ความคิดเห็นที่ 1 อาจจะช้าหน่อยนะคะ เพราะเราพิมพ์ไป ย่อรูปไป รีวิวไปค่ะ ^__^ ......................................................................................... แต่สำหรับเพื่อนๆที่ไม่ขับรถไปเอง ก็สามารถนั่งรถโดยสาร/รถไฟ ได้ดังนี้ค่ะ 1. นั่งรถทัวร์เส้นทางกรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์  ที่สถานีขนส่งสายเหนือ(หมอชิต 2)  --- วิธีนี้ ง่ายและสะดวกที่สุดค่ะ เป็นวิธีที่เพื่อนๆหลายคนใช้กัน  โดยเราสามารถไปซื้อตั๋วรถได้ที่ชั้น 1 ช่องจำหน่ายตั๋วที่ 21 ชั้น 1 ภายในอาคารสถานีขนส่งหมอชิต 2 ค่ะ สำหรับรอบรถไป-กลับ มีวันละ 4 เที่ยว คือ  เที่ยวไป(กรุงเทพฯ- ด่านเจดีย์สามองค์)  มีรอบ 05.00น.(ปอ.1) ,  06.00น.(ปอ.1) ,  09.30น.(ปอ.2) และ 12.30น.(ปอ.2) และเที่ยวกลับ(ด่านเจดีย์สามองค์ -กรุงเทพฯ) มีรอบ  07.00น.(ปอ.2) , 10.00น.(ปอ.2) , 13.30น.(ปอ.1) และ 14.30น.(ปอ.1) ค่ารถ ป.1 ราคา 293 บาท และค่ารถป.2 ราคา 228 บาทค่ะ (( บอกเค้าว่าลงที่สังขละบุรีนะคะ   .... อย่าเผลอนั่งเพลินไปถึงด่านเจดีย์สามองค์เน้อ )) 2. นั่งรถทัวร์หรือรถตู้ เส้นทางกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี แล้วต่อรถไปสังขละบุรี --- วิธีนี้ เราอาจเลือกนั่ง รถทัวร์เส้นทางกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ((มีรถ ปอ.1 ตั้งแต่ 05.00-22.30 น. ค่ารถ 99 บาท และรถ ปอ.2 ตั้งแต่  04.00-21.00 น. ค่ารถ 73 บาท ))  หรือ นั่งรถตู้จากแถวๆห้างเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยฯ หรือจากสายใต้ใหม่   ไปลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี   จากนั้น เราต้องต่อรถไปสังขละบุรี โดยขึ้นรถบัสหรือรถตู้โดยสารปรับอากาศ เส้นทางกาญจนบุรี-สังขละบุรี ของบริษัท เอเซียไทรโยคเดินรถ จำกัด ((ค่ารถบัสปรับอากาศ ไม่แน่ใจว่ากี่บาท /ค่ารถตู้ปรับอากาศ 175 บาท --รถออกตั้งแต่ 07.30 -16.30 น. ทุกๆ1ชั่วโมง)) หรือจะนั่งรถไม่มีแอร์ สายกาญจนบุรี - ทองผาภูมิ - สังขละบุรี กินลมชมวิวเล่นก็ได้ 3.นั่งรถไฟสายธนบุรี - น้ำตก  แล้วต่อรถไปสังขละบุรี --- วิธี นี้ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเยอะๆ อยากนั่งรถไฟชิวๆ โดยเราขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี(สถานีบางกอกน้อย) แล้วลงที่สถานีถ้ำกระแซหรือสถานีน้ำตก  จากนั้นก็หารถมาส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็ต่อรถไปสังขละบุรีตามวิธีการข้อ 2 ค่ะ ((รถไฟสายธนบุรี - น้ำตก มีรอบ 07.50 น.และ 13.55 น.  ......อ้อ ! รถไฟสายธนบุรี - น้ำตก มีรถไฟฟรีถึงวันที่ 30 เมษายน 2555 นะคะ)) ยังไง เรื่องราคาและรอบรถ ลองเช็กดูก่อนนะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และสำหรับการเดินทางในสังขละบุรี  หากไม่ได้นำรถไป  ก็สามารถนั่งมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง , เช่าจักรยาน หรือเช่ามอร์เตอร์ไซค์ได้ค่ะ   แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 09:30:03 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 09:24:39 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:17:04 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 22:41:10

ความคิดเห็นที่ 2 เอาล่ะ เริ่มเดินทางกันดีกว่าค่ะ  .... เมื่อ สมาชิกทั้งห้า พร้อมหน้าพร้อมตากันที่โลตัส ปิ่นเกล้าแล้ว  ล้อก็หมุน ...แต่หมุนไปไม่ไกลเท่าไหร่ ก็ต้องแวะหาก๋วยเตี๋ยวเติมพลังที่ร้าน"อิ่มทิพย์" แถวพุทธมณฑลสาย 4 ค่ะ ก๋วยเตี๋ยวรสชาติดี ลวกเส้นนุ่ม ชามนี้ให้ผ่านค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 22:48:08

