ความคิดเห็นที่ 1 พาหนะของเราวันนี้และสภาพบ้านเรือนยามเช้า จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:41:10

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้เราพักที่ Yogi Guest House  จองผ่าน  Agoda สถานที่ใช้ได้  สะอาด  บริการดีค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:41:45

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเราก็เริ่มสำรวจ  โดยที่แรกที่เราจะไปคือพระราชวัง Umaid Bhavan Palace  ในส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์  ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:42:24

ความคิดเห็นที่ 4 พระราชวังนี้ก่อสร้างขึ้นในยุคใหม่และเป็นพระราชวังสุดท้ายที่สร้างขึ้นก่อนอินเดียได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ  หรือในสมัยของมหาราชาอุเหมด  ซิงห์ ( Maharaja Umaid Singh ) ปี ค.ศ. 1929  โดยฝีมือแรงงานกว่า 3,000 คน  และใช้เวลาถึง 15 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:42:56

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวพระราชวังก่อขึ้นจากหินทรายและหินอ่อนซึ่งขนมาจากอีกเมืองหนึ่ง  จากนั้นจึงตัดหินเป็นบล็อก ๆ ก่อนนำมาเข้าล็อกกันโดยไม่ใช้ปูนยึด  ผู้ออกแบบคือ เอช.วี. แลนเชสเตอร์ ( H.V. Lanchester )  สถาปนิกชาวอังกฤษ  สถาปัตยกรรสเป็นการผสมผสานระหว่างเชนระราชปุตเข้าด้วยกัน  โดยมีการตกแต่งภายในเป็นแบบตะวันตกเสียส่วนใหญ่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:43:26

ความคิดเห็นที่ 6 ภายในพระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วยห้องต่าง ๆ 347 ห้อง  แบ่งเป็นห้องจัดงานเลี้ยงที่จุคนได้ราว 1,000 คนถึง 8 ห้อง  นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์  รวมถึงสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ชั้นใต้ดินด้วย  ตามประวัติเล่าว่าสาเหตุสำคัญที่มหาราชาอุเหมด  ซิงห์  ตัดสินใจให้ก่อสร้างพระราชวังขนาดใหญ่แห่งนี้  เพราะต้องการสร้างงานให้กับประชาชน  ในช่วงประเทศประสบปัญหาความแห้งแล้งอย่างหนักนั่นเอง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:44:08

ความคิดเห็นที่ 7 ภายในจะจัดแสดงภาพถ่ายและประวัติการก่อสร้าง  อีกทั้งยังมีข้าวของเครื่องใช้ในวัง  จำพวกแก้วเจียระไน  เครื่องกระเบื้อง  และอาวุธให้ชม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:44:39

ความคิดเห็นที่ 8 จากนั้นเราก็ไปเที่ยวต่อยัง Mehrangarh Fort  เป็นป้อมโบราณที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก  นอกจากพระราชวังด้านในซึ่งเปิดให้ชม  ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามมากสุดแห่งหนึ่งของรัฐราชปุตานา  โดยมีมูลนิธิพิพิธภัณฑ์เมห์รังการห์ ( The Mehragarh Museum Trust Fund ) เป็นผู้บริหาร  ซึ่งมหาราชากัช  ซิงห์ที่ 2 ( Maharaja Gaj Singh II )  และยังคงเป็นมหาราชาคนปัจจุบันได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1972  โดยมีจุดประสงค์ให้มรดกของตระกูลราธอเร่กลายเป็นพิพิธภณฑ์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:45:17

ความคิดเห็นที่ 9 ประตูแรกที่เราเดินเข้าเรียกว่าประตูจัยโปล ( Jai Pol )  หรือประตูแห่งชัยชนะ  สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1806  เพื่อฉลองชัยชนะที่กองทัพมาร์วาร์  สามารถต้านทานการบุกรุจจากกองทัพของมหาราชาแห่งจัยปูร์และอุดัยปูร์ได้ในคราวเดียวกัน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:46:39

ความคิดเห็นที่ 10 จากประตูจัยโปลเข้ามาทางด้านขวาจะมีร้านขนมและกาแฟมีที่นั่งบริการ  ขอบอกใครที่ชอบกาแฟไม่ควรพลาด  เพราะอร่อยมาก ๆ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:47:19

