ความคิดเห็นที่ 1 (ความเดิมจากตอนที่แล้ว) ในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น ผมได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องมาเสี่ยงอันตราย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้มาก่อน นั่นก็คือการปั่นจักรยานเสือภูเขาบนเส้นทางที่อันตรายที่สุดในโลกนั่นเองครับ ถึงแม้ว่าแรกๆ ผมเองก็จะเกิดอาการโรคปอดกำเริบ แต่หลังจากที่นั่งพึมพำนะโมๆ หลายๆ จบในใจพร้อมๆ กับตั้งสติมั่นกับแฮนด์ของจักรยานของเรา ในที่สุดผมก็สามารถพิชิตเส้นทางเส้นนี้ลงได้สำเร็จ พร้อมทั้งกลับมายังกรุงลาปาซอย่างอิ่มอกอิ่มใจ และราตรีนั้น ณ กรุงลาปาซก็นับเป็นราตรีอันแสนสุขของผมเช่นเดียวกับหลายๆ คืนที่ผ่านมาในอเมริกาใต้ แต่งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกราใช่ไหมครับ ผมมาถึงลาปาซตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม ก่อนที่ล้อเครื่องบินจะแตะยังท่าอากาศยานประจำเมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ จิตใจผมก็หวาดหวั่นไปต่างๆ นานา ด้วยว่าก่อนที่ผมจะมายังที่นี่นั้นก็เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นจากสื่ออินเตอร์เน็ต หรือว่าจากเพื่อนร่วมทางที่ผมพบเจอมาตามที่ต่างๆ และบางเรื่องที่ผมได้ฟังมานั้นมันก็อันตรายถึงชีวิตกันเลยทีเดียว แต่พอได้มาสัมผัสกรุงลาปาซด้วยตัวเองนั้น ผมบอกตรงๆ เลยครับว่ามันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งเมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีสีสันและเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในความวุ่นวายอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นรถราเก่าๆ คร่ำคร่าแต่หลายๆ คันก็ยังทาสีอย่างสะดุดตา หรือผู้คนที่แม้อาจจะไม่ร่ำรวยมากแต่ก็ยังคงแต่งกายกันตามพื้นฐานวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่ ผมล่ะก็อยากจะเชิญชวนผู้อ่านมาลองสัมผัสที่นี่สักครั้งจริงๆ ครับ (แต่ว่าอากาศอันเบาบางของที่นี่ก็อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับบางท่านได้เช่นกันครับ) **จริงอยู่ครับผมอาจจะพูดแบบนี้ได้เพราะสิ่งต่างๆ ที่ผมเห็นทำให้ผมประเมินสถานการณ์ออกมาในรูปนี้ แต่อย่างไรก็ดีผมก็อยากให้ชาว BP ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเดินทางไปยังสถานที่ที่ไกลบ้านและแปลกใหม่มากๆ หากเราไม่ประมาทการเดินทางของเราย่อมจะผ่านไปได้ด้วยดีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:27:26

