ความคิดเห็นที่ 1 รวมลิ้งค์รีวีวิวทริป GERMAN AUTUMN LEAVES R I Q U E W I H R : หมู่บ้านมรดกโลก เมืองแห่งไร่องุ่น เมืองริค-เวีย http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11455252/E11455252.html C O L M A R : ลิตเติ้ลเวนิซ เมืองน่ารัก เมืองโกลม่าร์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11460817/E11460817.html N E U S C H W A N S T E I N : ปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11470665/E11470665.html F R A N K F U R T : เมืองหลวงทางการค้าของเยอรมัน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11475687/E11475687.html H E I D E L B E R G : เสน่ห์เมืองโรแมนติค เสน่ห์เมืองไฮเดลแบร์ก http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11479143/E11479143.html F R E I B U R G : เดินละเลียดชมเมืองน่ารัก เมืองไฟรบวร์ก http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11486344/E11486344.html BLACK FOREST : ล่องเรือในทะเลสาบ Titisee, แวะชมทุ่งดอกเรปส์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11490877/E11490877.html ETTAL ABBEY : เยี่ยมสำนักสงฆ์เอ็ททาล, พาชมโบสถ์แสวงบุญมรดกโลก โบสถ์วีส์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11495019/E11495019.html O B E R A M M E R G A U  : เดินละเลียดชมหมู่บ้านกำแพงสวย, แวะเยี่ยมปราสาทลินเดอร์โฮฟ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11499685/E11499685.html MUNICH LOVES YOU : เสน่ห์เมืองมิวนิก เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมัน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11501929/E11501929.html N Y M P H E N B U R G Palace : พระราชวัง นึ้มเฟ่นบวร์ก, เดินเที่ยวชมตลาดฟิคทูอาเลี่ยนมาร์คท http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11504803/E11504803.html RESIDENZ MUNCHEN : พระราชวังเรซิเด้นซ์มุ้นเช่น ชมขุมทรัพย์อันล้ำค่าแห่งบาเยิร์น http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11508829/E11508829.html ภาพวิวเมืองมิวนิก ถ่ายจากหอคอยของโบสถ์เพเทอร์สเคี้ยเช่อะ (Perterskirche) แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 23:20:47 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:31:12

ความคิดเห็นที่ 2 " Munich Loves You " เป็นคำขวัญน่ารักๆของเมือง มิวนิก เมืองที่มีเสน่ห์แห่งแคว้นบาวาเรีย เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมันมาแล้ว แน่นอนวันนี้เรามาทำความรู้จักเมืองนี้กันครับ มิวนิก (Munich) หรือที่เรียกในภาษาเยอรมันว่ามึนเชน (Munchen) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศเยอรมนี เป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมในเยอรมนีตอนใต้ เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) หรือ บาเยิร์น (Bayern) ในภาษาเยอรมัน ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:31:33

ความคิดเห็นที่ 3 รัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ ภาพ Diana Temple ในสวนหย่อมโฮฟการ์เท่น (Hofgarten) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:31:53

ความคิดเห็นที่ 4 มิวนิก เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 รองจากแบร์ลิน (Berlin) และ ฮัมบูร์ก (Hamburg) เมืองมิวนิกได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ด้วยมีแม่น้ำอิซาร์ (Isar) ไหลผ่าน กับอยู่ทางด้านเหนือของเทือกเขาแอลป์ ซึ่งจากประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า แรกเริ่มเดิมทีมีพระจากสำนักสงฆ์เทแก้ร์นเซ (Kloster Tegernsee) มาตั้งรกรากริมฝั่งแม่น้ำอิซาร์ และได้เรียกชื่อที่นี้ว่า มึนเชน (Munchen) ในภาษาเยอรมันคำว่า Monchen แปลว่า พระ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 00:37:58 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:32:14

ความคิดเห็นที่ 5 แต่หลังจากดยุกไฮน์ริชใจสิงห์ (Heinrich der Lowe) แห่งแคว้นซักเซ่น ปัจจุบันคือรัฐที่เมืองเดรสเด่น (Dresden) และไลป์ซิก (Leipzig) ตั้งอยู่ ได้รับตำแหน่งขุนนางแห่งแคว้นบาเยิร์นจากฟรีดริชที่ 1 บาบาดรสซา (Friedrich I Barbarossa) ก็ได้ขยายเมืองบนพื้นที่เมิ้นเช่นด้วยการสร้างโรงกระษาปณ์ จัตุรัสเมือง และป้อมปราการ (ปี คศ 1156) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:32:32

ความคิดเห็นที่ 6 ความที่เมืองเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เลยทำให้ชื่อเสียงที่เคยเรียกพื้นที่นี้ว่าเมิ้นเช่นเพี้ยนเป็นมุ้นเช่น (Munchen) หรือมิวนิก กระนั้นเมื่อตระกูลวิทเทลบาคส์ขับไล่พระเจ้าเฮนรีออกไปในปี คศ 1180 ก็ได้เข้าครอบครองพื้นที่มิวนิก ก่อนแต่งตั้งให้นิวนิกเป็นเมืองพระราชฐานแห่งราชวงศ์วิทเทลบาคส์ในเวลาต่อมา แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 21:33:30 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:32:53

