ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับการเดินทางคราวนี้ ผมเดินทางโดยบินจากไทยไปเดลลี เเล้วหลังจากนั้นก็ต่อเครื่องจากเดลลีไปยังLeh สายการบินที่ไปคือ Indigo Air ตอนไปเช็คอินพบว่า เเขกเยอะมาก คนไทยเเทบไม่มีเลย เเถมเเขกเเต่ละคนต่างหอบหิ้วซื้อทีวีจอเเบนกันเเทบทุกคน จนทางพนักงานต้องเเยกเคาท์เตอร์เช็คอินสำหรับคนที่ไม่โหลดทีวีเพิ่มอีกช่องนึงเพื่อความสะดวก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:23:15

ความคิดเห็นที่ 2 เครื่องออกจาก กทม ราวๆตีหนึ่ง คนไม่เยอะมากเท่าไร รอคิว ตม. เเป๊ปเดียวเองครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:24:53

ความคิดเห็นที่ 3 เที่ยวบิน กทม-เดลลีจะไปถึงเดลลีราวๆตีสี่ครึ่ง วันที่ผมไปผู้โดยสารไม่เต็มลำ พอเครื่องเทคออฟเลยเเยกย้ายกันไปนอนตีเเปลงกันคนละทิศละทางเพื่อเก็บเเรงเอาไว้เที่ยว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:27:27

ความคิดเห็นที่ 4 พอมาถึงเดลลี ก็ตรงไปยังตม.ซึ่ง.....ยังดุเหมือนเดิม หน้าพี่จะบึ้งไปไหนคร้าบบบบบบบบ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:28:56

ความคิดเห็นที่ 5 เนื่องจากผมมีไฟล์ทบินต่อไปยังLeh ในเช้าวันนั้นเลย ซึ่งสายการบิน Delhi-Leh ที่ผมจองคือ Go Air ซึ่งจะอยู่ที่Domestic Terminal เลยมีโอกาสได้ใช้บริการรถบัสที่วิ่งให้บริการระหว่างสนามบินทั้ง2 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:31:12

ความคิดเห็นที่ 6 วิธีการคือ เมื่อเราเดินออกมาจากInternational Teminal เเล้ว ให้เดินไปเสาหมายเลข10 ตรงใกล้ๆเสาจะมีเคาท์เตอร์เล็กๆอยู่ เราเเค่เเสดงบอร์ดดิ้งพาสต์สายการบินที่เราเพิ่งบิน(กทม-เดลลี) เเละสายการบินที่เราจะใช้บริการที่สนามบินในประเทศ(เดลลี-เลห์) เจ้าหน้าที่ก็จะให้ตั๋วขึ้นรถฟรี ซึ่งรถบัสจะมีบริการทุกๆ20นาทีครับ โดยระยะห่างระหว่างTerminal ทั้ง2ก็นั่งรถประมาณ 15 นาทีได้ครับ ข้อที่ขอเตือนให้ระวังนิดนึงคือ ตอนที่เราลงจากรถ จะมีคนกรูมาหิ้วกระเป๋าเราเอาไปวางบนรถเข็นเเละเข็นไปส่งเราที่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งพอถึงประตู เค้าจะเรียกทิปจากเรา เเถมถ้าเราให้น้อย ก็จะโวยวายด้วยว่าน้อยไป ไม่พอ(ผมโดนไป300 รูปี T_T) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:36:38

ความคิดเห็นที่ 7 ไฟล์ทบินจากเดลลีไปเลห์ของผม บอร์ดดิ้งตอน8.30 เลยมีเวลาเอ้อระเหยที่สนามบิน ซึ่งTerminal 1Dนั้นก็มีร้านอาหาร ร้านกาเเฟเยอะอยู่ พอที่จะฝากผีฝากไข้เอาไว้จิบกาเเฟเเละเเอบงีบได้เเบบสบายๆ สำหรับไฟล์ทนี้ผมไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง เลยอดได้ดูวิวสวยๆอย่างรีวิวอื่นๆเค้า T_T ได้เเต่ซูมมมมผ่านหน้าคนอื่นไป จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:40:34

