ความคิดเห็นที่ 1 สายการบิน ครั้งนี้เราเลือกบินสายการบิน Etihad Airways ของชาติตะวันออกกลาง  ด้วยเวลาที่ดี ออกจากกรุงเทพ 2 ทุ่มกว่าถึงปารีส 7 โมงเช้า  ขากลับออกจากปารีส 4 ทุ่ม ถึงกรุงเทพ 6 โมงเย็นของอีกวัน (ดูเยอะด้วยความต่างของเวลา)  พักเครื่องที่อาบูดาบีประมาณ 2 ชั่วโมง  ถือว่าเลือกไม่ผิดจริงๆ  เพราะเครื่องทันสมัย ที่นั่งชั้น economy มีปลั๊กไฟ ช่องเสียบสาย LAN และ USB รวมถึงหนัง+seriesและอื่นๆจำนวนมากมายให้เลือกบันเทิง  ที่นั่งก็ถือว่ากว้างและไม่คับแคบนัก  และบริการดีไม่แพ้สายการบินเอเชียที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้เลยค่ะ  (แถมแอร์บางคนสวยมากกกกกด้วย  ไฟลท์กลับมากรุงเทพ ได้คุยกับแอร์แสนสวยจากเกาหลี แลกcontactกันเรียบร้อย  เดือนหน้าเค้ามาพักกรุงเทพสองสามวัน ว่าจะพากินพาเที่ยวซะเลย ^^) ราคาตั๋วจากกรุงเทพ-ปารีส  ปกติเท่าที่เช็คมาอยู่ประมาณ 38,000 บาท แต่ถ้ารอดูเรื่อยๆ มันจะมีการปรับราคาไปมา  สุดท้ายเราได้ที่ราคาประมาณ 31,000 บาท  ถือว่าประหยัดไปหมื่นกว่าบาทสำหรับสองที่นั่งเลยทีเดียว  เราซื้อผ่านเว็บของสายการบินเลยค่ะ  ชำระด้วยบัตรเครดิต  นำหมายเลข e-ticket ไปเช็คอินตามปกติเลย   เคยโทรไป call center สาขาไทยโทรติดยากมากและพนง.ก็พูดจาไม่ค่อยน่ารักด้วย เพราะฉะนั้นซื้อทางเน็ตโลด ไร้ปัญหา การันตีค่ะ ข้อเสียคงเป็นเรื่องของธรรมชาติของไฟลท์ transit ที่ชั่วโมงยาวนาน  เหนื่อยพอสมควรเมื่อเดินทางถึง  บางคนอาจจะชอบเพราะได้พักครึ่งหลังบินมาหกชั่วโมงกว่าก็ได้ค่ะ  สนามบิน International ของอาบูดาบีกว้างใหญ่เลย มี duty free ให้เลือกซื้อไม่น้อย  ปกติเราเคยแต่บินตรง ก็เลยรู้สึกเหนื่อยๆหน่อย  จนเราคิดว่าบางทีเลือกไฟลท์ไม่ต้องถึงเช้ามาก แล้วพักไปเลยวันแรกจะดีกว่ามั้ย  เพราะถ้าเลือกไฟลท์ถึงเช้าจะงกเสียดายอยากตะลุยเที่ยวเลย  (ว่าแล้วอยากลองบิน first class บ้างจัง  คงดียิ่งกว่านี้อีกเนอะ  แต่ใจไม่ถึง เงินก็ไม่ถึงค่ะ 55+) แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 12:58:54 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 15:04:52 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:36:10

ความคิดเห็นที่ 2 การเดินทาง สนามบิน-ที่พัก เนื่องจากทริปนี้ทริปยาว กระเป๋าสัมภาระก็เยอะแยะหลายใบ (กระเป๋าหลัก กระเป๋ากล้อง กระเป๋าสะพาย กระเป๋าแลปท้อป) เลยตั้งใจที่จะเดินทางด้วย shared shuttled van ในตอนแรก  ราคาตกอยู่ที่ประมาณ 20euro ต่อเที่ยว หาได้เจ้านึงที่แค่จองก่อนเดินทาง แล้วชำระเงินเมื่อพบหน้ากัน  ตกลงว่าจะใช้บริการอันนี้แล้ว  ตั้งใจว่าถ้าไม่ได้จริงๆเช่นว่าไม่มารับตามนัด หรือหากันไม่เจอ ก็จะใช้บริการ taxi แทน  ซึ่งราคาจะสูงกว่าและผันผวนตามการจราจร (ซึ่งคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่ได้ใช้  เพราะปารีสบางช่วงเวลาก็รถติดเอาการ) แต่แล้วมาได้ที่พักเป็น apartment เขต 16 ย่าน Arc du Triomphe ใกล้ Champs Elysees  ก็เลยเบนเข็มมาใช้บริการ shuttled bus ของ Air France แทน  เพราะมีสาย 2 ที่จอดตรงประตูชัยเลย  ซื้อตั๋วจากจุด Counter Information ในสนามบิน CDG หรือกับคนขับบนรถก็ได้ค่ะ  ราคา 24euro สำหรับขาไปและขากลับ    บัสนี้จะจอดรับสามสี่จุดในสนามบิน  ตอนที่เราไปประตูขึ้นรถที่ใช้ปกติปิดซ่อมเลยไปใช้ทางขึ้นร่วมกับบัสสายอื่น  ลองเช็คในเน็ตดูจะพบว่ามีอีกหลายสาย ไปจอดส่งที่ต่างๆกันค่ะ   สายที่เราไปสาย 2 จะจอดที่ Etoile หรือประตูชัยที่ถนน avenue Carnot    บัสใหญ่นั่งสบายและคนไม่ถึงกับเต็ม  กระเป๋าสัมภาระถ้าไม่โหลดใต้รถ(มีพนักงานช่วยทั้งตรงสนามบินและจุดหมายปลายทางค่ะ หายห่วง)ก็เอาขึ้นมาวางบนช่วงหน้าของรถได้ หรือใบเล็กวางบนช่องวางเหนือที่นั่งตัวเอง   ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็จะไปถึงจุดหมาย-ประตูชัย  ถ้าซื้อขากลับด้วยให้เก็บรักษาตั๋วไว้นะคะ  เพราะจะต้องใช้คราวกลับมาอีก  ขากลับก็ขึ้นรถจุดเดิมเลย  เราไปถึงรถบัสรออยู่แล้ว  ไม่ต้องรอเลยค่ะ  วิ่งถี่พอสมควร   จากนั้นก็เดินลากกระเป๋า เลาะเลี้ยวอ้อมวงเวียนรอบประตูชัยมาถึงถนน Kleber แล้วเลี้ยวเข้าซอย Copernic เป็นอันว่าถึงที่พักโดยสวัสดี ^^    จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:37:35

