ความคิดเห็นที่ 1 โอ้โฮ..ต้องขอขอบคุณ คุณ dial-up และคุณ thanet_bom ที่ได้แวะมาให้กิฟท์กันตั้งแต่ต้นกระทู้เลย เป็นการประเดิมกระทู้อย่างรวดเร็ว ก่อนอื่นขอกางแผนที่ตามระเบียบปฏิบัติก่อนนะครับ ว่าการปฏิบัติการของเราอยู่ที่ใดผืนแผ่นดินไทย  ตามเส้นสีม่วง จะพบว่า ผมอยู่เกือบใต้สุดของประเทศ นับเป็นการขับรถที่ไกลจากบ้านที่สุดในชีวิตเลยครับ ระยะทางประมาณ 1 พันกิโลเมตรพอดี ในตอนนี้ผมกำลังเดินทางออกจาก ด่านชายแดนสะเดา มา อำเภอสะเดา เลี้ยวซ้าย ไป ปาดังเบซาร์ เมืองที่มีชื่อคล้ายภาษามาเลเซีย มีพื้นที่คร่อมระหว่างประเทศไทย กับ มาเลเซีย เสร็จแล้ว ก็ย้อนกลับไปเมืองหาดใหญ่ ในเส้นทางลัดผ่านป่าสวนยาง ไปออกตรงคลองแงะ แถวๆสถานีรถไฟที่ผมพาเพื่อนๆ ไปชมเมื่อตอนที่แล้ว แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 55 17:37:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 17:35:28

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องจากภาพที่แล้ว เป็นภาพรวมของการเดินทาง มองไม่เห็นเส้นทางในตอนนี้ชัดเจนนัก เลยขยายมาให้ดูกัน แสดงด้วยเส้นสีม่วง จากหน้าด่านเก่า ของด่านสะเดาชายแดน ไปสิ้นสุดของตอนนี้ ที่ตลาดกิมหยง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 17:40:56

ความคิดเห็นที่ 3 ติดตามชม อยู่ครับ ^_^ จากคุณ : สัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 17:45:41

ความคิดเห็นที่ 4 ช่วงตรงผ่าน อ.สะเดานั้น ผมขอแสดงด้วยภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ล ว่า มีถนนเลี่ยงเมืองทั้งทางด้านเหนือและด้านใต้แล้ว ทำให้ไม่ต้องขับเราเข้ามาเลี้ยวซ้าย(ไป ปาดังฯ) ที่กลางใจเมืองอีก แต่สำหรับผม อยากเห็นเมืองสะเดาอีกครั้ง(เห็นครั้งแรกตอนขามา) เลยขับเข้ามาในเมือง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 17:46:38

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับ คุณสัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') : คนรักรถไฟ ขอบคุณมากครับ ที่คอยติดตามและให้คำแนะนำเพิ่มเติม เสมอมา เริ่มเดินทางด้วยภาพนิ่ง ในสถานการณ์จริงกันเลยนะครับ จากด่านสะเดา(ด่านเก่า) ย้อนมาตามถนนเพชรเกษม  ภาพล่างสุด เริ่มเข้าเขต เมืองสะเดา เห็นป้ายบอกทางแยกแรก ไป ปาดังเบซาร์ ตามถนนเลี่ยงเมืองด้านใต้ แล้วครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 17:52:18

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพบน - กลาง : ตอนนี้มาถึง กลางเมืองสะเดาแล้วครับ เป็นสามแยก มีอาคารสวยหลังใหญ่สร้างใหม่ อยู่ด้วย ดูจากแผนที่ GPS Map แล้ว บอกว่าเป็น ตม.(ตรวจคนเข้าเมือง) ครับ โอ้โฮ..หรู ราวกับ กระทรวงต่างประเทศเลย   สร้างอลังการณ์แบบนี้เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศเรานะครับ ภาพล่าง : เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนสาย 4054 เพื่อตรงไปยังเมืองปาดังเบซาร์ ด้วยระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรกว่าๆ เอง แต่ส่วนใหญ่ คนที่ใช้รถยนต์จะตรงไป ด่านสะเดาเลย เพราะเส้นทางตรงดิ่งไป มาเลเซียมากกว่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:01:34

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพบน : เลี้ยวซ้ายเข้าไปไม่ไกล ก็เห็นคิวรถสองแถวสีเหลือง ดูเผินๆ น่าจะเป็นรถไป ปาดังเบซาร์ แต่พออ่านที่ป้ายหน้ารถ กลายเป็น สะเดา - คลองแงะ ไปนี่ สงสัย คิวรถไปปาดังฯ คงอยู่ตรงที่อื่น ใครทราบก็แวะเข้ามาบอกได้นะครับ ภาพกลาง : มาถึงสี่แยกไฟแดงตัดกับถนนเลี่ยงเมืองแล้วครับ  เสาไฟจราจรถึงจะดูเก่า โย้เย้ แต่มีตัวเลขนับถอยหลังเหมือนในกรุงเทพฯด้วยนะครับ  มองที่ป้ายบอกระยะทางข้างหน้า จะเห็นว่า วัดเขารูปช้างอยู่เลยไปจาก เมืองปาดังฯ อีก 14 กิโลเมตร โอ..ไกลกว่าอีกเท่าตัวนะครับ  แต่ดูข้อมูลจากในเว็บแล้ว ก็เป็นวัดที่น่าเที่ยวมาก ถ้าหากมีเวลามาแถวนี้นะครับ http://www.gimyong.com/travel/songkhla/kaoroopchang.php ภาพล่าง : เส้นทางเข้าเมืองปาดังฯ แทบไม่น่าเชื่อว่า ถนนกว้างสวยมาก  ผมเองดูจากแผนที่ นึกว่าเป็นถนนเล็กๆ เพราะชื่อปาดังฯ ดูเก่าๆ คลาสสิค จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:16:58

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนถึงเมืองปาดังฯ ขอแสดงภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ลอีกที ถึงเส้นทางระหว่างเมืองสะเดา เลยไปถึง วัดถ้ำเขารูปช้าง ว่ามีลักษณะภูมิประเทศแบบใด จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:19:34

ความคิดเห็นที่ 9 มาเดินทางกันต่อ....  ตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองปาดังฯ แล้ว  ก่อนถึงตัวเมืองจะสังเกตุเห็นป้ายบอกทางไป ด่านปาดังฯ ทางรถยนต์  ข้างหน้าด้านซ้ายมือ ซึ่งจะถึงก่อนตัวเมืองปาดังฯ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:21:51

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพบน : โค้งหน้า ถึงทางเข้าด่านข้ามไปประเทศมาเลเซียแล้วนะครับ ป้ายเยอะดี คงกลัวจะเลยเข้าเมืองปาดังฯ ไปนะครับ ภาพกลาง : ถึงแล้วซ้ายมือเป็นทางเข้าด่านครับ ดูคล้ายกับด่านสะเดา แต่เขตประเทศมาเลเซียอยู่ด้านซ้ายมือ ไม่ได้อยู่ข้างหน้า ภาพล่าง : กำลังจะผ่านหน้าด่านแล้ว...ลุ้น ว่าจะมีหน้าตาเช่นไร สังเกตุดีๆ จะเห็นว่ามีหลังคา 2 ช่วง แยกระหว่าง ขาเข้ากับขาออก (ตอนที่ผมไป ไม่ทันสังเกตุ คิดว่าเข้าออกก็อยู่ตรงช่องทางนี้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:29:29

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพซ้าย : นี่แหละครับ หน้าด่านปาดังเบซาร์ ฝั่งไทย ดูยิ่งใหญ่ แต่เงียบเหงา ต่างจากด่านสะเดามาก ใครที่ไม่อยากไปรอคิวแออัด ก็มาข้ามไปมาเลเซียที่ด่านนี้แทนก็ได้ ภาพขวา : ผมไม่ได้แวะเข้าไป (ลงเดินไปถ่ายภาพเฉยๆ ) เลยจากช่องเข้าด่าน ก็เป็นป้ายชื่อด่าน (สังเกตุดู ว่า ตรงหน้าด่าน ไม่มีชื่อด่านเหมือนที่ ด่านสะเดา คงคิดว่ามีป้ายชื่อนี้ตรงริมถนนแล้วก็น่าจะพอ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:32:46