ความคิดเห็นที่ 8 ใช้เวลาเดินทางราวๆ1 ชม ก็เดินทางมาถึงสนามบินLeh ซึ่งมีขนาดเล็กจิ๊ดเดียวเอง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:42:03

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับชาวต่างชาติ จะต้องกรอกรายละเอียดลงในเอกสารก่อนที่จะออกจากสนามบินครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:43:59

ความคิดเห็นที่ 10 พออกจากตัวสนามบิน ผมก็เดินหาTaxi เเถวๆสนามบิน โดยให้ไปส่งที่Main Bazaar เพราะได้สืบข้อมูลมาว่าคนไทยส่วนใหญ่นิยมไปพักกันที่ Reeyul Guesthouse เลยตั้งใจว่าจะลองไปดูที่นี่ก่อน ถ้าสภาพOK ก็จะนอนที่นี้ ถ้าไม่โอเคก็จะได้เดินหาที่พักเเถวๆนั้นได้ ซึ่งTaxi ก็บอกราคามา 200 รูปี ระยะทางจากสนามบินมายังMain Bazaar ไม่ไกลเท่าไร ไม่น่าเกิน 5 กม พอมาถึงMain Bazaar ก็จ่ายเงินให้Taxi ซึ่งTaxiก็ไม่มีการตุกติกเหมือนเเขกที่เดลลี เเถมสุภ๊าพ สุภาพ อืมมมม นี่สินะที่เค้าว่าคนเลห์นิสัยน่ารัก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:51:04

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับ Reeyul Guesthouse นั้นผมได้ข้อมูลมาจากเวปTrekkingthai โดยคนที่มารีวิวนั้นเชียร์ให้พักที่นี่มากๆ เพราะเจ้าของใจดี เเถมพอไปเช็คที่ Tripadvisor ก็ได้เรทโอเค เลยเลือกเป็นที่เเรกที่จะมาเซอเวย์ ซึ่งเมื่อเห็นของจริงเเล้ว สภาพภายนอกก็โอเคอยู่ ที่ตั้งอยู่ใกล้ตลาด สามารถออกไปเดินเล่นในเมืองได้สบายๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:55:50

ความคิดเห็นที่ 12 แวะมาให้กิฟท์ก่อนค่ะ ... อยากไปมาก ๆ เหมือนกัน ค่ะ ตามจขกท.ไปก่อนแล้วกันค่ะ จากคุณ : @มะตูม@ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:56:57

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาดูในห้องก็พบว่าสภาพห้องก็กลางๆ ไม่ดี ไม่เเย่ ผ้าปูดูเก่านิดๆเเต่ก็สะอาดดี(ที่ดูเก่าน่าจะมากจากการที่ที่Leh คนจะใช้น้ำในลำธารในการซักผ้า เลยอาจจะทำให้ผ้าปูสีขาวดูมอๆไปบ้าง) ภายในห้องทีเเค่เตียงนอน ชั้นวางของ เเละเก้าอี้พร้อมโต๊ะข้างเตียง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:08:20

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณ @มะตูม@ ครับ ที่ติดตาม ผมเเนะนำเลยว่าLeh นี่น่าไปจริงๆ สวยจริงๆครับ ส่วนห้องน้ำก็มีชักโครก ฝักบัว(เเต่ไม่มีกระดาษทิชชู่ให้ ต้องเตรียมไปเอง) ส่วนน้ำร้อนนั้น จะไหลตอน7.00-11.00 (เเต่บางวันอาบน้ำตอนบ่าย3 น้ำก็อุ่นเเฮะ) ซึ่งถ้าต้องการอาบน้ำตอนเย็นก็สามารถสั่งให้พ่อบ้านเอาน้ำร้อนมาผสมอาบได้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:11:06

ความคิดเห็นที่ 15 ถามราคาค่าห้อง ทางคนดูเเลบอกว่า550รูปี/วัน ไม่มีอาหารเช้า-เย็น เเต่ผมไปช่วงปลายฤดูท่องเที่ยว เลยลดราคาให้เหลือ350รูปี/วัน...โอ้ว มาย บุดดา ค่าห้องคืนละ 200 บาทเอง เลยจัดการจอง7วันรวด! จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:14:18