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่งกลับมาเมื่อวันศุกร์เองครับ ว่าจะไปแบบวิธีที่ 3 คือนั่งรถไฟไปลงเมืองกาญ ตื่นทัน แต่ออกจากบ้านช้าไปหน่อย สรุปเลยต้องนั่งวินไปลงสถานีชุมทางตลิ่งชันแทน แล้วก็ยังไม่ทัน เลยให้เค้าแว้นซ์ไปส่งที่สายใต้เพื่อนั่งรถตู้ จากค่ารถไฟฟรี กลายเป็นเจอมอไซค์โขกไป 200 + 110 บาทค่ารถตู้ T__T จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 22:55:39

ความคิดเห็นที่ 4 เง้อ สงสัยรูปใหญ่เกินไป  -_-" ...................................................................... จุดแรกที่เราแวะ คือ "สถานีรถไฟถ้ำกระแซ" (หรือที่หยุดรถไฟถ้ำกระแซ)ค่ะ ที่หยุดรถไฟถ้ำกระแซ ตั้งอยู่ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่หยุดรถ ของทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสะพานถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผาที่มีความยาวกว่า 450 เมตร โดยตัวสถานีนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ   1. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 1 (สวนไทรโยค และตัวสถานีเก่า)   2. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 2 (สะพานถ้ำกระแซ)   3. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 3 (ย่านร้านค้า และตัวสถานีใหม่) จาก http://th.wikipedia.org จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:01:04

ความคิดเห็นที่ 5 ตามมาเก็บข้อมูลสังขละบุรีด้วยค่ะ จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:01:18

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ Coffee Blended  .... โห ทรหดมากเลยค่ะ แต่คิดในแง่ดีว่า ยังไงก็ได้ไปเที่ยวนะคะ ^__^ ................................................................................... พวกเราจอดรถตรงที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 1 ตรงสวนไทรโยครีสอร์ท  แล้วก็เดินตรงทางรถไฟค่ะ  ....  ทีแรก็กะจะเดินไปถึง"ถ้ำกระแซ"  แต่วันนั้น อากาศร้อน รู้สึกหวิวๆ กลัวตกไปข้างล่าง 55  ก็เลยหันหลังเดินกลับมาดีกว่าค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:14:13

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ Memories pink ... ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ  ^__^ ...................................................................................... สำหรับถ้ำกระแซ (ที่เราเดินไปไม่ถึง -_-") เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อตอนสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า  ภายในเป็นถ้ำโปร่งและมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:22:14

ความคิดเห็นที่ 8 พอเราหันหลังกลับมาจากทางรถไฟ ก็จะเจอวิวนี้ค่ะ ซึ่งฝั่งขวาที่เห็นในภาพ  เป็นพื้นที่ของ"สวนไทรโยครีสอร์ท"ค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:25:44

ความคิดเห็นที่ 9 แขกของรีสอร์ทกำลังเล่นกิจกรรมกันอยู่ค่ะ   ในภาพนี้น่าจะเป็น The Krasae Swing ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีผู้เล่นตกจากแรงโน้มถ่วงสูง 10 เมตร แล้วสวิงตัวขึ้น จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:29:04

ความคิดเห็นที่ 10 ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว !!!  ก๋วยเตี๋ยวตอนสายๆ ย่อยหมดแล้วค่ะ เราก็เลยแวะทานอาหารกันที่ "ร้านเรณู"  ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเยื้องๆน้ำตกไทรโยคน้อย จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:33:58

ความคิดเห็นที่ 11 ที่นี่ อาหารอร่อยมากค่ะ อร่อยทุกอย่างที่สั่งเลย อาหารที่สั่ง -- ผัดผักหวานจิ้มน้ำพริกกะปิ , ปลาเค้าทอด ,ยำสามกรอบ ,หมูปั้นทอด และกุ้งอบวุ้นเส้น ....ค่าเสียหายมื้อนี้  710 บาทค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:36:19

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปที่"พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด"ซึ่งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ตั้งอยู่ในอำเภอไทรโยคค่ะ ... "พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด" เป็นสถานที่จัดแสดงมินิเธียเตอร์ และรวบรวมข้อมูลภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ระหว่างการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น พิพิธภัณฑ์นี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมืออันทันสมัยให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟ   ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ จาก http://www.annaontour.com/province/kanchanaburi/khao-khad.php จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:42:50

ความคิดเห็นที่ 13 มาเที่ยวด้วยครับ เห็นบรรยากาศแล้วน่าสนุกจริงๆ ^^ จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:43:48

