ความคิดเห็นที่ 1 แฮมมึนรายงานตัวเกาะป้ายทะเบียนไปคร้าบ (เดี๋ยวขากลับนั่งรถไฟกลับได้) อิอิ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:13:30

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องจากผมมาถึงที่น้ำแรม การ์เด้น เมื่อตอนพลบค่ำเมื่อวาน พอเข้ามาก็มีอาการงงๆ กับถนนหนทางข้างใน ตอนเช้าช่วงรออาหารเช้า และสมาชิกทำภาระกิจส่วนตัวกัน เลยถือโอกาส ถือกล้องไปส่องวิวรอบๆ มาให้ชมกัน เพราะปกติถ้าหากไม่ได้เข้าไปพัก ก็คงเข้ามาดูเฉยๆไม่ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะโปรโมท หรือวิจารณ์ใดๆ กับสถานที่แห่งนี้ ด้วยสายตาของผู้มาเยือนเพียงคืนเดียว เห็นอย่างไรก็ถ่ายทอดเช่นนั้นมาให้ชมกัน เข้าใจว่า พื้นที่แถบนี้เพิ่งผ่านอุทกภัยในช่วงปลายปีมาไม่นานด้วย การดูแลรักษาเลยอาจจะชำรุดโทรมๆ ไปบ้าง  แต่เมื่อเทียบกับราคาเข้าพัก และ การไม่มีทางเลือกสำหรับที่พักแถบนี้เลย ก็ถือว่าดีกว่าที่คิดไว้ครับ ภาพล่างนี้คือ บริเวณบ้านพักห้องที่ผมนอนครับ เปรียบเทียบกับเมื่อคืนในแสงไฟสลัวๆ ของตอนที่แล้ว ก็ดูคนละอารมณ์ไปเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:15:27

ความคิดเห็นที่ 3 คหสต. โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยทันสถานีแม่พวกตอนมันยังใช้อยู่ เพราะครั้งแรกที่ไปเชียงใหม่ แม่พวกก็กลายเป็นสถานีที่ถูกแต้มด้วยดอกจันเสียแล้ว (ในทางการรถไฟ * คือที่หยุดรถ) จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นสถานีแม่พวกรู้สึกได้ว่าเป็นสถานีที่งามมาก เป็นอาคารไม้สองชั้นที่แปลกตา เหมือนมี 2 อาคารแล้วถูกเชื่อมกันด้วยห้องแคบๆ ตัวอาคารสถานีติดประแจฝั่งใต้ พอออกไปทางเด่นชัยจะเป็นโค้งขวายาวไปถึงประแจฝั่งเหนือ เคยคิดว่า แหม ถ้ามาหลีกที่นี่คงสวยดีนักแล ฉะนั้นแล้ว แฮมมึนขอเกาะป้ายทะเบียนไปอย่างมึนๆนะเพคะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:15:48

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ คุณ แฮมมึน : โอ้โฮ...รวดเร็วจริงๆครับ แวะเข้ามาทักทาย ตั้งแต่ ความเห็นแรกเลย  คงเป็นคนชอบรถไฟ คอเดียวกัน พอเห็นสถานีรถไฟเก่า ก็เลยต้องปาดทันที...ขอบคุณๆ มาชมกันบ้านพักกันต่อครับ ที่ต้องเก็บภาพไว้เยอะๆ ก็เพราะเผื่อวันหน้ามีเงิน จะสร้างแบบนี้บ้าง ดูสวยดีครับ รูปขวาสุด ในวงกลมสีชมพู ผมสะดุดตาที่เห็น แล้วนึกสงสัยว่า ผู้คนในรูปนั่นเขาเล่นอะไร พลุก็ไม่ใช่ เพื่อนๆว่าคืออะไร ลองทายกันดูนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:24:25

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากดูบ้านที่ผมไปนอนแล้ว ก็ลองมาดูอีกหลังที่กลุ่มสมาชิกที่เหลือนอน จะแตกต่างกันอย่างไร (เสียดาย ตอนกลางคืนไม่ได้เข้ามาถ่าย สีผนังห้องดูสวยเนียนเข้ากับแสงไฟอย่างมาก ไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของสมาชิกสาวๆ ที่นอนไปแล้ว...ฮา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:27:55

ความคิดเห็นที่ 6 ข้างใน ลูกทีมคู่หูของผมกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ คงปวดขาไม่แพ้ผม กลัวว่าจะเบี้ยวปล่อยให้ผมไปเดินสำรวจห้วยแม่ลานคนเดียวตามลำพัง  ผมไม่ยอมแน่ๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:29:41

ความคิดเห็นที่ 7 ตามไปด้วยคร้าบ สงสัยรูปใน คห.4 จะเล่นฉีดน้ำสงกรานต์โดยใช้ท่อ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:30:00

ความคิดเห็นที่ 8 ออกมาเดินเล่นข้างนอกดีกว่า ในรูปคือวิวริมถนนหน้าบ้านพักครับ มองไปข้างบนก็เจอะกับถนน...ฮา  ถนนใหญ่ สาย 11 ที่พาเรามาที่นี่นั่นเอง  น่าแปลกดี มีแต่เขาจะหาวิวอื่นๆดูกัน นี่กลับหันมาดูถนนที่ผ่านไปผ่านมา ทำไม ทำไม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:32:43

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีครับ คุณม่วงมหากาฬ : โอ..เก่งจริงๆ ครับ เฉลยพร้อมเสร็จ ใช่ครับเป็นท่อฉีดน้ำสงกรานต์ที่ทำจากกระบอกไม่ไผ่ สมัยที่ยังไม่มีการใช้ท่อ พีวีซี มาฉีดกัน จนต้องสั่งห้ามกันไปในที่สุด  ผมเองก็ไม่ทราบ จึงได้ถ่ายภาพไว้ และนำมาถามกับคนที่ทำงานผม ซึ่งก็ตอบตรงกับคุณ  ใจผมคิดไปว่าเป็นพลุ แบบใช้เชือกดึง หรือไม่ก็พลุแบบทรงกระบอก ที่จุดไฟถือยื่นไปข้างหน้าให้ ไฟพุ่งออกมา แต่ก็งง ว่าเอามาเล่นกันใกล้ๆ ได้อย่างไร มาต่อกันครับ ผมมองไปทางซ้ายไกล โอ้..นั่นมันศาลากลางน้ำนี่นา น่าแวะไปดู ก่อนจะกลับ (แหม..มาเที่ยวทีไร เหมือนกับเช่าที่นอนเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปเสพสุข กับบรรยากาศโดยรอบสักที เพราะไม่มีเวลา ต้องรีบไปทำภาระกิจให้ครบ ซึ่งมักไม่ครบทุกครั้ง) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:38:07

ความคิดเห็นที่ 10 อืมม์...ลองเดินไปทางขวาก่อนดีกว่า เพราะเมื่อคืนมีบันไดทางลัดขึ้นไปทานข้าวที่สำนักงานด้านหน้าได้ ตอนกลางวันจะเป็นอย่างไร ลองเดินไปทางนี้ก่อนดีกว่า ภาพซ้าย : ก็ต้องประหลาดใจกับกองดินมหาศาลข้างหน้า ว่าดูเหมือนไม่ค่อยเรียบร้อย ซึ่งผมได้ทราบที่มา หลังจากขึ้นไปสำรวจข้างบน อย่างไม่คาดคิดเหมือนกัน ภาพขวา : สุดแนวต้นไม้ มองไปทางขวา ก็จะเห็นบันไดทอดยาวขึ้นไปข้างบนครับ  เมื่อคืนมืดๆ เล่นเอาเกือบแย่ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก จะหกล้มกันวุ่นวายมาแล้ว...ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:41:40

ความคิดเห็นที่ 11 ผมขึ้นไปจนสุดบันไดหินของภาพขวาคห.10 แล้วก็พบจุดพักบันได และทางแยกไปสองด้าน  ข้างหน้าผมก็คือทางขึ้นไปยังด้านหน้า ที่ติดถนนใหญ่ (ภาพซ้าย) กับ ด้านขวามือของผม ก็คือ ระเบียงชมวิว(ภาพขวา) ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:43:42

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพซ้าย : ขึ้นไประเบียบชมวิวกันก่อน ก็คือการมองกลับมายัง บริเวณบ้านพักของเรานั่นเอง แต่จะมองเห็นถนนใหญ่ด้านหน้า สูงกว่าหลังคาเลย โอ้ว... นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ แต่กลับมีถนนลอยฟ้าได้อย่างไรกัน  กลัวจะบินโฉบลงมาข้างล่างจัง...ฮา ภาพขวา :  มองไปทางขวาก็จะเห็นพงไม้.... บังถนนใหญ่ที่มีรถกำลังวิ่งไปมาด้วยความเร็ว  ผมเชื่อว่าคนที่ขับรถอยู่บนถนนก็คงไม่คิดว่าจะมี บ้านพักอะไรอยู่แถวนี้ ยิ่งตอนกลางคืนดูเปลี่ยวมากๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:49:04

