ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้จะรีบตื่นไปไหนเลยเล่นเกมส์ฆ่าเวลาสักครู่ ก่อนอาบน้ำแต่งตัวออกไปขึ้นรถตู้ ใช้เวลาแค่ 15 นาที จากสุขุมวิทสู่ศรีนครินทร์ รีบเข้าห้องน้ำ เข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อตุนน้ำดื่มกับขนมปัง พอขึ้นรถก็ได้รับแจกข้าวเหนียวหมูปิ้ง อิ่มอร่อยไปเลย อิอิ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:30:55

ความคิดเห็นที่ 2 ไปเที่ยวก่อนน้าาาาาา บ๊ายบายหมอหมี จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:31:59

ความคิดเห็นที่ 3 คุณคนขับคงยังเมาขี้ตาอยู่ เข้าช่องจ่ายเงินผิดซะงั้น ถอยยาวเลยลูกเพี่ยยย ยาวเลยยยย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:33:28

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งรถสบายมาก คนเดียวสองเบาะเลย คนอื่นมากันเป็นครอบครัวบ้าง เป็นคู่บ้าง แต่เพื่อนสนิทอิชั้นเป็นมุสลิม จะชวนเพื่อนมาไหว้พระ 9 วัดก็กระไรอยู่ เดี๋ยวเพื่อนโดนตัดออกจากกองมรดกล่ะก็แย่เลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:38:07

ความคิดเห็นที่ 5 กำลังจะเคลิ้มหลับรถก็จอดเติมน้ำมันซะงั้น วันนี้ฟ้าใสแต่เช้าทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:40:46

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นโต๊ะขายโรตีสายไหม ใกล้ถึงแล้วสิเรา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:44:27

ความคิดเห็นที่ 7 มรรคนายกตัวน้อยขวัญใจลุงๆ ป้าๆ ในวันนั้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:47:43

ความคิดเห็นที่ 8 วัดที่ 1: วัดใหญ่ชัยมงคล มีความเชื่อว่าไหว้พระวัดนี้เพื่อสิริมงคลแก่ชีวิตและมีชัยเหนือทุกสิ่ง เช้าวันนี้ฟ้าใส สีสวยจริงๆ อิป้าแสนจะดีใจ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:56:51

ความคิดเห็นที่ 9 กำลังจะออกเดินทาง ขอลอกเลยนะครับ ^^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 05:58:56

ความคิดเห็นที่ 10 วัดใหญ่ชัยมงคลตั้งอยู่ในเขตตำบลคลองสวนพลู มีฐานะเป็นพระอารามหลวงสมัยอยุธยา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:05:46

ความคิดเห็นที่ 11 ยินดีค่ะคุณตวงสิทธิ์ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ พระราชพงศาวดารระบุว่า ใน พ.ศ. 1900 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการขุดเอาศพเจ้าแก้ว เจ้าไทย ซึ่งตายด้วยอหิวาตกโรคขึ้นเผา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:09:28

ความคิดเห็นที่ 12 ในบริเวณสถานที่ปลงศพ ได้สถาปนาพระเจดีย์และวิหารเป็นพระอาราม แล้วโปรดฯ พระราชทานชื่อว่า "วัดป่าแก้ว" โปรดฯ ให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตนมหาเถรในลังกาทวีป จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:14:12

ความคิดเห็นที่ 13 คณะสงฆ์ที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยมานี้ เรียกว่า "คณะป่าแก้ว" ปฏิบัติทางวิปัสสนาธุระ คือบำเพ็ญภาวนะเป็นสำคัญ พระเจ้าอู่ทองทรงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกายนี้เป็น "สมเด็จพระวันรัตน" ฝ่ายอรัญวาสี มีตำแหน่งเป็นพระสังฆราชฝ่ายขวา คู่กับอธิบดีสงฆ์ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" ฝ่ายคันถธุระ ตำแหน่งพระสังฆราชฝ่ายซ้าย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:21:42

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อคราวที่พระนเรศวรรบชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ทำให้อยุธยาประกาศความเป็นอาณาจักรอิสระได้อีกครั้งนับแต่ต้องเป็นรัฐบรรณาการของพม่าเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 ดังนั้น พระองค์จึงให้สร้างมหาเจดีย์ “ชัยมงคล” ขึ้นมาที่วัดนี้ และชื่อวัดจึงเปลี่ยนจาก วัดป่าแก้ว มาเป็น วัดใหญ่ชัยมงคล จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:28:19

