ความคิดเห็นที่ 1 เรามาถึงสนามบินมัณฑะเลย์ตอนสายๆ แท็กซี่เข้าเมืองจากสนามบินมีอยู่สองแบบนะคะ แบบแชร์คือต้องรอผู้โดยสารครบสี่คนถึงจะออก ค่าโดยสารคนละ 4000 จั๊ด จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:34:56

ความคิดเห็นที่ 2 แบบที่สองคือแบบเหมา คันละ 12,000 จั๊ด เราเลือกแบบที่สองค่ะ ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมค่าแท็กซี่มันแพงนัก แต่นั่งไปก็หายสงสัยเพราะว่ามันใช้เวลานานมากกกจากสนามบินจนถึงตัวเมืองมัณฑะเลย์ ประมาณชั่วโมงเศษๆได้ ไอ้ค่ารถหมื่นสองพันจั๊ดกลายเป็นถูกไปเสียอีก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:35:35

ความคิดเห็นที่ 3 เรามีเวลาทั้งหมดสามวันกับสามคืนที่มัณฑะเลย์ โรงแรมที่เรานอนคือ Mandalay City hotel ตอนแรกมีปัญหานิดหน่อยคือ โรงแรมเต็มหมดเพราะว่าเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง บ้านเราตรงกับวันลอยกระทง แต่พม่าถือว่าเป็นวันพระใหญ่ที่สุดของปี โทรไปกี่แห่งๆก็เต็ม ตัวเมืองมัณฑะเลย์ ยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก มีขนาดเท่าๆเชียงใหม่ มีแต่ตึกรามบ้านช่องใหม่ๆ ไม่มีตึกโคโลเนียลสวยๆเหมือนย่างกุ้ง จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:39:07

ความคิดเห็นที่ 4 จนดิฉันต้องใช้ปิยวาจาที่พ่อแม่สอนมา(แบบพูดกับโคนันทวิศาล ใครไม่รู้จักบอกจะเล่าให้ฟัง) บวกกับมารยาหญิงที่มีเหลืออยู่ไม่กี่เล่มเกวียน พูดจาหลอกล่อแกมขอร้องผู้จัดการช่วยหาห้องให้หน่อย คุณพี่ก็ช่างแสนดีบอกว่ายูไปหาข้าวกินก่อนนะ ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวมาใช่ไหมเนี่ย เดี๋ยวขอไอดูห้องก่อน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:39:51

ความคิดเห็นที่ 5 ทางซ้ายมือคือสถานีรถไฟมัณฑะเลย์ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:40:22

ความคิดเห็นที่ 6 กินข้าวหมดจานผู้จัดการก็เดินมาบอกว่า Today is your lucky day เพราะว่าไอสามารถยักย้ายถ่ายห้อง หาห้องให้ยูนอนที่นี่ได้ทั้งสามคืนเลย แต่เป็นชั้นสี่นะยู เดินเอาหน่อยเพราะที่นี่ไม่มีลิฟท์ สนนราคาคืนละ 45 เหรียญซึ่งสมราคามากค่ะ ห้องสะอาด แอร์เย็น อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะ อีกทั้งโรงแรมอยู่กลางเมือง มีสระว่ายน้ำพร้อมสวนสวย แนะนำค่ะโรงแรมนี้ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:40:56

ความคิดเห็นที่ 7 หมดปัญหาเรื่องโรงแรมเราก็ชวนกันออกเที่ยวหลังจากกินข้าวกลางวันแล้ว เราจะไปเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์กันค่ะ ทีแรกเห็นกำแพงวังแล้วนึกว่าไม่ไกล เดินไปได้ แต่พอเดินไปๆถึงรู้ว่า กำแพงวังสี่เหลี่ยมจตุรัสนั้น ด้านหนึ่งมีความยาวไม่น้อยว่าสามกิโลเมตร ล้อมรอบด้วยคูน้ำกว้างมาก ยิ่งใหญ่มากกก ว่าแล้วก็ก้มลงกราบกำแพงวังสวยๆหนึ่งที ณ เวลานี้รู้ซึ้งแล้วเพคะว่าใครคนไหนใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:42:24