ความคิดเห็นที่ 14 ...การจะเข้าไปพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ทหาร  เราต้องแลกบัตรด้วยค่ะ     ... พอแลกบัตรและจอดรถเสร็จ  ท้องฟ้าก็มืดครึ้มมาเลย ป้าแม่บ้านก็บอกว่า ไม่รอดหรอกตกหนักแน่ๆ เนี่ยฝนไม่ตกมาตั้งหลายวันแล้ว คงจะมาตกวันนี้แหละ   พวกเราได้แต่มองหน้ากันอึ้งๆค่ะ  แล้วก็ตัดสินใจว่า รีบไปต่อดีกว่า ไม่งั้นถ้าติดฝน ไปถึงสังขละบุรีตอนมืดๆ อาจจะอันตรายในการขับรถ ...พอขึ้นรถเท่านั้นล่ะค่ะ ฝนเทลงมาอย่างหนัก ลมแรงมาก แต่เพื่อนเราก็ค่อยๆขับไปเรื่อยๆ  ขับไปได้สัก 20 นาที  ท้องฟ้าก็สว่างเสียดื้อๆ พื้นถนนก็ไม่เปียกสักนิด  ฝนตกไม่ทั่วฟ้าเป็นอย่างนี้นี่เอง ... พวกเราเลยตัดสินใจแวะไปที่"จุดชมวิวป้อมปี่"ซึ่งอยู่ในส่วนของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 23:54:57

ความคิดเห็นที่ 15 ...ตามมาเที่ยวสังขละด้วยคนนะคะ     อาหารน่าหม่ำจังเลยนะคะ    รอชมสังขละนะคะ   ^-^ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:01:16

ความคิดเห็นที่ 16 คุณไผ่พริ้ว ... มาเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ ยังมีที่ว่าง ^__^ ............................................................................. พอไปถึง เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ถามว่า เรามาพักที่นี่หรือ  เราตอบว่า มาชมวิวเฉยๆค่ะ เจ้าหน้าที่ก็เลยไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมอุทยานค่ะ   วันนั้น ตอนที่เราไปถึงป้อมปี่  บรรยากาศสงบมากค่ะ มีนักท่องเที่ยวมากางเต๊นท์แค่เต๊นท์เดียวเอง ...   เห็นที่นี่ แล้วเรานึกถึงปางอุ๋งค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:02:05

ความคิดเห็นที่ 17 คุณปลายฟ้าที่ภูตะวัน ... ตามมาเลยค่ะ  ตอนนี้กำลังจะเข้าสังขละบุรีแล้วค่ะ ^^ .................................................................................................... ออกจากป้อมปี่แล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปยังสังขละบุรี .. และเราได้แวะไหว้พระที่"วัดสมเด็จ"ซึ่งอยู่บนเนินสองฟากถนน ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กิโลเมตรค่ะ สำหรับชื่อวัด ตั้งตามสมณศักดิ์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งท่านมาที่นี่ราวปี 2509และท่านได้ปรารภกับหลวงพ่ออุตตมะว่าเนินแห่งนี้เป็นทำเลดีเหมาะแก่การสร้างวัด  จึงได้มีการสร้างขึ้นในเวลาต่อมา จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:11:18

ความคิดเห็นที่ 18 . จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:18:34

ความคิดเห็นที่ 19 พวกเราได้เข้ามาไหว้พระในศาลาการเปรียญ  .. หลวงพ่อ(ซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าอาวาส) ท่านก็ให้ศีลให้พร พรมน้ำมนต์ และมอบสร้อยคอเหรียญหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2511 ให้พวกเราค่ะ ...และท่านบอกว่าคืนนี้(18กพ.) จะมีการสวดมนต์ที่เจดีย์พุทธคยาเป็นคืนแรก ซึ่งจะสวดไปเรื่อยๆจนครบเจ็ดคืน พวกเราสามารถไปฟังสวดได้ ((ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าเป็นงานอะไร ..จะเป็นงานสวด ก่อนงานประจำปีเจดีย์พุทธคยา ฉลองชาตกาลหลวงพ่ออุตตมะหรือปล่าว  ???)) แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:23:14 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:28:25

ความคิดเห็นที่ 20 ตามไปเที่ยวด้วยคน จากคุณ : tonhok เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:30:51

ความคิดเห็นที่ 21 จากนั้น พวกเราได้ขออนุญาตหลวงพ่อชมรอบๆบริเวณวัด ... จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:31:14

ความคิดเห็นที่ 22 คุณtonhok  .... ตามมาเลยค่าา ^^ ...................................................................................... พระนอนวัดสมเด็จ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน บรรทมตะแคงขวา หลับพระเนตร ฝ่าพระหัตถ์ขวารองรับพระเศียร ข้อพระพาหาขวาวางอยู่บนพระเขนย พระกรซ้ายวางทาบไว้บนพระปรัศว์ พระบาทซ้ายซ้อนบนพระบาทขวา เหยียดปลายพระบาทเสมอกันทั้งสองข้าง จาก http://www.teeteawthai.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:34:50

ความคิดเห็นที่ 23 ตามชมด้วยคน..............ขอบคุณครับ จากคุณ : low batt เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:35:16 A:223.207.85.94 X: TicketID:329936

