ความคิดเห็นที่ 1 และแล้วก็เดินมาถึงรถไฟตู้ที่ 8 กรุงเทพ – หนองคาย ได้เวลา 20.15 น.ก็เคลื่อนตัวช้า ๆ ออกจากสถานี อ้าว...นี่มันช้าไป 15 นาทีนี่นาไม่รู้เพราะอะไร จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 20:59:02

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงนี้เส้นทางรถไฟสายอีสานจะช้าทุกขบวนล่ะครับเพราะเค้ากำลังปรับปรุงระบบรางใหม่หลายช่วงเลย ทำให้รถไฟต้องค่อย ๆ คลานไปช้า ๆ เสียเวลามาก ๆ กำหนดถึงหนองคาย 8.25 น. ก็ปาเข้าไป 11.15 น. นั่งคุ้มจริง ๆ พอถึงสถานีหนองคายคณะเราก็ไม่รอช้ารีบไปทำ Boarding Pass เข้าลาวที่ ต.ม. ใครใช้ Passport ก็ถูกหน่อย เสียค่าธรรมเนียม 40 บาท แต่ถ้าเป็นใบผ่านแดนก็ 80 บาท อย่าลืมต้องได้ใบขาเข้านะครับ ไว้ใช้ขากลับ หัวหน้าทัวร์จำเป็นรีบไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าลาวมาแล้ว 4 ใบ มองเห็นรถไฟ หนองคาย - ท่านาแล้ง ที่เราจะไปอยู่ข้างหน้านี่เอง ขึ้นไปจับจองที่นั่งกันได้เลยตามสะดวก ได้ยินเสียงบอกว่าอีก 15 นาทีจะออกแล้ว จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:01:28

ความคิดเห็นที่ 3 ด้านในรถไฟเป็นแบบนี้เลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:02:51

ความคิดเห็นที่ 4 มองดูด้านนอกกันบ้าง จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:03:12

ความคิดเห็นที่ 5 พอครบ 15 นาที เอ๊ะ...ทำไมยังไม่ออก ปรากฎว่ารถไฟเสียช่างกำลังซ่อมกันอยู่ เสียเวลาไปอีกชั่วโมงกว่า จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:03:58

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นรถไฟไทยที่จะวิ่งไปบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กลางถนนเลยครับ ย้ำ !! กลางถนน เพราะถ้ารถไฟวิ่งเมื่อไหร่ รถยนต์ก็ต้องหยุดวิ่งไง ง่ายดี จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:04:52

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีต้อนรับสู่ ส.ป.ป.ลาว เย้ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:05:38

ความคิดเห็นที่ 8 และแล้วก็มาถึงสถานีฝั่งลาว รีบเอา Boarding Pass ของลาวมาเขียนโดยเร็ว ใช้เวลาไม่นาน ทีนี้ล่ะจะต้องหารถเข้าเมืองไปโรงแรมที่จองไว้ เอาป้ายมาฝากครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:07:28

ความคิดเห็นที่ 9 คณะเราเลือกรถสองแถว ระหว่างทางก็เห็นป้าย "อยู่เมืองลาว ใช้แต่เงินกีบ" จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:08:51

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่น่าเชื่อวิ่งนานครึ่งชั่วโมงเลย ถือว่าไกลครับกว่าจะถึงกลางใจเมือง และแล้วก็ถึงโรงแรมที่พักเรา “มะลิ น้ำพุ” โรงแรมยอดฮิตของคนไทยและต่างชาติ มี Internet wifi ให้แขกเล่นฟรี จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:09:55

ความคิดเห็นที่ 11 จากห้องพักชั้น 4 มองลงมาด้านล่างเป็นแบบนี้ครับ ที่นั่งกิน Breakfast นั่นเอง จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:11:25

ความคิดเห็นที่ 12 หลังจากเก็บสัมภาระในห้องก็สำรวจซะนิดหน่อย พบว่าในห้องไม่มีแชมพู ไม่มียาสีฟัน ไม่มีไดร์เป่าผม แต่มีแปรงสีฟัน และผ้าขนหนูให้เตียงละผืนปลายเตียง ส่วนน้ำก็มีน้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด มีทีวีแต่ไม่ได้เปิดดูเลย สำรวจเสร็จก็รีบล้างหน้าล้างตาเตรียมออกไปหาอาหารกลางวันที่ล่วงเลยมาถึงบ่าย 2 กว่าแล้ว เป้าหมายอาหารกลางวันแรกอยู่ที่ร้าน “เฝอแซ่บ” เดินจากโรงแรมไปไม่ไกลนัก ถามชาวบ้านนิดหน่อยก็มองเห็นร้านอยู่ข้างหน้า มองเข้าไปคนยังกินอยู่หลายโต๊ะ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:12:41