ความคิดเห็นที่ 15 เหตุหนึ่งซึ่งอาจเป็นเครื่องชักจูงพระราชหฤทัยให้ทรงสร้างพระมหาเจดีย์นี้คือ เมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองตีได้กรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช ในชัยชนะครั้งนั้น พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองได้ให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่แบบมอญขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์ที่วัดนอกพระนครทางด้านเหนือ และให้เรียกพระเจดีย์นั้นว่า “ภูเขาทอง” เป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกวัดนั้นว่า “วัดภูเขาทอง” พระเจดีย์ภูเขาทองนั้น นอกจากจะเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองแล้ว ยังเป็นเครื่องเตือนใจคนไทยให้ระลึกถึงความอัปยศอดสูในครั้งนั้นอีกด้วย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลที่วัดป่าแก้ว มีขนาดสูงกว่าพระเจดีย์ภูเขาทอง ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นเครื่องล้างความอัปยศอดสูของชาติไทย และเป็นเครื่องให้เกิดกำลังใจแก่คนไทยทั้งชาติอีกด้วย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:35:41

ความคิดเห็นที่ 16 ภายในวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณเป็นประธานของวัด มีระเบียงคดล้อมรอบ พระอุโบสถอยู่ทางด้านทิศตะวันออก พระวิหารอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ลักษณะแผนผังเป็นแบบเดียวกับพระอารามหลวงสมัยอยุธยาตอนต้น เช่น วัดมหาธาตุ วัดพระราม เป็นต้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:41:44

ความคิดเห็นที่ 17 ปีนขึ้นไปบนพระเจดีย์ ขาขึ้นสบายมากก้าวฉับๆๆ แต่ขาลงมือไม้สั่นถ่ายรูปไม่ได้เลย แหะแหะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:44:06

ความคิดเห็นที่ 18 มัวแต่ถ่ายรูปพระเจดีย์ เลยไม่ได้ไปทางพระตำหนักของสมเด็จพระนเรศวรอีกด้านหนึ่งเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:47:52

ความคิดเห็นที่ 19 พระพุทธไสยาสน์วัดใหญ่ชัยมงคล วิหารพระพุทธไสยาสน์เก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมจนเหลือผนังบางส่วน กับเสาเท่านั้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:51:09

ความคิดเห็นที่ 20 พระไสยาสน์หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระเศียรไปทางทิศใต้ ซึ่งองค์เดิมนั้นได้ถูกนักแสวงโชคขุดทำลายจนพังไปหมดแล้ว องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่สร้างขึ้นใหม่ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:52:09

ความคิดเห็นที่ 21 วัดที่ 2: วัดพนัญเชิง มีความเชื่อว่าไหว้หลวงพ่อโตหรือซำปอกงเพื่อความสำเร็จ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำมาค้าขาย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:57:17

ความคิดเห็นที่ 22 ทางวัดกำลังเตรียมงานเทกระจาดอยู่ค่ะ ประวัติโดยละเอียดอยู่ในกระทู้นี้นะคะ เผื่อใครสนใจอ่านเพิ่มเติม http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12368549/E12368549.html จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 06:59:35

ความคิดเห็นที่ 23 วัดพนัญเชิงตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยาทางทิศใต้ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันออก ตรงบริเวณปากน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยามาบรรจบกัน ในสมัยอยุธยาเป็นราชธานีบริเวณนี้เป็นทีอยู่ของชุมชนหลายเชื้อชาติอันได้แก่ ชาวจีน ญี่ปุ่น และโปรตุเกส วัดพนัญเชิงและชุมชนโดยรอบ เชื่อกันว่ามีอยู่ตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเป็นราชธานีใน พ.ศ.1893 ถึง 26 ปี สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 20 เมตร 17 เซนติเมตร สูง 19 เมตร ซึ่งแต่เดิมนั้นประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อโต" หรือชาวไทยเชื้อสายจีนเรียกว่า "ซำปอกง" และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:02:58