ความคิดเห็นที่ 11 นับตั้งแต่เมืองนี้เวลาเข้าชมสถานที่ต่างๆ  ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางลดได้  โดยส่วนมากราคาประมาณ 300 รูปีต่อที่ต่อคน  และบางสถานที่จะต้องจ่ายค่ากล้องธรรมดาและกล้องวีดิโอเพิ่มให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนซื้อตั๋วเลยนะคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:48:13

ความคิดเห็นที่ 12 ประตูโบราณไว้ป้องกันศัตรู จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:48:46

ความคิดเห็นที่ 13 รอยฝ่ามือบนกำแพงประตูโลหะโปล ( Loha Pol )  เป็นร่องรอยแห่งความทรงจำของเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1843  ที่เหล่าสนมของมหาราชามาน  ซิงห์ ( Maharaja Man Singh ) กระโดดเข้ากองไฟตายตามสามี  เรียกว่าประเพณีสาติ ( Sati ) ซึ่งถือว่าเป็นพิธีกรรมที่มีเกียรติของกลุ่มราชปุต  แต่ประเพณีนี้ถูกสั่งห้ามเด็ดขาดในช่วงที่อินเดียอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:49:28

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจากถ่ายรูปนี้เสร็จ  เราก็หันกลับไปเอาฝ่ามือเราทาบลง  ปรากฏน้อง ๆ สรรเสริญกันเป็นแถว  เด็ก ๆ ไม่ต้องคิดมากก็ได้นะ ^^ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:50:13

ความคิดเห็นที่ 15 พื้นที่ด้านในสุดประกอบด้วยพระตำหนักต่าง ๆ ซึ่งตกแต่งหรูหรา  ส่วนสถาปัตยกรรมการแกะสลักผนังอาคาร  รวมถึงการออกแบบก็มีความละเอียด  ซึ่งสร้างจากหินทรายที่การแกะสลักทำได้ยากกว่าหินอ่อน  และพื้นที่สองในสามของป้อมแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นที่อยู่ของผู้หญิง  เพราะผู้ชายสมัยนั้นต้องออกไปรบจึงไม่ค่อยอยู่ในป้อม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:50:44

ความคิดเห็นที่ 16 ลานราชาภิเษก ( Coronation Courtyard )  ลานนี้มีขนาดไม่กว้างเท่าไหร่นัก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:51:11

ความคิดเห็นที่ 17 สาเหตุที่เรียกชื่อเพราะมีบัลลังก์แกะสลักด้วยหินอ่อน  ซึ่งเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งจ๊อดปูร์ในวันที่ได้รับการสถาปนาให้ขึ้นปกครองเมืองแต่ละยุคตั้งอยู่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:51:38

ความคิดเห็นที่ 18 ห้อง ฮาวด้าห์  แกลเลอรี ( Howdah Gallery )  เป็นห้องจัดแสดงประทุนหลังช้าง ( กูบ ) ของมหาราชายุคต่าง ๆ เนื่องจากในสมัยก่อนใช้ช้างเป็นพาหนะหลัก  ประทุนหลังช้างในสมัยนั้นมักทำด้วยไม้  แต่จะนำเหล็กหรือโลหะมาประกบด้านนอกอีกชั้นเพื่อความคงทนและสวยงาม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:52:10

ความคิดเห็นที่ 19 พิพิธภัณฑ์เสลี่ยงหรือปัลกิกานา ( Palki Khana ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:52:40

ความคิดเห็นที่ 20 จัดแสดงเสลี่ยงโบราณหลายแบบ  ที่มีความสวยงามและหาชมได้ยาก  ส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:53:06

ความคิดเห็นที่ 21 เสลี่ยงของมหาราชา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:53:28

ความคิดเห็นที่ 22 พระตำหนักสวย ๆ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:53:59

ความคิดเห็นที่ 23 เสื้อผ้าของมหาราชา  และรูปเคารพ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:54:30

