|
การใช้โทรศัพท์ (Telephone)
โทรศัพท์ในประเทศญี่ปุ่นมีระบบที่ดีและทันสมัยมาก โดยมีผู้ให้บริการรายใหญ่คือ บริษัท NTT การใช้โทรศัพท์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย สะดวก ตู้โทรศัพท์สาธารณะหาได้ทั่วไปใช้ทั้งระบบหยอดเหรียญและบัตรโทรศัพท์หรือ บัตรเครดิต โดยบัตรโทรศัพท์นั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป รวมถึงมีตู้ขายบัตรอัตโนมัติบริการในบางแห่ง หรือสามารถซื้อได้ตามแผงร้านค้าในสถานีรถไฟ ราคาบัตรโทรศัพท์จะมีราคา 1,000 เยน เมื่ือใส่บัตรเข้าเครื่องจะมีมูลค่า 1,050 เยน สามารถใช้กับเครื่องสีเขียวหรือสีเทาของ NTT ได้ หรือหยอดเหรียญโทร เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยใช้เหรียญ 10 เยน สำหรับผู้ที่ต้องการโทรกลับประเทศ ควรเปรียบเทียบอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันไป โทรศัพท์ทั่วไปจะมีเครื่องหมาย International หรือ Domestic ระบุไว้บนเครื่อง NTT สามารถใช้บัตรโทรศัพท์ที่ใช้ต่างประเทศของยี่ห้อต่างๆ อาทิ KDDI, Moshi Moshi Card ที่เรียกว่า prepaid telephone card หรือ Kokusai Denwa Kaado ซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 เยน - 3,000 เยน
เครื่องทั่วไปสามารถใช้ได้ทั้งเหรียญ 10 เยน และ 100 เยน รวมไปถึงบัตรโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน จึงเป็นเครื่องที่นิยมใช้กันทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเครื่องประเภทใช้ IC ซึ่งจะไม่ต้องสอดบัตรโทรศัพท์เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป แต่จะใช้วิธีแนบบัตรตรงช่อง IC ทำให้ใช้งานได้สะดวกมาก สามารถใช้โทรไปต่างประเทศได้โดยสังเกตจากเครื่องที่ระบุไว้
การโทรศัพท์ระหว่างประเทศ โทรจากประเทศไทยไปประเทศญี่ปุ่น กด 001, 009 หรือ 007 (โทรออกต่างประเทศ) > กด 3 (รหัสประเทศญี่ปุ่น) > รหัสเมือง (ตัดศูนย์ - โตเกียว 03, โยโกฮาม่า 045, โอซาก้า 06, เกียวโต 075, ฟูกูโอกะ 092) > เบอร์โทรศัพท์ปลายทาง
โทรจากประเทศญี่ปุ่นมาไทย กด 001 (โทรออกต่างประเทศ) > กด 66 (รหัสประเทศไทย) > รหัสจังหวัด/มือถือคือ 81,86,89 ฯลฯ (ตัดศูนย์) > เบอร์โทรศัพท์ปลายทาง
*********************************************
โทรศัพท์บ้าน
การขอติดตั้งโทรศัพท์ต้องยื่นเรื่อง ณ ที่ทำการของ NTT ค่าใช้จ่ายประมาณ 80,000 เยน เอกสารที่ใช้ได้แก่ บัตรต่างด้าว ปัจจุบันมีการขายโทรศัพท์พ่วงกับชั่วโมงอินเทอร์เน็ตในราคาที่น่าสนใจ อาทิ ของ YAHOO มีข้อเสนอแพ็คเกจต่างๆ ให้แก่ลูกค้าเลือก โดยเสนอค่าโทรฟรีในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นต้น
โทรศัพท์มือถือ
นักศึกษาที่ต้องการไปศึกษาระยะยาว อาจจะพิจารณาเปรียบเทียบราคา และวิธีการให้ดี เพื่อจะได้ซื้อให้เหมาะกับวัตถุประสงค์และงบประมาณ ผู้ให้บริการมือถือหลักๆในประเทศญี่ปุ่นได้แก่ DoCoMo, Vodaphone, ฯลฯ อัตราการใช้บริการมือถือในญี่ปุ่นมีประมาณ 63.88 ล้านคน (ปี ค.ศ. 2000) ดังนั้นนับว่ามือถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง
การซื้อโทรศัพท์ในประเทศญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างสะดวกมากสามารถเปิดใช้บริการได้ทันทีเมื่อซื้อเครื่องเสร็จเรียบร้อย โดยระบบโทรศัพท์นั้นจะเป็นแบบ CDMA โดยจะมีแต่ละบริษัทแย่งกันออกแคมเปญต่างๆเพื่อดึงดูดใจลูกค้า สามารถเลือกโทรศัพท์ประเภท Pre-Paid คือจ่ายชำระล่วงหน้าและสามารถเติมเงินได้เมื่อหมดเครดิตแต่ประเภทนี้ค่าโทรศัพท์ค่อนข้างสูงจึงไม่ค่อยอยากแนะนำ ยกเว้นนักเรียนที่เดินทางมาเพียงระยะสั้นและต้องการใช้เพื่อให้ทางบ้านสะดวกต่อการติดต่อเข้ามาเท่านั้น ส่วนมากนักเรียนจะใช้บริการแบบรายเดือนเหมือนในบ้านเราซึ่งสามารถเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมต่อการใช้งานของตนเอง นักเรียนส่วนมากนิยมใช้ยี่ห้อ AU(เอยู)เนื่องจากมีโปรโมชั่นที่เสนอพิเศษแก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาแต่ทั้งนี้ในระยะหลังยี่ห้อ Softbank (ซอฟท์แบงค์)และ Docomo (โดโคโม่ะ) จะเสนอโปรโมชั่นโทรฟรีสำหรับผู้ที่ใช้ยี่ห้อเดียวกันจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก
ส่วน Blackberry นั้น ยังไม่เป็นที่นิยมสำหรับชาวญี่ปุ่นซักเท่าไหร่จึงมีเพียงยี่ห้อ Docomo เท่านั้นที่เป็นตัวแทนและทำโปรโมชั่นให้ใช้เป็นรายเดือนค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆและมีให้เฉพาะรุ่น Bold 9000 เท่านั้นยกเว้นใครนำรุ่น 3G ไปใช้จากเมืองไทยซึ่งคนที่นิยมติดต่อเพื่อนๆโดย Blackberry Message (bbm) ก็นับว่าเป็นวิธีที่สะดวกมากทีเดียว โดยบริษัทจะคิดค่าบริการ bbm เพิ่มจากแพคเกจที่เราเลือกอีก 6,000 เยน / เดือน หรือโทรศัพท์ IPhone ก็สามารถนำไปใช้ที่ญี่ปุ่นได้ด้วยเช่นกันและเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่นจึงทำให้มี accessory IPhone รูปแบบต่างๆของออกมาจำหน่ายเยอะมากกว่า Blackberry
เอกสารที่ใช้ในการซื้อมือถือ ได้แก่บัตรต่างด้าว ใบรับรองสถานะภาพการพำนักอาศัยและระยะเวลาของวีซ่าที่ระบุในพาสปอร์ตต้องไม่ น้อยกว่า 3 เดือน รวมถึงบัญชีธนาคารค่าโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และความแตกต่างของตัวเครื่อง สามารถซื้อได้ตั้งแต่ราคา 1 เยน สำหรับเครื่องที่ตกรุ่น
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 54 12:38:40
จากคุณ |
:
CEOTHAI42
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.พ. 54 11:59:25
|
|
|
|
|