ความคิดเห็นที่ 24 ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ 3 องค์ เรียงจากซ้ายไปขวา ดังนี้ พระพุทธรูปทอง สมัยสุโขทัยปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 3 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 4 ศอก 3 นิ้ว พระพุทธรูปปูนปั้น สมัยอยุธยาปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 4 ศอก สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 5 ศอก 11 นิ้ว พระพุทธรูปนาก สมัยสุโขทัยปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 13 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดพระเศียร 5 ศอก พระพุทธรูปทองและนาคนั้น สันนิษฐานว่าสร้างสมัยตอนปลายสุโขทัยราว พ.ศ. 1900 เดิมทีเดียวหุ้มปูนลงรักปิดทองไว้ เข้าใจว่าคงหุ้มมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. 2310 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ทางวัดจัดทำความสะอาดจึงได้พบรอยปูนกระเทาะออก เห็นว่าเป็นทองและนาค จึงได้กระเทาะปูนออกดังปรากฏเห็นอยู่ในทุกวันนี้ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:04:58

ความคิดเห็นที่ 25 ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ตัวอาคารเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบจีน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:06:46

ความคิดเห็นที่ 26 เดินเล่นริมน้ำ น้ำขึ้นมาสูงทีเดียว จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:08:32

ความคิดเห็นที่ 27 พี่คนนึงถามว่านี่เอ็งไหว้พระหรือมาเที่ยวริมน้ำเนี่ย แทนที่จะถ่ายรูปวัดรูปพระดันมาเดินถ่ายรูปแม่น้ำอยู่ได้ แหม!! ลุงก็ หนูเพิ่งมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว ถ่ายวัดนี้ไปเยอะแล้วอ่ะ ในสามเดือนมาอยุธยาสามครั้ง แต่สองครั้งก่อนได้ไหว้พระไปแค่สามวัด นอกนั้นก็เที่ยวเรื่อยเปื่อย บวกกับไปขลุกอยู่กับหนูช้างซะมากกว่า อิอิ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:12:05

ความคิดเห็นที่ 28 ไปต่อกันที่วัดที่สามค่ะ คุณคนขับรถเมาขี้ตา หลงซะงั้นพ่อคุณเอ๊ย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:14:46

ความคิดเห็นที่ 29 ดีที่หลงไปไม่ไกลมาก กลับตัวกลับใจทัน ไม่รู้ว่าขับหลงเองหรือไกด์ชาวอยุธยาพาหลง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:16:20

ความคิดเห็นที่ 30 วัดที่สามนี่เป็นวัดที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากในการมาไหว้พระครั้งนี้ แต่กลับเป็นวัดที่เราฟินสุด อินจัด จนคิดว่าต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:18:17

ความคิดเห็นที่ 31 วัดที่ 3: วัดพุทไธศวรรย์ มีความเชื่อว่าถ้าอยากสมหวังโดยเฉพาะเรื่องของการสอบเข้าทหาร ตำรวจ และหากมีลูกหลานเจ็บป่วยให้นำไปถวายเป็นลูกของพระเจ้าอู่ทอง เมื่อหายไข้แล้วให้ทำการแก้บนด้วยการบวชถวายเมื่ออายุครบ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 20:12:56 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:20:21

ความคิดเห็นที่ 32 วัดพุทไธศวรรย์ เป็นวัดที่ปรากฏในตำนานว่า ในอดีตคือวังของพระเจ้าอู่ทอง ที่ชื่อว่า เวียงเหล็ก พระองค์ทรงประทับอยู่ที่นี้เป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะไปสร้างพระราชวังและเมืองใหม่ในเขตหนองโสนในเกาะกรุงศรีอยุธยาในปัจจุบัน ดังนั้น พระองค์จึงทรงยกที่วังเดิมนี้ให้สร้างเป็นวัด จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:22:35