ความคิดเห็นที่ 13 ด้านหลังระเบียง คือห้องโถงโล่งๆ ผนังเป็นกระจก นึกไม่ออกว่าเป็นห้องอะไรเลยขอตั้งชื่อเป็นห้องอเนกประสงค์ไปก็แล้วกัน คิดว่าน่าจะมีไว้สำหรับจัดเลี้ยง จัดงานอะไรมากกว่า ภาพซ้าย : ผมเดินออกมาด้านหน้าแล้วครับ มองเข้าไปที่ห้องเอนกประสงค์อีกที ดูร้างๆ อย่างไรชอบกลนะครับ อาจไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว หรือกาลเวลามาผ่านมานาน ไม่ฮิตเหมือนแต่ก่อนแล้วกระมัง ภาพขวา : ติดกันก็คือสนามเด็กเล่น ที่อยู่ติดทางเข้าด้านหน้าเลย  มองเข้าไปหน่อยก็จะเห็นบันไดที่เดินขึ้นมาจากบ้านพักข้างล่างครับ  ลับตากันแบบนี้แหละถึงงง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:55:51

ความคิดเห็นที่ 14 ตามมาดูอุโมงค์รถไฟต่อค่ะ จากคุณ : luckyfarm6662 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:57:21

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพซ้าย : มองออกมาจากสนามเด็กเล่น ก็จะเห็นสำนักงานตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม มีห้องอาหารเล็กๆ อยู่ข้างหลัง ที่เมื่อคืนพวกเราปีนป่ายขึ้นมากันกันไงครับ  ที่จริงแล้วสั่งลงไปนั่งกินข้างล่างใกล้บ้านพักก็ได้ แต่แสงสว่างน้อยมาก กลัวจะกินสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่อาหารเข้าไปด้วย...ฮา ภาพขวา : เดินออกมาด้านหน้า ติดถนนใหญ่ แล้วมองกลับเข้าไปข้างใน   นี่คือภาพที่เมื่อตอนเข้ามา จะเห็นเป็นแบบนี้ครับ    แล้วก็จะต้องถามว่า สุขา..เอ๊ย...ห้องฉันอยู่ที่ไหน  ไม่ง่ายที่จะเห็น เพราะอยู่ลึกเข้าไป ออกจะซับซ้อนกันหน่อย (ให้เดินออกมาครั้งแรก รับรองหลง....) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:00:59

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ คุณluckyfarm6662 : ยินดีต้อนรับครับ ในตอนนี้อาจยังไปไม่ถึงอุโมงค์ที่สามอันน่าระทึกใจ แต่ก็ยังดีที่มีสถานีแม่พวกเก่าให้ดู แก้คิดถึงรถไฟไปได้...ฮา เชิญติดตามชมต่อไปได้ครับ ภาพซ้าย : นี่เป็นภาพโต๊ะทานอาหารเมื่อคืนครับ ดูเขียวๆ ไปหมด ภาพขวา : ที่ผนังมีรูปพระบรมฉายาลักษณ์เยอะ โดยเฉพาะของ องค์พระปิยะมหาราช ครับ  รูปนี้ผมไม่เคยเห็นเลยถ่ายมาให้ชมกัน คงเป็นพระราชโอรสของพระองค์ ที่รายรอบพระองค์อยู่  มีตัวอักษรเขียนว่า "ห้องเขียว" ด้วย ไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับรูปภาพหรือเปล่า ไม่ได้สอบถาม จนท.แถวนั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:06:07

ความคิดเห็นที่ 17 นี่ก็เป็นด้านหน้าของ น้ำแรม การ์เด้น ครับ ด้วยไม่มีเจตนาโฆษณา โปรโมทใดๆ จึงขอละทั้งเบอร์โทรศัพท์ และอัตราค่าที่พักไว้  ถ้าหากใครสนใจก็เสาะหากันเอาเองนะครับ  แต่ภาพที่เห็นจากริมถนนใหญ่ก็เป็นแบบนี้  คือดูแล้วน่าจะเป็นร้านอาหารมากกว่า รีสอร์ทที่พัก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:08:45

ความคิดเห็นที่ 18 หรือถ้าเป็นมุมมองตอนขับรถยนต์มาจาก จ.อุตรดิตถ์ ก็น่าจะเป็นแบบนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:12:30

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพซ้าย : ลองเดินไปทางเหนือ เพื่อดูมุมมอง ในทิศทางตรงกันข้ามบ้าง  เลยทำให้ได้เห็นอะไรแปลกๆ ตรงนี้  ก็คือ แนวถนนที่ผ่านหน้าสำนักงาน แฉลบเฉียงลงไปด้านข้างถนนใหญ่ แล้วขาดหายไปเฉยๆ ในภาพขวามือครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:16:32

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:22:35

ความคิดเห็นที่ 21 งานนี้ก็เลยชักสนุก สำหรับนักโบราณคดีอย่างผม...(ว่าเข้าไปนั่น) ที่ชอบขุดคุ้ยหาประวัติศาสตร์ของสถานที่ต่างๆ  ผมเลยเดินมาจนถึงปลายสุดของถนนที่หายไป ซึ่งหักโค้งลงไปเชื่อมกับถนนที่มาจากหน้าบ้านพักผมนั่นเอง  นั่นก็คือ ถนนเส้นนี้ของรีสอร์ท ได้โดนถนนใหญ่ขยายทับลงไป จนขาดหาย เลยทำให้การเข้าไปยังบ้านพักต้องไปวนอ้อมด้านหลังโน้นเข้ามา ภาพข้างล่าง เป็นมุมมองที่คนบนถนนใหญ่มองเห็นครับ  แปลกดีที่เข้าไปตั้งลึก แต่กลับมองเห็นได้ง่ายจากถนนใหญ่ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:23:03

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับ คุณdigimontamer :ขอบคุณเช่นกันที่ติดตามมาโดยตลอด มากับผมก็หลายรสชาติ ปนเปกันไปนะครับ พอดีเหลือบเห็นแผนที่เก่าๆ ตรงสำนักงาน เก็บภาพมาดู เลยทำให้เข้าใจได้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ด้านหน้ารีสอร์ท เพราะการขยายถนน แต่ก่อนมีถนนเล็กๆ แยกเข้าไป โดยมีสวนหย่อมเป็นเกาะอยู่ด้านหน้า  ปัจจุบันได้ถูกรื้อทิ้งหมด  ปลายถนนที่ผ่านหน้ารีสอร์ทก็หดหายไปด้วย แต่แรกจะเลี้ยวเข้าไปบ้านพัก ผ่านสระน้ำ แล้ววกกลับมาได้  นี่เป็นสิ่งที่ค้นพบด้วยตัวเองของผม เพิ่งมาเข้าใจตอนจัดเตรียมภาพนี่เอง จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:28:56

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาชมครับ เจาะลึกจริงๆ  จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:32:08

ความคิดเห็นที่ 24 ผมกลับมายืนตรงทางเข้าปัจจุบัน (ตรงกลางภาพในคห.22) หันหน้าออกถนน ซึ่งเคยเป็นเกาะที่สวนหย่อม (ถ้าใครเคยผ่านมาแถวนี้ก่อนขยายถนนก็คงจำได้) ภาพขวา : มองไปทาง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งจะเห็นแนวถนนเดิมได้ถูกตัดให้ขาดไป เพราะต้องการให้เป็นร่องระบายน้ำ แทน ภาพซ้าย : มองเลยไปทาง อ.เด่นชัย จะเห็น แนวถนนเก่าที่ไปสิ้นสุด ตรง ริมถนนใหญ่ ตรงปลายคันกันรถตก สีขาว(ซึ่งเป็นจุดที่เมื่อครู่ผมไปยืนดูบ้านที่ผมพักพอดี) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:36:06

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีครับ คุณเจ้าชายแวมไพร์ : วันนี้เจอกันตอนกลางวันเลยนะครับ วันก่อนเจอตอนกลางคืน...บรื๋อยย์..ช่างเข้ากับบรรยากาศจริง  โดยเฉพาะตอนที่รูปได้อ้าปากแยกเขี้ยวนี่...กลัวๆ ครับ หลังจากเดินตากแดดริมถนนกันแล้ว ก็เดินกลับเข้ามาเที่ยวในรีสอร์ทดีกว่า  พอดีจากรูปแผนผังในคห.22 จะสังเกตุเห็นทางรถไฟอยู่ด้านหลังรีสอร์ท ชักน่าสนละครับ ถ้าหากเดินไปค้นหากันดูว่า จะมีที่หยุดรถไฟแบบไร่เกล็ดดาวหรือเปล่า ? ภาพซ้าย : หลังจากเดินผ่าน สำนักงานเข้าไปแล้วก็เจอเข้ากับป้าย "สวนน้ำแรม" ก็รู้สึกงงๆ ดูแล้วเหมือนที่ส่วนตัว ของเจ้าของมากกว่าแขกผู้มาพัก ภาพขวา : มีป้ายบอกให้ไปทางขวา ก็จะเจอถนนเล็กๆ ที่มีทิวสนดังในรูปครับ เมื่อคืนผมเข้ามาทางนี้ โดยมีเด็กผู้ดูแลขี่มอเตอร์ไซด์นำทางไป ...อื๋อย์...ทำให้นึกว่าต้องไกลมากๆ เลยขนาดเดินเท้าไม่ได้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:41:50

ความคิดเห็นที่ 26 เกือบตกรถไฟ จากคุณ : สมหมาย09 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:43:32

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ (ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกปวดขาจากเมื่อวานอยู่บ้าง) ภาพขวา : มองไปทางขวา ก็จะเห็นด้านหลังบ้านพักที่ผมนอนเมื่อคืนครับ ภาพซ้าย : ตอนนี้ข้างหน้าก็คือ สี่แยกครับ ขวามือไปบ้านพัก และศาลากลางน้ำ  ทางซ้าย เป็นประตูทางเข้าอีกทางของสวนน้ำแรม ในภาพซ้าย คห.25 ที่ถูกปิด  ผมเลือกเดินต่อไปครับ เพื่อจะค้นหาทางรถไฟ และ ที่มาของคำว่า น้ำแรม จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:45:53

