ความคิดเห็นที่ 1 อนุสรณ์สถานสมโภช 100 ปี เขตคลองสาน วงเวียนเล็กที่ไม่ได้เป็นวงเวียนแล้ว กับพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินองค์จำลอง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:20:04

ความคิดเห็นที่ 2 ป้ายบอกทางที่แยกวงเวียนเล็ก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:23:05

ความคิดเห็นที่ 3 วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า วัดพิชัยญาติ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:24:42

ความคิดเห็นที่ 4 วัดพิชัยญาติเดิมเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์ สามเณรอยู่จำพรรษา และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นมาในสมัยใด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:27:51

ความคิดเห็นที่ 5 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุญนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2384 แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ 3 ได้รับพระราชทานนามว่า วัดพระยาญาติการาม แต่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดพิชัยญาติ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:33:04

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีตอนเช้าค่ะ แวะมาให้กำลังใจก่อนนะคะ ขอบคุณที่นำมุมมองใหม่ ๆ มาให้ดู เป็นคนกรุงเทพฯ มา 40 กว่าปี วันหยุดไม่รู้จะไปไหน ก็ไปแต่ทะเล กับห้างสรรพสินค้า วันหยุดนี้อยู่หัวหิน วันหยุดครั้งหน้า ขอนุญาตเก็บข้อมูลไปเที่ยวด้วยนะคะ จากคุณ : หาอะไรก็เจอ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:34:35

ความคิดเห็นที่ 7 ประตูด้านหน้าวัดจะเห็นพระเจดีย์คู่สีขาวเด่นมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:35:33

ความคิดเห็นที่ 8 คุณหาอะไรก็เจอ - สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ                         ขอให้เที่ยวหัวหินอย่างมีความสุข ไม่เจอฝนหนักนะครับ ......................................................................................... เข้าประตูหน้าวัดมาจะเห็นเจดีย์คู่อยู่ด้านหน้า พระอุโบสถอยู่ตรงกลางพระปรางค์ 3 องค์ อยู่ด้านหลัง หน้าบันของพระอุโบสถอยู่ใน ระดับตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน้าบันมุขของพระปรางค์องค์ใหญ่ ดูลงตัวสวยงามมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:41:24

ความคิดเห็นที่ 9 หนึ่งในพระเจดีย์คู่ ทรงระฆังคว่ำ ศิลปะแบบลังกามีลักษณะคล้ายกับพระเจดีย์บรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช วัดโดยรอบ 23 วา สูง 11 วาเศษ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:43:22

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อมองผ่านประตูเข้าไปข้างใน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:45:24

ความคิดเห็นที่ 11 มีพระพุทธรูปและรูปปั้นพระเถระให้สักการะและปิดทอง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:46:52

ความคิดเห็นที่ 12 ด้านข้างพระอุโบสถ รูปทรงพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 จั่วจีน 2 ชั้นไม่มีช่อฟ้า ใบระกา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:49:01

ความคิดเห็นที่ 13 ด้านหน้าพระอุโบสถก็ยังมีการประดับเสาแบบจีน มีลวดลายมังกรแสดงถึงสิ่งที่เป็นสิริมงคล จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:52:45

ความคิดเห็นที่ 14 ขอไปด้วยค่ะ ตามมาเก็บข้อมูล  เอาไว้ไปตามรอยค่ะ นี่ก็ว่าจะไปแถวนั้นพอดีเลย ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : คุณนายช่างคอม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:54:59

ความคิดเห็นที่ 15 ภายในพระอุโบสถจะมีคนมานั่งภาวนาสมาธิกันอยู่หลายคน ส่วนมากเป็นผู้หญิง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:56:20

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : หนุ่ม ณ วันวาน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 08:58:16

ความคิดเห็นที่ 17 คุณคุณนายช่างคอม - ด้วยความยินดีเลยครับ ขอให้สนุกนะครับ ................................................................... ประตูลงรักปิดทองเป็นรูปเซี่ยวกางยืนบนหลังสิงห์ เช่นเดียวกับวัดแบบพระราชนิยมทั่วไป ลวดลายที่ผนังผสมกลมกลืนระหว่างไทย-จีน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:00:09

ความคิดเห็นที่ 18 คุณหนุ่ม ณ วันวาน - เชิญตามมาเลยครับ ........................................................ ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานที่เป็น พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยสุโขทัยที่อัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลก ชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า หลวงพ่อสมปรารถนา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:02:15