ความคิดเห็นที่ 2 ผมพล่ามมาก็มากพอแล้ว เดี๋ยวทุกๆ ท่านจะพาลหาว่าผมน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงไปซะเปล่า มาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่าครับ การเดินทางในตอนนี้จะโฟกัสกับวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งหลังจากตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่ทันไรผมก็ต้องตื่นแล้วครับ เพราะว่าวันนี้เราก็ต้องออกเดินทางกันต่อแล้ว จุดหมายของวันนี้คือเมือง Copacabana ซึ่งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ Titicaca ครับ ก่อนอื่นผมขอเกริ่นนำเล็กน้อยเกี่ยวกับที่นี่ก่อนที่เราจะเดินทางกันจริงๆ ดีกว่าครับ บางท่านที่ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับอเมริกาใต้มาบ้างอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้ และคงจดจำชื่อนี้ในฐานะที่เป็นชายหาดอันมีชื่อเสียงของนคร Rio de Janeiro แห่งบราซิลนั่นเอง แต่ใครจะรู้ล่ะครับ ว่าชายหาดขาวสวยคู่น:-)เสน่ห์แห่งแอตแลนติกแห่งนี้ จะได้รับชื่อมาจากชายหาดของเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบติติกากาที่แสนจะอยู่สูงเสียดฟ้าที่ความสูงเฉลี่ย 3800 เมตรจากน้ำทะเลแบบนี้ และที่ความสูงระดับนี้เองครับ ทำให้ทะเลสาบติติกากาเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว (หากนับเฉพาะทะเลสาบที่ใช้ในการคมนาคมได้ ที่นี่จะเป็นที่ที่สูงที่สุดในโลกครับ) แล้วที่นี่มีอะไรกันเล่า ทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในจุดหมายของผม ส่วนหนึ่งก็เพราะว่านี่คือเมืองริมชายแดนโบลิเวีย – เปรู และก็แน่นอนว่านี่จะเป็นจุดหมายสุดท้ายในโบลิเวียของผม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักครับ เหตุผลหลักของผมที่ผมจะไปที่นี่จริงๆ แล้วก็คือตัวทะเลสาบเองนั่นแหละครับ เพราะรอบๆ ทะเลสาบแห่งนี้ก็เคยมีชุมชนใหญ่ๆ ในอดีตที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อนที่อาณาจักรอินคาจะเรืองอำนาจเสียอีก และชุมชนเหล่านั้นแม้จะอยู่ภายใต้อาณัติของอาณาจักรอินคาแล้ว แต่ประเพณี ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมก็ยังจะพอทิ้งร่องรอยให้เห็นกันอยู่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนับร้อยนับพันปีก็ตาม มันคงจะเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่รอให้ผมสัมผัสอยู่ที่นั่นก็เป็นได้ ผมคิด ตั๋วรถไปยัง Copacabana จาก La Paz หาได้ทั่วไปไม่ยากครับ ส่วนมากบรรดา agency ทั้งหลายบนถนน Sagarnaga ซึ่งเป็นย่านนักแบกเป้แห่งลาปาซก็จะขายหมดครับ ผมเองก็ซื้อกับเจ้าหนึ่งที่อยู่ใต้โรงแรมที่ผมพักเลย นั่นก็คือวิคุนย่า ทราเวลที่เห็นนี่เองครับ สนนราคาตั๋วของบริษัทนี้ก็อยู่ที่ 35 โบลิเวียโน่ครับ ราคาอาจจะแพงกว่ารถบัสท้องถิ่นทั่วไปอยู่พอสมควร แต่หากคิดเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัยยังไงก็คุ้มค่าเงินครับ (ในปี 2006 มีข่าวคู่ชายหญิงนักท่องเที่ยวชาวออสเตรียใช้บริการรถตู้จากเมือง Copacabana เพื่อเข้ามายังกรุงลาปาซ หลังจากที่รถจอดที่ย่านสุสานซึ่งเป็นย่านที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองก็ไปใช้บริการแท็กซี่ที่มารออยู่ตรงนั้นเลย แต่สุดท้ายแท็กซี่ก็จับมัดมือมัดเท้า ผูกตา พาไปยังย่าน El Alto ซึ่งเป็นย่านที่ไม่ค่อยดีอีกแห่งของที่นี่ บังคับขู่เข็ญให้บอกรหัส ATM จนกระทั่งกดเงินจนเกลี้ยง สุดท้ายก็ลงมือฆ่านักท่องเที่ยวทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม ผ่านไปหนึ่งเดือนจึงพบศพ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่สยดสยองและทำลายภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของโบลิเวียมาก ปัจจุบันแก๊งที่ก่อเหตุนี้ได้ถูกจับกุมและดำเนินคดีแล้วครับ แต่ที่ผมกล่าวเรื่องนี้มาก็อยากจะบอกว่า หากเลี่ยงรถพวกนี้ได้ก็ให้เลี่ยง แม้ตอนนี้สถานการณ์ดูจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นก็ตาม การมาขึ้นรถที่จัดบริการนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในย่านแบบนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:28:29

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนเจ็ดโมงครึ่งไม่เท่าไหร่พี่โชเฟอร์ก็จะเข้ามาในล็อบบี้โรงแรมพร้อมกับเรียกเราไปขึ้นรถครับ แล้วรถก็จะไปรับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ตามที่ต่างๆ จนครบแล้วจึงออกเดินทางครับ สภาพในรถก็ดูใช้ได้เลยทีเดียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:28:52

ความคิดเห็นที่ 4 บรรยากาศของชานกรุงลาปาซยามเช้าๆ ครับ ตึกรามบ้านช่องที่นี่มันดูขัดหูขัดตายังไงพิกล คงเป็นเพราะส่วนใหญ่ที่นี่จะนิยมอิฐเปล่าๆ ไม่มีการฉาบปูนหรือทาสีใดๆ ทั้งสิ้น สาเหตุก็เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการเสียภาษีเพิ่มขึ้นนั่นเอง และนี่คือสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในโบลิเวียครับ ผมมาตั้งแต่ Uyuni จนกระทั่งที่นี่ ก็เหมือนกันหมด การที่จะทาสีตึกได้คนที่นี่คงต้องรวยกันพอควรล่ะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:29:19

ความคิดเห็นที่ 5 ทางด่วนเชื่อมระหว่าง La Paz และ El Alto ชานเมืองที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ครับ ดูๆ แล้วยังต้องการการปรับปรุงซ่อมแซมอีกมากเลยทีเดียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:29:31

ความคิดเห็นที่ 6 แต่ผมไม่แคร์ว่าทางจะดีจะแย่หรอกครับ ตราบใดที่ยังมีวิวสวยๆ แบบนี้ให้ชมกัน จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:29:47

ความคิดเห็นที่ 7 การที่คนเราสามารถสร้างบ้านเรือนตามไหล่เขาแบบติดๆ กันได้แบบนี้ ผมต้องยอมรับครับว่า อะเมซิ่งโบลิเวียจริงๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:30:04

ความคิดเห็นที่ 8 และสิ่งที่อยู่คู่กับทิวทัศน์ของนครแห่งนี้คือยอดเขา Illimani อันตั้งทะมึนอยู่เบื้องหลัง เปรียบเหมือนยักษ์ผู้คอยปกปักรักษาเมืองก็ไม่ผิดนักหรอกครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:30:18