ความคิดเห็นที่ 16 พอตกลงเรื่องที่พักเรียบร้อย ก็จัดเเจง unpack กระเป๋าซึ่งผมเเละเพื่อนเเบกเสบียงกันมาเต็มพิกัด ชนิดที่ว่าพอรื้อกระเป๋าเเล้ว ห้องเเทบไม่มีทางเดินเลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:16:00

ความคิดเห็นที่ 17 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : nok_naja เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:18:29

ความคิดเห็นที่ 18 ซึ่งเมื่อปัญหาที่พบจากการขนเสบียงไปLeh คือ ซองขนมเเตก! เนื่องจากLeh อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ3500 เมตรความดันอากาศน้อย ขนมที่ขนจาก กทม ถ้าถุงไม่ระเบิดก็จะมีสภาพเหมือนในรูป(ใครที่จะพกครีมต่างๆจากเมืองไทยมาที่นี่ ควรบีบหลอดให้เเบนๆก่อน เพราะไม่งั้นเปิดออกมาครีมจะทะลัก เลอเทอะ เเละเปลืองงงงมาก) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:19:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคุณnok_naja ที่ติดตามครับ สำหรับชาวระดับน้ำทะเลทั้งหลาย ถ้าจะมาเที่ยวที่Leh มีคนเเนะนำว่า วันเเรกที่มาถึงให้นอนพักผ่อนก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ รับกับความสูง จะได้ไม่เเพ้ที่สูงมากนัก ซึ่งผมไปถึงLeh ราวๆ10โมง กว่าจะจัดการเรื่องห้องพักเสร็จก็เกือบๆเที่ยง เเละมีเเพลนจะไปดูพระราชวังตอนเย็น เลยต้องอาศัยเวลาช่วงบ่ายนอนพักสัก2-3 ชม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:23:51

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากนอนพักได้พักใหญ่ๆ ก็ลงมาคุยกับเจ้าของGuesthouse ชื่อซาลิ้ม ว่าให้ช่วยหารถสำหรับเดินทางเที่ยวในLadakh ให้ที โดยผมนำเเผนที่ผมจะไป ไปคุยเรื่องความเหมาะสมกับซาลิ้ม เเละตกลงราคากัน ซึ่งป็นตามนี้ครับ วันที่ 1(เส้นสีเเดง) เที่ยววัดเเถวๆตัวเมืองLeh ซึ่งได้เเก่วัด Hemis-Thiksey-Shey Palace-Shindu Ghat-Stok Palace ค่ารถToyota 6ที่นั่ง พร้อมคนขับ 2,264 รูปี วันที่ 2 (เส้นสีน้ำเงิน)ไปเที่ยวAlchi Monastery - Lamayuru Monastery - Likir Monastery ค่ารถToyota 6ที่นั่ง พร้อมคนขับ 4,747 รูปี วันที่3-4 (เส้นสีเหลือง)เดินทางไปทะเลสาปPangong นอนที่หมูบ้าน Spangmik 1คืน เเล้วกลับมาLeh วันรุ่งขึ้น โดยเเวะวัดChemrey Monastery ค่ารถToyota 6ที่นั่ง พร้อมคนขับ 7,771 รูปี วันที่ 5-6 (เส้นสีเขียว)ไปNubra Valley โดยไปที่Turtuk Village -นอนที่ Hunder - ไปsand dune -Diskit Monastery เเล้วกลับมาที่ Leh ค่ารถToyota 6ที่นั่ง พร้อมคนขับ 9,896รูปี *ค่าทำใบอนุญาตเข้าไปเที่ยวเเปงกองเเละnubra valley คนละ 500 รูปี คุยไปคุยมา สรุปค่ารถทั้งทริปที่ 23000 รูปี +ค่าใบอนุญาต4คน 2000 รูปี รวมเป็น 25000 รูปี หรือ 14500บาท แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 22:46:52 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:44:23

ความคิดเห็นที่ 21 หลังจากตกลงราคากันเสร็จ ราวๆ4โมงเย็น ผมก็เดินทางไปยังพระราชวังLeh ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา ฝั่งหนึ่งของตัวเมือง Leh จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:48:39

ความคิดเห็นที่ 22 ค่าเข้าที่นี่สำหรับชาวต่างชาติ ราคา 100 Rp (เเอบเเพงนะ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เเสดงด้านใน) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:50:45