ความคิดเห็นที่ 8 ทางเข้าพระราชวังมัณฑะเลย์สามารถเข้าไปทางเดียวคือทางด้านตะวันตก ต้องเสียค่าเข้าคนละ 10 เหรียญยูเอส  เก็บหางตั๋วไว้ดีๆนะคะอย่าให้หาย เพราะว่าราคาตั๋วนี้รวมค่าเข้าของวัดชเวนันดอและอังวะด้วยค่ะ จากห้องขายตั๋วเราต้องเดินเข้าไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร เขตพระราชวังมัณฑะเลย์ตอนนี้เป็นค่ายทหารพม่า จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:43:10

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเล่าก่อนว่า พระราชวังมัณฑะเลย์เดิมนั้น โดนเผาวอดวายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองแล้วค่ะ สิ่งสวยงามล้ำค่ามันไม่มีเหลืออยู่แล้ว สิ่งก่อสร้างที่เห็นคือพระราชวังปลอมๆที่รัฐบาลพม่าสร้างขึ้นด้วยแรงงานทาสเมื่อปี 1990 จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:43:55

ความคิดเห็นที่ 10 * จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:44:21

ความคิดเห็นที่ 11 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:44:45

ความคิดเห็นที่ 12 *** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:45:10

ความคิดเห็นที่ 13 **** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:45:46

ความคิดเห็นที่ 14 ***** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:46:09

ความคิดเห็นที่ 15 ****** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:46:37

ความคิดเห็นที่ 16 เดินดูได้หน่อยก็นั่งพัก เจเจเอ่ยขึ้นมาว่า พี่ว่าไหมว่ามันไม่ควรจะสร้างขึ้นมาใหม่เลย อะไรที่มันสาบสูญไปแล้วบางอย่างก็ควรจะปล่อยให้มันไป จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:47:06

ความคิดเห็นที่ 17 ดิฉันเห็นด้วยพันเปอเซ็นต์เพราะเมื่อมองไปรอบๆจะเห็นว่าอาคารที่สร้างใหม่นั้นฝีมือการสร้างหยาบมาก เข้าไปดูข้างในอาคารก็ไม่มีอะไรข้างในเลย ปล่อยให้มันโล่งๆกลวงๆ พระราชวังกลางหรือที่ฝรั่งเรียกว่า The glass palace นั้นก็เหมือนฉากลิเกเมื่อเทียบกับภาพถ่ายของจริง ไม่มีความเจริญหูเจริญตาเลยเป็นความสัตย์จริง จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:47:42

ความคิดเห็นที่ 18 เหมือนกับคนที่ตายไปแล้วโดนชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้แค่ร่างกาย เป็นแค่ซอมบี้ที่ไม่มีจิตวิญญาน ไม่มีความรู้สึก ไม่มีชีวิต นั่งนึกไปแล้วสะท้อนใจมาก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:48:15

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นฝีมือการสร้างอย่างหยาบๆไหมคะ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:49:10

ความคิดเห็นที่ 20 เจเจยังบอกว่า ถ้าจะสร้างเลียนแบบของเก่าหยาบๆยังงี้แล้วล่ะก็ สร้างเป็น theme park ซะดีกว่า แบบมีสาวๆพม่าแต่งซิ่นหางปลาแบบพม่าโบราณเดินไปเดินมา ยังดูดีกว่าอย่างที่เห็น จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:49:47

ความคิดเห็นที่ 21 มีที่เดียวในพระราชวังมัณฑะเลย์ที่ไม่ควรพลาดคือพิพิธภัณฑ์เล็กๆด้านหลัง มีเครื่องใช้ส่วนพระองค์บางส่วน มีรูปภาพโบราณเชื้อพระวงศ์คนสำคัญของราชวงศ์คองบอง เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปไม่งั้นจะถ่ายรูปของเจ้าหญิงสลินผู้แสนงามมาให้พี่น้องได้ดูกัน The Glass Palace ของแท้ที่ถูกทิ้งระเบิดวอดวายไปเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:54:20

ความคิดเห็นที่ 22 The Glass Palace จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:55:00

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าหญิงสลินองค์นี้เป็นพระราชธิดาที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดปรานที่สุดถึงกับแต่งตั้งให้เป็นราชกุมารี สร้างวัดส่วนพระองค์ให้เจ้าหญิงสลินด้วย ตามธรรมเนียมพม่านั้นๆไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งอุปราช แต่จะมีการแต่งตั้งราชกุมารี ถ้าพระเจ้าแผ่นดินทรงยกราชกุมารีให้กับผู้ใด ถือว่าผู้นั้นจะได้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ ตำหนักของพระนางสุภยลัต พระอัครมเหสี จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:56:58

ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อถึงคราวที่พระเจ้ามินดงเสด็จสวรรคต และพระเจ้าสีป่อจะขึ้นครองราชสมบัติ เจ้าหญิงสลินรู้ว่าภัยมาถึงตัว เพราะว่าเจ้าหญิงสุภยลัตพระธิดาของพระนางอเลนันดอนั้นผูกใจไว้กับพระเจ้าสีป่อแล้ว สุเหร่าที่เมืองมัณฑะเลย์ สวยงามมาก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 06:58:14

ความคิดเห็นที่ 25 เจ้าหญิงสลินถึงกับโกนผมบวชเป็นชีในวันเดียวกับที่พระราชบิดาเสด็จสวรรคตนั่นเอง เพื่อเป็นการเปิดทางให้เจ้าหญิงสุภยลัตและเป็นการหนีตายด้วยอีกเหตุหนึ่ง วัดประจำพระองค์ของพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของระบอบจักรวรรดิพม่า สวยงามาก ถ้ารอดมาถึงปัจจุบันจะเป็นที่น่าอัศจรรย์ขนาดไหน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:00:36

ความคิดเห็นที่ 26 พูดถึงพระเจ้าสีป่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ทรงได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้ามินดงพระราชบิดา เพราะตามศักดิ์แล้วพระเจ้าสีป่อนั้นเป็นแค่พระองค์เจ้าหางแถว ไม่ใช่เจ้าฟ้าเกิดแต่พระอัครมเหสี พระมารดาเป็นแค่ธิดาเจ้าเมืองสีป่อ(เมืองไทยใหญ่ ซึ่งตอนนั้นเมืองสีป่อเป็นประเทศราชของพม่า) ที่บิดาส่งมาถวายตัวแก่พระเจ้ามินดง คนพม่าถือว่าเป็นเพียง"ลูกครึ่ง" ไม่มีสิทธิได้ขึ้นครองราชย์ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:02:01

ความคิดเห็นที่ 27 ที่จับพลัดจัลผลูได้ขึ้นครองราชย์เพราะว่าทรงเป็นที่ต้องตาต้องใจเจ้าหญิงสุภยลัตพระธิดาองค์กลางของพระนางอเลนันดอ พระราชชายาองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง เพียงแต่พระนางอเลนันดอไม่มีพระโอรส มีพระธิดาสามองค์ ต้องอาศัยลูกเขยถึงจะได้เป็นใหญ่ เพราะเหตุนี้เองพระเจ้าสีป่อถึงได้เสด็จผ่านพิภพเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์คองบอง จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:03:11

ความคิดเห็นที่ 28 ในวันอภิเษกสมรสนั้น เป็นวันอภิเษกสมรสหมู่ระหว่างพระเจ้าสีป่อกับพระธิดาของพระนางอเลนันดอทั้งสามองค์ คือเจ้าหญิงสุภยยี เจ้าหญิงสุภยลัต และเจ้าหญิงสุภยเล เจ้าหญิงสุภยยีนั้นถือว่าได้ตำแหน่งอัครมเหสีเพราะว่าเป็นพี่คนโต แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาเข้าหอเจ้าหญิงสุภยลัตกลับเดินเข้าหอแทนพี่สาว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระนางสุภยลัตนับได้ว่ามีอำนาจเหนือผู้ใดในมัณฑะเลย์ พระเจ้าสีป่อกับพระอัครมเหสีทั้งสองพระองค์ ทางด้านซ้ายคือพระนางสุถยลัต พระองค์กลางคือพระนางสุภยยี จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:05:10

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อมาไม่นานพระนางสุภยลัตได้ใส่ร้ายพระนางสุภยคยีว่าทำสเน่ห์พระเจ้าสีป่อ ทำให้โดนปลดจากตำแหน่งอัครมเหสีลงไปเป็นเจ้าหญิงหมือนเดิม ตราบจนถึงวันที่พระเจ้าสีป่อเสด็จสวรรคตที่เมืองรัตนคีรี ประเทศอินเดีย พระนางสุภยคยีก็ไม่เคยได้เข้าหอกับพระสวามี ไม่มีโอรสธิดาด้วยกัน ได้แต่เลี้ยงพระนัดดาที่เกิดแต่พระนางสุภยลัต พระตำหนักของพระเจ้าสีป่อและพระนางสุภยลัตที่เมืองรัตนคีรี ประเทศอินเดีย ซึ่งทรงโดนเนรเทศให้ไปใช้ชีวิตที่นั่นจนพระเจ้าสีป่อเสด็จสวรรคต จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:07:33