ความคิดเห็นที่ 3 ที่พัก ตั้งใจแต่แรกว่าจะพัก rented apartment เพราะคิดว่าอยู่ตั้งหลายคืน ถ้าอยู่ห้องโรงแรมเล็กๆคงอึดอัดแย่  เลยค้นหาอพาร์ทเม้นต์ 1 ห้องนอนดู  ตอนแรกเลือกย่าน 1, 7, 8 และ 16 ไว้   หลายที่ทำเลดี  ห้องก็ดูกว้างขวางตกแต่งน่าอยู่  ราคาก็พอไหวแต่เต็มหมดแล้ว  เรียกว่าต้องจองกันยาวๆเลยทีเดียวค่ะ  ทริปนี้ด้วยอะไรหลายอย่างทำให้เรามาจองเอากระชั้นชิด  ตัวเลือกเลยมีไม่มากนัก แต่สุดท้ายเราก็ได้อพาร์ทเม้นต์ที่ถูกใจเลยล่ะ  ตั้งอยู่เขต 16 ใกล้ Arc du Triomphe  อยู่ในซอย Copernic บนถนน Kleber ที่ตัดผ่านระหว่างประตูชัยและ Trocadero  ลานโด่งดังที่ไว้ไปถ่ายภาพหอ Eiffel นี่แหละค่ะ  ใช้เวลา 5 นาทีในการเดินไปยังที่ทั้งสอง  และ 3 นาทีเดินไปยังสถานี metro ที่ใกล้สุด  (Boissiere)   เรียกว่าถูกใจมากที่พักที่นี่  ซึ่งอันดับหนึ่งเลยคือเรื่องความปลอดภัย  เดินทางกลับดึกดื่นเกือบทุกคืน ก็รู้สึกว่ามั่นใจในความปลอดภัย  เพราะย่านนี้มีสถานฑูตอยู่เยอะด้วย  แถมเดินทางสะดวก  ทำเอาเราไปทานข้าวที่ร้านต่างๆบน Champs Elysees บ่อยเลย และที่น่ารักแบบคาดไม่ถึง คือ landlady เจ้าของอพาร์ทเม้นต์ที่เราไปพักค่ะ  ติดต่อคุยกันทางเมล์ พอตกลงว่าจะเช่า ทางเค้าก็ส่งสัญญามาทางเมล์ ให้เราเซ็นต์แล้วก็ส่งเมล์กลับไป  ค่าพักทั้งหมดและเอกสารตัวจริงนั้นนำไปให้เมื่อไปถึงค่ะ  ใช้ระบบความเชื่อถือกัน   และเค้าให้รหัสเข้าอาคาร+ห้องพักมากับเราเลย พอเราไปถึงก็ค่อยใช้โทรศัพท์ที่เค้าเตรียมไว้บนโต๊ะ โทรบอกเค้าเพื่อให้เค้ามาหาที่พัก  มาถึงเค้าก็พาชมพาดูว่ามีอะไรบ้าง แต่ละอย่างใช้ยังไง  เรียกว่าครบครันเลยทีเดียวค่ะ  เครื่องครัวมีครบ ใช้งานได้จริง  ในตู้มีเครื่องปรุง กาแฟ ชา พาสต้า แยม ฯลฯ ที่เค้าบอกเองว่าใช้ได้เลย ฟรีทุกอย่าง  ในตู้เย็นเตรียมแชมเปญเย็นๆหนึ่งขวดให้(ที่เราดันลืมกิน ><)  พร้อมกับโค้กอีกสองกระป๋อง  ในห้องน้ำมีแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ ฯลฯ เตรียมครบอีกเช่นกันค่ะ  ถ้าไม่ใช่คนที่ใช้พวกนี้ติดยี่ห้อที่ใช้ประจำ เราว่าไม่ต้องพกมาเลยก็ได้  เรียกว่าทุกอย่างมีครบครันไม่แพ้โรงแรม ดีกว่าโรงแรม 3 ดาวที่เราไปพักในอีก 2 คืนหลังด้วยค่ะ (เหตุเพราะเราเลื่อนวันเดินทาง เลยกลายเป็นว่าจาก 8 คืนก็จะว่างแค่ 6 คืนเพราะมีคนเช่าต่อจากเราเลย) ตัวห้องเองก็กว้างขวางพอสมควร  มีส่วนนั่งเล่นที่เป็นโซฟาที่แปลงเป็นเตียงขนาด queen size ได้  ตรงนี้ให้น้องชายนอนก็เห็นบอกว่านอนสบาย  มีโต๊ะอาหารขนาด 4 ที่นั่งที่เราชอบเอามานั่งเล่นเน็ต (ที่นี่ wifi ฟรี รวมทั้งโทรทางไกลไปเบอร์บ้านในไทยฟรีด้วยค่ะ) มีส่วนครัวที่ใช้งานได้จริงและครบครัว ตั้งแต่เตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องล้างจาน เครื่องครัว จานชามช้อนส้อมมีด จนถึงแก้วชา แก้วแชมเปญ  ห้องนอนที่แม้จะเล็กแต่ก็มีเตียง queen size ที่หลับสบาย เราพิสูจน์มาแล้ว ฮ่าฮ่า  แล้วก็ห้องน้ำแบบ shower ที่อาจจะแคบไปนิด แต่ก็มีของใช้ครบครัน  รวมๆแล้วนอน 4 คนได้สบายๆค่ะ เพราะเท่ากับว่ามีเตียง queen size 2 เตียง ลืมบอกว่า น้ำใจของเจ้าของอพาร์ทเม้นต์และคุณแม่เค้านี่แหละที่ประทับใจเรา  เพราะมาเปิดห้องมาถึง ก็พบแจกันดอกทิวลิปแดง พร้อมกับการ์ดเขียนว่า Welcome Home รอต้อนรับอยู่  และเค้าก็น่ารักตลอดตั้งแต่ติดต่อครั้งแรกจนครั้งล่าสุด  ครั้งสุดท้ายที่เมล์หาเค้า   ก็ยังอวยพรว่าขอให้สองวันที่เหลือเที่ยวให้สนุก   เรื่องของค่าใช้จ่าย  เราพักทั้งหมด 6 คืน  ราคา 1,050euro รวมค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาดครั้งสุดท้าย  ค่าประกันที่พักอีก 52euro  และให้เงินประกันอีก 400euroหรือUS dollarก็ได้  ซึ่งส่วนหลังนี้ได้คืนมาทั้งหมดในคืนวันก่อนcheck outค่ะ   ราคานี้ถ้าหากเตรียมตัวดีๆคือจองล่วงหน้านาน สามารถได้ห้องที่ใหญ่กว่านี้ ตกแต่งดีและอยู่ในซอยบนถนน Champs Elysees เลยทีเดียว  เพราะฉะนั้นใครไปพักหลายๆวัน(1อาทิตย์ขึ้นไป) เลือกพักอพาร์ทเม้นต์เป็นตัวเลือกที่ขอแนะนำเลยค่ะ       ลิ้งค์ของอพาร์ทเม้นต์คืออันนี้ค่ะ  http://www.vrbo.com/276496 และเว็บ http://www.vrbo.com อันนี้จะเป็นเจ้าของโพสต์เองไม่ผ่านเอเย่นต์เลย  และไม่ใช่มีแค่ที่พักในปารีสเท่านั้น ยังมีในประเทศอื่นๆอย่างอเมริกา ยุโรปด้วยค่ะ เรื่องของย่าน  ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าชอบเที่ยวชมสถานที่สำคัญ เลือกพักเขต 1 และ 2 ก็สะดวกเพราะอยู่ตรงใจกลางเลยค่ะ  เขต 8 และ 16 คือย่านหรูหราและปลอดภัย มีสถานฑูตในเขตนี้มาก  เขต 5 ลาตินควอเตอร์มีร้านเก๋ๆให้ (window) shopping เพลิน  ร้านอาหารก็มีเยอะมากหลาย  ย่านที่ควรเลี่ยงคือ Montparnasse และ Montmartre เป็นสองโซนที่ไปเดินแล้วรู้สึกว่าไม่น่าอยู่ ไม่น่าจะปลอดภัย  ทั้งนี้ก็แล้วแต่ชอบนะคะ อย่างเราถือคติว่าความปลอดภัยมาอันดับหนึ่ง เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายค่ะ (ยิ่งความรู้สึกต่อประเทศนั้นๆนะ)  แล้วก็มองเรื่องของความสะดวกรองลงมา  ที่พักรอบนอกของปารีสจะได้ราคาที่ถูกลงกับห้องที่กว้างขวางขึ้น  แต่ก็จะต้องเดินทางนานขึ้น  metro ที่นี่มีทุกที่จริงๆ (ร่วม 300 สถานีในปารีส  เดินทางสะดวกทั้งเมือง แต่อีกแง่นึงก็ต้องใช้เวลาเดินทาง เปลี่ยนสาย เดินในสถานีไม่น้อยเลยทีเดียว) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:00:45 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:38:38

ความคิดเห็นที่ 4 ชาวฝรั่งเศส ต่อเนื่องมาจากความน่ารักของเจ้าของอพาร์ทเม้นต์ที่เราไปอยู่  เราอยากจะยืนยันด้วยประสบการณ์ตัวเองว่า ที่เคยได้ยินว่าชาวฝรั่งเศสนั้นหยิ่ง ไม่เป็นมิตรนั้นไม่จริงเลยค่ะ  กลับกัน ชาวฝรั่งเศสน่ารัก มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือด้วยดีและมีอารมณ์ขันด้วย  เพียงแต่อาจจะไม่ใช่ชนชาติที่จะเริ่มต้นชวนคุยก่อนแค่นั้นเอง   แต่ต้องบอกว่า ต้องแยกให้ออกนะคะ ว่าชาวฝรั่งเศสแท้ๆ กับคนอพยพมาจากที่อื่นเพื่อมาทำงานที่นี่ค่อนข้างต่างกัน  ที่มักจะมีข่าวเรื่องขโมยล้วงกระเป๋า หรือแก้งต้มตุ๋นก็จะเป็นกลุ่มคนอพยกซะมากกว่า  สังเกตไม่ยากค่ะ  ดูหน้าตา  การแต่งตัว การพูดจาก็จะดูออก  ชาวฝรั่งเศสแท้นั้นเนียบ สุภาพ มีมารยาท  ที่มารยาทไม่ดีที่เราเจอในทริปเป็นนักท่องเที่ยวด้วยกันเองซะมากกว่า  ทั้งจากเอเชียแบบที่เราคงรู้ๆกัน  และตะวันตก  บางชาติอาจจะกร่างๆ ไปไหนก็เสียงดัง แซงคิวแบบฉันไม่แคร์  ยืนขวางทางชาวบ้านไม่แคร์ใครกันเลยทีเดียว ตลอดทริปนี้ เราได้รับความช่วยเหลือจากชาวฝรั่งเศสนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว  นับไม่ถ้วนจริงๆค่ะ เรียกว่าเขียนกันไม่หวาดไม่ไหว  หรือถ้าเขียนหมดคงจะยาวมาก  มีกระทั่งไม่ได้ขอความช่วยเหลือแต่หยิบยื่นน้ำใจให้เอง  เรากับน้องยืนกางแผนที่หาทางอยู่  ก็มีคุณลุงเดินคุยมากับกลุ่มเพื่อน เข้ามาถามเป็นภ.อังกฤษว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย แล้วก็บอกทางเราพร้อมทั้งแนะนำโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆกันว่าน่าไปนะ เพราะเป็นโบสถ์อุปถัมภ์เด็ก (ดีใจ แปลว่าคุณลุงก็คิดว่าเรายังเด็กอยู่  ฮา)  ยกตัวอย่างคร่าวๆ ตั้งแต่มาถึงถิ่นเข้า ตม.  พอพนง.เห็นพาสพอร์ตเราจากไทย ก็ทักเราด้วย “ภาษาไทย” ว่าสบายดีมั้ยครับ  เล่นเอาเรางง ฟังไม่รู้เรื่องในประโยคแรกเลยทีเดียว  ตอนจะออกมาเค้ายังพูดว่า “เที่ยวให้สนุกนะครับ” อีกด้วย  วันแรกๆที่ใช้ metro ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว  ก็ไปขอความช่วยเหลือจากพนง.ที่ประจำเค้าเตอร์ในสถานี  เราอธิบายให้เค้าฟัง เค้าก็คีย์ข้อมูลขึ้นบนจอให้เราดู เปรียบเทียบว่าตั๋วแต่ละอย่างอันไหนถูกกว่า  แล้วก็ออกจากส่วนออฟฟิศมาซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติให้  พอเราถามว่าเด๋วจะเข้า metro ยังไงเค้าก็พามาส่งที่ปากทางเข้า แล้วก็ใช้งานให้ดู   วันก่อนหน้านี้ที่เรายังไม่ได้ซื้อเจ้าบัตรรายสัปดาห์  เรามีนัดต้องไปบริษัทสำหรับday tourไป Loire Valley เช้ามาก  พอไปถึง metro เค้าเตอร์พนง.ยังไม่เปิด  เราก็แพนิคเล็กน้อยเพราะไม่มีตั๋วก็เข้าไม่ได้ แถมอยู่ระยะที่เดินไปไม่ไหวด้วยสิ ขณะที่กำลังยืนตกลงว่าจะทำยังไง ก็มีชายชาวฝรั่งเศสคนนึงเดินออกมา เราเลยขอให้เค้าช่วย เค้าก็เดินมาซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติให้เราอย่างไม่ขัดข้อง  (วันหลังๆ เราไปลองยืนกดเครื่องฯดู พบว่ามีให้เปลี่ยนเป็นภ.อังกฤษได้ค่ะ แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ให้พนง.แนะนำดีกว่า)  ตอนไปโบสถ์ St.Chapelle เราเห็นแถวรอเข้ายาวมาก  เผอิญมีเจ้าหน้าที่เดินผ่านเราเลยถามเค้าว่าเรามีบัตร Paris Museum Pass มีแถวที่ให้เข้าชมโดยไม่ต้องต่อคิวรอซื้อบัตรเลยมั้ย  จนท.ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส บอกว่าให้เดินตามมา พร้อมกับชวนหลายคนที่ต่อแถวอยู่แต่มีบัตรที่ว่าในมือออกมาด้วย   กลายเป็นว่าเราไม่ต้องรอนานเป็นชั่วโมงอย่างที่คาดไว้ตอนแรกเลย   เวลาเข้าชมสถานที่ต่างๆ จะพนักงานส่วนใหญ่จะชวนคุยค่ะ  จะถามว่ามาจากไหนอะไรประมาณนี้  บางคนก็จะบอกว่ารู้จักเมืองไทย บางคนก็ทักว่าคุณดูไม่เหมือนคนไทยเลย  เวลาไปร้านอาหาร  จริงอยู่ว่าลูกค้าเยอะมาก บางร้านพนง.เสิร์ฟก็อาจจะบริการช้า ไม่ทั่วถึงหน่อย เพราะอาหารที่นี่เสิร์ฟเป็นคอร์ส  เค้าจะสังเกตว่าถ้าคุณทานจานนั้นเสร็จ ค่อยเก็บและเสิร์ฟจานต่อไป  จะเห็นพนง.เสิร์ฟวิ่งวุ่นตลอดเวลา แต่พนง.หลายๆร้านที่เราไป  เช่นว่าร้านชั้น 2 ใน Musee D’Orsay ที่ตกแต่งอลังการณ์มาก  หรือร้าน Chez Clement บนถ. Champs Elysees น่ารักมากถึงมากที่สุดค่ะ  พอทราบว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ก็จะช่วยแนะนำอาหาร แนะนำที่เที่ยว ระหว่างทานก็จะถามว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง ชอบมั้ย  เราชอบร้าน Chez Clement มากก็เลยย้อนกลับไปทานอีก  (เด๋วจะว่าถึงเรื่องอาหารอร่อยที่หัวข้ออาหารเต็มๆค่ะ)  พอพนง.เสิร์ฟสาวสวยคนเดิมจำเราได้  ก็รีบเสนอว่าไปนั่งที่นั่งตรงนั้นมั้ย  วิวสวยกว่า  และวิวก็สวยจริงๆเพราะเห็นประตูชัยตั้งสง่าอยู่เลยไป  แล้วก็offer ดริ้งค์ฟรี  เราได้จิบแชมเปญฟรีเลยค่ะ  แล้วก็เขียนรายละเอียดร้านค้าที่เราถามให้อีกด้วย แถมคุยกันต่อเรื่อยเปื่อยอีก  อีกหลายร้านก็บริการดีเช่นกันค่ะ ตอนไป Louvre ระหว่างที่เราพักเหนื่อย นั่งเล่นในส่วน French sculpture ใน Richelieu   ก็มีจนท.เดินเข้ามาพูดกับเราเป็นภ.อังกฤษเองด้วย คุณไปดูผลงานชิ้นนี้ๆหรือยัง สวยมากเลยนะ ฯลฯ  เราย้อนไปลูฟร์รอบสองไปเก็บตก  เดินหลงพอควรเพราะชิ้นที่เราหาไม่ใช่ชิ้นไฮไลท์นักท่องเที่ยวที่มีอยู่ในแผนที่  ถามจนท.ก็ได้รับคำตอบทันทีว่าอยู่ตรงไหน ห้องไหนชั้นไหน  เล่นเอาเราทึ่งเลยทีเดียว ว่าถ้าไม่ศึกษามาจดจำได้ว่าผลงานแต่ละชิ้นอยู่ไหน ก็เรียกว่ารู้ลึกในศิลปะจริงๆ พอดูแล้วก็รู้ว่าเป็นผลงานยุคไหน ชาติอะไรแนะให้ไปห้องที่จัดแสดงได้  เขียนยาวมากๆเลย และนี่ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ   เอาเป็นว่าตั้งแต่ไป ยังไม่เคยเจอชาวฝรั่งเศสที่เมินเฉยเวลาเราขอความช่วยเหลือเลยค่ะ  ถึงแม้บางคนจะไม่รู้ เค้าก็จะพยายามช่วยเท่าที่ทำได้   คนเราคงมีประสบการณ์ต่างกัน ได้รับฟังอะไรมาต่างกัน แต่จากประสบการณ์จริงของเรา เรามองว่าชาวฝรั่งเศสน่ารัก เป็นมิตรไม่แพ้ใครค่ะ  แต่ทั้งนี้ เราว่าอาจจะมีเคล็ดลับหน่อย  ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ไพเราะค่ะ และถ้าคุณมาเที่ยวถึงที่นี่จะเข้าใจว่าทำไมชาวฝรั่งเศสถึงภาคภูมิใจในความเป็นชาติของตัวเอง  เป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์จริงๆ  เพราะฉะนั้น อยากได้น้ำใจงามๆ ความช่วยเหลือเราก็ต้องเริ่มต้นดีก่อน  ด้วยการพูดทักทายและถามเป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ  เราว่ามันเป็นการให้เกียรติเค้า แสดงว่าเรามีมารยาท  ประโยคเด็ดของเราคือ  เริ่มด้วย Bonjour (บองชู-ที่นี่ทุกคนจะทักคุณว่าอย่างนี้ก่อนเลย  ถ้าตอนเย็นก็ Bonsoir -บองซัว) แล้วก็ยิ้ม ^^  แล้วก็ถามว่า Excusez-moi, parlez vous Anglais? (เอกกูเซมัว ปาเลวู แองแกล้? – พร้อมยิ้มให้อีกรอบ) เป็นการทักทายแล้วก็ถามว่าขอโทษนะคะ  คุณพูดภ.อังกฤษได้มั้ย  ได้รับน้ำใจงามๆเสร็จ อย่าลืมบอกขอบคุณว่า Merci (แมกซี่) เท่านี้เองค่ะ อยู่ในเขตปารีส  แทบทุกคนพูดอังกฤษได้ค่ะ  แม้เค้าจะตอบคุณกลับมาว่า A Little แต่ก็สื่อสารรู้เรื่อง  เพราะฉะนั้นถึงจะไม่เป็นภ.ฝรั่งเศสก็เที่ยวสบายถ้าได้ภ.อังกฤษ แล้วเรียกแค่บางประโยคแบบนี้ติดตัวไว้  (อย่างคราวเราไปญี่ปุ่น  เราก็ฝึกบางประโยคไป  ประโยคที่ใช้บ่อยที่สุดคือ.. ห้องน้ำอยู่ที่ไหนคะ  ฮา)  แต่ถ้าไปรอบนอก ต่างจังหวัดหน่อยก็หาคนพูดอังกฤษได้น้อยลงค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าได้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ๆมีหน้าที่พูดคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว      ____________________________________ Welcome note จาก landlady ค่ะ ^^ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:41:15