ความคิดเห็นที่ 23 ภายในวัง มืดเเละอับมากกกกก เเต่จุดเด่นของที่นี่คือสามารถชมวิวมุมสูงของตัวเมืองLeh ได้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:52:58

ความคิดเห็นที่ 24 ดูๆไปเเล้ว เเห้งเเล้งทีเดียว น่านับถือคนที่มาบุกเบิกที่นี่จัง คงลำบากน่าดู จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:56:00

ความคิดเห็นที่ 25 มุมหนึ่งของวัง จะมีป้อมเล็กๆตั้งอยู่บนยอดเขา สงสัยสมัยก่อนคงเอาไว้ดูข้าศึก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:59:58

ความคิดเห็นที่ 26 ภายในวังไม่ค่อยมีอะไร จะมีห้องเเสดงภาพถ่ายนิดๆหน่อยๆ เเสงน้อยมากกก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:02:01

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับผม จุดที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่คงเป็นห้องสวดมนต์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:03:14

ความคิดเห็นที่ 28 ตรงช่องเเสงด้านบน จะมีการวาดภาพลงบนผนัง ผมว่าสวยดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:04:39

ความคิดเห็นที่ 29 ผนังด้านนึงจะเป็นที่เก็บคัมภีร์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:05:42

ความคิดเห็นที่ 30 หลังจากชมห้องสวดมนต์เเล้วก็ของเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวซะหน่อย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:06:49

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่ออกมาตรงดาดฟ้าของวัง ก็จะพบสัญลักษณ์อีกอย่างของLeh นั่นคือธงมนตรานั่นเอง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:08:53

ความคิดเห็นที่ 32 อยากไปมั่งจังครับ ขอบคุณสำหรับรีวิว ไปคนเดียวนี่จะลำบากมั้ยครับ จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:34:32

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับสำหรับรีวิว น่าไปเที่ยวมากๆครับ ตามเที่ยวครับ จากคุณ : paipaiphuart เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 00:02:36

ความคิดเห็นที่ 34 มุมมองสวยครับ จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 00:05:11

ความคิดเห็นที่ 35 ชอบมากแพลนจะไปเหมือนกัน เแ็นประโยชน์มากเลย ขอบคุณน่ะค่ะ จากคุณ : je soo เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 08:02:05

ความคิดเห็นที่ 36 จากดาดฟ้าของพระราชวัง จะสามารถมองเห็นเมืองLeh ได้ทั้งเมือง เเต่ตอนที่ผมไป leh กำลังถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝน ภาพเลยออกมาเเบบหม่นๆยังงี้-_-" จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:26:55

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ MRBIG173 ไปเที่ยวคนเดียวไม่ลำบากครับ เพราะเราสามารถไปจอยทัวร์กับเเบ็คเเพคกลุ่มอื่นๆก็ได้ เพราะตามบริษัทจัดทัวร์ ก็จะมีคนมาติดประกาศหาคนจอยกรุปไปเที่ยวเยอะอยู่เหมือนกัน คุณpaipaiphuart,คุณวางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เเละคุณje soo ขอบคุณที่ติดตามครับ ผมเดินไปเดินมาภายในวังประมาณ 1 ชม ก็กลับไปขึ้นรถ ในความเห็นผม ผมว่าถ้าใครที่โปรเเกรมเเน่นๆ ตัดLeh Palace ออกจากทริปก็ได้นะครับ มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร เเถมถ้าจะชมวิวมุมสูงของleh ไปชมที่Shanti Stupa จะสวยกว่าครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:31:20

ความคิดเห็นที่ 38 สถานที่ถัดมาที่ไปคือ Shanti Stupa ซึ่งที่นี่จะอยู่บนภูเขาลูกตรงข้้ามกับพระราชวังเลห์ครับ โดยที่นี่เป็นจุดยอดฮิตในการชมพระอาทิตย์ตก เเละชมวิวเมืองเลห์ในมุมสูง โดยจะมีพระราชวังเลห์เป็นเเบคกราวด์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:34:54