ความคิดเห็นที่ 24 ซิเลห์กานา ( Sileh Khana )  เป็นที่แสดงอาวุธและดาบของจักรพรรดิ  ที่ใช้ในการสู้รบกับผู้มารุกรานเมื่อครั้งอดีต จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:55:03

ความคิดเห็นที่ 25 และที่สำคัญคือ  ดาบของจักรพรรดิอัคบาร์ที่ว่ากันว่าคมกริบ  ทั้งยังใช้เทคนิคพิเศษทำให้ไม่มีวันขึ้นสนิมอีกด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:55:30

ความคิดเห็นที่ 26 อาวุธส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บไว้ในตู้กระจกอย่างดี จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:55:54

ความคิดเห็นที่ 27 ของใช้ในสมัยก่อน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:56:47

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพวาดย่อส่วน ( Miniature Painting Gallery )  ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกิจกรรมและพิธีกรรมในราชสำนัก  ราชวงศ์โมกุลเป็นผู้นำศิลปะแบบมิเนียเซอร์ ( Miniature Painting ) มาจากเปอร์เซีย  แล้วนำมาฝึกฝนให้กับศิลปินท้องถิ่นในราชปุตตานา  ก่อนจะมีการสืบทอดความรู้และพัฒนาตามเอกลักษณ์ของตนเอง  กระทั่งปัจจุบันการวาดภาพแบบมิเนียเซอร์กลายเป็นศิลปะขึ้นชื่อแขนงหนึ่งของรัฐสถาน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:57:23

ความคิดเห็นที่ 29 ชุดลำลองในสมัยก่อน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:57:47

ความคิดเห็นที่ 30 พระตำหนักพูลมาฮาล ( Phool Mahal )  หรือพระตำหนักแห่งมวลดอกไม้  ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1724  โดยได้รับการยกย่องว่าสวยและตกแต่งได้ละเอียดอ่อนที่สุดในบรรดาพระตำหนักที่มีอยู่ในป้อม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:58:16

ความคิดเห็นที่ 31 ความพิเศษของพระตำหนักคือ  ภาพวาดบนผนังและเพดานทั้งหมดเป็นผลงานของศิลปินเพียงท่านเดียว  ซึ่งต่อมาถึงแม้จะเสียชีวิตลงแต่มหาราชาก็ไม่ได้ให้ศิลปินอื่นมาสานผลงานต่อ  จึงทำให้กำแพงบางส่วนเป็นเพียงผนังโล่งที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ  ส่วนเพดานและผนังห้องก็ใช้สีทองในการตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:58:46

ความคิดเห็นที่ 32 นอกจากนี้ยังมีภาพวาดลายดอกไม้และเถาไม้ประดับอยู่เป็นจำนวนมาก  โดยสไตล์การวาดแบบนี้มีชื่อเรียกว่า “ รักมาลา ( Rahmala Painting ) ”  มีความหมายว่า  ภาพวาดแห่งสีสันและอารมณ์  ซึ่งเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศและจุดประสงค์การใช้งานของห้องนี้  เพราะใช้เป็นห้องพักผ่อนเพื่อความสำราญ  อย่างฟังดนตรีและชมการเต้นรำ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:59:20

ความคิดเห็นที่ 33 บันไดสวย ๆ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 09:59:54

ความคิดเห็นที่ 34 พระตำหนักตากัลป์วิลลา ( Takhat Villa )  สร้างขึ้นหลังอังกฤษเข้ามามีอิทธิพลเหนืออินเดีย  ภายในเป็นห้องนอนของมหาราชาตากัต  ซิงห์ ( Maharaja Takhat Singh ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:00:24

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนเพดานห้องมีการนำไม้มาตกแต่ง   อีกทั้งยังมีพัดโบราณและลูกบอลคริสต์มาสแบบตะวันตกประดับอยู่ด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:01:36

ความคิดเห็นที่ 36 นอกจากนี้ผนังยังมีภาพวาดที่ตกแต่งอยู่แทบทุกพื้นที่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:02:08