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ต้องคิดมากครับ มาร้านเฝอต้องสั่งเฝออยู่แล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำให้สั่งถ้วยน้อยก่อนนะครับ เพราะมันใหญ่กว่าถ้วยบ้านเรามาก ส่วนผู้ชายเอาถ้วยใหญ่ก็กำลังดี แต่ถ้วยจัมโบ้เหลือแน่ ๆ มายืนดูเค้าทำเฝอหน้าร้าน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:14:39

ความคิดเห็นที่ 14 ราคาตอนเราไปกินยังเป็นราคาเดิมครับ แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.จะปรับราคาขึ้นตามนี้ ถ้วยน้อย 17,000 กีบ (68 บาท) ถ้วยใหญ่ 20,000 กีบ (80 บาท) ถ้วยจัมโบ้ 25,000 กีบ (100 บาท) แพงจริงครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:15:49

ความคิดเห็นที่ 15 เหลือบไปอีกด้านเห็นอะโวคาโด้กองเต็มเลย ได้ความว่ามันคือเอาไว้สั่งกินหรือจะปั่นก็ได้ คณะเราก็เลยสั่งอะโวคาโด้ปั่น 4 แก้ว ๆ ละ 80 บาท จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:16:23

ความคิดเห็นที่ 16 มายืนดูเค้าปั่นกันจะจะ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:16:48

ความคิดเห็นที่ 17 ใส่กันลงไปเต็ม ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:17:18

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมานั่งโต๊ะไม่นานเครื่องเคียงก็วางเต็มโต๊ะเลยของใครของมัน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:17:57

ความคิดเห็นที่ 19 เผลอแป๊บเดียวเฝอก็มาแล้ว คำแรกเข้าปาก..โอ๊ยเค็มมากครับ...ไม่รู้แซ่บตรงไหน ต้องปรุงครับมีมะนาวให้ แล้วก็พริก จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:19:19

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ข้างฝามีเตือนว่า “พริกเราเผ็ดมาก ชิมก่อนปรุง” จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:20:04

ความคิดเห็นที่ 21 เอ้า...น้ำอะโวคาโด้ปั่นรสชาดดีครับ เหนียวหนืดดีทีเดียว จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:21:48

ความคิดเห็นที่ 22 หลังจากอิ่มหนำแล้ว คณะเราก็เดินหน้าถ่ายรูปกันอย่างเมามัน (ก็ตั้งใจมาถ่ายรูปโดยเฉพาะนี่) งานนี้เดิน เดิน เดิน มีแผนที่ลาวที่เราทำการบ้านมาแล้ว ที่แรกที่ผ่านก็ธาตุดำครับ อยู่เป็นวงเวียนก็เลยไม่เสียค่าผ่านประตู จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:22:28

ความคิดเห็นที่ 23 จากนั้นระหว่างทางก็เห็นธนาคารบ้านเรา ไทยพาณิชย์สวยงามจริง ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:23:39

ความคิดเห็นที่ 24 ฝั่งตรงข้ามเป็นกรุงไทย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:24:08

ความคิดเห็นที่ 25 เดินมาอีกนิดนึงก็ถึงวัดสีสะเกด ต้องรีบแล้วครับเพราะวัดวาต่าง ๆ ปิดให้เข้าชม 16.00 น. เหลือเวลาไม่มากรีบจ่ายค่าผ่านประตูชมพิพิธภัณฑ์ก่อน 5,000 กีบ (20 บาท) วัดสีสะเกด (Wat Sisaket) หรือวัดสะตะสะหัสสาราม (วัดแสน)  เป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในนครเวียงจันทน์ สตสหัสส  แปลว่า 100,000,  อาราม แปลว่า วัด,  วัดสตสหัสสาราม จึงแปลว่า วัดแสน  ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ลาว)   ศักดิ์ของวัดนี้เทียบเท่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ฯ ท่าเตียน ของไทย)  เหตุที่ชื่อวัดแสนก็เพราะว่า  พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนชาวลาวในอดีต  ทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ทั่ววัด 100,000 องค์  ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นว่าวัดแสน  แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าองค์เท่านั้น  ไกด์บางคนบอกว่ามี 6,000 กว่าองค์  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  วัดนี้ก็มียังมีพระพุทธรูปมากที่สุดในนครหลวงเวียงจันทน์ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:25:36