ความคิดเห็นที่ 39 เนื่องจากตอนไป ฝนเริ่มพรำๆ ตั้งเเต่อยู่ที่ Leh Palace พอมาถึงที่เจดีย์ฝนก้เริมตกลงหนาเม้ดมากขึ้น เลยคุยกับเพื่อนว่ากลับที่พักกันดีกว่า เพราะถ้าขืนเป็นหวัดตั้งเเต่วันเเรกกลัวร่างกายจะเเพ้ที่สูงหนักจนเที่ยวไม่ไหว ปล1.ที่Shanti Stupa ไม่เสียค่าเข้าครับ ปล2.ค่ารถจากMain Bazaar ไปชมLeh Palace เเละShanti Stupa (ใช้เวลาราวๆ3 ชม สำหรับ2ที่)ราคา 300 รูปี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:43:05

ความคิดเห็นที่ 40 ตัดฉับ!มาวันรุ่งขึ้น วันนี้เราจะไปเที่ยววัดรอบๆตัวเมืองLeh โดยสาเหตุผลที่ผมเลือกเที่ยวใกล้ๆก่อนในวันเเรกนั้นก็เพื่อเผื่อว่ามีเพื่อนคนไหนเเพ้ที่สูง ก็ยังสามารถกลับมาพักที่Guesthouse หรือไปโรงพยาบาลได้ทัน สำหรับโปรเเกรมวันนี้คือจะไป Hemis Monastery-Thiksey Monastery-Shey Palace-Shindu Ghat เเละ Stok Palace โดยเริ่มจากไปที่ที่ไกลสุดก่อนคือ Hemis Monastery เเล้วค่อยย้อนกลับมาตัวเมืองLeh จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:48:18

ความคิดเห็นที่ 41 เนื่องจากวันนี้โปรเเกรมไม่เเน่น เน้นเที่ยวเรื่อยเปื่อย เลยเริ่มออกเดินทางกันตอน9โมงเช้า ซึ่งจากที่พักจะผ่านตลาด จะเห็นชาวLeh มาเข้าคิวรอซื้อนมสดกันยาวเหยียดดด(ซึ่งภาพเเบบนี้หาดูยากมากที่เดลลี) เลยตลาดมาหน่อยจะเป็นตลาดของชาวทิเบตอพยพ ซึ่งจะขายพวกของที่ระลึกเป็นหลัีก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 09:57:32

ความคิดเห็นที่ 42 ระหว่างทาง เห็นบ้านบางหลังปีนไปสร้างกันตรงตีนเขา เฮ้อ มานะกันดีเเท้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:00:56

ความคิดเห็นที่ 43 นั่งรถไปได้สักพัก ก็เริ่มออกนอกตัวเมือง จากวิวที่เป็นบ้านหรือชุมชน ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นภูเขาเเทน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:03:37

ความคิดเห็นที่ 44 ระหว่างทาง เราจะเห็นหุบเขาซ้อนกันไปมา เเต่เนื่องด้วยเขาเเต่ละลูกเป็นภูเขาหิน เลยไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:17:26

ความคิดเห็นที่ 45 เเต่บางช่วงที่เป็นริมเเม่น้ำ ก็จะมีต้นไม้เเละชุมชนกระจุกตัวอยู่บ้าง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:19:16

ความคิดเห็นที่ 46 บางช่วงจะผ่านทุ่งสถูป ซึ่งถามจากคนขับรถได้ความว่า สถูปพวกนี้จะสร้างขึ้นตามความศรัทธา ถ้าอันใหญ่หน่อยอาจจะเป็นพวกชนชั้นสูงเป็นคนสร้าง เเละบางครั้งในสมัยก่อนถ้าประชาชนทำอะไรผิด เจ้าเมืองอาจจะสั่งลงโทษโดการให้สร้างสถูปเพื่อชดเชยความผิด จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:28:10

ความคิดเห็นที่ 47 นั่งรถมาเรื่อยๆ สักพักคนขับก็จอดรถ ให้ลงไปถ่ายรูปมุมบังคับอีกมุมของLeh นั่นคือ Stakna Gompa ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ โดยด้านหน้ามีโค้งเเม่น้ำเป็นตัวกั้น จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:36:50