ความคิดเห็นที่ 24 เจดีย์วัดสมเด็จ เป็นเจดีย์รูปทรงแบบมอญ สร้างขึ้นโดยพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) และทำการยกฉัตรเจดีย์เมื่อแรม 3 ค่ำ เดือน 4 วันพุธ ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:37:59

ความคิดเห็นที่ 25 คุณlow batt  .... ยินดีค่ะ ขอบคุณที่รับชมนะคะ ^^ .................................................................................... พวกเราอยู่ที่วัดสมเด็จสักพักใหญ่ๆเลยค่ะ ถึงจะเดินทางต่อ .... ตอนนั้น ประมาณสี่โมงกว่าๆแล้ว   เราก็ลังเลว่าจะเข้าไปเช็กอินที่ัพักก่อน หรือจะไปสะพานมอญก่อนดี  .... ในที่สุด ก็ตกลงกันว่าจะไปสะพานมอญก่อน แล้วถึงไปกินข้าว - เช็กอิน - และไปชมงานสวดที่เจดีย์พุทธคยาค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:47:44

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงแล้วค่ะ "สะพานมอญ" หรือ"สะพานอุตตมานุสรณ์" ... สะพานอุตตมานุสรณ์เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลก รองจากสะพานไม้ในพม่า((ไม่แน่ใจว่าใช่สะพานอูเบ็งรึปล่าว)) ...สร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามฝั่งระหว่าง ชาวบ้านฝั่งอำเภอสังขละบุรี กับชาวบ้านฝั่งหมู่บ้านชาวมอญค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:22:47 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:50:27

ความคิดเห็นที่ 27 . จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:51:03

ความคิดเห็นที่ 28 บรรยากาศรอบๆค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:52:33

ความคิดเห็นที่ 29 อีกฟากหนึ่ง ...เป็นสะพานปูน ซึ่งรถสามารถวิ่งบนสะพานได้  และที่พักของเรา ก็อยู่แถวๆนั้นค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:54:46

ความคิดเห็นที่ 30 ยามโพล้เพล้ ... จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:56:04

ความคิดเห็นที่ 31 พวกเรา ใช้เวลาอยู่ตรงสะพานมอญนานพอสมควร เราก็เลยโทรแจ้งที่พักว่าจะเช็กอินช้าหน่อย  ก่อนที่จะไปหม่ำมื้อเย็นกันที่"แพมิตรสัมพันธ์" จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:59:02

ความคิดเห็นที่ 32 เมนูที่สั่ง ---  ต้มยำรวมมิตร , ฉู่ฉึ่ปลาคัง , ทอดมันปลากราย , ยำสาวมอญ และแกงจืดลูกเงาะ ค่าอาหาร 700 บาท รสชาติพอใช้ได้ค่ะ ....อิ่มหนำสำราญกันแล้ว  เราก็ไปเช็กอินห้องพักกันที่ "ซองกาเลียรีสอร์ท" ซึ่งเราได้จองผ่านทางagoda ในราคาคืนละ 800 บาทค่ะ  ...สภาพห้อง ก็ค่อนข้างทรุดโทรมตามกาลเวลา น้ำประปาไหลไม่ค่อยสะดวก ตอนเช้ามีไฟดับด้วย ...ข้อดีของที่นี่ ก็คือ ทำเลดีค่ะ อยู่ใกล้สะพานปูน ซึ่งเป็นทางรถไปเจดีย์พุทธคยาและวัดวังก์วิเวการาม และถ้าตอนเช้าๆไปนั่งตรงห้องอาหารของรีสอร์ท จะเห็นวิวสะพานไม้สวยมาก จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:06:12

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับ สนใจจะไปเที่ยวอยู่พอดีครับ ไม่ค่อยทีเวลา ถ้าไป 2 วัน 1 คืน จะเที่ยวทันไหมครับ จากคุณ : net อนุชิต เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:08:54

ความคิดเห็นที่ 34 วางกระเป๋าแล้ว ...เราก็ไป"เจดีย์พุทธคยา"กันค่ะ  จุดประสงค์หลักๆ เพื่อดูบรรยากาศงานพิธีมากกว่าที่จะไปฟังสวดจนจบ  เพราะเริ่มล้ากันแล้ว โดยเฉพาะคนขับ คงสลบแน่ถ้าอยู่ฟังสวดจนจบ สำหรับ"เจดีย์พุทธคยา"นั้น  หลวงพ่ออุตมะ เป็นผู้คิดริเริ่มสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2521  โดยจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเป็นเงินสด ทองคำ และวัสดุ  ใช้แรงงานคนมอญ ชาย-หญิงในหมู่บ้านประมาณ 400 คน ปรับพื้นที่สำหรับก่อสร้างและเผาอิฐมอญขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว หนา 3 นิ้ว จำนวน 260,000 ก้อน พ.ศ. 2525 เริ่มสร้างเจดีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาว 42 เมตร สูง 59 เมตร เสาเหล็ก 4 ทิศจำนวน 16 ต้น ในปีพ.ศ. 2532 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกหัวแม่มือขวา 2 องค์ขนาดเท่าเม็ดข้าวสาร  มีสีขาวใสอมเหลืองเป็นเงาบรรจุในผอบ 3 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออันเชิญมาจากประเทศศรีลังกา และฉัตรทองคำหนัก 40 บาท ขึ้นไปประดิษฐานบนยอดเจดีย์ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:21:58

