สุดปลายของสวนอีกด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:58:30

ความคิดเห็นที่ 21 เอกลักษณ์ของทัชมาฮาลที่โดดเด่นอีกอย่างคือ  การใช้เทคนิคฝังหินล้ำค่าเป็นลวดลายดอกไม้  เส้นและรูปทรงเรขาคณิตลงบนหินอ่อน  ซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่า “ เพ็ททราดูร่า ( Pietra Dura ) ”  โดยเราสามารถเห็นได้รอบอาคาร จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:59:20

ความคิดเห็นที่ 22 นอกจากนี้ยังมีเทคนิค “ คอลลิกราฟิกพาเนลส์ ( Calligraphic Panels ) ”  หรือการนำหินอ่อนสีดำฝังลงในหินอ่อนสีขาว  เป็นตัวอักษรจากคัมภีร์อัลกุรอาน  สลักฝังอยู่โดยรอบ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:00:01

ความคิดเห็นที่ 23 ด้านในเป็นโถงมีแท่นวางหีบพระศพของจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  ทำด้วยหินอ่อนซึ่งตั้งคู่กับหีบพระศพของพระนางมุมตัช  มาฮาล  ทั้งนี้หีบพระศพทั้งสองเป็นเพียงหีบจำลองเท่านั้น  ส่วนของจริงถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินด้านล่างซึ่งไม่อนุญาตให้ลงไปดู จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:00:38

ความคิดเห็นที่ 24 หออะซาน ( Minaret )  คือหอสูงที่อยู่ด้านข้างของมัสยิดในศาสนาอิสลาม  ใช้เป็นจุดสูงสุดในการกระจายเสียงอะซานหรือเสียงเรียกร้องเชิญชวนผู้คนเมื่อถึงเวลาละหมาดซึ่งทำกันวันละ 5 เวลา  คือ  รุ่งอรุณ ( Fajr ) ,  บ่าย ( Dhuhr )  ,  เย็น (  Asr ) , หัวค่ำ ( Maghrib ) และกลางคืน ( Isha’ )  โดยปัจจุบันมัสยิดสมัยใหม่จะใช้วิธีการอะซานจากภายในอาคารมัสยิด  ผ่านเครื่องขยายเสียงไปยังผู้คนเพื่อเป็นการเตือนเมื่อถึงเวลา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:01:11

ความคิดเห็นที่ 25 ทัชมาฮาลได้รับการบูรณะครั้งใหญ่โดยคำสั่งของท่านลอร์ดเคอร์ซอน ( Lord Curzon )  อุปราชอังกฤษในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19  และต่อมาในปี ค.ศ. 1983  องค์การยูเนสโก ( UNESCO )  จึงได้ขึ้นทะเบียนให้ทัชมาฮาลเป็นมรดกโลก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:02:15

ความคิดเห็นที่ 26 มเหสีมุมตัช  มาฮาล  ( Mumtaz Mahal )  มีชื่อเดิมเต็ม ๆ ว่า  อาร์จุมานด์  บาโน  เบกุม ( Arjumand Bano Begum )  เป็นพระชายาองค์ที่ 3 ของจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  และเป็นคู่ทุกข์คู่ยากอยู่เคียงคู่กับพระองค์มาตั้งแต่ก่อนจะขึ้นเถลิงราชสมบัติ  นอกจากนี้พระนางยังร่วมเดินทางไปกับจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  ในทุกที่  ตลอดระยะเวลานานถึง 19 ปี ( แม้แต่ในสนามรบ )  ทั้งนี้พระนางมุมตัชมีทายาท 14 พระองค์  แต่ 7 พระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่แบเบาะรวมทั้งพระองค์สุดท้าย  ที่ทำให้พระนางต้องสิ้นพระชนม์ระหว่างประสูติในปี ค.ศ. 1631 ด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:03:02

ความคิดเห็นที่ 27 การสิ้นพระชนม์ของพระนางมุมตัช  มาฮาลนั้น  ทำให้จักรพรรดิชาห์  จาฮานทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก  จนพระเกศาเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนและทรงกันแสงจนพระเนตรแดงเป็นสีเลือด  จากนั้นในปีเดียวกันพระองค์ก็มีคำบัญชาให้สร้างทัชมาฮาลขึ้น  เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและความทรงจำอันยิ่งใหญ่  ที่พระองค์ทรงมีให้กับมเหสีผู้เป็นดวงใจ  ( ภาพทั้ง 2 ภาพนี้ได้จากหนังสือตีตั๋วตะลุยอินเดียค่ะ ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:03:32