ความคิดเห็นที่ 37 วิวเมืองสีฟ้า  ในช่วงแรกการทาบ้านด้วยสีฟ้าจะมีเฉพาะบ้านของชาวฮินดูวรรณะพราหมณ์เท่านั้น  แต่ต่อมามีความเชื่อว่าสีฟ้าจะช่วยกันแมลงและทำให้บ้านเย็นในฤดูร้อน  ผู้คนจึงพากันทาบ้านตัวเองด้วยสีฟ้า  นาน ๆ เข้าบ้านเรือนสีฟ้าก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:03:48

ความคิดเห็นที่ 38 พระตำหนักจันกิมาฮาล ( Jhanki Mahal ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:04:16

ความคิดเห็นที่ 39 ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เปลเด็ก ( Cradle Gallery ) ของเชื้อพระวงศ์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:04:37

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพกษัตริย์ในยุคต่าง ๆ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:05:18

ความคิดเห็นที่ 42 พระตำหนักโมติมาฮาล ( Moti Mahal )  หรือพระตำหนักไข่มุก  ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การนำเปลือกหอยมุกมาบด  ก่อนนำไปผสมปูนแล้วฉาบลงบนผนังห้อง  ทำให้เวลาจุดเทียนตอนกลางคืนผนังห้องจะดูแวววาว  ส่วนเพดานใช้กระจกสีสันสดใสตัดขอบด้วยสีทองเพื่อช่วยเพิ่มมิติให้ห้องโดดเด่นขึ้น  จุดประสงค์การใช้งานห้องนี้เพื่อหารือข้อราชการกับข้าราชบริพารระดับสูง  และยังมีบางข้อมูลบอกว่าบริเวณชั้น 2 มีห้องลับ  ซึ่งมหารานีสามารถแอบฟังการสนทนาได้จากด้านบน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:08:48

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนนี้เรียกว่าซานานา ( Zanana )  เป็นที่อยู่ของเหล่าพระสนมซึ่งมีผนัง  ประตู  และหน้าต่างแกะสลักจากหิน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:09:42

ความคิดเห็นที่ 44 หรือฉลุเป็นลวดลายละเอียดอ่อนจนมีลักษณะโปร่งให้ลมผ่านได้  โดยศิลปะสไตล์นี้เป็นแบบใกล้เคียงกับที่ราชวงศ์โมกุลนำไปฉลุบานหน้าต่างสุสาน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:10:15

ความคิดเห็นที่ 45 แต่ในพระตำหนักนี้เป็นรูปแบบค่อนข้างเฉพาะของราชปุต  ที่เห็นได้ชัดคือส่วนของซุ้มหน้าต่างที่ยื่นออกมานิด ๆ โดยลานตรงกลางของส่วนนี้มีไว้สำหรับพักผ่อน  และพบปะของบรรดาพระสนมนั่นเอง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:11:04

ความคิดเห็นที่ 46 เราถูกเด็กน้อยแอบมองอยู่เรื่อย ๆ  ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร  หรือว่ากระโปรงเราสีสันสดใสถูกใจน้อง ๆ ก็ไม่รู้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:11:44

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วน้อง ๆ ก็มาขอถ่ายรูปกับเรา ๆ ก็งง ๆ แต่ก็ถ่ายด้วย  แถมน้องที่ไปด้วยเล่นมุกว่าเราเป็น Super star  คราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่  ( น้อง ๆ เขาเชื่อได้ไงดูหน้าตาก็ไม่เป็นสัปปะรดเลย ) ขอให้เราร้องเพลงให้ฟังกลุ้มเลยทำได้แค่ยิ้ม ๆ แล้วบอกว่า Next time แล้วก็โบกมือหนีดีกว่า -_-“ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:12:38

ความคิดเห็นที่ 48 เสร็จจากป้อมเมห์รังการห์แล้ว  เราก็ไปเที่ยวต่อที่อนุสรณ์สถานจัสวันต์ธาดา ( Jaswant Thada )  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้อม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:13:52

ความคิดเห็นที่ 49 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1899  เพื่ออุทิศให้กับมหาราชาจัสวันต์  ซิงห์ที่ 2 ( Maharaja Jaswant Singh II )  หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 4 ปี จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:14:18

ความคิดเห็นที่ 50 พระองค์เป็นมหาราชาที่ได้รับการนับถืออย่างมากจากประชาชน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:14:51

