ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เจอข้าวหมูแดงแล้วซึ่งก็ไม่รุ้ว่าเขาไม่ขายวันนี้หรือเลิกขายไปแล้ว   ก็เลยมาทานข้าวขาหมูใกล้ๆร้านหมูสะเต๊ะเจ้าดังแถวๆวัดไตรมิตรครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:38:12

ความคิดเห็นที่ 2 จานนี้เนื้อหนังคากิ  น่ากินไหมครับ ^^ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:38:37

ความคิดเห็นที่ 3 ถึงแล้วครับวัดไตรมิตรวิทยาราม จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:40:11

ความคิดเห็นที่ 4 พระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:41:23

ความคิดเห็นที่ 5 วัดไตรมิตรวิทยาราม ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เป็นวัดโบราณเดิมชื่อว่าวัดสามจีน เข้าใจกันว่า จีน 3 คนร่วมกันสร้างพระอารามเพื่อเป็นวิหารทานการบุญ (มีความตำนานใกล้เคียงกับวัดนางปลื้ม (วัดสามปลื้ม) หรือวัดจักรวรรดิฯ ทำนองเดียวกัน) ในปีพุทธศักราช 2477 พระมหากิ๊ม สุวรรณชาต ผู้รักษาการในหน้าที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ริเริ่มปรับปรุงวัด ต่อมาในปีพุทธศักราช 2480 ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมให้ปรับปรุงสภาพวัดให้ดีขึ้น ปีพุทธศักราช 2482 พ่อค้าประชาชน คณะครูและนักเรียน ได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์และเปลี่ยนนามใหม่ เป็นชื่อ วัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งมีความหมายว่า เพื่อน 3 คนร่วมกันสร้างวัดนี้ ประกอบกับวัดเป็นที่ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมและโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยของรัฐบาลอยู่ภายในบริเวณของวัด จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:43:30

ความคิดเห็นที่ 6 พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:45:02

ความคิดเห็นที่ 8 พระประธานในพระอุโบสถนามว่า "พระพุทธทศพลญาณ" จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:47:58

ความคิดเห็นที่ 9 พระพุทธทศพลญาณ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:48:38

ความคิดเห็นที่ 10 มาวันธรรมดาคนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่านดีจังครับ  พระสงฆ์กำลังสวดมนต์อยู่ด้วย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:49:25

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วเราก็ไปที่พระมหามณฑปกันครับ  พระมหามณฑปหลังใหม่ของวัดไตรมิตรที่เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดเมื่อต้นปี 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาเป็นฝีมือการออกแบบอีกชิ้นของ พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติและอดีตอธิบดีกรมศิลปากร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:51:38

ความคิดเห็นที่ 12 ไปไหว้พระย่านเยาวราชด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:53:54

ความคิดเห็นที่ 13 โครงการก่อสร้างพระมหามณฑปฯ เป็นการดำเนินงานและควบคุมดูแลออกแบบก่อสร้างร่วมกันระหว่างกรมศิลปากร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี การก่อสร้างเพื่อให้เป็นที่ประดิษฐานและเพื่อให้สมกับฐานะบารมีของหลวงพ่อทองคำ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:54:07

ความคิดเห็นที่ 14 ขอตามไปเที่ยววัดไตรมิตรด้วยค่ะ และแวะหาของกินอร่อยๆ จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:54:42

ความคิดเห็นที่ 15 เราจะไปกันที่ชั้น 4 ชั้นสูงสุด เพื่อสักการะหลวงพ่อทองคำ  พระพุทธสุวรรณปฏิมากรกันครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:55:40

ความคิดเห็นที่ 16 บริเวณชั้น 4 ของพระมหามณฑป จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:56:25

ความคิดเห็นที่ 17 ฟ้าสวย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:57:09

ความคิดเห็นที่ 18 บานประตู จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:58:01

ความคิดเห็นที่ 19 ภายในพระมหาวิหารประดิษฐานพระพุทธสุวรรณปฏิมากร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:58:48