ความคิดเห็นที่ 7 ทว่าช่วงศตวรรษที่ 17 การถูกทำลายยับเยินช่วงสงคราม 30 ปี และกาฬโรคที่ระบาดคุกคามประเทศแถบยุโรปนั้น ก็ทำให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในมือของกุ๊สต๊าฟที่ 2 อะโดฟ แห่งสวีเดน (Gustav II Adolf of Sweden) ระหว่างปี คศ 1651 - 1679 ในสมัยของเจ้าอีเล็กเตอร์แฟร์ดินานท์ มารีอา (Ferdinand Maria) ก่อนถูกเปลี่ยนมือไปมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งกว่าเมืองมิวนิกจะมีการพัฒนาอย่างจริงจังก็ต้องรอไปจนถึงปี คศ 1806 โน่น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:33:59

ความคิดเห็นที่ 8 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาของกษัตริย์มักซ์โยเซฟและพระเจ้าลุดหวิกที่ 2 ที่สร้างเมืองได้อย่างสวยสดงดงาม จนกลายเป็นไอไลท์ของการท่องเที่ยวจนถึงทุกวันนี้ น่าเสียดายที่มิวนิกถูกผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำลายเสียหายไปกว่าครึ่งเมือง ไม่อย่างนั้นนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราคงได้ชมความงดงามของมิวนิกกันแบบเต็มๆ มุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายภาพกัน เสียดายที่ยอดโดมอันหนึ่งของโบสถ์หัวหอมคู่เฟราเอ้นเคี้ยเช่อะ (Frauenkirche) กำลังถูกซ่อมแซมอยู่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:34:20

ความคิดเห็นที่ 9 มิวนิก เคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมันมาแล้ว และคำขวัญน่ารักๆของเมืองนี้คือ " Munich Loves You " จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:34:46

ความคิดเห็นที่ 10 จุดท่องเที่ยวในเมืองมิวนิกส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองเก่า และศูนย์กลางของเขตเมืองเก่าเรียกว่า จัตุรัสมาเรียนปลัตส์ (Marienplatz) เป็นที่พบปะชุมนุม ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มานานหลายศตวรรษ  ปัจจุบันเป็นลานกว้างสำหรับคนเดิน ตรงกลางจัตุรัสมีเสาพระแม่มารีทองคำซึ่งเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสแห่งนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:35:06

ความคิดเห็นที่ 11 อาคารที่เด่นเป็นสง่าตรงหน้าจัตุรัส คือศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ เรียกว่า นอยเยอรัทเฮาส์ (Neue Rathaus) สร้างในสไตล์นีโอโกธิกในกลางคริสตศตวรรษที่ 19 มีหอคอยสูงกว่า 80 เมตร จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:35:30

ความคิดเห็นที่ 12 ศิลปะการก่อสร้างศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ นี้ประกอบไปด้วยหินแกะสลักรูปบุคคลสำคัญของรัฐบาเยิร์น (กษัตริย์ ดยุก และนักบุญ) ทางด้านหน้า ตัวศาลา ถูกออกแบบโดยเกออร์ก ฟอน เฮาบ์แบริสซาร์ (Georg von Hauberrisser) ขณะที่มีอายุเพียง 24 ปี เพื่อทดแทน ศาลาว่าการหลังเก่าอันคับแคบเกินไป ก่อนใช้เวลาสร้างนานถึง 3 ระยะด้วยกันคือ ระยะแรกก่ออิฐทางส่วนตะวันออก ในปี คศ 1867 - 1874 ระยะต่อเติมด้านหลังในปี คศ 1889 - 1892 และระยะที่สร้างส่วนซีกตะวันตก พร้อมหอคอยอันเป็นที่ตั้งของตุ๊กตาเต้นระบำ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:35:49

ความคิดเห็นที่ 13 ซึ่งใครอยากขึ้นไปชมวิวสวยของเมือง ที่หอสูงของศาลาว่าการหลังใหม่นี้ เขามีลิฟท์ให้บริการด้วยครับ แต่ผมว่าสู้ขึ้นไปชมจากหอคอยอัลท่าร์ เพเทอร์ไม่ได้ เพราะหากปีนขึ้นหอคอยของศาลาหลังใหม่ นี้ จะไม่เห็นศาลาหลังใหม่อันงดงามนั่นเอง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:36:11

ความคิดเห็นที่ 14 ที่บริเวณศาลาว่าการหลังใหม่นี้ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้วยที่ชั้นล่าง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยว หรือสามารถหาซื้อแผนที่ชมเมืองและหนังสือภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:36:32

ความคิดเห็นที่ 15 หน้าศาลาว่าการหลังใหม่ที่เรายืนอยู่นี้ เรียกว่าจัตุรัสมาเรียนปลัตส์ (Marienplatz) จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองมิวนิก และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินชมเมืองที่ดีที่สุดในมิวนิก ในยุคกลางแถบนี้เคยเป็นตลาดและใช้เป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงต่างๆมาก่อน ต่อมาในปี คศ 1807 ตัวตลาดได้ย้ายไปอยู่ใกล้ๆกับย่านฟิคทูอาเลี่ยนมาร์คท จึงทำให้มาเรียนพลัทซ์ลดบทบาทลง ทว่ามันก็ยังเป็นศูนย์กลางของเมืองอยู่เหมือนเดิม เวลาชาวเมืองมีงานสำคัญๆอะไรก็ยังมาจัดกันที่นี่อยู่เช่นเคย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:36:51

