ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นการเดินทางด้วยสายการบินสีแดง ผมจองตอนตั๋วราคาถูกไว้ ถ้าจำไม่ผิด รวม 3 คนทั้งหมดแล้วประมาณ 2000 บาท (ไป-กลับ กทม.-อุดรฯ) เราบินกันเที่ยวบินเช้าตรงเวลาไม่มีปัญหา ทันทีที่ลงจากเครื่องบินที่สนามบินอุดรฯ พอพ้นประตูออกมา(ก่อนที่จะถึงประตูออกสู่ภายนอก) ด้านขวามือของเราจะเจอเคาท์เตอร์ของรถตู้ลีมูซีนของ”อุดรแก้วทัวร์” ผมเลือกนั่งจากจุดนี้ไปลงหน้าด่านฝั่งไทย ราคาคนละ 200 บาท (หาเบอร์ติดต่อได้เองเลยครับ ตาม google น่าจะหาได้ไม่ยาก) ภาพนี้คือ : ธาตุหลวง ที่เวียงจันท์ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:11:40

ความคิดเห็นที่ 2 ในการเดินทางออกนอกประเทศ แน่นอนที่สุดต้องมีพาสปอร์ต เนื่องจากตัวผมมีอยู่แล้ว แต่พ่อกับแม่ไม่มี และผมก็ยังไม่ได้ทำให้ จึงไปค้นหาข้อมูลในเนต จนได้ความว่า เราก็ไปทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งที่พอจะทราบมี 2 วิธีดังนี้ 1. ไปถึงหน้าด่าน แล้วค่อยให้คนที่รับบริการแถวนั้นทำให้ ราคาก็น่าจะ 100-200 บาท แต่เราอาจจะต้องเสียเวลารอเป็นชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงก็เป็นได้ 2. ส่วนวิธีที่สองคือ หาเอเย่นต์ติดต่อรับทำ โดยเราติดต่อจาก กทม.ไปเลย แล้วส่งเอกสารไปทางอีเมล์ เอกสารนั่นก็คือ สำเนาบัตรประชาชนของคนที่จะทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ขีดทับเขียนสำเนาถูกต้องให้ชัดเจน แล้วส่งไปให้เขาทำให้ ผมเลือกใช้วิธีนี้ สนนราคาที่ 130 บาทต่อ1คน แล้วก็นั่นแน่ะกับเอเย่นต์ได้เลยว่ารับจะไปรับเอกสารที่สุดไหน (รูปถ่ายก็ไม่ต้องใช้) เมื่อเราถึงสนามบินอุดรฯแล้ว ก็โทรนัดเอเย่นต์ที่รับทำเอกสารให้เรา นัดแนะให้กันเรียบร้อยว่าเราจะไปรับที่จุดไหน หรือถ้าไม่รู้ทาง ก็ให้เอเย่นต์คุยกับคนขับรถตู้เลยก็ได้ครับ ใช้เวลารอรถออกไม่นาน รถตู้ลีมูซีน ก็นำพาพวกเรา3คนพ่อแม่ลูกไปถึงหน้าด่านฝั่งไทย ทำเรื่องผ่านแดนให้เรียบร้อย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:12:12

ความคิดเห็นที่ 3 ปล.เมื่อมาถึงด่านฝั่งไทย แน่นอนที่สุด ก็จะมีบรรดาโชเฟอร์จากฝั่งลาวมารอถามบริการทั้งพาทัวร์เวียงจันท์ ทั้งอะไรสารพัด ผมก็เจอมีคนนึงมาถามสนใจไหมรถตู้บริการคิดราคา 1000 บาท พาเราจากด่าน ไปส่งโรงแรม และพาทัวร์เวียงจันท์ (ประตูชัย,  ธาตุหลวง, วัดสีสะเกด, พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด, หอพระแก้ว, วัดศรีเมือง)  ตอนแรกผมไม่สนใจ แต่เขาตื้อ ผมเลยต่อรองราคาเหลือ 600 บาท เขาขอ 800 บาท ผมบอกว่างั้นไม่ไป(ทั้งๆที่ตอนนั้นก็เคว้งนะ เพราะไม่รู้จะไปไงต่อ ) เขาเลยพูดว่างั้นขอ 700 บาทแล้วกัน ผมเห็นว่าก็โอเคพอรับได้จึงตกลงใช้บริการ เป็นรถคันในภาพครับ แต่เดี๋ยวก่อน !!! พอผ่านด่านไทยผมก็นึกว่า จะได้ขึ้นรถเลย แต่ไม่ใช่ครับ คือขั้นตอนเป็นแบบนี้ .. ผ่านด่านไทย > ขึ้นรถบัสอีกครั้งราคา 15 หรือ 20 บาทนี่แหละ > ข้ามสะพานมิตรภาพ > ถึงด่านลาวทำเรื่องอีกรอบ > เดินไปขึ้นรถในรูปที่ลานจอดรถ โดยคนขับจะพาเราไป ซึ่งทั้งคันก็คือเรา3คน เพราะเราเหมามาเรียบร้อย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:12:42