ความคิดเห็นที่ 5 อาหาร เราเป็นพวกเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ   เพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวไหนเป็นต้องไปลองอาหารขึ้นชื่อท้องถิ่นที่นั่น  มาทริปนี้ก็คงคอนเซ็ปเดิม  ลองอาหารฝรั่งเศสมาพอสมควร  อย่างที่ว่าๆชาวปารีสเซียงนั้นชอบปิคนิคกันเป็นชีวิตจิตใจ ขอให้ที่ไหนมีแดดมีสนามหญ้า  แม้จะไม่มีแดดก็ยังปิคนิค  เราเดินเล่นผ่านสวนระหว่าง Louvre และ สวน Tuileries ตอนสี่ทุ่ม ฟ้ามืดสนิทแล้วก็ยังมีคนนั่งปิคนิคกันเป็นภูเขาเลากา 55+ เพราะฉะนั้น เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามค่ะ  หาซื้ออาหารทานง่ายๆอย่างเครป (ที่นิยมเห็นจะเป็นไส้กล้วย+นูเทลล่า)  ฮอตด้อก(ที่สอดไส้มาในขนมปังbaguette)  แซนวิชไปนั่งปิคนิคกะเค้าบ้างค่ะ  เหมาะสำหรับมื้อง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน  ราคาไม่เกิน 5euro ค่ะ  ชาวปารีสเซียงบางคนพกไวน์หรือแชมเปญมาจิบด้วยเลยทีเดียว แต่ถ้าอยากทานเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นหน่อย ก็มีร้านแบบ café & restaurant กระจายเต็มไปหมดค่ะ  ถ้าไม่อยากสั่งเป็นจานๆ ก็มักจะมีเซ็ตเมนูให้เลือก  เป็นแบบสามจาน starter + main dish + dessert หรือบางที่ก็มีให้เลือกว่าเป็น starter + main dish  หรือ main dish + dessert ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า  สนทนาราคาตั้งแต่ 10euro ขึ้นไป   ส่วนตัวเราว่า starter ที่นี่อร่อย แต่จานหลักเฉยๆ  เมืองไทยอร่อยกว่า แต่เราว่าน่าจะเพราะเราไม่ใช่เจ้าถิ่น ไม่รู้จริงว่าร้านไหนอร่อย บวกกับไม่ได้ไปทานร้านขึ้นชื่อติดตาม Michelin  เพราะนั่นก็แพงจนเสียดายเงิน ^^’’  ________________________ ร้านที่อยากแนะนำก็พอมีคร่าวๆค่ะ  Leon de Bruxelles ที่หลายคนคงรู้จัก  เป็นร้านหอยแมลงภู่ที่จริงๆแล้วสัญชาติเบลเยี่ยม  มีสาขากระจายทั่วไปหมดในปารีสค่ะ  ทริปนี้เราไปทานมา 3 รอบด้วยกัน  คือเราเป็นพวกชอบกินหอย กินซีฟู้ดค่ะ 55+  สาขาที่ไปทานคือ Champs Elysees กับย่าน Latin Quarter   แนะนำเมนูเซ็ตที่มีให้เลือก 4 แบบตั้งแต่ราคา 20-30euro  เสิร์ฟพร้อม French fries แบบไม่อั้นค่ะ เติมได้เรื่อยๆ (แต่จะอิ่มหอยก่อน เชื่อสิ)  หอยแมลงภู่จะมาเป็นหม้อเลย ปริมาณเยอะเลยค่ะ  หอยที่นี่ตัวเล็กกว่าของไทยแต่จะหวานกว่า  แต่เค้าจะปรุงค่อนข้างจืด  เราชอบเหยาะเกลือเพิ่มตลอด   จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:43:07

ความคิดเห็นที่ 6 Chez Clement เป็นร้านที่มีหลายสาขาอีกเช่นเดียวกัน  สาขาที่เราไปทานคือบน Champs Elysees   ร้านนี้เราแนะนำ starter เป็นเซ็ต seafood ค่ะ  จะมีหอยนางรมฝรั่งเศสสองแบบมาในชุด พร้อมกับกุ้งและปูแล้วแต่ว่าสั่งเซ็ตใหญ่เซ็ตเล็ก  หอยนางรมที่นี่หวานและนุ่มมาก แทบละลายในปากเลยค่ะ  ทานที่ไทยนำเข้าราคาสูง มาทานที่นี่ถูกกว่าเยอะค่ะ  ส่วนอาหารเซ็ตอื่นๆก็พอใช้ทั่วไปค่ะ  พนง.เสิร์ฟสาวสวยส่วนหน้าร้านน่ารักมาก  เป็นกันเอง คอยดูแลถามไถ่ทุกโต๊ะเลยค่ะ  เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เราย้อนกลับไปทานอีก  แถมถ้านั่งบริเวณด้านหน้าร้านก็จะเห็นวิวเป็นประตูชัยบนถ.Champs Elysees อีกด้วย  ^^  เราไปทานมาสองมื้อ  ราคาตกประมาณ 60-70euro สำหรับ 2 คนค่ะ  (สั่ง starter เป็นหอยนางรมเซ็ตกลาง + เมนูเซ็ต/จานหลักสำหรับแต่ละคน)  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:44:03