ความคิดเห็นที่ 48 นั่งรถมาได้ราวๆชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเขตทหาร ซึ่งบริเวณนี้จะมีทั้งค่ายทหาร เเละเขื่อนเล็กๆที่ใช้ผลิตกระเเสไฟฟ้าเพื่อจ่ายไปยังเมืองLeh จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 10:44:03

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพสวยมากค่ะ น่าเที่ยว รอชมต่อนะคะ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:03:43

ความคิดเห็นที่ 50 หลังจากผ่านเขตทหาร ก็จะเจอทุ่งหญ้าเล้กๆ มีวัวเดินนวยนาดเล็มหญ้าอยู่ข้างทาง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:05:39

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณคุณเด็กศิลป์ (Artiste) นะครับ ระหว่างทางไปยังวัดจะมีหมู่บ้านเล้กๆ เเละทุ่งข้าวบาเล่เเปลงไม่ใหญ่มาก ลองถามคนขับดูก็พบว่า คนเเถวนี้จะปลูกข้าวเเค่พอกินภายในครอบครัวใน1ปี ไม่ปลูกเพื่อค้าขายเหมือนอย่างบ้านเรา ทุ่งข้าวของเค้าเลยมีขนาดนิดเดียว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:15:32

ความคิดเห็นที่ 52 เนื่องจากช่วงที่ผมไป(กลาง กย)เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ชาวบ้านจึงเริมทำการเก็บเกี่ยวเเละสะสมหญ้าเเห้งเอาไว้เป็นอาหารสัตว์ในช่วงฤดูหนาว โดยเค้าจะเอาฟางมามัดเป้นก้อนๆ เเละเก็บไว้บนหลังคาบ้าน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:17:35

ความคิดเห็นที่ 53 ตรงสุดปลายทางของหมู่บ้านก็จะเป็นที่ตั้งของHemis Monastery ซึ่งตั้งอยู่บนตีนเขาพอดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:19:10

ความคิดเห็นที่ 54 สำหรับวัดHemis นี้เป็นวัดเก่าเเก่ มีอายุกว่า400 ปี จนได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เเต่สิ่งที่ทำให้วัดHemis โด่งดังจริงๆงานวัดประจำปี(Hemis Tse-Chu) โดยมีกิจกรรมเด่นคือระบำหน้ากาก เเละการคลี่ผ้าทังก้าที่ใหญ่ที่สุดในลาดัค ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นทุกวันที่ 10-11 เดือน5 ตามปฏิทินจันทรคติของทิเบต จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:29:07

ความคิดเห็นที่ 55 สาเหตุที่ต้องเป็นวันที่ 10 เดือน 5 ก็เพราะชาวทิเบตเชื่อว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันสมภพของท่านปัทมสัมภวะ ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคล หากใครได้เข้าร่วมพิธีในวันนี้จะเป็นศิริมงคลกับชีวิต จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:33:46

ความคิดเห็นที่ 56 อู้วววว!!!!!!! เกือบมาไม่ทันการถ่ายทอดสด คิดถึงลาดักห์เสมอ ไม่เคยลืมเลือน วางแผนว่า พ.ค. หรือ ก.ค. ปีหน้า จะไปอยู่ที่ลาดักห์ให้นานที่สุด ไม่แบ่งเวลาไปแคชเมียร์หรือเดลีเด็ดขาด 555555 จากคุณ : EmpressWu (Empress Wu) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:37:17

ความคิดเห็นที่ 57 สำหรับวัด Hemis เเห่งนี้จะเสียค่าเข้าชม 100 รูปีครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:38:51

ความคิดเห็นที่ 58 คุณ EmpressWu ครับ เชียร์ให้อยู่นานๆเลย อย่างน้อยสัก7วัน เดี๋ยวรีวิววันภัดๆไปผมมีที่สวยๆจะเเนะนำเพียบ รวมทั้งหมู่บ้านที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตรงเขตชายเเดน Nubra Valley ด้วยครับ เมื่อเข้ามาภายในวัด จะพบลานกว้าง เเละอาคารที่ใช้เป็นที่นั่งดูระบำหน้ากาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:46:49

ความคิดเห็นที่ 59 ตัวอาคารทาสีสันจัดจ้านตามสไตล์ทิเบต จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:48:38