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:00:12

ความคิดเห็นที่ 21 พระพุทธสุวรรณปฏิมากรงดงามจับตา   เนื้อทองสุกปรั่ง จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:00:41

ความคิดเห็นที่ 22 พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ หนักถึง 5.5 ตัน เฉพาะมูลค่าทองคำตามที่บันทึกในกินเนสบุ๊คนั้น อยู่ที่ประมาณ 28.5 ล้านปอนด์ เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญของวัดมหาธาตุ สุโขทัย ดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกว่า "วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม" จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:02:33

ความคิดเห็นที่ 23 เพดานพระมหามณฑปสวยจัง จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:02:58

ความคิดเห็นที่ 24 พระพุทธรูปองค์นี้ได้ถูกพอกปูนลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ เพื่อเป็นการอารักขาภัย แต่ไม่ทราบว่าตกไปอยู่ในสถานที่ใดบ้าง ทราบแต่เพียงว่าล่าสุด ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระยาไกร (วัดโชตนาราม)ต่อมา วัดพระยาไกร กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีผู้ดูแล ประกอบกับ บริษัท อีสต์เอเชียติก จำกัด ประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของวัดเพื่อดำเนินกิจการของบริษัท ที่ประชุมคณะสงฆ์จึงให้วัดไตรมิตรวิทยาราม และวัดไผ่เงินโชตนาราม ไปอัญเชิญพระพุทธรูปสององค์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดพระยาไกรนั้น ไปประดิษฐานไว้ตามสมควร ทางคณะของวัดไผ่เงินฯได้เดินทางไปถึงก่อน จึงเลือกอัญเชิญพระพุทธรูปสำริดไป เหลือพระพุทธรูปปูนปั้นไว้ให้วัดไตรมิตร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:04:50

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อถึงวัดไตรมิตร ก็ได้แต่เพียงปลูกเพิงสังกะสีธรรมดา เพื่อบังแดดบังฝน ไว้ริมถนนด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถ เป็นเวลาถึง 20 ปี ด้วยยังหาที่จะประดิษฐานอันเหมาะสมมิได้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงทำการสร้างวิหารใหม่ ด้วยตั้งใจจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้ทำการประดิษฐานพระพุทธรูป ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี (คือวิหารองค์ปัจจุบัน) แต่ในขณะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป เนื่องจากพระพุทธรูปมีน้ำหนักมาก สายเครื่องกว้านจึงขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ส่งผลให้ปูนที่หุ้มบริเวณพระอุระกระเทาะออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้ลอกปูนออกทั้งองค์ แล้วนำขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิหารนั้นมาจนถึงปี 2550 จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:05:33

ความคิดเห็นที่ 26 ปี 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างพระมหามณฑป พระพุทธมหาสุวรรณปฎิมากร เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แทนพระพระวิหารองค์เดิม ซึ่งคับแคบมาก และเมื่อปลายปี 2552 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามกุฎราชกุมาร ทรงประกอบพิธีสวมพระเกตุมาลาบนเหนือพระเศียรพระพุทธมหาสุวรรณปฎิมากรด้วย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:06:23

ความคิดเห็นที่ 27 ในพระมหามณฑปยังมีนิทรรศการเยาราชและนิทรรศการพระพุทธสุวรรรณปฏิมาจัดแสดงด้วย  แต่ผมกับแม่ไม่ได้เข้าชมและต้องไปที่อื่นต่ออีกครับ ศิลปสวยๆที่พระมหามณฑป จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:08:27

ความคิดเห็นที่ 28 แม่พาเดินต่อไปตามทางด้านที่ไปเยาราช จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:08:56

ความคิดเห็นที่ 29 เข้าซอยโน้นนี้ซอยนี้ตามประสาคนรู้ทางของแม่ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:09:21

ความคิดเห็นที่ 30 จนมาถึงวัดมังกรกมลาวาสครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:10:08

