ความคิดเห็นที่ 1 เรามาดูข้อมูล และ guideline ของเมืองนอกกันดีกว่า ว่าจริงๆเขาทำไงกัน การป้องกันการได้รับสารปนเปื้อนในกรณีอาศัยอยู่ในที่ๆสารกัมมันตรังสีแพร่หรือกระจายถึง อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การปนเปื้อนของ I-131 ในอากาศ เข้าสู่ร่างกายโดยการสูดหายใจ หรือ กินเข้าไป (ไม่ใช่ซึมผ่านเนื้อ!!) ดังนั้น หากอยู่ในสถานที่ใกล้แหล่งรังสี ให้ปิดประตูบ้านและหน้าต่าง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี การใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวเปียกยัดตามซอกรูหรือช่องที่ต่อนอกตัวบ้านจะพอป้องกันการกระจายมากับลมได้ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:06:36

ความคิดเห็นที่ 2 Ki (โปตัสเซียมไอโอไดด์) คืออะไร กินแล้วแก้ได้เหรอ? อย่างที่ได้อธิบายหลักการการแทนที่และแย่งจับของไอโอดีนแล้ว ในคห.ที 6 เราจะไม่ขอพูดซ้ำ สารที่ใช้ในการกินเพิ่มไอโอดีนจะมาในฟอร์ม KI KI หรือที่อ่านเต็มว่า โปตัสเซียมไอโอไดด์เป็นสารที่คนไทยต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือคุ้นเคยดี เพราะเราใช้สารตัวนี้ในการเติมลงไปใน เกลือสินเธาว์ในกรณีที่ต้องการจะป้องกันโรคคอพอกในคนที่ขาดสารไอโอดีน แต่อย่าเพิ่งตื่นตูมซื้อเกลือไอโอดีนมากินกัน เพราะว่าจริงๆแล้ว เกลือไอโอดีนที่ขายกันอยู่นั้น เขากำหนดให้มีปริมาณไอโอดีนที่ 30 mg / เกลือ 1 kg แต่ปริมาณที่กินเพื่อป้องกัน I-131 นั้นอยู่ที่ 130 mg ดั้งนั้นใครอยากอุตริกินเกลือไอโอดีนป้องกันสารกัมมันตรังสีนี่ละก็ ต้องกินเกลือประมาณ 4 kg (สงสัยไตวายพอดี) จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:08:41

ความคิดเห็นที่ 3 KI ใช่เมื่อไหร่ อย่างไร และได้ผลจริงหรือ? หากโดนสารกัมมันตรังสีภายใน 2-4 ชม. การกิน KI จะสามารถช่วยป้องกันการเก็บ I-131 ที่ไทรอยด์ได้ถึง 90% แต่หากนานเกิน 3 ชม. ผลจะลดเหลือแค่ 50% และหากเกิน 4 ชม. ก็จะแทบไม่ได้ผลแล้ว จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:09:00

ความคิดเห็นที่ 4 กินมากแค่ไหน กินนานเท่าไหร่ ในเด็กเล็กถึงวัยรุ่น ปริมาณจะแตกต่างกันไปตามอายุ แต่ในเด็กวัยรุ่น(12ปี) ถึง ผู้ใหญ่ (40 ปี) ปริมาณ คือ 130 mg (1 เม็ด) กินนาน 7-14 วัน หรือจนกว่าบริเวณที่อาศัยจะไม่ปนเปื้อนI-131 ในระดับที่เป็นอันตราย ผู้ที่มีความเสี่ยง คือ ได้รับปริมาณรังสี เกิน 250 milliSieverts (mSv), หรือ equivalent of 25 rem แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 17:55:14 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:09:13

ความคิดเห็นที่ 5 ***ช้าก่อนอย่าซี้ซั้วกิน ผลร้ายอาจจะมากกว่าดี**** อย่างที่กล่าวไปกระทู้เก่า (เรื่องถามตอบเกี่ยวกับกัมมันตรังสี) ในผู้ที่อายุมากแล้ว โดยเฉพาะมากกว่า 40 ปี ผลที่สารกัมมันตรังสีจะก่อให้เกิดมะเร็งไทรอยด์นั้นมีน้อยมาก น้อยจนเมื่อเทียบกับผลข้างเคียงจาก KI มันอันตรายซะมากกว่าอีก เพราะอาจก่อให้เกิดโรคไทรอยด์อื่นๆ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ หรือ ไทรอยด์อักเสบได้ คำเตือน ห้ามเอาไอโอดีนทาแผล (เบตาดีน) มาหยอดปากกิน!!! เพราะเป็นพิษ!! ในผู้ป่วยที่แพ้อาหารทะเล การกิน KI อาจมีอันตรายมากกว่าเพราะอาจแพ้ได้ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 18:43:01 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 17:27:44 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 17:09:58 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:09:34