ความคิดเห็นที่ 30 เดินผ่านต้นไม้ใหญ่สามคนโอบในพระราชวัง ต้นไม้ต้นนี้คงจะมีอายุอย่างน้อยร้อยกว่าปี อยากถามต้นไม้เหลือเกินว่า ต้นไม้จ๋า เธอพบเห็นอะไรบ้างในพระราชวังแห่งนี้ เธอเห็นคืนหลั่งเลือดที่พระโอรสและพระญาติ 80 กว่าชีวิตของพระเจ้ามินดงที่ต้องโดนประหารอย่างลับๆในพระราชวังแห่งนี้ตามคำสั่งของพระนางอเลนันดอและแตงดาหวุ่นคยี อัครเสนาบดีหรือเปล่า พระเจ้าสีป่อ พระนางสุภยลัต และพระราชธิดา ภาพนี้ถ่ายขึ้นเมื่อทรงประทับอยู่ที่เมืองรัตนคีรี จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:10:21

ความคิดเห็นที่ 31 เธอเห็นวันสุดท้ายของระบบจักรวรรดิของพม่า ที่พระเจ้าสีป่อและพระนางสุภยลัตต้องนั่งเกวียนออกพระราชวังเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่า เธอเห็นชีวิตที่เสียงหัวเราะและน้ำตาของคนที่อาศัยอยู่ในราชวังแห่งนี้หรือเปล่า ภาพกระท่อมในสวนพระราชวังมัณฑะเลย์ ที่พระเจ้าสีป่อทรงลงชื่อในเอกสารสละราชบัลลังค์ ล้มล้างระบอบการปกครองแบบจักรวรรดินิยม มอบแผ่นดินพม่าให้เป็นสิทธิขาดของพระนางเจ้าวิคทอเรียแห่งอังกฤษ  ในวันที่ 19 พฤษจิกายน คศ. 1885 แผ่นดินพม่าได้โดนรวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรภพอังกฤษในวันที่ 1 มกราคม คศ. 1886 จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:15:48

ความคิดเห็นที่ 32 ตามมาเที่ยวต่อครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:19:03

ความคิดเห็นที่ 33 ใครที่ไปเที่ยวพม่า ควรจะหาหนังสือเรื่อง "พม่าเสียเมือง" ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ ปราโมช อ่านก่อนเดินทาง จะทำให้เที่ยวสนุก มีอรรถรสขึ้นอีกมาก   ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้น ควรจะอ่านหนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองพม่า" ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพอ่านด้วยมีรูปที่หายากน่าดูน่าชมมาก หนังสือเล่มนี้หายากอยู่สักหน่อย สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรมเป็นผู้จัดพิมพ์ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:19:25

ความคิดเห็นที่ 34 จากนั้นเราสองคนก็ไปดูวัดชเวนันดอ (Shwenandaw Kyaung) วัดนี้มีความสำคัญมากๆก็คือ เป็นสิ่งก่อสร้างชิ้นเดียวที่เหลือรอดมาจากพระราชวังมัณฑะเลย์ที่โดนเผาราบเป็นหน้ากลอง เป็นตำหนักหลังที่พระเจ้ามินดงทรงสวรรคต หลังจากนั้นพระเจ้าสีป่อจึงโปรดเกล้าฯให้รื้อมาถวายวัดนอกเขตพระราชฐาน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:22:06

ความคิดเห็นที่ 35 เลยเหลือรอดมาเป็นหลักฐานถึงความอลังการยิ่งใหญ่ของราชวังคองบองมาถึงปัจจุบันนี้ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:23:34

ความคิดเห็นที่ 36 วินาทีที่เดินเข้าไปเห็นก็อยากจะก้มลงกราบงามๆสักสามหน อันนี้กราบให้กับโบราณสถานอันหาค่ามิได้โดยเฉพาะ นี่สิสวยจริงสวยจังแบบไม่ต้องมีประกาศนียบัตรไหนๆมายืนยัน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:24:10

ความคิดเห็นที่ 37 ดูรูปกันต่อนะคะ ดูให้อิ่ม ของสวยๆงามๆอย่างนี้นับวันยิ่งหาดูยาก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:25:05