ความคิดเห็นที่ 33 วัดตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งนอกกรุงศรีอยุธยาทางด้านใต้ โดยอยู่ตรงกับปากคลองท่อหรือคลองฉะไกรใหญ่ ซึ่งเป็นคลองที่ดึงน้ำจากแม่น้ำลพบุรีหรือคลองคูเมืองตอนเหนือ โดยมีแนวคลองผ่านด้านหลังของพระราชวังโบราณ แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณหน้าวัดพอดี วัดนี้ในสมัยอยุธยานั้นมีชุมชนหลากหลายเชื้อชาติศาสนาอยู่โดยรอบ ทั้งชุมชนชาวจีน มุสลิม โปรตุเกสและอินโดจีน ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:25:02

ความคิดเห็นที่ 34 แนวกำแพงเขตพุทธาวาส กว้าง 92 เมตร ยาว 192 เมตร มีวิหารหลวงตั้งอยู่ด้านหน้ามีมุขท้ายยื่นเข้าไปในระเบียงคดที่ล้อมรอบองค์ปรางค์ประธาน โดยมีพระพุทธรูปประทับนั่งเรียงรายโดยรอบ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:26:04

ความคิดเห็นที่ 35 องค์ปรางค์ประธานซึ่งเป็นแบบฝักข้าวโพด ในแบบศิลปะขอมเขมร ที่ด้านหน้าของมุขปรางค์นั้นเดิมมีพระรูปพระเจ้าอู่ทองตั้งอยู่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2327 พระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ซึ่งบัญชาการกรมพระคชบาลเสด็จออกไปชมเพนียด ทรงพบเข้า จึงกราบทูลมายังสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ พระองค์จึงโปรดให้เชิญเทวรูปนั้นลงมากยังกรุงเทพฯ แล้วโปรดให้หล่อดัดแปลงใหม่เป็นพระพุทธรูปทางเครื่องหุ้มเงินทั้งองค์ และโปรดให้ประดิษฐานไว้ ณ หอพระเทพบิดร ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:31:38

ความคิดเห็นที่ 36 ในสมัยโบราณมีคำกล่าวขานที่เรียกว่าวัดพุทไธศวรรย์เป็นดินแดนอันมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับด้านอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่ลือเลื่องจากอดีตตราบเท่าปัจจุบัน นั่นคือ วัดพุทไธศวรรย์เป็นสถานที่ฝึกอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารก่อนออกศึกสงคราม โดยเฉพาะเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ทำพิธีอาบน้ำว่านให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า ในเช้าของวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๑๓๕ ไม่แน่ใจว่าวิหารนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องในตำนานหรือไม่เพราะหาความสำคัญของวิหารสองหลังนี้ไม่เจอเลย หลังนี้คือวิหารเปลื้องเครื่อง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:39:59

ความคิดเห็นที่ 37 ลวดลายสวยงามหน้าวิหาร จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:40:40

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนหลังนี้คือวิหารเขียน ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีความเป็นมาอย่างไร พยายามหาจากอากู๋แล้ว เจอแต่เรื่องจตุคามรามเทพอ่ะค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:54:29

ความคิดเห็นที่ 39 "หลวงพ่อดำ" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ศิลปะอู่ทองหรืออยุธยาตอนต้น เชื่อว่าสร้างควบคู่มาพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถ เล่าขานต่อกันมาว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาหากใครเจ็บป่วย เมื่อผ่านมาที่วัดแห่งนี้จะขึ้นไปสักการะหลวงพ่อดำเพื่อขอให้หายเจ็บป่วย ซึ่งปรากฏปาฏิหาริย์หายเจ็บป่วยไปตามๆ กัน รวมทั้งขอพรหลวงพ่อดำให้ดลบันดาลสิ่งที่ตนเองปรารถนา ซึ่งส่วนมากก็สมปรารถนา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 07:57:12

ความคิดเห็นที่ 40 ตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นอาคาร 2 ชั้น ฐานอาคารมีลักษณะโค้งแบบท้องเรือสำเภา อันเป็นศิลปะที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขตสังฆาวาสด้านทิศตะวันตก จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:03:17

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณ จขกท. ที่พาเที่ยวพร้อมให้ความรู้ด้วยค่ะ ไปต่อ..ไปต่อค่ะ..รอชมต่อจ้า จากคุณ : ชิชะบาจี๋ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:03:22