ความคิดเห็นที่ 12 แม้ว่าผมจะไม่ได้ผ่านเข้าไป (เพราะไม่ได้เตรียมพาสปอร์ตมา) แต่ก็อยากทราบว่าข้างในมีอะไร เลยลองค้นหาจากภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ลดู โอ้โฮ.. คาดไม่ถึงว่าข้างในมีอาคารต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ ดิวตี้ฟรี  ด่านมาเลเซีย (ด่านใน) โดยมีระยะทางระหว่างด่านไกลเหมือนกัน ประมาณกว่าครึ่งกิโลเมตรได้ ถ้าหากเดินเท้าเข้าไป โดยมีสัมภาระ ก็นับว่าหนักเอาการเหมือนกัน (หรือเขาจะมีรถสาธารณะบริการให้ ผมก็มิทราบได้)  นี่ถ้ามีเวลามากพอ ผมอาจจะลงทุนเดินเข้าไป โดยให้สมาชิกรออยู่ในรถหน้าด่าน เพื่อจะได้เข้าถึง สถานีปาดังเบซาร์ได้จริงๆ แต่ผมคิดแล้วกลัวจะเสียเวลานาน เลยไม่ได้ทำพาสปอร์ตจากกรุงเทพฯมา (และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือไม่แน่ใจว่าจะมาถึงปาดังฯ เพราะมีระเบิดที่ห้างลีการ์เด้นท์ เลยทำให้ต้องวางแผนไป จ.กระบี่แทน แต่ก็มาล้มเลิก เพราะมีข่าวสึนามิจะขึ้นฝั่งอันดามัน ในวันออกเดินทางอีก เฮ้อ..เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา เกือบไม่ได้ลงใต้กันแล้วซีครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 18:40:56

ความคิดเห็นที่ 13 และระหว่างด่านไทยกับ ด่านมาเลย์ ก่อนถึง ดิวตี้ฟรี จะพบกับป้ายต้อนรับเข้าประเทศมาเลเซียอย่างสวยงาม ในรูปข้างล่าง ป้ายนี้ผมเห็นจาก ป้ายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของ ททท. ที่จุดหยุดรถไฟปาดังฯ เห็นทีแรกก็ไม่ทราบ เพราะผมถ่ายภาพมามัว เลยค้นหาจากในเน็ตมีเพื่อนๆ มาตอบให้ครับ ผมเองก็ลองสังเกตุจาก ภาพถ่ายดาวเทียมในคห.12 ก็คาดคะเนว่าจะตั้งอยู่หลังด่านไทยเล็กน้อย โดยดูจากลักษณะเงาที่ทอดบนถนน ซึ่งคุณood2282 ก็ได้แวะมายืนยันอีกทีว่าใช่ตรงนั้นจริง เขายังบอกอีกว่า ในปัจจุบันมีการสร้างอะไรอีกเยอะ โอกาสหน้า ถ้าผมจะไปมาเลเซียอีก ผมจะแวะมาเข้าด่านนี้ดู เผื่อจะได้เดินเข้าไปเก็บภาพสถานีรถไฟได้ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:21:55

ความคิดเห็นที่ 14 ผมขับรถเลยด่านไป แล้วเลี้ยวซ้ายตรงสามแยก เพื่อไปดูประตูรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ใช้รับส่งสินค้าทางรถไฟ ภาพบน : สุดถนนสี่เลน มีทางรถไฟขวางอยู่ข้างหน้า (น่าแปลกเหมือนกัน ที่ถนนใหญ่ สี่ช่องทางมาสุดเอาดื้อๆ ตรงนี้ ในขณะที่ทางเข้าเมืองปาดังฯ กลับเป็นทางแยก ถนนเล็กๆ ถนนสวนกันเท่านั้น ในตอนแรก คงคิดว่าจะสร้างด่านตรงปลายสุดถนนเส้นนี้ แต่เนื่องจากพื้นที่ในการสร้างด่านมีจำกัด เลยย้ายไปสร้างในตำแหน่งปัจจุบัน) ภาพล่าง : ตรงสุดถนน มีทางเลี้ยวซ้ายอีกที ตรงไปยังประตูรั้วชายแดน ซึ่งผมเห็นทีแรกก็งง ว่าทำไมไม่มีด่านตรวจรถเข้าออกเหมือนที่ด่านสะเดา... แถมยังเปิดอ้า ไม่มีเจ้าหน้าที่ยืนคุมอยู่  แต่ผมเองก็ทราบดีว่า ถ้าหากทะเร่อทะร่าเดิน หรือขับรถเข้าไป คงมีอันไปนอนในคุกแน่...  แหม.. ดูเหมือนขุดบ่อล่อปลาเลยนะ.. จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:30:23

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงหัวโค้งสุดถนนใหญ่ นี้มีป้อม..เอ๊ย.. อาคาร สถานีตรวจสอบสินค้าที่ 2 ของด่านศุลกากรปาดังฯ  ด้านข้างอาคาร มีเคาน์เตอร์ให้ยื่นเอกสารก่อนเข้าออกประเทศ ดูทีแรกก็งงๆ ว่า ทำไมตรวจแค่สินค้า กลับมาดูจากแผนที่ดาวเทียม เลยทราบว่า เป็นแค่รถนำสินค้าไปส่งสถานีรถไฟเท่านั้น ถนนที่เข้าไปจะตัน! ไม่สามารถวิ่งเลยเข้าไปในประเทศมาเลเซียได้ (แม้ว่าจะเล็ดรอดไปได้ ก็จะโดนจับอีกเช่นกัน) ตรงจุดนี้พอมีร่มเงาต้นไม้ ให้พรรคพวกที่มาด้วยกันได้นั่งรอในรถ ระหว่างผมไปถ่ายภาพได้ด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:38:35

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพซ้าย : หันกลับไปมองถนนใหญ่ที่เลี้ยวเข้ามา อันปลายสุดของถนน 4 เลน ที่สร้างมาตั้งแต่ กลางเมืองสะเดาโน้น ภาพขวา : ตรงหัวมุมนี้ มีศาลานั่งพักเล็กๆ อยู่ด้วย เจ้าตัวเล็กขอจองนั่งก่อนใคร จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:41:23

ความคิดเห็นที่ 17 ฝั่งตรงข้ามถนนใหญ่ ปลายสุดถนนพอดี มีสถานีตรวจสินค้า ที่มีเครื่องตรวจชนิดเดียวกับที่ผมเคยเห็นที่ ด่านหนองคายอยู่ด้วย  ดูๆ แล้วน่าจะเป็นการตรวจแบบเอ็กซเรย์ โดยให้รถวิ่งผ่านสินค้าที่กองอยู่นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:44:10

ความคิดเห็นที่ 18 หันมาดู ด้านทางรถไฟบ้าง เป็นที่จอดตู้สินค้า และที่หยุดรถไฟ ก่อนเข้า และหลังออกมาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเลยไปจากแนวตู้สินค้า ก็คือ เมืองปาดังเบซาร์ อันมีจุดจำหน่ายตั๋วรถไฟอยู่หน้าธนาคารออมสิน ที่ไม่ไกลจากแห่งนี้ ตามแสดงในรูปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:47:32

ความคิดเห็นที่ 19 มาติดตามครับ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:55:06

ความคิดเห็นที่ 20 ขออนุญาตปาด ขวา ตบเข้าเลนในเล็กน้อย ครับ คุณพี่ มิราชช (mirage_II) ได้ถ่ายภาพ จุดซื้อตั๋วโดยสารรถไฟหน้า ธ.ออมสิน มาให้ดู ด้วยหรือเปล่าครับ ? น้องอยากเห็น ครับ คุณพี่ ^_^ จากคุณ : สัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 19:56:03

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพบน : ได้เวลาสำรวจชายแดนกันแล้ว แดดก็จ้า เดินมายังประตูรั้วชายแดนไทย - มาเลย์ ที่ไม่ใช้สำหรับการผ่านเข้าออกประเทศ แต่แค่เพื่อรับส่งสินค้าทางรถไฟเท่านั้น  พูดง่ายๆ ก็คือ แค่ผ่านเข้าเขตสถานีรถไฟ ซึ่งต้องมีการรักษาความปลอดภัย ห้ามคนเดินผ่านบริเวณนี้ ถ้าไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ ผมไปยืนตรงนั้นก็รู้สึกเสียวๆ เหมือนกันว่าจะโดนไล่เอาได้ ภาพล่าง : เดินมาตรงแนวประตูรั้วพอดี ก็เห็นสถานีรถไฟปาดังฯ (ที่คิดถึง) แล้ว ดูเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก ยิ่งตอนนี้กำลังมีการก่อสร้างรถไฟรางคู่ด้วย  จุดสังเกตุ ก็คือ มีทางคนเดินข้ามรางทอดยาวจากด่าน ด้านซ้ายมือ ไปถึงอาคารสถานี และอาคารสถานี เป็นแบบ 2 ฝั่ง(ผมไม่เคยเห็น เพราะปกติจะมีสถานีฝั่งเดียว) โดยฝั่งทิศตะวันออก(ซ้ายมือในรูป) เป็นขาเข้าประเทศมาเลเซีย และฝั่งทิศตะวันตก เป็นขาออกจากประเทศมาเลเซีย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:03:23