ความคิดเห็นที่ 35 คุณnet อนุชิต ....  ขึ้นอยู่กับว่าจะไปที่ไหนบ้างค่ะ   ถ้าไปสะพานมอญ-เจดีีย์พุทธคยา-วัดวังก์วิเวการาม-เมืองบาดาลเท่านี้  ก็ทันนะคะ แต่ค่อนข้างเหนื่อย จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:24:33

ความคิดเห็นที่ 36 . จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:31:36

ความคิดเห็นที่ 37 ชาวมอญ แต่งตัว+ใส่ผ้านุ่งสวยๆมาเจดีย์พุทธคยาเพื่อฟังสวดมนต์ด้วยแรงศรัทธา จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:35:00

ความคิดเห็นที่ 38 พวกเราถามคุณลุงที่คาดว่าจะเป็นคนของวัดถึงสองคนว่า  ตอนพระสวดสามารถขึ้นไปบนเจดีย์ได้หรือไม่  คุณลุงบอกว่าขึ้นได้ๆ    ..... แต่พอขึ้นไปข้างบนแล้ว ก็มีคุณลุงอีกคนรีบตามขึ้นมาข้างบน แกบอกว่าตอนนี้ขึ้นไม่ได้ เพราะพระสวดอยู่ข้างล่าง   พวกเรารีบลงมาแทบไม่ทันทีเดียว ... เป็น Lost in translation แท้ๆเลย ^^" จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:38:38

ความคิดเห็นที่ 39 และแล้วพวกเราก็กลับรีสอร์ทเพื่อพักผ่อนหลังจากเมื่อยล้ามาทั้งวัน ....  โดยนัดกันว่าตอนเช้าจะตื่นไปใส่บาตรที่สะพานมอญ พอเช้าตรู่ ... ตอนที่กำลังใช้ห้องน้ำกันอยู่ ไฟดันดับ !!!  เพื่อนแต่ละคนก็ต้องคลำๆฝักบัวอาบน้ำ และแต่งตัวไปจนเสร็จ  แล้วพอเตรียมจะไปเช็กเอ้าท์ ไฟดันติดพอดี  เง้อ !!! พวกรอเจ้าหน้าที่รีสอร์ทเพื่อจะเช็กเอาท์ แต่ยังไม่มีใครมา ....ก็เลยไปตักบาตรกันก่อน กะว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาเช็กเอ้าท์ทีหลัง   ซึ่งปกติแล้ว เวลาพระท่านบิณฑบาต   ท่านจะไม่ขึ้นไปบิณฑบาตบนสะพานมอญ  นอกจากช่วงปีใหม่ เพราะปัญหาแม่ค้าขายของใส่บาตรฝั่งไทยกับฝั่งมอญทะเลาะกัน ในภาพนี้  นักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูปกับพี่เย็น คนดังแถวสะพานมอญ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:50:27

ความคิดเห็นที่ 40 แวะอุดหนุน "ข้าวเกรียบมอญ"  กรอบแบบเหนียวๆ  แต่ก็อร่อยดีค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:53:04

ความคิดเห็นที่ 41 เจ้าตัวนี้มาอ้อนขอข้าวเกรียบ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:54:03

ความคิดเห็นที่ 42 วิวยามเช้า จากบนสะพานมอญ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:56:55

ความคิดเห็นที่ 43 มองไปฝั่งสะพานปูนบ้าง จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 01:59:16

ความคิดเห็นที่ 44 จากนั้น พวกเราก็รีบกลับมาเช็กเอาท์ที่รีสอร์ทค่ะ ...แต่กินข้าวช้าวไม่ทันแล้ว  ต้องรีบไปที่พนธ์นทีรีสอร์ท เพราะเราซื้อทัวร์ครึ่งวันไว้กับที่นั่น จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:02:14

ความคิดเห็นที่ 45 ทัวร์ที่เราซื้อ เป็นทัวร์ครึ่งวัน ขี่ช้าง - ล่องแก่ง - ล่องเรือชมเมืองบาดาล ราคาคนละ 850 บาท ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง   ซึ่งนอกจากทัวร์แพคเกจนี้แล้ว ก็ยังมีแพคเกจอื่นๆที่น่าสนใจอีก เช่น ทัวร์ป่าออฟโรด -ปีนถ้ำสวรรค์บันดาล , โฮมสเตย์หมู่บ้านกะเหรี่ยง ฯลฯ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:15:40

ความคิดเห็นที่ 46 พวกเรา เริ่มต้นเดินทางออกจากพนธ์นทีรีสอร์ทโดยรถสองแถวคันนี้ สู่แค้มป์ช้าง หมู่บ้านกระเหรี่ยงบ้านใหม่พัฒนา จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:17:37