ความคิดเห็นที่ 4 จากนั้น รถก็นำเข้าสู่เวียงจันท์ ที่แรกที่เราขอไปเลยก็คือ โรงแรมที่พัก เราเลือกใช้บริการที่ Mixay Padadise อยู่ในแหล่งที่พักที่ชาวไทยและต่างชาติที่นิยมแบคแพคไปใช้บริการ แถวๆนั้นห้องพักจะแยะมาก เดินเลือกได้ตามใจชอบ ในภาพคือราคาปัจจุบันที่ผมไปคือวันที่ 28 – 30 กันยายน 2555 หากเรายืนหันหน้าเข้าตึกที่พัก ซ้ายมือเราหากเดินไปเรื่อยๆในซอยนี้ก็ทั้งร้านอาหาร ร้านส้มตำ ร้านฟูจิ และเดินไปสุดซอยก็จะเจอถนน พอข้ามถนนก็เป็นลานสวนสาธารณะติดแม่น้ำโขง ตอนเย็นก็จะมีถนนคนเดิน ร้านค้าต่างๆมากมาย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:13:24

ความคิดเห็นที่ 5 จะจองยังไง ติดต่อยังไง ลองเอาชื่อไปค้นหาเบอร์โทรเอานะครับ แล้วโทรไปหาได้เลยครับ คุยไทยกับเขาก็ได้ ที่นี่ชั้นล่างสุด เขาจะเรียกว่าชั้น Ground เป็นที่นั่งกิน ติดต่อเข้าพัก ส่วนห้องพักจะเริ่มที่ชั้น2(แต่พวกเขาเรียกว่าชั้น1) หากใครได้นอนชั้น2(แต่พวกเขาเรียกว่าชั้น1) ลิฟท์จะกดขึ้นลงไม่ได้ ลงพอเข้าใจคือประหยัด แต่ขึ้นอาจพัง  แต่ถ้าพักชั้น3ขึ้นไป(แต่พวกเขาเรียกว่าชั้น2) ลิฟท์จะกดขึ้นลงได้ตามปกติครับ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:14:01

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากติดต่อเรื่องที่พักว่าเรามาถึงแล้ว หากห้องว่างก็เอาของขึ้นไปเก็บได้เลย แล้วก็ลงมาขึ้นรถตู้บริการของเราต่อ จากนั้นมหกรรมการเริ่มเที่ยวในเวียงจันท์ก็เริ่มขึ้น ... สภาพห้องที่พวกเราพักครับ ^^ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:14:34

ความคิดเห็นที่ 7 จุดแรกที่เราไปก็คือ ธาตุหลวง ที่นี่จะมีเปิด-ปิด และมีช่วงพักเที่ยง พระธาตุหลวงหรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาว ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระ ธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่าง แยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏว่าตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีรูปพระธาตุหลวงเป็น ภาพประธานในดวงตรา จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:15:34

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตามไปเที่ยวเวียงจันทน์ด้วยคนนะครับ ทริปนี้คงจะมีความสุขน่าดู จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:16:20

ความคิดเห็นที่ 9 ตามตำนานอุรังคนิทาน กล่าวว่า พระธาตุหลวง สร้างขึ้นคราวเดียวกับการสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ หลังจากก่อสร้างพระธาตุพนมแล้ว ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วย หรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก พร้อมกับพระอรหันต์ 5 องค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหัวเหน่า 27 พระองค์ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ อินเดีย โดยก่อเป็นอุโมงค์หินคร่อมไว้ อุโมงค์นั้นกว้างด้านละ 5 วา ผนังหนา 2 วา และสูงได้ 4 วา 3 ศอก เมื่อทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระเจ้าจันทบุรี จึงมีพระราชดำรัสให้เสนาอำมาตย์สร้างวิหารขึ้นในเมืองจันทบุรีหรือนคร เวียงจันทน์ 5 หลัง เพื่อให้เป็นที่อยู่จำพรรษาของ พระอรหันต์ทั้ง 5 องค์นั้นด้วย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:16:34

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อมาแม้ว่าชื่อของเวียงจันทน์จะไม่ได้ปรากฏในหนังสือประวัติ ศาสตร์ใดเลย แต่อย่างไรก็ดี นครเวียงจันทน์ก็ยังคงเป็นเมืองสำคัญอยู่ตลอดมา ดังปรากฎการอ้างถึงชื่อเมืองเวียงจันทน์ในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง และในพงศาวดารลาวฉบับต่างๆ ก็ระบุด้วยว่านับตั้งแต่พระเจ้าฟ้างุ้มเสวยราชสมบัติที่เมืองหลวงพระบางแล้ว ก็ได้มีการส่งเชื้อพระวงศ์และขุนนางสำคัญมาปกครองเมืองนี้โดยตลอด จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:18:17

ความคิดเห็นที่ 11 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2109 หลังจาก พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วีรกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านช้าง ได้ทรงย้ายราชธานีเมืองเชียงทองหลวงพระบาง ลงมายังนครเวียงจันทน์ได้ 6 ปีแล้ว พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการให้สร้างองค์พระธาตุหลวงขึ้นมาใหม่ ในเขตพระราชอุทยานทางด้านทิศตะวันออกของกรุงเวียงจันทน์ โดยสร้างครอบพระธาตุองค์เก่าที่มีมาแต่โบราณกาล จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:18:45

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อสร้างพระธาตุหลวงเสร็จแล้ว จึงทรงขนานนามพระธาตุนี้ว่า “พระธาตุเจดีย์โลกจุฬามณี” หรือ “พระธาตุใหญ่” (แต่คนส่วนมากมักเรียกว่า “พระธาตุหลวง”) และมีพระราชโองการให้อุทิศข้าพระธาตุจำนวน 35 ครอบครัว อยู่เฝ้ารักษาพระธาตุนี้ พร้อมทั้งที่ดินสำหรับให้ครอบครัวของข้าพระธาตุทำกิน จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:19:04