ความคิดเห็นที่ 16 รอบๆมาเรียนพลัทซ์นี้จะเต็มไปด้วยวิวไฮไลต์ของมิวนิกอย่างที่เห็นตามสื่อโฆษณาหรือตามโปสการ์ด ไม่ว่าจะเป็นยอดหัวหอมสีเขียวของโบสถ์เฟราเอ้นเคี้ยเช่อะ ศาลาว่าการหลังเก่าสไตล์โกธิกที่ปัจจุบันใช้เป็นที่ต้อนรับแขกเมือง พิพิธภัณฑ์ของเล่น แต่ที่เด่นที่สุดคงจะเป็นเสาพระแม่มารีสีทอง (Marien's Column) ซึ่งชาวเมืองเขาใช้เสาพระแม่มารีเป็นจุดหลักเริ่มนับระยะทางจากตัวเมืองมิวนิกครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:37:11

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับเสาพระแม่มารีสีทองนี้ มีประวัติน่าสนใจทีเดียว เริ่มจากก่อตั้งขึ้นเพราะพระเจ้าอีเล็กเตอร์มักซิมิเลียนที่ 1 ในปี คศ 1632 (ออกแบบโดยแฟร์ดินานท์ มัวมันน์) เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพระแม่มารีที่เมืองรอดพ้นจากการถูกโจมตี ตัวเสาทำด้วยหินอ่อนสีแดง ยอดเป็นที่ประทับของพระแม่มารีสีทองอันสง่างาม (ผลงานของช่างศิลป์ฮุแบร์ทแกร์ฮาร์ท) ซึ่งยืนอยู่บนจันทร์เสี้ยวและอุ้มพระบุตรในอ้อมแขน หากสังเกตุให้ดีจะพบว่าแต่ละด้านของฐานอนุสาวรีย์มีรูปปั้นเด็กผู้ชายยืนถือโล่และดาบตั้งท่าต่อสู้กับสัตว์ร้ายได้แก่ สิงห์ มังกร และงู อันเป็นสัญญาลักษณ์ของการสิ้นสุดสงคราม โรคระบาด ความอดอยาก และพวกนอกรีตนั่นเอง จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:38:20

ความคิดเห็นที่ 18 เสาพระแม่มารี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:38:39

ความคิดเห็นที่ 19 พระแม่มารีสีทองยืนอยู่บนจันทร์เสี้ยวและอุ้มพระบุตรในอ้อมแขน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:38:58

ความคิดเห็นที่ 20 รูปปั้นเด็กผู้ชายยืนถือโล่และดาบตั้งท่าต่อสู้กับสัตว์ร้าย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:39:17

ความคิดเห็นที่ 21 บริเวณจัตุรัสแห่งนี้มักจะมีศิลปินสมัครเล่นมากมายมาเปิดการแสดง ทั้งเล่นดนตรี แต่งตัวแปลกๆ หรือบางคนก็ทำตัวเป็นหุ่นเลียนแบบท่าทางประหลาด สร้างความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาเป็นอย่างมาก วันที่พวกเราเข้าไปเดินพอดีเจอการเดินขบวนประท้วงกันที่หน้าจัตุรัสด้วยครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:39:36

ความคิดเห็นที่ 22 จัตุรัสมาเรียนปลัตส์ (Marienplatz) เมื่อก่อนจะรู้จักกันในชื่อชรันเน่น (Schrannen) แต่ตอนหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Marienplatz เพื่อขอบคุณพระแม่มารีที่ช่วยให้มิวนิกรอดพ้นจากอหิวาตกโรค จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:39:56

ความคิดเห็นที่ 23 ด้านหน้ามีหินแกะสลักรูปบุคคลสำคัญอยู่เต็มไปหมด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:40:15

ความคิดเห็นที่ 24 หน้าศาลาว่าการหลังใหม่ หากเป็นช่วงเดือน พย - เมย จะเปิดให้เข้าชมวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. และปิดให้บริการในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ แต่ถ้าเป็นช่วงเดือน พค - ตค จะเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น. (เวลาอาจเปลี่ยนแปลงไว้ โปรดตรวจสอบให้ดีอีกครั้ง) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:40:33

ความคิดเห็นที่ 25 ไฮไลต์อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชมเมือมายืนที่จัตุรัสมาเรียนปลัตส์ นั่นคือการรอชมตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ ซึ่งตุ๊กตาเต้นระบำดังกล่าวจะอยู่บนหอคอยระฆังสูง 85 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของศาลาว่าการหลังใหม่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:41:12

ความคิดเห็นที่ 26 ตรงกลางหอคอยมีหอนาฬิกาที่เรียกว่า Glockenspiel ซึ่งจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้ชมกันในเวลา 11 นาฬิกา และเที่ยงตรง ในหน้าร้อนจะเพิ่มรอบ 5 โมงเย็นอีกหนึ่งรอบ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:41:31

