ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากที่เมื่อวานผมได้ทำการนัดเเนะกับคนขับรถม้าให้มารับที่โรงเเรม โดยข้อเเม้ขอผมคือต้องกลับมาถึงโรงเเรมไม่เกิน6.30 น เนื่องจากมีไฟล์ทบินไปมัณฑะเลย์ตอนเกือบๆ 9โมง เมื่อถามคนเเถวนั้นดูว่าช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้นกี่โมง คำตอบที่ได้คือราวๆ 5.30 เลยนัดรถม้าให้มารับตอน 5.00 น. จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:29:15

ความคิดเห็นที่ 2 พอเดินออกมาที่ Lobby ก็เห็นรถม้ามารอเเล้ว ถามเค้า เค้าบอกมารอตั้งเเต่ตีสี่กว่าๆ พอพร้อมเเล้วก็ขึ้นนั่งรถม้าเพื่อเดินทางไปยังเจดีย์ ชเวซานดอ ซึ่งความจริงเเล้วนั้นถ้าจะดุพระอาทิตย์ขึ้น จะมีอีกเจดีย์ซึ่งวิวดีกว่า เพราะอยู่ทางทิศตะวันตกของทุ่งเจดีย์ เเต่ทางรัฐบาลออกกฎห้ามขึ้น เเถมณ ปัจจุบันกำลังทำการบูรณะอยู่อีกด้วย เลยกลายเป็นว่าจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเเละตกในปัจจุบันจะมีเพียงเจดีย์ชเวซานดอเจดีย์เดียวเท่านั้น จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:37:07

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่างนั่งรถม้าไปนั้นก็คุยกะคนขับรถม้าไปพลางๆ เเกบอกว่าเดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวใช้บริการรถม้าน้อยลงมาก เพราะส่วนใหญ่ถ้ามากับทัวร์ก็จะนั่งรถบัส หรือถ้ามาเองก็จะขี่จักรยานกันมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นช่วงLow Season ด้วยเเล้วสัปดาห์นึงจะได้ลูกค้าราวๆ2-3เที่ยวเท่านั้น จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:40:49

ความคิดเห็นที่ 4 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:42:27

ความคิดเห็นที่ 5 ผมถามเค้าว่าเเล้วเค้ามีม้ากี่ตัว เค้าบอกว่ามีตัวเดียว เพราะค่าอาหารม้าเเพง เนื่องจากให้มันกินหญ้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีถั่ว มีข้าวโพดด้วย เฉลี่ยเเล้วค่าอาหารตกวันละ 100กว่าบาท ปล.ม้าที่ลากรถของผมชื่อเจ้าcute ตอนเเรกคนขับบอกว่าคิ้วๆ นึกว่าชื่อcube ก็ยังงงอยู่ว่าคิดอะไรฟระ ตั้งชื่อม้าว่าลูกบาศก์ ถามไปถามมาจึงถึงบางอ้อว่าชื่อเจ้าcute เเหม่ๆๆๆ หวานกะเค้าเป็นเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:45:35

ความคิดเห็นที่ 6 ระยะทางจากโรงเเรมผมไปยังเจดีย์ชเวซานดอใช้เวลาราวๆ10นาทีก็ถึง(ไม่น่าเกิน 3 กม) พอมาถึงก็ปีนขึ้นไปด้านบน พบฝรั่ง2คน เกาหลี2คน ไทย3คน(1ในนั้นคือผม)...อืมคนน้อยดีเเฮะ ปล.สำหรับใครที่คิดจะขี่จักรยานมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ควรมาเป็นหมู่คณะนะครับ ช่วงเช้ามืดมันเปลี่ยวทีเดียว เกิดเจองูเงี้ยวเขี้ยวขอขึ้นมาจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:49:13

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างที่เคยบอกไว้ว่าเจดีย์ชเวซานดอร์จะอยู่ค่อนไปทางทิศตะวันออกของทุ่งเจดีย์ ดังนั้นฝั่งที่พระอาทิตย์ขึ้นจึงเห็นเจดีย์ไม่มากเท่าฝั่งพระอาทิตย์ตก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:53:51

ความคิดเห็นที่ 8 เนื่องจากช่วงที่ผมไปเป็นช่วงLow Season เลยไม่มีบอลลูนลอยไปลอยมากลางทุ่งเจดีย์ เเอบเสียดายอ่ะ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:56:27