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นตำหนักไม้สักทองแกะสลักทั้งหลัง แล้วปิดทองทั้งข้างนอกและข้างใน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:26:04

ความคิดเห็นที่ 39 * จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:26:29

ความคิดเห็นที่ 40 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:28:59

ความคิดเห็นที่ 41 *** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:29:21

ความคิดเห็นที่ 42 **** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:29:44

ความคิดเห็นที่ 43 ***** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:30:15

ความคิดเห็นที่ 44 ****** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:30:52

ความคิดเห็นที่ 45 สวยมากกกกก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:31:24

ความคิดเห็นที่ 46 * จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:31:57

ความคิดเห็นที่ 47 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:32:26

ความคิดเห็นที่ 48 *** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:32:59

ความคิดเห็นที่ 49 **** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:33:27

ความคิดเห็นที่ 50 ***** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:34:08

ความคิดเห็นที่ 51 เรียกว่าไม่มีตารางนิ้วไหนที่รอดพ้นการแกะสลักไปได้เลย จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:35:20

ความคิดเห็นที่ 52 วันนี้โชคดีที่ได้มาทันถ่ายทอดสด ...เห็นด้วยครับเรื่องพระราชวังมัณฑะเลย์ ไปดูแล้วไม่มีความรู้สึกว่าเป็นสถานที่สำคัญ เหมือนไปดูร่างปลอมๆที่ไม่มีจิตวิญญาน จากคุณ : AkR เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:39:44

ความคิดเห็นที่ 53 อย่าลืมนะคะ ว่านี่ไม่ใช่ตำหนักเอก ถ้าวัดประจำพระองค์ของพระเจ้าสีป่อ(รูปข้างบนๆ) วัดพระจำพระองค์ของเจ้าหญิงสลินและวัดนางพญาของพระนางสุภยลัตยังอยู่คงจะดูแล้วขาดใจตายไปเลยเพราะความสวย จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:39:54

ความคิดเห็นที่ 54 ดูอีกค่ะ ดูให้สะใจ ชอบแล้วจะได้ตามไปดูของจริง จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:41:07

ความคิดเห็นที่ 55 * จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:41:40

ความคิดเห็นที่ 56 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:42:12

ความคิดเห็นที่ 57 ม่วงมหากาฬ***มีคนหลงเข้ามาดูแล้ว AkR***เย้ มีคนเห็นด้วยกับดิฉันกับเจเจแล้ว มันดูแห้งแล้ง จะสวยก็ไม่ใช่ ดูแล้วปลอมๆ เหมือนตลาดน้ำที่แสนจะดาดดื่นสมัยนี้ สร้างหยาบๆออกมาหลอกนักท่องเที่ยวจริงๆค่ะ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:44:34

ความคิดเห็นที่ 58 * จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:45:06

ความคิดเห็นที่ 59 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:45:32

ความคิดเห็นที่ 60 *** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:45:58

ความคิดเห็นที่ 61 **** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:46:30

ความคิดเห็นที่ 62 ***** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:47:21

ความคิดเห็นที่ 63 ภายในปิดทองเหลืองอร่าม จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:47:55

ความคิดเห็นที่ 64 ** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:48:18

ความคิดเห็นที่ 65 *** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:48:41

ความคิดเห็นที่ 66 **** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:49:07

ความคิดเห็นที่ 67 ***** จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:49:38

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่น่าเชื่อนะครับว่าพม่าจะสร้างพระราชวังมัณฑะเลย์ของใหม่อย่างหยาบๆ พระราชวังบุเรงนองที่พะโคก็เช่นเดียวกัน ขอบคุณสำหรับเกล็ดความรู้ด้านประวัติศาตร์พม่าครับ จากคุณ : ชาวทัวร์ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:50:14

ความคิดเห็นที่ 69 จากวัดชเวนันดอ เรานั่งรถมาชมความงามของพระมหามุนีกันค่ะ เร่ื่องราวความเป็นไปของพระมหามุนีได้เล่าไว้แล้วในตอนที่เราอยู่ที่ยะไข่นะคะ เป็นที่น่าเสียดายว่าเนื่องจากวันนี้เป็นวันพระใหญ่ที่สุดของปีของชาวพม่า ผู้คนจากทุกสารทิศได้เดินทางมากราบพระมหามุนี คนเยอะมากกกกจนแทรกตัวเข้าไปดูไม่ได้ แถมเขายังเอาผ้ามาคลุมองค์พระแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:52:12

