ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้เป็นวันที่ 2 แล้ว เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้าเพราะว่าตื่นเต้นพอสมควรที่จะได้เดินทางไปสัมผัสกับองค์พระธาตุอินทร์แขวนอันเลื่องลือ จริงๆ นอนไม่หลับต่างหาก     ตื่นเต้นมากกว่าเพราะจริงๆ แล้วเรานัดรถให้มารับเวลาประมาณ 9 โมงครึ่งของเวลาพม่า อาจเป็นเพราะกังวลเรื่องการเดินทาง เพราะระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร แล้วไหนจะเรื่องรถที่เราจะต้องนั่งขึ้นไปอีก เพราะก่อนมาก็เตรียมข้อมูลมาแล้วพอจะรู้ว่าเราจะต้องขึ้น รถขนหมู  ที่คนไทยเรียกรถหกล้อที่ใช้บรรทุกคนขึ้นสู่พระธาตุอินทร์แขวน   ชีวิตของผู้คนชาวเมียนมาร์ในทุกๆ เช้า  จะสังเกตได้ว่าชาวพม่ายังคงถือ ปิ่นโตสแตนเลส  เป็นภาชนะใส่อาหารเพื่อไปหม่ำในที่ทำงานในช่วงเวลาพักกลางวัน       เป็นภาพที่หาไม่ค่อยได้แล้วในเมืองหลวงของไทย นอกจากจะเห็นได้จากที่วัด ที่คนใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารเพื่อไปทำบุญใส่บาตรในวัดซะส่วนใหญ่   แต่ในตัวเมืองย่างกุ้งมีให้พบเห็นได้ทั่วไป  เป็นความน่ารักอีกแบบหนึ่งทีเดียว   แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 54 01:32:53 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:06:50

ความคิดเห็นที่ 2 ชีวิตในยามเช้าที่เร่งรีบของชาวพม่าก็ไม่ต่างอะไรไปจากผู้คนในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ของไทยสักเท่าไหร่  มีเพียงความแตกต่างที่เห็นได้จากวัฒนธรรมการแต่งกายที่ดูจะต่างกันไปบ้าง  ผู้หญิชาวพม่านุ่งผ้าถุง ผู้ชายนุ่งโสร่งเอาเสื้อทับในถือปิ่นโตมีให้พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองย่างกุ้งแทบทุกที   นับว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่เมื่อมองเห็นแล้วก็ดูน่ารักแปลกตาไปอีกแบบ     ใครที่ไปเที่ยวพม่าแล้วลองใช้เวลาช่วงเช้าๆ ออกมาเดินเล่น มองดูผู้คนเดินไปเดินมาก็จะได้ชมความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวพม่าได้อีกแบบหนึ่งค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:08:26

ความคิดเห็นที่ 3 เราใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองย่างกุ้ง ไปที่เมืองหงสาวดี ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วแต่ความเร็วของรถที่ขับและดูว่าเราแวะระหว่างทางมากน้อยแค่ไหน  มาถึงเมืองหงสาวดีก็เป็นเวลาหม่ำอาหารกลางวันของเราพอดีเลยค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:11:44

ความคิดเห็นที่ 4 วันนี้จะพาไปหม่ำมื้อกลางวันที่ร้าน  Three Five Restaurant  เป็นร้านอาหารออกแนวอาหารพม่ามากๆ ค่ะ ลองไปดูกันค่ะว่าอาหารพม่าที่เมืองหงสาวดีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างนะคะ    ภาพอาจเบลอไปเยอะเลยนะคะ เพราะเกรงใจลูกทัวร์มากๆ เลยค่ะ (คนจะหม่ำถ่ายอยู่ได้   )  แต่ก็พยายามเก็บภาพมาให้ดูนะคะแต่ได้มาแค่อย่างละภาพแบบเบลอๆ อีกต่างหาก   ปลากะพงทอด  จานแรกโรยมาด้วยมันฝรั่งทอดกรอบ  หน้าตาแปลกดีนะคะ  แต่รสชาติใช้ได้เลยค่ะ อร่อยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:14:24

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นรีวิวพม่าแล้วใจจะขาด...  ป้าอยากไปสำรวจให้ทั่วประเทศเลยค่ะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:15:34

ความคิดเห็นที่ 6 มารอทานมื้อกลางวันด้วยคนครับ ^_^ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:17:17

ความคิดเห็นที่ 7 คุณป้าฟู   ขอบคุณมากๆ นะคะที่แวะมาเที่ยวพม่าด้วยกันค่ะ  คิดเหมือนป้าฟูเลยค่ะ  อยากไปสำรวจพม่าให้ทั่วเลยค่ะ     .............. กุ้งย่าง   อยู่ย่างกุ้งไม่ได้หม่ำ ต้องมาหม่ำกุ้งย่างที่เมืองหงสาวดีนะคะ   อร่อยมากๆ เลยค่ะ ทั้งมันกุ้งและทั้งไข่กุ้งเลอะมือไปหมดเลยค่ะ  เป็นเมนูที่ทุกๆ คนชอบมากๆ เลยค่ะ       ปอลอ   พนักงานที่ร้านบริการดีมากๆ เลยนะคะ เห็นแขกที่มาหม่ำอาหารมือเลอะ ก็รีบดึงทิชชู่เตรียมไว้ให้รอตลอดเลยนะคะ ไม่ต้องมีใครบอกเลยค่ะ ประทับใจมากๆ เลยล่ะค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:19:49

ความคิดเห็นที่ 8 มีอะไรกินบ้างน้องตะวัน จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:20:04

ความคิดเห็นที่ 9 ตามไปเที่ยวพม่าเมืองหงสาด้วยคนค่ะ คุณตะวัน จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:21:39

ความคิดเห็นที่ 10 พี่ต๊ะ    มไวนะคะเนี่ย  สงสัยจะได้กลิ่นกุ้งย่าง  สงสัยอีกอย่างวันนี้ต้องมารีวิวพร้อมกันอีกแน่ๆ เลยใช่เปล่าคะ     ลุงม่วง   มาไวอีกคนเลยนะคะ  ไปค่ะไปหม่ำๆ กันก่อนที่จะออกเดินทางต่อนะคะ  ภาพอาหารเบลอีกต่างหาก     ............. หมูผัดพริกหวาน   จานนี้ก็อร่อยมากค่ะ ชอบค่ะ คล้ายๆ ผัดน้ำมันหอยบ้านเราเลยค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:24:31

ความคิดเห็นที่ 11 เค้ามาเร็วแล้ว น้า ฮิ๊ว ๆ ตามไปด้วย พี่ตะวัน จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:25:02

ความคิดเห็นที่ 12 แวะมาชมต่อครับ น้องตะวัน เปิดมาก็ทำผมหิวซะแล้ว ตามชมต่อครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:26:09