ความคิดเห็นที่ 26 ป้ายประวัติของวัดเผื่อใครอยากอ่าน แต่ผมอ่านบ่ออก จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:26:36

ความคิดเห็นที่ 27 กำลังอยากรู้พอดี่ว่าถ้าไม่แลกเงินกีบเลย จะสะดวกหรือไม่ สำหรับการจ่ายค่ารถบัสหรืออื่นๆเป็นเงินบาท ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ^^ จากคุณ : ม้านิด เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:27:41

ความคิดเห็นที่ 28 พระพุทธรูปมีมากมายจริง ๆ ครับตามแนวผนังรอบด้านทั้ง 4 ด้านเลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:29:55

ความคิดเห็นที่ 29 @ ม้านิด : เงินไทยสบายบรื๋อครับ เค้าเห็นหน้าเราก็บอกเงินบาทแล้ว อย่างที่บอกเงินกีบจ่ายค่าโรงแรมพอครับ ที่เหลือไทยโลด convert แล้วอาจจะแพงกว่ากีบแต่สะดวกกว่ากันมากครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:31:51

ความคิดเห็นที่ 30 พระที่นี่ดูเข้มขลังมากครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:33:00

ความคิดเห็นที่ 31 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:33:18

ความคิดเห็นที่ 32 ดูหน้าองค์ท่านชัด ๆ ครับ เนื้อโลหะเก่าได้อายุจริง ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:33:50

ความคิดเห็นที่ 33 พระพุทธรูปที่นี่จะเห็นมีปิดทองน้อยองค์ครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:34:25

ความคิดเห็นที่ 34 @ tonhok : ยินดีครับ ตามมาเล้ย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:35:07

ความคิดเห็นที่ 35 ศาลาหลังนี้อยู่ตรงกลาง สวยงามมากครับดูขลังและเก่าแก่ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:36:14

ความคิดเห็นที่ 36 ออกจากวัดศรีสะเกดเดินก็เดินข้ามถนนไปหอพระแก้วครับ จริง ๆ แล้วหอพระแก้วเองเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดสีสะเกด ปัจจุบันทางการมาดูแลแทนวัด และมีถนนไชยเชษฐาตัดผ่าน ทำให้หอพระแก้วและวัดเลยต้องอยู่แยกกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ต้องเสียค่าผ่านประตู 2 ต่อครับ เท่ากัน 5,000 กีบ (20 บาท) ต้องรีบถ่ายรูปเที่ยวชมอีกแล้วเพราะใกล้ 4 โมงเย็นเต็มที จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:36:50

ความคิดเห็นที่ 37 เดินเข้ามาจ่ายค่าผ่านประตูก็เห็น Postcard สวย ๆ ครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:39:10

ความคิดเห็นที่ 38 ใกล้ ๆ กันเป็นองค์พระแก้วมรกตจำลองให้บูชา 3 องค์ 3 ฤดูเหมือนบ้านเราครับ เพราะเราก็อัญเชิญพระแก้วมรกตของเค้ามา จริงหรือเปล่า... จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:41:01

ความคิดเห็นที่ 39 มองเห็นหอพระแก้วข้างหน้าแล้วครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:41:55

ความคิดเห็นที่ 40 แอบมองผ่านต้นอะไรไม่รู้ ปาล์มหรือหมากมั้ง แต่ดูสวยดี จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:42:54

ความคิดเห็นที่ 41 เดินขึ้นไปด้านบนเจอองค์พระพุทธรูปเรียงรายครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:43:57

ความคิดเห็นที่ 42 องค์ยืนดูสง่าเข้มขลัง จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:45:47

ความคิดเห็นที่ 43 พุทธศิลป์ใกล้ ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:46:23

ความคิดเห็นที่ 44 ที่ฝ่ามือของท่านมีทองปิดไว้ด้วย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:47:19

ความคิดเห็นที่ 45 ฐานองค์พระมีจารึกด้วยครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:48:29

ความคิดเห็นที่ 46 นี่ก็มีจารึกด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:48:51