ความคิดเห็นที่ 6 ที่มาข้อมูล : agency for toxic substances and disease registry http://www.atsdr.cdc.gov/csem/iodine/treatment_management2.html http://www.querycat.com/question/e351eb53f907084b22b039af3cafb0d3 ขอกล่าวย้ำเหมือนเดิม เราไม่ใช่ผู้รู้ เราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เรายินดีรับข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริงทุกอย่าง ใครอ่านอะไรเจอมา เจอที่เราพิมพ์ผิดหรือเข้าใจผิด แก้ไขกันมาได้เลย เรียกว่าช่วยๆกัน ทำให้ทุกคนเข้าใจและอยู่บนปัญญา ไม่ใช่ความกลัว อยากให้สังคม online เป็นสังคมอุดมปัญญาค่ะ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:11:41

ความคิดเห็นที่ 7 ขออนุญาตยกเนื้อหาบางส่วนของกระทู้เก่ามาลง เพราะว่าเป็นคห.ล่างๆ บางคนอาจจะพลาดไปค่ะ ถ้ากลัว Cs-137 ปนเปื้อน แค่เอาปลาไปทำให้สุกก็จบแล้วจริงเหรอ? จากงานวิจัยชื้นนี้ Effects of Cooking on Radiocesium in Fish from the Savannah River: Exposure Differences for the Public ตีพิมพ์ในปี 2003 มีการนำปลาที่อยู่ในบริเวณ การปนเปื้อนของสาร Cs -137 สูง คือแถวแม่น้ำ สะวันนา มาผ่านกระบวนการความร้อน และวัดปริมาณ Cs ที่เหลือ ผลปรากฏดังนี้ ปลาดิบ : ปริมาณ Cs 0.61 pCi/g ปลาคลุกขนมปังชุบแป้งทอด : ปริมาณ Cs 0.81 pCi/g ปลาทอด : ปริมาณ Cs 0.99 pCi/g อย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมยิ่งทอด Cs ยิ่งเพิ่ม เหตุผลอธิบายได้ว่า ความร้อน ทำให้ปริมาณน้ำและเนื้อปลาลดลง จึงทำให้ปริมาณ Cs ต่อ น้ำหนักเป็นกรัม ของปลามากขึ้น นั่นพอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า การให้ความร้อนไม่ได้ช่วยให้ การปนเปื้อนของ Cs-137 ลดลงแต่อย่างไร สนใจอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ http://www.springerlink.com/content/35q2c6j70l75a327/ จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:14:32

ความคิดเห็นที่ 8 เคยมีการทดลองหนึ่งใช้การ Decontaminate Cs ด้วย KCl หรือเกลือโปตัสเซียม ได้ผลค่อนข้างดีคะ ถ้าใครยังจำตารางธาตุได้ จะจำได้ว่า Cs เป็นธาตุที่อยุ่แถวแรก (จำเคมีอ.อุ๊ได้หรือเปล่าเอ่ย?) กฎการแทนที่และการทำปฏิกิริยา จึงมีการทดลองโดยการใช้ Na และ K (คุ้นมากขึ้นไหม) มาใช้ในการ decontaminate Na หรือ โซเดียม ใช้ในรูป NaCl หรือ เกลือแกง ส่วน K หรือ โปแตสเซียม ใช้ในรูป KCL ซึ่งคือ เกลือโปตัสเซียม (หาซื้อ KCL ได้ตามบางรพ.นะคะ เพราะเราใช้เกลือตัวนี้ให้ ผู้ป่วยที่ต้องการจำกัดปริมาณเกลือโซเดียม ใช้แทนเกลือแกงตามบ้าน) วิธีการทดลอง แทนที่จะเป็นปลา เขาใช้หัวมันฝรั่งที่ปลูกในดิน ที่อาบรังสี Cs-137 และ วัดแล้วมีปริมาณสูง 1. ถ้าแค่ปลอกเปลือก จะลดปริมาณการปนเปื้อนได้ 25-27% เท่านั้น 2.เอาไปต้มในน้ำที่มีสารละลายของ NaCl และ KCl นาน 16 hr ด้วยไฟ 35องศาเซลเซียส จะลดปริมาณ Cs ได้ถึง 95% และเกือบ 100% หากต้มทั้งวัน แต่ปัญหาก็คือ .....ใครมันจะทำอาหารแบบนั้นกันเล่า!! มานั่งคิดดู ก็ต้องเป็น ปลาต้มเกลือ เท่านั้นซินะ??!! สนใจ อ่าน Full Text ได้ที่นี่คะ http://www.sciencemag.org/content/144/3614/59.full.pdf กรรมวิธีในการ decontaminate Cs ง่ายๆ คือการ ล้าง ล้าง ล้าง แล้วก็ ล้าง ค่ะ เพราะ Cs เอง ไม่ค่อยจับตัวแน่นกับเนื้อเท่าไหร่ ดังนั้นการล้างด้วยน้ำเกลือ (เพื่อเพิ่มปฏิกิริยา) จะช่วยในการ decontaminate ได้ อีกอย่าง Cs ไม่ใช่สารที่จะเก็บสะสมในร่างกาย เหมือน I -131 จึงไม่น่าต้องเป็นห่วงค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 17:43:28 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:15:16