ความคิดเห็นที่ 13 คุณปริม   ตามมาๆ เลยค่ะ ตอนนี้พาไปหม่ำๆ ก่อนนะคะ ภาพเบลอีกต่างหากด้วยนะคะเนี่ย     .............. หมูผัดพริก   จานนี้ไม่ได้ลองชิม  แต่ถามคนที่ชิมเค้าบอกว่าคล้ายๆ หมูผัดพริงขิงของบ้านเราค่ะ แต่จะออกมันๆ เค็มๆ กว่า ไม่หวานเหมือนของเราค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:27:02

ความคิดเห็นที่ 14 ไปพม่าด้วยน้องสายแข็ง เปิดภาพมาก็เริ่มด้วยของกินเหมือนเดิมเลยน้าาาา จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:29:22

ความคิดเห็นที่ 15 วันนี้มาปาดทันด้วยจ้ะตะวัน ขอตามไปหลงรักพม่ากับรีวิวสวยๆของตะวันต่อ นะจ๊ะ ภาพสวยมากๆเลย แต่ดูเหมือนรูปอาหารจะทำให้หิวได้นะเนี่ยรีวิวนี้ จากคุณ : Princess of Napier เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:32:22

ความคิดเห็นที่ 16 พี่ฟ้าใส   มาได้ไงเนี่ย    อุตสาห์แอบๆ มาแล้วเชียวนะเนี่ย  พี่อีกแล้วหมั่นไส้     พี่กัปตันฯ   มาเที่ยวพม่ากันต่อนะคะ  ภาพอาหารมันเบลอมากๆ เลยนะคะ ไม่น่าจะชวนให้หิวได้นะคะเนี่ย   ............. ซ้ำอีกแล้วนะคะ   แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 54 01:37:27 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 54 22:35:41 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:32:26

ความคิดเห็นที่ 17 ตะวันจ๋า ... วันนี้เหนื่อยมากทั้งกายใจ เกดไปนอนก่อนนะ ... แล้วพรุ่งนี้จะตื่นมาอ่านนะ สู้ๆๆ Fighting!!! แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 54 22:33:09 จากคุณ : GeD^_^GeD เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:32:30

ความคิดเห็นที่ 18 ถูกครับ เห็นชื่อตะวันก็เตรียมหิวได้เลยครับ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:33:20

ความคิดเห็นที่ 19 น่ากินไปเสียทุกอย่างครับ จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:33:48

ความคิดเห็นที่ 20 มาขอเกาะจอรอชมชมภาคต่อนะครับตะวัน จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:35:09

ความคิดเห็นที่ 21 ว่าจะตามมาไหว้พระให้อิ่มใจ  กลับมาเจอภาพให้หิวแทน จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:36:21

ความคิดเห็นที่ 22 ตามไปเที่ยวพม่าด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:37:27

ความคิดเห็นที่ 23 ปาดดดดดดดดดดดด.....ขวาาาา ขอไปเที่ยวด้วยค่าาาา.... จากคุณ : ศรีญดาซัง เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:38:07

ความคิดเห็นที่ 24 ฮืมมม...กุ้งย่างเอยยยย...หมูผัดพริกเอยยยยยย เห็นแล้วหิวรอบดึกเลยนะเนี่ยยยยยยย จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:43:34

ความคิดเห็นที่ 25 พี่กาแฟเย็น   ตามมาๆ เที่ยวกันนะคะ อาหารอย่าไปสนใจค่ะ เป็นแต่เพียงภาพประกอบการเดินทางเฉยๆ นะคะ พี่ชอบว่าอ่ะ เลยถ่ายเบลอเลย   เตย   ตามมาหลงรักพม่าด้วยกันเลยค่ะ  ไปเที่ยวด้วยกันต่อเลยนะ อย่าไปสนใจอาหารเลยนะ   พี่เกด    ขอบคุณมากๆ ค่ะ ตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ อ้อ...จะไปนอนแล้วเหรอคะ เหนื่ยมากก็ไปพักผ่อนก่อนนะคะ แล้วค่อยมาชมต่อค่ะ     พี่ต๊ะ   ถูกคือว่าวันนี้จะมารีวิวเหมือนกันใช่เปล่าคะ  ภาพอาหารวันนี้อาจทำให้พี่ต๊ะผิดหวังได้นะคะ   พี่ฮีโร่   ตามมาๆ เลยค่ะ เดี๋ยววันนี้จะไปไปปีนเขานะคะ     น้าชาติ   ตามมาชมต่อเลยนะคะ เดี๋ยวเวลาไปเองแล้วจะได้ไม่งงนะคะ   .................. น้ำพริกกุ้ง   เมนูแนะนำของเค้าเลยนะคะ   ไม่ได้ลองชิมอีกเหมือนเดิม ไม่ชอบลองของแปลก    แต่ถามคนที่ชิมแล้วเค้าบอกว่าคล้ายๆ น้ำพริกนรก - สวรรค์ของบ้านเราล่ะค่ะ  แต่ของเราอร่อยกว่าเยอะเลยค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:46:14

ความคิดเห็นที่ 26 พี่เสือ   ตามมาไหว้พระด้วยกันค่ะ  ภาพอาหารเบลอๆ เป็นแค่ส่วนประกอบการเดินทางเฉยๆ นะคะ   คุณ เล็กทาโร่  ตามมาเที่ยวพม่าด้วยกันนะคะ  ไปช้าๆ นะคไม่รีบค่ะ   คุณ ศรีญดาซัง   ปาดเบาๆ นะคะ เดี๋ยวล้มค่ะ ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ   คุณปริม     กุ้งย่างเค้าอร่อยจริงๆ เลยนะคะ ติดใจอยู่เลยค่ะ   ............... และ  จานแปลกจานสุดท้าย   ให้  ทายว่าเป็น  อาหารคาว หรือ ขนม  เรียกว่าอะไร..... ????? นะคะ ใครตอบถูกคนแรกมีรางวัลให้ด้วยนะคะ    หากไม่มีคนตอบถูก เดี๋ยวเอาไว้เฉลยตอนท้าย     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:51:48

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบ  ของคาว  คือ ไข่ระเบิด ฮิ๊ว ๆ จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:53:36