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับ คุณ CK-ONliNE : ด้วยความยินดีครับ กำลังเริ่มกระทู้พอดี แต่วันนี้คงอีกไม่นานก็จะกลับบ้านก่อน ไว้ต่อพรุ่งนี้ครับ คุณสัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') : จุดซื้อตั๋วรถไฟหน้า ธนาคารออมสินนั้น ผมได้ถ่ายภาพบริเวณหน้า ธนาคารออมสินมา แต่เนื่องจากไม่มีป้ายบอกจุดที่ขายตั๋ว เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน ไม่มีเคาน์เตอร์ขาย น่าจะเป็นร้านค้าข้างธนาคารในรูปภาพเปิดกระทู้เล็กๆ กระมังครับ เดี๋ยวตอนจะกลับออกจากปาดังฯ ผมจะมีภาพมาให้ดูกันอีกที เผื่อใครรู้จัก ก็จะได้แวะเข้ามาบอกนะครับ เนื่องจากตัวผมอยู่ตรงแนวรั้วเขตประเทศพอดี จึงขอใช้กล้องซูมภาพสถานีปาดังฯ มาดูใกล้ๆ (นับว่าเป็นข้อดีของกล้องถ่ายรูป นอกจากได้ภาพมาเป็นที่ระลึกแล้ว ยังได้เห็นใกล้กว่าตาเราเองมาก) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:11:58

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพบน : อย่างที่ผมบอกไว้นะครับ ว่าในความจริงผมอยู่ห่างจากอาคารสถานีมาก ถ้าดูด้วยตาเปล่าก็จะเห็นดังในภาพนี้   ต้องแสดงภาพนี้ด้วยเดี๋ยวจะหาว่าผมเดินเข้าไปใกล้สถานี เพราะผิดกฏหมายระหว่างประเทศนะครับ ภาพล่าง : หันหลังมาดูฝั่งไทยบ้าง จะเห็นรถผมจอดรออยู่ใต้ร่มไม้ไกลๆ โน้น  นี่ถ้าไม่รักกันจริงๆ ก็คงไม่ลงทุนเดินตากแดดหัวแดง (ไม่ได้สวมหมวก) มาถึงตรงนี้หรอกครับ..อิอิ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:16:29

ความคิดเห็นที่ 24 ใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวสถานีรถไฟปาดังเบซาร์มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ     จนป่านนี้ยังไม่ถึงสักที      ได้ดูรีวิวนี้ทำให้ชื่นใจมากค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:24:15

ความคิดเห็นที่ 25 นี่เป็นหลักฐานยืนยืนว่าผมยืนอยู่ตรงแนวเขตประเทศ แม้จะล้ำๆ ไปสักครึ่งก้าว ก็คงไม่เป็นไร เพราะหลักเขตประเทศจริงๆ อยู่เลยรั้วไปนิดนึง (เดี๋ยวจะเห็นตรงประตูรั้วทางรถไฟ)   ภาพซ้าย : มองไปทางซ้ายมือ (ทิศตะวันออก) จะเห็นว่ามีประตู 2 ชั้นของไทย และ มาเลเซีย  ฝั่งมาเลย์ นั้นดูทันสมัยกว่า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเปิด-เปิด  กับสภาพประตูของฝั่งไทย ดูเก่ากว่า การเปิด-ปิดประตูในแต่ละวัน คงใช้ของฝั่งมาเลย์เท่านั้น มองเลยไปหลังรั้ว จะเห็นป้ายสีแดง ที่พอจะอ่านตัวอักษร(จากภาพ) ได้ว่า เป็นป้ายห้ามเข้า เฮ้อ..ทำไมไปตั้งแอบๆ แบบนั้นนะ น่าจะอยู่ติดริมถนน ใครเผลอเดินเข้าไป ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ภาพขวา : มองไปทางขวามือ ก็เช่นเดียวกัน เป็นประตูปิด 2 บานเข้ามาหากันแบบเลื่อน  ถัดไปข้างล่าง เป็นรางรถไฟ  ที่อยู่ต่ำกว่าถนนมาก   นับว่าวันนี้ผมมายืนอยู่ตรงเขตแดนระหว่างประเทศอีกครั้งแล้ว จากปีที่แล้วที่ไปยืนอยู่กลางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:25:27

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับ คุณป้าฟู : ขอบคุณที่คอยติดตามให้กำลังใจเรื่อยมา สถานีปาดังเบซาร์ นับเป็นสถานี ที่ไม่ง่าย (หรือไม่สะดวก) ที่จะเข้าไปครับ เพราะรถไฟข้ามประเทศมีเพียง 2 ขบวนต่อวัน ครั้นจะไปทางรถยนต์ ก็นิยมไปทางด่านสะเดาอีก  และถ้าแบบผม คือจะไปแค่สถานี ก็ต้องมีพาสปอร์ต ยิ่งถ้าจะนำรถยนต์ไปจอดหน้าสถานี ก็เรื่องยาว.....ครับ เอาไว้มีโอกาส ขับรถไปมาเลเซีย จะออกทางด่านปาดังฯ แวะไปชมสถานีก่อนไปที่อื่นนะครับ ผมถอยกลับมาหาทางลงไปยังประตูรั้วทางรถไฟบ้าง มองลงไปข้างล่าง โอ้โฮ.. เสียวเหมือนกัน ทางรก ลาดชัน แถมมีร่องน้ำอยู่ข้างล่างด้วย ถ้าพลาดตกลงไป คงบาดเจ็บได้แผลกลับไปแน่นอน ทริปที่เหลือคงต้องถูกงด  ต้องระวังมากๆ แค่กล้องตก ก็จบได้เหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:32:17

ความคิดเห็นที่ 27 ลองมองไปทางขวามือ (ทิศเหนือ ด้านไปหาดใหญ่) มองไม่เห็นทางเดินลงไปข้างล่างเลย คงต้องปีนลงอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 20:43:48

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพซ้าย : ตอนนี้ผมปีนลงมาได้สำเร็จ โดยสวัสดิภาพแล้ว เฮ้อ..ไหนจะต้องระวังกล้องตก ผมสวมรองเท้าแตะอีก..ทุลักทุเลเหมือนกัน  ลงมาแล้วก็มองไปทางซ้าย ด้านประตูรั้วชายแดน ของทางรถไฟ สังเกตุความสูงของชานชาลา ที่สูงกว่าปกติ คงต้องการสร้างให้สูงเกือบเท่ากับของมาเลเซีย ที่ตู้โบกี้ ประตูจะอยู่พอดีกับชานชาลาคล้ายรถไฟฟ้า ภาพขวา : มองไปทางหาดใหญ่บ้าง เป็นรางตรงแน่วไปไกล  แหงนมองท้องฟ้า น่าแปลกจริง ที่ดูแตกต่างกัน เหมือนอยู่คนละแห่ง หรือคนละเวลา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:07:03

ความคิดเห็นที่ 29 จุดที่ผมปีนลงมาตรงกับเสาสัญญาณพอดี   เสานี้สร้างแล้วคุ้มจริงๆ มีสัญญาณมาติดมากมาย  ไม่ค่อยคุ้นตานัก ใครพอทราบว่า โคมอันไหนไว้ทำอะไรบ้าง ก็แวะเข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:12:42

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพซ้าย : ลองเดินเข้าไปใกล้ประตูรั้วดู ถ่ายภาพมุมต่ำ(มุมมองแมว)ดู จะเห็นรอยต่อรางระหว่างไทยกับมาเลเซีย เลยประตูรั้วเข้าไปเล็กน้อย ซึ่งตั้งแต่ตรงนั้นไปจะมีการถมไม้หมอนด้วยก้อนหินจนมิด ต่างกับฝั่งไทยที่จะเห็นไม้หมอนชัดเจน และไม้หมอนฝั่งไทยตรงนี้ ก็ยังเป็นไม้จริงๆอยู่ ต่างกับฝั่งมาเลย์ได้ปรับปรุงเป็นไม้หมอนคอนกรีตไปแล้ว ภาพขวา : หันกลับมามองทางฝั่งไทยก็จะเห็นความสูงของชานชาลา ชัดเจนครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:28:38

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพซ้าย : ลองใช้พลังซูมของกล้องถ่ายภาพดูอีกสักครั้ง จะเห็นประแจรางเข้าสถานีปาดังฯ อยู่หนาแน่นไปหมด ภาพขวา : ลองเบี่ยงไปยืนทางซ้าย เพื่อดูรางที่ป้อนเข้าสถานีชัดๆ จะเห็นว่าเป็นการวางประแจแยกรางแบบแนวเดียว แยกจากรางประธานออกไปทีละราง รวม 4 ราง ต่างกับของไทยที่เคยเห็น จะวางประแจแบบแยกทีละคู่ แล้วตรงไปสักพัก ก็ค่อยแยกคู่ต่อไป(ซึ่งอาจจะแยกทางซ้าย หรือขวาของรางประธาน) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:33:58