ความคิดเห็นที่ 13 “พระธาตุหลวง" จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:19:25

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพนี้ถ่ายด้วย iPhone 4s จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:19:46

ความคิดเห็นที่ 15 พาหนะส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวถ้าไม่ใช้บริการสามล้อเครื่อง ก็เจ้านี้แหละครับ .... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:20:38

ความคิดเห็นที่ 16 ซึมซับความงดงามและยิ่งใหญ่อลังการได้ที่แล้ว เราก็ไปต่อกันที่ ประตูชัย สร้างขึ้นโดยรัฐบาลฝรั่งเศสสมัยเข้ามาครอบครองประเทศ โดยสร้างถนนและประตูชัยให้คล้ายกับ ชอง เอลิเซ่ ในฝรั่งเศส แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี ชาวลาวก็ประกาศอิสรภาพเสียก่อน ดังนั้น คำว่าชัยชนะของประตูนี้จึงหมายถึงชัยชนะของชาวลาว บริเวณรอบ ๆ ประตูชัยเป็นลานกว้างมีประชาชนชาวลาวมานั่งเล่นโดยรอบ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองเวียงจันด้านบนของประตูชัยได้ โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทางเจ้าหน้าที่ ผมถ่ายแต่เฉพาะส่วนนี้มาให้ชมแล้วกันนะครับ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:21:06

ความคิดเห็นที่ 17 น่ารักจังเลย  ไปเที่ยวกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก  ชอบๆ ตามไปด้วยค่ะ จากคุณ : ไปทุกที่ ถ้ามีสตางค์ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:21:39

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนแรกจะพาพ่อแม่ขึ้นไปชั้นบน แต่ด้วยท่านทั้งสองไม่ไหว(ผมก็ไม่ไหว) เลยขอบาย เราเลยไปชม "หอพระแก้ว" กันต่อ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:21:40

ความคิดเห็นที่ 19 หอพระแก้ว สร้างขึ้นในสมัยราชการของสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง สร้างในปี พ.ศ. 2108 (ค.ศ.1565) สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานองค์พระแก้วมรกตเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้องค์พระแก้วมรกตดังกล่าวได้ถูกไปประดิษฐานอยู่ต่างประเทศแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1779 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:22:21

ความคิดเห็นที่ 20 ปัจจุบันหอพระแก้วจัดเป็นพิพิธภัณฑ์สถานเก็บโบราณวัตถุ และพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยโบราณ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:27:56

ความคิดเห็นที่ 21 เวลาทำการ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ปล.ในภาพ คือ คุณแม่ผมเอง ^^ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:28:21

ความคิดเห็นที่ 22 หมายเหตุ ภายในหอพระแก้วไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:28:46

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพสวยมากครับ ^ ^ ตามไปเวียงจัน จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:28:57

ความคิดเห็นที่ 24 ชาวต่างชาติ 2 คนนี้ก็สนใจศิลปวัฒนธรรมของชาวลาวไม่แพ้คนไทยอย่างเรา จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:29:02

ความคิดเห็นที่ 25 หากอยากจะมาชื่นชมความงามของศิลปะสมัยเก่า ที่นี่ก็เป็นที่เหมาะสมที่ควรจะมาเยือนครับ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:29:35

ความคิดเห็นที่ 26 บริเวณทางเข้า หอพระแก้ว ปล.ในภาพคือ คุณพ่อผมเองครับ ^^ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:30:02

ความคิดเห็นที่ 27 ต่างชาติท่านนี้ ก็รอจังหวะให้คนหมดจากฉากหน้า แล้วจึงยืนถ่ายรูป ผมก็เลยถือโอกาสเอาเขาเป็นฉากหน้าแทน เพื่อที่จะสื่อให้เห็นว่า ศิลปะวัฒนธรรมของชาวลาว ไม่ว่าชนชาติไหนๆต่างก็ให้ความสนใจ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:30:33

ความคิดเห็นที่ 28 และไม่ใกล้ไม่ไกล ข้ามถนนจาก หอพระแก้ว ก็มาเจอ "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" ค่าเข้าคนละ 20 บาท จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:31:27

ความคิดเห็นที่ 29 วัดสีสะเกด หรือ วัดสะตะสะหัดสาราม ตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ติดกับหอคำ พระราชวังหลวงของกษัตริย์ลาวสมัยก่อน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2094 โดยพระเจ้าโพธิสารราช พระบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในศตวรรษที่ 16 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:31:48

ความคิดเห็นที่ 30 ในระยะที่ 2 วัดสิสะเกด สร้างขึ้นในวันพฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีขาน พ.ศ. 2361 โดย เจ้าอนุวงศ์กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์ ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ในระหว่างศึกสงครามหลายยุคหลายสมัย และเป็นวัดเดียว ที่ไม่เคยถูกทำลายเหมือนวัดอื่น ๆในเวียงจันทน์ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:32:05

ความคิดเห็นที่ 31 บริเวณ "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:32:44