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ คุณสมหมาย09 : ยังทันครับ วันนี้รถไฟออกสายครับ เดี๋ยวเจอกันตอนท้ายๆ กระทู้ครับ ภาพขวา : ก่อนผ่านทางแยกนี้ไป มองไปทางขวาก็จะเห็นสระน้ำอยู่ไม่ไกลครับ  ตอนกลางคืนดูไกล แต่พอกลางวันนับว่าใกล้นิดเดียว ภาพซ้าย : เดินต่อไป ข้างหน้าดูหนทางยาวไกลเหมือนกันนะนี่... ทำให้อีกใจหนึ่งคิดจะเดินกลับละ เพราะต้องออมแรง และเวลาไว้ลุย อุโมงค์ห้วยแม่ลานที่ยังอีกไกล และเดินอีกมาก  แต่..ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้มาอีก คงใช้เวลาอีกไม่นานเลยเดินต่อครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:50:32

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพขวา : ผมเดินมาสุดถนน มีสะพานเล็กๆ ที่เดินข้ามน้ำไปฝั่งโน้นได้ สังเกตุดีๆ ตรงนี้เป็นทางแยกเล็กๆ ซ้ายมือไปลานจอดรถ ในภาพซ้าย  ขวามือมีร่องรอยทางหายไปทางขวา ซึ่งตอนขากลับออกมาจะเดินเข้าไปสำรวจกัน มีอะไรน่าสนใจซ่อนอยู่ด้วยครับ ภาพซ้าย : ลานจอดรถ ซึ่งมีแนวห้วยน้ำแรมทอดขวางอยู่ จะมองเห็นบ้านพักสีสรรจัดจ้านเรียงกันอยู่ฝั่งตรงข้ามโน้น  นี่แหละคือสาเหตุที่ผมต้องเลือกพัก ริมถนนแถทนริมน้ำ เพราะขี้เกียจขนของข้ามไปที่บ้าน ไหนจะมีผู้สูงอายุอีก ยิ่งมาถึงตอนดึกๆ คงจะวุ่นวายน่าดู  เพราะรถเข้าไม่ถึงสำหรับบ้านพักกลุ่มนี้ครับ (โชคดี ที่ทาง จนท.ได้บอกไว้ตั้งแต่ตอนจองแล้ว) แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 17:03:26 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:59:03

ความคิดเห็นที่ 30 ผมได้เดินข้ามสะพานไป ระหว่างนั้นก็เก็บภาพทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวา ไว้ตามระเบียบ แต่ก็มาสะดุดตาอะไรด้านขวา....  ซากสะพานเก่านี่นา  เดี๋ยวตอนขากลับจะแวะมาดูใกล้ๆกัน จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:05:50

ความคิดเห็นที่ 31 ข้ามสะพานมาแล้ว หันกลับไปมองลานจอดรถด้านที่ผ่านมา (ตอนอยู่ฝั่งโน้นเกรงใจไม่กล้าถ่ายภาพ เพราะมีคนอยู่ในรถ มันดูเฉพาะเจาะจงเกินไป) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:08:05

ความคิดเห็นที่ 32 มาเดินชมบ้านพักด้านในกันดีกว่า สีสรรจัดจ้านดีจัง  จะว่าไปแล้ว เดี๋ยวนี้บ้านส่วนตัว ก็เริ่มใช้สีสดๆ แบบนี้กันแล้ว ในขณะที่สมัยก่อนนิยมสีนุ่มๆ มากกว่า จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:10:27

ความคิดเห็นที่ 33 มาดูพื้นผิวสวยๆ นี้กันใกล้ๆหน่อย ที่จริงไม่มีอะไรมาก แค่ใช้สีทาลงไปที่ปูน(ที่ฉาบดูไม่เรียบ ด้วยซ้ำ) ตรงๆ เลย  แต่ปกติปูนจะดูดสี คงต้องมีเทคนิคบางอย่างรองพื้นมิให้ปูนดูดสีเปลืองเกินไป (ผมเคยทาเอง ทาเท่าไรสีก็หายไปเกือบหมด เสียสีไปเยอะ เหนื่อยเสียเวลาทาซ้ำมากๆ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:13:22

ความคิดเห็นที่ 34 ลอง(แอบ)เดินเข้าไปด้านหลังบ้านกันหน่อย พอดีไม่มีใครพักอยู่ด้วย จะมองเห็นห้วยน้ำแรมทอดยาวอยู่ อันเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ทแห่งนี้ครับ ที่จริงแล้ว ก็ได้ถูกใช้เป็นชื่อวัด โรงเรียน ถัดไปจากแถวนี้ด้วย  แต่ถ้าหากไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เห็น ลำห้วยน้ำแรม ชัดๆแบบนี้ เพราะซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าข้างถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:17:22

ความคิดเห็นที่ 35 มองไปทางซ้าย (ด้านหน้ารีสอร์ท) ก็จะเห็นสะพานที่ข้ามมาอยู่เล็กๆ ครับ ตรงนี้บรรยากาศธรรมชาติดี ใครที่ชอบอะไรเขียวๆ ไม่ผิดหวังครับ  จะจำเอาไว้ทำที่บ้านก็ดีไม่น้อยครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:19:33

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพซ้าย : กลับมาเดินบนเส้นทาง ที่จะตรงไปยังด้านหลังรีสอร์ทกันต่อครับ ภาพขวา : มองไปทางขวา จะมีม้าหินอยู่ให้เกือบทุกหลัง สังเกตุเห็นซาก เอ๊ย.. ภาชนะอาหารที่ทานแล้วยังไม่ได้เก็บ  คงเป็นบริการอาหารเช้าถึงที่นะครับ เพราะระยะทางไปยัง สำนักงานนั้นไกลเอาการเลย ยิ่งถ้าให้นั่งรถไปทานคงจะทุลักทุเลน่าดู ระหว่างเดินไปก็เจอแขกกลุ่มหนึ่ง ครอบครัวใหญ่ (คงเตรียมขึ้นรถตู้ที่ลานจอดรถในคห.31) เขาทำหน้างงๆ ว่าผมเป็นใคร มาได้อย่างไร อยู่ๆ ก็ถือกล้องมาถ่ายโน้นถ่ายนี่คนเดียว ก็เลยมีรอยยิ้มให้ เพราะไม่รู้จะเริ่มสนทนากันอย่างไร ผมก็หลีกเลี่ยงที่จะถ่ายภาพให้ติดพวกเขา เพื่อความเป็นส่วนตัวเช่นกันครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:24:59

ความคิดเห็นที่ 37 เดินลึกเข้าไป ก็จะเห็นบ้านที่แตกต่างกันออกไป จนมาสุดถนนในภาพขวา ก็มาเจอบ้านลักษณะเหมือนกับที่ผมพัก 2 - 3 หลังครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:27:06

ความคิดเห็นที่ 38 ด้วยความต้องการที่จะไปให้ถึงทางรถไฟ จึงมาถึงลานด้านหลังรีสอร์ทตรงนี้  มองหารางรถไฟไม่เห็น แม้กระทั่งเสาโทรเลขก็ไม่เจอ  ดูจากแผนผังในคห.22 แล้วก็บอกว่าอยู่ใกล้รางรถไฟมาก สังเกตุได้จากกระท่อมปลายสุด ที่มองเห็นได้จากที่นี่ แต่การเข้าไปนั้นดูไม่ปลอดภัยอย่างมาก เพราะเป็นพงหญ้ารก และใบไม้แห้งกระจายอยู่ทั่วไป สัตว์ไร้ขาเช่นงู เขาชอบนักที่จะหมกซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แบบนี้ จึงเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะลุยออกไปหารางรถไฟ ซึ่งถ้าหากผมมีร่มคู่ใจ อาจใช้ดันล่วงหน้าไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นโล่ห์ป้องกันสัตว์ที่ซ่อนตัวอยู่ได้บ้าง  ซึ่งทีแรกตอนที่เริ่มเดินสำรวจ ผมไม่ได้คิดจะมาไกลถึงขนาดนี้ เพราะขาก็ยังเจ็บระบมอยู่ ต้องถนอมไว้ด้วย.. เลยต้องสิ้นสุดการค้นหารางรถไฟด้านหลัง น้ำแรม การ์เด้นท ไว้เพียงแค่นี้ ครับ แค่นี้ ผมคิดว่า แขกที่มาพักแห่งนี้ ส่วนใหญ่คงไม่ได้เดินสำรวจมากเท่าผมแน่นอน  ที่จริง ตรงที่โล่งๆ ยังมีบ้านหลังใหญ่ๆ ด้วยซึ่งผมไม่ได้เก็บภาพมาเพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์รีสอร์ทครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:34:14

ความคิดเห็นที่ 39 กลับละครับ หิวแล้ว อาหารที่สั่งไว้ที่บ้านพักคงจะได้แล้ว ผมเดินกลับมาถึงสะพาน เห็นเด็กน้อยแขกกลุ่มอื่นกำลังขนกระเป๋าข้ามสะพานไปยังรถตู้ที่จอดรถอยู่ครับ  ไอ้หนู..ใครเขาเข็นกระเป๋าแบบนั้น ถ้าหากเจอก้อนหิน หรืออะไรขวางอยู่ คงหกล้มทั้งกระเป๋าทั้งคนเลย   เขาต้องลากกระเป๋าไม่ใช่ดันกระเป๋าแบบนี้...ฮา จากมุมมองนี้จะเห็นซากสะพานอยู่เลยไปในพงหญ้าฝั่งตรงข้ามครับ เดี๋ยวไปดูกันชัดๆตรงกลางสะพานกันหน่อย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:37:59