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบข้อความอธิบายในภาพมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ^^ จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:36:49

ความคิดเห็นที่ 33 ทำไมราง1,2 เป็นคลื่นขนาดนั้นเนี่ย จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:45:53

ความคิดเห็นที่ 34 บังเอิญค้นเจอ ภาพรางเก่าตรงนี้ ของคุณExtendeD แห่งเว็บรถไฟดอทคอม http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4414&postdays=0&postorder=asc&start=170 กระทู้ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ตอนนั้นรางยังคงเป็นแบบเดียวกับฝั่งไทย และทีมงานที่ไปไม่ได้ปั๊มพาสปอร์ตเข้าประเทศมาเลเซียด้วย อาจเป็นเพราะว่าช่วงนั้นยังไม่เข้มงวดเรื่องการข้ามแดนเท่าในปัจจุบันนี้  สามารถเดินเท้าไปจากประตูรั้วนี้ถึงสถานีได้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 21:51:32

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีครับ คุณสามแซ่ : ขอบคุณเช่นกันครับ เพื่อความเข้าใจนะครับ แต่บางคนก็ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะทำให้ตาลายและเสียความเป็นเดิมๆ ของภาพไป คุณ CK-ONliNE : ขอบคุณที่ถาม ผมเองก็ลืมอธิบายไปเหมือนกัน เพราะแดดร้อน อากาศจึงหักเหภาพให้ดูเสมือนว่ารางหงิกงอนะครับ คือผมใช้ซูมเยอะด้วย เลยเห็นได้ชัดครับ อย่าลืมว่า รางอยู่ไกลจากผมมากด้วย ภาพข้างล่างนี้เป็นมุมมองปกติ ห้ามเดินเข้าไปเด็ดขาด เพราะจะถือว่าลักลอบข้ามแดนทันที มีประวัติจากคุณ สีสามท่า โดนมาแล้วในกระทู้ http://pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11862133/E11862133.html แต่ก็ได้ภาพสถานีปาดังเบซาร์มาให้ชมกัน  ซึ่งผมดูๆ แล้ว สถานีแห่งนี้หามุมถ่ายภาพสวยๆ ได้ยาก เพราะดูเป็นสถานีสมัยใหม่ ไม่หลงเหลือความคลาสสิคใดๆ (คล้ายสถานีรถไฟฟ้าบ้านเรา) อีกทั้งหาจุดยืนถ่ายภาพรวมของอาคารสถานีได้ยาก เป็นเพราะทางมาเลเซียเขามีกฏห้ามคนลงเดินบนรางรถไฟ ถ้าหากมีสะพานให้ข้ามจะโดนปรับ  มุมที่น่าจะดูดีที่สุด ก็น่าจะถ่ายจากทางเดินลอยฟ้า ซึ่งเห็นมีคนถ่ายมาก็ดูไม่ครอบคลุม คล้ายๆกับอาคารสถานีรถโดยสารที่หมอชิตไปอีก  แถมป้ายชื่อสถานีก็ไม่มีการจัดวางลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์แบบของบ้านเรา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:05:22

ความคิดเห็นที่ 36 ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องสถานีรถไฟปาดังฯ แล้ว ผมไม่ได้ไปก็ขอค้นหารูปจากในเน็ตมาให้ดูแทนก็แล้วกันครับ เป็นของคุณI_FrEEdoM_GEA_4549 จากเว็บ ไทยทรานสปอร์ตโฟโต้ดอทเน็ต ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ ถ่ายได้จุใจดี http://www.thaitransport-photo.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3392&start=60 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:10:38

ความคิดเห็นที่ 37 จิ้มไปที่ ความคิดเห็นที่ 29 สัญญาณดังกล่าว ให้ความหมาย ดังนี้เลยครับ 1 กล่อง สี่เหลี่ยมจุรัส บนสุด คือ สัญญาณแจ้ง Track ชานชาลา สำหรับขบวนรถที่มาจากหาดใหญ่ ก่อนที่จะเข้า สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ขบวนรถดังกล่าวนั้น จะต้องเข้าชานชาลาที่เท่าไร... 2 กล่อง สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง มีไฟ 3 ดวงเรียงกันจากบนลงล่าง จะเป็น สี เขียว > เหลือง > แดง ซึ่งสัญญาณนี้ มีค่าเท่ากับ สัญญาณเสาเข้าเขตนอก เป็น สัญญาณประจำที่ชนิดไฟสีระบบ 3 ท่า ของไทยเรา ครับ (แอบเหมือน ชื่อล๊อกอิน ของผมเลยแฮะ - -" ) โดยที่มีรูปแบบการแสดงท่าดังนี้ สัญญาณสีเขียว แสดงท่า "อนุญาต" หมายถึง ขบวนรถเดินผ่านสัญญาณประจำที่นี้ได้ สัญญาณสีเหลือง แสดงท่า "ระวัง" หมายถึง ขบวนรถเดินผ่านสัญญาณประจำที่นี้ไปได้ โดยระมัดระวัง และทราบได้ว่า สัญญาณประจำที่อันถัดไปข้างหน้า จะแสดงท่า "ห้าม" สัญญาณสีแดง แสดงท่า "ห้าม" หมายถึง ขบวนรถต้องหยุดโดยไม่ล้ำสัญญาณประจำที่นั้น หรือ ณ ที่ซึ่งได้กำหนดไว้ ให้หยุดก่อนถึงสัญญาณประจำที่นั้น 3 กล่อง รูป 3 เหลี่ยม มุมตัด นั่นคือ "สัญญาณเรียกเข้า"(เรียกให้เข้าสถานี) สัญญาณประจำที่ชนิดนี้ ไม่มีท่า "ห้าม" (ไฟจะดับอยู่ตลอดเวลา) และ ตามปกติ ขบวนรถต้องปฏิบัติตามสัญญาณของสัญญาณประจำที่ซึ่งสัญญาณเรียกเข้านี้อยู่ร่วมด้วย แต่เมื่อสัญญาณเรียกเข้าอยู่ในท่า"เรียกเข้า"(ไฟวาบติด,กระพริบ) ขณะที่สัญญาณประจำที่ซึ่งอยู่ร่วมด้วย ยังคงแสดงท่า "ห้าม" ให้ขบวนรถเดินผ่านสัญญาณประจำที่นี้ เข้าไปได้โดยระมัดระวัง ดังเช่นรูปด้านล่างนี้ ที่ผมเคยไปมา จากคุณ : สัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:10:44

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ คุณสัญญาณไฟสี 3 ท่า(Sps-TE') ที่เข้ามาตอบครับ  โอ้ว..เจ้าภาพที่คุณมาลงให้ผมก็เห็นแต่ไม่ทันได้สังเกตุ ตัวเลขบนช่องสี่เหลี่ยมไปได้ ขอบคุณมากครับ และอีกรูปของคุณI_FrEEdoM_GEA_4549  เป็นชานชาลาสองด้าน (ภาพบนคือด้านเหนือ ภาพล่างคือด้านใต้) โดยสังเกตุทางเดินลอยฟ้าเป็นหลักครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:16:58

ความคิดเห็นที่ 39 และอีกภาพของใครก็ไม่ทราบ เพราะลืมเซฟ URL ไว้ ต้องขอโทษด้วย (ถ้าเจ้าของภาพมาเห็นช่วยบอกด้วยนะครับ) ถ่ายจากบนทางเดินลอยฟ้า ขวาสุดของภาพจะเห็นรถบรรทุกกำลังวิ่งผ่านประตูชายแดนเข้ามาส่งสินค้าพอดี  มุมนี้แหละ ที่ผมอยากถ่ายถ้าได้มีโอกาส จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:20:42

ความคิดเห็นที่ 40 แหมนึกว่ากำลังทำทางใหม่เสียอีก เรื่องข้อความในรูปผมชอบนะชัดเจนดีแถมเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะของคุณมิราชช (mirage_II) ด้วย เห็นรูปรู้เลยว่าใคร จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:22:00

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพข้างล่างนี้เป็น ภาพเก่าของสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ เมื่อปี พ.ศ.2462 แรกเริ่มที่เดินรถไฟสายใต้ไปบรรจบกับ ประเทศมาเลเซีย ภาพนี้โพสโดยคุณ Mongwin ในเว็บรถไฟดอทคอม http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4121&postdays=0&postorder=asc&start=0 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:28:43