ความคิดเห็นที่ 7 Musee D’Orsay restaurant  ร้านนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของ Musee D’Orsay เลยค่ะ  ตกแต่งสวยมากกก  กินวิวกินบรรยากาศก็คุ้มแล้ว  ส่วนอาหารนั้นเฉยๆ  มีเมนูเซ็ตเหมือนร้านอื่นๆ  ที่ดีมากๆอีกอย่างคือพนักงานที่บริการดีมาก  รวมถึงกัปตันด้วยค่ะ  นอกจากหน้าตาดีแล้วยังอัธยาศัยดี  เราทานจนใกล้ดึก (เราวันที่มิวเซี่ยมเปิดถึง 4 ทุ่มค่ะ) กัปตันก็ขอบัตรไปรับกระเป๋าจากที่ฝากของชั้นล่างขึ้นมาให้เอง  ^^   จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:45:01

ความคิดเห็นที่ 8 Laduree ร้านยอดนิยมที่ใครๆก็น่าจะรู้จัก  Macaronที่นี่ขึ้นชื่อว่าอร่อย  แต่เพื่อนเราที่อยู่ที่นั่นบอกว่าอีกร้านที่แถว St.Sulpice ที่ชื่อ Pierre Herme อร่อยกว่าค่ะ  เสียดายไม่มีเวลาไป  ที่เราเจอจะเป็นสาขาบนChamps Elyseesและที่Versailles  ที่ชองฯคนเยอะมากถึงมากที่สุด  ทั้งส่วนรับประทานในร้านซึ่งมีของคาวด้วยหรือแถวซื้อกลับบ้าน  แนะนำเดินตรงเข้าไปด้านในส่วนบาร์  มักจะมีที่นั่งมากกว่าค่ะ  อาจจะนั่งไม่สบายกับบรรยากาศไม่ตกแต่งเก่าแก่เท่า แต่ก็อาจจะดีกว่าไปยืนรอคิวนานๆ  ที่นี่นอกจาก Macaron ที่ขึ้นชื่อแล้ว  ยังมีขนมอีกแบบที่เหมือนพายแอปเปิ้ลกลับหัวกินกับวิปครีมที่อร่อยมาก  ชื่อประมาณกัต กาแตงหรือยังไงเนี๊ยะค่ะ  ขออภัยที่จำไม่ได้เพราะเพื่อนที่อยู่ที่นั่นเป็นคนสั่งให้  สำหรับคอชาที่นี่มีชาให้เลือกเยอะแยะมากด้วย  ถูกใจเรายิ่งนัก  ขนม Macaron อร่อยเป็นบางรสค่ะ  บางรสก็ไม่  เราซื้อกินเป็นกล่องที่เลือกรสมาแล้วที่ Versailles   ส่วนตอนที่มานั่งจิบชาคุยเล่นที่สาขาชองฯ ตอนแรกว่าจะซื้อหิ้วกลับไทยเพราะเป็นวันกลับพอดี แต่เห็นปริมาณแถวแล้วก็ล้มเลิกความคิดค่ะ เลยไม่รู้ละเอียดว่าที่เราว่ากินแล้วอร่อยมันรสอะไรบ้าง ^^’’  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:46:33

ความคิดเห็นที่ 9 Escagot ได้ลองมาที่ร้าน Le Royal Turenne ย่าน Latin Quarter  จะบอกว่ารสชาติก็เหมือนทานในไทยค่ะ  เหมือนที่ Neil’s Tavern  เหมือนแพ็คสำเร็จที่ซื้อจาก Villa Market ให้ไปเข้าเตาอบเองด้วย  แต่ก็ทานเพื่อให้รู้ว่าเป็นยังไง  สรุปว่าไปซื้อ Villa Market ต่อดีกว่า ได้ทานอย่างสะใจดี 55+  อีกทีคงเพราะไม่ใช่ร้านขนาดติดดาว Michelin ด้วยค่ะ  แต่ร้านนี้ก็ดังและเป็นที่ฮอตฮิตในย่านนี้นะคะ   ส่วนตับห่านได้ลองทานเป็นแบบให้มา spread บน bread แทน  ไม่ได้ลองทานแบบทอดในกระทะแบบที่ไทย  ก็เลยเฉยๆ   แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:27:19 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 13:48:05 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:47:30

ความคิดเห็นที่ 10 โดยรวมเราคิดว่า อาหารนี่ยังไงก็ยกให้เมืองไทยค่ะ  ทั้งเรื่องของรสชาติและความหลากหลายที่ไม่ใช่มีแค่ร้านอร่อยสำหรับอาหารไทย  อาจจะเพราะเราเป็นเจ้าถิ่นด้วย  และข้อดีอีกข้อที่เหนือกว่าชาติอื่นคงเป็นเรื่องของราคาที่เทียบแล้วถูกกว่าชาติอื่นนัก  คุยกับเจ้าของร้านเครประหว่างที่รอซื้อ เค้ายังว่าเมืองไทยน่ามาเที่ยวเลยค่ะ เพราะดีและถูก ^^  ถ้าหากว่าเดินเมื่อย  แนะนำให้ลองใช้ชีวิตสไตล์ชาวปารีสเซียงดูค่ะ ด้วยการไปนั่งชิลที่ cafe ริมทาง  นั่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมาอย่างเพลิน  ที่นี่เป็นวัฒนธรรมคนชอบนั่งคาเฟ่จริงๆ  เก้าอี้ที่นี่หันออกหาถนน ไม่ได้หันหน้าเข้าหากัน  สำหรับคอกาแฟ มาถึงถิ่นแล้วไม่น่าพลาดสั่ง espresso ที่มาเป็นแก้วเล็กๆดูนะคะ  รสชาติเป็นอย่างไรบอกไม่ถูก เพราะเราไม่ดื่มกาแฟค่ะ ใครลองแล้วมาบอกกันบ้างนะคะ  เรื่องของไวน์  หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์ทั่วไป  หรือมีร้านไวน์เฉพาะไปเลย  เราไม่ใช่คอไวน์ เลยแนะนำคร่าวๆได้ว่าควรซื้อขวดที่ราคาซัก 3euro ขึ้นไปก็รสชาติพอได้แล้ว  ก็ถูกอยู่ดีเนอะ  ส่วนแชมเปญจะประมาณ20euroขึ้นไป  ไปคราวนี้เราก็หิ้วมาสองขวดเพราะเราไม่ดื่มไวน์แดงไวน์ขาวแต่ชอบแชมเปญ ^^  แนะนำว่าเวลามาทานควรจะสั่งจานหลักของตัวเอง  แล้วค่อยมาแลกกันทานก็ได้  ที่นี่ไม่นิยมสั่งจานเดียวแล้วแชร์กัน  เวลาชำระเงินถ้าเป็นบัตรเครดิตเค้าจะเอาเครื่องรูดบัตรมาถึงโต๊ะเราแทน  แล้วก็ไม่ต้องทิปก็ได้ค่ะเพราะรวมค่าบริการแล้ว  แต่ถ้าถูกใจก็ให้ทิปก็ได้ค่ะ  ประมาณซัก 10% ของราคามื้อนั้น    แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:28:35 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:48:54

ความคิดเห็นที่ 11 อากาศ นักท่องเที่ยวหลักของปารีสเป็นชาวตะวันตกด้วยกันเอง  เพราะฉะนั้นหน้าที่ยอดนิยมมักจะเป็นหน้าร้อน  แต่เพื่อนที่อยู่ที่นี่บอกว่าอย่ามาเดือนสิงหาเชียว เพราะชาวปารีสเซียงหนีไปพักร้อนกันเองทั้งเดือน  ร้านรวงปิดซะเยอะ เมืองเกือบร้างซะงั้น ส่วนตัวเราว่าหน้าที่น่ามาเที่ยวคือใบไม้ผลิตั้งแต่ช่วงเมษาไปจนมิถุนา  กับใบไม้ร่วงตั้งแต่กันยาถึงต้นพฤศจิกาค่ะ  เพราะเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป  แถมดอกไม้นานาพันธุ์ผลิบานหรือไม่ก็เจอใบไม้เปลี่ยนสีโรแมนติกไปอีกแบบ   ช่วงที่เราไป 17-28 เมษายนที่ผ่านมา   อากาศประมาณ 20-25 ช่วงกลางวัน และต่ำกว่า 10 ในช่วงกลางคืน  มาสองวันท้ายถึงจะเจออากาศหนาวขึ้นมาหน่อยเวลากลางวัน   กลางวันร้อนพอสมควรค่ะ  เพราะฉะนั้นแนะนำว่าอย่าได้ขนเสื้อหน้าหนาวไปใส่ประโคมกันเยอะ  เวลาร้อนแล้วจะเดินได้น้อยลงเพราะเหนื่อยง่าย  ติดแจ็คเก็ตหรือไลท์โค้ทไปซักตัว กับผ้าพันคอสวยๆซักผืน ไว้สู้อากาศ ตอนกลางคืนที่จะเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดดีกว่า   ชาวตะวันตกชอบแดดเพราะฉะนั้นจะนั่งอาบแดดกันแทบทุกที่ๆมีสนามหญ้าเลย  ในขณะที่คนเอเชียชอบหลบแดด ก็จะรู้สึกกำลังเย็นสบายตัวเวลาเดินในที่ร่มค่ะ  อากาศน่าเดินมากๆ ถ้าไม่อยากเด่นเป็นจุดสังเกตแนะนำเสื้อผ้าโทนสีขรึม ยอดนิยมคือสีดำ พวกสีเทา สีเบจ สีเอิร์จโทนก็เป็นที่นิยมค่ะ  แต่ถ้าอยากโดดเด่นใส่สีจัดจ้านก็ไม่ว่ากัน  แน่นอนว่าถ้าแต่งแบบนี้แล้วคนก็มักจะทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยวทันที (ที่เค้าดูอีกอย่างคือรองเท้าค่ะ  ถ้าผ้าใบมาเลย หรืออะไรแปลกๆก็สันนิษฐานว่าเป็นนักท่องเที่ยวก่อน)  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:50:14