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพขวา : มองจากกลางสะพาน จะเห็นซากคอสะพานเก่าโผล่มาจากตลิ่งฝั่งโน้น คงสร้างมานานพอสมควร จนดูเหมือนมีตำนานเก่าแก่ ราวกับยุคโรมันเลย..ฮา ภาพซ้าย : ผมเดินกลับด้านซ้าย (ยังไม่กลับไปฝั่งทางเข้า) ค้นหาทางเก่า ที่จะพาไปยัง ซากคอสะพานอีกฝั่ง  ซึ่งไม่พบ คาดว่าคงพังจนต้องรื้อทิ้งไป มิฉะนั้นจะลงไปขวางทางน้ำไหลข้างล่างได้   นับเป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ที่หลายคนคงไม่เคยทราบ (แต่ก็ไม่รู้จะทราบไปทำไม...ฮา) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:42:21

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพขวา : หลังจากนั้น ผมก็ข้ามสะพานมายังฝั่งทางเข้า แต่ก็ไม่ลืมที่จะเดินไปตามทางเก่าจนถึงซากคอสะพาน ซึ่งจะเห็นเสาเล็กๆ ตั้งกันมิให้รถใหญ่ข้ามไป คงกลัวสะพานพัง แต่ก็พังไปแล้วจริงๆ (เนื่องจากเป็นสะพานทำด้วยคอนกรีต ทีแรกผมยังคิดว่าแต่ก่อนรถยนต์คงข้ามไปจอดหน้าบ้านพักได้เลย เพราะอย่างน้อยการก่อสร้างอาคาร ก็ต้องขนผ่านสะพานแห่งนี้ด้วยรถบรรทุกอยู่ดี) ผมพยายามมองหาซากคอสะพานฝั่งโน้น ก็มองไม่เห็นเหมือนกัน เพราะมีต้นหญ้าขึ้นรกแน่นไปหมด คงถูกรื้อทิ้งไปแล้วแน่นอน ส่วนประวัติการรื้อและสร้างสะพานคงต้องไปสอบถามกับ จนท.รีสอร์ทเองนะครับ  แหม..เลยทำให้ รีสอร์ทแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่มา เหมือนกับ แม่สลองรีสอร์ท ที่เชียงรายเลย ภาพซ้าย : ตรงซากสะพานฝั่งนี้ ผมไปยืนมองสะพานที่เพิ่งข้ามกลับมา เห็นอย่างในรูปครับ (เป็นการมองย้อนกลับไปกลับมานะครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:48:53

ความคิดเห็นที่ 42 สวยมากครับ  ตามไปเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:55:55

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีครับ คุณเล็กทาโร่ : ขอบคุณครับ ใกล้จะออกจากที่นี่แล้ว มาดูส่วนที่สวยที่สุดของรีสอร์ทแห่งนี้ ครับ ภาพขวา : ผมเดินกลับมาถึงสามแยกริมสระ ต่อจากภาพขวาของ คห.28 ถ้าหากเลี้ยวขวาก็กลับที่พัก แต่ผมเลือกเลี้ยวซ้ายครับ ภาพซ้าย : เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็ถึงเชิงสะพานข้ามไปยังศาลากลางน้ำครับ มาที่นี่ ถ้าหากไม่ได้มาตรงนี้ก็ดูจะขาดส่วนสำคัญไป จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:33:56

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพซ้าย : ก้าวขึ้นมาบนสะพานกัน แสงแดดแยงตา หน่อยนะครับ ภาพขวา : ถึงศาลากลางน้ำแล้ว... สวยมากๆ ดูคลาสสิคคล้ายพระราชวังโบราณเลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:36:24

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพซ้าย : สมาชิกที่มา ทั้งเด็กผู้ใหญ่ พากันตั้งอกตั้งใจ ดูอะไรกันนี่.... ภาพกลาง : มองลงไปข้างล่างในสระน้ำ อ๋อ..เจ้าเป็ดเทศ ตัวใหญ่ๆ สีดำๆ ร้องแฮบๆ นี่เอง เป็นพวกนี้จะเคลื่อนที่ไม่เร็วนัก ผมจำได้ตอนเด็กๆ ที่เรียนชั้นประถมต้น ยังเคยวิ่งไล่จับ และอุ้มขึ้นมาได้  แต่ถ้าเป็นเป็ดสีขาวธรรมดาๆ ละก็ ไม่เคยจับได้เลย วิ่งไล่ไปมา ถึงจับได้ก็จับไม่อยู่ เป็ดจะดิ้น เอาเท้าถีบโคลนเปื้อนไปทั้งตัว ครับ  ผมจึงชอบเป็นแบบนี้มากกว่า ภาพขวา : ไม่ไกลกันนัก ก็มีห่านขาวคู่หนึ่ง ว่ายน้ำมาใกล้ ครับ  สำหรับห่านนี้ ตอนเด็กๆ แถวบ้านผมก็มีห่านฝูงหนึ่ง ไล่จิกคนที่ไปมาแถวนั้นเหมือนสุนัขเลย ความเจ็บไม่เท่าไหร่ แต่ท่าทีส่งเสียงร้อง และรวมตัวกันชูคอไล่จิกนั้น ดูน่ากลัวกว่า ตอนเด็กๆ ผมไม่ยักกลัวห่าน กลับโมโหด้วยซ้ำ แทนที่ห่านจะกลัวคนวิ่งหนีเหมือนสัตว์ทั่วไป แต่กลับวิ่งเข้าไส่  อยากจะเตะพวกมันด้วยซ้ำเวลาที่จู่โจมเข้ามา แต่พวกมันไวกว่า ไม่โดนสักที  รำคาญเสียงร้องก็เลยต้องเดินหนีมันในที่สุดครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:44:58

ความคิดเห็นที่ 46 มองไปในสระน้ำกว้างๆ ขอเก็บภาพแบบพานอรามากันหน่อยนะครับ เป็นภาพมุมกลับกับรูปในคห.9  จะเห็นรถผมจอดอยู่ลิบๆ และถนนใหญ่ข้างบนโน้นครับ (ดูตรงนี้ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีรถยนต์วิ่งอยู่ข้างบน เพราะถูกรั้วขอบทางบังตาไว้ครับ) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:47:47

ความคิดเห็นที่ 47 ลองใช้กล้องซูมภาพเข้าไปตรงปลายสุดของสระน้ำดู จะสังเกตุเห็นว่า แนวถนนเดิมนั้นพุ่งตรงไปยังถนนใหญ่แล้วเลี้ยวขวาขนานไปเรื่อยจนถึงด้านหน้ารีสอร์ท แต่ตอนนี้ได้ถูกกองดินลูกรังจากไหล่ทางที่ขยาย ไหลลงมาทับหายไปหมดแล้ว ตามรูปซ้ายของ คห.10 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:50:12

ความคิดเห็นที่ 48 ถึงเวลากลับจริงๆแล้วละ เพราะมีเด็กๆมาตามไปกินข้าวแล้ว ภาพขวา : ลงจากสะพานไป ก็เลี้ยวซ้ายไปตามภาพซ้าย ครับ ถนนตรงนี้ จะกลายถนนประวัติศาสตร์ของผมอีกแล้วในอีกไม่ถึงชั่วโมง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:52:32

ความคิดเห็นที่ 49 อาหารเช้าที่แสนอร่อยก็มาถึง และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมื้อที่ต้องอึดไปอีกจนค่ำ ที่กว่าจะได้กินอีกมื้อ  ภาระกิจที่รออยู่ยังมีอีกมากและยาวไกล ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:54:24

ความคิดเห็นที่ 50 เสร็จแล้วก็เตรียมของสัมภาระขึ้นรถกัน เพื่อจะได้ MOVE ออกไป นี่ก็เวลาสิบโมงเช้าแล้ว ถือว่าสายมากๆ กับการท่องเที่ยวของคนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่เขามักจะ Check Out ออกจากที่พักก่อน 8 โมงเช้ากันทั้งนั้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:57:43