ความคิดเห็นที่ 31 เรามาวัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อขอพรและสักการะพระประธานของวัด คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และเทพเจ้าต่าง ๆ หลายองค์ครับ  ภายในไม่ให้ถ่ายภาพนะครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:11:58

ความคิดเห็นที่ 32 ตามคุณแม่ไปชมวัดด้วยค่ะ จากคุณ : เพชรสายรุ้ง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:13:38

ความคิดเห็นที่ 33 เราเดินซื้อของในเยาราชกันต่อ  แม่หาซื้อพุทราจีนกับกระเจี๊ยบทำน้ำให้ผมกินครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:14:19

ความคิดเห็นที่ 34 เจอแล้ว  ซื้อซะหน่อย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:14:42

ความคิดเห็นที่ 35 ของน่าซื้อมากๆครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:15:07

ความคิดเห็นที่ 36 ย่านเยาวราช  หลังจากนั้นแม่พาเดินกลับมาที่เยาราชเพื่อจะนั่งรถเมล์สาย 1 ไปลงหน้าพระบรมมหาราชวังเลยครับ.. เหนื่อยโฮกแต่ชอบเที่ยวกับแม่แบบนี้จัง  จะนั่งแท๊กซี่ตามประสาคนรักสบายแบบผมแม่ก็บอกนั่งรถเมล์กันเถอะแค่นี้เอง  ตามใจแม่ครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:16:16

ความคิดเห็นที่ 37 เราไปลงหน้าประตูวิเศษไชยศรี  พระบรมมหาราชวัง จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:17:27

ความคิดเห็นที่ 38 วันธรรมดานักท่องเที่ยวตปท.เยอะมากครับ  เราเป็นคนไทยหมู่น้อยไปเลย 555 จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:18:12

ความคิดเห็นที่ 39 วัดพระศรีรัตนศาสดารามงดงาม  น่าภูมิใจที่ไทยเรามีสถานที่งามๆแบบนี้ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:19:13

ความคิดเห็นที่ 40 ศาลาสหทัยสมาคม  เดิมชื่อ หอคอยคอเดีย  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นสโมสรสำหรับทหารมหาดเล็กและประชุมการงานต่างๆ เป็นครั้งคราวตามแบบอย่างสโมสรทหารที่เมืองปัตตาเวียซึ่งเรียกชื่อย่างเดียวกัน  ศาลานี้ตั้งอยู่ริมทางเสด็จพระราชดำเนินสู่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  ด้านหลังใกล้ประตูพิมานไชยศรี ในพุทธศักราช 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ใช้หอคอยคอเดีย เป็นมิวเซียมจัดแสดงสิ่งของต่างๆ ที่เป็นฝีมือช่างชั้นดีของชาวสยาม ให้ประชาชนชมในโอกาสงานเฉลิมพระชนมพรรษา 21 พรรษา เรียกว่า งานเอกซฮิบิเชน แสดงสิ่งของทั้งของหลวง ของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และราษฎร ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายการจัดแสดงนี้ไปยัง พระราชวังบวรสถานมงคล หรือ วังหน้า ในพุทธศักราช 2430 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล  พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากร คัดสรรเครื่องราชภัณฑ์มาจัดแสดงที่ศาลาสหทัยสมาคมอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่า ราชพิพิธภัณฑ์ เปิดแสดงเป็นครั้งแรกในวันชาติ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2483  ภายหลังได้ยกเลิกไป ปัจจุบันศาลาสหทัยสมาคม เป็นสถานที่พระราชอาคันตุกะซึ่งเสด็จฯ และเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จัดงานเลี้ยงถวายเป็นการตอบแทน และโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ได้รับพระมหากรุณาเป็นนาคหลวงทำพิธีปลงผม ก่อนเข้าพระราชพิธีอุปสมบท ณ  พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:20:58

ความคิดเห็นที่ 41 พระตูพิมานไชยศรีอยู่ระหว่างพระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:21:34