ความคิดเห็นที่ 60 อีกฝั่งนึงจะเป็นอาคารใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับสวดมนต์ เเละประดิษฐานพระศรีอารยเมตไตร จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:51:29

ความคิดเห็นที่ 61 ตัวอาคารเป็นอาคาร3ชั้น ก่อด้วยอิฐหยาบๆ เเต่ทาสีเสียใหม่กิี๊ก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:53:46

ความคิดเห็นที่ 62 ด้านในของวัดกำลังทำการบูรณะภาพวาดบนผนังอยู่เลย(ถ้าเทียบกับรีวิวของคุณ นางมารชุดส้ม จะเห็นว่า ช่างได้ลงสีเสร็จเพิ่มขึ้นอีกเยอะ คาดว่าคงทำให้เสร็จก่อนฤดูหนาวนี้) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:56:12

ความคิดเห็นที่ 63 ผมเดินชมวัดนี้ราวๆ2 ชม ก็ออกเดินทางต่อ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:58:51

ความคิดเห็นที่ 64 ขากลับ ก้จะย้อนทางเดิมที่ผ่านเข้ามา เพราะวัดHemis ตั้งอยุ่ในหุบเขารูปเกือกม้า ทางเข้าออกมีทางเดียว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:01:35

ความคิดเห็นที่ 65 สำหรับสถานที่ถัดไปที่ผมไปก็คือ Thiksey Monastery ซึ่งเป็นวัดที่ได้ชื่อว่า งามที่สุดในลาดัค จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:17:58

ความคิดเห็นที่ 66 วัดนี้เสียค่าเข้าชม 30รูปีครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:20:50

ความคิดเห็นที่ 67 วัด Thiksey เเละุวัดส่วนใหย่ในเลห์จะมีปิดวิหารช่วงกลางวัน เพื่อให้ลามะได้ทานข้าว ถ้าใครต้องการชมภายในวิหารหรือหอสวดมนต์ก้ต้องเลี่ยงที่จะมาในช่วงเวลากลางวัน เเต่เอาเข้าจริง ถ้ามาตอนพักเที่ยงพอดี เราก็สามารถเดินเล่นภายนอกไปพลางๆก่อนก็ได้ครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:35:53

ความคิดเห็นที่ 68 ได้เห็นหลายรีวิว เริ่มมีแรงกระตุ้นให้อยากไปบ้างครับ ติดตามชมนะครับ ช่วงฤดูท่องเที่ยวคือ เดือนอะไรครับ หรือ ช่วงไหนที่สวยสุดครับ อินเดียไม่ต้องขอวีซ่าใช่มั๊ยครับ จากคุณ : ฟองสบู่ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:36:40

ความคิดเห็นที่ 69 Thiksey Monastery เป็นวัดเก่าเเก่ อายุกว่า600 ปี สถาปนาขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยรูปทรงของวัดมีความคล้ายเคียงกับพระราชวังโปตาลา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:21:57

ความคิดเห็นที่ 70 คุณฟองสบู่ ครับ ฤดูท่องเที่ยวจะเริ่มช่วงปลาย พค-ปลาย กย เเต่ช่วงที่นิยมไปกันมากที่สุดคือช่วง สค ครับ เพราะเป็นช่วงกลางฤดูร้อน อากาศไม่หนาวเย็นจนเกินไป ส่วนวีซ่านั้น ต้องขอครับ เเต่ไม่ค่อยยุ่งยาก เเค่กรอกเเบบฟอร์มในอินเตอเนต เเล้วไปยื่นเอกสารพร้อมเงินประมาณ 2000 บาท เเต่เดี๋ยวผมตั้งใจว่าจะลงรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปleh ไว้อีกกระทู้ครับ ถ้าสนใจจริงๆ เดี๋ยวตอนรีวิวรายละเอียดจะเเจ้งให้ทราบอีกทีครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:26:31

ความคิดเห็นที่ 71 Thiksey Monasteryนั้นเป็นวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในLadakh จะเป็นรองก็เเค่ Hemis Monastery โดยThiksey Monasteryนั้นก็มีพิธีสำคัญเช่นระบำหน้่ากากด้วยเช่นกัน เเต่จะจัดในวันที่17-19 เดือน9 ตามปฏิทินจันทรคติ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:30:15