ความคิดเห็นที่ 28 พามาเที่ยวเมืองหงสาวดีแล้ว ก็ต้องมาทำความรู้จักกับเมืองนี้กันก่อนะคะ     หงสาวดี อดีตราชธานีมอญ หงสาวดี หรือ พะโค  อ่านออกเสียงตามสำเนียงพม่าว่า  หานตาวดี  ภาษาอังกฤษเรียกว่า  Bago หรือ  Pegu  ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของสหภาพพม่ามาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมือง  เมาะตะมะ   ทางตอนใต้ของประเทศพม่าซึ่งอยู่ทางใต้ของ เมืองแปร เมืองคัง ยะไข่ อังวะ พุกาม นครหงสาวดีเป็นเมืองหลวงของเขตหงสาวดี ประวัติศาสตร์เมืองหงสาวดี หงสาวดีตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพะโค เป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้เข้ามาทำพิธีเจาะพระกรรณที่ฐานพระธาตุมุเตาขณะที่ยังอยู่ในเขตของมอญอยู่ และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอูเดิมเมืองหงสาวดีเก่า(ยุคมอญ)อยู่บริเวณตะวันออกของพระธาตุมุเตา ต่อมาจึงย้ายและสร้างให้ใหญ่กว่าเดิมในยุคพม่า หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนองเนื่องจากพระองค์ให้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงหลังศึกยุทธหัตถีแล้ว นัดจินหน่องได้ผูกมิตรกับเมืองยะไข่และอยุธยาเพื่อเข้าตีหงสาวดี แต่มหาเถรเสียมเพรียมได้ยุยงให้ตองอูไม่เข้ากับอยุธยา ดังนั้นเมื่อทัพตองอูมาถึงหงสาวดีก็ได้เข้าตีและล้อมเมืองเอาไว้ เมื่อทางหงสาวดีทราบว่าพระนเรศวรปราบมอญสำเร็จแล้วจึงเปิดประตูเมืองรับทัพตองอู พระเจ้านันทบุเรงมอบสิทธิ์ขาดในการบัญชาการทัพแก่นัดจินหน่องและเชิญพระเจ้านันทบุเรงไปประทับ ณ ตองอู เพื่อเตรียมรับทัพพระนเรศวร ตองอูได้กวาดต้อนพลเรือนและทรัพย์สินไปยังตองอู ทิ้งเมืองให้ยะไข่ปล้นและเผาเมือง ส่วนพระนเรศวรมาถึงหงสาวดีก็เหลือแต่เมืองที่ถูกเผาแล้ว พระนเรศวรจึงยกทัพไปตีตองอูต่อ เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดจบของกรุงหงสาวดี หลังจากนั้น ศูนย์กลางอำนาจของพม่าได้ย้ายไปยังอังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์ตามลำดับ จนถึงวันที่พม่าเสียกรุงให้แก่อังกฤษ ที่มาข้อมูล http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B5 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:55:04

ความคิดเห็นที่ 29 ว๊าาาาา มาไม่ทัน ของกินหมดแล้ว --" จากคุณ : Palm Jung Won เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 22:57:15

ความคิดเห็นที่ 30 พี่ฟ้าใส    เอาไว้เดี๋ยวค่อยเฉลยนะคะ   ไวมากๆ เลย ............. แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหงสาวดี   เมืองหงสาวดี มีโบราณสถานที่สำคัญได้แก่ พระเจดีย์ชเวมอดอว์ (พระธาตุมุเตา)   พระราชวังบุเรงนอง  พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว  และพระเจดีย์ไจ๊ปุ่น   ค่าตั๋วเข้าชม  สามารถซื้อตั๋วเข้าชมแบบรวมได้ในราคาคนละ  10 US  เข้าชมได้ทุกที่ๆ กล่าวมาข้างต้นเลยค่ะ การเดินทาง หงสาวดี อยู่ห่างจากตัวเมืองย่างกุ้งประมาณ  84  กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:01:12

ความคิดเห็นที่ 31 ประทับใจ องค์พระธาตุอินทร์แขวนมากๆ ได้มีโอกาสไปสักการะนับว่า เป็นสิ่งอันประเสริฐครั้งหนึ่งในชีวิตเลยครับ บรรยากาศโดยรอบ ชวนให้เกิดความปีติ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ติดตามชมรีวิวต่อนะครับ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:04:24

ความคิดเห็นที่ 32 พี่เถียน  มาช้าไม่เป็นไรค่ะ  ตามมาไหว้พระด้วยกันก่อนเลยนะคะ   ............... หลังจากหม่ำมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้วเรายังพอมีเวลาเหลือที่จะแวะเที่ยว มหาบูชาสถานที่สำคัญของเมืองหงสาวดีได้อีกที่หนึ่งค่ะ  นั่นก็คือ   Shwe Maw Daw Pagoda  พระมหาเจดีย์ ชเว มอว์ ดอว์ หรือพระธาตุมุเตา    ศาสนสถานสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเมืองหงสาวดี  เป็นพระธาตุเก่าแก่อายุกว่า  1,200  ปี เป็นพระเจดีย์ คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน และเป็นอีก  1 ใน  5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคด้วยค่ะ   ค่าเข้าชมเสียคนละ  10  US  สามารถเข้าชมวัดหรือสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองหงสาวดี หรือ Bago ได้ทุกที่  บัตรเข้าชมมีอายุ 1 อาทิตย์  ค่ากล้องไม่เสีย ข้อควรปฏิบัติ   ที่ขาดไม่ได้ทุกๆ ครั้งที่เราจะเข้าไปไหว้พระในวัดพระพม่าก็คือ ต้องถอดรองเท้า ถุงเท้ากันหมดทุกๆ คนเลยนะคะ   ส่วนใหญ่เราถอดรองเท้าไว้ที่รถเลย  เป็นที่รู้กันว่าเวลาลงรถถอดรองเท้า เวลาขึ้นรถก็เลยไม่ต้องใส่ซะงั้น   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:08:28

ความคิดเห็นที่ 33 คุณตี๋  พูดถูกมากๆ เลยค่ะ เพราะมีความรู้สึกแบบที่คุณตี๋พูดมาเลยค่ะ มันรู้สึกแบบว่าจะอมยิ้มและก็ดีใจมากๆ เลยนะคะเวลาได้มององค์พระธาตุอินทร์แขวนค่ะ     ............. พระธาตุมุเตา เป็นชื่อที่คนไทยรู้จักดี  คำว่า มุเตา เป็น  ภาษามอญ แปลว่า  จมูกร้อน เพราะพระเจดีย์มีความสูงมากที่สุดในพม่า  ทำให้ผู้ที่ไปสักการะต้องแหงนหน้าจนคอตั้งบ่า ถึงจะมองเห็นยอดเจดีย์ เป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าแผดเผาจมูกจนแสบร้อน     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:12:34

ความคิดเห็นที่ 34 รูปเปิดสวยน่ะ น้องตะวัน จากคุณ : the Sixth Floor เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:13:53