ความคิดเห็นที่ 42 รูปนี้เป็นของคุณหม่องวิน มอไซ จากเว็บhttp://gimyong.com/talung/index.php?topic=36228.0 จาก อนุสาร อสท. ปีที่ 9 ฉบับที่ 8 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2512 สมัยที่คนไทยยังเดินเข้าไปยังสถานี และตลาดปาดังฯ ฝั่งมาเลย์ ที่นิยมเรียกว่า ตลาดแขก ได้โดยไม่ต้องมีพาสปอร์ต   ส่วนภาพล่างน่าจะถ่ายจากสะพานข้ามรางเช่นกัน เป็นภาพสถานีปาดังเบซาร์ก่อนจะถูกรื้อสร้างใหม่ ดังที่เห็นในปัจจุบันครับ วันนี้ขอพักกระทู้ก่อน เพราะดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้มาต่อกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 55 22:34:59

ความคิดเห็นที่ 43 รีวิวได้ละเอียดดีค่ะ คงไม่มีโอกาสได้ไปเองต้องขอเกาะคุณมิราชชไปเที่ยวด้วยน่ะค่ะ ^^ จากคุณ : คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:10:56

ความคิดเห็นที่ 44 รายละเอียดยิบมากเลยค่ะ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:28:03

ความคิดเห็นที่ 45 ตื่นแล้วจะมาดูต่อ........ขอบคุณครับ จากคุณ : Low Batt เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 01:29:41

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับ คุณ คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์, คุณเด็กศิลป์ (Artiste) และคุณ Low Batt: ด้วยความยินดีครับเชิญติดตามต่อได้แล้วครับ ในวันนี้ ภาพซ้าย : ไหนๆ ก็เดินทางมาไกลแล้ว ขอก้าวเข้าไปเหยียบแผ่นดินมาเลเซียกันหน่อย  ตรงแนวประตูรั้วของทางรถไฟ มองไปทางซ้าย (ด้านทิศตะวันออก) จะเห็นเสาหลักเขตระหว่างประเทศแอบอยู่หลังแนวรั้วกั้นระหว่างประเทศ  อุแม่เจ้า! รั้วเป็นของไทยสร้างเองหรือนี่.. เพราะปกติ เจ้าของที่จะสร้างรั้วได้ในพื้นที่ตัวเองเท่านั้น แต่กรณีนี้อาจเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ เพราะดูๆ แล้วน่าจะเป็นรั้วที่สร้างโดยประเทศมาเลเซีย ส่วนรั้วที่อยู่ถัดไปจากเสาหลักเขตนั้นเป็นรั้วกั้นระหว่างพื้นที่รับส่งสินค้า กับ ย่านรางรถไฟ รั้วนี้ไม่ได้ยาวต่อเนื่องไปถึงสถานี ในอดีตคงเคยทอดยาว แต่ช่วงนี้อาจมีการปรับปรุงสถานีเลยเปิดช่องให้ 2 พื้นที่เดินถึงกันได้ (ดังแสดงในภาพ คห.35) ภาพขวา :มองมาทางขวามือ นอกจากรั้วกั้นระหว่างประเทศ แล้ว ก็มีรั้วกั้นพื้นที่ภายในสถานี ทอดยาวไปถึงอาคารสถานี รั้วนี้คงมีไว้ป้องกันคนแอบเข้ามา แล้วหลบเข้าไปในป่าริมรั้ว เพื่อจะได้บังคับให้คนเดินตรงไปยังสถานี (แล้วโดนจับ...ฮา) ได้เท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:51:04

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นประแจแยกรางตรงหน้าแล้วอดศึกษาไม่ได้ ว่าทำงานอย่างไร เพราะเป็นประแจไฟฟ้าสั่งทำงานระยะไกล บ้านเราก็มีให้ใช้แล้วเช่นกัน แต่ที่นี่ ดูแล้วเข้าใจง่ายดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 10:52:38

ความคิดเห็นที่ 48 หันหลังกลับมาดูประตูเขตแดนไทย-มาเลเซีย จากฝั่งมาเลเซียบ้าง ภาพซ้าย : เห็นป้ายสัญญลักษณ์คล้ายทางตัน มีวงกลมเล็กๆ 2 อันสีเขียวขาวเรียงกัน อยู่ข้างบน จำได้ว่าเสาสัญญาณฝั่งไทยก็มี น่าจะหมายความว่า ข้ามเขตแดนประเทศ ภาพขวา : นอกจากหลักเขต แล้ว ข้างบนยังมีป้ายภาษามาเลเซียว่า "SEMPADAN" อันแปลว่า เขตแดน  เห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ ว่าเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่ทำไมไม่ใช้ภาษาอังกฤษไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:01:39

ความคิดเห็นที่ 49 ภาพซ้าย : แค่นี้พอละ (แดดจ้ามาก)  ยืนตรงประตูรั้ว ที่เป็นระบบไฟฟ้ารู้สึกเสียวๆ เหมือนกันว่า เกิดทาง จนท.มาเลเซีย สั่งปิดประตูจากระยะไกลล่ะ (ผมคิดว่า เขาคงมีกล้องวงจรปิดนั่งดูผมอยู่ด้วยซ้ำ ว่ามาทำอะไรเจ้าหมอนี่) งานเข้าครับ ผมเดินกลับมายังแผ่นดินไทย แล้วหันกลับไปดู ประตูรั้ว ทางรถไฟอีกที ภาพขวา : หันกลับไปดูชานชาลาฝั่งไทย ที่ทอดยาวไปไกลมาก เรียกว่าสร้างสถานีได้ 1 แห่งสบายๆ เพียงแต่ไม่มีรางหลีกเท่านั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:09:32

ความคิดเห็นที่ 50 ด้านหลังชานชาลา เป็นทางเข้าเมืองปาดังเบซาร์  ที่จริงแล้วเมืองก็อยู่ใกล้นิดเดียวจริงๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:11:20

ความคิดเห็นที่ 51 ถัดไปจากทางเข้าเมืองปาดังฯ ก็เป็นบริเวณที่จอดตู้โบกี้สินค้ามากมาย ไม่รู้ว่ายังใช้งานอยู่ด้วยหรือเปล่า ดูเก่าๆ ชอบกล จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:14:09

ความคิดเห็นที่ 52 เดินไปทางเหนือเกือบถึงที่นั่งรอรถไฟ พบรางเก่าที่จัดวางไว้เหมือนพิพิธภัณฑกลางแจ้ง (ปกติรางที่ไม่ใช้มักจะรื้อแยกไม้หมอนออกไป) เพราะอีกหน่อยก็จะไม่มีไม้หมอนที่ทำด้วยไม้จริงๆแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:15:57

ความคิดเห็นที่ 53 มาถึงแล้วครับ จุดหยุดรถไฟปาดังเบซาร์ ที่เสมือนสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ของไทย มีอยู่แค่นี้จริงๆ บางคนนิยมเรียกว่า สถานีที่สอง (สถานีที่หนึ่ง คงหมายถึงสถานีปาดังเบซาร์ ที่อยู่ในเขตมาเลเซียนั่นเอง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:22:10

ความคิดเห็นที่ 54 มีแผ่นป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ติดกับที่นั่งรอรถไฟ ผมถ่ายภาพมาให้ดู แต่ตัวอักษรไม่ค่อยชัดนัก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และอยู่ใกล้เคียงเมืองปาดังฯ แห่งนี้ (แต่สำหรับ แหลมสมิหลานั้นดูไม่ใกล้นัก และแผนที่นี้แหละ ทำให้ผมงง กับ ซุ้มประตูสวยๆ หน้าด่านมาเลเซีย ว่าอยู่ตรงไหน ค้นหาไม่ได้ โชคดีถามเอากับเพื่อนๆ ในห้องนี้ ถึงทราบตำแหน่งที่แท้จริง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 11:29:00

ความคิดเห็นที่ 55 มองมายังฝั่งตรงข้าม เป็นถนนที่รถผมมาจอดรอพอดี จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 15:07:56

ความคิดเห็นที่ 56 ภาพซ้าย : มองเลยไปทางเหนือ รางไปหาดใหญ่ ซูมภาพเข้ามาจะเห็นประแจแยกรางไปยังย่านที่จอดตู้สินค้า ภาพขวา : มองกลับมายังประตูรั้วเขตแดน ซูมภาพเข้ามาใกล้ๆ   สองภาพนี้ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากระหว่างฝั่งไทยกับฝั่งมาเลเซีย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 15:10:41

ความคิดเห็นที่ 57 รางเก่าเอาไว้ตั้งโชว์รถจักรไอน้ำเปล่า จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 15:11:16