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไปถึงเจดีย์ชเวซานดอราวๆ 5.15 ฟ้าก้เริ่มสว่างเเล้ว พอขึ้นมาด้านบน 5.30ฟ้าก็สว่างเต็มที่เเล้ว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 22:58:31

ความคิดเห็นที่ 10 เดินวนไปวนมา บนยอดเจดีย์ หามุมถ่ายนั่นนู่นนี่ไปเรื่องๆรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้นไปพลางๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:00:35

ความคิดเห็นที่ 11 ราวๆ 5.40 พระอาทิตย์ก็เริ่มปรากฎตัวที่ขอบฟ้า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:02:37

ความคิดเห็นที่ 12 บรรยากาศตอนเช้ากับตอนเย็นนั้นต่างกันมาก ตอนเย็นที่พระอาทิตย์ตกจะออกเเนวโรเเมนติค เเต่ตอนเช้าจะออกเเนวอบอุ่นๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:05:47

ความคิดเห็นที่ 13 เเถมตอนเช้าคนน้อยกว่าตอนเย็นมากกกก สามารถเดินไปเดินมาหามุมถ่ายรูปได้หลากหลาย ต่างจากตอนพระอาทิตย์ตกที่ คนเยอะ นั่งตรงไหนเเล้ว ต้องนั่งตรงนั้นไปเลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:10:21

ความคิดเห็นที่ 14 ในความคิดผม ถ้าใครมากะเเฟน ควรชมพระอาทิตย์ตกด้วยกัน ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นเหมาะมากกับการนั่งเงียบๆคนเดียว ดูพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น ดูเเล้วมันอิ่มๆดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:15:05

ความคิดเห็นที่ 15 เนื่องจากไม่สามารถโอ้เอ้ได้ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอาซะ พอ6โมงผมก้ต้องอำลาบรรยากาศทุ่งเจดีย์ยามเช้า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:18:30

ความคิดเห็นที่ 16 ระหว่างปีนบันไดลง ยังไม่วายหยุดถ่ายรูปเป็นระยะๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:21:22

ความคิดเห็นที่ 17 ถ่ายรูปบันไดที่ใช้ปีนขึ้นไปมาให้ดูครับ จะได้ประเมินกำลังไว้ก่อนสำหรับคนที่คิดจะไปพุกามครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:24:07

ความคิดเห็นที่ 18 ตรงฐานเจดีย์ชเวซานดอ จะมีวิหารอยู่หลังนึง ตอนที่ผมกะลังจะเดินกลับไปยังรถม้า มีคนพม่าบอกว่าภายในมีพระนอนอยู่ เลยขอเดินไปชมหน่อย ไปถึงเเล้วพบว่าองค์พระสวยมาก ไม่รู้ว่าเพราะความเก่าหรือเพราะเเสงตอนเช้าที่ส่องไปยังใบหน้าองค์พระ หน้านั้นดูนิ่ง สงบมาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:26:58

ความคิดเห็นที่ 19 ระหว่างที่เดินมายังรถม้าก็เจอชาวบ้านกะลังนั่งเกียนผ่านมาพอดี เเหม่ๆๆๆ เหมาะเจาะดีจริงๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:31:48

ความคิดเห็นที่ 20 ระหว่างนั่งกลับ คนขับรถม้าจะหยุดให้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ เนื่องจากเห็นว่ายังไงก็กลับไปทัย6.30 เเน่ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:33:52

ความคิดเห็นที่ 21 น่าเสียดายที่ผมมีเวลากับพุกามเเค่1วัน1คืน จึงอาจจะไม่ได้เก็บรายละเอียดเเละบรรยากาศของเมืองนี้มากนัก เเต่เท่าที่ดู ผมว่าเมืองนี้น่ารักมาก คือด้วยความมีเมืองไม่ใหญ่มาก เลยไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไร ให้อารมณ์สงบๆ เงียบๆดี จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:37:43

ความคิดเห็นที่ 22 ระหว่างนั่งรถม้ากลับก็คุยเรื่อยเปื่อยกับคนขับรถม้า รู้ละเอียดจนถึงขั้นเเต่งงานตอนอายุเท่าไร มีลูกกี่คน บลาๆๆ อย่างว่า คนคุยเก่ง2คนมาเจอกัน :) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:42:31