ความคิดเห็นที่ 32 หลังจากสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2367 พระเจ้าอนุวงศ์ก็ได้นำพาประชาชนลาวบำเพ็ญบุญกุศุลเฉลิมฉลองเป็นเวลา 9 วัน 9 และในปัจจุบัน ภายในวัดสีสะเกดมีโบราณวัตถุ และโบราณสถาน หลายอย่าง นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาเยี่ยมชม และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคล เวลาทำการ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ค่าธรรมเนียม คนลาว 2,000 กีบ คนต่างชาติ 5,000 กีบ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:33:37

ความคิดเห็นที่ 33 เมืองในฝัน  ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : Aromdee Jang เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:33:57

ความคิดเห็นที่ 34 บริเวณ "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" ... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:34:03

ความคิดเห็นที่ 35 บริเวณ "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" ...... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:34:36

ความคิดเห็นที่ 36 บริเวณ "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" ....... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:35:41

ความคิดเห็นที่ 37 บริเวณนอกรั้วกำแพง ภาพนี้ผมยืนถ่ายจากอีกฝั่งนึงตรงสามแยกไฟแดง จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:36:08

ความคิดเห็นที่ 38 และปิดท้ายด้วยภาพนี้ ถ่ายได้ด้วยความบังเอิญครับ //  "วัดสีสะเกด" และ "พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด" จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:36:36

ความคิดเห็นที่ 39 จากนั้นเราไปไหว้พระทำบุญที่วัดศรีเมือง ผูกข้อมือเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วรถตู้ก็พาเรามาส่งที่พักครับ แล้วก็จ่ายค่าบริการไปตามที่ตกลงกันไว้ 700 บาท แล้วก็บอกอ้ายว่า หากมีโอกาสเราคงได้มาใช้บริการกันอีก จากนั้นเราก็อาบน้ำอาบท่า เพราะมันก็ค่ำแลงกันเต็มที่เล่นเที่ยวกันตั้งแต่เช้า เหนื่อยล้าย่อมมีบ้าง แล้วพอค่ำก็พาพ่อกับแม่ออกมาหาอะไรกินครับ ก็ฝากท้องไว้แถวๆในซอยนั่นแหละครับ ร้ายส้มตำข้างทาง รสชาติก็แซ่บอยู่ สนนราคาแต่ละมื้อประมาณ 500-600บาทไทย กินแบบเต็มอิ่ม จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:37:05

ความคิดเห็นที่ 40 วันที่2 ของการเดินทาง เนื่องจากวันแรกเราเที่ยวสถานที่สำคัญของเวียงจันท์ไปหมดแล้ว วันที่2ของเราจึงเป็นวันสบายๆอยากเดิน อยากไปไหนกทำครับ เริ่มต้นด้วยการพาพ่อแม่ไปร้าน JOMA ไม่ใช่อะไรครับ ขอเข้าไปถ่ายรูปสักหน่อย สั่งอาหารการกินแค่นิดหน่อยเท่านั้นเป็นพอ ^^ การไป : ถ้าเริ่มต้นจากโรงแรมที่ผมพัก ให้หันหน้าเข้าโรงแรม ขวามือจะเป็นปากซอย ให้เดินมาที่ขวามือจนถึงปากซอย พอถึงปากซอยแล้ว หันหน้าหาถนน ซ้ายมือตรงปากซอยเลยจะเป็นจุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ให้เราเดินไปทางขวามือของเราครับ เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ก็จะเจอร้าน JOMA ฝั่งที่เราเดินนั่นแหละครับ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นร้านอาหาร”ขอบใจเด้อ” ซึ่งถนนเส้นที่เราเดินมานี้ หากเดินไปเรื่อยๆสักกิโลกว่าๆ มันจะสามารถพาเราไปถึงหอคำ วัดสีสะเกด หอพระแก้ว ได้เลย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:37:52

ความคิดเห็นที่ 41 จากร้าน JOMA นะครับ มันจะมีซอย ซึ่งซอยเหล่านี้ หากเราเดินเข้าไป และเดินไปจนสุดซอย มันจะเจอถนน และข้ามถนนไป ก็จะเป็นสวนสาธารณะ และเราก็จะมองเห็น อนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:38:17

ความคิดเห็นที่ 42 ซึ่งตามประวัติแล้วมีมากมายจริงๆ สามารถหาอ่านได้ตามเนตนะครับ และการมาที่นี่  ณ วันนั้น แดดร้อนจ้าจัดมาก แต่พ่อและแม่ของผมก็ไม่หวั่นแม้วัน(แดด)มามาก ก็สามารถยืนถ่ายรูปเก็บภาพสวยๆกลับมา ตรงจุดนี้เองเราจะมองเห็นแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน  / จากภาพมือที่เจ้าอนุวงศ์ชี้ไปนั้น ก็คือฝั่งแม่น้ำโขงนั่นเอง จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:38:37

ความคิดเห็นที่ 43 บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าอนุวงศ์ ก็จะเป็นสวนสาธารณะ ชาวลาวต่างมาใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็มีปูเสื่อนั่งทานส้มตำ บ้างก็ปูเสื่อนอนเล่น และด้วยที่พวกเราเดินมาเยอะแล้ว จึงขอแวะพักที่นี่สักหน่อย กระติ๊บที่เห็นในภาพ แม่ผมซื้อมาจากตลอดสดตอนเช้าที่ลาว ใบละ 20 บาท จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:39:03