ความคิดเห็นที่ 51 หลังจากพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว คนขึ้นรถครบทุกคน สัมภาระขึ้นหลังคาครบ ปิดประตู สตาร์ทรถ....แต่....รถไม่ติด..ครับ  เรื่องเล็กๆแบบนี้ เล่นเอาวุ่นวายไปเลย พาลอาจทำให้ภาระกิจทั้งหมดล้มเหลวได้ง่ายๆ  อากาศเย็นมาก แบตเตอรี่ไม่เก็บไฟ ทั้งๆที่วิ่งมาทั้งวัน และเมื่อคืนก็ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกจากรถด้วย(กันไฟรั่ว) ยังเป็นไปได้ อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานมา 2 ปีครึ่งแล้ว แต่ปกติก็สตาร์ทได้นี่นา งงจริงๆ  ต้องลงเข็นกัน แต่ถนนหน้าบ้านไม่ใช่คอนกรีตเรียบๆ แถมเป็นทางลาดอีก งานเข้าครับ เลยต้องโทรหาคนของ รีสอร์ทมาช่วย ได้มา 1 คน เข็นไปมา 2 รอบก็ไม่ติด รีสอร์ทก็ไม่มีรถที่จะพ่วงแบตเตอรี่อีก  ไม่ไกลกว่ารีสอร์ทจะมี ป้อมจนท.ทางหลวงอยู่  คงต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขาแล้วกระมัง อย่างนี้กี่โมงถึงจะออกเดินทางได้...เฮ้อ.. ในระหว่างนั้นนึกขึ้นได้ว่า ระหว่างเข็นให้บิดกุญแจสตาร์ทช่วยด้วย ผมเลยตัดสินใจใส่เกียร์หนึ่งค้างเหยียบคลัทช์ไว้ แล้วปล่อยเมื่อรถเริ่มโดนเข็นอีกคั้ง พร้อมบิดสตาร์ท ผลคือ เครื่องยนต์ติด...เฮ้..  ได้ลุ้นเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มภาระกิจกันเลย กว่าจะได้ออกเดินทางกันจริงๆ ก็เกือบ 5 โมงเช้านั่น อุปสรรคเยอะเหมือนกัน ข้างล่างคือแผนที่เดินทางในช่วงแรกนี้ คือ ไปไร่เกล็ดดาว และ สถานีรถไฟเก่าแม่พวก ที่เลิกใช้แล้ว   ที่จริงแผนที่ตอนที่เดินทางนั้นไม่ละเอียดขนาดนี้ เพราะใน GPS Pocket PC ไม่มีลายเส้นเข้าไปเลยทั้งหมด มีแต่ทางรถไฟ กับ ถนนใหญ่สาย 11 เท่านั้น  ที่ทราบมาก่อนก็มาจาก กูเกิ้ลเว็บ ตรงทางเข้าไร่เกล็ดดาวข้างล่างนั่นแหละ แต่ดันพลาด เพราะลืมเปิด GPS กว่าเครื่องจะบอกตำแหน่งว่า "ฉันอยู่ไหน" ก็ล่วงเลยมาจนเกือบถึงด้านหน้าไร่เกล็ดดาวแล้ว... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:08:37

ความคิดเห็นที่ 52 นี่คือมุมมองก่อนจะถึงไร่เกล็ดดาว ทางด้านหน้า ที่ GPS เพิ่งจะแสดงตัวเองว่า "ฉันอยู่นี่" เลยทางเข้ามากว่า 200 เมตรแล้ว ปกติถ้าหากเป็นถนนธรรมดาก็จะถอยหลังไป แต่นี่เป็นถนนที่กำลังก่อสร้าง ทั้งคดเคี้ยว สูงต่ำ รถก็เยอะ แถมขาผมก็อยู่ในสภาพปวดระบมพอประมาณอยู่ เลยคิดว่า เลยด้านหน้าไร่เกล็ดดาวก็คงมีทางเข้า แล้ววกกลับเข้าไปอีกทีก็ได้ เลยไม่คิดจะถอยหลังรถ หรือไปกลับรถมาเข้าใหม่อีกที  แต่ ผมคิดผิด.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:12:15

ความคิดเห็นที่ 53 ตอนนี้จอดรถตรงด้านหน้าไร่เกล็ดดาวพอดี เก็บภาพเต็มๆ มาให้ดูกัน ตรงนี้มีทางเข้าที่ข้ามสะพานแต่ประตูปิด คงมีไว้เปิดสำหรับแขกที่นัดมาพักกระมังครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:14:34

ความคิดเห็นที่ 54 ตามเจ้ากรมแผนที่มาเที่ยวต่อครับ ชอบภาพ ร.5 กับพระโอรส ไม่เคยเห็นเหมือนกันครับ จากคุณ : tiger's nest เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:16:22

ความคิดเห็นที่ 55 ภาพบน : เอาล่ะ เลยไปหน่อยก็พบทางเข้าด้านหลังไร่เกล็ดดาวแล้ว เป็นซุ้มประตูใหญ่สีขาว มีป้ายเล็กๆ บอกทางเข้าไร่เกล็ดดาวด้วย ชัวร์ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย.... ภาพกลาง :  ระหว่างทางเจอป้ายลักษณะเดียวกันบอกทางเข้าไร่เกล็ดดาวตลอด เจ้าของรีสอร์ทนี้ช่างขยันและลงทุนจริงๆ ไม่พลาดเลยสำหรับผู้ที่จะเข้ามาพัก ภาพล่าง : แต่.... จนมาถึงสามแยกข้างหน้านี้ ทำให้เป้าหมายล้มเหลวทันทีอย่างไม่คาดฝัน เพราะเมื่อเลี้ยวซ้ายไปตามป้าย โผล่เข้าไปปุ๊บก็ต้องเจอฝูงชน ม๊อบ...เอ๊ย.. ชาวบ้านเดินกันเต็มถนน เหมือนกับว่ามีการปิดถนนเพื่อจัดงานปีใหม่  ไม่รู้ว่ามีการกางเต้นท์ขวางถนนแบบที่ คนกรุงเทพฯนิยมทำในหมู่บ้านหรือเปล่า เพราะถนนช่วงนี้นับว่าเล็กแคบมาก รถสวนกันแต่ละทีก็ต้องมีลุ้นตลอด (กระจกหูช้างผมยังโดนเกี่ยวกันเบาๆ ครั้งหนึ่งด้วย ดีที่ไม่เป็นไร)  ว่าจะพ้นหรือไม่ ขาที่ปวดระบม กับทางคับแคบ เลยทำให้ไม่อยากลองลุยคนเข้าไป กลัวจะต้องถอยหลังยาวๆ  ผมเลยตัดสินใจยังไม่เข้าไปไร่เกล็ดดาวในตอนนี้ คิดว่าขากลับค่อยมาแวะ ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะกว่าจะออกจาก อ.ลองก็ 2 ทุ่มแล้ว! น่าเสียดายจริงๆ แม้จะมาพักอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็ไม่สามารถแวะเข้ามาดูที่หยุดรถ ไร่เกล็ดดาวได้ น่าเสียดายจริงๆ คงต้องมี ภาคสอง อุตรดิตถ์อีกแน่นอน เพราะยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ได้ไปคราวนี้ เช่น แก่งหลวง สะพานห้วยแม่ต้า สะพานปรมินทร์  อุทยานสักใหญ่ เป็นต้น จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:21:54

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีครับ คุณ tiger's nest : ยินดีต้อนรับครับ ทริปนี้นับว่ารวมรสเหมือนกัน  ก่อนออกจากบ้านผมได้เตรียมข้อมูลไว้เยอะ ซึ่งก็ทำสำเร็จประมาณ 60% เอง เพราะมีปัจจัยที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับ ทริปของคนอื่น ก็ถือว่าเนื้อหาผมเยอะจริงๆ เมื่อเทียบกับเวลาเพียง 2 วันกว่าๆ สำหรับความงามของ ไร่เกล็ดดาวนั้น ถ้าหากค้นในเน็ตก็คงหาดูได้ไม่ยาก แต่ผมขอนำภาพจากในเว็บคนรักรถไฟมาให้ดูกันแก้ผิดหวังไปก่อน ไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่ๆ ภาพซ้าย : เป็นของคุณ CivilSpice ถ่ายภายในรีสอร์ท ซึ่งผมคิดว่าคงไม่ได้เข้ามาถ่ายแบบเขาแน่ๆ เพราะไม่ได้ติดต่อเข้ามาพัก อีกทั้งรีสอร์ทแห่งนี้ไม่ได้เปิดสาธารณะให้ใครก็ตามเข้าพักได้   ผู้ที่จะเข้ามาพักต้องได้รับการแนะนำหรือ มาโดยกลุ่มคณะที่รู้จักกับ เจ้าของรีสอร์ท ซึ่ง กลุ่มคนรักรถไฟก็ถือเป็นคณะที่รู้จักกับเขาแล้ว สามารถติดต่อในลักษณะหมู่คณะผ่านผู้บริหารเว็บไซต์ รถไฟดอทคอมเข้าไปได้   ซึ่งดูจากภาพแล้ว คิดว่าค่าห้องคงแพงระยับ.....  ผมลองคุยกับ จนท. น้ำแรม การ์เด้น เขายังบอกว่า ที่ไร่เกล็ดดาวนี้ถือว่า สำหรับแขก VIP  โอ.. สำหรับผู้มีรายได้(แค่) พออันจะกินอย่างผมและคณะ คงได้แค่ยืนชมที่ริมรั้วก็แล้วกัน...ฮา ภาพขวา : นี่ต่างหากที่ผมต้องการมาดู  คือจุดหยุดรถไฟไร่เกล็ดดาว ในภาพเป็นของคุณ Teerawut W. มือโปรแห่งการถ่ายภาพแห่งเว็บรถไฟดอทคอมครับ  ถ่ายซะได้สวยเหมือนภาพในฝัน เลยต้องติดตามมาดูด้วยตัวเอง แต่ก็พลาดไปในทริปนี้....ฮือ.ฮือ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:32:29

ความคิดเห็นที่ 57 ส่วนสองภาพล่างนี้ก็ถ่ายโดยสมาชิกเว็บรถไฟไทยดอทคอม ครับ ภาพซ้าย : เป็นของคุณ KTTA-50-L จะมองเห็น สะพานไม้ชานชาลารถไฟ และสวนหย่อมด้านหน้ารีสอร์ทได้อย่างดี (พร้อมเต้นท์ ขาประจำด้วย)  เลยไปมองเห็นเนินเขาฝั่งตรงข้ามด้วย ภาพขวา : เป็นของคุณ Methee S. นี้ออกไปยืนที่ฝั่งตรงข้ามแล้วถ่ายกลับมาทางรีสอร์ท ซึ่งน่าจะเห็นทางเข้าอยู่ในสายหมอกข้างหน้า เพราะถ่ายเยื้องๆ มาทางทิศเหนือหน่อย นับว่าเก็บได้ค่อนข้างครบถ้วนดี   แม้ว่าในเว็บรถไฟไทยดอทคอมจะมีภาพไร่เกล็ดดาวที่ หลากหลายกว่านี้ แต่ก็ขอนำตัวอย่างมาให้ชมกันเท่านี้ (ไม่รู้ว่าเจ้าของเขาจะอนุญาต ยินยอมหรือไม่ ถ้าหากไม่ชอบก็ติดต่อขอปลดรูปได้นะครับ เพราะงานนี้ผมพลาดจริงๆ ที่ไม่สามารถเข้าถึงจุดหยุดรถไร่เกล็ดดาวได้) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:38:38