ความคิดเห็นที่ 9 อาจจะดูเหมือนยามเช้าที่ปกติทั่วไป แต่วันนี้ไม่ปกติแน่ครับ เพราะอะไรเดี๋ยวก็รู้กัน จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:30:35

ความคิดเห็นที่ 10 ตึกรามบ้านช่อง ณ เวลานี้ก็เริ่มบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:30:51

ความคิดเห็นที่ 11 คุณโชเฟอร์จอดรถลงที่ปั๊มน้ำมันร้างแห่งหนึ่ง บอกว่าให้พัก 10 นาที แวบแรกผมก็คิดในใจมันมีอะไรให้พักที่นี่ในปั๊มร้างเนี่ย แต่พอมองให้รอบๆ ก็พบว่าถึงแม้จะไม่มีเด็กปั๊มเลยแม้แต่คนเดียว แต่ร้านมินิมาร์ทก็ยังเปิดให้บริการ และมีห้องน้ำให้ปลดทุกข์ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:31:07

ความคิดเห็นที่ 12 ที่เห็นนี่คือราคาน้ำมันเบนซินของโบลิเวียครับ อ่านได้รางๆ ก็ 3.74 โบลิเวียโน่ต่อลิตรครับ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบ 20 บาทต่อลิตร!! อยากจะบอกสามคำว่า มัน-ถูก-มว๊ากกกก! และดูเหมือนว่านี่จะเป็นราคามาตรฐานทั่วทั้งโบลิเวียด้วย (เมืองอื่นๆ เท่าที่ผมสังเกตก็ราคาประมาณนี้เลยครับ) ว่าแล้วผมว่าการมีรถขับที่โบลิเวียนี่น่าจะตัดปัญหาเรื่องค่าน้ำมันไปได้มากโขเลยทีเดียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:31:40

ความคิดเห็นที่ 13 ถนนจาก 4 เลน ตอนนี้ก็เหลือ 2 เลนแล้วครับ มองย้อนกลับไปยังภูเขา Illimani อันดูยิ่งใหญ่ พร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย ลาก่อนลาปาซ! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:32:05

ความคิดเห็นที่ 14 รูปนี้ไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรอีกครับ มันคือของไทยเรานี่เอง อ้าว ก็ไหนว่าผมอยู่อเมริกาไงล่ะ ทำไมถึงมีกล้วยเชื่อมมีภาษาไทยแปะหราแบบนี้ได้ ผมซื้อมาจาก Thai Town ในนคร Los Angeles ก่อนออกเดินทางมายังอเมริกาใต้นี่แหละครับ เดิมทีผมซื้อไว้ 3 กล่อง กะว่าจะไว้ให้ Couchsurfing Host ในชิลี โบลิเวีย และเปรูตามลำดับ แต่ไม่ได้คิดฝันว่าผมจะแจกสองกล่องแรกหลังจากที่มาถึงอเมริกาใต้ได้ไม่ถึง 4 วัน (กล่องแรกให้คุณ Hector เจ้าบ้านผู้อารีที่ Santiago ส่วนอีกกล่องให้เจ้าหน้าที่อุทยานบนเกาะอีสเตอร์เพื่อตอบแทนน้ำใจในยามคับขัน) มาตอนนี้ก็เหลืออีกหนึ่งกล่อง พร้อมกับความไม่แน่นอนว่าจะได้ค้างกับ host ที่ Lima ในอนาคตหรือเปล่า บวกกับท้องที่เริ่มร้อง ตอนนี้ก็เลยไม่สนอะไรแล้วละครับ กินเลยก็แล้วกัน ฮ่าๆๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:32:21

ความคิดเห็นที่ 15 หมู่บ้านแห่งหนึ่งระหว่างทางครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:32:36

ความคิดเห็นที่ 16 เริ่มเห็นน้ำๆ แล้วละครับ หลังจากออกมาได้ราวๆ ชั่วโมงครึ่งตอนนี้เราก็เข้าสู่เขตทะเลสาบ Titicaca กันแล้วครับ ส่วนต้นเขียวๆ ที่เห็นในน้ำนั่นไม่ใช่ข้าวหรอกครับ คนที่นี่ไม่ปลูกข้าวกันหรอกครับเพราะปลูกไม่ได้ แต่ต้นเขียวๆ นั่นคือต้นกกสายพันธุ์ท้องถิ่นซึ่งมีชื่อเรียกว่า Totora ครับ และผมจะกล่าวถึงเจ้าต้นนี้อย่างละเอียดในอนาคตตอนผมถึงเมือง Puno ของเปรูก็แล้วกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:33:00

ความคิดเห็นที่ 17 ระหว่างทางก็พบกับชายหญิงชาวโบลิเวียแต่งตัวกันดูจัดเต็มกันเหลือเกิน พวกเขาจะไปทำอะไรกันน้า... จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:33:49