ความคิดเห็นที่ 28 จากนั้นแวะเติมพลังที่โรงแรม ( ข้าวผัดผักที่นี่อร่อยค่ะ )  แล้วเราก็เที่ยวต่อยังสุสานเบบี้ทัช ( Baby Taj ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:04:22

ความคิดเห็นที่ 29 ประตูทางเข้าเบบี้ทัช จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:05:01

ความคิดเห็นที่ 30 สุสานเบบีทัช ( Baby Taj )  หรือในชื่อที่ชาวอินเดียเรียกกันว่า “ อัตมาอุดดอลาห์ ( Itimad-ud-Daulah ) ”  เป็นสุสานของเมอร์ซ่า  กิยาส  เบก ( Mirza Ghiyas Beg )  พ่อตาของจักรพรรดิจาฮานกีร์  ซึ่งพระนางนูร์  จาฮาน ( Nur Jahan )  ที่เป็นลูกสาวได้รับสั่งให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1622  ( สร้างก่อนทัชมาฮาล ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:05:42

ความคิดเห็นที่ 31 รูปแบบการสร้างไม่ได้แตกต่างจากสุสานบุคคลสำคัญของมุสลิมในสมัยนั้น คือมีตัวอาคารหลักตั้งอยู่กลางสวนและกั้นด้วยประตูทางเข้าอีกชั้น  แต่ด้วยความที่ท่านมีตำแหน่งสูงถึง “ อัตมาอุดดอลาห์ ( Itimad-ud-Daulah ) ”  หรือเทียบเท่ากับนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:06:22

ความคิดเห็นที่ 32 งานศิลปกรรมและการตกแต่งหลาย ๆ อย่างของที่นี่ดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์  โดยจะเห็นได้ชัดคืองานก่อสร้างรูปแบบโมกุล จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:06:59

ความคิดเห็นที่ 33 ที่เปลี่ยนจากการใช้หินทรายแดงแบบดั้งเดิมมาเป็นหินอ่อน  จนกลายเป็นต้นแบบการก่อสร้างเรื่อยมาถึงยุคของจักรพรรดิชาห์  จาฮาน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:07:32

ความคิดเห็นที่ 34 และเอกลักษณ์ที่เด่นอีกประการของสุสานเบบี้ทัชก็คือ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:08:00

ความคิดเห็นที่ 35 การใช้เทคนิคฝังหินและกระเบื้องลงในหินอ่อน  จนเป็นลวดลายดอกไม้และรูปทรงเรขาคณิต  ทำให้ด้านนอกของอาคารมีลวดลายแบบนี้เกือบทั้งหลัง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:08:38

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนหินที่ใช้จะเป็นสีโทนน้ำตาล  เหลือง  และแบบลาย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:09:07

ความคิดเห็นที่ 37 ด้านในอาคาร  จะพบหีบศพจำลองของเจ้าของสุสานและภรรยาตั้งอยู่เคียงกัน ( หีบของจริงฝังอยู่ใต้ดิน ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:09:51

ความคิดเห็นที่ 38 หีบศพจำลองอีกด้าน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:10:32

ความคิดเห็นที่ 39 ในอาคารนี้มีการตกแต่งผนังรวมทั้งเพดานด้วยลวดลายดอกไม้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:11:00

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพต้นไม้สวย ๆ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:11:35

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพแจกันและภาพผลไม้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:12:10

ความคิดเห็นที่ 42 ตามแบบศิลปะเปอร์เซียที่ทำได้อย่างประณีต จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:12:36

ความคิดเห็นที่ 43 ที่สำคัญทั้งหมดยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:13:12

ความคิดเห็นที่ 44 สัตว์เลี้ยงประจำสถานที่ท่องเที่ยว  เราเอาซูกัสให้กินอร่อยใหญ่เลย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:13:56

ความคิดเห็นที่ 45 จากนั้นเรานั่งตุ๊ก ๆ มายังป้อมอักรา ( Agra Fort )  ป้อมนี้ถือว่าเป็นป้อมสำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย  เนื่องจากเป็นฐานบัญชาการและที่มั่นของกษัตริย์โมกุลมานาน  โดยเฉพาะช่วงเวลาที่โมกุลรุ่งเรืองสุดขีดภายใต้การปกครองของจักรพรรดิอัคบาร์  มหาราช ( Akbar the Great )  ก่อนย้ายเมืองหลวงไปกรุงเดลลี จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:14:46