ความคิดเห็นที่ 47 แรกๆทางก็ยังดีอยู่  ตอนหลังก็เริ่มโหดขึ้นบ้างเล็กน้อย จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:20:13

ความคิดเห็นที่ 48 มาถึงหมู่บ้านกระเหรี่ยงบ้านใหม่พัฒนาแล้วค่ะ  ไกลเหมือนกันนะเนี่ย เรามาที่นี่เพื่อขี่ช้างค่ะ ซึ่งทัวร์รอบนี้ มีลูกทัวร์ 9 คน คือ กลุ่มเรา 5 คนและอีกกลุ่มหนึ่ง 4 คน ต้องใช้ช้าง 4 เชือก ...  ช้างตัวที่เรานั่ง จะต้องแบกน้ำหนักคนถึงสามคน ควาญช้างเลยเลือกช้างตัวที่เด็กที่สุดให้ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:27:44

ความคิดเห็นที่ 49 แต่ก่อนอื่น ต้องซื้อกล้วย+อ้อย เลี้ยงช้างให้อิ่มหนำสำราญกันก่อน จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:29:28

ความคิดเห็นที่ 50 แฮ่ เงียบเหงาจัง สงสัยเพื่อนๆนอนกันหมดแล้ว ^^ ......................................................................... เอาล่ะ ได้เวลานั่งช้างแล้ววว จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:32:03

ความคิดเห็นที่ 51 "นั่งช้างที่ริมฝั่งลำห้วย ลัดเลาะริมน้ำ ผ่านป่าดิบชื้นสมบูรณ์ เพลินเพลินกับพันธุ์ไม้ หายากตลอดเส้นทางชมทิวทัศน์บนยอดเขาสูงที่ช้างเดินผ่าน จนถึงลำห้วยกลางป่า"    ....    อันนี้ เป็นรายละเอียดตามที่ลงไว้ในเว็บไซต์ของทัวร์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 02:36:26 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:36:00

ความคิดเห็นที่ 52 คุณเพื่อนหน้าบานยิ้มแฉ่ง ... จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:37:22

ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อกี๊ ลุยน้ำ  ตอนนี้ เดินบนดินบ้าง    ......... เพื่อนๆยังยิ้มแฉ่งเช่นเคย แต่สำหรับเรา เนี่ยเสียวมาก เพราะนั่งช้าง 3 คน เกาะไม่ค่อยถนัด ...แต่ถึงยังไงตอนช้างลุยน้ำเนี่ย ก็ยังเสียวน้อยกว่าตอนเดินบนดินนะคะ  เพราะตอนเดินบนดิน ช้างที่เรานั่ง(ชื่อ"หวาน")เดินเร็วมาก แถมระหว่างทางยังคอยดึงกิ่งไม้,ใบไม้กินตลอดเลย ^^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:43:23

ความคิดเห็นที่ 54 ต่อมา เราก็ลงจากช้างค่ะ  ....เพื่อเตรียมตัวล่องแก่งแม่น้ำเผยาะ จริงๆตอนแรก เราจินตนาการว่า ล่องแก่งนี้ คงน่าหวาดเสียวมาก   แต่ปรากฏว่า ไม่หวาดเสียวเลยค่ะ เพราะน้ำน้อย แถมคุณลุงที่ถ่อแพแกก็ถ่อไป คุยกับเพื่อนที่ถ่อแพอีกแพไปเรื่อยๆ  ....เพลินๆดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 02:57:12 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:47:41

ความคิดเห็นที่ 55 เย้ !! เสร็จสิ้นการนั่งแพแล้ว  หิวสุดๆไปเลย คงจะได้กินข้าวห่อใบตองแล้วนะ ....แต่ปรากฏว่า  ไม่ใช่ค่ะ เรายังไม่ได้กินข้าว T T   แต่เค้าจะพาพวกเราไปที่สะพานมอญ เพื่อล่องเรือชมทัศนียภาพหมู่บ้านมอญ เจดีย์พุทธคยา และ มุ่งหน้าสู่วัดเก่าจมน้ำ ชมเมืองบาดาลก่อน จึงจะให้ไปกินข้าวที่รีสอร์ท จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:51:57

ความคิดเห็นที่ 56 ไปถึงสะพานมอญ เพื่อเตรียมล่องเรือค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 02:55:17

ความคิดเห็นที่ 57 การล่องเรือนี้ เป็นการล่องเรือชมเมืองบาดาล หรือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำหลังการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลมค่ะ โดยทัวร์นี้ ใช้บริการเรือของแพลุงเณรค่ะ  ...แต่ถ้าเเพื่อนๆไม่ซื้อแพคเก็จรวมอย่างนี้ ก็สามารถชมเมืองบาดาลได้ โดยเหมาเรือลำละ 300 บาทค่ะ .... เอาล่ะ น้องที่บังคับเรือ พาเรามาชมใต้สะพานมอญก่อน จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:01:12