ความคิดเห็นที่ 12 เมโทร เมโทรที่นี่แรกๆอาจจะดูงง แต่ศึกษาไปซักพักก็จะคุ้นเคยแล้วค่ะ  แนะนำว่าเมื่อตอนวางแผนไปเที่ยวแต่ละที่ให้เขียนสถานีเมโทรที่ใกล้ๆไว้ เขียนเบอร์กำกับไว้ด้วยก็ได้  แล้วเวลาถึงสนามบิน ให้ขอแผนที่เมโทรจากเค้าเตอร์ Tourism ไว้เลยค่ะ  สายรถไฟที่นี่มีทั้งหมด 14 สาย และมี RER อีก 5 สาย  รวมกันประมาณ 300 สถานี   เรียกว่าครอบคลุมทุกพื้นที่ของปารีสเลยค่ะ  จากสถานีนึงเดินไปอีกสถานีนึงอยู่ในระยะเดินไหว   ว่าด้วยเรื่องตั๋ว  บัตรเมโทรที่นี่นอกจากใช้กับเมโทร ซึ่งเป็นรถไฟใต้ดินแล้ว ยังใช้กับ RER รถไฟที่วิ่งออกนอกเมือง(แต่ก็วิ่งในปารีส จอดบางสถานีไม่ถี่เท่าเมโทร)  รวมถึงรถบัสและรถบริการสาธารณะอื่นๆ  ถ้าจำไม่ผิดภายใน 1ชั่วโมงครึ่ง จะสามารถใช้ใบเดียวกันได้ถึงจะเข้าออกไปแล้ว  ถ้าหากว่าอยู่หลายวัน  อยากแนะนำให้ใช้ Navigo Pass ซึ่งเป็นบัตรรายสัปดาห์  ไม่ได้นับแบบ 7 วันนะคะ  แต่ใช้ได้ตั้งแต่วันจันทร์-วันอาทิตย์ของรอบสัปดาห์นั้น   (สมมติซื้อบัตรวันอังคาร ก็จะใช้ได้ตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ถัดไป)  บัตรราคาประมาณ 16-18euro + ค่าบัตร 5euro (จำราคาไม่แม่นเพราะพนง.ซื้อให้ค่ะ) ปกติเมโทรรอบนึงราคา 1.70euro ค่ะ  ลองคำนวนดู ถ้าเดินทางเยอะซักเกิน 14-15เที่ยวก็คุ้มแล้วค่ะ  จะซื้อบัตรนี้ต้องเตรียมรูปขนาด 2.5x3cm ไปนะคะ  ไม่ต้องเตรียมกาวค่ะ เค้าจะให้บัตรแข็งมาสองใบสอดใส่ซองพลาสติกแล้วก็ลอกสติกเกอร์ออกเพื่อติดรูป   เวลาใช่งานก็แค่ทาบบนตัวอ่านของทางเข้า สะดวกมากค่ะ แนะนำเลย หรือถ้าคำนวนแล้วไม่คุ้ม  แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วชุดแบบ 10 ใบราคา 12euro  ก็จะตกรอบละ 1.20euro เท่านั้น   หรือจะซื้อเป็นตั๋ววันก็ได้ 5.80euro สำหรับโซน 1 และ 2 ซึ่งครอบคลุมปารีสทั้งเมืองแล้ว  ถ้าอายุต่ำกว่า 26 ปี  เฉพาะวันจันทร์จะมีบัตรวันราคาถูก 3.40euro ด้วย  ใครอายุต่ำกว่า 26 อย่าลืมใช้สิทธิ์นะคะ วิธีขึ้นเมโทร   ถ้าใช้บัตร Navigo Pass ก็เอาบัตรแปะไปบนตัวอ่าน ซึ่งจะอยู่ด้านบนของช่องเข้าค่ะ  บางสถานีจะมีช่องที่รับเฉพาะบัตรนี้อย่างเดียวเป็นทางด่วน  ถ้าใช้บัตรกระดาษใบเล็กๆ ให้สอดเข้าไปช่องที่อยู่ด้านหน้า แล้วรอรับที่อีกช่องนึงใกล้กับตัวกั้นค่ะ   ศึกษาเส้นทางที่ไปก่อนว่าใช้เมโทรสายไหน โดยดูที่สีและหมายเลข   ป้ายจะบอกชัดเจนในสถานีโดยบอกเป็นสี หมายเลข และปลายทางของแต่ละสาย   เพราะฉะนั้นเวลาไปไหนให้ดูทิศที่เราจะไปตามสถานีปลายทางค่ะ  จากนั้นให้หาสถานีที่ต้องต่อไปเมโทรสายอื่นถ้ามี ยกเว้นสาย 1 เมโทรสายอื่นๆต้องกดปุ่มเขียว/แดง หรือดันคักโยกขึ้นถึงจะเปิดประตูได้  ต้องทำอย่างนี้ทั้งขาขึ้นและขาลงนะคะ  มีนักท่องเที่ยวบางคนไม่ทราบ เลยสถานีก็มี     เมโทรที่นี่ เก่าและสกปรก บางทีก็มีลาย graffiti เต็มไปหมด  แต่ก็ค่อนข้างปลอดภัย  ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ได้ยินมา  เพียงแต่ขอให้เลี่ยงบางสถานีในเวลากลางคืน  มักจะเป็นสถานีใหญ่ๆเช่น Chatelet หรือ Gare Montparnasse สังเกตได้จากแผนที่  ถ้ามีเส้นสีขาวๆเชื่อมเป็นทางยาวแสดงว่าสถานีนี้ใหญ่และเดินไกล  ถ้าห่วงเรื่องขโมยก็เลี่ยงเถอะค่ะ  เรื่องขโมยเราว่าก็ระวังตามทั่วไป คือเอากระเป๋าไว้ด้านหน้าที่เรามองเห็น อย่าสะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง หรือใส่กระเป๋าตังค์ไว้กระเป๋าหลัง  มีสติ ระวังตัวแต่ก็อย่าพารานอยด์จนหมดสนุกนะคะ  อ้อ อย่าลืมว่าเมโทรหยุดให้บริการประมาณเที่ยงคืนนะคะ  บางสถานีก็หยุดตั้งแต่ห้าทุ่มครึ่ง  (เช่น Palais Royal – Musee du Louvre  เราตกเมโทรมาแล้วเพราะไปถ่ายรูปกลางคืนหน้าลูฟร์)  แท็กซี่เท่าที่ดูหายากค่ะเวลากลางคืน ที่วิ่งผ่านก็มักจะมีผู้โดยสารแล้ว  ปกติย่านที่เห็นแท็กซี่มากก็จะเป็นตรง Champs Elysees ซะมากกว่า  หลังเที่ยงคืนจะมี RER กับรถบัสที่ยังวิ่ง  แต่ RER นั้นส่วนตัวว่าน่ากลัวเวลากลางคืน  กะเวลาดีๆให้ไม่ตกเมโทรซะดีกว่า   จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:53:16

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อมูลเยี่ยมมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:53:54

ความคิดเห็นที่ 14 ล่องเรือ เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด คือการล่องเรือในแม่น้ำแซน   มีบริษัทให้บริการล่องเรือหลายเจ้า  ที่ดังคงเป็น Bateaux Parisiens กับ Bateaux Vedettes du Pont-Neuf    จริงๆแล้วก็ไม่ต่างกันมากทั้งเรือ เส้นทางและราคา(ประมาณ 11-13euro)  อยากให้เลือกท่าขึ้นเรือที่สอดคล้องกับแผนที่วางไว้มากกว่าค่ะ  เราเลือกขึ้นของ Vedettes du Pont-Neuf โดยเลือกขึ้นที่ท่าเรือใกล้หอ Eiffel  ซึ่งเราว่ากำลังดีเพราะมันจะมามืดสนิทตอนใกล้ Eiffel พอดี  กำลังสวยเลย  ลองศึกษาเว็บไซต์ของบริษัทล่องเรือเหล่านี้ดูค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะมีท่าขึ้นเรือมากกว่าหนึ่งที่  http://www.vedettesdupontneuf.com http://www.bateauxparisiens.com  เวลาที่แนะนำคือช่วงอาทิตย์ใกล้ตกดิน เพราะจะได้บรรยากาศสองแบบ  และส่วนตัวเราว่าปารีสก็เหมือนเมืองหลวงอีกหลายที่ ที่กลางคืนสวยกว่ากลางวัน  ช่วงที่เราไปอาทิตย์ตกตอนสามทุ่มกว่า มืดสนิทก็สี่ทุ่ม เราขึ้นรอบสองทุ่มครึ่ง  ขาไปฟ้ายังสว่าง ขากลับฟ้าสลัวๆจนมืดลงพอดีที่ใกล้ถึง Eiffel  โรแมนติกค่ะ ถ้าไม่เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ตะโกนเสียงดังไม่เกรงใจใคร(แบบที่เราเจอ เหอๆ)  หรือถ้าอยากโรแมนติกกว่านั้น บริษัทพวกนี้มีบริการล่องเรือพร้อมทานอาหารด้วย โดยเส้นทางจะยาวนานกว่า  แต่เคยอ่านๆมาว่าอาหารก็เฉยๆนะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นการดื่มด่ำกับบรรยากาศและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย  _________________________________________ Eiffel ยามกลางคืนถ่ายเมื่อยามล่องเรือแม่น้ำแซน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:32:14 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:01:44 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:55:34

ความคิดเห็นที่ 15 บัตร Paris Museum Pass ถ้าคิดว่าจะแวะเข้าชมมิวเซี่ยม โบสถ์ โบราณสถาน และสถานที่สำคัญต่างๆด้านในหลายที่  แนะนำว่าควรต้องมีบัตรนี้ไว้เลย  เพราะคุ้มแสนจะคุ้มทั้งเรื่องของราคาและประหยัดเวลา  เข้าไปดูรายละเอียดในเว็บได้เลยค่ะ  http://en.parismuseumpass.com/ โดยจะมีบัตรสำหรับ 2, 4 และ 6 วันจำหน่าย  สามารถซื้อได้ที่เค้าเตอร์ Tourism สนามบินได้เลย  แนะนำว่าซื้อเลยก็ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องไปต่อแถวที่ๆเราจะไปเข้าชมเป็นที่แรกอีก เราเลือกซื้อบัตรสำหรับ 6 วันราคา 65euro ซึ่งคุ้มมากสำหรับเราเพราะเราเข้าชมสถานที่ต่างๆมากมาย  ปกติค่าเข้าชมจะตกเกือบ 10euro สำหรับแต่ละที่  ได้ไปซัก 7 แห่งก็คุ้มแล้วค่ะ  ที่สำคัญกว่าคือเรื่องของการประหยัดเวลา  เพราะสถานที่ส่วนใหญ่ที่แถวยาวคือแถวที่รอซื้อตั๋ว  แถวที่เข้าชมถ้ามีบัตรเลยมักจะไหลไวกว่า  ในบรรดาที่ๆเราไปในปารีส มีแค่ Versailles เท่านั้นที่ไม่มีแถวแยก  กับโรงละคร Opera Garnier เท่านั้นที่ต้องซื้อบัตรต่างหาก นอกจากเราก็ใช้บัตรใบนี้ตลอดค่ะ   แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:33:21 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:02:05 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:58:38