ความคิดเห็นที่ 42 พระพุทธโฆษาจารย์ คือ ตำแหน่งพระสังฆราชฝ่ายซ้ายในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในตำหนักชั้นบนมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เชื่อกันว่าเขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพเลอะเลือน อาคารนี้ได้รับการลอกแบบไปสร้างเป็นส่วนหนึ่งของร้านขายผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของ จิม ทอมป์สัน ที่กรุงเทพฯ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:07:17

ความคิดเห็นที่ 43 เช้าๆตื่นไปทำบุญด้วยคนครับ จากคุณ : nongmalakor เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:08:18

ความคิดเห็นที่ 44 ยินดีค่ะคุณชิชะบาจี๋ รีวิวนี้น่าจะยังอีกยาวไกลค่า ภายในตำหนักชั้นบน ไม้กระดานเป็นมันพื้นแข็งแรงมาก ขนาดว่าเราเป็นคนเดินลงส้นเท้า แต่เดินแล้วไม่มีเสียงดังเลย บันไดก็ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่ อยากให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ที่ดีกว่านี้จังค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:11:34

ความคิดเห็นที่ 45 เชิญค่ะคุณ nongmalakor เพื่อนๆ เริ่มตื่นแล้ว อิอิ ภายในอากาศถ่ายเทเย็นสบาย อยากอยู่นานๆ จังเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:13:33

ความคิดเห็นที่ 46 พาเข้าวัดเข้าวาแต่เช้าเลย ขอตามไปด้วยคน ขอบคุณครับ จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:14:38

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพจิตรกรรมที่ส่วนมากเลอะเลือนไปแล้ว ถ่ายภาพมาให้ชมกันบางส่วนค่ะ ภาพสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ไปนมัสการพระพุทธบาท จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:15:39

ความคิดเห็นที่ 48 เชิญค้าบบบบ น้า Low Batt ไปทำบุญกันค่ะ ภาพสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ลงเรือสำเภาไปลังกา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:17:33

ความคิดเห็นที่ 49 อยากอยู่นานๆ อยากถ่ายภาพเก็บไว้ให้หมดก่อนที่จะไม่เหลืออะไรให้ชม จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:19:23

ความคิดเห็นที่ 50 ลายเส้นอ่อนช้อย สวยงามจริงๆ ค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:20:29

ความคิดเห็นที่ 51 อ้อ เกือบลืม ลักษณะจิตรกรรมเป็นภาพเขียนสีฝุ่นค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:23:51

ความคิดเห็นที่ 52 สัตว์คู่บ้านคู่เมืองเรา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:24:46

ความคิดเห็นที่ 53 หลวงน้ารูปหนึ่งกำลังจะพาไปชมห้องบรรทมของพระเจ้าอู่ทอง แต่เรารู้ตัวว่าโอ้เอ้มานานมากแล้ว สรุปเราขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายจริงๆ เอาไว้โอกาสหน้าจะมากราบนมัสการและรบกวนให้ท่านพาไปชม ยังมีอีกหลายจุดเลยที่ไม่ได้ชมในวันนั้น จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:26:39

ความคิดเห็นที่ 54 ขึ้นมาบนรถก็ยังฝอยกระจายให้สมาชิกฟังเกี่ยวกับความสวยงามในตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 08:28:54 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:28:36

ความคิดเห็นที่ 55 ฟ้าสวย แต่เริ่มร้อนแล้วค้าบ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:30:10

ความคิดเห็นที่ 56 คุณคนขับกำลังลังเลว่าจะปล่อยพวกเราลงตรงไหน ถ้าปล่อยตรงนี้จริงๆ มีเคืองแน่ เดินไกลแถมร้อนด้วยนะเธอว์ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:31:22

ความคิดเห็นที่ 57 วัดที่ 4: วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เชื่อกันว่ามาไหว้พระพุทธกษัตราธิราชจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นวัดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่นอกเกาะเมือง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเจดีย์พระศรีสุริโยทัย เดิมเรียกชื่อ "วัดกษัตรา" หรือ "วัดกษัตราราม" เป็นวัดเก่าแก่โบราณสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นวัดที่เลื่องลือในด้านความงามของทิวทัศน์โดยรอบ เมื่อมองจากริมน้ำยามค่ำคืนจะเห็นพระอุโบสถและองค์พระปรางค์ใหญ่เป็นหลักประธานของวัด แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 20:11:50 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:37:01