ความคิดเห็นที่ 18 ครับ ก็เหมือนกับวันที่ 14 และ 15 ที่ผ่านมาในลาปาซนั่นแหละครับ มีขบวนพาเหรดวันประกาศอิสรภาพของลาปาซกันอีกแล้ว แต่วันนี้เป็นวันจริงๆ เลยครับ เพราะฉะนั้นผู้คนจากทั่วทั้งจังหวัดลาปาซ (La Paz Department) ก็จะออกมาเฉลิมฉลองกันอย่างที่เห็นนี่แหละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:34:05

ความคิดเห็นที่ 19 น้องๆ หนู ก็ออกมาร่วมงานกับเขาด้วย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:34:21

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านหมู่บ้านที่เขาเฉลิมฉลองกันได้ไม่เท่าไหร่ ภาพของความยิ่งใหญ่แห่งทะเลสาบติติกากาก็มาปรากฏให้เห็นตรงหน้า สีฟ้าเข้มของน้ำมันช่างดูลึกลับ สุขุม เยือกเย็นเสียนี่กระไร! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:34:37

ความคิดเห็นที่ 21 ซูมๆ เข้าไปก็เห็นเป็นชุมชนแห่งหนึ่งครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ที่เราต้องผ่านซะด้วย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:34:57

ความคิดเห็นที่ 22 ใช่แล้วครับ มันคือหนึ่งในสองหมู่บ้านที่อยู่ริมฝั่งทะเลสาบติติกากาบริเวณช่องแคบ Tiquina นั่นเองครับ หากดูแผนที่จาก Google Earth จะเห็นว่าเมือง Copacabana จะเป็นเพียงดินแดนติ่งเล็กๆ ของโบลิเวียที่แยกออกจากส่วนอื่นของประเทศด้วยผืนน้ำของทะเลสาบติติกากาครับ ซึ่งส่วนพื้นน้ำที่แคบที่สุดก็คือช่องแคบ Tiquina ตรงนี้นี่เอง ที่ตรงนี้ไม่มีสะพานสำหรับรถข้ามหรอกนะครับ หากต้องการจะข้ามก็ต้องข้ามทางเรือเท่านั้น ซึ่งที่นี่ก็มีแพขนานยนต์ให้บริการครับ ดำเนินการโดยกองทัพเรือของโบลิเวีย (แต่เอ.. โบลิเวียเป็นประเทศไม่มีทางออกทะเลไม่ใช่เหรอ แล้วจะมีกองทัพเรือได้ไง) ซึ่งก็อยู่ตรงทะเลสาบเลยครับ ช่องแคบแห่งนี้แหละครับคือฐานทัพเรือที่ใหญ่สุดในประเทศ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:35:12

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้โดยสารทุกคนต้องลงรถหมดครับ แล้วไปขึ้นเรือข้ามฟากสำหรับผู้โดยสารโดยเฉพาะ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:35:39

ความคิดเห็นที่ 24 เรือสำหรับผู้โดยสารก็ลำเล็กๆ ที่เห็นนี่แหละครับ ส่วนแพขนานยนต์ก็จะใหญ่ๆ หน่อย ซึ่งก็คืออันที่มีรถบัสนั่นแหละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:36:08

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนพวกเราก็มาขึ้นเรือเล็กกัน ค่าข้ามฟากก็คนละ 1.50 โบลิเวียโน่เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:36:26

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นสภาพรถเอียงๆ แบบนี้บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยจะไว้ใจเลยครับ ถ้าเกิดรถบัสผมจมลงไปล่ะ กระป๋งกระเป๋าผมก็คงจมลงไปด้วยแน่ๆ ในใจก็ภาวนาขอให้รถมาถึงอีกฝั่งได้โดยตลอดรอดฝั่ง จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:36:50

ความคิดเห็นที่ 27 มาถึงอีกฝั่งก็มีอนุสาวรีย์ของ Manco Capac มารอต้อนรับครับ Manco Capac นี่ตามตำนานของชาวอินคาเชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ และเป็นผู้นำเอาชาวบ้านจากแถบนี้ไปตั้งรกรากบริเวณเมืองคุซโกในเปรู จนเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมาครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:37:26

ความคิดเห็นที่ 28 บรรดาสาวๆ ต่างรุ่นต่างวัยมานั่งทำอะไรกันหนอ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:38:06

ความคิดเห็นที่ 29 หลังจากขึ้นฝั่งกันสักพักรถของเราก็มาถึงโดยปลอดภัย พร้อมกับออกเดินทางกันต่อครับ วิวตอนนี้เริ่มสวยขึ้นแล้ว ^_^ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:38:27

ความคิดเห็นที่ 30 ความสูงตอนนี้จากนาฬิกาของผมอยู่ที่ประมาณ 4200 เมตรจากน้ำทะเลครับ แต่เนื่องจากเราปรับตัวกันมานานแล้ว ผมเลยไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาในตอนนี้ครับ ก็นับว่าโชคดีไป จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:38:51