ความคิดเห็นที่ 42 ทางเดินสู่ทางเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามเราเดินอย่างภูมิใจ 2 แม่ลูกเข้าช่องคนไทยครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:22:25

ความคิดเห็นที่ 43 แค่ผ่านประตูมาก็งดงามแล้วครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:22:52

ความคิดเห็นที่ 44 ฐานไพทีเป้นที่ตั้งของพระศรีรัตนเจดีย์ พระมณฑป ปราสาทพระเทพบิดร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:24:58

ความคิดเห็นที่ 45 นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:26:08

ความคิดเห็นที่ 46 ยักษ์สัญลักษณ์วัดพระแก้ว จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:26:48

ความคิดเห็นที่ 47 พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรครับ   พระอุโบสถ ตั้งอยู่ส่วนกลางของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีซุ้มประดิษฐานเสมารวม 8 ซุ้ม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2326 เพื่อประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) ที่พระองค์ทรงอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2322 (พบพระแก้วมรกต ครั้งแรกที่เจดีย์ ณ วัดพระแก้ว อ.เมือง จังหวัดเชียงราย) ในการสร้างพระอุโบสถหลังนี้ใช้เวลา 3 ปี สำเร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ. 2328 ต่อมา เมื่อประมาณได้เกิดเพลิงไหม้บุษบกทรงพระแก้วมรกตซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมขึ้นใหม่ให้ทันฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดารามในปลายรัชกาล ภายในพระอุโบสถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐานพระแก้วมรกตในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:28:47

ความคิดเห็นที่ 48 พระศรีรัตนเจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานไพทีทางทิศตะวันตก สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เมื่อปี พ.ศ. 2398 โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่พระราชวังกรุงศรีอยุธยา เพื่อนๆลองสังเกตซิครับรูปสัณฐานจะเหมือนพระเจดีย์สามองค์ที่วัดพระศรีสรรเพชร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:31:51

ความคิดเห็นที่ 49 พระมณฑป(กลาง)ตั้งอยู่บนฐานไพทีตรงกลางระหว่างปราสาทพระเทพบิดรและพระศรีรัตนเจดีย์ เป็นมณฑปยอดปราสาทเจ็ดชั้น ฝาผนังภายนอกประดับลวดลายนูนต่ำปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนมภายในกรอบสี่เหลี่ยม บานประตูทั้งสี่ทิศเป็นประตูลายมุก ส่วนของฐานนั้นทำเป็นชั้น โดยชั้นบนเป็นรูปเทพบุตรนั่งประนมกรเรียงระหว่างซุ้มประตู ส่วนด้านล่างเป็นรูปครุฑและคนธรรพ์นั่งสลับกัน ส่วนภายในเป็นที่ประดิษฐานตู้พระไตรปิฎกประดับมุก และปูพื้นด้วยเสื่อสานด้วยเส้นลวดที่ทำจากเงิน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:33:14

ความคิดเห็นที่ 50 ปราสาทพระเทพบิดร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2398 เดิมชื่อว่า พุทธปรางค์ปราสาท เมื่อแรกนั้นมีพระราชประสงค์จะอัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ แต่เมื่อสร้างเสร็จเห็นว่าคับแคบไม่เหมาะแก่การพระราชพิธี จึงมิได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานดังพระราชดำริ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:34:19

ความคิดเห็นที่ 51 ในปี พ.ศ.2446ได้มีการซ่อมแซมแล้วให้เปลี่ยนนามเป็น ปราสาทพระเทพบิดร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมรูปพระบูรพกษัตริย์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้ง 5 องค์มาไว้ ทั้งมีพระบรมราชโองการให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปีในวันที่ 6 เมษายน ซึ่งทรงกำหนดให้เป็นวันจักรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2461 เป็นต้นมา จากนั้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปีในวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล วันที่ 13-15 เมษายน เนื่องในวันสงกรานต์ หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมในโอกาสวันสำคัญต่างๆ ในบางปี หรือทุกปี เช่น วันปิยมหาราช วันที่ 23 ตุลาคม ตั้งแต่ พ.ศ. 2554  ปัจจุบันได้มีการประดิษฐานพระบรมรูปเพิ่มตามการเปลี่ยนรัชสมัย จนถึงรัชกาลที่ 8 จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:35:49