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีชื่อเรียกว่า สมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า(อ่านว่า สิด-ทาด-พุทธเจ้า) หน้าตักกว้าง 3 ศอกเศษ สูง 3 ศอก 1 คืบเศษ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:04:21

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาชมวัดสวยๆในกรุงเทพฯต่อครับ จากคุณ : white koala เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:04:40

ความคิดเห็นที่ 21 คุณwhite koala - ขอบคุณที่ตามมาชมครับ ............................................................ เพดานของพระอุโบสถ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:07:01

ความคิดเห็นที่ 22 ด้านหลังพระอุโบสถ จะเห็นมีคนใส่ชุดขาวอยู่ทั่วไปในวัด ผมเพิ่งมาทราบภายหลังว่าวัดนี้คือวัดที่แม่ชีทศพรผู้อื้อฉาวประจำอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:08:12

ความคิดเห็นที่ 23 รอบฐานพระอุโบสถด้านนอก มีหินแกรนิตรายล้อมทั้ง ๔ ด้าน แต่ละด้านมีภาพแกะสลักเรื่องราวพงศาวดารจีนเรื่อง “สามก๊ก” ภาพนี้มาจากเว็บไซต์ครับวันนั้นผมไม่ได้ถ่ายไว้ วันหลังคงต้องกลับไปถ่ายซ่อมครับ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:11:23

ความคิดเห็นที่ 24 พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่บนแท่นหน้าพระปรางค์ 3 องค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:13:38

ความคิดเห็นที่ 25 พระปรางค์ มีอยู่ 3 องค์ องค์ใหญ่วัดโดยรอบฐาน 33 วา 2 ศอกเศษ ส่วนสูง 21 วา 1 ศอกเศษ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:14:56

ความคิดเห็นที่ 26 พระปรางค์องค์เล็ก 2 องค์ แต่ละองค์ มีขนาดและรูปทรงเหมือนกัน คือ วัดโดยรอบฐาน 15 วา สูง 11 วาเศษ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:16:22

ความคิดเห็นที่ 27 ภายในพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ไว้ในลักษณะที่ทั้งสี่องค์นั่งหันหลังชนกันหันหน้าออกไปด้านนอกทั้งสี่ทิศ คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า พระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระกัสสปะพุทธเจ้า พระโคตมะพุทธเจ้า และเป็นที่บรรจุอัฐิตระกูลบุนนาค จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:18:05

ความคิดเห็นที่ 28 มองจากพระเจดีย์ไปยังพระอุโบสถด้านหน้า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:19:07

ความคิดเห็นที่ 29 พระปรางค์องค์เล็ก ๒ องค์ องค์ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ หรือพระศรีอาริย์ องค์ด้าน ทิศตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ๔ รอย สลักไว้บนแผ่น ศิลาสำริด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:22:00

ความคิดเห็นที่ 30 ติดตามผลงานตลอดค่ะ เราคอเดียวกันเลยชอบเที่ยวศิลปวัฒนธรรม แต่หาเพื่อนร่วมทริปลำบากค่ะ เลยไปคนเดียวตลอด ๆ ทริปหน้าไปไหนค่ะ จากคุณ : travel alone2010 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:24:21

ความคิดเห็นที่ 31 ออกจากวัดพิชัยญาติก็เดินไปวัดอนงคารามที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่ปากซอยมีห้องแถวไม้ชั้นเดียวเก่าแก่แต่สภาพดี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:24:44

ความคิดเห็นที่ 32 คุณtravel alone2010 - ขอบคุณที่ติดตามครับ ไปเที่ยวแบบนี้คนที่ไปด้วยต้องชอบเหมือนๆกันครับ ถ้าไม่ยังงั้นไปคนเดียวดีกว่า                                 จริงๆแล้วผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอารูปวัดไหนมารีวิวตอนต่อไปครับ แต่วันนี้ถ้าฝนไม่ตกคิดว่าจะไปวัดชนะสงครามกับวัดอินทารามครับ ............................................................................... วัดอนงคาราม เรียกกันสั้นๆว่า วัดอนงค์ เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:34:40

ความคิดเห็นที่ 33 วัดนี้เมื่อเดิมได้ชื่อว่า วัดน้อยขำแถม ตามชื่อของผู้สร้างคือ ท่านผู้หญิงน้อย ภริยาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุนนาค) ป้ายเหนือกรอบประตูสู่พระวิหารเป็นภาษาจีน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:36:21

ความคิดเห็นที่ 34 พระวิหาร มองจากนอกกำแพงวัด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:37:45

ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อเข้าประตูแล้วมองไปทางขวา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:38:41