ความคิดเห็นที่ 58 จากนั้น ก็วกกลับไปอีกทาง ..ผ่านเจดีย์พุทธคยาด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 03:03:37 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:02:48

ความคิดเห็นที่ 59 มาถึงแล้วค่ะ เมืองบาดาล หรือวัดวังก์วิเวการามเดิม "เมืองบาดาล"  ในอดีตเป็นวัดวังก์วิเวการามเดิมที่หลวงพ่ออุตตมะและชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและมอญได้ร่วมก้นสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2496 ในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการก่อสร้างเขื่อน;ชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลมทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดนี้ด้วย จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี ในช่วงฤดูแล้งราวเดือoมีนาคม-เมษายน ซึ่งน้ำลดจะสามารถสังเกตเห็นตัวโบสถ์ของวัดได้อย่างชัดเจนและสามารถนั่งเรือไปเที่ยวชมได้ แต่ในช่วงน้ำขึ้นน้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมดเหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวUnseen in Thailand ในชื่อเมืองบาดาล จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:09:10

ความคิดเห็นที่ 60 ภายในมีรูปภาพของหลวงพ่ออุตตมะด้วย แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 03:11:16 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:10:22

ความคิดเห็นที่ 61 . จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:11:59

ความคิดเห็นที่ 62 เรือพามาส่งที่ท่าน้ำของพนธ์นทีรีสอร์ท ..เป็นอันเสร็จสิ้นทัวร์ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:13:00

ความคิดเห็นที่ 63 เย้ !! ได้กินข้าวสักที  ตอนนี้สภาพของเราทั้งห้าคนเหมือนกันหมด คือ หิวข้าวจนตาลายยแล้ววว แต่ทางรีสอร์ทไม่ได้จัดข้าวห่อใบตองมาให้นะคะ ....แต่จัดเป็นข้าวกะเพราหมูไข่ดาว  ....นาทีนี้ อะไรก็ยอมค่ะ ^__^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:16:01

ความคิดเห็นที่ 64 เดี๋ยวเราขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวสายๆจะกลับมารีวิวต่อค่ะ ^^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 03:16:43

ความคิดเห็นที่ 65 รออยู่ที่วัดเสา100ต้นนะครับ จากคุณ : หนุ่ม ณ วันวาน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 06:15:10

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ สังขละยามนี้ดูน้ำเยอะทีเดียวครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 06:37:35

ความคิดเห็นที่ 67 น่าไปจริงๆ จากคุณ : นาย TK เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 07:46:41

ความคิดเห็นที่ 68 สังขละ ได้ยินชื่อที่นี่บ่อยๆเลยที่นี่ .. แถมเห็นรีวิวหลายคนยิ่งอยากไป เมื่อไหร่นะจะได้ไปสัมผัสบ้าง จากคุณ : ลุงแบกเป้ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:14:26

ความคิดเห็นที่ 69 คุณหนุ่ม ณ วันวาน ... เดี๋ยวเรากำลังจะตามไปแล้วค่ะ ^^ คุณม่วงมหากาฬ ... ขอบคุณเช่นกันค่ะ ช่วงนี้น้ำยังเยอะอยู่ คงต้องหาโอกาสมาช่วงแล้งบ้าง จะได้เดินชมเมืองบาดาลได้ ^^ คุณ นาย TK ... ที่นี่ น่าไปจริงๆค่ะ ค่อนข้างสงบ ไม่วุ่นวาย แต่ก็ไม่ลำบากค่ะ ^^ คุณลุงแบกเป้ ... ต้องลองหาโอกาสดูนะคะ แล้วจะติดใจค่ะ ^^ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:21:59

ความคิดเห็นที่ 70 ต่อนะคะ เมื่อท้องอิ่ม ก็เดินทางต่อค่ะ .... ไป"วัดวังก์วิเวการาม" กันค่ะ "วังก์วิเวการาม"(ปัจจุบัน)  ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบพม่า  เป็นวัดที่สร้างแทนวัดวังก์วิเวการามเดิมซึ่งถูกน้ำท่วม จากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์(เขื่อนเขาแหลม)ขึ้น ในภาพนี้ เป็นอาคารอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งปกติแล้ว ทางวัดไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:37:10

ความคิดเห็นที่ 71 รูปปั้นพระพุทธเจ้าและศิษยานุศิษย์ บริเวณทางเข้าอุโบสถ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:40:53

ความคิดเห็นที่ 72 จากนั้น ก็เดินไปที่"ปราสาทหลวงพ่ออุตตมะ" ซึ่งเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะค่ะ "ปราสาทหลวงพ่ออุตตมะ" ปราสาทหลังนี้ได้รับความบันดาลใจจากงานศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อของชาวมอญหลายกลุ่มที่แยกย้ายกระจายกันอยู่ในจังหวัดต่างๆของประเทศไทย หลอมรวมเป็นโอฬาริกบูชา แด่หลวงพ่อผู้เป็นที่เคารพสักการะของศิษยานุศิษย์   หงส์ทองทั้งคู่เป็นสัญลักษณ์ของชาวมอญที่มีมาแต่โบราณกาล ที่มา  ป้ายที่ปราสาทหลวงพ่ออุตตมะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:53:12 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:52:18 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:50:27 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 08:49:10 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:48:29