ความคิดเห็นที่ 35 ความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุมุเตาเป็นที่เลื่องลือ  และก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาแก่ชนชาวมอญและพม่า ในตำนานกล่าวไว้ว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของตองอู สมัยเป็นเพียงเจ้าชายวัย 14 พรรษา กล้าที่จะนำทัพบุกเข้าไปเมืองมอญ เพื่อทรง ทำพิธีเจาะพระกรรณตามราชประเพณี ที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้ ซึ่งกว่าศัตรูจะส่งทหารมาปิดล้อมได้หมด ก็ใกล้เสร็จพิธี และพระองค์ก็ทรงนำทหารฝ่าวงล้อมกลับตองอูได้โดยปลอดภัย     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:14:04

ความคิดเห็นที่ 36 อาหารน้องตะวันทำเอาหิวกลางดึกเลยค่ะ ภาพก็สวยมาก ๆ เลย วันนี้ทันถ่ายทอดสดด้วย ดีใจจัง จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:14:17

ความคิดเห็นที่ 37 ตามน้องตะวันไปเที่ยวพม่าต่อค่ะ จากคุณ : Memories pink เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:14:25

ความคิดเห็นที่ 38 พี่บอยฮะ   รูปเปิดสวยจริงๆ เหรอฮะ   ดีใจจังเลยค่ะ อย่าแกล้งชมนะคะ   พี่บง   ขอบคุณมากๆ ค่ะ  ตามมาเที่ยวพม่ากันต่อเลยนะคะ เดี๋ยวจะพาไปปีนป่ายกันต่อนะคะ   พี่แอน   ขอบคุณมากๆ นะคะ  ตามมาๆ ด้วยกันเลยนะคะ รถยังว่างเลยค่ะ   .............. ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนอง  ได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:20:19

ความคิดเห็นที่ 39 และแล้วความเสียใจของพุทธศาสนิกชนชาวมอญ พม่า ก็เกิดขึ้น เมื่อ เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่  5  กรกฏาคม  พ.ศ.2473  ส่งผลให้พระธาตุมุเตาหักพังลงมา และได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์จนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2497 และทางวัดได้นำชิ้นส่วนของพระธาตุองค์เดิมมาตั้งไว้ บริเวณลานทางทิศเหนือของพระธาตุองค์ใหม่ จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:22:17

ความคิดเห็นที่ 40 มาชมพม่าวันฟ้าสวยครับ แอบจิ๊กกุ้งย่างไปซักหน่อยนะครับ หิวววววววว จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:23:09

ความคิดเห็นที่ 41 ปัจจุบัน ณ  ตรงบริเวณชิ้นส่วนพระเจดีย์องค์เดิมได้    กลายเป็นจุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าหากใครมากราบไหว้บริเวณนี้จะช่วยให้ชี วิตมีความมั่นคงถาวร จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:23:57

ความคิดเห็นที่ 42 หลงรักพม่าเหมือนกัน อยากไปอีก ปล.ค่าตั๋วเข้าชม  สามารถซื้อตั๋วเข้าชมแบบรวมได้ในราคาคนละ  10 US เข้าชมได้ทุกที่ จากประสบการณ์ตรงคาดว่าไกด์เอาเข้ากระเป๋าตัวเองครับ จริง ๆ บางสถานที่ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมเลย จากคุณ : น้ำค้างเดือนเก้า เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:26:13

ความคิดเห็นที่ 43 พี่ป้อม    แอบจิ๊กไปได้เลยนะคะ  ตามมาเที่ยวพม่าในวันฟ้าใสๆ  ด้วยกันเลยนะคะ   ............. พระมหาเจดีย์ชเวมอดอว์ ถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า และเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่าด้วย ทุกวันนี้ผู้คนทั้งชาวพม่าและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาต่างพากันหลั่งไหลไ ปยังเมืองหงสาวดี หรือ พะโค ในปัจจุบันกันอย่างไม่ขาดสาย เพื่อกราบไหว้พระมหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงหงสาวดี จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:26:34

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ น้ำค้างเดือนเก้า  จริงๆ ด้วยนะคะ ว่าไปพม่าแล้วพอกลับมาหลายๆ คนรู้สึกแบบนี้กันหมดเลยนะคะ  ว่าหลงรักพม่าเข้าจริงๆ เลยค่ะ  ส่วนเรื่องตั๋วเข้าชมอันนี้ไม่รู้อ่ะค่ะ ก็จ่ายไปตามระเบียบที่เจ้าหน้าที่แจ้งมานะคะ   ............... ของแปลกอีกอย่างหนึ่งในขณะที่เราเดินชมรอบๆ  องค์พระธาตุมุเตา   ถ้าสังเกตดีๆ  ท่านจะได้เห็น ถังน้ำเย็นไฮเทคฯ ติดแอร์  ของเมืองหงสาวดี   แปลกดีค่ะ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเมืองไทยเราน่าจะลองนำมาใช้ดูบ้างก็คงจะดีนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:31:11

ความคิดเห็นที่ 45 วันที่เราเดินทางไปสักการะก็มีคนแวะเวียนมากราบไหว้กันอย่างไม่ขาดสายจริงๆ  ทั้งๆ ที่ต้องเดินด้วยเท้าเปล่ารอบๆ องค์พระธาตุเวลาเที่ยงๆ กันเลยทีเดียว  ไม่ต้องบอกเลยนะคะว่าเท้าร้อนมากแค่ไหน แต่ด้วยพลังศรัทธาที่เปี่ยมล้นทำให้เราไม่รู้สึกว่าร้อนเลยล่ะค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:33:00

ความคิดเห็นที่ 46 หญิงสาวชาวพม่า ปะแป้งทานาคา แทบทุกคนที่เห็นเลยค่ะ  ขายมะม่วงเปรี้ยวน่าหม่ำทีเดียวลองซื้อชิมดูนะคะ ไม่แพง แม้จะต่างภาษาแต่สำหรับเรื่องหม่ำแล้วไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราค่ะ      เชื่อหรือไม่ว่า  ถาดมะม่วงที่เห็นอยู่ตรงหน้าของเราเนี้ยพอสักพักมันจะย้ายไปอยู่บนหัวของเธอนั่นเองค่ะ   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:35:09

ความคิดเห็นที่ 47 บอกแล้วว่าผู้คนที่พม่าน่ารัก ใจดี ยิ้มแย้มและคอยให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหรือแขกผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดีค่ะ  ถึงแม้ว่าอาจจะสื่อสารด้วยภาษาพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่   แต่ภาษากายรับรู้และสัมผัสได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ     แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 54 23:37:24 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:36:20

ความคิดเห็นที่ 48 เด็กๆ กับอาชีพที่สุจริต  ขายไข่นกกระทา  เวลาเจอนักท่องเที่ยวเค้าก็จะแอบดูอยู่ห่างๆ แล้วเค้าจะคอยเหมือนบอกว่าอันนี้ให้ทำแบบนี้นะ  โดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยนะคะ  น่ารักมากๆ เลยค่ะ       จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:39:04