ความคิดเห็นที่ 23 ระหว่างทาง ก็สวนกับเด็กๆชาวพม่าที่กำลังไปโรงเรียนกัน ที่พม่าจะเรียนเเค่ครึ่งวัน เนื่องจากอาจารย์จะต้องสลับเวลาสอนระหว่างประถม กับมัธยม (ประมาณมัธยาเรียนเช้า ประถมเรียนบ่าย) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:45:04

ความคิดเห็นที่ 24 ถึงโรงเเรมตอน6.20 ดีจัง เหลือเวลาทานอาหารเช้าด้วย ก่อนจากกันก็ขอถ่ายรูปคนขับกะเจ้าcute ไว้ซะหน่อย สำหรับใครที่มาพุกามเเล้วอยากหาคนขับรถม้าดีๆ สามารถเป็นไกด์ในตัวได้ เเนะนำครับ ถามหาหมายเลข161 ได้เลย(อารมณ์ประมาณทะเบียนรถ เลขเดียว คนเดียวเท่านั้น) หลังจากจ่ายค่าบริการเเละทิปค่าอาหารเจ้าcute ไป ก็รีบกลับมายังโรงเเรม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:51:49

ความคิดเห็นที่ 25 หลังจากทานอาหารเช้าเเล้ว ก็ตรงดิ่งมายังสนามบินเพื่อเตรียมเหิรฟ้าไปยังเมืองมัณฑะเลย์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:55:48

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนซื้อมันเป็น Air Mandalay เเต่ทำไมตอนบินถึงเป็นสายการบินนี้หว่า? งง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 23:58:06

ความคิดเห็นที่ 27 ได้เวลาขึ้นเครื่องเเล้ว :) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:00:19

ความคิดเห็นที่ 28 ระหว่างนั่งบนเครื่องบินก็อ่านนั่นนู่นนี่ไปพลางๆ เห็นมันมีเเผนที่เเสดงเส้นทางการบินภายในประเทศ เลยถ่ายมาให้ไว้เป็นข้อมูลครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:03:36

ความคิดเห็นที่ 29 เเถมเเผนที่เมืองมรัคอู เมืองที่คาดว่าจะบูมทางด้านการท่องเที่ยวในเร็ววันนี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:06:18

ความคิดเห็นที่ 30 นั่งเครื่องได้สัก20นาที กัปตันก็ประกาศเตรียมเเลนดิ้ง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:10:13

ความคิดเห็นที่ 31 ดูเเล้วมัณฑะเลย์น่าจะเเล้งไม่ต่างกับพุกามสักเท่าไร จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:14:54

ความคิดเห็นที่ 32 จากพุกามมาราวๆ 25 นาที เครื่องก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติมัณฑะเล ซึ่งเดิมทางรัฐบาลตั้งใจให้เป็นHub ทางการบินด้านตอนเหนือ เเต่ในปัจจุบันกลับมีสายการบินจากจีนบินมาลงบ้าง นานๆครั้ง ปล.ที่นี่สร้างโดยบริทอิตาเลียน-ไทย ครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:20:29

ความคิดเห็นที่ 33 พอออกจากสนามบินก็ตรงดิ่งไปยังท่าเรือเพื่อที่จะนั่งเรื่อไปยังเมืองสะกายเพื่อชมเจดีย์มิงกุน วึ่งเนื่องจากสนามบินมัณฑะเลตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองมัณฑะเลย์ราวๆ60 กม การเดินทางจึงใช้เวลาเกือบๆ1 ชม. จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:25:32

ความคิดเห็นที่ 34 โฉมหน้าเรื่อที่ผมนั่งพร้อม"ราวมนุษย์" จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:27:52

ความคิดเห็นที่ 35 เรือลำใหญ่มาก เทียบกับกรุ๊ปผมที่มีเเค่7คน ระหว่างที่นั่งเรือ เด็กเรือก็จะเอาพวกหนังสือ โปสการ์ด ผ้ามาขาย ราคาอาจจะสูงกว่าท้องตลาดเล็กน้อย เเต่ถือว่าเป็นการส่งเสริม เลยช่วยกันซื้อคนละนิดละหน่อย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:31:19