ความคิดเห็นที่ 36 จะเห็นศาลเจ้าจีนคู่กับศาลาแบบไทย สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของสองวัฒนธรรม จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:40:23

ความคิดเห็นที่ 37 พระวิหารหน้าบันเป็นลายดอกไม้ประดับกระจกสวยงามมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:42:02

ความคิดเห็นที่ 38 พระมณฑป สร้างขนาบข้างพระวิหารเป็นแบบที่สวยงามแปลกตา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:43:05

ความคิดเห็นที่ 39 พระประธานในพระวิหารเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:44:31

ความคิดเห็นที่ 40 หล่อด้วยโลหะปิดทอง ได้รับการถวายพระนามว่า พระจุลนาค และยังมีพระพุทธรูปยืนสององค์คู่กัน หล่อด้วยโลหะปิดทองอยู่หน้าบุษบก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:46:27

ความคิดเห็นที่ 41 พระอุโบสถ หน้าบันเป็นลายดอกลอยตัว บานประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำ ลงรักปิดทอง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:48:24

ความคิดเห็นที่ 42 ด้านหลังของพระวิหารต่อพระอุโบสถ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:50:34

ความคิดเห็นที่ 43 ออกจากวัดอนงค์ก็เดินเข้าซอยไปจนถึงที่นี่ครับ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:52:37

ความคิดเห็นที่ 44 อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:54:21

ความคิดเห็นที่ 45 อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สร้างขึ้นตามกระแสพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ที่จะให้อนุรักษ์อาคารเก่าซึ่งมีลักษณะและที่ตั้งใกล้เคียง “บ้าน” ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยประทับ ในอุทยานมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:57:40

ความคิดเห็นที่ 46 นายแดง นานา และนายเล็ก นานา ผู้ถือกรรมสิทธ์ที่ดิน ได้พร้อมใจน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน 4 ไร่ บ่อน้ำพุในอุทยาน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 09:58:58

ความคิดเห็นที่ 47 อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ในพื้นที่ชุมชนหลังวัดอนงคารามก็เลยเกิดขึ้น และสร้างเสร็จเมื่อต้นปี 2540 ทางเข้าอุทยานอีกด้านหนึ่ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:01:15

ความคิดเห็นที่ 48 ตามเข้าวัดด้วยคนครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:02:11

ความคิดเห็นที่ 49 ด้านหนึ่งของสวนได้ประดิษฐาน พระราชานุสาวรีย์สมเด็จย่า หล่อด้วยโลหะ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:02:55

ความคิดเห็นที่ 50 คุณม่วงมหากาฬ - เชิญตามมาเลยครับ ตอนนี้อยู่ที่อุทยานฯร่มรื่นมากครับ ........................................................................... ประทับนั่งในพระอิริยาบถทรงพระสำราญ เหมือนกับกำลังประทับเล่นอยู่ในสวน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:06:18

ความคิดเห็นที่ 51 แผ่นหินแกะสลักภาพพระราชกรณียกิจสมเด็จย่า จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:07:22

ความคิดเห็นที่ 52 อีกด้านหนึ่งเป็นภาพแกะสลักกระบวนแห่ไหว้สาแม่ฟ้าหลวง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:08:30

ความคิดเห็นที่ 53 ศาลาแปดเหลี่ยม ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสครบ 8 รอบ วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่ได้ทรงเสด็จสวรรคตก่อนสร้างแล้วเสร็จ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 54 10:11:37 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:09:38

ความคิดเห็นที่ 54 ที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) อธิบดีกรมพระคลังสินค้าสมัยต้นรัชกาล ที่ 5 จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:12:36

ความคิดเห็นที่ 55 สถาปัตยกรรมแบบจีนซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3  เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของข้าทาสบริวารเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:13:47

ความคิดเห็นที่ 56 บริเวณอุทยานร่มรื่นไปด้วยสวนป่า ที่มากไปด้วยพรรณไม้ต่างๆ มีต้นไม้ใหญ่เก่าแก่หลายต้น ต้นไทรอายุนับ 100 ปี ให้ร่มเงา ที่ร่มครึ้มไปทั่วบริเวณ บางส่วนของรากเลื้อยรัดซุ้มประตู เป็นความงามที่ธรรมชาติมอบให้ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:15:42

ความคิดเห็นที่ 57 เดินผ่านซุ้มประตูมาแล้วมองกลับไป อาคารทางซ้ายเข้าใจว่าเป็นศูนย์ศิลปะ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:16:39

ความคิดเห็นที่ 58 เรือนจำลองบ้านเดิมของสมเด็จย่า ในอุทยานฯ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:19:53