ความคิดเห็นที่ 49 ถังน้ำเย็นไฮเทคมากๆเลยครับ อยากทานมะม่วงจัง ^_^ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:39:12

ความคิดเห็นที่ 50 เจออาหาร 2 กระทู้ จะแย่แล้ว ตามไกด์คนสวยไปด้วยนะคะ จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:41:14

ความคิดเห็นที่ 51 ต้องขอบอกว่าแต่โมที่พม่าลูกใหญ่มากๆ เลยนะคะ ระหว่างทางที่เรานั่งรถมาจากย่างกุ้งมาหงสาวดีจะเห็นแผงขายแตงโมข้างทางเยอะไปหมดเลยค่ะ  ลองแวะซื้อดูได้นะคะ ไม่แพงค่ะ ลูกละประมาณ 1,000-1,500 จ๊าด  ( ประมาณ 35-50 บาทค่ะ แต่ลูกใหญ่มากๆ   )  มีทั้งสีเหลืองและสีแดงหวานมากๆ ค่ะ เราซื้อมา 2  ลูกตั้งใจจะเอาไปหม่ำที่อินแขวนแต่ด้วยที่ลูกมันใหญ่มากๆ  ไม่มีใครแบกขึ้นไปด้วย    เราเลยปล่อยให้มันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในรถ   สรุปว่าเราก็ได้เอามาหม่ำตอนกลับมาที่หงสาวดีอีกรอบนี่เองค่ะ  (จริงๆ แล้วร้านอาหารที่เราหม่ำข้าวกันแทบทุกมือจะมีแตงโมให้ทุกครั้งแทบจะทุกที่อยู่แล้วนะคะ     ) จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:41:37

ความคิดเห็นที่ 52 ซ้ำค่ะ   แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 54 23:48:47 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:46:53

ความคิดเห็นที่ 53 กุ้งตัวใหญ่จังเลยครับ แต่ไข่ระเบิดนี่น่าทานสุดๆเลยครับ ขอตามไปสักการะพระธาตุมุเตา กับ พระมหาเจดีย์ชเวมอดอว์ ด้วยคนครับ รอดูรีวิวส่วนที่เหลืออยู่ครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:49:09

ความคิดเห็นที่ 54 พี่ต๊ะ  แท็งค์น้ำไฮเทค จริงเลยนะคะ  มะม่วงก็อร่อยมากๆ เลยค่ะ เค้าบอกนะคะ ยังไม่ได้ลองชิมเองเลยค่ะ   พี่แหม่ม  ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ตามไกด์โก๊ะๆ มาเที่ยวด้วยกันต่อค่ะ  อาหารของตะวันสู้ของพี่ต๊ะ ไม่ได้เลยอ่ะค่ะ     ................. องค์พระธาตุมุเตาอีกภาพก่อนจะออกเดินทางต่อไปค่ะ  สมกับที่เป็นพระมหาเจดีย์ทองคำจริงๆ เลยนะคะ  สวยงามมากเลยค่ะ ยามต้องแสงอาทิตย์     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:52:37

ความคิดเห็นที่ 55 ถ่ายรูปสวยค่ะ ชอบรูปเปิดสวยมาก ^^ จากคุณ : Tikgazza เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:54:21

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ  Destiny-Boy   ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยนะคะ  กุ้งย่างอร่อยมากๆ เลยค่ะ ตัวใหญ่ด้วยนะคะ  แล้วจะรีบรีวิวตอนต่อๆ ไปให้เร็วขึ้นนะคะ   ............. มีคนกล่าวกันไว้ว่า ใครมาเยือนหงสาวดี หากไม่มาสักการะพระธาตุมุเตา  เสมือนหนึ่งยังมิถึงเมืองหงสาวดี  อดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ของมอญและพม่า     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:57:17

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ  Tikgazza ขอบคุณมากๆ นะคะ ตามมาเที่ยวด้วยกันก่อนเลยนะคะ   .............. เด็กชายชาวพม่าคนเดิมที่ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยทานาคา  กับรอยยิ้มเสมือนเป็นการกล่าวลาพร้อมด้วยแววตาเชิญชวนว่าอย่าลืมแวะกลับมาเที่ยวอีกนะครับ     คิดไปได้ประมาณนั้นอีกนะเรา     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 54 23:59:39

ความคิดเห็นที่ 58 ของกินจัดเต็มเช่นเคยนะตะวัน จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:00:46

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพก่อนหน้านี่ที่บอกว่า  ถาดมะม่วงเอย ถาดแตงโมเอย ที่เราเห็นวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ  พอเวลาผ่านไปสักพักเมื่อจำเป็นที่จะต้องลุกเดินไปยังที่อื่นๆ ต่อ  ถาดเหล่านี้แหล่ะ มันก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บนหัวของเธอนั่นเอง     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:00:55

ความคิดเห็นที่ 60 สุดยอดมากค่ะ ภาพสวยมากๆ จากคุณ : +G@To+ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:02:20

ความคิดเห็นที่ 61 พี่วันไลท์    ของหม่ำไม่เยอะหรอกนะคะ แถมเบลออีกต่างหากค่ะ  ตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ   .............. เราออกเดินทางออกจากเมืองหงสาวดีเวลาประมาณ บ่ายโมงครึ่ง (13.30 น.) พอดี  เพื่อทีจะเดินทางต่อไปยัง    ไจก์ทิโย   Kyaik-Hti-Yo   ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงพอดี จากเมืองหงสาวดี มายังจุดเปลี่ยนรถ เพื่อมาเปลี่ยนรถเป็นรถบรรทุกหกล้อ หรือที่คนไทยเรียกรถขนหมู     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:03:24

ความคิดเห็นที่ 62 ขอตัวไปนอนก่อนนะครับตะวัน แล้วพรุ่งนี้จะมาติดตามชมต่อ เดี๋ยวไปปะแป้งแบบสาวพม่าก่อน แล้วจะเข้านอนละ ฮี่ๆ จากคุณ : chartchy เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:04:42