ความคิดเห็นที่ 72 นอกจกานี้จุดเด่นอีกอย่างของThiksey Monasteryก้คือวิหารซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระศรีอาริเมตไตรย ซึ่งเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในหุบเขาladakh จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:31:59

ความคิดเห็นที่ 73 พระศรีอาริเมตไตรยของวัดนี้ สร้างโดยช่างศิลป์ที่ชื่อว่า นาวาง เชริง โดยใช้เวลาสร้างกว่า2ปีจึงจะเเล้วเสร็จ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:34:26

ความคิดเห็นที่ 74 ช่วงผมไป ตรงกับพักเที่ยงพอดี ชมภายในวิหารได้สักพักก็มีลามะมาเเจ้งว่าจะปิดประตูวิหารเป็นเวลา1 ชม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:36:51

ความคิดเห็นที่ 75 ถึงวิหารจะปิดเเต่เราสามารถเดินชมภายในบริเวณวัดได้ ซึ่งที่นี่มีมุมสวยๆหลายมุมเลยครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:39:10

ความคิดเห็นที่ 76 ด้านหลังของวัดเป็นที่ตั้งของสถุปเป็นเเนวยาวอยู่บนยอดเขา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 13:40:16

ความคิดเห็นที่ 77 ที่วัดนี้ จะมีร้านอาหารที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้ เเต่อาหารจะเป็นมังสวิรัติเป็นหลักครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:40:12

ความคิดเห็นที่ 78 หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็เดินเล่นเเถววัดกันอีกนิดหน่อยเป็นการย่อย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:43:19

ความคิดเห็นที่ 79 ระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ จะมีเเปลงดอกไม้สวยๆให้ชม ท่ามกลางความเเห้งเเล้งของขุนเขา จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:51:31

ความคิดเห็นที่ 80 หลังจากนั้นก็นั่งรถลงจากวัด ระหว่างที่ลงมา ยังไม่วายขอเก็บรูปเป็นระยะๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 14:53:28

ความคิดเห็นที่ 81 เต็มๆตาซะหน่อยกับภาพThiksey Monastery จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:11:49

ความคิดเห็นที่ 82 หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังShey Palace จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:14:23

ความคิดเห็นที่ 83 จาก Thiksey MonasteryมายังพระราชวังShey ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:17:06

ความคิดเห็นที่ 84 สำหรับShey Palace เราจะต้องเดินขึ้นเขาไป เเม้ระยะทางไม่สูงมาก เเต่เนื่องด้วยอากาศเบาบาง เดินไปได้เเป๊ปเดียวก็เหนื่อยโฮก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:23:52

ความคิดเห็นที่ 85 โดยวังเเห่งนี้เป็นวังเเรกของราชวงศ์นัมเกียลเเห่ง Leh ซึ่งต่อมาได้ย้ายหนีการรุกรานจากมหาราชาไปสร้างวังใหม่ที่ป้อมบาสโก(เส้นทางไปlamayuru) เเละท้ายสุดเมื่อราชวงศ์พ่ายให้เเก่มหาราชากุหลาบ ซิงส์ เซเป นัมเกียล กษัตริย์องค์สุดท้ายก็ย้ายมาสร้างวังอยู่ที่ Stok Palace จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:36:49

ความคิดเห็นที่ 86 ค่าเข้าShey Palce อยู่ที่ 20 รูปี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:38:59

ความคิดเห็นที่ 87 เข้าไปในวัง ก็จะเเบ่งเห็นห้องเล็กๆ มืดๆ ให้อารมณ์เดียวกับLeh Palace จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:41:02

ความคิดเห็นที่ 88 ด้านบนจะมีวิหาร เเละด้านในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:42:48

ความคิดเห็นที่ 89 ด้านหนึ่งของวังมีห้องเล็กๆ น่าจะเป็นห้องครัว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:44:33

ความคิดเห็นที่ 90 สำหรับผมเเล้ว จุดที่เด่นที่สุดของShey Palace ไม่ใช่วิหาร เเต่เป็น"วิว"ครับ ผมปลื้มมากกกกก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 16:48:38