ความคิดเห็นที่ 58 คุณ CK-ONliNE : อืมม์...เข้าใจคิดดีครับ ความยาวของรางดูน่าจะพอๆ กับหัวรถจักรไอน้ำที่ต้องพ่วงกับตู้เชื้อเพลิง แต่...ปัจจุบันสถานที่นี้กำลังถูกปรับปรุง หลังจากที่ผมไปมาแล้วไม่นาน (กระทู้ความเห็นลงวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2555) ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จะสร้างเป็นสถานีรถไฟ หรือแค่ปรับปรุงรางเพิ่ม จากภาพของคุณ Probass ในเว็บ กิมหยงดอทคอม http://gimyong.com/talung/index.php?topic=36228.0 ภาพซ้าย : มีการขนเครื่องจักรมาจากฝั่งมาเลย์ พร้อมหินกรวด ภาพขวา : สร้างรั้วกั้นระหว่าง ถนนที่รับส่งสินค้า กับบริเวณจุดหยุดรถ ทำให้ไม่สามารถเดินลงไปแบบที่ผมทำได้แล้ว แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 16:12:00 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 16:02:21 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 15:59:17

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ Probass ได้ข้ามไปถ่ายภาพจากฝั่งจุดหยุดรถไฟด้วย ภาพซ้าย : เครื่องกลหนักเป็น รถแบ็คโฮล์ ภาพขวา : วัสดุอุปกรณ์ดูมีแต่ราง คิดว่าน่าจะสร้างรางคู่ฝั่งไทยมากกว่า โดยใช้ไม้หมอนเก่าที่รื้อมาจากฝั่งมาเลย์ ไม่น่าเชื่อว่า ภาพที่ผมเห็น สิ่งที่ผมถ่ายในวันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้  นับเป็นภาพประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งเหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:08:17

ความคิดเห็นที่ 60 ก่อนจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น จึงขอเก็บภาพเดิมๆ แบบมุมกว้าง ให้ดูกันก่อน  ภาพข้างล่างนี้ แสดงให้เห็นประตูรั้วชายแดนทั้งสองจุด กับทางเข้าเมืองปาดังฯ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:14:15

ความคิดเห็นที่ 61 อีกภาพ หันหลังกลับไปมองที่นั่งรอรถไฟ และบริเวณรอบๆ ในสภาพที่โล่งกว้าง จนดูเหมือนรกร้าง  ถ้าหากการปรับปรุงครั้งนี้ แค่ราง พื้นที่บริเวณก็คงเหมือนเดิม เมื่องานเสร็จแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:21:17

ความคิดเห็นที่ 62 ภาพซ้าย : ผมยังหาทางปีนกลับขึ้นไปไม่ได้ ก็เลยต้องเดินกลับมาที่เก่า ตรงจุดที่ปีนลงมา (แสดงด้วยเส้นประสีม่วง) ภาพขวา : ก่อนกลับ ขอถ่ายภาพตัวเองไว้เป็นที่ระลึกก่อน  เห็นหน้าตัวเองแล้วบอกได้เลยว่า ร้อนมาก การถ่ายภาพทั้งหมดที่จุดนี้ ผมใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็รู้สึกเหมือนถูกย่างแล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:26:03

ความคิดเห็นที่ 63 ภาพสุดท้ายของตรงนี้ ก่อนปีนกลับขึ้นไป แสดงให้เห็นว่าสูงชันแค่ไหน ปัจจุบันมีรั้วลวดหนามสีเขียวอมฟ้า ดังแสดงในรูปขวา คห.58 ทำให้ไม่สามารถข้ามไปบนถนนได้แล้ว ครับ  ต้องคอยดูการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ ถ้าหากเป็นการขยายราง จะขยายมาทางนี้ หรือทางชานชาลา ตรงที่นั่งรอรถไฟ ก็ต้องคอยติดตามดูกันไปครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:31:25

ความคิดเห็นที่ 64 ผมออกจากจุดนี้ อ้อมไปวนรถกลับเข้ามายังฝั่ง จุดหยุดรถไฟ ตามเส้นสีเขียว เพื่อยืนยันว่า รถยนต์ก็สามารถเข้ามาที่นั่งรอรถไฟได้ ว่าแต่ไกลน่าดู จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:44:56

ความคิดเห็นที่ 65 ในรูป ตอนนี้กำลังข้ามทางรถไฟ นับเป็นจุดตัดถนน จุดสุดท้ายของทางรถไฟสายนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:47:11

ความคิดเห็นที่ 66 ภาพขวา > ซ้าย : ผมข้ามทางรถไฟไปแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายซอยแรกเลย เป็นถนนเลียบทางรถไฟ ย้อนกลับไปถึงจุดหยุดรถไฟ  สังเกตุตรงหัวมุมถนนมีป้ายต้อนรับ ของพ่อค้าปาดัง อยู่ด้วย นับเป็นป้ายชื่อเมืองปาดังเบซาร์ เท่าที่ผมเห็นมีเพียงแห่งเดียว  ทางเทศบาล น่าจะมีการสร้างให้สวย ดูยิ่งใหญ่ กว่านี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:50:51

ความคิดเห็นที่ 67 ภาพบน : ผมมาถึงปลายสุดถนนเลียบทางรถไฟ ทางซ้ายมือก็คือ ลานกว้างไปยังที่หยุดรถไฟ ส่วนขวามือก็คือทางเข้าเมืองปาดังฯ นั่นเอง ภาพล่าง : ผมเลี้ยวซ้ายมาจอดตรงสามแยก แล้วลงรถหันกลับไปดู เมืองปาดังฯ จากปากทางเข้าเล็กๆ นี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:53:15

ความคิดเห็นที่ 68 ข้างหน้าผมก็คือ ชานชาลารถไฟฝั่งไทย ที่ผมปีนลงมาสำรวจเมื่อครู่ ข้างบนเป็นถนนรับส่งสินค้าขึ้นรถไฟ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 16:55:06

ความคิดเห็นที่ 69 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้าย (ด้านทิศเหนือ) เป็นรางจอดตู้สินค้า จะเห็นว่ามีเพียงรางเดียว ภาพขวา : คือทางเดินอ้อมปลายรางไปยังลานกว้าง จะมองเห็นประตูรั้วชายแดนอยู่ไม่ไกล ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:03:34

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นรางจอดตู้สินค้า เลยทำให้ผมสงสัยขึ้นมาว่าประแจที่แยกมาจากรางประธานนั้น ใครเป็นคนควบคุม สถานีปาดังเบซาร์ ที่อยู่ห่างออกไป แถมข้ามแดนด้วย หรือ เป็นแบบโยกด้วยมือ ที่ พขร.เป็นผู้ลงไปสับประแจเอง  พอดี นึกได้ว่า มีคนเคยไปเดินเท้าสำรวจตรงประแจแยกรางมายังที่จอดตู้สินค้าตรงนี้ด้วย โดยคุณ heerchai แห่งเว็บรถไฟดอทคอม สำรวจเมื่อ ปี พ.ศ.2521 โน้น http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2398&postdays=0&postorder=asc&start=70 ได้ภาพมาให้ชมข้างล่างนี้ คือเป็นระบบควบคุมระยะไกลจากสถานีปาดังเบซาร์ ฝั่งโน้นจริงๆ งานนี้คงต้องขอบคุณพี่เขา ที่ลงทุนเดินสำรวจยาวจาก จุดตัดทางรถยนต์ในคห.65 มาเลย (บอกแล้ว ว่าคนรักรถไฟนี่ เขาทำอะไรต้องให้หายสงสัยกันไปเลย ใครจะว่าบ้า มาเดินท่อมๆ ถ่ายภาพรางรถไฟเก่าๆ ก็ยอม แล้วปรากฏว่าพฤติกรรมนี้เป็นเหมือนโรคติดต่อ ชอบทำเลียนแบบกัน ทำแล้วก็อยากทำต่อไม่คิดจะเลิกอีก...ฮา) ภาพข้างล่างนี้เป็นมุมมองย้อนกลับที่ผมถ่ายในภาพซ้าย คห.56 จะเห็นเสาไฟบนชานชาลาที่หยุดรถไฟอยู่ข้างหน้า ขวามือเป็นขบวนตู้สินค้าที่แยกไปจอดอยู่ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 17:18:15 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 17:14:30 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:12:19

ความคิดเห็นที่ 71 ก่อนกลับออกไป ขอเก็บภาพแบบมุมกว้างอีกสักภาพ เพื่อจะได้เห็นภาพรวมของบริเวณที่หยุดรถไฟปาดังฯ ฝั่งไทย ในวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2555 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:20:07

ความคิดเห็นที่ 72 จากภาพถ่ายดาวเทียม ในคห.64 ผมยังมีโอกาสได้เห็นสถานีปาดังฯ อีกด้านหนึ่ง จากรั้วริมตลาดปาดังฯ ฝั่งไทย ซึ่งมีที่จอดรถสะดวกสบาย  ว่าแต่รั้วที่สร้างแน่นหนาขนาดนี้เชียวหรือนี่ นึกว่าอยู่ในระหว่างสงคราม (ต้องขอโทษ ลงภาพผิดไป) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 17:24:29 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:23:50