ความคิดเห็นที่ 70 คนเยอะมว๊ากกกกก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:52:42

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่เป็นไร ดูรูปที่คนอื่นเขาถ่ายไว้ก็ได้(วะ) เลยชักชวนกันมานั่งทอดอาลัยอยู่นอกชานวัด นั่งอยู่สักพักก็มีสาวพม่าแต่ตาคมเหมือนแขกมาทักว่ามาจากไหน มาไหว้พระเหรอ พอรู้ว่าเรามาจากบางกอกก็ดีใจเป็นอันมากเพราะว่าน้องสาวของเธอเคยไปทำงานเมืองไทยมาหลายปี ว่าแล้วก็รีบกวักมือให้น้องสาวของเธอมานั่งคุยกับเราสองคน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:53:54

ความคิดเห็นที่ 72 ตกลงบ้านนี้มีพี่น้องห้าคน หน้าตาดีทุกคน พ่อเป็นแขกเนปาลแม่เป็นพม่า คุยเก่งมาก จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:54:36

ความคิดเห็นที่ 73 เราถ่ายรูปเด็กๆกันสนุกสนานโดยเฉพาะเจ้าน้องชายคนเล็กที่ทะเล้นมากๆ พี่สาวบอกไหว้ป้าสองคนก่อน เจ้าตัวเล็กลงไปนั่งกราบเหมือนกราบพระ แบบว่าฮาแตก ต้องมาสอนกันใหม่ว่าไหว้คนเขาไหว้ยังงี้นะไอ้หนู คนพม่านี่เขาไหว้พระอย่างเดียวค่ะ เขาไม่ไหว้ผู้ใหญ่หรือคนแก่กว่าเหมือนคนไทย จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:55:28

ความคิดเห็นที่ 74 น้องสาวคนที่สี่สวยมากกกกก มาเป็นนางแบบเมืองไทยได้เลยค่ะ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:56:17

ความคิดเห็นที่ 75 ดิฉันเคยเล่าเรื่องธรรมเนียมการไหว้ของคนไทยให้พี่ท่านและเจ้าไท(ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยตามกฏหมาย) สองหนุ่มงงมาก ถามว่าแล้วเราจะรู้เมื่อไรว่าควรจะไหว้คนไหน จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:57:06

ความคิดเห็นที่ 76 ถ้าเขาแก่กว่าเรานี่ต้องไหว้เลยไหมหรือถามอายุเขาก่อนแล้วค่อยไหว้ แล้วถ้าเราเจอครูในโรงเรียนสิบครั้งในหนึ่งวันนี่ต้องไหว้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า ทำไมเวลาเจอเพื่อนแม่แล้วต้องไล่ไหว้เป็นคนๆไป จะมากราดมือไหว้ทีเดียวไม่ได้(เพราะเอ็งไม่ใช่นักมวย) จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:57:47

ความคิดเห็นที่ 77 ดิฉันตอบสองพ่อลูกไปว่า When in doubt, you wai first and ask question later. ไอ้เรื่องการไหว้นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากว่าไหมคะท่านผู้อ่าน มันไม่มีกฏตายตัวหนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสอง มันไม่มีการจารึกบนแผ่นหินเหมือนบรรญัติสิบประการ มันเป็นการสั่งสอนกันมาตั้งแต่โบราณ มันฝังรากลึกในวัฒนธรรมไทยแบบขุดยังไงก็ขุดไม่ขึ้นแล้ว น่าเสียดายที่เด็กสมัยนี้มือแข็งมาก ไม่ค่อยไหว้ผู้ใหญ่ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:58:56

ความคิดเห็นที่ 78 สามสี่ปีที่แล้ว เคยมีญาติคนหนึ่งพาลูกสาวเขามาที่บ้าน เพื่อมาขอให้แม่ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เด็กเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีแต่บ้านญาติคนนี้จนมาก แต่พอเจอดิฉันกับแม่ เด็กไม่ไหว้ค่ะ แค่มองหน้า แม่เด็กเขาก็ไม่ได้เตือนให้ไหว้ ทั้งแปลกใจและตกใจมาก ตอนหลังแม่มาถามว่าควรจะส่งเสียเขาดีไหม ดิฉันบอกว่าแม่จะเอายังไงก็ตามใจแม่นะ แต่ถ้ามาถามก็ต้องบอกว่าไม่ต้องช่วย ขนาดมาขอให้ช่วยส่งเสียให้เรียนหนังสือเพราะว่าไม่มีเงิน เจอหน้าเราสองคนยังไม่ไหว้ อีกหน่อยส่งให้มันเรียนจบก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ยินคำขอบคุณจากบ้านนี้ เผลอๆมันจะมาเหยียบหัวเราด้วย แล้วก็ไม่ได้ถามแม่อีกเลยว่าแม่ให้เงินเขาเรียนหนังสือหรือเปล่า จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 07:59:51