ความคิดเห็นที่ 27 ชั้นแรกเป็นพาเหรดของอัศวินเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีสมรสของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในอดีต มีอัศวินขี่ม้าออกมาดวลกันจนตายไปข้าง ใครไปดูลองดูดี ๆ นะครับว่าอัศวินสีเงินหรืออัศวินสีทองเป็นผู้ชนะ  ส่วนอีกสองชั้นเป็นการเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองที่ชาวเมืองมีชีวิตรอดจากโรคระบาดในปี ค.ศ.1517 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:41:53

ความคิดเห็นที่ 28 สัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเมือง คือโบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche ออกเสียงว่า เฟรา เอน เคีย เชอะ) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก สร้างตามแบบโกธิกในปี ค.ศ. 1468 ด้วยอิฐสีแดง แทนที่จะสร้างด้วยหินเหมือนโบสถ์โกธิกทั่วไป ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 20 ปี จึงแล้วเสร็จ (เสียดายที่ยอดโดมอันหนึ่งของโบสถ์หัวหอมคู่เฟราเอ้นเคี้ยเช่อะ กำลังถูกซ่อมแซมอยู่) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:42:12

ความคิดเห็นที่ 29 ฟ้าเป็นใจมากๆเลยค่ะ จากคุณ : เก๊กฮวยเย็น เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:42:14

ความคิดเห็นที่ 30 ด้านหน้ามีหอคอยคู่สูงถึง 99 เมตร  จริง ๆ หอคอยทั้งสองควรจะมียอดแหลมตามแบบฉบับของโกธิก แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง  ต่อมาภายหลังจึงได้ต่อเติมเป็นโดมหัวหอมขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันแทน ทำให้โบสถ์นี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิวนิค จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:42:31

ความคิดเห็นที่ 31 ปีใหม่หนีเที่ยวไหนครับ จากคุณ : พ่อน้องมินนี่ (minnie_dad) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:42:53

ความคิดเห็นที่ 32 ตึกพิพิธภัณฑ์ของเล่น (Spielzeugmuseum) ที่บริเวณจัตุรัสมาเรียนปลัตส์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:42:57

ความคิดเห็นที่ 33 เดินทะลุด้านหลังตึกพิพิธภัณฑ์ของเล่น ไปจะพยโบสถ์ไฮลิกไก้สท์เคี้ยเช่อะ (Heiliggeistkirche) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:43:17

ความคิดเห็นที่ 34 โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปะแบบโกธิก ภายในมีภาพวาดปูนเปียกเฟรสโกและปูนปั้นสทัคโค (Stucco) ที่ตกแต่งโดยพี่น้องตระกูลอาซัม (Asam) ผู้บุกเบิกศิลปะสมัยร็อกโคโค คนเดียวกับที่สร้างโบสถ์อาซัมเคี้ยเช่อะ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:43:35

ความคิดเห็นที่ 35 การได้ปีนหอคอยสูงเพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองมิวนิกเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เมื่อยืนอยู่ที่จัตุรัสมาเรียนปลัตส์ มองดูรอบๆจะเห็นหอคอยสูงที่มีนาฬิกาติดโดยรอบถึง 8 เรือนอยู่ลิบๆ เราจะขึ้นไปชมวิวเมืองมิวนิกบนนั้นกันครับ หอคอยนี้เป็นหอคอยของโบสถ์เพเทอร์สเคี้ยเช่อะ (Perterskirche) ซึ่งหอคอยนี้ชาวเมืองเขาเรียกอย่างรกใคร่ว่า อัลท่าร์ เพเทอร์ (Alter Peter) หรือ ปีเตอร์แก่ ครับ เป็นหอคอยสูง 13 ชั้น และมีบันได 303 ขั้น จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:43:54

ความคิดเห็นที่ 36 ค่าขึ้นปีนคอคอย ราคา 1.5 ออยโร ไม่แพงเลย คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปและคุ้มค่าเหนื่อยกับการออกแรงปีนขึ้นไปข้างบน เพราะวิวทิวทัศน์เมื่อมองลงมาจากบนหอคอยสวยงามเกินคำบรรยายครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:44:14

ความคิดเห็นที่ 37 หลังจากที่ชำระเงินที่เค้าน์เตอร์บริเวณทางขึ้นแล้ว อาจจะต้องยืนต่อรอคิวปีนขึ้นหอคอยสักพัก ขึ้นอยู่กับว่าช่วงขณะนั้นคนขึ้นลงที่มาใช้บริการมีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากทางขึ้นลงหอคอยค่อนข้างแคบและชันมาก ทำให้เดิรสวนกันลำบากมากๆ ดังนั้นควรเดินด้วยความระมัดระวังและพยายามใช้ราวจับให้เป็นประโยชน์ บางช่วงอาจต้องหยุดรอให้คนที่เดินลงมาผ่านไปก่อน ที่สำคัญหากมีอาการเหนื่อยหอบ ควรหยุดพักเป็นระยะๆเพราะอาจทำให้หน้ามืดเอาได้ง่ายๆ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:44:33

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน ถ้าเป็นวันที่คนใช้บริการกันมาก จะเต็มไปด้วยผู้คนเดินเบียดกันแน่นแทบขยับตัวไม่ได้ อย่างไรก็ตามวิวทิวทัศน์สวยงามมากครับ ด้านทิศเหนือเราจะเห็นศาลาว่าการหลังใหม่ ยอดเสาพระแม่มารี โบสถ์หัวหอมคู่เฟราเอ้นเคี้ยเช่อะ (Frauenkirche) รวมทั้งเห็นโบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ (Theatinerkirche) สีเหลืองทองอยู่ด้านหลังศาลาว่าการอีกด้วย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:44:56