ความคิดเห็นที่ 63 คุณ  +G@To+  ขอบคุณมากๆ นะคะ ตามมาไหว้พระธาตุอินทร์แขวนด้วยกันเลยนะคะ     ............ จากจุดขึ้นรถขนหมู    ดูกันเอาเองแล้วกันนะคะ ว่าทำไมถึงเรียกรถขนหมู  ก็เพราะรถที่นี่เค้าต้องรอให้คนขึ้นเต็มแน่นก่อนน่าจะประมาณ 60 คนได้    รถถึงจะออกได้นั่นเองค่ะ     ค่ารถ   ขาไปอย่างเดียว  คนละ 1,500 จ๊าด แต่ถ้านั่งด้านหน้าตรงข้างคนขับ คิดคนละ  2,000  จ๊าด  ขากลับลงมาก็บวกเพิ่มไปอีกเท่าหนึ่งค่ะ         ระยะเวลาจากตรงนี้ไปยังอีกจุดที่จะต้องเดิน หรือจะเลือกขึ้นเสลี่ยงก็อีกประมาณ 1 ชั่วโมงได้ค่ะ  เพราะรถจะต้องไปจอดรอให้รถขาลงๆ มาก่อนค่ะ  แล้วเราถึงจะขึ้นไปต่อได้ค่ะ สรุปว่ากรุ๊ปเราไม่รอรถนะคะ เพราะของเราคนเยอะค่ะ เราเหมารถขึ้นไปเองเลย อยู่ที่ ขาขึ้น 50,000  จ๊าด และขาลงอีก  50,000 จ๊าดค่ะ  คิดแล้วคุ้มค่ะ ตกคนละ ไม่ถึง 200 บาทไป – กลับค่ะ  แล้วไม่ต้องรอด้วยไปได้เลย ไม่เสียเวลาค่ะ แต่ถ้าคนน้อยๆ อาจจะไม่คุ้มนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:06:47

ความคิดเห็นที่ 64 น้าชาติ   ไปปะแป้งนอนแล้วเหรอคะ นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาชมต่อก็ได้ค่ะ     ............. เอาภาพมาฝากสำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำอ้อยคั้นสดๆ ที่พม่านะคะ  เพราะจริงๆ แล้วตัวเองก็เป็นคนที่ชอบมากเหมือนกันค่ะ    เกือบไปแล้วมั้ยเรา    เวลาเราจะซื้อก็ควรเลือก ดูและระวังหน่อยนะคะว่าเค้ามีกรรมวิธีและขั้นตอนการคั้นน้ำอ้อยสดนั้นออกมาได้อย่างไรนะคะ     จากรูป    จะห็นว่าเครื่องคันน้ำอ้อยสดอัตโนมือ   วางตั้งอยู่ที่พื้นเลยเห็นใช้มั้ยคะ  แล้วตรงที่เราเห็นว่าหนุ่มพม่าที่นุ่งโสร่งกำลังยืนหมุนอยู่นั้น  ยืนบังอะไรบางอย่างอยู่  พอจะทายหรือเดาได้มั้ยคะ  ว่าหนุ่มพม่าคนนี้ยืนบังอะไรอยู่ค่ะ  !!!!!?????   เฉลยให้ก็ได้ค่ะ  มองข้ามไปอีกช็อตนึงนะคะ ถัดไปจะเป็นหญิงพม่านุ่งผ้าถุงอยู่อีกเหมือนกันเลยค่ะ   เธอเอื้อมมือไปหยิบอ้อยมาเพื่อที่จะคั้นน้ำอ้อยสดๆ ใส่เข้าไปตรงด้านหน้านั่นเอง  แต่ไม่เห็นภาชนะสำหรับรองน้ำอ้อยคั้นสดใช่หรือไม่ค่ะ   จริงๆ แล้วกระป๋องใบนั้นมันวางอยู่ตรงหน้าเธอนั่นเองค่ะ  ตรงที่โสร่งของหนุ่มพม่าคนที่กำลังยืนหมุนบังอยู่เลยค่ะ   แต่ที่ทำให้เปลี่ยนใจไม่ซื้อดีกว่า  ก็คือชายผ้าถุงมันเฉียดไปเฉียดมาอยู่แถวกระป๋องนั้นเองค่ะ     ภาพนี้พยายามถ่ายมาไม่ให้เห็นกระป๋องที่รองน้ำอ้อยคั้นสดนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:10:42

ความคิดเห็นที่ 65 จริงๆ ตั้งใจจะไปซื้อน้ำอ้อยมาดื่มให้ชื่นใจสักหน่อยแหน่ะ  เลยเปลี่ยนใจละ       มาดื่มน้ำส้มคล้ายๆ แฟนต้า มิรินด้า แบบบ้านเราก็ได้        รสชาติใช้ได้เลยอาจจะจืดกว่าบ้านเรานิดหน่อยแต่สะอาดใช้ได้ก็พอแล้ว     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:12:30

ความคิดเห็นที่ 66 จากจุดขึ้นรถขนหมูมายังจุด ที่จะเดินขึ้น หรือจะเลือกนั่งเสลี่ยงต่อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ จากนั้นก็เลือกว่าจะเดินเอาเอง หรือนั่งเสลี่ยงต่อค่ะ  คณะ สว. ของเราแม้จะวัยเกิน 50 อัพไปจนถึง 70 แล้วก็ยังเลือกที่จะเดินกันหมดทุกคนเลยนะคะ  ใจเกิน 100 มากๆ เลยค่ะ ก็มีบางคนอยากลองนั่งเสลี่ยงดูบ้างแต่ไปๆ มาๆ ไม่เอาดีกว่ามันดูน่ากลัวมาก     ค่านั่งเสลี่ยง   คนนั่ง 1 คนต้องใช้คนแบกถึง 4 คน ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ตกลงกันเอาเองนะคะ จากที่สอบถามมาว่าอยู่ที่คนละ 11,000 จ๊าด ขาเดียว ไม่รวมทริปมั่ง บางเจ้าก็รวมแล้วมั่ง  ส่วนใหญ่คนแบกพอเดินๆ ไปก็จะประมาณว่าขอค่าน้ำอะไรทำนองนั้นค่ะ     ระยะทาง   จากจุดที่เดินหรือนั่งเสลี่ยงไปยังบันไดทางเข้าพระองค์พระธาตุอินทร์แขวน  ประมาณ 2.5 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดินไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พัก    ประมาณ 1.30 ชั่วโมง  (คนเดินเป็นผู้สูงอายุ 50-70ขึ้นไป มีเด็กๆ อยู่ 1 คน  ) จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:15:33

ความคิดเห็นที่ 67 ขนมหรือของหม่ำเล่นระหว่างเดินทาง มีให้เห็นเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ถ้าหิวก็แวะซื้อได้นะคะ แต่ของเราแวะซื้อมาแล้วจากซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองอย่างกุ้งแล้ว  เลยไม่ได้แวะซื้ออะไรเลย  เดินอย่างเดียว   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:16:46

ความคิดเห็นที่ 68 ผลไม้ของขายระหว่างทางเดินขึ้นค่ะมีให้เห็นข้างทางอยู่เป็นระยะๆ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:18:37

ความคิดเห็นที่ 69 แตงโมโตจัง ๆ เห็นอาหารการกินแล้วรู้เลยว่าพม่าเนี้ยอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้บ้านเราเลยนะคะ ^^ จากคุณ : P r i m t a a เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:20:17