ความคิดเห็นที่ 36 นั่งเรือราวๆ1 ชม ก็มาถึงเมืองสะกาย พอขึ้นบกปุ๊ปก็มีเกวียนมารอรับ เเต่ไกด์บอกว่าไม่ไกลมาก เลยไม่ได้นั่ง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:35:05

ความคิดเห็นที่ 37 เดินมานิดนึงก็เจอเเผนที่ท่องเที่ยว สถานที่ที่เราจะไปชมก็มีเจดีย์มิงกุน, ระฆัง,เเละเจดีย์ซินพยุเม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:38:10

ความคิดเห็นที่ 38 เนื่องจากไปถึงราวๆเที่ยง อากาศร้อนอบอ้าวมาก เดินเเค่1กม เหงื่อก็เปียกเต็มหลัง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:41:14

ความคิดเห็นที่ 39 ระหว่างทางจากท่าเรือไปยังเจดีย์มิงกุนจะเป็นร้านค้าเรียงเป็นเเถว มีของน่ากินเยอะเลย เเต่ไม่กล้า -_-" จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:45:39

ความคิดเห็นที่ 40 เดินมาราวๆ10นาทีก็ถึงเจดีย์มิงกุน ด้านหน้าเจดีจะมีสิงห์คู่หันหน้าไปยังเเม่น้ำอิระวดี เเต่เนื่องจากเคยมีเเผ่นดินไหวที่เมืองนี้ สิงห์เลยหัวขาด จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:51:14

ความคิดเห็นที่ 41 เจดีย์มิงกุนเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ เเต่ยังสร้างไม่ทันเสร็จ กษัตริย์ที่สั่งให้สร้างก็สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน ตัวเจดีย์เลยไม่สมบูรณ์ ประกอบกับเจอเเผ่นดินไหวเข้าไป ก็เลยมีสภาพเช่นนี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:54:21

ความคิดเห็นที่ 42 เอาภาพสมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองพม่าใหม่ๆ มาให้ดูครับ จะเห็นว่าข้างๆเจดีย์มีระฆังยักษ์อยู่ด้วย ซึ่งเป็นใบเดียวกับที่ผมกะลังจะไปชม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 00:58:20

ความคิดเห็นที่ 43 หน้าเจดีย์มิงกุนจะมีร้านขายของเยอะมาก เเต่ผู้คนก็ดูคึกคัก ขวักไขว่ผิดกับที่พุกาม จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 01:12:40

ความคิดเห็นที่ 44 เนื่องจากเเดดร้อนมาก เลยตัดสินใจไม่ปีนเจดีย์มิงกุน เเต่จะไปชมระฆังต่อเลย ก่อนถึงศาลาที่เเขวนระฆังก้เจอต้นAcadia ฟอร์มสวยต้นนึง(ชาวพม่าเรียกว่าต้นทะเนา) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 01:15:44

ความคิดเห็นที่ 45 เเละเเล้วก็เจอระฆังมิงกุน ใหญ่มาก เเละคนเยอะมากด้วย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 01:17:56

ความคิดเห็นที่ 46 ด้านในของระฆังเต็มไปด้วยอักขระที่เหล่านักท่องเที่ยวทิ้งเอาไว้   เฮ้อออออออออออ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 01:22:34 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 01:20:46

ความคิดเห็นที่ 47 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ พม่าสวยจริง ๆ จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 08:34:46

ความคิดเห็นที่ 48 ขอเที่ยวด้วยนะค่ะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:03:46

ความคิดเห็นที่ 49 หลังจากชมระฆังเสร็จก็มาต่อที่เจดีย์ซินพยุเม ซึ่งอยู่ห่างจากระฆังไปราวๆ5-600เมตรได้ ระยะทางไม่ไกล เเต่อากาศร้อนอบอ้าวมากๆ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:40:43

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาไหว้พระด้วยคนค่ะ _/\_ จากคุณ : หนูกิตหอ 4 ชาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:42:58

ความคิดเห็นที่ 51 ระหว่างเดินจากระฆังมายังเจดีย์ จะมีเด็กๆมาขายของที่ระลึกจำพวกพัดไม้หอมกะโปสการ์ด เดินถ่ายรูปไปมา สักพักก้เห็นว่าพี่สาวผมโดนประกบด้วยเด็กขายพัด น้องเเกคอยบอกทาง เเละเอาพัดพัดเพื่อคลายร้อนให้พี่ผมตลอดทาง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:43:31