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ คุณเล็กทาโร่ เขียนไว้ก่อนเลยแปะเร็ว  ตอนนี้จะช้าแล้วเพราะหมดที่เขียนตุนแล้วค่ะ  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:02:58

ความคิดเห็นที่ 17 วันแรก  เก็บกระเป๋าเข้าอพาร์ทเม้นต์  คุยกับคุณเจ้าของเสร็จก็ประมาณเที่ยง  หลังจากนั้นก็(รีบ)ไปซัดหอยแมลงภู่ให้อิ่มที่ Leon de Bruxelles สาขา Champs Elysees ที่อยู่ในระยะเดินถึง  (หรือจะนั่งเมโทรมาลงที่ George V ก็ได้) แล้วก็เริ่มตะลุยกันเลย  ด้วยการเดินจาก Champs Elysees ไปเรื่อยๆแล้วหักขวาเลี้ยงผ่านหน้า Grand Palais และ Petit Palais เป็นเส้นทางที่สวยจริงๆ   เดินแล้วเพลินมากๆแต่ก็ร้อนแล้วค่ะ   ____________________________________________ Petit Palais แสนสวยในวันแดดดี จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:06:38

ความคิดเห็นที่ 18 เท่าที่สังเกต  มีคู่แต่งงานชาวเอเชียมาถ่าย pre-wedding ที่กรุงปารีสหลายคู่เลย   ^^  คงเป็นอัลบั้มที่สวยน่าดูนะคะ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:07:52

ความคิดเห็นที่ 19 นั่งทางในชมรีวิว ไป ปารีส ด้วยนะคะ ^_^ จากคุณ : ใสบัว เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:09:44

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากเดินผ่าน Grand Palais และ Petit Palais ก็จะผ่านสะพาน Alexander III ที่เรียกว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดในกรุงปารีส แล้วก็จะเห็น Invalides อาคารใหญ่โตซึ่งเป็นกระทรวงกลาโหมเก่าด้านหน้าค่ะ เดินผ่านเข้าไปด้านในอีก จะเจอโบสถ์ส่วนแรก จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:11:28

ความคิดเห็นที่ 21 ยินดีเลยค่ะ คุณใสบัว  ___________________ ผ่านทางเดินแสงสวยๆเดินไปด้านหลัง...  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:13:02

ความคิดเห็นที่ 22 ..ก็จะพบกับ Dome Church ที่เป็นที่เก็บรักษาพระศพของ Napoleon I กษัตริย์ชาตินักรบที่นำพาชาวฝรั่งเศสไปไกลจนเป็นที่เคารพบูชาจนทุกวันนี้ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:14:30

ความคิดเห็นที่ 23 เราชอบแสงเงาค่ะ   จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:15:45

ความคิดเห็นที่ 24 ฟ้าใสดีจัง ตามไปเที่ยวด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:15:51

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นหนึ่งที่ๆขอแนะนำเลยค่ะ  บัตร Museum Pass รวมค่าเข้าไว้แล้ว ข้างในเป็นสไตล์ Baroque แฝง Neoclassic ในบางส่วนค่ะ สวยมาก  เราเคยเห็นจากรูปเลยหมายมั่นปั้นมือว่ายังไงก็ต้องมาให้ได้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:34:47 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:20:04

ความคิดเห็นที่ 26 ยินดีเลยค่ะ คุณClear Ice ฟ้าใสดีจริงๆค่ะ แดดแรงเลย แต่บางรูปเราก็ช่วยเร่งสีให้เพื่อให้รูปดูสวยสดด้วยค่ะ ^^ ________________________________ แสงสวยๆที่ลอดเข้ามา ก็มีส่วนทำให้โบสถ์แต่ละที่ขลังมาก ถ้าดูโดยรวม จะรู้สึกว่าชาวปรีสเทิดทูน Napoleon มากเลยค่ะ (The church reflects that fact that they idolize Napoleon in an ancient Greek-god way) จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:22:58

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องอากาศเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนแปลงง่ายครับ   ปกติเดือนเมษายนที่ปารีสอย่างร้อนสุดไม่เกิน ๒๐ องศาหรอกครับ   ฉะนั้น เสื้อกันหนาวแบบสแว็ตเตอร์ยังจำเป็นนะครับ   แต่ปลายเมษายนปีนี้ร้อนกว่าปกติหน่อย (แต่ก็ยังถือว่าไม่มาก) จากคุณ : ซอร์บอนน์ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:28:05

ความคิดเห็นที่ 28 สวยทุกภาพแถมข้อมูลเยอะอีกด้วย ขอบคุณนะคะ จากคุณ : แผนลวงสำเร็จแล้ว เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:35:28

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ คุณซอร์บอนน์  ปีนี้อากาศแปรปรวนจริงๆค่ะ ___________________ โมเดลจำลอง Invalides  ใหญ่โตเอาการ เมื่อก่อนก็เป็นวังเหมือนอีกหลายๆที่ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:37:19

ความคิดเห็นที่ 30 เดินลงมาชั้นใต้ดิน ก็จะเป็นส่วนที่เก็บรักษาพระศพของ Napoleon I โลงศพหินอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยรูปสลักเทพี เราสงสัยว่า หน้าของเทพีเหล่านี้หมายถึงใครเป็นพิเศษหรือเปล่า ไว้จะค้นข้อมูลมาแล้วมาลงในรีวิวเต็มๆแยกตามหัวข้อนะคะ  ^^ ไปรอบนี้ซื้อหนังสือเยอะเลย  เวลาเราไปเที่ยวไหนจะชอบซื้อหนังสือเก็บค่ะ เป็นคอประวัติศาสตร์กับศิลปะระดับมือสมัครเล่นค่ะ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:40:11

ความคิดเห็นที่ 31 ว้าว...มีไข่กะทะด้วย จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:41:29

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณนะคะ  คุณแผนลวงสำเร็จแล้ว  ยินดีเลยค่ะ   _________________________________________ เดินไปรอบๆทางเดิน จะเห็นรูปสลักแนบราบที่น่าจะบ่งบอกถึงคุณความดีที่ Napoleon I ได้ทำไว้ เพียงแต่เป็นภาษาฝรั่งเศส เราก็เลยอ่านไม่ออก แต่จะไปค้นมาภายหลังค่ะ อยากรู้ ส่วนนี้ก็ทำในลักษณะเหมือนเทพเจ้ากรีกโบราณเลย  แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 15:12:14 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:43:05

ความคิดเห็นที่ 33 กลับไปพักที่อพาร์ทเม้นต์ซักหน่อย เพราะเดินเหนื่อย   แล้วก็กลับออกมาไปเตรียมตัวขึ้นเรือล่องแม่น้ำแซนแถวหอไอเฟลค่ะ โดยเราเดินจากอพาร์ทเม้นต์มาทาง Trocadero   อย่างที่บอกว่าอพาร์ทเม้นต์ทำเลดีจริงๆ  อยู่ระหว่างกลางประตูชัยและที่นี่ จริงๆ 2 ทุ่มได้แล้วนะคะ  แต่ฟ้าก็ยังสว่างอยู่เลย  เป็นข้อดีที่มาช่วงเวลาอย่างนี้ กว่าจะมืดสนิทก็เกือบ 4 ทุ่มค่ะที่นี่  ทำเอาหลงลืมว่าเวลาอะไรเลย   แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 14:52:52 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:45:25

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพสวย รีวิวก็ละเอียด เยี่ยมไปเลยค่ะ จากคุณ : ColaGirl เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:48:17

ความคิดเห็นที่ 35 555+  นั่นสิคะ แปลกใจเหมือนกัน  ตอนสั่งก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า เป็น starter ของเซ็ตเมนูร้านพิซซ่าข้าง Louvre ค่ะ  คุณHero11147 ________________________________________________ ล่องเรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง  ย้อนจากไอไฟลขึ้นไปทาง Notre Dame เวลาล่องเรือผ่านผู้คนที่กำลังปิคนิคหรือเดินอยู่บนสะพาน ก็มักจะโบกมือส่งเสียงทักทายกัน เราว่ามันครื้นเครงดีจริงเชียว ลงจากเรือก็เดินไปทางหอไอเฟล  สวยมีเสน่ห์กว่ากลางวันจริงๆ คิวขึ้นไอเฟลก็ยังยาวเหยียด   แต่จริงๆแล้ว เราจะแนะนำอีกที่ๆชมวิวกลางคืนสวยกว่าอีกค่ะ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:52:03

ความคิดเห็นที่ 36 .. รีวิวละเอียด ภาพสวย ครบเครื่องครับ ป.ล. มีเพื่อนเป็นชาวฝรั่งเศสเหมือนกัน ผมก็ว่าอัธยาศัยดีกันทั้งนั้น .. จากคุณ : POGGHI เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:52:18

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณColaGirl  คุณPOGGHI   ยินดีเลยค่ะ  คนชอบถ่ายรูปชอบลงรูปอวดอยู่แล้ว  ________________________________________ หลังจากเดินดูเดินถ่ายรูปหอไอเฟลจนสะใจแล้ว  ก็หาซื้อเครปกับฮอตดอกทางจาก kiosk ย่านนั้นเลย แล้วก็เดินย้อนมา  นั่งทานเครปไปพลาง ดู merry-go-round ไปพลาง โรแมนติกเสียจริง... ถ้าไม่ได้มากับน้องชายตัวเอง   ขอลงวันนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ   จบวันแรกพอดี  แล้วจะมาลงต่อค่ะ  วันรุ่งขึ้นซื้อ Day trip ไป Loire Valley  ซึ่งเป็นที่ๆชอบมากกว่า Versailles แสนอลังการณ์เสียอีก  ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ  หากชอบก็ช่วยกดเข้าคลังกระทู้หน่อยนะค้า  รีวิวร้านอาหารบางร้านที่ทำไว้  หายไปแล้ว จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 15:00:43

ความคิดเห็นที่ 38 ตามมาเก็บข้อมูลเรื่องตั๋วเครื่องบินด้วยค่ะ มีแพลนจะไปกลางๆ ปี เดี๋ยวลองเช็ค agent พรุ่งนี้ ว่าได้ ถูกๆ อ่ะเป่า ตามต่อค่ะ ภาพสวยเชียว^^ ปูลู Merci มากๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 15:20:09 จากคุณ : hollaneung เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 15:19:36

ความคิดเห็นที่ 39 อาหารแต่ละอย่างนี่น่าทานทั้งนั้นเลยครับ ลองติดตามชมรีวิวต่อครับ จากคุณ : keep it up เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 15:24:08

ความคิดเห็นที่ 40 รูปสวยมากเลยคร้าบ ขอบคุณที่เอามาฝากกัน รีวีว ก็แน่นละเอียดเชียวแหละ รอติดตามตอนต่อไป อิอิ จากคุณ : Eternal.JP เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 16:31:29