ความคิดเห็นที่ 52 พระสุวรรณเจดีย์มีสององค์ พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโรดเกล้าฯให้สร้างอุทิศพระบรมมหาชนกและพระบรมราชชนนี จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:37:48

ความคิดเห็นที่ 53 นครวัดจำลอง  รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯให้จำลองแบบมาจากเขมรแล้วเสร็จในรัชกาลที่ 5 จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:39:19

ความคิดเห็นที่ 54 พระพุทธรูปหินภูเขาไฟจากชวาน่าจะได้มาตอนที่รัชกาลที่ 5 เสด็จชวาและทางชวาถวาย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:40:10

ความคิดเห็นที่ 55 พระเศวตกุฎาคารวิหารยอด ตั้งอยู่กลางระหว่างหอพระมณเฑียรธรรม และหอพระนากทิศเหนือของพระมณฑป ที่ตั้งของพระวิหารหลังนี้ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของหอพระเชษฐบิดร หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าวิหารขาว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นในระยะที่ 2 ของการสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประดิษฐานพระเทพบิดร ซึ่งแต่เดิมเป็นเทวรูปสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) พระปฐมกษัตริย์ผู้ทรงสร้างกรุงศรีอยุธยา สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า แต่เดิมคงตั้งอยู่ที่มุขเด็จวัดพระศรีสรรเพชญ แล้วย้ายมาตั้งอยู่ที่มุขเด็จพระปราง วัดพุทไธสวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากถูกไฟเผาหมดทั้งองค์จึงโปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญมากรุงเทพฯ แล้วแปลงเป็นพระพุทธรูปเงินปิดทองทรงเครื่อง ประดิษฐานไว้ในพระวิหารเรียกกันว่า หอพระเชษฐบิดร รูปร่างของหอพระหลังนี้จะเป็นอย่างไรไม่ปรากฏ แต่เรียกว่าวิหารขาว ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะฝาผนังโปกปูนขาว ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้รื้อลงสร้างขึ้นใหม่เป็นวิหารยอด ตามที่กรมหลวงนรินทรเทวีได้ทรงบรรยายไว้ว่า “ทรงสร้างสรรพิหารยอดประดับพื้นผนังขาวแพรวพราวเลื่อนศรีเพรา เชิญพระศิลา 3 พระองค์ ทรงประดิษฐานไว้เป็นพระประธานเฒ่าฝาผนังเขียนเรื่องอิเหนา ลายระบายเส้นทองคำ ประดับพื้นทำล้วนศิลาลาดสะอาดเลื่อมบรรจงสรร” ในการสร้างพระวิหารยอดครั้งนี้ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ประดิษฐานพระเทพบิดรและพระนากซึ่งย้ายมาจากหอพระนาก และพระพุทธรูปศิลาดังที่กล่าวแล้ว ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่องานฉลองพระนครครบ 100ปี โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น 4 กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ทรงรับผิดชอบการบูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารยอด ซ่อมแซมหลังคาและยอดมงกุฎ ถือปูนประดับกระเบื้องถ้วยขึ้นใหม่ ซ่อมซุ้มประตูและบานหน้าต่างภายนอกและภายในพร้อมทั้งประดับพระปรมาภิไธยย่อ “ จปร. “ ภายใต้พระเกี้ยวยอดบนยอดโค้งแหลมของซุ้มโค้งรอบพระวิหาร ในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ 150 ปี ได้มีการบูรณะพระวิหารยอดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยซ่อมตั้งแต่ฐานถึงยอด เช่น ยอดพุ่มข้าวบิณฑ์ปิดทองใหม่ ซ่อมลายกระเบื้อง ลงรักปิดทองวงกบประตูและซ่อมลายมุกที่ประตูด้วย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:45:31