ความคิดเห็นที่ 51 อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการชลประทาน  เพื่อแก้ไขปัญหาความแห้งแล้วของเมืองอีกด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:15:20

ความคิดเห็นที่ 52 อนุสรณ์สถานจัสวันต์ธาดาสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:15:50

ความคิดเห็นที่ 53 จุดเด่นอยู่ที่ลวดลายการแกะสลักทำได้ละเอียดสวยมาก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:16:48

ความคิดเห็นที่ 54 ภายในมีรูปให้เคารพ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:17:20

ความคิดเห็นที่ 55 อนุสรณ์สถานสมาชิกราชวงศ์ราธอเร่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:17:48

ความคิดเห็นที่ 56 ตกตอนแย็นเราไปเที่ยวชมตลาดแถวหอนาฬิกาได้สักพักก็ไม่มีของถูกใจ  เราเลยรีบไปช๊อปที่ร้าน Anokhi ดีกว่า  หาเรื่องเสียตังค์จนได้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:18:29

ความคิดเห็นที่ 57 พี่คนนี้ชื่อเดวาเป็นคนขับรถตุ๊กๆ ที่พาเราเที่ยวทั้งวัน  รวมถึงส่งเราขึ้นรถไฟ  นิสัยดีน่ารักมาก  รอเราทั้งเที่ยวทั้งช๊อปไม่บ่นและไม่หลอกให้เราไปร้านต่าง  รวมถึงไม่โก่งราคาค่ารถ  ถ้าใครไปที่จ๊อดปูร์แล้วต้องการใช้บริการโทรได้ที่เบอร์ 099-2898-2265  นะคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:20:02

ความคิดเห็นที่ 58 บันไดอีกแล้ว  แค่เห็นก็เหนื่อยเลย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:20:44

ความคิดเห็นที่ 59 รถไฟยังจอดไม่สนิท  คนที่นั่งชั้น 3 ก็รีบขึ้นไปจองที่กันเลย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:21:14

ความคิดเห็นที่ 60 วันนี้หลังจากที่เราทำขั้นตอนต่าง ๆ ในการตรวจรายชื่อทุกขั้นตอนแล้ว  ก็เตรียมรอให้ตู้เปิด  วันนี้เราได้เป็นตู้นอนแบบ 3 ชั้น  เพราะมีขบวนนี้ขบวนเดียวที่จะไป  Jaisalmer  ชื่อขบวนคือ  [ Jodhhpur – Jaisalmer Express 14810 ] จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:22:00

ความคิดเห็นที่ 61 สภาพเตียงนอนก่อนจะกาง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:22:29

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อกางออกแล้ว จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:23:05

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนด้านยาวตามขบวนรถไฟมี 2 ขั้น จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:23:41

ความคิดเห็นที่ 64 หมายเลขเตียง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:24:28

ความคิดเห็นที่ 65 นายตรวจมาตรวจตั๋ว  จากนั้นเราก็ปูผ้าเหมือนเดิม  รีบนอนดีกว่าเพราะวันนี้ตะลุยทั้งวันไม่ไหวแล้วขอนอนเอาแรงไว้พรุ่งนี้ต่อนะ ^^ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:25:47

ความคิดเห็นที่ 66 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 11:13:33

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณคุณเล็กทาโร่ที่มาเยี่ยมชมค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 09:55:35

ความคิดเห็นที่ 68 เมืองทรายสีทอง Jaisalmer ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E12857513 จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 10:14:10

ความคิดเห็นที่ 69 ชอบมากเลยค่ะ  ขอบคุณมาก จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 01:51:18

ความคิดเห็นที่ 70 รีวิวได้ดีมากครับ และข้อมูลแน่นมาก ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการรีวิวครับ จากคุณ : พัฒน์สุราษฎร์ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:27:20

ความคิดเห็นที่ 71 ป้าฟูคะ  ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมชม  และยังอยากจะตามรอยป้าพูไปพม่าด้วยค่ะ คุณพัฒน์สุราษฎร์คะ  ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมชม  ตามเที่ยวด้วยกันนะคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 20:22:23