ความคิดเห็นที่ 52 พอมาถึงหน้าเจดีย์จะมีที่ฝากรองเท้า พอฝากเสร็จก็เข้าไปในตัวเจดีย์ก้จะเห้นเจดีย์สีขาว ล้อมรอบด้วยคลื่นที่คาดว่าคงจะสื่อถึงสีทันดรทั้ง7 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:45:34

ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อปีนขึ้นไปยังด้านบนจะมีลานกว้าง เเละมีองค์เจดีย์ตั้งอยู่กลางลาน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:46:28

ความคิดเห็นที่ 54 ภายในองค์เจดีย์จะมีพระประธานให้กราบไหว้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะขอพรด้านการทำงาน...มั้ง หลังจากลงมาด้านล่าง เด็กสาวที่คอยพัดให้พี่ผมตอนขาไปก็เดินไปหยิบรองเท้ามาให้ บริการเอาอกเอาใจสุดชีวิต ผลสุดท้าย พี่ได้ซื้อพัดน้องเค้าไป1อัน ราคาราวๆ100กว่าบาท จากที่ปกติเค้าขายตามตลาดไม่เกิน20บาท ส่วนต่างนั้นถือว่าเป็นค่้าบริการไป เพราะน้องเค้าน่ารัก เเล้วก็ไม่ตืีอจนน่ารำคาญ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 15:23:55 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:50:47

ความคิดเห็นที่ 55 หลังจากนั้นก็เดินทางกลับไปยังท่าเรือ เเต่เนื่องจากเเดดร้อนมาก ถ้าเดิืนกลับอาจฮีทสโตคตายได้ เลยเหมารถให้ไปส่งดีกว่า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:52:27

ความคิดเห็นที่ 56 หลังจากนั้นก็นั่งเรือ-ต่อรถ กลับยังเมืองมัณฑะเลย์ ขากลับตอนนั่งเรือใช้เวลาเเค่30นาที เพราะเป็นการล่องตามน้ำ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 15:25:54 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:53:56

ความคิดเห็นที่ 57 หลังจากหิ้วท้องมาจนบ่ายโมงก็ได้ทานอาหารกลางวันกันเสียที จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:55:24

ความคิดเห็นที่ 58 หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินทางไปยังวัดชเวนันดอ ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารไปไม่ไกลเท่าไรนัก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:57:05

ความคิดเห็นที่ 59 เดิมวัดนี้เคยเป็นวังเก่าอยู่ในเขตพระราชวังมัณฑะเลย์ เเต่ก่อนที่พระเจ้ามินดงจะสิ้นพระชมน์ ได้สั่งไว้ว่าหลังจากพระองค์จากไปเเล้ว ให้ถวายตำหนักนี้ให้กับวัด จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 09:58:54

ความคิดเห็นที่ 60 พระเจ้าสีป่อ วึ่งเป็นลูกเป็นเป็นผู้ครองบรรลังต่อมา ก็ทำการรื้อพระตำหนัก เเละเคลื่อนย้ายมาประกอบใหม่ที่วัดเเห่งนี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:00:26

ความคิดเห็นที่ 61 เดิมที พระตำหนักนี้จะเรียกว่าพระตำหนักทอง เนื่องจากจะปิดทองทั้งหลัง เเต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านไปนานเข้า ทองที่ปิดอยู่ภายนอกนั้นได้หลุดร่อนไปหมด เเต่ภายในยังคงเหลืออยู่ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:11:04

ความคิดเห็นที่ 62 ภายในตำหนักจะเเบ่งเป็น2ฟาก ฟากหนึ่งเป็นเหมือนวิหารเล็กๆ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ส่วนอีกฟากจะเป็นห้องนอนของพระเจ้ามินดง ที่ใช้ยามพระองค์มาทำสมาธิที่ตำหนักนี้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:13:20

ความคิดเห็นที่ 63 สิ่งที่สร้างความโด่งดังให้กับวัดนี้คือ เป็นเพียงพระตำหนักเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในบรรดาตำหนักทั้งหมดของราชธานีมัรฑะเลย์ เนื่องจากตำหนักอื่นได้ถูกไฟไหม้ไปหมดเเล้วในสมัยสงครามโลก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:15:10