ความคิดเห็นที่ 44 อาชีพเล็ก อาชีพน้อยที่สวนแห่งนี้มีหมด ว่างๆผมก็นอนเสื่อถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:39:23

ความคิดเห็นที่ 45 แถมที่แห่งนี้ยังมีเครื่องออกกำลังกายให้ประชาชนชาวลาวและนักท่องเที่ยวได้มาใช้บริการอีกด้วย และ พ่อผมก็เป็น 1 ในนั้นที่ไปใช้บริการ  (คนซ้ายครับ) จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:39:48

ความคิดเห็นที่ 46 นั่งเล่น นอนเล่น จนได้เวลาเต็มที่ก็นำเสื่อไปคืนร้านส้มตำแถวนั้น เพราะเราซื้อส้มตำเขามากิน เสื่อก็เป็นอภินันทนาการให้เอามาปูฟรี จากจุดนี้ เราก็เดินตามริมขอบถนนมาเรื่อยๆ จนถึง ปากซอย RUE FRANCOIS NGIN (คือซอยที่ตั้งของโรงแรมที่ผมพัก) ก็เดินเข้าซอยมา จะสังเกตได้เลยครับว่า ผมกำลังพาคุณเดินเป็นวงกลมเริ่มตั้งแต่ คห.ที่ 40 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:40:45

ความคิดเห็นที่ 47 สังเกตง่ายๆ ปากซอยที่เราจะเดินเข้าด้านนี้ จะมีร้านขนมร้านนี้ ทาสีเด่นๆแบบนี้ตั้งอยู่ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:41:08

ความคิดเห็นที่ 48 แบบนี้ .... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:41:43

ความคิดเห็นที่ 49 อย่างที่บอก ในซอยนี้ ก็จะมีร้านอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านส้มตำข้างทางแต่ราคาระดับปานกลาง ร้านอาหารฟูจิ เมื่อเราเดินมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดปากซอยอีกฝั่ง .. จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:42:06

ความคิดเห็นที่ 50 ก็จะเจอโรงแรมที่เราพัก .. จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:42:25

ความคิดเห็นที่ 51 ใกล้ๆโรงแรมที่พัก ก็จะมีที่ให้เช่าทั้งรถ จยย. และ รถจักรยาน จำได้แต่ราคาเช่าจักรยานประมาณ 40 บาท จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:42:47

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อส่งพ่อแม่เข้าพักที่ห้องพัก เนื่องจากท่านอาจจะเมื่อยขาและอยากอาบน้ำ ผมจึงออกมาเดินเล่นสำรวจเมืองคนเดียว เริ่มต้นแบบเดิม ให้หันหน้าเข้าตึกโรงแรม แล้วเดินไปทางขวามือของตัวเอง พอถึงปากซอย ก็ไปทางขวามือของตัวเอง เดินเรื่อยเปื่อยจริงๆต้องใช้คำนี้ แล้วไปโผล่ที่นี่ได้ไงไม่รู้ หากสนใจอยากไปชม ลองเดินไปถามไปก็ได้ครับ ไม่ไกลมาก ธาตุดำ ... กลางเมือง จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:43:12

ความคิดเห็นที่ 53 และแบบนี้ ... จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:43:35

ความคิดเห็นที่ 54 จากนั้น ผมก็เดินเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย ... ไปชมภาพเก็บตกกันดีกว่าเนอะครับ เรียกว่าเจออะไร ชอบอะไรก็ถ่ายมาฝากกัน จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:43:53

ความคิดเห็นที่ 55 สีสันแบบนี้ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:44:15

ความคิดเห็นที่ 56 และสามล้อเครื่องแบบนี้ มีทั่วเมือง จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:44:44

ความคิดเห็นที่ 57 พาคุณๆไปสักการะ อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้ม การเดินทาง เดินอาจเหนื่อยนิดหน่อย แนะนำ ให้เดินออกมาเรียกสามล้อเครื่องราคาอย่าให้เกิน 40 บาท ถ้าเกินจากนี้ ไม่ต้องไปใช้บริการ อนุสาวรีย์แห่งนี้จะอยู่ตรงข้ามกับ โรงแรมโนโวเทล เพราะเป็นพิกัดที่ชัดเจนที่สุด จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:45:15

ความคิดเห็นที่ 58 ขากลับผมก็ว่าจ้างสามล้อเครื่องให้ไปส่งที่โรงแรมที่พัก เขาก็บอกเราเกินราคาอีก ผมก็ต่อไปว่า 40 บาท ซึ่งจริงๆแล้ว 20 บาทน่าจะเหมาะสมกว่า ^^ เมื่อถึงโรงแรมที่พัก ก็ได้เวลาพาพ่อแม่ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน พิกัดก็คือ ให้หันหน้าเข้าโรงแรม แล้วเดินไปตามทางซ้ายมือเราจนสุดถนน ข้ามถนน ไป ก็จะเจอบรรดาร้านค้าต่างๆมากมาย ลักษณะคล้ายถนนคนเดิน จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:45:43

ความคิดเห็นที่ 59 ราคาก็คือราคานักท่องเที่ยวกันทีเดียว แนะนำเวลาถามให้ถามเป็นค่าเงินกีบ อาจจะได้ราคาถูกมาหน่อย เวลาจะซื้ออะไรสักอย่างให้ถามหลายๆร้านแล้วนำราคามาเปรียบเทียบ // ภาพนี้ถ่ายด้วย iPhone 4s ครับ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:46:23