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนทางด้านทิศตะวันออกสามารถมองเห็นตึกพิพิธภัณฑ์ของเล่น (Spielzeugmuseum) และโบสถ์ไฮลิกไก้สท์เคี้ยเช่อะ (Heiliggeistkirche) ได้อย่างชัดเจน ส่วนทางด้านทิศใต้เป็นวิวตลาดฟิคทูอาเลี่ยนมาร์คท จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:45:15

ความคิดเห็นที่ 40 โบสถ์เพเทอร์สเคี้ยเช่อะ (Perterskirche) เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.30 -19.00 ยกเว้นวันพุธปิดตั้งแต่เวลา 12.00 น. ส่วนหอคอยอัลท่าร์ เพเทอร์ หากเป็นฤดูร้อน เปิดให้บริการวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 18.30 น. วันเสาร์ขอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 10.00 - 18.30 น. แต่ถ้าเป็นฤดูหนาววันจันทร์-ศุกร์เวลา 9.00 - 17.30 น. วันเสาร์ขอาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 10.00 - 17.30 น. จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:45:38

ความคิดเห็นที่ 41 หอคอยโบสถ์ไฮลิกไก้สท์เคี้ยเช่อะ (Heiliggeistkirche) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:45:59

ความคิดเห็นที่ 42 การเดินทางมาจัตุรัสมาเรียนปรัสต์ สะดวกสบายเพราะมีทั้ง S-Bahn และ U-Bahn วิ่งมาจอดที่จัตุรัสแห่งนี้ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:46:22

ความคิดเห็นที่ 43 e3 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:46:37

ความคิดเห็นที่ 44 e4 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:46:54

ความคิดเห็นที่ 45 e5 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:47:08

ความคิดเห็นที่ 46 ประตูเมืองคาร์ลส์ทอร์ (Karlstor) หนึ่งใน 3 ประตูเมืองที่ยังคงเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ (เดิมทีมิวนิก มีประตูเมืองถึง 5 ประตูแต่ผลจากสงครามจึงทำให้ปัจจุบันคงเหลือเพียง 3 ประตูเท่านั้นคือ คาร์ลส์ทอร์ (Karlstor) อิซาร์ทอร์ (Isartor) และเซนดลิงเงอะทอร์ (Sendlinger Tor) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:47:28

ความคิดเห็นที่ 47 สำหรับประตูคาร์ลส์ทอร์ (Karlstor) ถือเป็นประตูที่เปิดเข้าสู่เขตถนนคนเดินเส้นหลักของมิวนิกก็ว่าได้ เชื่อมต่อกับถนน Neuhauser Strasse ถนนซ๊อปปิ้งสายหลักของเมือง ที่มักเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายในวันเสาร์ ภาพประตูคาร์ลส์ทอร์ ยามค่ำคืน พวกเราพักอยู่แถวประตูเมืองคาร์ลส์ทอร์ เลยต้องเดินผ่านทุกวัน จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:47:47

ความคิดเห็นที่ 48 จากจัตุรัสมาเรียนปลัตส์ เมื่อเดินเข้าถนน Wein Strasse เพื่อต่อไปยังถนน Theatinerstrasse ถนนเส้นนี้จะเต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนมนับไม่ถ้วน และบนถนนเส้นนี้ยังมีซ๊อปปิ้งคอมเพล็กซ์เล็กๆซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอีกด้วย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:48:07

ความคิดเห็นที่ 49 ข้างในซ๊อปปิ้งคอมเพล้กซ์แห่งนี้ มีร้านอาหารไทยชื่อว่า ร้านไข่มุกให้บริการอยู่ด้วยครับ พวกเราฝากท้องมื้อกลางวันไว้ที่ร้านอาหารไทยไข่มุกครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:48:26

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่นึกว่าจะมาเจอความแดงที่ใจกลางเมืองมิวนิก ในภาพคือสวนหย่อมเล็กๆในซ๊อปปิ้งคอมเพล็กซ์ครับ ที่นี่ปลูกต้น โมะมิจิ เอาไว้ พวกเราเลยแวะเข้าไปเก็บรุปมาฝากครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:48:48

ความคิดเห็นที่ 51 f1-1 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:49:10

ความคิดเห็นที่ 52 f2 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:49:27

ความคิดเห็นที่ 53 จากจัตุรัสมาเรียนปลัตส์ เมื่อเดินมาจนสุดปลายถนน Theatinerstrasse จะพบ เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ (Feldherrnhalle) และโบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ (Theatinerkirche) เด่นเป็นสง่าต้อนรับพวกเราครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:49:48

ความคิดเห็นที่ 54 เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ (Feldherrnhalle) สร้างขึ้นระหว่างปี คศ 1841 - 1844 โดยพระเจ้าลุดหวิกที่ 1 ได้มอบหมายให้สถาปนิกชื่อ ฟรีดริช ฟอนแกร์ทเน่อร์ (Friedrich von gartner) เป็นผู้สร้างเฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ (Feldherrnhalle) เพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ทัพบาวาเรียในการทำสงความฝรั่งเศส-ปรัสเซีย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:50:09