ความคิดเห็นที่ 47 หันหลังกลับไปสวยดีเหมือนกัน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:49:29

ความคิดเห็นที่ 48 เสร็จจากหอพระแก้วก็เดินไปประตูชัยที่เห็นตั้งแต่แรก ๆ แล้ว ไกลอยู่ครับแต่เดินดีกว่าเพราะได้เห็นทิวทัศน์ 2 ข้างทางด้วย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:50:12

ความคิดเห็นที่ 49 ผ่าน 4 แยกเห็นตำรวจจราจรหน้ามนนั่งอยู่ในป้อม ก็ทักทายว่า สะบายดี ขอถ่ายรูปหน่อยเด้อ แล้วก็กดแช๊ะ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:51:00

ความคิดเห็นที่ 50 มองเข้าไปในซอยเห็นธนาคารกรุงเทพ ด้านหน้าเหมือนในไทยเราเลยรูปลักษณะเดียวกันเป๊ะ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:52:57

ความคิดเห็นที่ 51 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ริมถนนใหญ่ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:53:30

ความคิดเห็นที่ 52 แล้วก็ผ่าน Beeline บริษัทมือถือแบบ AIS DTAC เรานี่แหละ ฮาตรงมาสคอตเค้าครับ หัวเป็นลูกนกแต่ตูดเป็นผึ้งก็ดูน่ารักดี จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:53:58

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ รีวิวนี้ผมให้กิฟ3ดวงเลยครับ ชอบมากๆ ขอบคุณที่พาเที่ยวเวียงจันทน์ครับ เห็นแล้วแอบคิดถึงวัดพระแก้ว อยากกลับไปอีกครั้งจัง >< จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:54:52

ความคิดเห็นที่ 54 เดินไปอีกไม่นานก็ถึงประตูชัย ด้านไหนเป็นด้านหน้าไม่รู้เหมือนกัน แต่ด้านนี้จะมีธงชาติหลายชาติปักอยู่ อาจจะเป็นเพราะจะมีการประชุม ASEM วันที่ 3-4 ต.ค.ก็เป็นได้ อีกด้านจะมีน้ำพุครับ คนจะอยู่ด้านนั้นกันเยอะกว่า ประตูชัยขึ้นไปข้างบนได้ครับ เสียค่าผ่านประตู 3,000 กีบ (12 บาท) ตีนบันไดมีใบเสร็จแต่ก็ไม่รู้ถูกหลอกหรือเปล่า บางคนบอกว่าที่เก็บเป็นค่าถ่ายรูปข้างบน แต่ผมไม่สนใจล่ะครับมาแล้วต้องขึ้นก็เดินขึ้นบันไดไปเลย หนึ่งเหนื่อยก็ถึงข้างบนแล้ว มองลงไปข้างล่าง 2 ด้านสวยดีครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:55:14

ความคิดเห็นที่ 55 @ สีขุ่น : ขอบคุณครับ มือใหม่หัดรีวิว ขาดตกบกพร่องก็ขออภัยครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:56:45

ความคิดเห็นที่ 56 ด้านบนฝั่งน้ำพุครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:57:30

ความคิดเห็นที่ 57 ด้านบนอีกด้านครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:58:00

ความคิดเห็นที่ 58 ได้เวลาลงมาข้างล่าง ยืนอยู่ใต้ประตูแหงนหน้ามองขึ้นไป รูปปูนปั้นสลักสวยงามมากครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:59:06

ความคิดเห็นที่ 59 เดินเลยมาฝั่งน้ำพุบ้างครับ ฝั่งนี้คนจะเยอะกว่ามาก ๆ เพราะมีสวนสวยงาม จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 21:59:54

ความคิดเห็นที่ 60 มองไปด้านข้างไม่รู้เค้าเรียกอะไรครับ แต่สถาปัตยกรรมสวยงามมาก จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:00:37

ความคิดเห็นที่ 61 เนื่องจากพรุ่งนี้ตั้งใจมาประตูชัยอีกครั้งเลยรีบออกมา ตัดสินใจมุ่งหน้าไปพระธาตุหลวง เหมารถสองแถวไปปรากฎว่ามารู้ว่าโดนหลอกให้ไปเพราะพระธาตุปิดแล้วเข้าไม่ได้ ดูได้แต่ข้างนอก แถมสองแถวจอดส่งข้างนอกให้เดินไปไกลมาก หลังจากเดินข้ามลานกว้าง เข้าใจว่าทำไว้สำหรับให้คนออกกำลังกายเพราะเห็นคนลาวมาขี่จักรยานกันเยอะเหมือนกัน ก็มองเห็นพระธาตุสีเหลืองอร่ามอยู่ไกล ๆ ด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช หน้าพระธาตุหลวง จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:01:38