ความคิดเห็นที่ 46 จักรพรรดิอัคบาร์ทรงรับสั่งให้สร้างป้อมอักราขึ้นในปี ค.ศ. 1565  โดยบริเวณป้อมถูกล้อมรอบด้วยกำแพงยาว 2.5  กิโลเมตร  สูง 20 เมตร  ส่วนอาคารต่าง ๆ ถูกสร้างต่อเติมกันมาเรื่อย ๆ  โดยเฉพาะในยุคของจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  ซึ่งพระองค์สั่งให้ทุบวังเก่าบางส่วนทิ้ง  แล้วสร้างใหม่ด้วยหินอ่อนตามความชอบส่วนพระองค์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:15:27

ความคิดเห็นที่ 47 ประตูนี้ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินตามศิลปะแบบเปอร์เซีย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:15:57

ความคิดเห็นที่ 48 ทางเดินขึ้นป้อมเป็นเนินไม่ชันมากค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:16:34

ความคิดเห็นที่ 49 .  เดินเข้ามาทางขวามือก็จะเจอ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:17:27

ความคิดเห็นที่ 50 พระราชวังจาฮานกีร์หรือจาฮานกีร์มาฮาล ( Jahangir Mahal ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:18:03

ความคิดเห็นที่ 51 สร้างด้วยหินทรายแดงในปี ค.ศ. 1570  พระราชวังแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างสมัยจักรพรรดิอัคบาร์เพียงชิ้นเดียว จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:18:41

ความคิดเห็นที่ 52 ที่ยังไม่ถูกจักรพรรดิชาห์  จาฮาน สั่งให้ทุบทำลายเพื่อทำใหม่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:19:11

ความคิดเห็นที่ 53 จุดสังเกตของพระราชวังจาฮานกีร์คือด้านหน้าจะมีโอ่งน้ำใบใหญ่ที่ใช้จริงในสมัยโบราณตั้งอยู่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:19:45

ความคิดเห็นที่ 54 ส่วนสถาปัตยกรรมและศิลปะการตกแต่งของที่นี่  ก็จะเป็นการผสมผสานระหว่างฮินดู ( ระเบียบและโดม )  และอิสลาม  ซึ่งเป็นความชอบส่วนพระองค์ของจักรพรรดิอัคบาร์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:20:27

ความคิดเห็นที่ 55 ที่สำคัญงานแกะสลักเสา  หน้าต่าง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:20:54

ความคิดเห็นที่ 56 รวมถึงผนังของพระราชวังแห่งนี้ยังมีความละเอียดลออ  และปัจจุบันยังอยู่ในสภาพที่สมบรูณ์มาก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:21:20

ความคิดเห็นที่ 57 นักโบราณคดีเชื่อว่าพระราชวังจาฮานกีร์เป็นส่วนหนึ่งของฮาเร็ม  ที่ว่า “ ซานานา ( Zanana ) ” ซึ่งเป็นอาณาเขตของบรรดาพระสนม  มากกว่าจะเป็นวังที่จักพรรดิอัคบาร์สร้างให้ลูกชายตัวเอง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:22:01

ความคิดเห็นที่ 58 เนื่องจากวังแห่งนี้สร้างก่อนที่เจ้าชายจาฮานกีร์จะเกิด  และพระองค์ก็ไม่ได้มีคำสั่งให้สร้างด้วย  เลยไม่มีใคทราบชัดเจนว่าทำไมวังนี้ถึงได้เรียกชื่อว่า “ Jahangir Mahal ” จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:22:29

ความคิดเห็นที่ 59 ประวัติของจักรพรรดิอัคบาร์ ( Emperor Akbar )  พระองค์มีพระนามจริงว่า “ จาลาลุดดิน  มูฮัมหมัด  อัคบาร์ ( Jalaluddin Muhammad  Akbar ) ”  แห่งราชวงศ์โมกุล   เป็นพระโอรสของจักพรรดิหุมายูน ( Emperor Humayun )  ประสูติในระหว่างที่พระบิดาหนีไปอยู่อัฟกานิสถาน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:23:01

ความคิดเห็นที่ 60 ได้ขึ้นครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1556 – 1605  ในขณะที่มีพระชนมพรรษาเพียง 13 ปี  แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็สามารถรวบรวมดินแดนของอินเดียตอนเหนือ  ให้อยู่ภายใต้การปกครองได้ทั้งหมด  เนื่องจากใช้ระบบการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพรัดกุม  และยังซื้อใจประชาชนชาวฮินดูด้วยการให้สิทธิเท่าเทียมกับชาวมุสลิม ( รวมถึงแต่งตั้งชาวฮินดูให้เป็นนายทหารและแม่ทัพด้วย ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:23:35