ความคิดเห็นที่ 31 หลังจากที่ออกจาก La Paz มาราวสามชั่วโมงครึ่ง และรถกำลังวิ่งบนทางซิกแซ็กลงเขานั้นเอง ก็พบกับภาพของเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบครับ ที่นี่คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก Copacabana นั่นเอง อีกเพียงอึดใจเดียวเราก็ถึงจุดหมายของเราสำหรับวันนี้กันแล้วครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:39:38

ความคิดเห็นที่ 32 พอถึงที่หมายแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือหาที่พัก ซึ่งตรงจุดจอดรถของบริษัทวิคุนย่าทัวร์ก็มีห้องแถวห้องหนึ่งซึ่งเปิดเป็นโรงแรมด้วยตั้งอยู่ข้างๆ พอดี ชื่อว่า Las Olas del Titicaca คิดราคาคืนละ 40 โบลิเวียโน่ ซึ่งไม่แพงเลย มีอินเตอร์เน็ต wi-fi มีอาหารเช้า มีน้ำอุ่นตลอด ผมซึ่งเหนื่อยและเห็นว่าราคาถูกดีก็เลยตกลงซะเลยครับ ขี้เกียจแบกเป้ไปเดินหาไกลๆ แล้ว (แต่ที่จริงหากเดินไปอีกหน่อยก็มีโรงแรมที่อยู่กลางย่านนักท่องเที่ยวเลยอีกเพียบ และราคาก็แพงกว่านี้ไม่มาก สภาพตึกก็ดีกว่า แต่จะว่าไปแล้วผมเองก็พอใจกับที่ที่ผมพักนะครับ ติดแค่มันไกลหน่อยแค่นั้นเอง) พอเก็บข้าวของเรียบร้อย ท้องก็เริ่มร้องอีกครั้ง สงสัยกล้วยเชื่อมเมื่อเช้ามันคงไม่พอยาไส้แน่ๆ เลย ไปหาอะไรทานกันดีกว่าครับ และใน Lonely Planet ก็แนะนำมาอย่างดิบดีว่า อาหารที่อร่อยที่นี่สามารถหาทานได้ตามเพิงริมทะเลสาบ ผมก็ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปทันที เห็นเพิงไหนดูมีคนท้องถิ่นนั่งกันเยอะสุดก็เลือกเอาอันนั้นนั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 15:40:44 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:40:10

ความคิดเห็นที่ 33 ลงรูปผิดครับเมื่อกี้ ลงใหม่ครับๆ ^_^ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:41:15

ความคิดเห็นที่ 34 มาถึงทะเลสาบแห่งนี้ทั้งทีก็ต้องชิมวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นก็คือปลาเทราต์ (หรือภาษาสเปนเรียกว่า trucha) นั่นเองครับ คนที่นี่ส่วนมากก็จะเอามาทอดครับ อาจมีบ้างที่เอาไปทำเป็นยำ (พบมากในเปรู) จะทอดกับอะไรก็สุดแล้วแต่ จานที่เห็นนี่คือปลาเทราต์ทอดกระเทียมราดข้าวครับ ราคา 26 โบลิเวียโน่รวมน้ำแล้ว อร่อยใช้ได้นะครับสำหรับผม รสชาติค่อนข้างคล้ายบ้านเรา คงเพราะกลิ่นกระเทียมด้วยแหละครับเลยทำให้อร่อย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:41:40

ความคิดเห็นที่ 35 ทานข้าวเสร็จแล้วก็กลับมาตั้งหลักอีกรอบที่ห้องครับ นี่แหละครับสภาพห้อง ก็พอดูได้นะครับผมว่า ถึงข้างนอกมันก็คือตึกแถวดีๆ ก็ตาม จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:42:09

ความคิดเห็นที่ 36 มีทีวีมาให้ดูด้วย แต่ผมก็ไม่รู้จะดูอะไร ดูหนังในน้องเขาทรายกับน้องไอ้ป้าดก็ฆ่าเวลาได้ถมถืดแล้ว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:42:40

ความคิดเห็นที่ 37 พอมีแผนในใจแล้วก็ได้เวลาสำรวจเมืองกันครับ ที่แรกที่ผมมาก็คือโบสถ์แห่งนี้ซึ่งมีชื่อว่า Basilica of Our Lady of Copacabana ซึ่งเป็นที่ตั้งของนักบุญหญิงประจำเมืองแห่งนี้ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:43:00

ความคิดเห็นที่ 38 ข้างหน้าก็มีการขายวัตถุมงคล หรือของกราบไหว้บูชา ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับวัดบ้านเราเลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:43:30

ความคิดเห็นที่ 39 เย้ คนแรก อิอิ จากคุณ : อาตี๋อินเทอร์เน็ต เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:43:54

ความคิดเห็นที่ 40 และประเพณีที่นับว่าเป็นที่นิยมมากของคนย่านนี้ ก็คือการเอารถมาเจิมครับ (อาจไม่ใช่การเจิมจริงๆ หรอกครับ แต่ผมเรียกในเชิงเปรียบเทียบ) เพราะคนแถวนี้เชื่อกันว่าการได้เอารถมาที่นี่จะเป็นสิริมงคล คล้ายๆ กับบ้านเรานิมนต์พระมาเจิมรถกันนั่นแหละครับ พอมาอยู่ในประเทศที่เป็นคริสต์แบบนี้ มองดูกี่ทีๆ ก็แปลกดีเหมือนกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:43:57