ความคิดเห็นที่ 56 พระราชลัญกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:46:07

ความคิดเห็นที่ 57 พระสุวรรณเจดีย์หน้าปราสาทพระเทพบิดร จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:46:39

ความคิดเห็นที่ 58 เดี๋ยวเราเข้าไปกราบสักการะขอพรองค์พระแก้วมรกตภายในพระอุโบสถกันครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:47:28

ความคิดเห็นที่ 59 ด้านหน้าพระอุโบสถตั้งเครื่องบูชาสำริด จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:48:05

ความคิดเห็นที่ 60 พระอุโบสถ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:48:25

ความคิดเห็นที่ 61 ตามไปไหว้พระด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:48:27

ความคิดเห็นที่ 62 ประตูพระอุโบสถ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:48:46

ความคิดเห็นที่ 63 หอพระคันธารราษฎร์ สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปใช้ในพระราชพิธีพืชมงคล และพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ ถูกสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 1 จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:50:14

ความคิดเห็นที่ 64 หอระฆัง โเป็นหอทรงบุษบกอยู่บนฐานทักษิณแบบปรางค์ย่อมุมไม้สิบสอง ประดับกระเบื้องเคลือบสี จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:51:11

ความคิดเห็นที่ 65 หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นกลางครับ ประตูด้านหน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:53:24

ความคิดเห็นที่ 66 แดดดีจัง จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:54:06

ความคิดเห็นที่ 67 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ^_^ เมื่อต้นปี ก็พาคุณแม่เดินไหว้พระเกือบรอบเมืองเชียงใหม่มาเหมือนกัน^^ แม่: คนแก่แต่หัวใจไม่แก่ชอบเดินไปเรื่อยๆ พักค่อยหยุด ^^ ลูก : เมื่อแม่ไม่เหนือย,,,,ลูกก็ไม่เหนือย (แค่หอบ) จากคุณ : Surilda2011 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:54:37

ความคิดเห็นที่ 68 พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:55:00

ความคิดเห็นที่ 69 พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:55:27

ความคิดเห็นที่ 70 พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้เป็นท้องพระโรง มีลักษณะเป็นพระที่นั่งยอดปราสาท 3 องค์เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสันตลอดทั้งแนว เดิมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งองค์นี้ในรูปแบบตะวันตก แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กราบบังคมทูลขอให้สร้างเป็นยอดปราสาท ดังนั้น รูปแบบพระที่นั่งองค์นี้จึงมีสถาปัตยกรรมไทยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:56:34

ความคิดเห็นที่ 71 พระที่นั่งราชกรัณยสภา สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้ นอกจากนี้ พระที่นั่งแห่งนี้ยังใช้เป็นที่ประชุมมปรึกษาราชการแผ่นดินอีกหลายวาระ เช่น ใช้เป็นที่ประชุมของคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะที่ยังทรงไม่บรรลุนิติภาวะและใช้เป็นที่ประชุมองคมนตรีโดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นองค์ประธาน ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงลาผนวช จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:57:58

ความคิดเห็นที่ 72 พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ระหว่างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีลักษณะเป็นพระที่นั่งโถงทรงปราสาทจตุรมุขประกอบเครื่องยอดบุษบกมีเชิงเทินเกยเทียบพระยานคานหามใช้สำหรับรับส่งเสด็จฯ ขึ้นประทับบนพระราชยาน จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:58:41

ความคิดเห็นที่ 73 พระบรมมหาราชวังวันฟ้าสวย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:59:10