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพนี้ถ่ายวัดกษัตราธิราชตอนอยู่บนรถตอนที่รถกำลังวนไปยังวัดอื่น ด้านที่ติดริมแม่น้ำนี้สวยจริงๆ ค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:38:30

ความคิดเห็นที่ 59 ภายในพระอุโบสถวัดกษัตราธิราชวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธกษัตราธิราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม ขนาดองค์พระสูง 2.99 เมตร ฐานกว้าง 2.09 เมตร ตั้งอยู่บนฐานชุกชี ในลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ใบหน้าลักษณะรูปสี่เหลี่ยม เม็ดพระศกมีขนาดเล็ก เหนือจากพระอุษณีษะ คือ เกตุมาลาทำเป็นรัศมีเปลว องค์พระครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวา ชายจีวรยาวจรดพระนาภีปลายแยกออกเป็นเขี้ยวตะขาบ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:42:38

ความคิดเห็นที่ 60 ขอตัวลงไปอาบน้ำกินข้าวก่อนครับ เดี๋ยวกลับมาชมต่อ จากคุณ : nongmalakor เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:44:41

ความคิดเห็นที่ 61 พระพุทธรูปหล่อปางลีลาสูง 5 ศอก ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถวัดกษัตราธิราช หล่อขึ้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถวายพระนามพระพุทธรูปลีลาว่า "พระพุทธกษัตราภิมงคล" แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 20:07:23 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:49:29

ความคิดเห็นที่ 62 ค่ะ คุณ nongmalakor คนรีวิวก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน อิอิ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถอีกองค์หนึ่ง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:51:27

ความคิดเห็นที่ 63 ด้านหลังพระพุทธรูปค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:52:26

ความคิดเห็นที่ 64 นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังมีพระพุทธชนะมารด้วยค่ะ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 08:55:50

ความคิดเห็นที่ 65 ภายในวิหารหลังหนึ่ง เป็นที่ตั้งรูปหล่อสมเด็จพระพนรัตน์ เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อแก่ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา ถ่ายมาแต่พระพุทธรูปปางนี้เพราะไม่ค่อยเห็นเท่าไร น่าจะเป็นพระศรีอารย์ทรงจีวรลายดอกพิกุลถือตาลปัตร จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:01:57

ความคิดเห็นที่ 66 ไปกันต่อค่ะ ที่วัดนี้เราจะได้พักกินข้าวกลางวันกันด้วย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:04:06

ความคิดเห็นที่ 67 วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางชุมชนอิสลาม 2 หมู่บ้าน และเป็นการรวมวัด 2 วัดเข้าด้วยกันคือ วัดท่า และ วัดการ้อง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:06:22

ความคิดเห็นที่ 68 ตามไปเท่ยวด้วยคน  ยังทันเปล่า  ผ่านไปตั้งหลายวัดแล้วครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:07:23

ความคิดเห็นที่ 69 วัดที่ 5: วัดท่าการ้อง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:09:21

ความคิดเห็นที่ 70 เชิญค่ะ ยังทันถมเถค่ะคุณ numsiam เพราะเดี๋ยวจะมีรายการอู้ เอ๊ย พักเล็กน้อยค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นามว่า "พระพุทธรัตนมงคล" หรือที่เรียกกันว่า "หลวงพ่อยิ้ม" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ขณะที่บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข ดังจะเห็นได้จากพระพุทธลักษณะที่งดงามและพระพักตร์ที่มีความเมตตา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:11:09

ความคิดเห็นที่ 71 วัดนี้หามุมถ่ายรูปค่อนข้างยากเพราะคนเยอะ แล้วก็สิ่งปลูกสร้างเยอะด้วย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:12:26

ความคิดเห็นที่ 72 ศาลาการเปรียญเก่า เป็นศาลาไม้สักสมัยอยุธยา ภายในมีอาสนสงฆ์สำหรับให้พระสงฆ์ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:14:28

ความคิดเห็นที่ 73 ภายในบริเวณด้านหลังของวัดท่าการ้องได้จัดให้เป็นตลาดน้ำ ของของกินหลากหลายชนิด เปิดทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ น้ำขึ้นมาสูงมากจริงๆ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:16:27