ความคิดเห็นที่ 41 นี่ก็อีกคันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:44:22

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับคุณอาตี๋อินเตอร์เน็ต มาปาดคนแรกเลยนะครับวันนี้ เดินกลับมาย่านกลางเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ดูๆ ไปแล้วที่นี่นี่น่าจะค่อนข้าง touristy พอสมควรเลยทีเดียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:46:33

ความคิดเห็นที่ 43 เด็กๆ เล่นโต๊ะบอลกันกลางแจ้งแบบนี้เลยครับ (เล่นโต๊ะบอลแบบนี้ยังดีกว่าไปเล่นโต๊ะแทงบอลนะคร้าบบบ ) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:46:49

ความคิดเห็นที่ 44 และเนื่องจากโบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียงมากในด้านการเจิมรถ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่จะเห็นรถยนต์จำนวนมากเข้าคิวเตรียมรับการ “เจิม” กันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:47:09

ความคิดเห็นที่ 45 มองไปทางทะเลสาบกันบ้างดีกว่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:47:49

ความคิดเห็นที่ 46 รูปนี้นี่ทำให้ผมนึกถึงโฆษณา “โฟร์เอสสร้างสรรค์ เพลงดีมีคุณภาพ อีกแล้วครับท่าน” เลยละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:48:09

ความคิดเห็นที่ 47 ย่านจัตุรัสกลางเมือง Plaza Sucre ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:48:31

ความคิดเห็นที่ 48 ใครบอกว่าคนโบลิเวียมีแต่จะหลบกล้อง คนอยากเข้ากล้องก็มีเหมือนกันนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:48:46

ความคิดเห็นที่ 49 และย่าน Plaza Sucre นี่เองครับที่เป็นจุดรวมของรถบัสที่ไปยังที่ต่างๆ (ส่วนมากจะเป็นกรุงลาปาซครับ) ดูวุ่นวายพอดูเลย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:49:05

ความคิดเห็นที่ 50 ขนส่งมวลชนประเภทนี้แหละครับที่ผมไม่ค่อยแนะนำให้ขึ้นหากท่านมีแผนจะเดินทางไปยังกรุงลาปาซจากที่นี่ ข่าวฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวออสเตรียตอนปี 2006 ยังสั่นประสาทผมไม่หายเลยละครับตอนนั้น หากเลี่ยงได้ผมก็แนะนำให้เลี่ยงครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:49:31

ความคิดเห็นที่ 51 ต้องแบบนี้สิครับ คุณค่าที่นักท่องเที่ยวคู่ควร การเดินทางในย่านนี้โดย tourist bus หรือรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนมากจะเดินทางกับบริษัททัวร์ต่างๆ ที่เป็นเจ้าของรถอยู่แล้ว แบบนี้จะปลอดภัยกว่ามากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่าง Copacabana กับ La Paz ซึ่งหากเดินทางกับรถบัสท่องเที่ยวเหล่านี้แล้ว เราสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ถูกปล่อยลงในย่านที่ไม่ดีแน่นอน จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:49:56

ความคิดเห็นที่ 52 ที่ชายหาดมีอนุสาวรีย์สมอยักษ์อยู่ด้วยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:50:27

ความคิดเห็นที่ 53 ชมกันใกล้ๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:50:54

ความคิดเห็นที่ 54 และแล้ว แทนแท่นแท้นนนนน เราก็มาถึงชายหาดริมทะเลสาบติติกากา ต้นกำเนิดชื่อของหาดโคปาคาบานาอันเลื่องชื่อของบราซิล ก็คือที่นี่แหละครับ ตึ่งงงงงง........ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:52:17

ความคิดเห็นที่ 55 แต่อย่างน้อยก็มีเรือเป็ดให้ถีบเล่นด้วยน้า........... จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:52:39

ความคิดเห็นที่ 56 ตามไปลาติน อเมริกาด้วยครับ จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:53:25

ความคิดเห็นที่ 57 ดูเหมือนปริมาณของเรือเป็ดจะไม่สัมพันธ์กับคนยังไงยังงั้นเลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:54:05

ความคิดเห็นที่ 58 สวัสดีคุณ tottui อีกคนด้วยครับ และนี่แหละครับ เพิงริมหาดที่ผมพูดถึง สามารถสัมผัสรสชาติแบบท้องถิ่นกันได้อย่างเต็มอิ่มกันที่นี่เลยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:54:59