ความคิดเห็นที่ 70 แตงโมลูกโตมากๆ ในรูปนี่เล็กนะคะ ของจริงใหญ่กว่านี้อีกค่ะ   แวะไปเรื่อยเลย     เริ่มจะไร้สาระแล้ว   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:21:06

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ  P r i m t a a   ขอบคุณมากๆ นะคะที่แวะมาเที่ยวด้วยกันค่ะ  แตงโมที่พม่าลูกใหญ่มากๆ เลยค่ะ อาหารของพม่าก็หลากหลายและน่าหม่ำ ไม่แพ้เราเลยค่ะ     .............. ระหว่างทางจะเห็นรถขนหมูวิ่งผ่านไป ผ่านมาเป็นระยะๆ นะคะ สงสัยใช่มั้ยล่ะคะ ว่าทำไมเราไม่ขึ้นรถ ต้องมาเดินให้เหนื่อยทำไมเนี่ย   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:24:03

ความคิดเห็นที่ 72 จริงๆ แล้วก็อยากจะขึ้นรถหรอกนะคะ  แต่มันติดตรงที่ว่า คนที่มีสิทธิ์จะได้นั่งรถขึ้นไปจนถึงตรงเชิงเขาทางเข้าพระธาตุอินทร์แขวนได้นั้น ต้องเป็น  ชาวพม่า  เท่านั้น นะคะ  ถ้าเป็นชาติอื่น หรือชาวต่างชาติ ต้องเดินขึ้นไปเท่านั้นค่ะ  หรือจะนั่งเสลี่ยงก็ได้ค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:25:21

ความคิดเห็นที่ 73 รถคันนี้บรรทุกเณรน้อยขึ้นมากันจนเกือบเต็มเลยค่ะ  เป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งถ้าใครเคยมาเที่ยวพม่าจะเห็นว่าพระ หรือเณร ที่พม่าเยอะทีเดียวเลยนะคะ  ถามชาวพม่าเค้าบอกว่าคนพม่าส่วนใหญ่จะชอบบวชพระ ชอบสร้างวัด เลยมีเยอะทั้งวัดและพระเลยค่ะ       จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:27:49

ความคิดเห็นที่ 74 ตัวอย่างและวิธีการนั่งเสลี่ยงที่ควรทราบนะคะ  เป็นแบบนี้เลยค่ะ  เหมือนนอนมาเลยนะคะ ถ้าจะสบาย มากๆ  แต่ก็ดูน่ากลัวมากๆ ตอนขึ้นและลงทางชันๆ  แต่คนแบกเนี่ยก็ต้องเก่งและพร้อมเพรียงกันมากเลยนะคะ เพราะลำพังตัวเองเดินขึ้นเองก็ยากจะแย่อยู่แล้วค่ะ    เนี่ยยังต้องแบกเดินพร้อมกันถึง 4 คน เก่งมากๆ เลยค่ะ  ถ้าคนที่ไปแล้วเดินขึ้นเองจะรู้   จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:28:59

ความคิดเห็นที่ 75 ท่านสว.เดินกันเก่งมากๆเลยครับ ^_^ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:30:04

ความคิดเห็นที่ 76 หมากพลู มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในพม่า คนพม่ายังนิยมเคี้ยวหมากพลูกันอยู่เลยนะคะ  เวลาเดินก็ระวังเท้าด้วยนะคะ  เดี๋ยวจะเผลอไปเหยียบน้ำหมากเอาได้นะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:32:25

ความคิดเห็นที่ 77 พี่ต๊ะ  สว.กรุ๊ปนี้เดินกันเก่งมากๆ เลยค่ะ นอกจากเดินเก่งแล้วยังช็อปเก่งกันมากๆ ด้วยนะคะ   .............. สาวน้อยชาวพม่า ใบหน้าไม่ได้มีเครื่องสำอางราคาแพงหรืออะไรปกปิด จะมีก็แต่เพียง ทานาคา ซึ่งเป็นแป้งสมุนไพรประจำชาติ (เป็นไม้ชนิดหนึ่งของชาวพม่า นำมาฝนๆ จนได้ผงนำมาผสมกับน้ำแล้วใช้ทาหน้า หรือตกแต่เป็นลวดลายบนใบหน้าให้ดูสวยงาม) ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามใบหน้าของหญิงสาวชาวพม่า และไม่เว้นแม้แต่บนใบหน้าของหนุ่มๆ ชาวพม่าก็มีให้เห็นได้ไม่ยากนัก     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:34:47

ความคิดเห็นที่ 78 ไปที่แบบนี้ ดื่มน้ำอัดลม น่าจะดีที่สุดเนอะ จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:42:51

ความคิดเห็นที่ 79 ไปเที่ยวพม่ากับน้องตะวันด้วยค่ะ  แต่ง่วงมากเลย งั้นลชื่อไว้ก่อนนะคะ  พรุ่งนี้มาชมอีก  :) จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:44:51

ความคิดเห็นที่ 80 สาวน้อยชาวพม่าคนเดิม  เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆ อีกเช่นกันระหว่างทางเดินขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน ด้วยเพราะความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ และภาษาทำให้เราไม่สามารถที่จะสื่อสารอะไรให้เข้าใจกันได้มากมาย  มีเพียงแต่ รอยยิ้มพิมพ์ใจแลกเปลี่ยนกันไปมา  แต่มันช่างดูเป็นมิตรมากมายซะเหลือเกิน ระหว่างแขกผู้มาเยือน และเจ้าบ้านตัวน้อยๆ   จริงๆ แล้วตั้งใจที่จะพูดภาษาพม่ากับน้องเค้า แต่ด้วยความรู้ภาษาท้องถิ่นเพียงน้อยนิด เลยสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ เลยลองเปลี่ยนมา speak English กลับไปหวังว่าน้องจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง แต่เธอกลับงงเข้าไปใหญ่เลยที่นี้    เลยได้แต่ยิ้มๆ สบตากันไปมาแต่ก็พอจะเข้าใจ ว่าเธอจะเดินไปเป็นเพื่อนจนถึงบนพระธาตุอินทร์แขวนเลย  น่ารักมากๆ ค่ะ ประทับใจจริงๆ  )  เลยขอถ่ายรูปเธอชู 2 นิ้วกลับมาเป็นที่ระลึก  กว่าเธอจะชู 2 นิ้วได้เหนื่อยกันเลยทีเดียว   เจซูแป นะคะ       ปอลอ   ภาษาพม่าวันละคำ  เจซูแป  แปลว่า  ขอบคุณ     แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 54 00:48:23 จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:45:26