ความคิดเห็นที่ 59 ตามมาเที่ยววัดที่เจ็ดด้วยคนครับ ^^ จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:21:08

ความคิดเห็นที่ 60 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ ‘แม่เล่าให้ฟัง’ เมื่อปี พ.ศ.2523 เกี่ยวกับ ‘บ้าน’ ที่ประทับแห่งแรกของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ซึ่งทรงเล่าไว้นั้น มีความตอนหนึ่งว่า “...เมื่อจำความได้แม่ก็อยู่ที่ธนบุรีแล้ว ที่ซอยซึ่งปัจจุบันเป็นซอยวัดอนงค์ ‘บ้าน’ นั้นเหมือนห้องแถวชั้นเดียวแต่มีหลายห้องแทนที่จะเป็นห้องเดียว ‘บ้าน’ จะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารซึ่งก่อด้วยอิฐ หลังคาเป็นกระเบื้อง และประกอบด้วยหลายชุดด้านหนึ่งของ ‘บ้าน’ มี 4-5 ชุดซึ่งมีคนอยู่ อีกด้านหนึ่งพังไปแล้วและร้าง ‘บ้าน’ ที่อยู่นั้นเก่าพอใช้และอยู่ในสภาพไม่ดี เพราะไม่มีการซ่อมแซมเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไม้ เช่น พื้นนั้นผู้เช่านำมาเอง ข้างหน้าบ้านมีระเบียง พื้นเป็นไม้ปิดข้างๆ และมีหลังคามุงจาก ส่วนนอกก่อนถึงถนนเป็นอิฐ แล้วจึงเป็นถนน เมื่อเข้าไปบ้านแล้วจะมีห้องโล่งๆ ด้านขวามียกพื้นซึ่งเป็นทั้งห้องพระและห้องประกอบอาชีพของพ่อแม่...” จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:21:22

ความคิดเห็นที่ 61 คุณไผ่พริ้ว (PyDE) - หวังว่าจะได้พบคุณในตอนที่ 8 ด้วยนะครับ ................................................................................ ด้านข้างอาคารมีการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ของเดิมไว้  หลังคาจึงเว้นไว้ให้ต้นไม้ทะลุขึ้นไป จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:24:28

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นเงาสะท้อนกระจกในภาพ คงต้องไปถอย CPL filter เสียแล้วละครับ ....................................... “หน้าบ้านมีระเบียง  พื้นเป็นไม้ปิดข้างๆ และมีหลังคามุงจาก” จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:29:22

ความคิดเห็นที่ 63 “เมื่อเข้าไปบ้านแล้วจะมีห้องโล่งๆ ด้านขวามียกพื้นซึ่งเป็นทั้งห้องพระและห้องประกอบอาชีพของพ่อแม่” จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:31:09

ความคิดเห็นที่ 64 “ถัดไปซึ่งมีห้องเป็นห้องนอนและข้างหลังจะมีห้องครัวยาวตลอด  ซึ่งกั้นด้วยกำแพงนี้มีที่โล่ง ๆ   ซึ่งจะไปถึงได้ถ้าอ้อมไปเพราะทางไม่มีประตูดอก   ในบ้านไม่มีห้องน้ำ  การอาบน้ำนั้นอาบกันที่บ้าน  ตุ่มน้ำจะตั้งที่ระเบียงหรือไปอาบกันที่คลองสมเด็จเจ้าพระยา” (จากพระนิพนธ์) จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:33:31

ความคิดเห็นที่ 65 หลังจากนั้นเราเดินต่อไปยังศาลเจ้ากวนอูที่อยู่ติดกับอุทยานฯ ในรูปเป็นเก๋งจีนสามชั้นหน้าศาล จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:34:34

ความคิดเห็นที่ 66 ศาลเจ้ากวนอู เป็นศาลเก่าแก่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในชุมชนวัดอนงค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:35:34

ความคิดเห็นที่ 67 ด้านหน้าเก๋งจีน 3 ชั้น ริมเจ้าพระยา จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:37:18

ความคิดเห็นที่ 68 ประตูบ้านแบบจีนเก่าแก่ข้างศาลที่ใส่กุญแจไว้ บ้านนี้มีเรื่องบังเอิญให้เราแปลกใจ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:39:03

ความคิดเห็นที่ 69 เราขึ้นไปบนเก๋งจีนสามชั้น บนชั้นสองมีพระสังกัจจายน์ประดิษฐานอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:39:57