ความคิดเห็นที่ 59 ประเมินแล้ว ขาผมยังเดินไหว ขอปิดท้ายวันนี้ด้วยการเดินไปชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา Cerro Calvario ก็แล้วกันครับ ภูเขานี้อยู่ตรงไหนเอ่ย หากดูรูปใน คห.52 จะเห็นภูเขาลูกหนึ่งในรูปที่มีเสาอากาศ หากยืนอยู่ตรงจุดนั้นแล้วกลับหลังหัน ก็จะเจอภูเขาที่ผมพูดถึงครับ ภูเขาแห่งนี้นอกจากจะสูงที่สุดในบริเวณเมืองนี้แล้ว (ประมาณ 4000 เมตรจากน้ำทะเล) ยังเป็นที่ให้คนมาแสวงบุญกันอีกด้วยครับ จะมีกางเขนตั้งตามทางขึ้นเขาอยู่ทั้งสิ้น 14 อันครับ ทางเดินขึ้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ ชันพอสมควรเลยละครับ บวกกับอากาศก็เบาบาง ผมเองก็เดินไปหอบไปเหมือนกันครับ ระหว่างที่เดินก็คิดในใจ อายุแค่วัยเบญจเพสก็หอบขนาดนี้แล้ว ถ้าเราแก่ตัวไปจะเป็นไงละเนี่ย เฮ้อ.... แต่พอมาถึงข้างบนแล้ว วิวจากตรงนั้นมันก็ทำให้ผมเลิกบ่นได้ทันตาเห็นครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:55:44

ความคิดเห็นที่ 60 ให้เห็นกันจะจะเลยครับว่าชันขนาดไหน จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:56:04

ความคิดเห็นที่ 61 พระอาทิตย์เองก็กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ลองถ่ายย้อนแสงเล่นๆ ดู ได้ภาพนี้มาครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:56:23

ความคิดเห็นที่ 62 และแล้ว ตะวันก็สาดแสงสุดท้ายเหนือผืนน้ำแห่งทะเลสาบติติกากาในวันนี้... จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:56:44

ความคิดเห็นที่ 63 ...เป็นสัญญาณว่า รัตติกาลกำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:57:05

ความคิดเห็นที่ 64 ...และพอรัตติกาลย่างเข้ามา ตัวข้าฯ ก็คงต้องขอลาไป..นอนเอย ตีสองที่แคลิฟอร์เนียแล้วครับตอนนี้ ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ และแล้ววันที่ 16 กรกฎาคม ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ หลังจากนี้ก็เพียงแค่ทานข้าวเย็นและกลับโรงแรมไปเข้านอนเท่านั้นเอง ส่วนตอนหน้าผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวเกาะพระอาทิตย์ (Isla del Sol) ที่ซึ่งตำนานโบราณของชาวอินคาเชื่อกันว่า ผู้นำคนแรก (Manco Capac) ได้ถือกำเนิดขึ้นจากพระอาทิตย์ ณ เกาะแห่งนี้ เรื่องราวตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอให้ติดตามชมกันต่อไปนะครับ ผมอาจจะหายไปนานบ้างก็เพราะหน้าที่การงานมันบังคับครับ แต่ยังไงก็อย่าลืมกันเด้อ ^_^ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:57:55

ความคิดเห็นที่ 65 ตามมาดูชายหาดครับ จากคุณ : ตาแง้ว เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:03:28

ความคิดเห็นที่ 66 หายไปนานเลยนะคะ  แต่เรายังไม่ลืมคุณน๊า   จากคุณ : TanN LaH La เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:11:56

ความคิดเห็นที่ 67 ขอถามหน่อยครับ การที่เราเดินทางใน South America เป็นเวลา 1 เดือน เราจะจัดการเกี่ยวกับการเงินหรีอพกเงินอยากไรที่ปลอดภัยระหว่าง trip เช่น พกเงินสด $10,000 ต่อคน สำหรับเที่ยว Brazil, Peru, Chile, Argentina จะพอและปลอดภัยไหม จากคุณ : Chadamron เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:14:35

ความคิดเห็นที่ 68 มาชมต่อค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:18:27

ความคิดเห็นที่ 69 สวัสดีครับคุณ ตาแง้ว หาดที่นี่ไม่สวยเท่าไหร่หรอกครับ ถือซะว่ามาดูความแปลกใหม่ในแดนไกลก็แล้วกันครับ ขอบคุณคุณ TanN LaH La มากครับที่ยังไม่ลืมกัน ทุกๆมกำลังใจทำให้ผมมีแรงใจจะเขียนต่อไปจนจบ รอติดตามกันต่อไปนะครับ ยังเหลืออีกเพียบเลย ตอบคุณ Chadamron ครับ ผมแนะนำบัตรเดบิตครับ โดยเฉพาะตระกูลวีซ่า เพราะเราสามารถถอนเงินสดออกมาใช้ได้ตามที่เราต้องการ อาจเสียค่าธรรมเนียมบ้าง แต่การพกเงินสดมากๆ กับตัวเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ และไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ หากเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ กับบัตรเราจริง ยังไงก็พอติดต่อกับทางธนาคารของเราให้ช่วยเหลือได้ด้วย แต่เงินสดนี่หายแล้วหายเลยครับ สำหรับค่าใช้จ่าย ผู้รู้ตามเว็บบอร์ดท่องเที่ยวฝรั่งขอกมาว่าในอเมริกาใต้ 50 เหรียญต่อวันนี่เอาอยู่ครับ ยกเว้นบราซิล อาร์เจน ชิลีที่ต้องแพงกว่านั้นหน่อย ซัก 80 เหรียญต่อวันในสามประเทศนี้น่าจะไหวครับ ขอบคุณคุณ armearn ด้วยครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:44:19