ความคิดเห็นที่ 79 ก่อนออกจากวัดพระมหามุนี เราต้องไปดูสิ่งสำคัญอีกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับสยามประเทศโดยตรง ห้ามพลาดนะคะพี่น้อง มันคือรูปสัมฤทธิพวกนี้ค่ะ เป็นรูปยักษ์ รูปสิงห์ รูปช้าง ที่มีอายุอย่างน้อยแปดร้อยปีเป็นอย่างต่ำ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:00:56

ความคิดเห็นที่ 80 ต่อไปนี้ตั้งใจฟังนะตัวเอง เรื่องมันยาว ซับซ้อนยอกย้อนมากๆ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:02:22

ความคิดเห็นที่ 81 เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ หรือเจ้าสามพระยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ได้นำทัพไปตีเมืองพระนครหลวง(นครธม)ของเขมรได้สำเร็จ ได้กวาดต้อนผู้คนทรัพย์ต่างๆเป็นจำนวนมาก กลับมาที่อโยธยารามศรีเทพ รวมทั้งรูปสัมฤทธิเขมรพวกนี้ด้วย จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:03:15

ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อพระเจ้าบุเรงนองแห่งหงสาวดีตีกรุงศรีอยุธยาแตกเป็นครั้งแรก ก็ทรงกวาดต้อนไพร่พลทรัพย์สมบัติมากมายกลับไปที่หงสาวดี แน่นอนรวมทั้งรูปสัมฤทธิเหล่านี้ด้วย (แสดงให้เห็นว่าไอ้การกวาดต้อนสมบัติไพร่พลนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชนะ พี่ไทยก็ทำ พม่าก็ทำ จะมาชี้หน้าด่ากันที่หลังไม่ได้) จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:03:58

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับรีวิวชุดนี้และชุดที่แล้วๆมาครับ สนุกและอินไปกับทุกตอนเลยครับ โดยเฉพาะรีวิวชุดนี้ จากคุณ : vuddiken เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:04:32

ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อชนชาติอาระกัน(ยะไข่)ตีหงสาวดีแตกในสมัยของพระเจ้านันทบุเรง ได้เผาหงสาวดีราบเป็นจุล กวาดต้อนผู้คนทรัพย์สินมีค่ากลับไปมรัคอูด้วย รวมทั้งรูปสัมฤทธิพวกนี้ (จำได้หรือเปล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพเสด็จไปตีกรุงหงสาวดี แต่เสด็จไปไม่ทันพวกยะไข่ที่ตีหงสาวดีแตกก่อนที่จะทรงยกทัพไปถึง) จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:04:40

ความคิดเห็นที่ 85 ต่อมาในปีคศ. 1784 พระเจ้าปะดุงแห่งราชวงศ์คองบอง ทรงนำทัพไปตีมรัคอูได้สำเร็จราบคาบ ทรงอัญเชิญพระมหามุนีอันเป็นที่รักเคารพของชาวยะไข่มาไว้ที่อมรปุระพร้อมทั้งรูปสัมฤทธิทั้งหลาย ต่อมาเมื่อย้ายเมืองหลวงมาที่มัณฑะเลย์รูปสัมฤทธิพวกนี้ก็ย้ายตามพระมหามุนีมาที่วัดนี้ จนถึงปัจจุบัน เอารูปไปให้พ่อดิฉันดู พ่อบอกว่าเมื่อก่อนไอ้รูปพวกนี้เค้ากองๆไว้ข้างๆวัดเลยนะ แบบของไม่มีค่าอะไรเลย (พ่อมาเที่ยวพม่าเมื่อยี่สิบปีก่อน) เดี๋ยวนี้เขาล็อคกุญแจไว้ค่ะต้องเกาะลูกกรงดู นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ยังไงๆมันก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีวันอยู่กับเรา พม่าลากไป ไทยลากมาด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : flymom เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 08:05:16