ความคิดเห็นที่ 55 เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ สังเกตุง่ายๆด้วยรูปปั้นสิงห์โตคู่ด้านหน้าสองฝากฝั่งเป็นรูปปั้นของนักบุญ และมีรูปปั้นแม่ทัพบาวาเรียอยู่ด้านใน ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดงานต่างๆเช่น งานคอนเสิร์ต จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:50:29

ความคิดเห็นที่ 56 ทั้งนี้ เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ กลายเป็นที่ที่มีชื่อเสียงหลังจากตำรวจกับพวกนาซีได้ทำการสู้รบขนาดย่อมในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยพวกนาซีได้เดินขบวนจากถนนลุดหวิก ไปยัง เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ แต่ตำรวจได้มาสลายการเดินขบวนในครั้งนั้นพร้อมสังหารผู้คนเดินขบวนไปเป็นจำนวนถึง 16 คน และนี่เองคือที่มาที่ฮิตเล่อะให้ทุกคนที่เดินผ่านต้องทำความเคารพพวกนาซี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:50:50

ความคิดเห็นที่ 57 เยื้องกันกับ เฟลท์แอร์นฮัลเล่อะ จะเห็นโบสถ์สีเหลืองสด ชื่อว่าโบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ (Theatinerkirche) เป็นโบสถ์บาซิลิกา (ในคริสต์ศาสนาหมายถึงโบสถ์ที่มีความสำคัญมาก เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญโดยเฉพาะสันตะปาปา) เป็นแลนด์มาร์กสำคัญทางเหนือของเขตเมืองเก่า อยู่หน้าจัตุรัส Odeonsplatz จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:51:09

ความคิดเห็นที่ 58 โบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ (Theatinerkirche) เป็นโบสถ์ที่เจ้าอีเล็กเตอร์แฟร์ดินานท์ มารีอา นักปกครองบาเยืร์นผู้รักความสงบและพระชายาสั่งให้สร้างขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของโอรสมักซ์ เอมานูเอล (Max Emanuel) ในปี คศ 1662 ที่ต่อมาขึ้นครองรัฐบาเยิร์นเป็นพระเจ้ามักซิมิเลียนที่ 2 เอมานูเอล (คนละคนกับพระเจ้ามักซิมิเลียนที่ 2 พระบิดาของพระเจ้าลุดหวิกที่ 2) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:51:31

ความคิดเห็นที่ 59 โบสถ์นี้ใช้เวลาสร้างตั้งแต่ปี คศ 1663 - 1690 ในแบบอิตาเลียนบาร็อก ด้วยฝีใอของสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่ออะโก้สติโน่ บาเรลลี่ (Agostino barelli) ซึ่งมีต้นแบบมาจากโบสถ์อังเดรอา เดลล่า วัลเล่อะ (Andrea della valle) แห่งกรุงโรม ส่วนหอคอยสองหอ โดมด้านหลัง และด้านหน้าตึกถูกต่อเติมขึ้นภายหลัง โบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ (Theatinerkirche) ตัวโบสถ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 - 19.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:51:51

ความคิดเห็นที่ 60 ด้านตรงกันข้ามกับโบสถ์ธีอาทิน่าเคี้ยเช่อะ จะพบสวนหย่อม ชื่อว่าโฮฟการ์เท่น (Hofgarten) จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:52:14

ความคิดเห็นที่ 61 สวนนี้สร้างขึ้นในช่วงปี คศ 1613 - 1617 โดยพระประสงค์ของพระเจ้ามักซีมิเลี่ยนที่ 1 เดิมเป็นศิลปะแบบเรอเนสซองซ์แบบอิตาเลี่ยน หลังถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงถูกสร้างใหม่ให้บางส่วนเป็นแบบสวนอังกฤษ ที่มีดอกไม้นานาพันธ์ให้ได้ชมกัน แต่ในฤดูที่ไม่มีดอกไม้จะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:52:33

ความคิดเห็นที่ 62 ที่ใจกลางสวนมีศาลาเป็นศูนย์กลางตั้งอยู่ ชื่อว่า Diana Temple จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:52:52

ความคิดเห็นที่ 63 เดือนตุลาคมไม่มีดอกไม้บาน มีแต่ใบไม้เปลี่ยนสี จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:53:13

ความคิดเห็นที่ 64 g5 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:53:29

ความคิดเห็นที่ 65 g6 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:53:45

ความคิดเห็นที่ 66 g7 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:53:59

ความคิดเห็นที่ 67 g8 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:54:17

ความคิดเห็นที่ 68 g9 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:55:08

ความคิดเห็นที่ 69 มาเที่ยวเยอรมันทั้งที ถ้าไม่ได้ทานขาหมูทอดเยอรมัน เดี๋ยวถูกต่อว่าว่ามาไม่ถึงเยอรมัน พวกเราแวะทานทานขาหมูทอดร้าน Donisl บริเวณจัตุรัสมาเรียนปลัตส์ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:55:25