ความคิดเห็นที่ 62 สมเด็จพระเจ้าอภัยพุทธบวรไชยเชษฐาธิราช หรือ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2077 - 2115) กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของชาติชาวลาว กษัตริย์ผู้สถาปนากรุงศรีสัตนาคนหุต (อาณาจักรล้านช้าง) ให้เป็นศูนย์กลางอารยธรรม และเป็นศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ ของอาณาจักรล้านช้างเข้าไว้ด้วยกัน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:02:51

ความคิดเห็นที่ 63 มองไปด้านข้างพระธาตุเห็นพระนอนสีเหลืองอร่ามองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในวัดธาตุหลวงใต้ก็รีบเข้าไปสักการะครับ ดูใกล้ ๆ แล้วคิดว่าเป็นการทาสีทองจึงดูไม่ค่อยสวยเหมือนบ้านเราที่พระจะปิดทองคำเปลวครับเพราะมันดูเหลืองอร่ามกว่ามาก จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:03:56

ความคิดเห็นที่ 64 เราชอบนะเฝอแซ่บ อร่อยดี แถมชามใหญ่ยักษ์มาก และก็ชอบไปโจมา เป็นอะไรที่ต้องทำถ้าข้ามไปเวียง 555+ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:04:49

ความคิดเห็นที่ 65 หมากเผ็ดฮ้านเฮาเผ็ดอีหลีเด้อ จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:04:58

ความคิดเห็นที่ 66 พระพักตร์ท่านยิ้มดูน่าเลื่อมใส จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:05:39

ความคิดเห็นที่ 67 @ Sugarbean : ร้านโจมาที่เวียงจันทน์ก็มี แต่ผมว่ากาแฟร้าน Scandinevian อร่อยกว่าครับ แต่ยังไงโจมาก็เป็นอะไรที่ต้องไปครับ @ RouteRaideR : ขอบใจเด้อ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:08:52

ความคิดเห็นที่ 68 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ  ไปครั้งที่แล้ว เราพลาดพระธาตุดำไปได้อย่างไร สวยดีค่ะ ปล.เฝออร่อยดีค่ะ เราทานถ้วยใหญ่ 55  แทบตายอ่ะ จากคุณ : nuch9981 เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:09:40

ความคิดเห็นที่ 69 ในใจคิดว่าจะมาพระธาตุหลวงใหม่วันรุ่งขึ้น จึงมุ่งหน้ากลับโรงแรมเตรียมตัวหาอาหารเย็น ซึ่งเป็นร้านไหนไม่ได้นอกจากร้าน “ขอบใจเด้อ” เพราะอยู่ใกล้ ๆ โรงแรมใกล้น้ำพุ เดินไปได้นิดเดียว แต่ช่วงที่ไปร้านกำลังปรับปรุงเอาป้ายชื่อร้านออกไป เลยเดินหามึนเลย สุดท้ายถามชาวบ้านแถวนั้นถึงได้รู้ว่าร้านนี้นี่เอง อยู่ตรงข้าม Joma นั่นหล่ะครับ มีชั้น 2 ลอยออกมานั่งรับลมได้ อาหารอร่อยใช้ได้ครับ ไม่ผิดหวัง ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมานะครับเพราะมืดแล้ว แต่ขอแนะนำตามที่สั่งมาก็มี 1.Lao Classic มีส้มตำ 1 จาน เลือกได้เอาไทย / ลาว (ปลาร้า) ข้าวเหนียวดำในกระบอกไม้ไผ่ (ข้าวหลาม) และไก่ย่างอีก 4-5 ชิ้น 2.สลัดลาว อร่อยที่น้ำสลัดและผักสด ๆ 3.เปาะเปี๊ยะทอด 4.สเต๊กหมู อร่อย 5.ขาหมูเยอรมัน (ขาใหญ่มาก ๆ ไปน้อยคนอย่าสั่งครับ) 6.เบยลาว พลาดไม่ได้จริง ๆ ร้านนี้จ่ายบัตรเครดิตได้ครับ ถ้าจำไม่ผิดจะรูดเป็นเงิน USD แต่ถ้าคนไทยก็จ่ายเงินบาทไปเลยสะดวกดี อิ่มแล้วออกไปเดินเล่นถนนคนเดินริมโขง หาดูซื้อของปรากฎว่าเค้าเลิกร้านกันไปเกือบหมดแล้ว พลาดมาก ๆ ครับจริง ๆ แค่ 3 ทุ่มหน่อย ๆ เอง ขอแนะนำว่าตั้งแต่ประมาณ 6 โมงกว่า ๆ ควรไปเดินเล่นก่อนครับ แล้วค่อยมาทานที่ร้านจะดีกว่า เช้าตื่นมารีบออกไปใส่บาตรที่วัดศรีเมือง เพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่โรงแรมว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ของคนลาว เป็นวันทำบุญประดับดิน ก็คือวันที่ทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และผีเปรด ผีตายโหง ผีไม่มีญาต ด้วยการ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:10:57