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพซ้าย :  นี่เป็นภาพหลังจากพลาดสามแยก เข้าไร่เกล็ดดาวแล้ว ผมต้องรีบตัดสินใจไปค้นหาสถานีแม่พวกเก่าทันที เพราะในแผนที่ผมไม่มีระบุเส้นทางใดๆ เลย ต้องขับไป ถามชาวบ้านไปเรื่อยๆ ทางก็เล็ก เลี้ยวผิดก็ต้องมีอันถอยหลังกันหลายครั้งครับ ภาพกลาง : ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าสถานีแม่พวกเก่าแล้วครับ เป็นสามแยกถนนเล็กๆ ลงไปตามรูปขวา ที่ไม่มีป้ายใดๆ บอกทางเข้าเลย (แต่ก็ยังดีกว่าสถานีผาคัน ที่ถือว่าทางเข้าแย่สุดๆ ไม่แพ้สถานีบุใหญ่ เมื่อคราวไปอุโมงค์พระพุทธฉายเลย)  จุดสังเกตุก็คือป้ายเขียวๆ ของอบต.ห้วยไร่ มีข้อความ "สวนสัก-แม่พวก" ตัวโตๆ อย่างที่เห็นในรูปครับ  สามแยกนี้นับเป็นจุดเข้าถึงได้ใกล้ที่สุดจาก ถนนใหญ่สาย 11 (คนละทางเข้าตรงไร่เกล็ดดาวนะครับ) ตามแผนที่ ในคห.51 ซึ่งผมมาร่างเอาตอนที่จัดเตรียมภาพเพื่อตั้งกระทู้เมื่อวานนี้เอง (เลยทำให้ไม่ทราบว่า มีถนนย้อนกลับไปยัง ไร่เกล็ดดาวโดยไม่ผ่านจุดที่ชาวบ้านปิดถนนจัดงาน ได้ด้วย  แต่จะว่าไปแล้วถนนช่วงนั้นเล็กมากๆ ขับๆไปก็ตันเสียเฉยๆ ก็มี จะกลับรถ ถอยหลังก็ยาก จึงเป็นความลำบากของคนที่มาครั้งแรกอย่างมาก) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:50:15

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพซ้าย : เลี้ยวเข้ามา (ด้วยการสอบถามชาวบ้านล้วนๆ) ไม่นานก็สังเกตุเห็นสภาพแวดล้อมแบบสถานีรถไฟอยู่ด้านซ้ายครับ  (แม้จะมีต้นไม้รก แต่ก็พอเห็นอาคารสถานีเล็กน้อยในวงกลมสีชมพู) ภาพขวา : ผมไปจอดรถที่ริมถนน เพราะกลัวเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานแล้ว พื้นดินจะทรุด เพราะดูเก่าและรกมาก  ซึ่งก็มีข้อดีคือได้เก็บภาพด้านหลังสถานีได้เต็มๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:54:06

ความคิดเห็นที่ 60 ได้เวลาลุยแล้ว สำหรับเป้าหมายเล็กๆ ที่เดินเข้าถึงไม่ยาก แต่ซับซ้อนกว่าจะหาเจอ.. ภาพบน : นี่เป็นศาลาส่วนเชื่อมระหว่างตัวอาคารไม้สองชั้น ทั้งสองด้านครับ ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี  แต่ตอนเดินเข้าต้องระวังน่องกันหน่อย อาจมีสัตว์ไร้ขาแอบซ่อนอยู่ตามกอหญ้าได้นะครับ ขนาดหน้าหนาวแห้งๆ นี้ยังมีหญ้ารกไม่น้อยเลย ภาพล่าง : เข้าไปในศาลาแล้วหันกลับมาเก็บภาพลานกว้างด้านหลังสถานี ซึ่งจะเห็นรถยนต์ผมจอดรออยู่ริมถนนโน้นครับ ภาพแบบนี้มักหาไม่พบในทริปปกติของคนทั่วไปครับ.....ฮา จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:58:14

ความคิดเห็นที่ 61 ระหว่างอยู่ภายในศาลารอผู้โดยสาร ผมได้หันไปเก็บภาพทั้งสองด้านของอาคารสองฝั่งมาให้ดูกัน โดยผมยืนหันหน้าออกมาทางรางรถไฟ ภาพซ้าย : ทางซ้ายมือเป็นเหมือนห้องเก็บสัมภาระ หรือร้านค้า (ใครพอทราบก็เข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ) ภาพขวา :  ทางขวามือ เป็นห้องจำหน่ายตั๋ว และสับราง เพราะด้านหน้าติดกับรางรถไฟมีหน้าต่าง 3 ด้านเพื่อให้เห็นรถไฟชัดๆ  แต่หน้าต่างห้องจำหน่ายตั๋วได้ถูกแผ่นบอร์ดข้อมูลสีฟ้ามาปิดแล้ว (ทราบจากกระทู้ของคนรักรถไฟ และสังเกตุจากแนวไม้ด้วย) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:11:57

ความคิดเห็นที่ 62 ผ่านมายืนตรงชายคาด้านหน้า จะมองเห็นขยะ เอ๊ย...พงหญ้ารกเลื้อยบนพื้นเยอะแยะไปหมด  นี่แหละครับ อะไรที่ไม่มีคนดูแลจัดการ ก็ย่อมต้องทรุดโทรม หรือรกไปด้วยธรรมชาติที่เป็นอิสระ ครับ การรถไฟน่าจะส่งคนมาจัดการถางหญ้า เก็บกวาด ทาสี ให้อยู่ในสภาพดี เวลาแขกเมืองชาวต่างชาติผ่านมา จะได้เห็นความงาม ของโบราณอาคารแห่งนี้ด้วย ซึ่งอาจเป็นจุดขายในเรื่องการท่องเที่ยวได้ด้วย  ถ้าการรถไฟไม่ทำเอง ชาวบ้านแถบนี้ เช่น อบต.ก็น่าจะลองทำดู อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่จะมาขึ้นลงรถไฟที่จุดหยุดรถแม่พวกแห่งนี้ครับ   นี่ขนาดหน้าหนาวยังรก ถ้าหากเป็นหน้าฝนหญ้าคงขึ้นท่วมเข่า แน่นอน  ต่อไปโจรขโมยอาจเข้ามางัดแงะไม้หรืออุปกรณ์ต่างๆ ไปได้อีก  ไม่อยากนึกถึงเลย.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:17:53

ความคิดเห็นที่ 63 ผมออกมายืนตรงชานชาลาด้านหน้าสถานีแล้วครับ หันกล้องเข้าไปเก็บภาพภายในศาลาอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นป้าย "ที่หยุดรถแม่พวก" เล็กๆ อยู่ตรงกลางชายคาด้านหน้า  ผมให้นิยามรูปนี้ว่า "นับเป็นที่หยุดรถที่ใหญ่น่าดู" ทำนองเสียดสี ป้ายที่เห็นครับ  ก็ที่นี่เคยเป็นสถานีนี่นา  ลำพังที่หยุดรถเขาก็มีแค่หลังคา กับที่นั่งรอรถไฟ อย่างยาวมากๆ ก็ที่เขื่อนป่าสัก ซึ่งก็ไม่มีอาคารใหญ่ๆ แบบนี้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:26:21

ความคิดเห็นที่ 64 ออกมาดูรางด้านหน้าสถานีกันหน่อยครับ ภาพซ้าย :  มองไปทางเหนือจะเห็น รางพุ่งตรงแน่วไปไกล  สถานีถัดไปก็คือ สถานีเด่นชัยในระยะทาง 5.72 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกระยะทางโผล่ออกมาจากซุ้มต้นไม้ในวงกลมสีชมพูด้วย ภาพขวา : มองไปทางใต้ จะเห็น รางโค้งขวาไปเล็กน้อย สถานีถัดไปก็คือ สถานีห้วยไร่ ในระยะทาง 6.74 กิโลเมตร ซึ่งป้ายบอกระยะทาง ด้านนี้จะตั้งอยู่ชัดเจน แต่ไม่มีตัวอักษรใดๆ ปรากฏอยู่บนนั้นแล้ว.... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:32:43

ความคิดเห็นที่ 65 ขอนำภาพป้ายบอกระยะทางที่ถูกลบตัวเลขออกไปแล้ว แต่ยังวางไว้ในลักษณะอนุรักษ์เพื่อให้ดูครบกับการที่เคยเป็นสถานีรถไฟมาก่อน  ที่จริงแล้ว ก็น่าจะคงไว้เพื่อให้ทราบว่า อีกไกลแค่ไหนจึงจะถึงสถานีถัดไป ซึ่ง ป้ายทีควรลบ ก็คือ ที่สถานีห้วยไร่ กับ สถานีเด่นชัย ต้องเอาชื่อสถานีแม่พวกออกไปมากกว่า ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:36:40