ความคิดเห็นที่ 81 พี่แหม่มคะ  จริงๆ ด้วยล่ะค่ะ  เวลาถ้าเราไปเที่ยวที่ไหน ไม่มั่นใจก็ดืมน้ำกระป๋องหรือน้ำขวดๆ  ก็ดูน่าจะสะอาด และปลอดภัยดีกว่านะคะ   พี่ลิลลี่   ขอบคุณมากๆ นะคะที่ยังอุตสาห์แวะมาเม้นท์ก่อนไปนอนอ่ะค่ะ  นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ   ............... หลังจากมีเพื่อนร่วมทางต่างแดนเพิ่มขึ้นมาแล้ว  ก็เดินขึ้นกันไปเรื่อยๆ ค่ะ ชมนกชมไม้ ชมวิวเพลินๆ ไปค่ะ  มีรถบรรทุกชาวพม่าขึ้นไปอยู่เรื่อยๆ นะคะ ลองดูสิมีใครแอบเนียนเป็นชาวพม่าขึ้นมาบ้างเนี่ย  ใครไม่ปะแป้งต้องใช่แน่ๆ เลยค่ะ เพราะที่เห็นแต่ละคน ลูกเล็ก เด็กแดง ทั้งชาย ทั้งหญิงปะแป้งหน้าขาวไปหมดเลย     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:53:40

ความคิดเห็นที่ 82 วิวข้างทางก็สวยนะคะ ยิ่งสูงขึ้นสูงขึ้น อากาศก็ยิ่งเย็นสบายมากเลยค่ะ ระหว่างทางเดินขึ้นมาก็ไม่ร้อนนะคะ  มีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างทางให้ร่มเงาตลอดเลยค่ะ  แต่เหงื่ออ่ะเปียกชุ่มไปทั้งหลังเลยค่ะ  แต่เย็นๆ สบายๆ  ดีค่ะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:55:13

ความคิดเห็นที่ 83 ตะวันใกล้จะตกบนภูขาแล้วค่ะ ต้องรีบนิดนึงแล้วมัวแต่เดินทอดน่องอยู่เดี๋ยวจะขึ้นไปชมวิวบนพระธาตุอินทร์แขวนยามตะวันลับเหลี่ยมเขาไม่ทันเอานะคะ   ตามมาๆ เลยค่ะ ใกล้ถึงแล้วนะคะ       จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:56:32

ความคิดเห็นที่ 84 ค่อยๆ เดินซึมซับกับบรรยากาศและวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ นะคะ ตลอดทางเดินที่ผ่านมามีอะไรๆ ให้เราได้ชื่นชมสวยๆ แปลกๆ อยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ เป็นการเดินขึ้นเขาที่ประทับใจเอามากๆ อีกที่หนึ่งเลยนะคะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:57:51

ความคิดเห็นที่ 85 ภาพที่เห็นอยู่ตรงเบื้องหน้าเรา  ณ  เวลานั้นมันบอกไม่ถูกเอาเลยนะคะ  ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ดูสวยมากมายอะไร ในสายตาของคนอื่นก็ตาม แต่สำหรับแล้ว  ณ  ช่วงเวลานั้น  แอบยืนอมยิ้มอยู่นานมากๆ เลยค่ะ จริงๆ  แล้วตอนนั้น ก็อยากจะหยุดอยู่  ณ  ตรงที่นี่แล้วไม่อยากจะไปต่ออีกแล้วค่ะ  สงสัย จะเป็นแบบที่คนอื่นๆ เค้าพูดกันหรือที่เราเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ  ที่ว่า   อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ แค่ที่ตรงนี้  เพราะอะไรๆ มันคงจะหยุดอยู่กับที่ ให้เราได้ชื่นชมเป็นเวลานานๆ   ( แต่ ความเป็นจริงมันไม่ใช่นะคะ เพราะถ้าขืนเราหยุดอยู่ตรงนี้เราก็อาจจะพลาดที่สวยๆ อื่นๆ อีกค่ะ  เสียดายมากๆ     )     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 00:59:58

ความคิดเห็นที่ 86 ขอโทษตะวันจ๋านะจ๊ะ... ที่มาช้าไปหน่อย พอดีเพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี่เอง วิถีชีวิตที่ดูเหมือนจะย้อนยุคไปหลายปีก่อน ถ่ายทอดผ่านมุมมองของตะวันจ๋าที่ดูมีชีวิตชีวาทำให้รีวิวนี้น่าสนใจดูมีเรื่องราวอย่างยิ่ง ยังไงขอเป็นคนหนึ่งที่ติดตามชมนะงับ คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนสาวน้อยนะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 54 01:00:46 จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า (July 15th) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 01:00:29

ความคิดเห็นที่ 87 ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีตามค่าไวท์บาลานซ์ที่เราปรับไปเรื่อยๆ จริงๆ  ชอบจังเวลานี้     ตะวันดวงเดียวกันนี้อีกฝ่ายหนึ่งยืนมองอยู่ที่ฝั่งพม่า  และอีกฝ่ายหนึ่งยืนมองอยู่ที่เมืองไทย    ถึงกันมั้ยนะ     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 01:01:11

ความคิดเห็นที่ 88 น้องตะวันมีน้องบอลมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะคะ วันนี้เหนื่อยมากค่ะ เพิ่งกลับจาก ตจว ^^ พรุ่งนี้มาชมต่อนะคะ ฝันดีทั้งน้องบอลและน้องตะวันค่ะ จากคุณ : route rover เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 01:05:28

ความคิดเห็นที่ 89 พี่บอลขา   กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอคะ  คิดว่ากลับบ้านไม่ถูกแล้วซะอีกนะคะ   ............. แสงตะวันเริ่มฉาบแดงไปทั่วท้องฟ้าแล้วค่ะ  กับอากาศที่กำลังเย็นสบายมากๆ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ นึกถึงตอนนั้นแล้วยังจำได้ไม่ลืมเลย  ได้ยืนมองดวงตะวันลับเหลี่ยมภูเขา บนยอดเขาที่ตั้งองค์พระธาตุอินทร์แขวน     จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 01:06:04

ความคิดเห็นที่ 90 พี่แหม่มคะ  ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่อุตสาห์อยู่เป็นเพื่อนชมรีวิวมาตั้งนานแหน่ะค่ะ ทั้งๆ ที่ เหนื่อยๆ กลับมาจากต่างจังหวัดด้วย  ขอบคุณมากนะคะ นอนหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ     ............. ไม่ว่าจะมองมุมไหน ตรงไหน หรือว่ามองผ่านอะไรไป ก็ดูสวยไปหมด  ณ  เวลานั้น  ถ้าใครได้ลองเดินขึ้นเขาเพื่อไปกราบสักการะองค์พระธาตุอินทร์แขวน ก็คงได้พบเห็นภาพแบบนี้เหมือนๆ กัน       จากคุณ : ปลายฟ้าที่ภูตะวัน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 01:09:13