ความคิดเห็นที่ 60 ตกค่ำได้ที่ ถึงเวลาที่ท้องมันต้องทำงาน จึงพาพ่อแม่กลับเข้าซอยเดิมของเรา และฝากท้องไว้ที่ร้านส้มตำข้างทาง ดังความเห็นที่ 39 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:47:46

ความคิดเห็นที่ 61 เช้าวันที่สาม ตกลงกับพ่อแม่ว่า เราจะออกกันแต่เช้าดีกว่า ข้ามไปฝั่งหนองคายกันดีกว่า ดังนั้นวันที่สาม ด้วยความที่พวกเราเป็นคนตื่นเช้าด้วยกันทั้งหมด สักประมาณ 6 โมงเช้าเราจึงออกจากโรงแรมที่พัก ว่าจ้างสามล้อเครื่องให้ไปส่งเราที่ขนส่งเวียงจันท์อยู่หลังตลาดเช้า(ลักษณะของตลาดเช้าคล้ายๆห้างพันทิปบ้านเรา) สามล้อฯจะบอกราคาที่เว่อๆใส่ ผมไปสามคน ผมลองต่อ 60 บาท กว่าจะได้เล่นสะบัดบ็อบไปหลายรอบ ^^ หน้าตาก็คล้ายๆแบบนี้ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:48:23

ความคิดเห็นที่ 62 พอสามล้อเครื่องพาเรามาถึงขนส่ง ที่นี่จะมีทั้งรถบัสไปที่หนองคายและอุดร วันปกติธรรมดามีราคานึง แต่ถ้าเสาร์-อาทิตย์ก็จะมีอีกราคานึง // ส่วนนี้เป็นค่าโดยสารและเวลาออกจากเวียงจันท์ไปส่งอุดรฯ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:49:22

ความคิดเห็นที่ 63 และนี้ เป็นส่วนที่เราเลือก คือเราเลือกไปลงที่ขนส่ง หนองคาย และขอย้ำเวลาไปซื้อให้นำพาสปอร์ตหรือใบผ่านแดนชั่วคราวไปซื้อตั๋วด้วย (คนลาวเรียกตั๋วว่าปี้) แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 55 21:23:22 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:49:44

ความคิดเห็นที่ 64 บริเวณขนส่งเวียงจันท์ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:50:10

ความคิดเห็นที่ 65 และเราจะต้องโดยสารกันด้วยรถคันนี้ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:50:28

ความคิดเห็นที่ 66 ก่อนอำลานครหลวงเวียงจันท์ ขอทิ้งท้ายไว้กับภาพนี้นะครับ ผมถ่ายจากวัดที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมที่ผมพัก จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:50:54

ความคิดเห็นที่ 67 บาย บาย ละนะเวียงจันท์  หากมีโอกาสคงได้กลับมาเยือนมาแอ่วกันใหม่อีกครา // ขั้นตอนการออกจากประเทศลาวก็คือ เราก็ทำเรื่องผ่านแดนที่ลาวก่อน ยื่นเอกสารก็ว่ากันไป กระเป๋ายังไม่ต้องขนลงมา พอทำเรื่องเสร็จก็กลับขึ้นรถต่อ เพื่อนำพาเราข้ามโขงมาเจอด่านฝั่งไทยอีกรอบ คราวนี้ก็ลงไปทำเรื่องผ่านแดนเข้าไทย และครั้งนี้เราต้องเอากระเป๋าลงจากรถ เพื่อเข้าเครื่องสแกนตรวจสอบว่าเราขนยาเสพติดเข้าไทยหรือเปล่า จากนั้นก็กลับขึ้นรถคันเดิม มุ่งหน้ากลับไทย ภาพนี้ถ่ายด้วย iPhone 4s จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:51:36

ความคิดเห็นที่ 68 ภาพนี้รถบัสโดยสารกำลังพาเราข้ามแม่น้ำโขงเพื่อกลับสู่ฝั่งไทย ภาพนี้ถ่ายด้วย iPhone 4s จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:51:58

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:53:03

ความคิดเห็นที่ 70 และด้วยความตั้งใจที่จะมาแวะจังหวัดหนองคาย ประเทศไทย รถบัสจึงพาเรามาส่งที่ขนส่งหนองคาย ทันทีที่ลงจากเรา ไม่ต่างกันครับ สามล้อบ้านเราก็จะกรูกันเข้ามาถามว่าจะไปไหนต่างๆนาๆ เรามีหน้าที่แค่ส่ายหน้าเท่านั้นพอ เพราะหากจะอยากนั่งสามล้อจริงๆ ให้เดินออกมาเรียกที่ถนนด้านนอก ราคาจะถูกกว่า แต่ ผมกลับเลือกที่จะเดิน เลือกพาพ่อแม่เดิน เพราะถามทางกับชาวบ้านแล้ว เขาบอกว่าเดินไปตลาดท่าเสด็จไม่ไกล แต่พอเดินจริงๆก็ทำเอาเหงื่อแตกเหมือนกัน   ระหว่างทางเดินก็จะเจอบรรดาตึกเก่าบ้างบางตึกที่ยังพอจะหลงเหลือให้เราได้ชื่นชม จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:53:26

ความคิดเห็นที่ 71 แบบนี้ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:54:01

ความคิดเห็นที่ 72 และแบบนี้ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:54:36