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : MaNgKoOd เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:19:29

ความคิดเห็นที่ 10 เผอิญเพิ่งเห็นว่ามีคนลง review เกี่ยวกับKI ไว้แล้ว โดยคุณ megamovie ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำ เพราะกลับมาจากทำงานกดส่งไป เพิ่งได้มานั่งไล่ๆอ่านกระทู้อื่นๆ ยังไงขออนุญาตลง link ที่คุณ megamovie ลงไว้ค่ะ สำหรับผู้ที่อยู่ในญี่ปุ่นหรือจะเดินทางไปญี่ปุ่น โพแทสเซียมไอโอไดน์เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10343836/E10343836.html จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:41:55

ความคิดเห็นที่ 11 หาซื้อ KI (IOSAT) ได้ตามร้านขายยามั้ยค่ะ คุณหมอ จากคุณ : ขอบคุณค่ะ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 18:04:28 A:58.9.181.232 X: TicketID:083997

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าบางคนมันคง เจียะป้าบ่อสื่อ ทำตัวคล้ายๆ กับพวกหมอดูสติเฟื่อง มีเหตุการณ์อะไรเป็นกระแส ก็หลอกมั่วข้อมูลขึ้นมา จับเอาข้อเท็จจริงมาชนกันมั่วๆ ส่งเป็น fw mail ต่อๆ กันไปให้คนหลงเชื่อ ตัวเองนั่งหัวเราะก๊ากอยู่ที่คนอื่นเชื่อกันใหญ่ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 18:07:57

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ถ้าทุกคนหลงเชื่อ ที่Fwd mail มา โดยไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติม อันนี้มันก็บ่งบอกได้ว่า การศึกษาไทยล้มเหลวแล้วละคะ เพราะก่อนที่จะเชื่ออะไร ควรหาอ่านให้รอบด้านก่อน อย่างกระทู้นี้ จริงๆแล้วอย่าเชื่อทั้งหมดนะคะ ลองหาอ่านเยอะๆดู แล้วถ้าว่า เออใช่ มันเขียนถูก มันเขียนผิด ค่อยว่ากัน กาลามสูตร 10 !! ส่วนเรื่อง iOSAT มีขายในไทยหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ คงต้องรอให้เภสัชมาตอบกันนะคะ ปล. iOSAT ไม่ใช่ ORLISTAT นะ อย่าสับสน อันนั้นมันยาลดความอ้วน!! แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 18:25:23 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 18:24:37 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 18:17:18

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : ชื่นชีวา เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 18:22:04

ความคิดเห็นที่ 15 เท่าๆที่หาอ่านดู รู้สึกว่า Bethadine หรือ Povidone Iodine ไม่ช่วยนะคะ "Research has been carried out in an effort to develop a thyroid protection procedure based on the ordinary iodine solutions which are used as disinfectants. Since iodine solutions such as tincture of iodine and povidone-iodine are dangerous poisons if taken orally, these experiments have utilized absorption through the skin after topical application on bare skin. All reported experimental topical applications on human skin have given less thyroid protection than does proper oral administration of potassium iodide. Moreover, undesirable side effects of skin application can be serious. For these reasons researchers to date have not recommended a procedure for the use of ordinary iodine solutions for thyroid protection" อ้อ อีกอย่างหนึ่งที่อยากเสริมเวลาหา paper หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. ดู Method การทดลอง 2. ดูว่ามีบริษัทยาอะไรจ่ายเงินให้ เพราะได้ผลประโยชน์จากงานหรือไม่ 3. ค่าความน่าเชื่อถือ ของวารสาร (journal) ที่ได้รับการตีพิมพ์ Website ที่คิดว่าน่าเชื่อถือ (นะ) FDA : US Food and Drug Administration (องค์กรอาหารและยา ประเทศอเมริกา) Radiation Emergency : ถามตอบเกี่ยวกับการใช้ KI, การทำ KI ใช้เอง ฯลฯ http://www.fda.gov/Drugs/EmergencyPreparedness/BioterrorismandDrugPreparedness/ucm063807.htm อันนี้จาก CDC : Center for disease and Control prevention http://www.bt.cdc.gov/radiation/ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 18:53:10 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 54 18:49:47 จากคุณ : CMV เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 18:41:38