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบมากเลยครับ โหวตให้ ข้อมูลแน่นๆแบบนี้ เขียนหนังสือสบายเลย รอต่อไปมาเร็วๆนะครับ จากคุณ : parad เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 17:15:35

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆและข้อมูลนะคะ  ชมแล้วอยากไปปารีสมากๆ จากคุณ : Red-Rose-14Feb เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 20:27:00

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพใสกิ๊งเลยค่ะ จากคุณ : ouiya เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 20:29:26

ความคิดเห็นที่ 44 จขกท. น่ารัก รีวิวเป็นประโยชน์มากๆ ค่ะ รอชม Chateau de la Loire ค่ะ อยากเห็นมาก จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 20:47:15

ความคิดเห็นที่ 45 มาื้รื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับปารีสครับ ไปเมื่อราวสิบปีก่อน จำได้ว่าประทับใจและหลงในมนต์เสน่ห์ของเมืองนี้มาก ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ และข้อมูลดีๆ นะครับ จากคุณ : Poppartacus เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:16:42

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ  ^^   ดีใจที่เป็นประโยชน์ได้บ้างค่ะ  เวลาไปเที่ยวเราชอบถ่ายรูปเพราะมันช่วยเก็บความทรงจำ ถ้าไม่ถ่ายสามเดือนเราก็ลืมรายละเอียดหมดแล้วค่ะ 55+  ตอนแรกว่าจะขึ้นกระทู้ใหม่ แต่พอกดโหมดเฉพาะบันทึกนักเดินทางดู ยังไม่เยอะเลย มาโพสต์ต่อในนี้  จะได้ไม่ดันกระทู้อื่นให้ตกเร็วเนอะ  ^^   ________________________________________ วันที่สองเราจัดโปรแกรมว่าจะซื้อ day tour ไป Loire Valley  อยากเอาอะไรที่ไม่ใช้บัตร Paris Museum Pass ไว้ก่อนค่ะ  เพราะบัตร 6 วันมันต้องใช้ต่อกัน  เวลาวางแผนเที่ยวก็ลองคิดถึงเรื่องการใช้บัตร รวมถึงบัตร Navigo Pass ด้วยนะคะ ^^ เราใช้บริการจากบริษัทนี้ค่ะ  ได้รับคำแนะนำตามความเห็นในห้องนี้แหละค่ะ ขอบคุณนะคะ  http://www.fcomfrance.com/ ใช้วิธีวันแรกที่ไปถึงกรุงปารีส ก็โทรศัพท์ไปจองที่สำหรับทัวร์พรุ่งนี้ไว้ แล้วก็ไปที่บริษัทตอนเจ็ดโมงเช้า  เพื่อชำระเงินและเตรียมตัวออกเดินทางตอนเจ็ดโมงครึ่งค่ะ  ที่เราชอบคือเรื่องของความชัวร์  ไปชำระเงินเมื่อจะไปเลย ไปเห็นของจริงบริษัทจริง  ราคาค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น  เพราะไกด์จะแจกโบชัวร์ให้เรา  แต่จะไม่พาเราเข้าไปในปราสาทค่ะ ซึ่งพวกชอบถ่ายรูปอย่างเราอ่ะชอบ  เพราะมันอิสระ  ถึงเวลาก็มาเจอกันที่รถโค้ท ส่วนเรื่องประวัติปราสาททั้งหลายมันหาอ่านได้  เราก็ซื้อหนังสือมาอ่านเอาค่ะ  ทัวร์ราคา 90euro ต่อคน   รวมค่าเข้าปราสาทสามแห่ง  โดยสามปราสาทที่เลือกมานั้นเป็นที่สวยๆ มีชื่อทั้งนั้นเลย  ก็คือ Chenonceau, Cheverny และ Chambord  กลุ่มลูกทัวร์ยกเว้นเรากับน้อง นอกนั้นเป็นชาวตะวันตกหมดเลย  เพราะฉะนั้นเวลาไกด์พูดบนรถ  ก็พูดซะสามภาษาได้  อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลีด้วย  เก่งจัง  รถเป็นรถโค้ทปรับอากาศนั่งสบาย  เดินทางจากปารีสไปถึงที่แรกประมาณสองชั่วโมงเศษ ต่างจังหวัดฝรั่งเศสนั้นดูสวย น่าอยู่มากๆเลยค่ะ  ยังว่าคราวหน้ามา น่าจะหาโอกาสไป แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 23:03:31 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:02:50

ความคิดเห็นที่ 47 สมัยก่อน  ปราสาททั้งหลายในลุ่มน้ำลัวร์มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสมาก   เพราะในบางยุคสมัย  กษัตริย์จะย้ายราชฐานมาอยู่ตรงนี้แทนเพราะเหตุผลทางการเมือง   ปราสาทหลายที่เป็นทรัพย์สินกษัตริย์  บางที่ก็เป็นของขุนนางที่อยากมาอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์ UNESCO ได้ประกาศให้ทั้งลุ่มน้ำลัวร์เป็น World Heritage ค่ะ ไม่ใช่แค่ปราสาทเฉพาะบางที่เท่านั้น   ทางเดินเข้าปราสาทแรกค่ะ   แค่ทางเดินก็เอาใจเราไปแล้ว    อย่างที่บอกว่าเราชอบที่นี่มากกว่า Versailles ที่ฟู่ฟ่าเสียอีก  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:13:42

ความคิดเห็นที่ 48 และแล้วก็มาถึงปราสาทแรก Chateau de Chenonceau ที่มีชื่อเล่นว่า Castle of the Ladies  สาเหตุก็เพราะเจ้าของเป็นผู้หญิงทั้งนั้นเลย   เจ้าของที่ดังที่สุดคงจะเป็น Diane de Poiters ซึ่งเป็นนางสนมของพระเจ้า Henry II    เรื่องราวน่าสนใจเพราะพระเจ้าอังรีที่ 2 รักกับนางมาตั้งแต่สมัยพระองค์ยังเด็กและนางยังสาว  แถมนางยังอายุมากกว่าพระเจ้าอังรีซะอีก   รักมาหลายสิบปีแม้กระทั่งแต่งงานกับพระนาง Catherine de' Medici ก็ยังรักและบูชาไดแอนอยู่ดี   เป็นเหตุให้ราชินีอิจฉาเป็นอย่างมาก  ถึงกับมีเรื่องเล่าว่าพระนางไปพักห้องข้างบนพระสวามีและนางสนม  แล้วก็แอบเจาะรูดูทั้งสอง  ดูไปก็ร้องไห้ไป  เหอๆ  การมีนางสนม (mistress) ของกษัตริย์ฝรั่งเศสเป็นเรื่องที่มีมานาน  และเป็นที่ยอมรับออกหน้าออกตาเสียด้วย   บางคนก็ร้าย แต่บางคนก็ดี มีส่วนอุปถัมภ์ส่งเสริมศิลปะวิทยาการในประเทศ   ถ้าใครเคยอ่านหนังสือแปลที่ชื่อ Sex with King ก็คงรู้เรื่องพวกนี้นะคะ  เรื่องราวบางคนสนุกยิ่งกว่าละครอีกค่ะ    แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 23:45:40 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:14:20

ความคิดเห็นที่ 49 ปราสาทนี้มีขนาดย่อมเยาว์ ไม่ใหญ่มากนัก  แต่มีพื้นที่สวนใหญ่ไม่น้อยเลยค่ะ   สร้างเหนือแม่น้ำ Cher ที่เรามักจะเห็นภาพยอดนิยมที่เป็นปราสาทเหนือน้ำ   เสียดายว่าเราไม่ได้ภาพมุมนั้นมา  เพราะมันคงต้องเดินไปอีกฝั่งของแม่น้ำเลย ภายในตกแต่งไม่ได้หรูหรามาก แต่มีกลิ่นอายของยุคกลาง   ในรูปคือส่วนของ The Chapelle ค่ะ   เห็นเล็กๆขนาดคนใช้จริง   เดี๋ยวลงรูป Versailles จะเห็นความต่างมาก แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 23:17:50 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:16:49

ความคิดเห็นที่ 50 รูปวาดของพระเจ้า Louis XIV หรือ Le Roi-Soleil (The Sun King) เป็นของที่พระองค์สั่งให้วาดแล้วก็มอบให้กับลุง Duc du Vendome   สังเกตกรอบรูปสิคะ  กรอบรูปสไตล์หลุยส์ของแท้ดั้งเดิมเลยค่ะ  ใช้ไม้แค่ 4 ชิ้น(ขนาดใหญ่)ประกอบเข้ากัน   ส่วนรูปด้านซ้ายเป็นฝีมือของ Rubens ค่ะ  ยอดศิลปินอีกคน จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:22:12

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนเดินกลับรถ ก็แปลกใจว่าคุณลุงคนขับรถทำอะไรอยู่   แล้วก็พบว่าคุณลุงกำลังให้อาหารเป็ดอยู่ค่ะ   เป็ดที่นี่ไม่กลัวคนเลย  บรรดานกก็เหมือนกัน   เดี๋ยวลงรูปไปเรื่อยๆจะมีรูปพิสูจน์ค่ะ  หุหุ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:23:20

ความคิดเห็นที่ 52 แล้วก็ไปยังปราสาทแห่งที่สอง  คราวนี้นั่งรถไม่นานแล้วเพราะอยู่ในเขตลุ่มน้ำลัวร์เรียบร้อยแล้วค่ะ คือปราสาท Chateau de Cheverny ที่ปัจจุบันเจ้าของตระกูล Hurault ก็ยังครอบครองและมีส่วนพักอาศัยอยู่ปีกนึงของปราสาท   และเปิดส่วนอื่นๆให้เข้าชม เราชอบการตกแต่งภายในของปราสาทแห่งนี้ที่สุดค่ะ  เพราะสวยกำลังดีแบบใช้งานได้จริง  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:25:50

ความคิดเห็นที่ 53 อะไรที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ คือฝูง hunting hounds จำนวนร่วม 70 ตัว   สมัยก่อนกษัตริย์และขุนนางล่าสัตว์เป็นกีฬา และก็จะมีบรรดาสุนัขล่าเนื้อพวกนี้ไปเป็นเพื่อนด้วย   คอกสุนัขที่ว่าอยู่ในส่วนของสวนดอกไม้ขนาดใหญ่พอควร   อ่านจากหนังสือว่าอาทิตย์ละสองครั้ง  เจ้าหน้าที่ๆดูแลจะเอาสุนัขเหล่านี้ออกมาล่าสัตว์  เป็นการออกกำลังกาย จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:29:12

ความคิดเห็นที่ 54 ห้องโถงแรกที่เข้าไป   ตกแต่งสวยแต่ไม่ฟู่ฟ่าเกินไปในความคิดเรา จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:29:58