ความคิดเห็นที่ 66 และนี่ก็ป้ายชื่อสถานี ที่ถือเป็นป้ายประเพณี ครับ ผมถ่ายมาให้ทั้งสองด้านเลย ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่ต้องกั๊กอะไรอีก นึกขึ้นได้ก็ถ่ายไว้เลย คงไม่น่าจะมีโอกาสที่จะมาอีกครั้ง ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:39:15

ความคิดเห็นที่ 67 เอาแบบเห็นทีเดียวทั้งสองป้ายเลย (ลงทุนเดินไปทางเหนือของสถานี ที่นับว่าไกลกว่าด้านใต้มาก) จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:41:08

ความคิดเห็นที่ 68 เดินข้ามรางมาเล็งอาคารสถานีสวยๆ ที่ดูเป็นโบราณสถานอันควรอนุรักษ์ไว้ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:43:16

ความคิดเห็นที่ 69 ขอเทียบกับรูปของคนรักรถไฟไปถ่ายมา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากแวะเข้าไปค้นหาสถานีแห่งนี้ครับ ภาพซ้าย : เป็นของคุณ CivilSpice เจ้าเก่า ที่ไปเยือนมาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2550  จะเห็นเสาธงของสถานียังคงอยู่ แม้จะยกเลิกการเป็นสถานีไปตั้งแต่ ปีพ.ศ.2546 แล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบัน เสาธงได้หายไปตามภาพคห.68 นะครับ ภาพขวา : เป็นของคุณ Nakhonlampang ที่ไปทริปเดียวกับคุณ CivilSpice แต่จะเป็นอีกด้านหนึ่งของสถานี ซึ่งมองเห็นป้ายบอกระยะทางที่ยังไม่ถูกลบออกด้วย  และที่น่าประทับใจในรูปนี้ก็คือ เม็ดฝนที่หล่นมาเป็นสายยาวๆ ให้เห็นด้วย ดูแปลกตา เพิ่มความขลังให้กับสถานีเก่าแห่งนี้ขึ้นด้วย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:53:06

ความคิดเห็นที่ 70 และนี่ก็เป็นรูปของผม คล้ายๆ กับของคุณ Nakhonlampang ข้างบนนะครับ เพียงแต่อยู่ในบรรยากาศที่แตกต่าง คือแดดจ้าแสบตา (ภาพ Contrast มาก จนต้องใช้ Photoshop ช่วยอีกแรง) ในภาพนี้ จะสังเกตุเห็นฐานคอนกรีตข้างหน้า เล็กๆ (เหมือนกับของคุณ Nakhonlampang) คาดว่าจะเป็นเสารับ-โยนห่วงปลอดภัย ถ้าไม่ใช่ช่วยแย้งด้วยนะครับ เพราะหาข้อมูลไม่พบในเน็ตนี้เลย จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:58:14

ความคิดเห็นที่ 71 มาจนถึงภาพสุดท้ายของที่หยุดรถแม่พวกแล้วละครับ  เวลาก็มีไม่มากนัก เพราะต้องรีบเดินทางไปอีกไกล  นี่ก็ 11:20 น.แล้ว เดี๋ยวก็เที่ยง เดี๋ยวก็ค่ำ เวลาทำไมช่างเร็วขนาดนี้นะ...เฮ้อ ผมเลยเก็บภาพความแตกต่างระหว่างอาคารสถานีสองแห่งก็แล้วกัน ภาพซ้าย : อาคารด้านเหนือจะมีอาคารเล็กๆเพิ่มขึ้นมาเป็นติ่ง คาดว่าเป็นห้องเก็บรถบำรุงทาง ภาพขวา : อาคารด้านใต้ จะโล่ง สังเกตุเห็นเสาด้านหน้า ซึ่งต่างจาก อาคารด้านเหนือที่จะทำกั้นเป็นฝาห้องมาจนถึงเสาคู่นี้เลย เหตุผลหนึ่งที่ผมคิดเอาเองก็คือจะได้ไม่บังตาเวลา จนท.ทำงานอยู่ในอาคารด้านเหนือ แล้วพยายามมองดูรถไฟทางด้านใต้ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:04:16

ความคิดเห็นที่ 72 หลังจากเสร็จภาระกิจที่นี่ "รวดเร็วราวกามนิตหนุ่ม" ผมกลับรถออกมาจากทางแยกเดิม เพราะดูแล้วง่ายดี ออกมานิดเดียวก็มีทางตรงมาออกถนนใหญ่เลย (แม้จะกลับมาดูใน กูเกิ้ลทีหลังว่า สามารถขับรถเลยไปแล้วจะมีถนนวกมาบรรจบ ดังแสดงในแผนที่ คห.51 แต่ก็ไม่แนะนำ เพราะดูแล้วถนนแคบมาก ผ่านชุมชนวกวนอาจหลงได้อีก หลงทางเสียเวลา ก็ในเมื่อเวลาขณะออกทริปนี้นับว่ามีค่ามากๆ เพราะอีกไม่นานพระอาทิตย์ก็ตกดินถือว่าสิ้นสุด โอกาสทุกอย่าง ต้องกลับบ้านอย่างเดียว ครับ) ภาพบน : นี่คือ มุมมองเวลาขับรถออกมาพบถนนใหญ่ จะเป็นแบบนี้ ครับ ภาพล่าง : สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ วันหลังถ้าอยากจะเข้ามายังแห่งนี้ โดยไม่ต้องไปเข้าด้านข้างไร่เกล็ดดาวที่ต้องผ่านหมู่บ้านยาวไกล จะจำทางตรงนี้ได้อย่างไร ถ้าหากไม่มี GPS Pocket PC ใช้  ผมไปจอดรถแล้วลงมาเก็บภาพป้ายต่างๆ เท่าที่สังเกตุได้ตรงปากทางครับ  ตอนนี้กำลังขยายถนน จึงดูยากมากๆ เพราะป้ายจะหลบอยู่ห่างจากถนนอย่างมาก แถมยังมี คันกั้นรถบังตาอีก จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:10:52

ความคิดเห็นที่ 73 เพื่อให้ชัดเจนจริงๆ จำต้องเดินย้อนมาหน่อยเพื่อให้เห็นมุมมองภาพก่อนถึงแยกนี้ ภาพซ้าย :  ผมก็เดินมาได้แค่นี้ เพราะไกลกว่านี้ก็ไม่เห็นอะไรครับ ป้ายสีแดงๆ นั้นคาดว่าเป็นป้ายชั่วคราวอีกหน่อยก็คงหายไปครับ  ทางเข้าตรงนี้เหมือนกับการกลับรถด้านซ้ายเข้าไปเลย ภาพขวา : มองจากท้ายรถย้อนมาทาง จ.อุตรดิตถ์ ตรงนี้เป็นโค้งครับ  มีคันกั้นรถยาวเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นเนินเขาถูกตัดออก ครับ ผมว่าให้สังเกตุป้าย รร.บ้านแม่พวกในรูปล่างคห.72 ก็น่าจะเข้าได้ถูกนะครับ วันนี้ขอจบกระทู้ตอนที่ 5 ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ  ยังมีภาระกิจสำคัญอีก 2 เรื่องคือ ไปชมวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี กับ อุโมงค์ห้วยแม่ลาน ครับ ลุยกันจนมืดค่ำไปเลยงานนี้ เต็มอิ่มจริงๆ ครับ คอยติดตามชมกันนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:19:39

ความคิดเห็นที่ 74 พอดีเพิ่งค้นเห็น ภาพถ่ายเก่าของคุณ CivilSpice ที่ไม่สามารถหาดูได้อีกแล้ว (กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ครับ) คือ ภาพซ้าย : ป้ายบอกระยะทางที่ยังไม่ลบข้อมูลใดๆ ออก ภาพขวา : ช่องจำหน่ายตั๋วเดิม ก่อนที่จะถูกบอร์ดสีฟ้าตีปิดทับไปครับ ผ่านมาจากวันที่คุณ CivilSpice ไปก็ 3 ปีครึ่งแล้ว ก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และคอยดู อีก 3 ปี 5 ปี ถัดไปที่หยุดรถแห่งนี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกแน่นอน คอยติดตามดูกันต่อไป โดยเฉพาะคนที่มีโอกาสนั่งรถไฟผ่านมาแถวนี้นะครับ ถ้าใครสนใจก็คลิ๊กเข้าไปดูเพิ่มเติมตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ได้นะครับ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1265&postdays=0&postorder=asc&start=0 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 21:32:20 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:30:50

ความคิดเห็นที่ 75 ภาพสวยมากเลยคะ ^_^ จากคุณ : ใสบัว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:52:26

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาเที่ยวด้วยคนนะคะ ได้ชมภาพอดีตสถานีแม่พวก ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา น่าเสียดายที่น่าจะมีการดูแลรักษาบ้างน่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ^^ จากคุณ : คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:14:37

ความคิดเห็นที่ 77 ลงชื่อไว้ก่อน  เดี๋ยวมาอ่านค่ะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:35:35