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบขาหมูอยู่แล้ว แต่โฮ้โฮ พอได้ลองชิมของที่เยอรมัน ขอบอกว่าของเค้าอร่อยจริงๆครับ ลืมภาพขาหมูพะโล้ติดมันเมืองไทยไปเลย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:55:48

ความคิดเห็นที่ 71 มื้อถัดไปในวันรุ่งขึ้นผมถึงสะกิดเพื่อนว่า ไม่แวะร้าน Donisl อีกสักครั้งหรือ ปรากฏว่าได้ทานขาหมูทอด 2 วันเลย จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:56:08

ความคิดเห็นที่ 72 h4 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:56:25

ความคิดเห็นที่ 73 h5 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:56:39

ความคิดเห็นที่ 74 h6 จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:57:00

ความคิดเห็นที่ 75 ขอปิดท้ายรีวิวด้วยภาพ ศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ นอยเยอรัทเฮาส์ (Neue Rathaus) ถ่ายจากหอคอยของโบสถ์เพเทอร์สเคี้ยเช่อะ (Perterskirche) ครับ   ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่เข้ามาและชมรีวิว และแสดงความคิดเห็นครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:57:28

ความคิดเห็นที่ 76 เมืองสวยมากครับบบ ตามไปเที่ยวชมต่อครับบ จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:59:15

ความคิดเห็นที่ 77 สวยงามมากค่ะ จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:59:15

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามาเก็บข้อมูลเที่ยวมิวนิคด้วยค่ะ ขาหมูน่าทานมากกก ใบโมมิจิในส่วนหย่อมก็สีสันได้ใจเหลือเกิน ^^ จากคุณ : Blue Whale เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:01:25

ความคิดเห็นที่ 79 สวยมากค่ะ จากคุณ : Moohyper เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:07:38

ความคิดเห็นที่ 80 ชอบภาพมุมสูงมาก งามจริงๆครับ อยากไปยืนชมวิวและถ่ายภาพบนนั้นด้วย คงมีสักวัน ขอบคุณครับ จากคุณ : ฟองสบู่ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:53:58

ความคิดเห็นที่ 81 เมืองมิวนิคนี่อยากไปตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ ขอบคุณที่พาไปชมบรรยากาศเมืองนี้ครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:04:19

ความคิดเห็นที่ 82 คุณเก๊กฮวยเย็น ............ ใช่ครับ ทริปนี้โชคดีมากๆครับ เพราะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีส่วนใหญ่จะเจอฝนน่ะครับ แต่พวกเราโชคดีที่ส่วนใหญ่เจอฟ้าเปิด ขอบคุณครับที่มาเที่ยวด้วยกัน คุณ พ่อน้องมินนี่.............. สวัสดีครับคุณแต้ ปีใหม่ไปอียิปต์รอบสองครับ คราวนี้ขึ้นไปทางเหนือ ตรงส่วนมรดกโลก อะบูซิมเบล อัสวาน ลุกซอร์ครับ คุณ Bpearl ..............ขอบคุณครับ คุณBlue Whale .................รู้สึกว่าที่สวนหย่อมเข้าตั้งใจปลูกแต่โมะมิจิน่ะครับ ความแดงไม่แพ้ญี่ปุ่นแถบคันไซเลยครับ คุณMoohyper ................ขอบคุณครับ คุณฟองสบู่ ...................คุณฟองไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยของโบสถ๋Perterskirche เหรอครับ เสียดายจัง ข้างบนคนน่นมากๆเลย เขาทำเป็นทางเดินวน แต่บางคนก็เดินสวนน่ะครับ ต้องเอียงข้างเบี่ยงตัวกันอุดตลุดเลยครับ ค่าขึันไม่ถึงสองยูโร คุ้มค่ามาก เพราะจากข้างบนหอคอยมองลงมาสวยงามมากๆครับ คุณ Destiny-Boy .............ขอบคุณครับที่เข้ามาเที่ยวมิวนิก เมืองนี้มีเสน่ห์มากๆครับ เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย บริเวณเมืองเก่าน่าเดินชมพวกสถาปัตยกรรม โบสถ์ สวยงามมากๆ ถ้าเบื่อก็สามารถเดินเข้าห้างซ๊อปปิ้งได้อีกต่างหาก จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:21:10

ความคิดเห็นที่ 83 ตอนที่ไปเมืองมิวนิคได้ไปเที่ยวที่เดียวคือ จตุรัสมาเรียปลาสต์ รูปสวยมากๆ ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : NinaRita เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:24:43

ความคิดเห็นที่ 84 เมืองสวยดีครับ วิวบนโบสถ์นี่งามมากๆเลย ชอบสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ดูคลาสสิคดีครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:41:25

ความคิดเห็นที่ 85 กรีดร้องงง เค้าอยากไปเยอรมันนนนนนน ฮ่าๆ รูปสวยมวากกกก จขกท.เที่ยวบ่อยจัง >w< จากคุณ : ตัวตลกสีเทา เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:52:26

ความคิดเห็นที่ 86 ไปแล้วประทับใจมากๆ พิพิธภัณฑ์ของเล่นนี่ใช่ศาลาว่าการหลังเก่าหรือเปล่าครับ จากคุณ : kimmyCream เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 00:32:19

ความคิดเห็นที่ 87 เมืองเค้าสวยจิงๆเลยค่ะ จากคุณ : หมูอ้วนขี้อ้อน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 00:59:49