ความคิดเห็นที่ 61 ที่สำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบรรดานครอิสระกับราชวงศ์โมกุล  พระองค์ยังได้อภิเษกกับเจ้าหญิงฮินดูจากหลายแคว้น  โดยเฉพาะจากราชวงศ์ราชปุตของรัฐราชสถาน  และทรงได้คิดค้นลิทธิ “ ดีนิอิลาฮี ( Din-i-llahi ) ”  ขึ้นมา  เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างความเชื่อของฮินดูและอิสลามด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:24:05

ความคิดเห็นที่ 62 จากประวัติจะเห็นว่าจักรพรรดิอัคบาร์เป็นจักรพรรดินักรบที่ฉลาดปราดเปรื่อง ( ทั้งที่ไม่รู้หนังสือ )  ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดจักรพรรดินักปกครองของอินเดียและเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 2 ต่อจากพระเจ้าอโศกมหาราชที่ได้รับสมญานามว่า “ มหาราช ( The Great ) ” จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:24:36

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนนี้เรียกว่า “ อังกุรีบักห์ ( Anguri Bagh ) ”  สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  เพื่อใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนของครอบครัว  ติด ๆ กับสวนอังกุรีบักห์มีพระตำหนักหินอ่อนขนาบข้างอยู่  ฝั่งหนึ่งเป็นห้องบรรทมและอีกฝั่งเป็นพระตำหนักชีชมาฮาล ( Shish Mahal หรือ Sheesh Mahal )  ที่ใช้เป็นห้องแต่งตัว จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:25:20

ความคิดเห็นที่ 64 นอกจากนี้ผนังห้องจะประดับด้วยเศษกระจกแวววาว  และด้านในจะตกแต่งด้วยโมเสกหายาก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:25:51

ความคิดเห็นที่ 65 มุสสัมมานบาร์ช ( Musamman Burj )  เป็นวังขนาดกะทัดรัด จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:26:27

ความคิดเห็นที่ 66 ใช้เทคนิคเพ็ททราดูร่าในการตกแต่งเกือบทั้งหลัง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:27:03

ความคิดเห็นที่ 67 นอกจากนี้ยังมีระเบียงออกไปทางฝั่งแม่น้ำยมุนา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:27:41

ความคิดเห็นที่ 68 ซึ่งในตำนานเล่าว่าเป็นระเบียงที่องค์จักรพรรดิชาห์  จาฮาน  เฝ้ามองทัชมราฮาลจนกระทั้งลมหายใจสุดท้ายขณะถูกขังอยู่ในห้องนานถึง 8 ปี จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:28:12

ความคิดเห็นที่ 69 ตามประวัติที่เล่ากันมา  จริง ๆ แล้วจักรพรรดิชาห์  จาฮาน  นั้นประสงค์จะให้สร้างสุสานฝังพระศพของตัวเอง  เป็นทัชมาฮาลสีดำขึ้นที่บริเวณแม่น้ำฝั่งตรงข้ามกับทัชมาฮาล ( สีขาว )  ทว่าเจ้าชายออรังเซบกลัวว่า  พระบิดาจะใช้เงินพระคลังจนหมดไปกับสิ่งก่อสร้างหรูหราไม่มีวันจบสิ้น จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:28:42

ความคิดเห็นที่ 70 จึงจับพระบิดากักบริเวณและขึ้นครองบัลลังก์  แต่ภายหลังจากพระบิดาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1666  จักรพรรดิออรังเซบจึงนำพระศพไปฝังคู่กับพระนางมุมตัช  มาฮาล  ผู้เป็นพระมารดาในทัชมาฮาลนั่นเอง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:29:15

ความคิดเห็นที่ 71 ดิวันอิกัส ( Diwan-i-Khas )  สมัยก่อนใช้เป็นท้องพระโรง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:29:48

ความคิดเห็นที่ 72 ที่จักรพรรดิใช้หารือข้อราชการส่วนพระองค์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:30:22

ความคิดเห็นที่ 73 บัลลังก์ของจักรพรรดิชาห์  จาฮานค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:30:53