ความคิดเห็นที่ 78 จากรูป Reply 56 ผมไม่ได้มือโปรขนาดนั้นครับ มันขึ้นอยู่กับดวงด้วยอ้ะ อิอิ แต่ผมก็ชอบรูปนี้นะ "รถไฟในสายหมอก" จำได้เลยว่าหัว Alsthom 4146 คันนี้มาทดลองกับรถด่วนที่ 51 หลังจากเปลี่ยนเครื่องยนต์เดิม แล้วใส่เครื่อง MTU ตัวที่ใหม่กว่า จาก Reply ที่ 71 ไม่น่าใช่อาคารที่ทำการ หรือเก็บรถบำรุงทางครับ ปกติรถต๊อกหรือรถยนต์รางขนาดเล็ก จะมีโรงเก็บที่ฝั่งตรงข้ามอาคารสถานี จากสภาพแล้ว ที่นี่ไม่น่ามี อีกทั้งยังไม่ไกลจากสถานีเด่นชัยเท่าไรนัก ตรงนั้นน่าจะเป็นห้องทำงานของนายสถานีมากกว่าครับ ซึ่งจะแยกจากห้องควบคุมอาณัติสัญญาณ แวะมาตามไปแม่พวกด้วยครับ อาคารสถานีในดวงใจผมเลยล่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 01:02:30 จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 01:00:12

ความคิดเห็นที่ 79 ดูรูปสถานีเก่าๆ แล้วก็นึกถึงสมัยก่อนที่ผู้คนนิยมเดินทางด้วยรถไฟนะคะ   มันคึกคักน่าตื่นเต้นสนุกสนานจริงๆ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:12:48

ความคิดเห็นที่ 80 สวย  น่าไปเที่ยวสักครั้งครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 16:42:04

ความคิดเห็นที่ 81 อดีตสถานีแม่พวก สมัยที่ผมโดยสารรถหวานเย็น พิษณุโลก - เชียงใหม่ จะเจอบวนรถสินค้าขาล่องรอหลีกที่สถานีแห่งนี้ เป็นรถจักรไอน้ำด้วยสิ  แต่เสียดายที่ยังไม่มีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเองครับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ติดตามชาวคณะไปพักที่ไร่เกล็ดดาว แต่สองสามคนในนั้นไม่รักดี ไปนอนในเต๊นท์ริมที่หยุดรถไร่เกล็ดดาวเพื่อรับบรรยากาศ รถไฟยามดึกวิ่งผ่านที เสียงเหมือนฟ้าถล่ม แผ่นดินกระเทือน แต่คุ้มค่าครับ ได้รูปรถไฟเที่ยวเช้ามืดก่อนใครอื่น จนเป็นที่อิจฉา แต่ก็ติดใจชวนกันไปกางเต๊นท์รับบรรยากาศตามสถานีอื่นๆ อีก ในเวลาต่อมา แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 17:24:09 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 17:22:21 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 17:21:06 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 17:20:27

ความคิดเห็นที่ 82 มาเที่ยวด้วยอีกนะคะ รูปสวย ข้อมูลเพียบเลย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 22:41:26

ความคิดเห็นที่ 83 สวัสดีครับ คุณใสบัว, คุณเล็กทาโร่ และคุณสาวหน้าใส:ยินดีด้วยที่ชอบ ขอบคุณที่ชมครับ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย  ในตอนนี้ทีแรกยังคิดว่าจะไม่ค่อยน่าสนใจเสียอีกด้วยซ้ำครับ สวัสดีครับ คุณป้าฟู และคุณคืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ : ใช่ครับ สำหรับผมเจอกับตัวเองเลย คือ สถานีรถไฟตะพานหิน สมัยผมเด็กๆ นี่คนเดินกันแน่นเลย ตรงตลาดสะพานไม้ที่จะเข้าตลาดครับ เนื่องจากหลังสถานีตะพานหินนั้นเป็น ท่ารถเมล์ไป จ.เพชรบูรณ์ และตำบลใกล้เคียง เวลารถไฟเข้าสถานี ที คนมากมายเดินกันขวักไขว่จริงๆ แต่ในปัจจุบันที่ผมไปมาเมื่อปลายปี 2551นี่ เงียบไปเยอะเลยครับ ยังมาทำรีวิวให้ดูด้วย (แต่ถูกลบออกไปแล้ว)  ทำอย่างไรได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาโลกครับ อย่างไรก็ดี ถ้าหากการรถไฟได้ใช้ความเก่าแก่โบราณ มาให้เป็นประโยชน์ในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และความรู้ ก็จะดีไม่น้อยครับ อย่างน้อยรถไฟก็เป็นของคู่บ้านคู่เมืองไทยมานาน ร้อยกว่าปีแล้ว (ครบ  100 ปีในวันที่  28 มีนาคม พ.ศ.2539) สวัสดีครับ คุณAlderwood : หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย ทราบข้อมูลขบวนรถในภาพอย่างละเอียดขนาดนี้เลยนะครับ  และขอบคุณที่เข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลให้นะครับ  จากรูปวงกลมในคห.70 ช่วยยืนยันหน่อยนะครับว่าน่าจะเป็นฐานสำหรับเสารับ-โยนห่วงปลอดภัย ที่มี 2 อัน หัว-ท้ายสถานี นะครับ สวัสดีครับ คุณ owl2 : แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทยรุ่นใหญ่  น่าอิจฉาอดีตของคุณพี่จริงๆ ที่ได้เห็น หัวจักรไอน้ำไปเพ่นพ่านถึงภาคเหนือเลย  สำหรับผมเคยเห็นของจริงแค่รถจักรไอน้ำลากจูงที่สถานีอยุธยา วิ่งไปพ่นไอน้ำพุดๆ ไปตลอดทาง...ฮา   จนล่าสุดถึงได้เห็น รถจักรไอน้ำคืนชีพ ที่การรถไฟได้จัดทำทริปย้อนอดีตให้ดู ในปัจจุบันนะครับ  แต่ยังไม่เคยขึ้นสักที สำหรับทริปเกล็ดดาวนั้น ผมได้ติดตามในเว็บรถไฟดอทคอมแล้ว ยอมรับว่าน่าอิจฉาอีกเช่นกัน ที่ไปนอนเสพรถไฟได้เต็มๆขนาดนั้น  อย่างผมอาจจะทำได้แค่ตื่นให้เช้าๆหน่อยแล้วไปยืนรอดูรถไฟ...แต่บังเอิญผมชอบตื่นสายด้วยซี สายหมอกเลยไม่ค่อยได้เห็นกับเขานัก ยกเว้นว่า แดดออกแล้วยังมีหลงเหลือให้ดู ก็เลยได้เห็นเท่าที่มีครับ (ตอนไปภูชี้ฟ้า ตอนเที่ยงตรง ดันมีหมอกพัดมาให้เห็นนับว่าโชคดีจริงๆครับ...ฮา)  ขอบคุณสำหรับรูป ที่ถือว่า สุดยอด ของไร่เกล็ดดาวครับ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 23:46:52 จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 23:41:02

ความคิดเห็นที่ 84 ช่วงที่นอนในเต๊นท์  ยามที่รถไฟไม่มีวิ่งผ่าน จะเงียบสงัด  มีเสียงป๊อก แป๊ก เป็นครั้งๆ คิดอยู่ว่าอาจมีสิ่งไม่มีตัวตนมาหยอกล้อกระมัง ?  เลยไม่กล้าโผล่ออกนอกเต๊นท์ครับ ตอนเช้าตรู่  เป็นลูกมะกอกหล่นจากต้นใกล้ๆ โดนกระป๋องน้ำแข็งที่วางทิ้งเอาไว้แถวนั้น  ผีลูกมะกอกนี่เอง 55555 แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 21:57:24 จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:56:02

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ owl2: ขำครับ เล่นเอาผมหลอนไปด้วยคน..ฮา  นึกภาพบรรยากาศตอนนั้นออกเลย เพราะเคยนอนเต้นท์มาแล้วเหมือนกัน หนาวถึงขั้วหัวใจ เคยตื่นมาเบาตอนตี 3 คนเดียว อ้อ..นอนคนเดียวด้วยนะครับที่ ภูหินร่องกล้า เงียบสงัดสุดๆ เลยพูดคนเดียวเพื่อเอาเสียงเป็นเพื่อน เช้าขึ้นมาเพื่อนๆ เต้นท์อื่นถามว่าเมื่อคืนคุยกับใคร ละเมอหรือเปล่า..ฮา ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 01:46:00

ความคิดเห็นที่ 86 วันนี้ได้ฤกษ์มาต่อในตอนที่ 6 แล้วนะครับ  ไหว้พระก่อนเข้าไปลุยอุโมงค์ห้วยแม่ลานกัน http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10177203/E10177203.html แวะวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีฯ วัดสวยๆ ที่ไม่ควรพลาด ถ้าหากผ่านไปแถวนั้นนะครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 17:01:42

ความคิดเห็นที่ 87 น่าเสียดาย อดีตสถานีแม่พวกเหมือนกันครับ ถ้าเป็นไปได้ การรถไฟฯ ควรจะประสานกับ อปท. ในพื้นที่ให้ช่วยดูแล เหมือน บางสถานีที่ยุบไป ที่นึกได้ อย่างที่ "ศาลาทุ่งลุ่ง" ทางใต้ อปท.ไปตกแต่งเสียสวยงาม แต่ไม่มีอาคารสถานีคลาสสิคอย่างนี้เท่านั้น จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 10:08:31

ความคิดเห็นที่ 88 สวัสดีครับ คุณหมอดาริน : ขอบคุณครับที่เข้ามาเพิ่มเติม ครับ ชื่อ "ศาลาทุ่งลุ่ง" ดูแปลกดี ผมเลยค้นหาในเน็ตดู ได้ภาพของคุณ Mongwin จากเว็บรถไฟดอทคอม ที่เคยถ่ายมา สงกรานต์นี้ว่าจะไปเที่ยวหาดใหญ่ - ปะดังเบซาร์ น่าลองแวะเข้าไปเก็บภาพมาบ้างก็ดี ครับ จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 54 21:38:29