ความคิดเห็นที่ 70 @ nuch9981 : พระธาตุดำไว้มีโอกาสไปใหม่ก็ได้ครับ แต่ว่าเฝอผมก็ทานถ้วยใหญ่เหมือนกัน เล่นเอาจุกเลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:12:43

ความคิดเห็นที่ 71 สาว ๆ ชาวลาววันพระเนี่ยเค้าตั้งใจมาทำบุญกันจริง ๆ ครับ เข้าแถวใส่บาตรข้าวเหนียวกันอย่างตั้งใจ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:14:19

ความคิดเห็นที่ 72 ยกท่วมหัวเลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:15:05

ความคิดเห็นที่ 73 อธิษฐานอะไรอยู่เหรอจ๊ะ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:15:45

ความคิดเห็นที่ 74 ข้าวเหนียวหยิบใส่บาตรเลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:16:26

ความคิดเห็นที่ 75 ทีนี้จะเข้าไปในศาลากันบ้างครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:17:41

ความคิดเห็นที่ 76 ด้านในมีพระประธานองค์ใหญ่เป็นพระแก้วมรกตสวยงามมากจริง ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:18:29

ความคิดเห็นที่ 77 สำรับอาหารคาวหวาน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:19:08

ความคิดเห็นที่ 78 เดินลงจากศาลาเห็นชาวลาวทำอะไรกันครับ อ๋อนี่ล่ะทำบุญประดับดิน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:20:59

ความคิดเห็นที่ 79 ดูกันชัด ๆ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:21:47

ความคิดเห็นที่ 80 3 อนงค์สีหน้าอิ่มบุญจริง ๆ พอรู้ว่าคณะผมมาจากเมืองไทยก็ดีใจกันใหญ่ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:22:48

ความคิดเห็นที่ 81 ตามไปเวียงจันทร์ด้วยคนครับ เดือนธันวาจะไปครั้งแรก ว่าแต่คนไม่กินเผ็ด มีอะไรให้ทานมั่ง ข้าวไข่เจียว แม็คโดนัล มีป่าวครับ จากคุณ : Grasshopper เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:23:55

ความคิดเห็นที่ 82 ก่อนกลับมองไปหน้าวัด โหแถวต่อคิวใส่บาตรยาวเหยียดเลย แต่ละคนแต่งตัวกันมาเต็มยศ ทั้งผ้าซิ่นห่มสะไบเฉียง จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:24:03

ความคิดเห็นที่ 83 @ Grasshopper : เรื่องเผ็ดผมว่าไม่น่ามีปัญหานะ เพราะฝรั่งมาเที่ยวเยอะมาก ร้านอาหารฝรั่งก็มีอร่อยหลายร้านครับ โดยเฉพาะร้านฝรั่งเศส ส่วนอาหารลาวเท่าที่ทานดูก็ไม่เผ็ดนะครับเพราะเค้าทำเผื่อฝรั่งอยู่แล้ว แต่ผมไม่เห็น Mc นะครับ หรือไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:26:59

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:27:42

ความคิดเห็นที่ 85 เสร็จก็รีบกลับไปกิน Breakfast ที่โรงแรมครับ เมนูอาหารเช้าโรงแรมนี้ไม่ต้องไปตักเองครับ เลือกจากเมนูได้คนละ 2 รายการ อันนี้ขนมปังกับหมูสับนึ่งครับ แปลกดี...ผมไม่เห็นว่ามันจะเข้ากันได้ตรงไหนเลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:29:17