ความคิดเห็นที่ 70 หลังพระสังกัจจายน์มีรูปปั้นเทพกวนอูอยู่ 3 องค์ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:40:56

ความคิดเห็นที่ 71 ที่ชั้นสามมีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ คือ พระศรีศากยมุณีพุทธเจ้า พระอติตาภะพุทธเจ้า และ พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:42:23

ความคิดเห็นที่ 72 ทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชั้นสาม มองไปทางซ้ายจะเห็นสะพานพระปกเกล้าฯ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:43:39

ความคิดเห็นที่ 73 มองไปทางขวา เห็นอาคารใบหยก 2 อยู่ไกลๆ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:44:47

ความคิดเห็นที่ 74 อาคารแบบจีนเก่าแก่ข้างศาลที่ประตูใส่กุญแจอยู่ ดูสวยมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:46:03

ความคิดเห็นที่ 75 กลับลงมาจากเก๋งจีนแล้วเข้าไปในศาล จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:46:54

ความคิดเห็นที่ 76 อีกมุมหนึ่ง เจ้าหน้าที่ดูแลศาลที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เป็นมิตรมาก ช่วยอธิบายประวัติความเป็นมา และบอกให้ถ่ายรูปได้อย่างที่ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:51:05

ความคิดเห็นที่ 77 ตุ๊กตาฝรั่งแบกคานแสดงถึงความอัดอั้นตันใจที่มีต่อฝรั่งนักล่าอาณานิคม จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:51:53

ความคิดเห็นที่ 78 รูปปั้นเทพกวนอูองค์ที่มีอยู่เดิมแต่ต้นจะอยู่ด้านในสุด 3 องค์ ที่อยู่บริเวณกึ่งกลางของศาล ที่เห็นมีอยู่มากมายนั้นเป็นองค์เทพที่มีผู้มีจิตศรัทธานำมาถวายในภายหลัง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:53:04

ความคิดเห็นที่ 79 มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ด้วย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:53:52

ความคิดเห็นที่ 80 หุ่นปูนปั้นเรื่องไซอิ๋วที่ผนังด้านหนึ่ง จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:55:32

ความคิดเห็นที่ 81 ตอนที่ผมถ่ายรูปและพูดคุยกับคนดูแลศาลอยู่ก็มีเฮียคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย ปรากฏว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านจีนเก่าแก่หลังที่อยู่ข้างศาล และยินดีเปิดให้เราเข้าไปดูในตัวบ้าน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:56:55

ความคิดเห็นที่ 82 เราดีใจกันมากเพราะไม่คิดจะมีจังหวะดีอย่างนี้ บ้านนี้เดิมทำกิจการน้ำปลา ตอนนี้ย้ายไปทำอยู่ที่มหาชัย จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:58:30

ความคิดเห็นที่ 83 กรมศิลป์ได้ขึ้นทะเบียนบ้านหลังนี้ไว้แล้ว ประเมินค่าบูรณะเป็นเงินถึง 17 ล้านบาท จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 10:59:38

ความคิดเห็นที่ 84 สภาพบ้านทรุดโทรมค่อนข้างมาก ผมหวังว่าจะได้รับการบูรณะให้กลับมาคงสภาพเดิมในเร็ววัน จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:02:18

ความคิดเห็นที่ 85 หากได้รับการบูรณะ คงจะสวยงามน่าชมมาก จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:03:32

ความคิดเห็นที่ 86 หวานใจผมกับเฮียผู้ใจดี ยอมเสียเวลาเปิดบ้านให้เราเข้าชม ขอบคุณอย่างมากอีกครั้งครับ จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:05:15

ความคิดเห็นที่ 87 อิ่มอกอิ่มใจกับโชคและจังหวะที่ไม่คาดคิด เดินกลับออกไปตามซอยเล็กๆมีห้องแถวไม้ชั้นเดียวแบบดั้งเดิม จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:10:42

ความคิดเห็นที่ 88 ตึกแถวสองชั้นในซอยสร้างขึ้นตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:12:16

ความคิดเห็นที่ 89 เดินลัดเลาะไปตามซอยจนออกมาถึงวงเวียนเล็ก เพื่อเดินข้ามกลับไปลงเรือที่ท่าสะพานพุทธฯ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนศึกษานารีที่มีชื่อเสียง ..................................................................... ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดู แสดงความเห็นและช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ ขอบคุณเว็บไซต์ที่เข้าไปหาข้อมูล phichaiyat.com, swcs.ac.th, gotomanager.com และ theprincessmothermemorialpark.org จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 11:23:01