ความคิดเห็นที่ 55 มีห้องอีกหลายๆห้องเปิดให้ชม  อย่างอันนี้เป็นห้องสมุดค่ะ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:30:30

ความคิดเห็นที่ 56 เจ้าของปัจจุบันเมื่อคราวแต่งงาน  และลูกรักทั้งสาม จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:31:46

ความคิดเห็นที่ 57 ปราสาทแห่งสุดท้ายคือ Chateau de Chambord ที่ปัจจุบันเป็นทรัพย์สินของประเทศค่ะ   ในขณะที่ปราสาทก่อนเด่นที่การตกแต่งภายใน   ปราสาทแห่งนี้เด่นที่โครงสร้างสถาปัตยกรรมภายนอกค่ะ  เป็นศิลปะแบบ French Renaissance  เอาเป็นว่า ปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่เราเห็นตามเทพนิยายหรือ Disneyland ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปราสาทในฝรั่งเศสค่ะ  (และ Neuschwanstein Castle ใน แคว้น Bavaria ของ Germany  ที่เป็นแรงบันดาลใจอีกที่)  จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:35:02

ความคิดเห็นที่ 58 ปราสาทนี้มีขนาดใหญ่กว่าอีกสองที่  รวมถึงพื้นที่สวนกว้างใหญ่ไพศาล   จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือบันไดวนแบบ double-helix staircase ค่ะ   รูปนี้ถ่ายจากตรงกลางบันไดด้านล่างสุด   เพื่อนบอกว่าอย่างกับยานอวกาศเลย   จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:38:49

ความคิดเห็นที่ 59 ภายในตกแต่งไม่ได้หรูหรามากค่ะ   เน้นที่สถาปัตยกรรม   อันนี้ถ่ายจากดาดฟ้าชั้นบน จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:39:39

ความคิดเห็นที่ 60 ภายในบันได   แล้วก็เดินทางกลับกรุงปารีส  ถึงเวลาประมาณ 1 ทุ่มซึ่งฟ้าก็ยังไม่มืดเลยค่ะ   ให้มีเวลาไปดินเนอร์ยาวนานแบบฉบับฝรั่งเศส ที่ลากยาวได้ถึง 3 ชั่วโมง   ทัวร์ของบริษัทนี้  เราคิดว่าใช้ได้เลยค่ะ  แต่ถ้าต้องการให้มีไกด์คอยเดินไปด้วยคอยบรรยายอธิบาย  ก็คงต้องมองเจ้าอื่นเนอะ   ไว้จะลงรูปปราสาทลุ่มน้ำลัวร์เยอะๆเมื่อเป็นกระทู้แยกนะคะ   ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ   แล้วจะรีวิว Versailles ก็อันต่อไป     ว่าแล้วท่าทางแค่กระทู้ hi-light แบบรวบยอดก็ท่าจะหลายกระทู้แล้วมั้งคะเนี๊ยะ   สงสัยตัวเองว่าจะเบื่อแล้วเลิกรีวิวแบบละเอียดก่อนหรือเปล่าจัง  ^^'' จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:42:55

ความคิดเห็นที่ 61 ตามไปปารีส รูปสวยมากค่า :) เมื่อไหร่หนอ เราจะได้ทำรีวิวแบบนี้บ้าง T^T ขอบคุณสำหรับรีวิวดีดีค่ะ จากคุณ : Soleindee เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:36:39

ความคิดเห็นที่ 62 เย้ ในที่สุดก็ได้ชมรีวิวรูปสวยของสุดสวยที่แสนคิดถึงของลิลลี่แล้ว ดีใจจัง ติดตามรีวิวอีกเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:15:18

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณค่ะ คุณSoleindee   ไว้ถ้าไปแล้วทำรีวิวมาแบ่งกันดูบ้างนะคะ  เย้  มาแล้ว  คุณสาวหน้าใส  ดีใจที่ยังจดจำกันได้แล้วยังติดตามนะค้า   น่าจะจากครั้งทริปญี่ปุ่นเมื่อสองสามปีก่อนเลยเนอะคะ    จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 02:05:08

ความคิดเห็นที่ 64 ตามมาชมค่ะ  อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ รอชมรีวิวอยู่นะคะ รูปสวยมากๆ และรายละเอียดเยอะดีค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Bakerloo เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 08:59:27

ความคิดเห็นที่ 65 ตามมาเผื่อแอบลอกการบ้าน ดูข้อมูลแน่นดีนะครับผมยังมึนไปหมดไม่ค่อยรู้อะไรจะไปปลายเดือนนี้แล้ว มากาอองดูน่าทานดีนะครับ เห็นในเวปราคาไม่ใช่เล่นเลยนะครับ จากคุณ : Biocalm เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 10:43:32

ความคิดเห็นที่ 66 ไปทริปปารีสช่วงสงกรานต์มาเหมือนกัน แต่ถ้าให้รีวิว คงไม่ได้ขนาดนี้ ละเอียดดีจังคะ ของเรา ไม่ค่อยจะเป็นไปตามแพลนเลย หลุดแพลนตลอด เห็นรีวิวนี้แล้ว เสียดายจัง พลาดไปตั้งหลายที่   จากคุณ : Invisible Angel เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 12:04:14

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณที่เข้ามาชม  ขอบคุณสำหรับทุกๆ Likes ด้วยนะคะ  ^^ คุณ Bakerloo > จะฟิตเขียนต่อนะค้า :) คุณ Biocalm > มีแผนคร่าวๆแล้วไปถึงนั่นก็เลือกเดินตามอารมณ์ก็ชิลดีนะคะ เราวางแผนไปแต่ก็ปรับเปลี่ยนตามใจชอบ  ถ้าเหนื่อยก็กลับที่พักเร็ว ถ้าชอบก็มาอีก   ข้อดีของการเที่ยวเอง :) มาการองอร่อยบางรสค่ะ บางรสก็ไม่เลย  กล่องนี้น่าจะ 18euroมั้งคะ แต่ยังไงก็น่าลองดูนะคะ ไปถึงที่แล้ว   คุณ Invisible Angel > คิดในแง่ดีว่า ก็จะเหลือที่ให้ไปเก็บอีกถ้าไปเที่ยวอีกรอบนะคะ :) เราไปมาเหมือนจะเยอะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเก็บไม่หมดเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองๆเดียว  อาทิตย์นึงก็ยังเก็บไม่หมด แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 16:07:41 จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 16:07:25

ความคิดเห็นที่ 68 ไปเดินทางต่อกันที่กระทู้นี้นะคะ  ^^ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10516728/E10516728.html จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 16:39:08

ความคิดเห็นที่ 69 ตามมาเที่ยวปารีสด้วยคนครับ แต่ละร้านนี่เด็ดๆทั้งนั้นเลยนะครับ เดี๋ยวตามไปเที่ยวตอนต่อไปนะครับ ^_^ จากคุณ : tataweb เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 21:10:23

ความคิดเห็นที่ 70 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ เป็นอีกเมืองที่อยู่ใน wishlist ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ :) จากคุณ : Iced Cappuccino เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 00:15:40

ความคิดเห็นที่ 71 ตามเที่ยวด้วยครับ ภาพสวยจังเลยครับ ^_^ น่าเสียดายจังที่ Invalides ผมเข้าไปแต่ในอาคารหลุมฝังศพ ไม่นึกว่ามีส่วนอื่นๆอีก Y_Y จากคุณ : Naruto_kun เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 15:21:34

ความคิดเห็นที่ 72 ถ่ายรูปได้สวยมากๆเลยคะ ข้อมูลก็ละเอียดดีจัง .. ขอบคุณนะคะสำหรับรีวิว ++ อาหาร+ขนม .. อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลเน๊อะ ๕๕๕ สำหรับเรา เราว่า macaron ของ Laduree อร่อยกว่า Pierre Herme นะ +++ Ladureeมีสาขามากกว่าเยอะเลยคะ ที่สนามบินก็มี ในขณะที่ Pierre Herme มีสาขาน้อยกว่าถ้าให้ง่ายและสะดวกคือที่ห้าง Lafayette กับที่ Printemps คะ = Laduree ส่วนใหญ่ไส้และตัวขนมปังจะรสเดียวกัน ชิ้นบางกว่า จำนวน ๘ชิ้น ราคา ๑๐.๔๐ ๑ยูโร(กล่องเล็กแบบ simpleนะคะ) จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 18:34:37

ความคิดเห็นที่ 73 = Pierre Herme ไส้และแป้งมีต่างรสกัน ชิ้นหนากว่า จำนวน ๗ชิ้น ราคา ๑๑.๙๐ยูโร จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 18:35:47

ความคิดเห็นที่ 74 สีสันน่าอร่อยตามกลิ่นและรสของผลไม้(น่าตาน่าทาน) แต่สำหรับเราไม่อร่อยที่สุดเลยคะ ชอคโกแลต กาแฟ คาราเมลแน่นอนที่สุด จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 18:43:55

ความคิดเห็นที่ 75 แจมกับคห.๑๘ คะ .. จริงคะหลายคู่เลยคะที่มาถ่ายภาพ pre wedding ในปารีส เราเจอบ่อยที่ไอเฟล กับที่ประตูชัย(ใหญ่) หลายคู่มาขอยืมน้องวีไปเป็นพร๊อพด้วยคะ(กล้าขอเราก็กล้าให้ยืม) ++ รูปนี้เจ้าบ่าวได้จุ๊บเจ้าสาวเนื่องจากผู้ช่วยตากล้องเห็นน้องงวีกะเจ้าสาวจุ๊บกัน ผู้ช่วยตากล้องเลยรีบบอกให้เจ้าบ่าวจุ๊บบ้าง ๕๕๕ น่ารักดีนนะคะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 19:19:27 จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 19:17:45

ความคิดเห็นที่ 76 มาปรบมือเป็นกำลังใจให้มีพลังที่จะทำรีวิวดีๆ ต่อไปค่ะ ว่าแล้วก็ขอแอบจิ๊กมาการองน้องมุกไป 1 ชิ้นนะคะ จากคุณ : Cherry's Mom เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 15:52:45 A:115.87.58.163 X: TicketID:133854

ความคิดเห็นที่ 77 รออ่านต่อค่ะ รีวิวได้เยี่ยม ชอบการใช้ภาษาของเจ้าของกระทู้ค่ะ แถมตรวจทานตัวสะกดอย่างดี อ่านแล้วไม่สะดุดเลยค่ะ ทำเอาอยากไปเที่ยวบ้างงงงงงงเลยค่ะ จากคุณ : Ouzo เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 12:33:26 A:125.24.211.241 X: TicketID:060429

ความคิดเห็นที่ 78 เขียนกระทู้ได้ดีและภาพประกอบสวยมาก ๆ คะ่ ขอโหวตให้นะคะ  ^^ จากคุณ : ศุจิกา เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 54 20:08:26