ความคิดเห็นที่ 88 รูปสวยมากค่ะ ชอบๆ จากคุณ : wasmb เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 02:35:18

ความคิดเห็นที่ 89 รูปสวยจังค่ะ จากคุณ : ปูใบไม้ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 03:39:15

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากเลยครับสำหรับรีวิว พยายามวิเคราะห์อยู่ว่ารูปของพี่จิโร่ทำไมดูดีลงตัวทุกรูป สุดท้ายสรุปว่าคงอยู่ที่พรสวรรค์หล่ะครับ...55..ตอนแรกกลุ้มใจอยู่ว่าจะไปนอนที่มิวนิคตั้ง 3 คืน จะไม่มีอะไรทำ ดูรีวิวนี้แล้วกลายเป็นว่า 3 คืนจะพอไหมเนี่ย...อีกอย่างรู้แล้วว่าทำไมภาพคมชัดทุกรูป เพราะว่ามีคนแบกขาตั้งกล้องให้นี่เอง จากคุณ : mordek1 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 06:42:57

ความคิดเห็นที่ 91 ดิฉันเดินประจำำแถวซิตี้ฮอลล์... จนรู้ว่ามุมไหนเป็นมุมไหน แหล่งท่องเที่ยวชมเมืองๆหลักๆของนักท่องเที่ยวคือบริเวณนี้ล่ะค่ะ และภายในรัศมีห้ากิโลเมตร จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 06:55:40

ความคิดเห็นที่ 92 คุณ NinaRita ................สวัสดีครับ จากการที่ได้ไปสัมผัส มิวนิก มา ผมว่าเมืองนี้มีเสน่ห์มากน่ะครับ มีทั้งเมืองเก่า+เมืองใหม่ ผสมผสานกันอยู่ในบริเวณเดียวกันได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างเพลิดเพลินเลยครับ คุณ Coffee Blended ..................ขอบคุณที่มาเที่ยวครับ ใครได้ไปสัมผัสสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมของยุโรป เป็นต้องหลงไหลทุกคนรวมทั้งผมด้วยครับ คุณ ตัวตลกสีเทา.............. สวัสดีครับ ผมเที่ยวประมาณปีละสองครั้งครับ ช่วงสงกรานต์กับปีใหม่ หรืออาจมีเพิ่มมากกว่าสองครั้งขึ้นกับว่าลางานได้หรือไม่อ่ะครับ ขอบคุณที่ชอบรูปที่ผมถ่ายครับ คุณ kimmyCream ...............ใช่ครับ เป็นอาคารศาลาว่าการหลังเก่า ที่ถูกระเบิดตอนสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารที่เห็นอยู่ตอนนี้เขาทำขึ้นใหม่น่ะครับ แล้วดัดแปลงเป็ฯพิพิธภัณฑ์ของเล่นครับ เห็นว่าเป็นของเล่นผมเลยไม่ได้เข้าไปดูว่าข้างในมีอะรน่าสนใจบ้าง คุณหมูอ้วนขี้อ้อน ...............ใช่ครับ เมืองเค้ามีเสน่ห์มากๆครับ เดินเที่ยวไม่เบื่อเลย คุณ wasmb ...............ยินดีครับ คุณ ปูใบไม้ .................ขอบคุณที่เข้ามาเที่ยวด้วยกันครับ คุณ mordek1 ...............ขาตั้งกล้องแบกเองครับ แบกตลอดตั้งแต่เช้ายันเย็น ที่เห็นในรูปที่นางแบบแบกอยู่ พอดีเขาขอยืมไปทำท่าโพสถ่ายรูปน่ะครับ ขาตั้งกล้องเนี่ยเป็นอะไรที่มีทั้งข้อดีและเสีย การนำติดตัวไปตลอดทำให้ทั้งไหล่และหลังเดี้ยงแต่ก็ต้องทนเอา เนื่องจากพอต้องการใช้ก็จะเห็นประโยชน์ของมันขึ้นมาทันทีเลย แต่ผมก็ไม่ได้ใช้ตลอดน่ะครับ จะใช้ก็ตอนถ่ายรูปหมู่ ตอนกลางคืน หรือตอนที่เข้าไปถ่ายรูปในโบสถ์น่ะครับ (ช่วงที่ไม่ได้ใช้ก็ต้องทนครับ).............. ที่มิวนิก 3 คืน น่าจะกำลังดีน่ะครับ ที่เดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมเยอะมาก และอยู่ในบริเวณเดียวกันไม่ไกลจากกันมากสามารถเดินถึงกันได้ครับ ..... อย่าลืมเข้าไปชมขุมทรัพย์ที่เรซิเด้นซ์มุ้นเช่น และนั่งรถรางไปชมพระราชวังนึ้มเฟ่นบวร์ก ด้วยน่ะครับ ทั้งสองที่ไม่ควรพลาดครับ เดี๋ยวมีรีวิวให้ชมครับ คุณ JidNince อาศัยอยู่ที่มิวนิกใช่ไหมครับ น่าอิจฉาจัง เมืองนี้มีเสน่ห์น่ารักมากๆไม่แพ้เมืองอื่นๆเลยครับ จากคุณ : Chris Evert เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 08:15:42