ความคิดเห็นที่ 64 งานเเกะสลักไม้ของช่างพม่านี่ต้องยอมรับในฝีมือจริงๆ คือเค้าเเกะได้มีมิติมาก ไม่ใช่เป็นเเบบนูนต่ำ เเต่ฉลุลงไปลึกจนเห็นความตื้นลึกของลวดลายได้ชัดเจน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:17:02

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนที่เดินไปเดินมาในวัด เห็นว่ามีบุหรีเสียบไว้ตรงร่องไม้เเกะสลักด้วย อันตรายมากทีเดียว ถ้าไฟไหม้ขึ้นมานี่จะไม่เหลืองานสถาปัตย์ยุคมัณฑะเลย์เลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:19:09

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นเณรเดินไปเดินมา เลยนิมนต์มาเป็นเเบบซะหน่อย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:20:05

ความคิดเห็นที่ 67 วัดนี้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เเต่มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะมาก พวกตากล้องคงจะชอบ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:21:28

ความคิดเห็นที่ 68 หลังจากนั้น ได้เดินทางต่อไปยังวัดกุโสดอ ซึ่งอยุ่ไม่ไกลจากวัดชเวนันดอเท่าไรนัก วัดกุโสดอนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎก(จากที่เคยกล่าวไว้ในรีวิววันที่ 1) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:24:32

ความคิดเห็นที่ 69 โดยรดอบตัววัดจะมีเเผ่นศิลาที่ทำการจารึกพระไตรปิฏกที่ได้จากการสังคายนาครั้งนั้นเอาไว้โดยรอย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:26:00

ความคิดเห็นที่ 70 ทางพม่าเค้าเคลมว่าที่นี่เป็นหนังสือเล่มใหญ่ที่สุดในโลก โดยหนังสือที่ว่านั้นหมายถึงศิลาเเต่ละเเผ่นที่ที่การจารึกนั่นเอง จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:27:15

ความคิดเห็นที่ 71 ในเเต่ละศิลาจะทำเป็นเจดีย์เล็กๆครอบไว้อีกที จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:29:01

ความคิดเห็นที่ 72 ตอนที่ผมไป มีพระมาเ?ศนาพอดี จะเห็นว่ามีชาวบ้านมาฟังเยอะมาก ความผูกพันธ์ระหว่างศาสนากับคนพม่า จัดว่ายังมีความเหนียมเเน่นอยู่มาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:30:51

ความคิดเห็นที่ 73 เดินวัดนี้เเปีปเดียวก็ออกมา เพราะไม่รู้จะอยู่ทำอะไร เเต่ที่สังเกตุได้อย่างนึงคือ เหมือนคนพม่าจะเที่ยวไม่เหมือนคนต่างชาติ อย่างที่พุกามจะเห็นนักท่องเที่ยวพม่าน้อยมากกกกกกกก คือถ้าตัดคนท้องถิ่นไปเเล้ว เเทบไม่มีคนพม่ามาชมทุ่งเจดีย์เลย เเต่ในขณะที่ที่เจดีย์มิงกุน ระฆังยักษ์ หรือที่วัดกุโสดอนี้ จะเจอชาวพม่าเยอะมาก เเต่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับน้อยเเอะ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:34:24

ความคิดเห็นที่ 74 หลังจากนั้นก้ไปยังพระราชวังมัณฑะเลย์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:35:32

ความคิดเห็นที่ 75 เนื่องจากวังเดิมไฟไหม้ไปทั้งหมดเเล้ว ทางรัฐบาลจึงได้จำลองสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งเเน่นอนความขลังเเละรายละเอียดคงสู้ของเดิมไม่ได้ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:37:27

ความคิดเห็นที่ 76 โดยพระราชวังมัณฑะเลย์นี้ ได้อยู่ในเขตของทหาร จะมีเวลาปิดเปิดชัดเจน เเละมีกำเเพงวังเเละคูน้ำเป็นตัวกั้น จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:39:35