ความคิดเห็นที่ 73 ภายใน   มีปราสาทเก้ายอดซึ่งบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะที่ไม่เน่าไม่เปื่อย  โดยมีกระจกใสเจาะด้านข้างเพื่อให้สามารถมองเห็นสรีระของหลวงพ่ออุตตมะได้ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:57:09

ความคิดเห็นที่ 74 . จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:58:07

ความคิดเห็นที่ 75 วิดีทัศน์งานศพหลวงพ่ออุตตมะ .. จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:59:04

ความคิดเห็นที่ 76 แล้วพวกเราก็ทำสังฆทานร่วมกัน  เผื่อเกิดชาติหน้าจะได้เจอกันอีก O_Q   หลวงพ่อท่านก็มอบสร้อยประคำให้แก่พวกเรา  .... จากนั้น เราก็ออกมาดูบรรยากาศภายนอกปราสาทหลวงพ่ออุตตมะกันบ้าง จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:03:32

ความคิดเห็นที่ 77 ภาพสมัยก่อน .... ภาพเจดีย์พุทธคยา  และภาพหอระฆัง วัดวังก์วิเวการามเดิม จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:05:40

ความคิดเห็นที่ 78 ภาพนี้ เป็นภาพพระพุทธรูปหินอ่อนค่ะ(( ไม่ใช่พระพุทธรูปหยกขาว ซึ่งประดิษฐานในวิหารพระหยกขาวนะคะ)) "พระพุทธรูปหินอ่อน" พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นพระประธานในวิหาร  ทำจากหินอ่อนทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 9 ศอก น้ำหนัก 9 ตัน ศิลปะแบบประยุกต์  ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะให้ช่างมัณฑะเลย์แกะสลักเมื่อ พ.ศ. 2514 ใช้เวลา 1 ปี จึงแล้วเสร็จ โดยส่งภาพถ่ายพระพุทธชินราชเป็นตัวอย่าง ค่าจ้างเป็นทองคำหนัก 25 บาท หลังจากนั้นได้ใช้เวลาอีกปีครึ่ง รอเวลาดำเนินการขนส่งผ่านเส้นทางทุรกันดาร ทั้งค่ายทหารพม่าและกะเหรี่ยง เพื่อมาประดิษฐานในเมืองไทย จาก http://www.teeteawthai.com แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 09:12:28 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 09:09:15 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:08:57

ความคิดเห็นที่ 79 ไม่ทราบว่า ศาลานี้คือ ศาลาการเปรียญหรือปล่าวคะ ... เพื่อนๆคนไหนทราบช่วยบอกทีนะคะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 09:34:38 จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:14:45

ความคิดเห็นที่ 80 สวยมากครับ น่าตามรอยมาก จากคุณ : langtang เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:23:09

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณคุณปลาผัดคื่นช่ายที่มารีวิวให้พวกเราชมนะครับ สุดยอดเลยอ่ะครับ จากคุณ : Chood306 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:30:22

ความคิดเห็นที่ 82 เนื่องจากพวกเรามีเวลาไม่มาก .. จึงไม่ได้เดินทั่วบริเวณวัด ไม่ได้เข้าไปในวิหารพระหยกขาว และไม่ได้เดินชมหอระฆัง แต่พวกเราเดินทางต่อไป"เจดีย์พุทธคยา" ((อีกครั้ง ..แต่คราวนี้ เป็นภาคกลางวัน)) จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:33:03

ความคิดเห็นที่ 83 คุณlangtang  ... ลองมาดูนะคะ แล้วจะรักสังขละบุรีค่ะ ^^ คุณChood306 ... ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^ ......................................................................................... เข้ามาภายในแล้วนะคะ ...นี่เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:38:13

ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อคืน ชาวบ้านนำดอกไม้,ธูปเทียน มาถวายพระ ...นี่เป็นรอยศรัทธาที่หลงเหลือจากงานสวดเมื่อคืนค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:40:54

ความคิดเห็นที่ 85 คราวนี้ ขึ้นไปด้านบนกัน(อีกรอบ)นะคะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:43:14

ความคิดเห็นที่ 86 พระพุทธรูปองค์เล็กๆที่อยู่บริเวณเจดีย์ค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:45:34

ความคิดเห็นที่ 87 เริ่มหิวอีกรอบ ... แวะกินขนมโตเกียว  แล้วซื้อของกระจุกกระจิก แถวๆเจดีย์พุทธคยาค่ะ จากคุณ : ปลาผัดคื่นช่าย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:48:08

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีวิว จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:51:40