ความคิดเห็นที่ 86 โจ๊กหมูอีกรายการของผม จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:29:41

ความคิดเห็นที่ 87 รวม ๆ กันบนโต๊ะครับ จริง ๆ ยังไม่ครบนะครับ จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:30:42

ความคิดเห็นที่ 88 อิ่มแล้วก็จับสองแถวมาพระธาตุหลวงอีกรอบ คราวนี้เข้าได้สบายเพราะมาตอนสาย ๆ ที่นี่ปิด 5 โมงเย็นครับ ค่าผ่านประตู 5,000 กีบ (20 บาท) เหมือนเดิม พระธาตุหลวงถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญญาลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย พระธาตุนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 พระธาตุองค์นี้มีรูปทรงที่ไม่เหมือนกับองค์อื่นๆ เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุองค์นี้ได้สร้างในสมัยพุทธศักราชที่ 236 โดยมีพระภิกษุลาวจำนวน 5 รูปเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย และได้อันเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามายังนครเวียงจันทน์ด้วย ต่อมาด้ำกราบทูลพระยาจันทบุรีประสิทธิ์ศักดิ์ เจ้านครเวียงจันทน์ในสมัยนั้น ให้สร้างพระธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเพื่อให้ชาวลาวได้กราบไหว้ กล่าวไว้ว่า พระธาตุองค์เดิมนั้นสร้างด้วยหินเป็นทรงโอคว่ำ มีการก่อกำแพงล้อมรอบเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีความกว้าง 10 เมตร หนา 4 เมตร และสูง 9 เมตร เชื่อกันว่าพระธาตุที่เห็นในปัจจุบันสร้างครอบองค์เดิม ซึ่งต่อมาสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้างจากหลวงพระบางมาอยู่ที่เวียงจันทน์ ตามดำริของพระราชบิดา คือพระเจ้าโพธิสาร จากนั้นทรงมีพระบัญชา ให้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ณ บริเวณที่เคยเป็นเทวสถานเก่าของขอมโดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2109 และหลังจากสร้างพระธาตุหลวงได้โปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นล้อมรอบพระธาตุไว้ทั้งสี่ทิศด้วย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองแห่งด้วยกันคือ วัดพระธาตุหลวงเหนือและวัดพระธาตุหลวงใต้ ในปัจจุบัน พระธาตุหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เพราะมีการสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมรอบองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆเอาไว้โดยตลอด สำหรับประตูทางเข้านั้นเป็นประตูไม้บานใหญ่ ลงรักสีแดงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้รอบๆองค์พระธาตุใหญ่ยังมีเจดีย์บริวารล้อมรอบอยู่โดยรอบอีหลายองค์ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์หนึ่งแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแห่งนี้ปรากฏอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักพญานาค พระพุทธรูปปิดทองลายกลีบบัวประดับอยู่บนฐานปักษ์ และถัดจากประตูทางเข้าใหญ่ประมาณ 100 เมตรจะแลเห็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่บนฐานสูง พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบวางพาดไว้บนพระเพลา เล่ากันว่า พระแสงดาบเล่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องพระธาตุหลวงซึ่งได้ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวลาวทุกคน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:33:30

ความคิดเห็นที่ 89 องค์พระพุทธรูปรายรอบพระธาตุอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์เลย จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:34:30

ความคิดเห็นที่ 90 เดินเที่ยวอยู่พักใหญ่ ก่อนออกเห็นพระองค์เล็ก ๆ สวยดี จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:35:09

ความคิดเห็นที่ 91 เสร็จจากพระธาตุหลวงก็มุ่งหน้าประตูชัยอีกครั้ง คราวนี้ดูทุกซอกทุกมุมเลย ประตูชัย สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้ ใช้ปูนที่อเมริกาซื้อเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันได้สร้างเพราะอเมริกาแพ้สงครามในอินโดจีนเสียก่อน จึงนำปูนซีเมนต์มาสร้างประตูชัยแทน ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย บันไดวันให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์ บนยอดของประตูชัยอีกด้วย ตลอดบันไดวนของประตูชัยจะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ทุกวัน จากคุณ : Artygallery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 22:35:49