ความคิดเห็นที่ 73 และแบบนี้ // ภาพนี้ถ่ายด้วย iPhone 4s จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:55:09

ความคิดเห็นที่ 74 จากนั้นก็เดินทะลุเข้าซอย สู่ตลาดท่าเสด็จ แวะหาอะไรกิน เพราะเรายังไม่ได้ทานอะไรกันตั้งแต่เช้า ระหว่างนั่งกินข้าวกันนั้น วันที่ผมไปก็มีการแข่งเรือยาวกันพอดี เลยได้เก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ ฝั่งตรงข้ามที่เราเห็น เขาบอกว่ามันคือ บ้านท่าเดื่อ ของฝั่งลาว จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:55:27

ความคิดเห็นที่ 75 กินเสร็จก็ต้องเดินย่อยกันสักหน่อย จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:55:45

ความคิดเห็นที่ 76 และมาพร้อมๆกับมุมถ่ายรูปใกล้กับพญานาคภาพบน จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:56:04

ความคิดเห็นที่ 77 น่ารักจังเลยคับ พาคุณพ่อ คุณแม่เที่ยว ตามไปด้วยคนน่ะครับ จากคุณ : akharapat63 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:56:21

ความคิดเห็นที่ 78 จากนั้นเราทั้งสามคนก็เรียกสามล้อไปวัดโพธิ์ชัย วัดคู่บ้านคู่เมืองของหนองคาย เพื่อกราบไหว้สักการะหลวงพ่อพระใส  // นับเป็นหลังที่สองแล้วที่ผม พ่อ และแม่มาเยือนวัดนี้ครับ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:56:51

ความคิดเห็นที่ 79 หลวงพ่อพระใส จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:57:26

ความคิดเห็นที่ 80 ความงดงามวิจิตรอลังการ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:57:58

ความคิดเห็นที่ 81 อ้าวยังไม่ทันไรเลย หิวอีกแล้ว จึงฝากท้องอีกมื้อไว้ที่ร้านแดงแหนมเนือง เนื่องจากกินเพลินเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก ร้านแดงแหนมเนือง ก็อยู่ตรงตลาดท่าเสด็จเลยครับ พอดีแม่ผมซื้อเสื้อที่ตลาดแล้วผิดไซต์จึงนั่งสามล้อเครื่องกลับไปเปลี่ยนเลยได้แวะกินแหนมเนืองกันที่นี่  ปล. ร้านแดงแหนมเนือง ไม่รับบัตรเครดิต ครับ จากนั้นก็เข้าสู่แผนการเดินทางเดิม คือ เราจะต้องเรียกสามล้อไปส่งที่จุดบริการของ “อุดรแก้วทัวร์” ที่หนองคายนั่นแหละครับ พิกัดบอกไปเลยว่า อยู่ตรงตลาดนัดวันอาทิตย์ ค่ารถตู้ลีมูซีนจากหนองคาย ไป สนามบินอุดรฯ คนละ 150 บาท เนื่องจากผมบินเที่ยวบินประมาณ 6 โมงเย็น ผมจึงเลือกขึ้นรถตู้เวลาประมาณ 15.30 น. เผื่อเวลาในการเดินทางแบบไม่เร่งรัดจนเกินไป จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:58:22

ความคิดเห็นที่ 82 ก่อนกลับเจอป้าคนนี้ครับ เธอขนผลไม้ในสวนของเธอเองทั้งกล้วย สัปปะรด ใส่รถตู้เก่าๆของเธอมาขายใกล้ๆจุดที่ผมซื้อตั๋วรถตู้ เลยถือโอกาสขอชักภาพสักใบ เพื่อเป็นการย้ำเตือนกับตัวเองว่า “ชีวิตไม่สิ้นเราก็ต้องดิ้นกันต่อไป” ^^ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:58:46

ความคิดเห็นที่ 83 เอาล่ะครับ ปิดทริปนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และดีใจมากที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่ลูกที่ดี ด้วยการพาพ่อแม่ได้เที่ยว ได้ทำ ในสิ่งที่ท่านยังไม่เคยทำ มันเป็นความภาคภูมิใจมากนะ แม้ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต แต่ถ้าเพื่อนๆลองทำดูจะรู้ว่ามันยิ่งใหญ่มากมาย เรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางทั้งหมดผมรับผิดชอบคนเดียว สามคนเราพ่อแม่ลูก ค่ากิน ที่พัก ค่ารถ รวมๆกันแล้วหมดประมาณหมื่นนิดๆครับไม่เกินหมื่นห้า อย่าได้ไปเสียดาย ไม่ตายหาใหม่ได้ ให้คิดว่า ที่ผ่านมาเราจ่ายให้กับอะไรที่ไร้สาระไปเยอะแล้ว ครั้งนี้เราได้ทำดีกับพ่อแม่ของเรา มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มและเป็นมงคลกับชีวิตครับ เพื่อนๆลองทำกันดูนะ ... ชีวิต is going on จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:59:11