ความคิดเห็นที่ 74 น้ำเชี่ยว ขุ่นแดงมาก จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:16:54

ความคิดเห็นที่ 75 จะมีสักครั้งมั้ย ที่รีวิวไม่หลุดอ่ะ อิป้า ภาพอยู่นี่นะค้าบบบบบ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:18:04

ความคิดเห็นที่ 76 ว่ายน้ำกันเหนื่อยมั้ยอ่ะ พวกเธอ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:19:20

ความคิดเห็นที่ 77 อิ่มความรู้ พร้อมได้ดูรูปสวย ๆ ประกอบไปด้วย ขอบคุณมากคะ จากคุณ : แม่ไข่หก เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:19:34

ความคิดเห็นที่ 78 มัวแต่ดูปลา ข้าวน่ะจะกินมั้ยยะ เค้าจะไปกันอยู่แล้ว จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:20:22

ความคิดเห็นที่ 79 ยินดีค่ะ ไปเที่ยวกันต่อนะคะ คุณแม่ไข่หก รีบหาซื้อของกินง่ายๆ ลูกชิ้นปิ้ง เนื้อสะเต๊ะ แล้วเอาไปนั่งหม่ำข้างบน ข้างล่างนั่งไม่ไหวคนเยอะเกิน จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:22:47

ความคิดเห็นที่ 80 มายังไงเนี่ย  จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:24:09

ความคิดเห็นที่ 81 จากวัดท่าการ้องก็ขึ้นรถไปกันต่อค่ะ พอเริ่มภาคบ่ายเริ่มออกอาการ หลังจากที่ปีนขึ้นปีนลงมาห้าวัดแล้วเมื่อยขามว๊ากกกกกก มีโอกาสไปอีกจะจองนั่งข้างล่าง สงสารข้อเข่าตัวเอง แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 09:27:27 จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:27:09

ความคิดเห็นที่ 82 ผ่านพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นด้วย คิดถึงสาวๆ ที่มาด้วยกันทริปที่แล้วจัง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:28:24

ความคิดเห็นที่ 83 ผ่านคลองคูเมือง จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:30:22

ความคิดเห็นที่ 84 วัดที่ 6: วัดศาลาปูนวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณตั้งอยู่ริมคลองเมือง (แม่น้ำลพบุรีเดิม) จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:34:06

ความคิดเห็นที่ 85 การที่วัดมีชื่อเรียกว่าวัดศาลาปูนคงเนื่องด้วยเป็นชื่อหมู่บ้านที่ราษฎรประกอบอาชีพเผาปูนขาย ด้านทิศตะวันออกของวัดยังปรากฏซากเตาเผาปูนอยู่  แต่บางท่านก็สันนิษฐานว่าคงชื่อวัดศาลาปูนมาแต่ดั้งเดิม  ต่อมาเมื่อพระเจ้าแผ่นดินโปรดฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจึงเปลี่ยนนามเป็นวัดโลกยสุธา หรือโลกสุธา  โดยยังคงความหมายชื่อเดิมอยู่ เพราะคำว่า “สุธา”  แปลว่า  ปูนขาว เวลาผ่านไปชื่อโลกยสุธา หรือโลกสุธาคงจะเรียกยาก ในที่สุดก็เลือนหายไป  กลับมาใช้ชื่อศาลาปูนเหมือนเดิม จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:46:01

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ภาพสวยมากๆ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:50:07

ความคิดเห็นที่ 87 ลวดลายประดับซุ้มประตูทางเข้า จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:51:37

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณค่ะคุณเด็กศิลป์ (Artiste) ภายในพระอุโบสถมีเสาแปดเหลี่ยมรองรับเครื่องบนหลังคาทาสีแดงเขียนลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์งดงาม เพดานเป็นดาวไม้จำหลักปิดทองประดับกระจกอยู่กลางห้อง มีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุมไม้สิบสองล้อมรอบห้องละสิบสี่ดวง แบบศิลปะอยุธยาตอนปลายรุ่นเดียวกับวัดหน้าพระเมรุ จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:54:46