ความคิดเห็นที่ 73 ภาพในคห.ข้างบน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:25:05

ความคิดเห็นที่ 74 ภาพซ้าย : มองไปทางซ้ายมือ เป็นรั้วลวดหนามแบบลวดดีดที่ใช้ในสงคราม วางไว้ 2 ชั้น เพื่อป้องกันมิให้คนเข้าไปใกล้รั้วตาข่ายได้ งานนี้ผมเลยอดสอดกล้องเข้าไปถ่ายภาพแบบไม่มีตาข่ายมาบดบังได้... ภาพขวา : มองไปทางขวามือ พยายามหาอาคารสถานีรถไฟอีกสักครั้ง โชคดีที่มีช่องว่างต้นไม้อยู่ พอมองเห็น หลังคาสะพานข้ามรางอีกฝั่งของสถานีได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:28:26

ความคิดเห็นที่ 75 งานนี้เลยต้อง พยายามใช้ความสามารถของกล้องซูมภาพอาคารสถานีมาให้ใกล้ที่สุด แต่เนื่องจาก รั้วตาข่ายที่ขวางอยู่เลยทำให้การโฟกัสความชัดของภาพผิดเพี้ยนไป ได้มาเท่าที่เห็น ว่ามีลานจอดรถอยู่เชิงบันไดด้วย ใจยังคิดว่าทำไม เขาจึงไม่สร้างด่าน ตม. สำหรับคนเดินไว้ตรงจุดนี้ เพราะตรงนี้ก็เป็นท่าจอดรถยนต์ฝั่งไทย มีตลาดพร้อม คนมาที่นี่ก็สามารถข้ามไปฝังมาเลย์ได้สะดวก ไม่ต้องอ้อมกลับออกไปนอกเมือง ถึงหน้าด่านตม.ในรูปคห.11 โน้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:32:36

ความคิดเห็นที่ 76 ผมลองคำนวณระยะทาง จากริมรั้วนี้หน้าตลาดปาดังฯฝั่งไทย ไปยังหน้าด่านตม. ริมถนนนอกเมือง มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง (ตามเส้นสีเขียว)  ในขณะที่อดีต ทางเข้าประเทศมาเลเซียทางสถานีรถไฟที่ผมคาดว่าเป็น ตามเส้นสีม่วง (เพราะดูมุมมองกล้องในอดีตจากภาพเก่า ภาพซ้ายในคห.42 แล้วน่าจะเข้ามาทางถนนขนส่งสินค้าขึ้นรถไฟนั่นเอง) ซึ่งสามารถเดินลัดมาทางจุดหยุดรถไฟ ข้ามรางรถไฟเข้ามาได้ในระยะทางเพียง 200 เมตรก็ถึงประตูรั้วเขตแดนแล้ว และในอดีตตอนนั้นคงยังไม่มีประตูรั้วนี้ด้วยซ้ำ เดินต่อมาอีกร้อยเมตรกว่าๆ ก็ถึงสะพานข้ามรางไปยังสถานี ที่มีตม.อยู่ ได้เลย สิ่งนี้ผมคิดว่าเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เมืองปาดังเบซาร์ซบเซามาจนทุกวันนี้ ทางมาเลเซียอาจได้ประโยชน์ในการควบคุม กำจัดสินค้าหนีภาษี แต่ บรรยากาศทางการค้าที่นี่เสียหายอย่างรุนแรง เมืองปาดังเบซาร์ จึงเป็นเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต กลับกลายมาเป็นเมืองชายแดนที่เงียบ เหมือนเมืองในต่างจังหวัดที่ไม่ได้ติดชายแดน เพราะในปัจจุบันสินค้าที่ ตลาดกิมหยง หาดใหญ่ นั้นกลับมีราคาที่ถูกที่สุด เมื่อเทียบกับ ที่ชายแดน ทั้งด่านสะเดาและ ปาดังฯ ไปแล้ว  แม้ทางมาเลเซียจะสร้างร้านดิวตี้ฟรี และด่านให้ดูยิ่งใหญ่อลังการณ์แค่ใด ก็ไม่สามารถช่วยกอบกู้สถานการณ์ เมืองปาดังฯ ทั้งสองฝั่งให้กลับมาเหมือนเดิมได้ น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 17:48:39

ความคิดเห็นที่ 77 ก่อนไปจากรั้วริมสถานีรถไฟปาดังฯ ขอนำภาพดาวเทียมกูเกิ้ล ของบริเวณสถานีรถไฟทั้งหมดมาให้ชมกัน ว่ามีลักษณะแบบใด แม้ในปัจจุบันอาจมีการสร้างหลังคาชานชาลาเพิ่มเติมขึ้นมา หรืออาคารบางแห่งแล้วก็ตาม แต่ลักษณะการวางรางยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนัก  จากรูปส่วนล่าง จะเป็นบริเวณวางตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ก่อนขึ้นรถไฟ และลงจากรถไฟมากมาย  นับเป็นสถานีคล้ายกับที่ท่าเรือ หรือ นิคมอุตสาหกรรมเลย จะสังเกตุเห็นแนวรั้ว(แสดงด้วยเส้นประสีเหลือง) ล้อมพื้นที่บริเวณที่วางสินค้ากับพื้นที่ข้างนอกมิให้รถยนต์ที่มาส่งสินค้าผ่านออกมาได้ โดยไม่ผ่านกระบวนการตม. แต่ถึงอย่างไร ตอนปลายๆพื้นที่ ด้านล่าง ที่แคบลง ดูน่าจะมีทางมาออกยังพื้นที่ข้างนอกได้ เพื่อการซ่อมบำรุงรถยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของสถานี ซึ่งคงต้องมีประตูรั้งป้องกันอย่างแน่หนา ส่วนการนำรถยนต์จากประเทศไทยมาจอดหน้าสถานี จากภาพ น่าจะมาจอดทางลานจอดรถหน้าด่านมาเลย์ ใกล้ทางเดินลอยฟ้านั่นเอง ส่วนลานจอดรถฝั่งตรงข้ามสถานี ที่ผมเห็นจากรั้ว ตลาดปาดังฯฝั่งไทยในภาพ คห.75 นั้น น่าจะต้องขับรถอ้อมลงใต้ไปอีกไกล เพื่อข้ามราง แล้ววกกลับมาจอด ซึ่งไม่แน่อาจเป็นพื้นที่ปิดเฉพาะจนท.ในสถานี ก็ได้ คงต้องให้ผู้รู้มาเพิ่มเติมให้อีกทีครับ อ้อ..เกือบลืม ศาลเจ้าจีน(ฮกเต็กแป๊ะกง) ที่มีคนเคยพูดไว้ว่าอยู่ใกล้สถานี หน้าตลาดแขก น่าจะอยู่ตามตำแหน่งที่ผมเขียนไว้ ซึ่งตลาดแขกก็น่าจะอยู่บริเวณหลังศาลเจ้าจีน ผมเองก็ไม่แน่ใจ ถ้ามีใครทราบก็ช่วยมาเพิ่มเติมให้อีกที คราวหน้าถ้าผมได้ไปถึงสถานีปาดังฯ จะแวะไปเก็บภาพศาลเจ้าจีน และตลาดแขกมาให้ดูกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 19:56:33

ความคิดเห็นที่ 78 จากนั้นผมก็ขับรถเลียบรั้วชายแดนไปอีกหน่อยแล้วก็เลี้ยวขวาไปตามเส้นสีเขียว (รั้วชายแดนซ่อนอยู่หลังแนวตึก) จนถนนไปบรรจบกับรั้วชายแดน แล้วก็เลี้ยวขวา กลับเข้ามาในเมือง ผ่านวงเวียนเสาไฟฟ้าใหญ่กลางถนน มาถึงย่านการค้าใจกลางเมือง ถนนเพชรกาฬ สุดถนนแล้วเลี้ยวขวามาถนนศิริมงคล ตรงมาทางเข้าเมืองปาดัง สี่แยกไฟแดง ตรงไปถนนท่าข่อย ทางลัดไปออก คลองแงะ ต่อไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:00:56

ความคิดเห็นที่ 79 อธิบายเชิงแผนที่เดินทางมาแล้ว ขอนำภาพมาให้ชมกันเลย ภาพซ้าย : สุดถนนเลียบรั้วชายแดนที่ผมจอดรถ ก็เป็นทางหักศอกเลี้ยวขวา มีซอยเล็กๆ เข้าไปยังหลังตึกแถว สังเกตุเห็นรั้วชายแดนอ้อมไปข้างหลัง ผมไม่กล้าเข้าไป เพราะปากซอยเล็ก กลัวเข้าไปแล้วทางตัน เขาจะมาถามได้ว่า เข้ามาทำไม เลยเลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าตึกแถว ภาพขวา : วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนเห็นรั้วชายแดนข้างหน้า ก็เลี้ยวขวา หาทางกลับเข้ามาถนนถัดไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:04:22