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาเพิ่มรอยหยักในสมองครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 19:26:54

ความคิดเห็นที่ 17 มาอ่านด้วยคน  เผื่อจำเป็นต้องใช้ จากคุณ : กุหลาบซ่อนพิษ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 19:39:12

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านด้วยคนครับ จากคุณ : stupidine เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:03:44

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 02:11:02

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณค่ะ โหวตกระทู้ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 07:52:12

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาขอบคุณคุณหมอค่ะ   เอิ่ม ขอบอกว่า ข้อมูลที่กระจายออกไปเริ่มเพี้ยนไปเรื่อย ๆ จาก ไอโอดีน  แอบได้ยินว่า  มีคนจะซื้อเบตาดีน มาทาคอแล้วอ่ะค่ะ   o_O" จากคุณ : @}-- เยอบีร่า -- เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:03:33

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณสำหรับความรู้ ดีๆครับ ชาวบ้านตาดำอย่างพวกผม...มีความรู้ขึ้นอีกเยอะเลย ขอบคุณครับ... จากคุณ : Aroonuvass เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:51:11

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ดีๆ เพิ่งได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์เหมือนกัน ท่าทางจะระบาดส่งต่อไปซักพักหนึ่ง เฮ้ออ...ถ้ามีคนอ่านแล้วเชื่อเยอะๆเนี่ย ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงนะ จากคุณ : harumi เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:13:50

ความคิดเห็นที่ 24 แถวบ้านมีคนเอามาทาคอเด็กจริงๆนะครับ คอเหลืองกันเป็นแถวเลย จากคุณ : Ethanol เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 11:23:19

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อสักครู่เพื่อนดูรายการ  สรยุทธ์ช่องสาม เอานักวิชาการมาพูด เพื่อยืนยันว่า เบตาดีน ใช้ป้องกันสารกัมมันตภาพรังสีได้จริงค่ะ ตกลงอย่างไรกันแน่ แต่ยังไง สารกัมมันตภาพรังสีจะแผ่มาถึงเมืองไทยเชียวหรือ ????? รบกวนผู้รู้ ไขข้อ เบตาดีน อีกทีนะคะ ส่วนตัวไม่เชื่อตั้งแต่แรก แต่ถ้าออกรายการโทรทัศน์แบบนี้ พร้อมนักวิชาการเนี่ย ชัก งง จากคุณ : แม่น้องเอเอ เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 18:09:31

ความคิดเห็นที่ 26 http://mor-maew.exteen.com/20110316/entry จากบล็อกหมอแมวค่ะ เบตาดีนทาคอ สามารถป้องกันรังสีได้จริงครับ แต่... ....คุณหมอหลอกให้อ่านยาวมาก แอบตัดตอนท้ายมาให้ดูแล้วกัน... " ... ใครที่ทนอ่านมาถึงตอนนี้  ที่จริงจากนี้ไปคือการอธิบายที่ง่ายกว่านั้นครับ ขนาดไอโอดีนที่ใช้กินเพื่อป้องกันรังสี คือ Potassium Iodide ขนาด 130 มิลลิกรัม คิดเป็นไอโอดีนประมาณ 100 มิลลิกรัม ในเบตาดีนทาแผลที่เราใช้ ความเข้มข้นคือ 10% ดังนั้นใน เบตาดีน 100 มิลลิลิตร มี เบตาดีนจริงๆ 10 มิลลิลิตร ในเบตาดีน จะมีตัวไอโอดีนจริงๆอยู่หนัก 10 % ดังนั้น ในเบตาดีน 100 มิลลิลิตร มีเบตาดีนจริงๆ 10 มิลลิลิตร และมีไอโอดีนจริงๆ  1 มิลลิกรัม (ตามน้ำหนักแห้ง) ไอโอดีนที่ทาผิว ตามงานวิจัยต่างๆจะพบว่าดูดซึมได้ 10% อีก 90%จะระเหยออกไป ดังนั้นเมื่อเราต้องการไอโอดีน 100มก. เราก็ต้องใช้ไอโอดีนมาทา 1000 มก. คิดเป็นเบตาดีน 1000 x 100 = 100,000 มล.ใน 1 วัน หรือแปลง่ายๆว่า เราต้องใช้เบตาดีนทาคอปริมาณ 100 ลิตร ท่านก็จะสามารถป้องกันภัยจากรังสีได้แล้วครับ" จากคุณ : จิตรางคทา เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 23:06:16