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบมากครับ ภาพสวยดี ขอชมต่อครับ จากคุณ : โพสต์ทิ้งแล้ววิ่งหนี เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:55:06

ความคิดเห็นที่ 71 แวะมาทักทายครับ เดี๋ยวขึ่นไปอ่านข้่างบนเเละตอนที่พลาดไปด้วยครับ จากคุณ : BANBONDOI เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:57:31

ความคิดเห็นที่ 72 สวยแปลก อยากไปจัง ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ จากคุณ : snyggen เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:15:13

ความคิดเห็นที่ 73 รูปภาพสีสันสดใสมากมาย สมกับอเมริกาใต้เลยนะคะ ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ จากคุณ : @มะตูม@ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 19:12:36

ความคิดเห็นที่ 74 ติดตามอ่านทุกตอน แต่ตอนนี้รอนานมาก เข้า web bp  ทุกวัน  ก็คอย screen หากระทู้ south america นี้ จากคุณ : pichaic เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 19:15:31

ความคิดเห็นที่ 75 โหววววว หายไปนานเลยนะครับ นึกว่าจะไม่ทำต่อซะแล้ว ขอบคุณมากๆครับสำหรับรีวิว =))) จากคุณ : น้าเปี๊ยก เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 20:17:46

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ โพสต์ทิ้งแล้ววิ่งหนี, BANBONDOI, snyggen, @มะตูม@ - ขอบคุณมากๆ ครับ คุณ pichaic กับคุณ น้าเปี๊ยกครับ - หายไปนานจริงๆ ครับ ร่วมเดือนเลยก็ว่าได้ พอดีงานเข้าจริงๆ ครับ ก็เลยไม่มีเวลามาโพสเลย แต่ต่อไปนี้ยังไงก็จะพยายามไม่หายไปจนนานเกินไปเหมือนตอนนี้อีกก็แล้วกันครับ เพราะนี่เพิ่งจะครึ่งทางเท่านั้นเอง ผมวางแผนเอาไว้ 20 ตอนครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 21:38:55

ความคิดเห็นที่ 77 โอ้ จขกท หายไปนานเลย ได้ชมรีวิต่อซะที ขอบคุณนะครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 22:01:07

ความคิดเห็นที่ 78 ตามมาตั้งแต่กระทู้แรก จขกท เป็นแรงบันดาลใจให้อยากไปฺ Backpack ในประเทศโลกที่สามเลยครับ(หมายถึงไม่ใช้ภาษาอังกฤษและการคมนาคมไม่สะดวก) ที่ผ่านมาเคยลุยเดี่ยวแค่ออสเตรเลีย แล้วกำลังจะไปนิวซีแลนด์ ไว้มีโอกาสคงต้องหาทริปแบบนี้บ้างรอให้แก่วิชาสักพัก โดยเฉพาะเรื่องภาษา จากคุณ : boebus เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:32:19

ความคิดเห็นที่ 79 โห หายไปนานมากค่ะ ปล่อยให้แฟนคลับรอนานมากกกกกกกกก ^^ จากคุณ : จำมัย จัมไม เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 07:58:03

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 11:18:15

ความคิดเห็นที่ 81 แฮ่ รอน๊านนาน ตามมาถีบเรือเป็ดในทะเลสาปสู๊งสูงด้วยค่า จากคุณ : escate เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 16:24:12

ความคิดเห็นที่ 82 สงสัยจะพลาด ตอนที่ 9 ซะแย้ว สีน้ำทะเลสาบ น้ำเงินคราม แฮง อีหลี  55 จากคุณ : บารอนก๊อง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 21:35:13

ความคิดเห็นที่ 83 บรรยากาศดีจังครับ ชอบภาพพระอาทิตย์ตกสวยจังเลย.. จากคุณ : Arthur Traveller (aacr3) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 11:04:26

ความคิดเห็นที่ 84 หายไปนานเลย รออ่านตอนต่อไปนะครับ จากคุณ : Zionik_7 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 13:11:25

ความคิดเห็นที่ 85 คุณวสุหายไปนานมาก พรุ่งนี้ผมจะไป Uyuni แล้วอีกห้าหกวัน จะข้ามไปชิลีเลยครับ คงตามรอยคุณวสุกับอาตี๋อินเตอร์เนทปนๆกันไป แป๊ปๆผมร่อนเร่มาสามเดือนเต็มแล้วครับในอเมริกาใต้ จากรูปถนนคนเดินในวันอาทิตย์ที่เมืองหลวงลาปาส มีกิจกรรมมากมายครับในวันอาทิตย์บนถนนแห่งนี้ เด็กตั้งใจเล่นหมากรุกมากครับน่ารักดี เลยถ่ายรูปเก็บ ผมเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นที่นี่ สี่คืนครับ จากคุณ : จางซานฟง (Taige) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 02:58:55

ความคิดเห็นที่ 86 คุณวสุตัดสินใจถูกแล้วที่ขึ้นเขาชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกที่โคปาคาบานา จากคุณ : จางซานฟง (Taige) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 03:09:51