ความคิดเห็นที่ 77 เอาภาพในอดีตมาให้ชมครับ อาคารนี้คือท้องพระโรงสำหรับว่าราชการ เเต่ถูกถ่ายไว้ในสมัยอังกฤษเข้ามาปกครอง ซึ่งทางอังกฤษได้ทำฝาไม้ไผ่สานมากั้นเป็นผนังไว้ จากเดิมที่มีลักษณะเป็นศาลาโล่ง แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 15:30:44 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:41:42

ความคิดเห็นที่ 78 Glass and Gold Palace พระตำหนักที่มักจะมีคนสับสนกับพระตำหนักทองที่วัดกุโสดอ ปัจจุบันตำหนักนี้ไม่มีอยู่เเล้วครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:43:45

ความคิดเห็นที่ 79 ตำหนักเเก้ว ซึ่งประดับด้วยโมเสกกระจก เป็นที่ประทับของพระนางศุภยลัต....เเน่นอน ถูกไฟไหม้ไปแล้วเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 15:30:22 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:45:20

ความคิดเห็นที่ 80 ชมวังเเบบOriginal เเล้ว มาชมวังที่สร้างใหม่ดีกว่า จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:46:45

ความคิดเห็นที่ 81 ดูเเล้วก็เห็นได้ชัดว่าความประณีตเเละฝีมือยังห่างชั้นกับของเดิมอยู่เยอะมาก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:48:22

ความคิดเห็นที่ 82 อาจจะเป็นที่วังใหม่นี้สร้างขึ้นทีเดียว ต่างจากวังเดิมที่เป็นการค่อยๆสร้าง ค่อยๆต่อเติม ทำให้ช่างยังสามารถ ค่อยๆพิถีพิถันทำทีละนิดๆได้ ดังนั้นถ้าจะเหมารวมว่าช่างสมัยนี้ไม่มีฝีมือ คงไม่ถูกสักเท่าไรนัก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:51:13

ความคิดเห็นที่ 83 ตัววังมีขนาดใหญ่มาก เเต่ก็ร้างมาก นักท่องเที่ยวเเทบไม่มีเลย จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:52:25

ความคิดเห็นที่ 84 เดินไปเดินมา เหมือนเดินอยู่ในพร้อมมิตรสตูดิโอ มันใหม่ มันไม่เนี๊ยบ เลยไม่ค่อยอิน แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 15:32:41 จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:53:59

ความคิดเห็นที่ 85 เดินไป เดินมาได้ราวๆครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาด้านนอก จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:55:19

ความคิดเห็นที่ 86 ชอบตรงที่มีภาพเก่ามาให้ชมเทียบกับปัจจุบันค่ะ เวลาไปวัดแถวอยุธยาเราก็ชอบหาดูภาพในอดีต^^ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 55 10:58:21 จากคุณ : สามแซ่ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:57:54

ความคิดเห็นที่ 87 เนื่องจากมีเวลาเหลืออยู่ ก่อนจะเดินทางไปสะพานอูเบ็ง เลยขอไกด์ว่าขอไปพักที่โรงเเรมสักหน่อย เเต่ไกด์รู้เเกว บอกว่าไม่ได้! เดรยวพอเข้าโรงเเรมเเล้วจะไม่ยอมออกมาเที่ยวต่อกัน..ฮึ่ย โดนไกด์รู้ทัน จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:01:07

ความคิดเห็นที่ 88 จากตัวเมืองมัณฑะเลย์ไปยังทะเลสาปตองตะมาน เมืองอมรปุระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสะพานอูเบ็งนั้น ใช้เวลาราวๆ 30-40นาที เเต่ผมออกจากวังตอนบ่าย3 ถ้าไปเร็วก็ไม่รู้จะทำอะไรเพราะเเดดร้อน ไกด์เลยพาเเวะชมร้านต่างๆระหว่างทางเพื่อฆ่าเวลาไปในตัว จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:04:11

ความคิดเห็นที่ 89 คุณสามแซ่ ภาพผมได้มาจากหนังสือที่ซื้อที่เจดีชเวสิกอง เห็นว่าสวยดีเลยสเเกนมาให้ชมครับ เครดิตคนถ่ายลงไว้ให้ด่านล่างของภาพครับ :) ที่เเรกที่เเวะคือที่ผลิตทองคำเปลวที่มีชื่อเสียงของมัณฑะเลย์ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:06:34