ความคิดเห็นที่ 84 เล็กๆน้อยๆจากทริปนี้ 1. ที่เวียงจันท์ ถ้าสามล้อเรียกราคามา ให้เราต่อราคาลงไปอีกครึ่งทันที เช่นบอก 80 บาทให้ต่อไปเลยว่า 40 บาท ถ้าเขาโอดครวญนี่นั่นโน้น เราสะบัดบ็อบเลยครับ 2. เวลาจะซื้อหรือจะอะไร จ่ายเป็นเงินกีบจะถูกกว่า แม้ไม่มากมาย แต่เราก็รู้สึกดีใช่ไหม ที่ได้จ่ายถูกลง 3. จะซื้อของต้องราคาก่อนนะครับ และให้ถามเป็นค่าเงินกีบ และหากจะซื้อของที่ถนนคนเดิน ให้ถามราคาหลายๆร้านแล้วมาเปรียบเทียบกัน 4. ค่าเงิน ณ วันที่ผมไป (28 -30 กันยายน 2555)1 บาท เท่ากับ 258-260 กีบ /// แต่คนลาวมักจะชอบคิดเป็นตัวเลขกลมๆง่ายๆว่า 1 บาท เท่ากับ 250 กีบ เพราะฉะนั้นทางที่ดีเวลาแลกเงินให้แลกที่ตู้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศดีกว่า ได้อัตราดีกว่า 5. เอาเรื่องจริงสถานที่ท่องเที่ยว ถ้ากำลังแรงดี เดินไปเองได้หมดเลย ง่ายๆนะครับ ถ้าสมมุติว่าเริ่มต้นจากโรงแรมที่ผมพักนะ ให้ใช้วิธีหันหน้าเข้าโรงแรม แล้วเดินทางขวามือตัวเอง พอถึงปากซอย ให้เลี้ยวขวา เดินเลาะถนนไปเรื่อยๆ  ฝั่งเดิมเลย ก็จะผ่านร้าน JOMA (ตรงข้ามโจมา ก็ร้านอาหาร ขอบใจเด้อ) เดินไปอีกเรื่อยๆพอเหงื่อตกจนถึงสามแยกไฟแดงใหญ่ ตรงนั้นมีทั้งหอคำ / ติดกับหอคำคือหอพระแก้ว / ตรงข้ามหอพระแก้วเป็นวัดสีสะเกดและ พิพิธภัณฑ์วัดสีสะเกด 6. และถ้าถึงสามแยกไฟแดงใหญ่ ให้หันหน้าเข้าหอคำ จากนั้นให้หันหลังกลับ เราไปตามถนนเส้นเมนหลัก ก็จะผ่านธนาคารทั้ง SCB, BAY ผ่านตลาดเช้า เดินเลยไปจนถึงประตูชัย และเลยไปอีกก็ธาตุหลวง เวียงจันท์ แต่ต้องมั่นใจในกำลังขอของตัวเองด้วย หรือไม่ก็ง่ายๆครับ เช่า จักรยานวันละ 40 บาท ปั่นเก๋ๆ 7. ไปเวียงจันท์ครั้ง ผมเจอเรื่องตื่นเต้น เพราะเงินหมดระหว่างทริป อาจเพราะกดเงินไปไม่พอ สอบถามและได้ทำจริงได้ความดังนี้ หากเงินคุณหมดระหว่างเที่ยวที่เวียงจันท์ ให้ไปหาตู้ ATM ที่มีป้ายสัญลักษณ์ของคำว่า  Cirrus และบัตร ATM คุณต้องเขียนคำนี้ด้วยเช่นกันและในบัตรก็ต้องมีเงินด้วยนะครับ ถึงจะกดได้ และเงินก็จะออกมาเป็นเงินกีบ ก่อนกดก็คำนวณดีๆว่า 1000บาท จะได้ประเท่าไหร่ของเงินกีบ อัตราค่าชาร์จก็ราวครั้งละ 70 บาท 8. วิธี(ตามข้อ7)นี้ ผมทำมาแล้วและใช้ได้ผลครับ ตู้ ATMก็ทั่วไปเลยครับ ลองเดินหาดู แค่อย่าลืมว่าต้องมีคำว่า Cirrus นะครับ 9. ร้านแดงแหนมเนือง ที่หนองคาย ไม่รับบัตรเครดิต เท่าที่นึกได้มีเท่านี้ครับ ข้อมูลทุกอย่างบันทึกไว้ ณ ช่วงวันที่ 28 – 30 กันยายน 2555 และขอขอบคุณทุกการติดตามชมและฝากความเห็นไว้ครับ หวังว่าการท่องเที่ยวครั้งหน้า ผมคงได้กลับมารีวิวอีกครั้งนะครับ ถ้าผมเรียบเรียงได้ ^^ บุญรักษา ครับ .... (แก้ไข แบ่งบรรทัดครับ) แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 55 21:00:32 จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:59:36

ความคิดเห็นที่ 85 สวัสดีครับ ผมก็กลับมาเมื่อต้นเดือนนี้เอง สนุกดีครับ จริง ๆ แล้วไปกลับวันเดียวกันแหละครับ แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 55 21:04:17 จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 21:01:02

ความคิดเห็นที่ 86 Big Thank จากคุณ : chartchy --- ใช่ครับ มีความสุขมากครับ จากคุณ : ไปทุกที่ ถ้ามีสตางค์ --- ยินดีครับ ตามมาๆครับ ^^ จากคุณ : สีขุ่น --- ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Aromdee Jang --- ยินดีมากครับ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน --- ยินดีครับ จากคุณ : akharapat63 -- ขอบคุณมากครับ คุณก็น่ารักเช่นกัน จากคุณ : Artygallery --- สวัสดีครับ แล้วได้เจอกันไหมครับ ^^ จากคุณ : ตัวเรา เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 21:07:30