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพซ้าย : ถนนเส้นนี้ ดูมีขนาดใหญ่กว่าเส้นอื่น คาดว่าเป็นถนนผ่าใจกลางเมืองปาดังฯ เลี้ยวขวามาปุ๊บก็เจอเข้ากับวงเวียนเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านกลางถนนเลย ภาพขวา : เลยวงเวียนมา ก็เห็นข้างหน้าเป็นตลาดดูคึกคักกว่าบริเวณอื่นๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:06:15

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพบน : ใกล้เข้ามาแล้ว ย่านตลาดริมถนนที่ดูคึกคัก ข้างหน้าเป็นสี่แยกเล็กๆ มีร้านขายของกินพื้นเมืองอยู่ ฝั่งตรงข้ามกับร้านเซเว่น ภาพล่าง : หันหลังกลับไปมอง วงเวียนเสาไฟฟ้า ที่ผ่านมา นับเป็นภาพบรรยากาศเมืองปาดังเบซาร์ (ฝั่งไทย) ในปัจจุบันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:09:20

ความคิดเห็นที่ 82 ภาพซ้าย : ร้านขายของกินพื้นเมือง มีสาวมุสลิมทำ ช่างน่าทาน และน่ามองอย่างยิ่ง...ฮา ไม่รู้เป็นไร รู้สึกชอบผู้หญิงสวมผ้าคลุมผม เพราะเห็นไม่ชัด ทำให้จินตนาการในส่วนที่มองไม่เห็นว่าสวยไปหมดทุกอย่าง และอีกอย่างก็คือ ดูแปลกตาดี ภาพขวา : ตรงนี้เป็นสี่แยก มีร้านค้า รถราวิ่งผ่านเยอะ ต่างกับบริเวณอื่นที่ดูค่อนข้างเงียบเหงา  เหลือบไปเห็นป้ายขวามือ เป็นทางเข้าไปยัง เทศบาลเมืองปาดังฯ อยู่ตรงนี้เอง  มองไปข้างหน้าไม่ไกลนัก ก็จะเห็นรั้วชายแดนประเทศ โดยมีต้นไม้สีเขียวๆ อยู่ข้างหลังแนวรั้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:13:30

ความคิดเห็นที่ 83 ระหว่างที่รอสมาชิกในรถสั่งของกิน ขนมต่างๆ ก็ถ่ายภาพรอบๆ ไปเรื่อยๆ เพราะไม่ง่ายที่จะได้มาที่นี่  แหงนดูตึกสูง ที่มีร้านเซเว่นอยู่ชั้นล่าง ดูน่าจะเป็นโรงแรม หรือ หอพัก แต่ไม่เห็นมีป้ายอะไรข้างหน้าเลย   คิดแล้วน่าเสียดายที่ ด่านตม.ดันไปอยู่ฟากโน้นของเมือง ที่ไม่มีบ้านคน ถ้าหากหันมาทางนี้ ให้เฉพาะคนที่เดินเท้าเข้าไป รับรองเมืองปาดังฯ เจริญ เหมือนด่านสะเดาแน่นอน (เพราะคนฝั่งมาเลย์ ก็ชอบออกมาซื้อของฝั่งไทยมาก) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 20:19:11 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:17:27

ความคิดเห็นที่ 84 ซื้อของเสร็จก็ขับเลยมาหน่อย ก็จะเห็นร้านสะดวกซื้อแบบใหม่ผุดขึ้นมาเต็ม ฝั่งซ้ายเป็น ท็อปเดลลี่ เซเว่นอีกสาขา  ฝั่งขวาเป็น โลตัสเอ็กเพรส ประจันหน้ากันเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:21:24

ความคิดเห็นที่ 85 ภาพขวา : ถัดมาอีกหน่อย เจอธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาปาดังเบซาร์(สงขลา) เลยเก็บภาพมาไว้ยืนยันว่าที่นี่ เมืองปาดังฯ ฉันมาถึงแล้ว  แต่ภาพไหวไปหน่อย เพราะถ่ายภาพขณะรถวิ่ง ภาพซ้าย : มาถึงปลายสุดถนนเพชรกาฬ กลางเมือง แล้ว พบบ้านไม้สองชั้นแบบเก่า ขวางหน้าอยู่ 2 ช่องทาง ถนนเลยลดขนาดลงเหลือแค่วิ่งสวนกัน แย่จัง แค่บ้านไม่กี่หลังนี้ ทำให้ถนนเส้นนี้สะดุด หยุดเติบโตกันเลย... นี่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลคนมาเยอะ รถคงติดเพราะจุดแคบนี้อย่างมากนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:25:41

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพบน : ผ่านช่องแคบปลายถนนมา ก็เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนศิริมงคล ทางออกไปยังหน้าเมือง  เลยมานิดนึง จะมีซอยเล็กๆ ขวามือเข้าไปยังจุดหยุดรถไฟ ที่ผมพาไปชมมา เลยมาไม่ไกล ก็จะเห็นธนาคารออมสินอยู่ตรงหัวมุมถนน  ผมพยายามมองหาร้านจำหน่ายตั๋วรถไฟ แต่ไม่เห็นป้ายใดๆ ที่บ่งบอกเลย ภาพล่าง : ผมขับรถเลยธนาคารออมสินมาหน่อย ก็หันกลับไปดูอีกทีว่า ร้านจำหน่ายตั๋วรถไฟอยู่ตรงไหน ไม่พบเคาน์เตอร์ หรือ โต๊ะจำหน่ายตั๋วใดๆ คาดว่าเป็นร้านค้าเล็กติดกับ ธนาคาร ชื่อคอฟฟี่โฟน (หลังคาสีเหลืองขาว)  ก็มิทราบได้ เพราะผมไม่ได้มีเวลาลงไปสอบถาม คงต้องให้ผู้ที่ทราบแวะมาเพิ่มเติมให้อีกเช่นเคยครับ   พอดีมีรถเมล์สาย หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ผ่านมาพอดี ผู้คนนิยมเดินทางโดยรถเมล์มาก เพราะวันๆ หนึ่งมีหลายเที่ยว ต่างกับรถไฟที่มีเพียง 2 เที่ยว  กรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ กับ หาดใหญ่ - กัวลาลัมเปอร์ (นิยมเรียกว่า ด่วนลังกาวี) ที่มีราคาสูงกว่ามาก แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 20:36:34 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:31:26

ความคิดเห็นที่ 87 ภาพบน :  ขับรถเลยมาอีกหน่อย ก็เห็นตู้ไปรษณีย์สีแดง มีเลขรหัสไปรษณีย์ติดอยู่ข้างตู้ เลยถ่ายมาให้เป็นหลักฐาน เหมือนที่ ด่านสะเดาในตอนที่แล้ว ครับ ภาพล่าง : เลยมาเล็กน้อย เห็นตึกแถวทาสีฉูดฉาด ประดับหน้าร้านสวย เลยถ่ายภาพมาให้ดูเล่น  สี่แยกไฟแดงข้างหน้าอยู่ไม่ไกล ใกล้จะออกจากเมืองปาดังฯ แล้ว จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:34:16

ความคิดเห็นที่ 88 ภาพบน : ตอนนี้ผมก็มาถึงสี่แยกไฟแดงหน้าเมืองปาดังฯ แล้ว  เลี้ยวขวาไป อ.สะเดา เส้นทางที่ผมเข้ามา เลี้ยวซ้ายไปวัดถ้ำเขารูปช้าง ที่มีความงดงามอลังการณ์มาก แต่อยู่ออกจะไกล คือระยะทางพอๆ กับไป อ.สะเดาเลย  แต่ผมเลือกตรงไปตามถนนท่าข่อย ที่จะลัดไปออก คลองแงะ แถวๆ สถานีที่ผมไปสำรวจมาเมื่อตอนที่แล้ว ครับ   จากภาพนี้ จะสังเกตุเห็นป้ายราคาน้ำมันของปั้มโผล่มาให้เห็น ดูจากแผนที่ GPS map เลยทราบว่าเป็นปั๊มน้ำมันเอสโซ่ คนที่มาปาดังฯ จะได้เติมน้ำมันก่อนเข้า หรือออกจากเมือง ภาพล่าง : ถนนท่าข่อย เป็นถนนเล็กๆ ที่น่าจะได้ชมบรรยากาศธรรมชาติ ได้ดีกว่าเส้นทางเดิมที่ไป อ.สะเดา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 20:42:44