ความคิดเห็นที่ 74 พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อใช้เป็นท้องพระโรงทดแทนพระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาทซึ่งถูกเพลิงไหม้ไป พระที่นั่งองค์ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีและพระราชกุศลหลายครั้ง อาทิ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ใช้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นท้องพระโรงสำหรับออกว่าราชการ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชขึ้น ณ พระที่นั่งแห่งนี้ รวมถึง ใช้เป็นสถานที่ตั้งพระบรมศพพระบรมวงศ์ชั้นสูงหลายพระองค์ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:59:46

ความคิดเห็นที่ 75 พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป้นพระที่นั่งที่เป็นศิลปะไทยชั้นสูงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:00:36

ความคิดเห็นที่ 76 สวยจัง จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:01:17

ความคิดเห็นที่ 77 แล้วก็ชวนแม่ไปดูพิพิธภัณฑ์กันครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:01:53

ความคิดเห็นที่ 78 ขอจบทริปแม่ลูกแค่นี้นะครับ ^^ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:02:27

ความคิดเห็นที่ 79 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ^_^ เมื่อต้นปี ก็พาคุณแม่เดินไหว้พระเกือบรอบเมืองเชียงใหม่มาเหมือนกัน^^ นานๆจะมีเวลาให้แม่ แค่เดินตามหลังแม่ต้อยๆ (ในวัยขนาดนี้) มีความสุขจริงๆเหมือนย้อนเวลาไปเป็นเด็กๆของแม่เลย ^^ แม่: คนแก่แต่หัวใจไม่แก่แรงยังมี ขอเดินออกกำลังขาไปเรื่อยๆ เหนื่อยค่อยหยุดพัก ^^ ลูก : อ๊ะ,,เมื่อแม่ไม่เหนือย,,,,ลูกก็ไม่เหนือย (แค่หอบ) จากคุณ : Surilda2011 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:09:29

ความคิดเห็นที่ 80 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ^_^ เมื่อต้นปี ก็พาคุณแม่เดินไหว้พระเกือบรอบเมืองเชียงใหม่มาเหมือนกัน^^ จากคุณ : Surilda2011 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:10:50

ความคิดเห็นที่ 81 เป็นคุณลูกที่น่ารักมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:27:34

ความคิดเห็นที่ 82 ตามไปไหว้พระด้วยคนค่ะ   ต้องขอบคุณ สำหรับรีวิวมากนะคะ  บรรยายได้ละเอียดมากค่ะ  ไปมาหลายครั้ง  แต่ไม่รู้ประวัตินะค่ะ  แย่จัง จากคุณ : nok_naja เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 21:33:04

ความคิดเห็นที่ 83 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ น่ารักจังเลย พาคุณแม่เที่ยวเนี่ย น่าจะลงภาพคุณแม่ด้วยนะคะ ^-^ ขอบคุณสำหรับภาพและข้อมูลละเอียดๆ ชอบจริงๆที่เขียนชื่อพระที่นั่งแต่ละองค์แบบเต็มๆ พร้อมประวัติ เพราะบางทีเราก็ลืมไปแล้วว่าชื่ออะไรบ้าง จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 08:34:35

ความคิดเห็นที่ 84 บุญรักษาครับ ^^" จากคุณ : TOSHy เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 85 น่าตามรอยจัง  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 13:19:29

ความคิดเห็นที่ 86 พาคุณแม่เที่ยววัด จขกท น่ารักมากเลยค่ะ จากคุณ : web_rung เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 13:25:17

ความคิดเห็นที่ 87 แม่ขณะกำลังชื่นชมดอกบัวหน้าปราสาทพระเทพบิดรครับ จากคุณ : eurekraft เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 16:41:22

ความคิดเห็นที่ 88 สวยมากครับ จากคุณ : preecha127 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 18:03:29

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ จากคุณ : คุณชายชอบเที่ยว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 19:46:52

ความคิดเห็นที่ 90 ว้าววววววววว คุณแม่ จขกท.น่ารักจังเลยค่ะ จากคุณ : muayhongkong เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 17:32:06

ความคิดเห็นที่ 91 ไปไหว้พระด้วยคนครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 20:50:01