ความคิดเห็นที่ 74 มัสยิดนากีนา ( Nagina Masjid )  หรือมัสยิดกีม ( Gem Mosque )  สร้างในสมัยพระเจ้าชาห์  จาฮาน  เพื่อให้พระสนมทั้งหลายใช้ละหมาด  โดยจุดเด่นซึ่งเห็นได้ชัดคือมียอดโดม 3 ยอด จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:31:30

ความคิดเห็นที่ 75 ใกล้ ๆ กับมัสยิดนากีนาจะเป็นอาคารเรียกว่า “ ดิวันอิอัม ( Diwan-i-Am ) ”  ซึ่งเป็นท้องพระโรงที่จักรพรรดิเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาร้องทุกข์และใช้ประกาศนโยบายสำคัญ ๆ ลักษณะเด่นของอาคารหลังนี้คือ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:31:55

ความคิดเห็นที่ 76 มีโค้งประตูหยักคล้ายกลีบดอกไม้  และก่อสร้างจากหินทราบซึ่งฉาบทับด้วยปูนผสมเปลือกหอยมุกทำให้ดูเหมือนกับหินอ่อน  นอกจากนี้ในอดีตที่นี่ยังเคยมีบัลลังก์นกยูง ( Peacock Throne )  ประดับด้วยเพชรพลอยล้ำค่ามากมาย  ทว่าเมื่อเปลี่ยนการปกครองบัลลังก์ก็ถูกปล้นและหายไปในที่สุด จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:33:31

ความคิดเห็นที่ 77 เที่ยวเสร็จหาที่เติมพลัง  ให้รถตุ๊ก ๆ ช่วยพาไปร้านอาหารที่อร่อย ๆ ไปถึงสั่งน้ำมะนาว  พอพนักงานยกมาให้เป็นมะนาวล้วน ๆ ใส่แก้ว  และโซดา 1 ขวดผสมกันเอาเองออกมาน้ำมะนาวเหมือนกัน ^^ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:34:11

ความคิดเห็นที่ 78 หน้าตาอาหารดูดี  รสชาติอร่อยค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:34:45

ความคิดเห็นที่ 79 กินเสร็จเราก็ถามพนักงานว่าจากตรงนี้ไปที่พักของพวกเราไกลหรือเปล่า  พนักงานบอกไม่ไกลเดินไปได้  พวกเราก็เดินกลับ  แต่ถ้าไม่หลงคงไม่ใช่คณะตะลอนทัวร์  เขาบอกเราให้เข้าไปซอยนี้พวกเราก็เข้าอีกซอย  ยิ่งเดินเข้าไปทำไมเป็นตลาดมีแต่คนอินเดียทั้งนั้น  ไม่ไหวหาร้านถามดีกว่า  เจอเจ้าของร้านวาดแผนที่ให้  พวกเราก็เดินตามแผนที่แล้วเราก็เจอทางที่คุ้นและโรงแรม  ถึงซักทีวันนี้เป็นวันแรกที่จะได้นอนเตียง  ดีใจจัง ^-^ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 16:38:21

ความคิดเห็นที่ 80 ขนาดเราเคยไปอักรา ทัชมาฮาลสองครั้ง จบเอกประวัติศาสตร์ยังรู้จักเรื่องที่อมรปุระเล่าไม่ถึงเสี้ยวเดียว ทัั้งสวยทั้งเก่ง จำแม่น ซูฮก จากคุณ : นกเถื่อน (นกเถื่อน) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:24:36

ความคิดเห็นที่ 81 สู่แดนพุทธภูมิ ประเทศอินเดีย และได้มาชมทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ เช่นกัน เมื่อ ก.ย นี้ จากคุณ : Land_V เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 11:45:52

ความคิดเห็นที่ 82 ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 12:49:27

ความคิดเห็นที่ 83 คุณนกเถื่อน (นกเถื่อน) คะ  ความรู้จากหนังสือล้วน ๆ ค่ะ ^^ คุณ Land_V คะ  โมทนาสาธุด้วยค่ะ  อนุสรณ์สถานแห่งนี้ได้ทิ้งเรื่องราวให้คนรุ่นหลังกล่าวถึงอย่างมากรวมถึงสถานที่ก็งดงามมากเลยนะคะ ^^ คุณเล็กทาโร่คะ  ตามมาเลยค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 10:11:38 จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 22:07:53

ความคิดเห็นที่ 84 เมืองแห่งลูกชาย Fatehpur Sikri ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E12875424 จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 22:19:25

ความคิดเห็นที่ 85 มาชมความยิ่งใหญ่ของป้อมอักราด้วยครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:28:34